“หากข้าผิดคำสาบาน ขอให้สายฟ้าฟาดผ่าลงมาทำลายสิ้น!”เซียวหลินเทียนกล่าวคำสาบานอย่างหนักแน่นและมั่นคงเมื่อเทียบกับชีวิตของหลิงอวี๋ ตำแหน่งนั้นช่างไร้ค่าเหลือเกิน!เซียวหลินมู่และจูหลานที่อยู่หลังฉากต่างก็ตะลึงเซียวหลินมู่มองไปที่เซียวหลินเทียนด้วยความตกใจ ตำแหน่งรัชทายาทเป็นสิ่งที่เซียวหลินเทียนมีโอกาสได้ครองมากที่สุดแต่ตอนนี้เขากลับยอมสละมันเพื่อโสมโลหิตเพียงต้นเดียวสำหรับเขาหลิงอวี๋สำคัญเพียงนั้นเลยหรือ?แน่นอนว่าเซียวหลินมู่มิเชื่อ เขาคิดสงสัยในใจเรื่องที่พระมารดาต้องการโสมโลหิต เขาปิดบังไว้เป็นความลับอย่างดี แม้แต่จูหลานเขาก็มิได้บอกแต่เซียวหลินเทียนรู้ได้อย่างไรว่าตนมีโสมโลหิตอยู่ในมือ?หรือว่าเซียวหลินเทียนให้คนคอยจับตามองเขาอยู่?เซียวหลินมู่ทั้งตกใจและโกรธ หากเรื่องของพระมารดาถูกเปิดเผย ทั้งตระกูลของเขาอาจต้องตาย...เขามิยอมรับเด็ดขาดว่าโสมโลหิตอยู่ในมือของเขา!“พี่สี่ ข้าต้องบอกอีกกี่ครั้งว่าข้าไม่มีโสมโลหิต! ท่านไปหาที่อื่นเสียเถอะ!”ยิ่งคิดเซียวหลินมู่ก็ยิ่งหงุดหงิด พูดจบก็ตะโกนว่า “พ่อบ้าน ส่งแขก!”เซียวหลินเทียนจ้องมองเซียวหลินมู่ด้วยสายตาเย็นชา อารมณ์ปะ
“จูหลาน เจ้าควรเข้าใจให้ชัดเจน ข้าเป็นสามีของเจ้า มิใช่ศัตรูของเจ้า!"“เจ้าถือดีอย่างไรมาจ้องมองข้าด้วยสายตาเช่นนี้?”เซียวหลินมู่ทั้งน้อยใจและโกรธ พวกเขามิใช่ครอบครัวเดียวกันหรอกหรือ?ความสัมพันธ์ตั้งแต่วัยเยาว์ทำให้ความสัมพันธ์ของเซียวหลินมู่และจูหลานดีกว่าสามีภรรยาทั่วไป เขามิสามารถทนสายตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวังของจูหลานได้“ข้ารู้สึกขอบคุณพี่สะใภ้สี่ที่ช่วยเจ้า แต่ข้าไม่มีสิ่งที่เขาต้องการจริง ๆ ต่อให้อ๋องอี้จะฆ่าข้า เขาก็มิสามารถทำให้ข้าเสกมันออกมาได้หรอก!”จูหลานยิ้มหยัน “เซียวหลินมู่ หม่อมฉันรู้จักท่านมานานเท่าไรแล้ว? หม่อมฉันมักจะพูดว่าข้าเข้าใจท่านมากกว่าสตรีอื่น!”“แต่หม่อมฉันมิอยากเข้าใจท่าน! เช่นนั้นหม่อมฉันจะเชื่อคำพูดของท่านในตอนนี้!”“โสมโลหิตอยู่ในมือท่าน!”จูหลานพูดอย่างมั่นใจ “ยิ่งตะโกนเสียงดังเท่าไร ก็ยิ่งพิสูจน์ได้ว่าท่านรู้สึกผิดมากเท่านั้น!”“นอกจากนี้ อย่าลืมเสียว่าหม่อมฉันเป็นผู้ดูแลเงินของท่าน เมื่อมิกี่วันก่อนท่านใช้เงินไปหมื่นตำลึง ในเมื่อท่านมิได้เล่นการพนันหรือเที่ยวหอนางโลม เช่นนั้นเงินดังกล่าวถูกใช้ไปกับสิ่งใดเล่า?”“ข้า…”เซียวหลินมู่พูดมิออก
