“รีบไป…”หลิงอวี๋สาดผงยาออกไป มิทันได้ตรวจสอบอาการของมือสังหาร ก็ดึงเซียวหลินเทียนวิ่งหนีไปโดยมิรอช้าทว่าเซียวหลินเทียนยังมิทันได้ก้าว ลูกธนูหลายดอกก็พุ่งมาจากทิศทางต่าง ๆเซียวหลินเทียนกวัดแกว่งดาบเพื่อปัดป้องทว่าลูกธนูเหล่านั้นกลับหนาแน่นยิ่งขึ้นมิรู้จบ...คนสวมหน้ากากหลายคนในพุ่มไม้ลุกขึ้น ยิงธนูไปที่หลิงอวี๋และเซียวหลินเทียนคนหนึ่งในนั้นมีดวงตาร้อนแรงราวพ่นไฟ จ้องมองเซียวหลินเทียนอย่างโหดเหี้ยมนางซ่อนตัวอยู่ในที่มืด สายตาคมกริบดุจยาพิษ หากหลิงอวี๋มองเห็นอย่างชัดเจนก็จะรู้สึกคุ้นเคยบุคคลนี้คือเซี่ยโฮ่วตานรั่วที่ถูกฉาเค่อฉีพาลงจากภูเขาไปในตอนแรกนางมิสามารถกลืนคำพูดที่ตนถูกหลิงอวี๋ดูถูกเหยียบย่ำได้ จึงบังคับให้ฉาเค่อฉีพานางกลับมาเพื่อหาโอกาสฆ่าหลิงอวี๋เสียมิคาดคิดว่าจะพบหลิงอวี๋กำลังถูกมือสังหารไล่ล่าเสียก่อนเซี่ยโฮ่วตานรั่วได้จังหวะเหมาะนึกว่าโอกาสมาถึงแล้ว รีบสวมหน้ากากพร้อมกับเหล่านางกำนัลแล้วดักรอเพื่อที่จะสังหารหลิงอวี๋เวลานี้ เซียวหลินเทียนถูกโจมตีทั้งด้านหน้าและด้านหลัง นางยิงธนูเพียงดอกเดียวก็สามารถฆ่าหลิงอวี๋ได้ แล้ว จากนี้จะได้มิต้องกล่าวขอโทษนางซึ่งหน้า
มือสังหารทั้งหลายมิคาดคิดว่าเซียวหลินเทียนผู้โลหิตโชกไปทั่วทั้งร่างและดูอ่อนแรงราวกับสายธนูที่จวนขาด จู่ ๆ จะเกิดพลังโจมตีกลับอันรุนแรงเช่นนี้เขาพุ่งเข้ามาด้วยพลังอันมหาศาลราวกับภูเขาถล่มทลาย ด้วยความเร็วที่คนทั่วไปมิสามารถจินตนาการได้พลังการระเบิดอันทรงพลังนั้นเปรียบเสมือนพายุระดับสิบ ลมพัดกระโชก ใบไม้ปลิวว่อน หินทรายปลิวไปตามลม คำรามอย่างบ้าคลั่ง กดดันจนทุกคนหายใจมิออกในทันทีแม้แต่จ้าวซวนและคนอื่น ๆ ยังรู้สึกได้ถึงเจตนาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่สามารถทำลายล้างใต้หล้าได้ในดาบของเซียวหลินเทียน พลังแผ่กระจายออกกระทั่งอาภรณ์ของพวกเขาปลิวสะบัด…ใบไม้บนต้นไม้ก็ดูเหมือนจะต้านรับพายุที่โหมกระหน่ำและแผ่ขยายไปทั่วท้องฟ้ามิไหว ร่วงหล่นลงมาอย่างรวดเร็ว…ฉัวะ…เลือดอุ่น ๆ กระเซ็นออกมาสายแล้วสายเล่า ตัดกับใบไม้ที่ร่วงหล่นเต็มท้องฟ้า ป่าแห่งนี้เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและฝนในทันที…แขนขาขาดกระเด็น เสียงกรีดร้องดังระงม…มือสังหารที่พุ่งเข้ามาเป็นกลุ่มแรกถูกเซียวหลินเทียนฟันเป็นสองท่อนโดยมิลังเล!หัวหน้ามือสังหารชุดดำเพิ่งตระหนักว่าสถานการณ์เริ่มมิดีและคิดจะวิ่งหนี แต่ก็ถูกเซียวหลินเทียนฟันศีรษะผ่
