หมอต่งมองไปที่ฮองเฮาเว่ยอย่างขอความช่วยเหลือ แต่ฮองเฮาเว่ยกลับจ้องมองอย่างดุร้าย“หมอมิดี เจ้ายังกล้าบอกว่าทักษะการแพทย์ของตนดีมาก เจ้ามิรู้ด้วยซ้ำว่าไทเฮาป่วยหรือถูกวางยาพิษ เหตุใดในวังถึงเก็บหมอมิดีเช่นเจ้าไว้?”“หากเจ้ามิเอะอะโวยวายบอกว่าพระชายาอ๋องอี้วางยาพิษ ข้าก็คงมิกล่าวโทษพระชายาอ๋องอี้! เจ้ามีเจตนาอะไรถึงจงใจทำให้ข้าเข้าใจผิดเช่นนี้?”“ท่านอ๋องเฉิง เราต้องสอบสวนอย่างเข้มงวด ดูว่าใครสั่งการเขาอยู่เบื้องหลัง!”ฮองเฮาเว่ยอธิบายความสัมพันธ์ของนางกับหมอต่งด้วยประโยคเดียว ทั้งยังโยนความผิดทั้งหมดให้หมอต่งด้วย...ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นเป็นคนฉลาด ใคร ๆ ก็รู้ว่าฮองเฮาเว่ยโยนให้หมอต่งเป็นแพะรับบาป...จักรพรรดิอู่อันเอ่ยกับหลิงอวี๋อีกครั้ง “หลิงอวี๋ เจ้าจงคิดหาวิธีที่จะช่วยไทเฮาโดยเร็วที่สุด! วันพรุ่งเป็นการแข่งขันล่าสัตว์ เทียนเอ๋อร์ต้องเข้าร่วมด้วย! เราต้องได้ชัยชนะนี้!”วันนี้จักรพรรดิอู่อันพอใจกับผลงานของเซียวหลินเทียนมาก แต่ในรายการแข่งขันการต่อสู้ เซียวหลินเทียนขอออกจากการเข้าร่วมเพราะเขาเป็นห่วงหลิงอวี๋กับไทเฮาเผยอวี้กับแม่ทัพคนอื่น ๆ จากฉินตะวันตกเข้าร่วมการแข่งขัน แต่พ่ายแ
หลิงซวนเอ่ยอย่างวิตกกังวล “ท่านลุง มิใช่ว่าข้ามิเชื่อฟัง! แต่ตอนนี้ในตระกูลไม่มีใครแล้ว!”“แต่ในเมืองหลวง ข้ามีท่าน แม้ว่าข้าจะมิได้เจอท่านทุกวัน แต่ข้าก็สามารถเจอท่านได้เป็นครั้งคราว เมื่อรู้ว่าท่านสบายดีข้าก็สบายใจ!”“ท่านลุง รออีกสองปี ท่านแก่แล้ว และขอองค์จักรพรรดิให้ปล่อยท่านออกจากวังได้ ข้าก็คงเก็บเงินไว้ซื้อบ้านหลังใหญ่แล้ว ข้าจะกตัญญูต่อท่าน และช่วยดูแลท่านในยามแก่!”“ถึงเวลาข้ารับสมัครลูกเขย ข้าก็จะคาดหวังให้ท่านช่วยดูแลลูก ๆ ของข้า! ท่านมิอยากมีชีวิตแบบนั้นหรือ?”ขันทีเซี่ยไหนเลยจะกล้าคิดไปไกลเช่นนั้น ตอนนี้เขาค่อย ๆ หมดความโปรดปรานลงไปแล้ว หากวันหนึ่งเขาทำอะไรผิดไป ก็คงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว เขาจะกล้าคิดถึงอนาคตได้เยี่ยงไรเขามิสามารถโน้มน้าวหลิงซวนได้ และอยู่ได้มินาน ดังนั้นเขาจึงยื่นเงินให้หลิงซวนอีกครั้ง พลางเตือน “เก็บเงินไว้ หากวันหนึ่งเจ้าเห็นอันตรายใด ๆ ให้รีบหนีออกไป!”“ตราบใดที่ลุงยังมีลมหายใจ ลุงก็จะปกป้องความปลอดภัยของเจ้า!”ขันทีเซี่ยกำลังคิดจะไป แต่เมื่อนึกถึงบางสิ่งบางอย่างก็กระซิบ “ฮองเฮาเว่ยถูกองค์จักรพรรดิดุ นางร้องไห้และแย้งว่าหมอต่งหลอกนาง... ดูจากภายนอ