“เสด็จพ่อ…”น้ำตาของเซียวหลินเทียนไหลพราก เขาสะอื้นไห้ มิรู้ควรจะกล่าวอะไรเพื่อแสดงความขอบคุณต่อจักรพรรดิอู่อันจักรพรรดิอู่อันมองดูเซียวหลินเทียนหลั่งน้ำตา หัวใจของเขารู้สึกมิยินดีนักเขาคิดอยู่นานทีเดียวกว่าจะตัดสินใจนำยานี้มาเมื่อเห็นหลิงหว่านป้อนยาให้หลิงอวี๋ มีช่วงเวลาหนึ่งที่จักรพรรดิอู่อันอยากจะคืนคำแต่เมื่อนึกถึงไทเฮาที่ยังคงสลบไสลอยู่ในวัง และนึกถึงการลอบสังหารเซียวหลินเทียนในวันนี้ จักรพรรดิอู่อันก็กดความคิดที่จะคืนคำของตนลงไปมือสังหารของฉีตะวันออกกล้าลอบสังหารเซียวหลินเทียนในดินแดนของฉินตะวันตกเช่นนี้!เพราะเหตุใด?มิใช่เพราะว่าเซียวหลินเทียนเป็นบุคคลที่พวกเขาหวาดกลัวหรอกหรือ?สอดแนมศัตรูที่แข็งแกร่ง!ยังมีอสรพิษที่มิรู้จักมากมายซ่อนตัวอยู่ในวังจักรพรรดิอู่อันมิใช่คนเขลา เขาสามารถรับรู้ถึงลางสังหรณ์อันตรายจากเรื่องราวต่อเนื่องเหล่านี้ได้หากจะพลิกหาทั้งเมืองหลวงแล้ว ฝีมือการแพทย์ของหลิงอวี๋ไม่มีใครสามารถเทียบได้หากหลิงอวี๋ตายในวันนี้ แล้ววันหนึ่งเขาประสบภัย ผู้ใดกันจะช่วยเหลือเขา?แผ่นดินฉินตะวันตกแห่งนี้ยังต้องการให้เซียวหลินเทียนคอยปกป้อง หากวันนี้มีบางส
ฉินรั่วซือมีหรือจะยอมปล่อยโอกาสที่จะได้แสดงตัวต่อหน้าเซียวหลินเทียนไป นางสะบัดมือฉินซาน พลางเอ่ยอย่างงอแง“ท่านพี่ ท่านอ๋องอี้มิได้ไล่ข้า เหตุใดท่านพี่ถึงต้องไล่ข้าออกไปเล่า!”“แม้ว่าท่านพี่จะมิช่วยข้า ก็อย่าได้ขวางมิให้ข้าใช้วิธีของตัวเองแต่งงานเข้าตำหนักอ๋องอี้เลย!”ตอนนี้หลิงอวี๋หมดสติอยู่ นี่ก็เป็นโอกาสที่ตนจะได้ใกล้ชิดเซียวหลินเทียนมิใช่หรือ?ฉินรั่วซือต้องใช้โอกาสนี้ทำให้เซียวหลินเทียนเห็นความดีของตน และมิปฏิเสธการประทานงานแต่งงานของฮองเฮาเว่ยอีกฉินซานโกรธคำพูดของฉินรั่วซือจนตัวสั่น เขาดุนางด้วยเสียงต่ำ “เจ้ายังมียางอายอยู่หรือไม่? ตอนนี้พระชายาหมดสติอยู่ เจ้าก็จะมาฉวยโอกาสตอนที่นางลำบากอยู่อีก!”“คราแรกหากมิใช่เพราะพระชายาปล่อยเจ้าไป และหากเรื่องนั้นที่เจ้าทำกับนางได้แพร่กระจายไปในเมืองหลวง มันก็จะเพียงพอแล้วที่จะทำให้เจ้าสูญเสียทั้งฐานะและชื่อเสียง!”ฉินรั่วซือถูกพูดใส่เช่นนี้ก็รู้สึกอับอายจนพาลโกรธ นางกระทืบเท้าพลางตะโกนออกมา “ท่านพี่ นั่นมันเป็นเรื่องในอดีตไปแล้ว ท่านพี่ยังจะหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดอีกเพื่อสิ่งใดกัน?”“ตอนนี้ข้าก็มิได้ทำร้ายนางอีกแล้ว… นอกจากนี้ ท่าน