จักรพรรดิอู่อันประทับอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลกวนเพื่อรอให้การแข่งขันจบลง ผลก็คือเห็นเซียวหลินเทียนที่ร่างโชกเลือดทั้งตัวอุ้มหลิงอวี๋ลงมาจากเขา จักรพรรดิอู่อันตกใจกับบาดแผลของเซียวหลินเทียนและหลิงอวี๋ เขาคำรามว่า “มือสังหารหน้าไหนกล้าลอบสังหารอ๋องอี้ในดินแดนของฉินตะวันตก พวกมันมิเห็นพวกเราอยู่ในสายตาแล้วรึ!” “สืบสวน ให้สืบสวนให้ดี สืบให้ได้ความว่าใครเป็นผู้สั่งการ ข้าจะต้องให้มันผู้นั้นชดใช้ด้วยเลือด!” จักรพรรดิอู่อันให้เซียวหลินเทียนรีบพาหลิงอวี๋กลับไปก่อน เมื่อกองทัพของเว่ยเหนือและเยวี่ยใต้กลับมา จักรพรรดิอู่อันก็มีสีหน้าเคร่งขรึมแล้วตรัสว่า “มีคนร้ายบังอาจสั่งให้คนไปลอบสังหารอ๋องอี้ในป่า การแข่งขันในวันนี้เกรงว่า อาจต้องยกเลิกไปก่อน การแข่งขันครั้งสุดท้ายจะจัดขึ้นในวันอื่น!” องค์ชายเว่ยและองค์ชายคังได้รับผลจากการล่าสัตว์ที่ดีในวันนี้ เมื่อได้ยินเช่นนั้น องค์ชายเว่ยก็พูดอย่างมิพอใจว่า “เสด็จพ่อ คำกล่าวของพระองค์มิยุติธรรม! น้องสี่ถอนตัวจากการแข่งขันก็จริง แต่ฉินตะวันตกของเรายังมีกระหม่อม น้องสามและน้องห้าที่สามารถเป็นตัวแทนได้พ่ะย่ะค่ะ!” องค์ชายเหยี่ยวแห่งเว่ยเหนือก็เผยรอยยิ้ม
“อาอวี๋… อาอวี๋…” ในรถม้า เซียวหลินเทียนอุ้มหลิงอวี๋ไว้ เลือดของนางไหลรินเปื้อนอาภรณ์ของเขาไปหมดเขาสัมผัสได้ว่าลมหายใจของนางยิ่งนานยิ่งรวยรินลงทีละน้อย เซียวหลินเทียนรู้สึกราวกับว่ามีมือที่มองมิเห็นขยำหัวใจของเขาไว้แน่น ทำให้หัวใจบีบรัดจนเจ็บปวดอย่างรุนแรง เขากลัวเหลือเกิน กลัวว่าดวงตาคู่งามของนางจะมิสามารถลืมขึ้นได้อีก... เขาจำได้ว่าก่อนหน้านี้นางเผชิญหน้ากับเซี่ยโฮ่วตานรั่วด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิและความมั่นใจเพียงใด“หม่อมฉันเชื่อว่าสิ่งที่เป็นของหม่อมฉัน มิว่าใครก็แย่งไปมิได้!” รอยยิ้มที่เจิดจ้าจนแสบตาเหมือนแสงอาทิตย์นั้นยังคงติดตรึงอยู่ในความทรงจำของเขา พริบตาเดียวเท่านั้น ใบหน้าที่เคยสดใสและสวยงามกลับซีดขาวราวกับหิมะ... “อาอวี๋… อดทนไว้นะ เจ้ามิได้บอกว่าเจ้ายังมีอะไรอีกหลายสิ่งที่ต้องทำหรอกหรือ? เจ้ามิได้บอกว่าจะหาเงินให้ได้มาก ๆ แล้วพาเยวี่ยเยวี่ยและแม่นมท่องเที่ยวไปทุกที่หรอกหรือ? เจ้าคงมิอยากผิดสัญญากับพวกนางหรอกใช่หรือไม่…” “เจ้าต้องอดทนไว้… เจ้าจะต้องมิเป็นอะไร!”เสียงของเซียวหลินเทียนสั่นเครือ หานเหมยที่คุกเข่าอยู่ข้างหลิงอวี๋เพื่อตรวจสอบบาด