เมื่อเซียวทงพูดเช่นนั้น หลิงอวี๋ก็มิอยากทำลายขวัญกำลังใจคนของตน จึงกล่าวว่า “ได้! เช่นนั้นก็ตามใจพวกเจ้าเถิด!”หลิงซวนถูกหลิงอวี๋ทิ้งให้อยู่ในวังเพื่อดูแลไทเฮา วันนี้หลิงอวี๋พาเพียงเถาจื่อและหานเหมยมาด้วย ทั้งสามเลือกม้า หยิบธนูและลูกศร แล้วตามหลังกองทัพขึ้นภูเขาเซียวหลินเทียนยังมิรู้เรื่องภายใน เมื่อเห็นหลิงอวี๋มาเข้าร่วมการล่าสัตว์ก็เข้ามาสอบถาม“เกิดเรื่องอันใดขึ้น พวกเจ้าก็ขึ้นไปล่าสัตว์บนภูเขาเช่นกันหรือ?”หลิงอวี๋เล่าเรื่องที่ถูกเซี่ยโฮ่วตานรั่วท้าทายให้เขาฟัง เมื่อเซียวหลินเทียนฟังแล้วก็ขมวดคิ้ว เซี่ยโฮ่วตานรั่วผู้นี้คอยหาเรื่องหลิงอวี๋ครั้งแล้วครั้งเล่า นางยังมิสิ้นหวังในตัวเขาอีกหรือไรเซียวหลินเทียนกล่าวด้วยความมิวางใจ “เช่นนั้นเจ้าก็ระวังตัวให้ดี อย่าวิ่งไปไกลนัก! บนภูเขามีอันตรายมากมาย ทั้งงูพิษและสัตว์ร้าย อย่าให้ได้รับบาดเจ็บเชียว!”“วางใจเถิดเพคะ หม่อมฉันจะมิประมาท”หลิงอวี๋เห็นว่าการแข่งขันใกล้จะเริ่มแล้ว จึงกำชับว่า “ท่านก็ระวังตัวด้วย ธนูที่เห็นนั้นหลบหลีกได้ง่าย แต่ลูกธนูที่มองมิเห็นนั้นป้องกันได้ยาก ระวังถูกคนลอบทำร้าย!”เซียวหลินเทียนยิ้มเล็กน้อย พยักหน้า
หลิงอวี๋ถูกทำให้โกรธจนหัวเราะออกมา และเยาะเย้ยว่า “การล่าสัตว์เพิ่งเริ่มต้น ใครแพ้ใครชนะก็ยังมิรู้! แต่ความสามารถในการพูดจาโกหกหน้าตายขององค์หญิงตานรั่ว หม่อมฉันสู้มิได้จริง ๆ เพคะ!”“กระต่ายเป็นของใคร ท่านรู้แก่ใจดี ท่านรีบแย่งเช่นนี้ ชัดเจนว่ากลัวจะแพ้!”“ช่างเถิด แค่กระต่ายตัวเดียว ท่านต้องการก็เอาไปเถิด พวกเรามิกลัวแพ้หรอก!”หลิงอวี๋พูดจบก็เรียกเถาจื่อแล้วหันหลังเดินจากไปเซี่ยโฮ่วตานรั่วโกรธจนหน้าแดง นางมักติดตามองค์ชายหนิงไปล่าสัตว์อยู่เสมอ จึงย่อมรู้กฎเหยื่อตัวนี้ควรเป็นของหลิงอวี๋และพวกของนางจริง ๆ!แต่นางเกลียดหลิงอวี๋ จึงอยากแย่งชิงเมื่อครู่ยังถูกหลิงอวี๋ดูถูกเช่นนี้อีก ความโกรธนี้จะปล่อยผ่านไปได้เยี่ยงไร“ตามพวกนางไป ข้าจะพิสูจน์ให้เห็นว่าข้าเก่งกว่าพวกนาง!”เซี่ยโฮ่วตานรั่วก็พากองทัพของตนตามหลิงอวี๋ไปจากอีกด้านหนึ่งเมื่อเห็นเหยื่อ เซี่ยโฮ่วตานรั่วก็รีบยิงธนูแย่งชิงเหยื่อกับหลิงอวี๋และพวกนางหลิงอวี๋เล็งไก่ป่าตัวหนึ่ง กำลังจะยิงธนูก็ถูกเซี่ยโฮ่วตานรั่วแย่งยิงไปก่อนเซี่ยโฮ่วตานรั่วเหลือบมองหลิงอวี๋ด้วยความภาคภูมิ “เป็นอะไรไป พระชายาอ๋องอี้ ไก่ป่าตัวนี้ข้าเป็นค