เซียวหลินเทียนจำได้ว่าหลังจากเรื่องหมูป่าสิ้นสุดลง องค์ชายหนิงให้ฉาเค่อฉีส่งเซี่ยโฮ่วตานรั่วลงจากภูเขาไปแล้วเหตุใดนางถึงยังอยู่บนภูเขาเล่า?“ตอนนั้นนางแสดงท่าทีเยี่ยงไรบ้าง?”เซียวหลินเทียนเริ่มสงสัยเซี่ยโฮ่วตานรั่วมือสังหารกับคนที่ยิงธนูใส่หลิงอวี๋นั้นเป็นสองกลุ่มอย่างแน่นอน มิเช่นนั้นตอนที่ตนต่อสู้กับมือสังหารอยู่ พวกคนที่ยิงธนูเหล่านี้ก็มีโอกาสที่จะลอบโจมตีตนได้!“องค์หญิงตานรั่วบอกว่า นางมาหาองค์ชายหนิง พอได้ยินว่าทางนี้มีเสียงต่อสู้กันจึงวิ่งเข้ามาดูแล้วจึงพบพวกเรา!”เผยอวี้เห็นว่าสีหน้าของเซียวหลินเทียนดูผิดปกติ จึงเอ่ยถาม “เจ้าสงสัยว่าคนของนางยิงธนูใส่พวกเจ้าหรือ? แต่เหตุใดนางถึงต้องทำเช่นนั้นเล่า?”“เพราะนี่ยังอยู่ในอาณาเขตของฉินตะวันตกของเรา นางเป็นแขก หากกล้าลอบสังหารเจ้า จะมิกลัวหรือว่าเราจะมิให้กลุ่มของพวกเขาออกจากฉินตะวันตก?”เซียวหลินเทียนกัดฟันแล้วเล่าเรื่องที่เซี่ยโฮ่วตานรั่วใส่ความหลิงอวี๋ให้ทั้งสองคนฟังสุดท้ายเซียวหลินเทียนก็ยิ้มเยาะพลางเอ่ยออกไป “อาอวี๋ทำให้พวกเขาเสียหน้ามากถึงเพียงนั้น ดูจากนิสัยวางอำนาจของเซี่ยโฮ่วตานรั่วแล้ว เมื่อสบโอกาสเช่นนี้จะมิแก้แ
หลิงหว่านเปลี่ยนอาภรณ์ให้หลิงอวี๋และจัดทรงผมให้เรียบร้อยแล้วเมื่อดูเช่นนี้ หลิงอวี๋ก็มิได้ดูโทรมมากนัก“ท่านอ๋อง ท่านพี่หลิงหลิงดีขึ้นมากแล้วเพคะ เมื่อครู่ถังถีเตี่ยนตรวจชีพจรของนางอีกครั้ง ก็บอกว่าอีกประเดี๋ยวท่านพี่หลิงหลิงคงจะฟื้นแล้ว!”“ถังถีเตี่ยนบอกว่า ที่พระตำหนักไทเฮายังต้องการเขา จึงกลับไปก่อน! และให้หม่อมฉันบอกท่านว่าหากมีอะไรก็ให้ไปหาเขาได้เลยเพคะ!”“อืม!”เซียวหลินเทียนพยักหน้าแล้วนั่งลงข้างเตียงมือของเขาสัมผัสที่ใบหน้าของหลิงอวี๋อย่างแผ่วเบา ใบหน้าของนางมิได้เย็นเยียบดังเช่นเมื่อครู่ และอุ่นขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว“ท่านอ๋อง องค์หญิงชิ่งกับองค์ชายจิ้นฝากโอสถไว้ให้พระชายาเพคะ เป็นโอสถบำรุงโลหิตเพคะ!”หลิงหว่านชี้ไปที่โต๊ะข้าง ๆ “หม่อมฉันปฏิเสธไปแล้ว แต่องค์หญิงชิ่งยืนกรานให้หม่อมฉันรับไว้จึงยากที่จะปฏิเสธ หม่อมฉันจึงรับไว้แทนท่านเพคะ!”“ท่านทรงลองดูหากมีสิ่งใดผิดปกติก็สามารถส่งกลับไปได้เพคะ!”เซียวหลินเทียนเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าพี่น้องมู่หลงมาเยี่ยมหลิงอวี๋ เขาลืมเรื่องนี้ไปเลย“ได้ ลู่หนาน เจ้าให้หมิ่นกูเอาของกำนัลเหล่านี้ออกไป แล้วให้นางเตรียมของกำนัลที่มีมูลค่าเท่าก
เมื่อเผยอวี้เอ่ยเช่นนี้ หัวใจของหลิงหว่านก็ดูเหมือนมีบางสิ่งมาตรึงเอาไว้ ความโกรธของนางหายไปแล้ว“หว่านเอ๋อร์ เจ้ามิได้เห็นว่าตอนนั้นอาเทียนคล้ายคนบ้าเลือดไปแล้ว! ชีวิตของพี่หลิงหลิงแขวนอยู่บนเส้นด้าย กลิ่นอายสังหารที่เขาปล่อยออกมานั้นแทนที่จะมุ่งไปหามือสังหารมันดูจะมุ่งหาตัวเขาเองมากกว่า...”เผยอวี้นึกถึงท่าทางบ้าคลั่งของเซียวหลินเทียนในเวลานั้นแล้วก็ทอดถอนใจพลางเอ่ย“ยามมีชีวิตอยู่ควรทะนุถนอมชีวิตไว้ดี ๆ อย่ารอให้ถึงการที่จะต้องจากลากันชั่วนิรันดร์แล้วจึงมาเสียใจ!”