แม้ว่าเถาจื่อจะใช้ยาห้ามเลือดที่ดีที่สุดของนางกับหลิงอวี๋แล้ว แต่ลูกธนูที่ปักอยู่ที่หลังของหลิงอวี๋ก็ยังคงมีเลือดไหลซึมออกมาอยู่เรื่อย ๆเซียวหลินเทียนรู้สึกว่าเส้นทางนี้ช่างยาวนานเหลือเกิน ช้าเสียจนมิถึงสักทีเลือดของหลิงอวี๋ไหลจากอาภรณ์ของนางเปื้อนไปถึงอาภรณ์ของเขา ผิวของเขาสัมผัสได้ถึงความเหนียวหนืดและความอุ่นร้อนเลือดร้อนราวกับน้ำเดือด แผดเผาความโกรธเกรี้ยวที่มิรู้ที่มาในตัวเซียวหลินเทียนให้พลุ่งพล่านขึ้นเขาพยายามซ่อนความกลัวของตัวเองอย่างสุดความสามารถ กอดหลิงอวี๋ไว้แน่น‘เจ้าจะมิตาย…’‘เจ้าจะต้องมิตาย!’เขาตะโกนอยู่ในใจ“ข้ายังติดหนี้เจ้าอีกมากมายและยังมิได้ชดใช้ เจ้าต้องให้โอกาสข้าได้ชดใช้เจ้า!”“อาอวี๋ เหตุใดเจ้าถึงได้โง่เขลาเช่นนี้ เหตุใดต้องเอาตัวมาขวางลูกธนูแทนข้าด้วย!”“แม้ตัวข้าเองจะบาดเจ็บเจียนตาย ข้าก็มิต้องการให้เจ้าตกอยู่ในอันตรายเลยสักนิด…”“ท่านอ๋อง... ถึงแล้วเพคะ... หมอเลี่ยวมาแล้ว…”มิรอให้เฉาอี้พูดจบ เซียวหลินเทียนก็อุ้มหลิงอวี๋พุ่งออกจากรถม้า รีบรุดเข้าไปคนรับใช้ในตำหนักอ๋องอี้ต่างก็ตื่นตระหนกกันหมด หมิ่นกูได้รับข่าวล่วงหน้าแล้ว จึงรีบสั่งการอย่างเ
“อย่าตกใจ... อย่าตกใจ!”หมอเลี่ยวพลอยตกใจกับสีหน้าของเซียวหลินเทียน แต่ก็ยังคงปลอบโยนอย่างใจเย็น กดสำลีห้ามเลือดลงไปอย่างรวดเร็วหลี่ชุงก็ช่วยกันหยดน้ำยาห้ามเลือดลงบนบาดแผลของหลิงอวี๋เซียวหลินเทียนเฝ้ามองการกระทำของทั้งสองด้วยใจระทึกจนกระทั่งรู้สึกว่าหัวใจของหลิงอวี๋กลับมาเต้นอีกครั้ง เซียวหลินเทียนจึงถอนหายใจออก รู้สึกราวกับว่าตนก็กลับมามีชีวิตอีกครั้งเช่นเดียวกัน!แต่สถานการณ์ก็ยังมิน่าไว้วางใจนัก ลมหายใจของหลิงอวี๋แผ่วระโหย หัวใจเต้นช้าเป็นช่วง ๆ ราวกับนางสามารถสิ้นลมหายใจภายในอีกมิกี่อึดใจ!เซียวหลินเทียนภาวนาอยู่ในใจ จ้องมองใบหน้าซีดเซียวของหลิงอวี๋มิวางตาแม้ว่าจะเป็นใบหน้าที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาบ่อยครั้ง แต่ดูเหมือนว่านี่เป็นครั้งแรกที่เซียวหลินเทียนได้พินิจมองนางอย่างใกล้ชิดขนตาของนางยาวมาก สั่นไหวเล็กน้อยตามจังหวะการหายใจเหมือนปีกเล็ก ๆ สองปีกที่เปราะบาง หากหายใจแรงเกินไปก็อาจหักได้!สันจมูกของนางโด่ง บอบบางและงดงามในเวลาเดียวกันริมฝีปากแดงเรื่อที่เคยชุ่มชื้น เวลานี้กลับซีดขาวเช่นเดียวกับสีหน้าของนางเซียวหลินเทียนจ้องมองริมฝีปากของนาง หวนนึกถึงเรื่องราวมากมาย.