เซี่ยโฮ่วตานรั่วยกธนูขึ้นยิงด้วยความตกใจ แต่หมูป่าวิ่งเร็วมาก วิ่งมาถึงตรงหน้าเซี่ยโฮ่วตานรั่วในทันทีนางกำนัลที่เซี่ยโฮ่วตานรั่วพามาด้วยต่างก็ยกธนูขึ้นยิงด้วยความตกใจ แต่ไม่มีใครกล้ายิง กลัวว่าจะยิงพลาดไปถูกเซี่ยโฮ่วตานรั่ว...“ช่วยด้วย…”เซี่ยโฮ่วตานรั่วเพิ่งจะร้องออกมาก็รู้สึกเจ็บที่แขน จากนั้นจึงถูกลากออกไปด้านข้างโดยหลิงอวี๋เถาจื่อรีบยิงธนู ลูกธนูพุ่งเข้าไปที่ก้นหมูป่า นางถ่ายโอนกำลังภายในเข้าไปในลูกธนู ทำให้ลูกธนูสามารถปักเข้าไปในก้นของหมูป่าได้หมูป่าเจ็บปวด ร้องคำรามออกมา วิ่งไปข้างหน้า แล้วก็หันกลับมาพุ่งเข้าหาหลิงอวี๋และพวกนางเมื่อเซี่ยโฮ่วตานรั่วเห็นเช่นนั้นก็สะบัดมือหลิงอวี๋ทันที ผลักหลิงอวี๋ไปทางหมูป่า...หลิงอวี๋ยังตั้งตัวมิทัน ถูกผลักจนเซไปหาเขี้ยวหมูป่า...“พระชายา ระวัง…”หานเหมยไม่มีเวลาวิ่งไปช่วยหลิงอวี๋แล้ว รีบยกธนูขึ้นยิงไปที่ดวงตาหมูป่าหลิงอวี๋เห็นว่าสถานการณ์วิกฤต หากหลบมิทันก็จะถูกเขี้ยวหมูป่าแทงทะลุร่างกาย นางจึงตัดสินใจทันที กลิ้งเกลือกไปบนพื้นหลาย ๆ รอบหมูป่าคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว รีบพุ่งผ่านตัวหลิงอวี๋ไปในเวลาเดียวกันนั้นเซี่ยโฮ่วตานรั่วยั
ซินจิ้งสิ้นหวัง จึงได้แต่สั่งการให้นางกำนัลยิงธนูต่อไปแต่ธนูที่พวกนางนำมาติดตัวมานั้นมีจำกัด หนังหมูป่าหนามาก ธนูของทุกคนใกล้จะหมดแล้ว แต่ก็ยังมีหมูป่าบางตัวที่ยังคงวิ่งชนต้นไม้ด้วยความดุร้ายต้นไม้ที่เซี่ยโฮ่วตานรั่วรออยู่ถูกชนอย่างรุนแรง ลำต้นอาจหักได้ทุกเมื่อ...“ช่วยด้วย... ช่วยด้วย…”เซี่ยโฮ่วตานรั่วกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งหลิงอวี๋ก็ร้อนรนเช่นกัน ลูกธนูหมดแล้ว หากหมูป่าเหล่านี้เรียกพวกพ้องมาอีก เห็นทีคงไม่มีใครหนีรอดไปได้...ทว่าตอนนี้ เหล่าบุรุษก็อยู่ไกลออกไป ผู้ใดเล่าจะมาช่วยพวกนางได้...ขณะที่นางกำลังขบคิดอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงของเซียวหลินเทียนกับพรรคพวกของเขา “อาอวี๋ อย่าตระหนกไป พวกเรามาแล้ว…”หลิงอวี๋ก้มลงมอง เซียวหลินเทียน อันเจ๋อ พวกเขาทั้งหมดมาแล้ว!