“ข้าคิดเช่นนี้ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว... ข้าหวังว่าจะแต่งเจ้าเข้าบ้านในวันพรุ่งนี้แล้ว! หากเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะมิต้องเสียใจที่มิสามารถกอดเจ้าได้ก่อนที่ข้าจะตาย…”หลิงหว่านฟังแล้วก็รู้สึกหนักใจ นางยกมือขึ้นปิดปากเขาโดยมิรู้ตัว“เอ่ยวาจาไร้สาระอะไรกัน! เรื่องเป็นเรื่องตายอะไร… ข้ามิอยากได้ยินเรื่องเช่นนี้!”“มิว่าจะอยู่ที่ใด ท่านจะต้องสัญญาว่าจะมีชีวิตที่ดี! ข้า… ข้ายังอยากให้เราอยู่กันไปจนแก่เฒ่าไปด้วยกัน มีลูกมีหลานเต็มเรือน!”แม้ว่าพูดเช่นนี้แล้วใบหน้าของหลิงหว่านจะแดงก่ำด้วยความเขินอาย แต่ก็ยังคงเอ่ยอย่างเปิดเผยตรงไปตร
แต่เซียวหลินเทียนมิกล้า!ความอ่อนแอของหลิงอวี๋ในเวลานี้ทำให้เขารู้สึกว่าการทำเช่นนั้นจะทำให้อาการบาดเจ็บของนางรุนแรงขึ้นอีก...“หิวน้ำหรือ? ข้าจะรินน้ำให้ เจ้าหิวหรือไม่? ข้าจะให้คนเอาโจ๊กมาให้เจ้า!”เซียวหลินเทียนเอ่ยถามอย่างสะเปะสะปะเขาที่ดูสงบมาโดยตลอด ดูเหมือนจะกลายเป็นเด็กที่ทำอะไรมิถูกไปในทันใดมิรู้ว่าต้องทำอย่างไรจึงจะดูแลหลิงอวี๋ให้ดียิ่งขึ้นได้“หม่อมฉันจะไปรินน้ำเองเพคะ!”หานเหมยปาดน้ำตาจากหางตาอย่างเงียบ ๆ แล้ววิ่งไปรินน้ำ“เจ็บหรือไม่? มันคงจะเจ็บมากสินะ!”เซียวหลินเทียนพูดเองเออเองดวงตาของหลิงอวี๋ค่อย ๆ ชัดเจนขึ้น นางเห็นท่าทางทำตัวมิถูกของเซียวหลินเทียนแล้วก็แย้มยิ้มขึ้นมาโดยมิรู้ตัวนางนึกถึงบาดแผลแส้ห้าสิบครั้งที่ได้รับตอนข้ามเวลามา บาดแผลทั่วทั้งร่างกายนั้นเจ็บปวดกว่าตอนนี้หลายเท่าตัวนัก!ในเวลานั้น เซียวหลินเทียนมิเคยคิดที่จะถามนางเลยว่าเจ็บหรือไม่!เมื่อเห็นนาง เขาก็ดูรำคาญและเกลียดชัง!แต่ในเวลานี้ ใบหน้าและดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความกังวลและทุกข์ใจ...“เจ็บ!”หลิงอวี๋พึมพำออกมาโดยมิรู้ตัวเมื่อโตขึ้น คนอื่นจะสนใจเพียงแค่ว่าเจ้าบินได้สูงหรือไม่ ไม่
เหล่าบัณฑิตและขุนนางที่เดิมทีคล้อยตามท่านอดีตเสนาบดีกับผู้ป่วยแต่ละคนจนเลือกเชื่อหลิงอวี๋แล้ว เมื่อได้ยินคำพูดนี้ก็หวั่นไหวทันทีเมื่อเห็นนางซุนที่คำนับหัวโขกพื้นจนเลือดไหลคุกเข่าขอร้องหลิงอวี๋อยู่ที่พื้น ภาพนองเลือดนี้กระตุ้นให้หัวใจแห่งความชอบธรรมของพวกเขาปั่นป่วนขึ้นอีกครั้งแล้ว“หลิงอวี๋เผด็จการรังแกผู้คนเช่นนี้ จะคู่ควรกับการนั่งเพลิดเพลินอยู่ในตำแหน่งฮองเฮาบนแท่นสูงนั้นได้อย่างไร!”“หลิงอวี๋ ลงมาเสีย เจ้าควรจะฆ่าตัวตายเป็นการขอโทษ!”“ประหารมือสังหารที่บีบให้คนตายผู้นี้เสีย!”