คืนนั้น กลายเป็นฝันร้ายของหลิงอวี๋ไปอีกนานนางหวาดกลัวการที่ต้องอยู่คนเดียว กลัวความมืดยิ่งกว่าสิ่งใด!แม้ว่าเมื่ออายุมากขึ้น นางเพียรกดเก็บจุดอ่อนนี้ของตนไว้ในใจส่วนลึกแล้วก็ตาม พยายามแสดงด้านที่สดใสออกมากระนั้นฝันร้ายนี้ก็ยังโผล่มาทิ่มแทงนางเป็นครั้งคราวหลิงอวี๋ติดอยู่ในภวังค์ความมืดเช่นนี้ ความรู้สึกสิ้นหวังดังเดิมหวนกลับมาอีกครั้งนางอยากหลบหนี แต่หมอกควันสีดำนั้นเหมือนกับกระแสน้ำวนขนาดใหญ่ มิว่านางจะวิ่งหนีอย่างไรก็หนีมิพ้น“อาอวี๋…”มีเสียงเรียกนาง...นางปีติอย่างยิ่ง!นางมิได้อยู่คนเดียว ยังมีคนเรียกหานาง!ดูเหมือนจะเป็นเสียงของเซียวหลินเทียน แต่ฟังอีกครั้งก็ดูเหมือนมิใช่!เสียงนั้นเต็มไปด้วยความขมขื่น ความร้อนรน และความประหม่า...“เจ้าต้องอดทนนะ เยวี่ยเยวี่ยต้องการเจ้า แม่นมลี่และคนอื่น ๆ ก็ต้องการเจ้าเช่นกัน!”“หากเจ้าจากไปเช่นนี้ ท่านอดีตเสนาบดี หลิงหว่าน และคนอื่น ๆ จะต้องเสียใจเป็นแน่!”เสียงนั้นสั่นเครือเล็กน้อยเซียวหลินเทียนจริง ๆ ด้วย!หลิงอวี๋รู้สึกราวกับความมืดมีรอยแยก แสงสว่างส่องผ่านเข้ามา นางคิดจะเดินเข้าไปหาแสงสว่างนั้น...แต่เมื่อขยับตัว ความเจ
เดิมทีท่านอดีตเสนาบดีโกรธเคืองเซียวหลินเทียนอยู่บ้าง ดั้นด้นไปล่าสัตว์แล้วไยต้องพาหลิงอวี๋ไปด้วยทว่าเมื่อเห็นเซียวหลินเทียนตาแดงก่ำ ความโกรธของท่านอดีตเสนาบดีก็หายไปสิ้น เขาฟังออกว่าในน้ำเสียงของเซียวหลินเทียนแฝงไว้ด้วยความกังวลและสิ้นหวัง…“เป็นไปมิได้! อวี๋เอ๋อร์เป็นเด็กดื้อรั้น ตราบใดที่ยังมีลมหายใจอยู่ นางจะต้องทนอยู่ได้!”“อย่าเพิ่งร้อนใจไป เราจะคิดหาวิธีด้วยกัน!”แม้ท่านอดีตเสนาบดีจะเต็มไปด้วยความกังวล แต่เขาก็มิแสดงออก เขาเป็นผู้อาวุโส ต้องเป็นเสาหลักให้พวกเขา!หลิงหว่านโผล่หน้ามาเห็นหลิงอวี๋ที่หมดแรง ทันใดนั้นดวงตาก็แดงก่ำ น้ำตาแห่งความเจ็บปวดรินไหลอาบแก้มนางรีบหันหน้าหนีไปเช็ดน้ำตา พยายามฝืนใจพูดว่า “ท่านพี่หลิงหลิงเป็นคนจิตใจดี ช่วยชีวิตคนไว้มากมาย สวรรค์คงมิใจร้ายพรากนางไปแน่!”“ท่านปู่พูดถูก เราจะคิดหาวิธีด้วยกัน เราจะต้องช่วยชีวิตท่านพี่หลิงหลิงให้ได้!”“ท่านอ๋อง หม่อมฉันมีหมู่เลือดเดียวกับท่านพี่หลิงหลิง หม่อมฉันจะถ่ายเลือดให้ท่านพี่หลิงหลิงเองเพคะ!”หลิงหว่านเห็นสีหน้าของเซียวหลินเทียนเริ่มซีดเซียวลงเพราะเสียเลือดมาก จึงรีบสั่งหลี่ชุง “เปลี่ยนมาให้ข้า!”หลี่ช