เสียงแห่งความโกรธเกรี้ยวดังก้องขึ้นมาในจัตุรัส บัณฑิตเหล่านั้นพยักหน้า และทุกคนก็พุ่งไปที่แท่นสูงกองทัพหลวงก้าวออกมากั้นเอาไว้ แต่พวกเขามิสามารถสังหารราษฎรได้ และมิสามารถลงมือกับพวกเขาได้ด้วย จึงถูกบีบจนต้องถอยร่นไปเซียวหลินเทียนเด้งตัวลุกขึ้นมา สีหน้าของเขามืดครึ้ม วันนี้แม้จะต้องสังหารคนที่ก่อเรื่องเหล่านี้ให้หมดและขึ้นชื่อเรื่องเผด็จการเป็นชนักติดหลัง เขาก็จะมิยอมพูดได้มิชัดเจนแล้วอย่างไร เขาก็จะใช้สถานการณ์ที่นองเลือดยิ่งกว่ามาทำให้นางซุนและคนที่ด่าหลิงอวี๋ต้องหุบปากตลอดไป!หลิงอวี๋เองก็ลุกขึ้
ผู้ป่วยเหล่านี้แต่ละคนต่างก็แย่งกันเล่าว่าหลิงอวี๋รักษาโรคให้พวกเขาอย่างไร จนเสียงดังที่จัตุรัสยิ่งวุ่นวายมากขึ้นแต่ใต้เท้าเถี่ยมิได้คิดจะห้ามแม้แต่น้อยคนที่ด่าเหล่านั้นก็ยังคงตะโกนอย่างมิพอใจ “พวกเจ้าถูกหลิงอวี๋ซื้อตัวเพื่อมาล้างมลทินให้ชื่อของนาง!”“พวกเจ้าจะต้องเห็นว่านางเป็นฮองเฮาจึงได้ตั้งใจจะเอาใจนาง พูดดีกับนาง!”ครอบครัวผู้ป่วยคนหนึ่งมีคนด่าที่ลุกออกไปด้านข้าง เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ครอบครัวนั้นก็ทนมิไหวแล้วซัดหมัดให้หน้าคนที่ด่าไปเต็ม ๆ“พล่ามไร้สาระอะไรของเจ้า ข้ามิเคยได้รับเงินจากฮองเฮาสักตำลึง!”“เรามีกันมากถึงเพียงนี้ ล้วนรู้บุญคุณของฮองเฮา มิอยากเห็นพระนางที่มีความคิดที่ดีต่อราษฎรเช่นนี้ต้องถูกคำต่ำช้าเยี่ยงพวกเจ้าใส่ร้าย!”“หมู่บ้านข้าก็มีคนมา เจ้ามิเชื่อคำพูดของข้าก็ไปถามคนในหมู่บ้านว่าฮองเฮาส่งคนไปจ่ายเงินซื้อพวกเราหรือไม่?”“หากฮองเฮาซื้อพวกเราได้ แล้วพระนางจะสามารถซื้อตัวคนในหลายหมู่บ้านทั้งหมดนั้นได้หรือ?”คนที่ด่าเหล่านั้นเห็นว่าคนนับมิถ้วนส่งสายตาโกรธเกรี้ยวมาให้พวกเขา คนที่ด่าคนหนึ่งยังคงเอ่ยอย่างแข็งกร้าว “พูดเรื่องพวกนี้หาได้มีประโยชน์ไม่… ต้องให้หลิงเส
เมื่อไต่สวนคดีนี้แล้ว หลี่ต้าหนิวมิเพียงแต่มิถูกลงโทษ แต่ยังได้รับชื่อเสียงที่ดีมากอีกด้วย ครอบครัวผู้เสียหายเหล่านั้นก็รู้สึกละอายใจต่อหลี่ต้าหนิววันที่อาคารศึกษาถล่ม พวกเขาโกรธจนมีคนวิ่งไปที่บ้านของหลี่ต้าหนิวแล้วทุบบ้านเขาจนพังตอนนี้เมื่อรู้ว่าถูกคนทำให้เข้าใจหลี่ต้าหนิวผิด คนเหล่านั้นจึงละอายกับการกระทำของตน“เมื่อพูดเรื่องของหลี่ต้าหนิวกระจ่างแล้ว ตอนนี้จะไต่สวนคดีที่หลิงอวี๋เรียกเงินค่ารักษาเกินจริงและเห็นชีวิตคนเป็นผักปลา!”ใต้เท้าเถี่ยเป็นคนที่เที่ยงตรงมิเห็นแก่หน้าใครอย่างแท้จริง ยามไต่สวนคดีก็ถือว่าหลิงอวี๋เป็นคนผิด มิเรียกแม้แต่ฮองเฮาแต่เรียกชื่อออกไปตรง ๆการกระทำนี้ได้รับการยอมรับจากบัณฑิตอย่างล้นหลาม พวกเขารู้สึกว่าใต้เท้าเถี่ยจะต้องตัดสินคดีโดยยึดมั่นในความยุติธรรมอย่างแน่นอนเมื่อเห็นหลิงอวี๋แต่งกายด้วยชุดฮองเฮา รอให้คดีตัดสินเสร็จสิ้น นางจะไม่มีวาสนาได้แต่งชุดฮองเฮาอีกต่อไป!ใต้เท้าเถี่ยยังมิได้รับข่าวว่าเผยอวี้พาตัวหลิงเสียงกังกลับมา ภายนอกเขาดูสงบ แต่กลับแอบมองไปทางแม่ทัพสือตอนนี้คำให้การของหลิงเสียงกังสำคัญที่สุด หากเขามิมาให้การ คำให้การของพวกท่านอดีตเสน
เถ้าแก่เหอถูกใต้เท้าเถี่ยรัวคำถามใส่ก็พูดมิออก เหงื่อเย็นพลันผุดออกมาเต็มไปหมด“เถ้าแก่เหอ ข้าไปเยี่ยมชมร้านค้าที่อยู่ใกล้ ๆ กับร้านตั๋วเงินมาแล้ว ทั้งยังมีผู้ที่อยู่แถวนั้นอีกหลายสิบคน วันที่ในสมุดบัญชีเจ้าบันทึกว่าหลี่ต้าหนิวไปฝากเงินสองแสนไว้ ไม่มีผู้ใดเห็นหลี่ต้าหนิวมาฝากเงินเลย!”“สองแสนนี้มาโผล่ในสมุดบัญชีอย่างน่าประหลาดได้อย่างไร?”“หรือเจ้ามิพอใจหลี่ต้าหนิวจึงจงใจปลอมแปลงบัญชีเพื่อกล่าวหาเท็จว่าเขาทุจริต?”เถ้าแก่เหอทนมิไหวอีกต่อไปแล้วจึงตะโกนออกไป “ใต้เท้าเถี่ย ข้าหรือจะกล้ากล่าวหาหลี่ต้าหนิวอย่างเป็นเท็จ มีคนที่รูปร่างหน้าตาดูเหมือนหลี่ต้าหนิวเอาตั๋วเงินของร้านตั๋วเงินไท่เหอมาที่ร้านตั๋วเงินสี่หลายแล้วฝากในชื่อของหลี่ต้าหนิวจริง ๆ ขอรับ!”“ตอนนั้นเขาใช้ตั๋วเงิน ย่อมไม่มีทางที่จะมีคนมาขนย้าย!”“คล้ายหลี่ต้าหนิว มิได้หมายความว่าคนที่มาฝากเงินคือหลี่ต้าหนิว เงินนี้ก็มีความเป็นไปได้ว่ามีคนจงใจใช้ชื่อเขาฝากเงินเพื่อใส่ร้ายหลี่ต้าหนิว ใช่หรือไม่?”“ขอรับ!” เถ้าแก่เหอทำได้เพียงยอมรับ“เรื่องนี้หยุดไว้ก่อน ตอนนี้ข้าจะไต่สวนเรื่องที่พวกเจ้าฟ้องร้องว่าหลี่ต้าหนิวทุจริตเงินก่อสร
คนที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยสั่งการล้วนปะปนอยู่ในฝูงชน เมื่อเห็นคนนั้นกระโดดออกมาฟ้องร้องหลี่ต้าหนิว ก็มีคนตามกันออกมา“ใต้เท้าเถี่ยทำเพื่อฮองเฮา จึงจงใจปกปิดหลี่ต้าหนิว!”“สังหารหลี่ต้าหนิว ลงโทษฮองเฮาสถานหนัก ถอดถอนฮองเฮา!”“ถอดถอนฮองเฮา!”เสียงคัดค้านเหล่านั้นแหลมสูงขึ้นเรื่อย ๆ“เงียบ!”แม่ทัพสือตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง พลางตะคอกเสียงแข็ง “ใต้เท้าเถี่ยกำลังไต่สวน ห้ามพวกเจ้าเอะอะเสียงดัง มิเช่นนั้นจะถูกลงโทษที่ส่งเสียงดัง!”“เกรียงไกร...”ทหารกองทัพหลงที่อยู่รอบ ๆ ตะโกนขึ้นมาโดยพร้อมเพรียงกันบรรยากาศที่ทรงอำนาจและหอกที่ส่องประกายในมือพวกเขาปรามให้คนที่โวยวายจำนวนมากมิกล้าพูดคนหนึ่งคิดว่าแม่ทัพสือมิกล้าสังหารตนต่อหน้าคนจำนวนมากเช่นนี้ จึงตะโกนขึ้นมา“ใต้เท้าเถี่ยตัดสินคดีมิยุติธรรม ยังมิให้เราเอ่ยทวงความยุติธรรมอีกหรือ? พวกเราเรียกร้องให้เปลี่ยนตัวใต้เท้าเถี่ยแล้วไต่สวนคดีนี้ใหม่อีกครั้ง!เซียวหลินเทียนสีหน้าเรียบนิ่งลง นี่มิได้กำลังท้าทายใต้เท้าเถี่ย แต่กำลังท้าทายอำนาจของตน!เขามองแม่ทัพสือ แม่ทัพสือจึงโบกมือทันที จากนั้นทหารกองทัพหลวงหลายคนก็พุ่งไปข้างหน้าแล้วกดคนผู้นั้นลงกับพื้
“มิต้องกลัว แม้ว่าทุกคนในใต้หล้าจะร้ายกับเจ้า เจ้าก็ยังมีข้าอยู่!”หลิงอวี๋เดินไปอย่างมั่นคง เซียวหลินเทียนนั้นจับมือของนางไว้แน่นแม้ว่าจะมิได้พูด แต่คำที่เซียวหลินเทียนสัญญาก็ดังก้องอยู่ข้างหูของหลิงอวี๋นางมองหนทางไกลที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน คนที่มาในวันนี้มากกว่าในวันพิธีแต่งตั้งฮองเฮาหลายเท่ามิได้มีเพียงแต่ขุนนาง ยังมีทูตจากแคว้นเล็กที่มาประชุม และมีเหล่าราษฎรที่นางเคยคิดทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อประโยชน์และความสุขของพวกเขาด้วย...มีศัตรู และมีสหาย!หลิงอวี๋เห็นท่านอดีตเสนาบดี เจียงอวี้ และพระชายาผิงหนานอยู่ท่ามกลางฝูงชนนั้น...แล้วก็เห็นจ้าวหรุ่ยหรุ่ยที่มีผ้าปิดหน้าและองค์ชายคัง!หลิงอวี๋ยิ้มแล้วตามเซียวหลินเทียนเดินไปที่แท่นสูงดูเหมือนว่านี่มิใช่การมาเข้าร่วมการพิพากษาคดีของตน แต่แค่มาเข้าร่วมงานเลี้ยงท้องถนนซึ่งหาได้ยากที่จะแสดงความรุ่งเรืองของฉินตะวันตกเซียวหลินเทียนยืนอยู่หน้าเก้าอี้มังกรสูงใหญ่ที่จัดมาเป็นพิเศษ สายตากวาดมองไปรอบ ๆ จากนั้นก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมด้วยอำนาจและสงบเยือก“เหล่าขุนนางและราษฎรฉินตะวันตก ทุกคนมาเข้าร่วมงานเลี้ยงท้องถนนนี้ก็ล้วนรู้กันดีว่างา
หลิงหว่านอยู่ในห้องได้ยินดังนั้นใจก็จมดิ่งลงทันทีด้านนอกมิรู้ว่ามีคนแบบใดเฝ้าพวกเขาอยู่ หลิงเสียงกังก็ถูกวางยาพิษอีก พวกเขาจะหนีไปได้อย่างปลอดภัยหรือ?“แล้วหลิงหว่านเล่า?” อีกคนหนึ่งเอ่ยถาม“เก็บนางไว้ก่อน รอผ่านวันพรุ่งไปแล้วค่อยว่ากัน!”วันพรุ่ง?วันพรุ่งจะเกิดอะไรขึ้น?หลิงหว่านมิเข้าใจเรื่องภายนอก แต่ฟังจากบทสนทนาของทั้งสองคนแล้วนางก็รู้ว่าวันพรุ่งจะต้องเป็นวันสำคัญแน่นอนนางกับหลิงเสียงกังจะต้องหนีไปให้ได้ก่อนวันพรุ่งจะมาถึง และไปเปิดโปงแผนร้ายของเฝิงฉินดีที่สองคนนั้นแค่คุยกันอยู่ด้านนอก มิได้เข้ามาตรวจสอบด้านในกระทั่งด้านนอกไม่มีเสียงใดแล้ว หลิงหว่านก็กระซิบอย่างร้อนใจ “ท่านพ่อ อีกนานหรือไม่?”หลิงหว่านมองมิเห็นหลิงเสียงกัง ริมฝีปากของเขาทั้งบนและล่างล้วนถูไปกับเชือกป่านจนเลือดเปื้อนเชือกป่านแดงฉานไปหมดเขาเองก็ได้ยินบทสนทนาของสองคนนั้นและกังวลมากเช่นกัน เขามีเวลามิมากแล้ว เขาต้องรีบช่วยแก้มัดให้หลิงหว่านแล้วให้นางหนีออกไปนางเป็นลูกสาวของตน แม้ว่าเขาจะจำมิได้ แต่คำเรียกพ่อนั้นก็เป็นแรงให้เขา!หลิงเสียงกังกับหลิงหว่านล้วนมิรู้ว่าเผยอวี้พาคนมาหาที่นี่จนพบแล้ว ที่มิ
เฝิงฉินตอบสนองต่อเสียงก่นด่าของหลิงหว่านด้วยรอยยิ้มดูถูก แล้วเดินเข้ามามองนาง“หลิงหว่าน เจ้ากับพ่อเจ้าอยู่ในกำมือข้า เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าแม่เจ้าทำเพื่อชีวิตของพวกเจ้า แม้ว่าข้าจะให้นางไปกินอุจจาระนางเองก็จะยอมทำตามแต่โดยดี!”ใจของหลิงหว่านจมดิ่งลง และเกิดลางสังหรณ์ที่มิดีขึ้นมาเฝิงฉินกล้าพูดทุกอย่างนี้กับตน หรือว่ามิได้คิดจะให้ตนมีชีวิตกลับไปอีกแล้ว?“พวกเจ้าต้องการทำสิ่งใดกันแน่?”หลิงหว่านตะโกนออกไปอย่างหวาดกลัวแต่เฝิงฉินกลับมิเสียเวลาพูดกับนางแล้วหมุนตัวเดินไปข้างกายหลิงเสียงกัง และพยายามโน้มน้าวหลิงเสียงกังแต่หลิงเสียงกังนิ่งเฉย เขาสามารถลำบากเพื่อเฝิงฉินได้ แต่เรื่องที่จะให้ตนใช้ข้อหาที่ไม่มีจริงไปใส่ร้ายหลิงอวี๋นั้นเขาไม่มีทางยอมทำเด็ดขาดสุดท้ายเฝิงฉินจึงเดินออกไปพร้อมกับโทสะ“ท่านพ่อ เราอยู่ที่นี่มิได้ เฝิงฉินไม่มีทางกล้าที่จะฟ้องร้องพี่หญิงหลิงหลิงเช่นนี้แน่ เบื้องหลังของนางจะต้องมีคนคอยหนุนหลังอยู่!”หลิงหว่านคิดในจุดนี้อย่างรวดเร็วแล้วเอ่ยอย่างร้อนใจ “จุดประสงค์ของคนที่ให้การสนับสนุนนางคือการทำลายพี่หญิงหลิงหลิง เมื่อนางบรรลุจุดประสงค์แล้วจะต้องสังหารพวกเราเป็นแ
หลิงหว่านกับหลิงเสียงกังถูกขังไว้ในไร่นาร้างแห่งหนึ่งหลิงหว่านถูกเฝิงฉินพาไปที่ชานเมืองเมื่อยามไปหาหลิงเสียงกัง เฝิงฉินบอกว่าหลิงเสียงกังเกิดอาการปวดหัวขึ้นมา หลิงหว่านเป็นห่วงอาการป่วยของบิดาตนจึงตามไปไหนเลยจะคิดว่าเมื่อเข้าประตูไปแล้วจะถูกเฝิงฉินเอาไม้ทุบสลบไปกระทั่งหลิงหว่านฟื้นขึ้นมาจึงได้พบว่าตนถูกมัดแขนขาอยู่บนเก้าอี้เก่า ๆ ตัวหนึ่งส่วนหลิงเสียงกังก็นอนอยู่ในดงหญ้าที่พื้น และถูกมัดแขนขาเช่นกัน“ท่านพ่อ!”หลิงหว่านมิรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เฝิงฉินหาทางผูกมัดหลิงเสียงกังมาโดยตลอดมิใช่หรือ?มัดตนไว้ยังพอยอมรับได้ แต่เหตุไฉนต้องมัดหลิงเสียงกังด้วยเล่า!“แค่ก!”หลิงเสียงกังฟื้นจากการที่ถูกหลิงหว่านปลุกขึ้นมา แล้วก็รู้สึกถึงกลิ่นเลือดในปาก จากนั้นเขาก็ไออย่างรุนแรงแล้วกระอักเลือดออกมา“ท่านพ่อ!”หลิงหว่านกังวลเป็นอย่างมาก เห็นว่าหลิงเสียงกังที่ดูแข็งแรงดีเมื่อหลายวันก่อนกลับมีท่าทีอ่อนแอเช่นนี้ ต้องพยายามอยู่หลายครั้งจึงจะลุกขึ้นนั่งได้“เฝิงฉิน เหตุใดเจ้าจึงทำกับข้าเช่นนี้?!”หลิงเสียงกังมิได้สนใจหลิงหว่านแล้วตะโกนแผดเสียงออกมาที่มุมปากของเขามีเลือดไหล แต่เลือดเหล่านี้มิ