นอกจากนี้ ยังมีองค์ชายหนิงแห่งฉีตะวันออก เซียวทง และพี่น้องตระกูลมู่หรงแห่งเยวี่ยใต้มาด้วยเมื่อทุกคนเห็นว่าสถานการณ์วิกฤต จึงรีบยกธนูขึ้นแล้วเล็งไปที่หมูป่าเหล่านั้น แล้วก็ยิงธนูออกไปพร้อมกัน...เหล่าบุรุษล้วนมีวิทยายุทธ์ กล้ามแขนแข็งแรง ธนูพุ่งทะลุร่างหมูป่าอย่างแม่นยำ...หมูป่าสองตัวถูกธนูยิงก็วิ่งหนีอย่างบ้าคลั่
เมื่อเซียวทงได้ยินคำพูดนี้ ก็รู้ว่าต้องมีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นแล้ว!นางกลัวว่าโลกจะมิวุ่นวาย จึงถามด้วยเสียงดัง “จริงด้วย องค์หญิงตานรั่ว พวกท่านกำลังล่าสัตว์อยู่ดี ๆ เหตุใดถึงดึงดูดหมูป่ามาได้มากมายเช่นนี้?”“โชคดีที่พวกเรามาถึงทันเวลา มิเช่นนั้น ท่านคงถูกหมูป่าชนตายแล้ว!”แม้ว่าเซี่ยโฮ่วตานรั่วจะมิชอบเซียวทง แต่เมื่อนางมาที่ฉินตะวันตก นางก็ได้ตรวจสอบแล้วว่าเซียวทงและหลิงอวี๋มิถูกกันเมื่อได้ยินเซียวทงให้ความร่วมมือเช่นนี้ เซี่ยโฮ่วตานรั่วก็มองไปที่หลิงอวี๋ราวกับจำใจกล่าว“องค์หญิงหก พวกเราอยู่ในระหว่างการล่าสัตว์จริง ๆ! แต่ว่าพระชายาอ๋องอี้และพวกของนางกลับดึงดูดหมูป่ามา!”“ข้าเห็นหมูป่าวิ่งชนนาง จึงกลัวว่านางจะได้รับบาดเจ็บ รีบไปดึงนางออกมา แต่ว่า... นางกลับผลักข้าไปทางหมูป่าเพื่อเอาชีวิตรอด!”“เจ้ามิรู้หรอกว่าหมูป่ามากมายเพียงนั้น... แรงกระแทกรุนแรงเพียงใด…”“โชคดีที่ข้ามีวิทยายุทธ์จึงปีนขึ้นต้นไม้ได้ทัน อดทนจนกว่าพวกท่านจะมาถึง! มิเช่นนั้น เห็นทีข้าคงมิรอดแล้ว!”เซี่ยโฮ่วตานรั่วพูดไป น้ำตาก็ไหลพราก มองไปทางหลิงอวี๋ด้วยสีหน้าเจ็บปวด“พระชายาอ๋องอี้ ข้ามิโทษเจ้าที่ผลักข้าไปทา
เซียวหลินเทียนแค่นเสียงอย่างเย็นชา และมองไปที่องค์ชายหนิง “องค์ชายหนิง ท่านเข้าใจคำว่ากล่าวตามความจริงเพื่อความยุติธรรมหรือไม่?”“กล่าวตามความจริงหมายถึง การกล่าวความจริงตามหลักฐาน!”“เราได้ฟังแต่คำพูดขององค์หญิงตานรั่วเพียงฝ่ายเดียว แล้วเซียวทงของท่านก็รีบออกหน้าตำหนิพระชายาอ๋องอี้ของข้า สิ่งที่ข้าทำคือการตักเตือนนาง ผิดหรือ?”“หรือว่าชาวฉีตะวันออกเช่นพวกท่านสักแต่กล่าวโดยมิแยกแยะว่าใครถูกใครผิด ใครฟ้องผิดก่อนถูกเสมองั้นรึ?”เมื่อเซี่ยโฮ่วตานรั่วได้ยินคำพูดนี้ก็โกรธขึ้นมาทันที “อ๋องอี้ ท่านหมายความว่าข้าเป็นคนชั่วที่ฟ้องผิดก่อนงั้นหรือ?”อันเจ๋อที่อยู่ข้าง ๆ นิ่งฟังอยู่ ก็อดมิได้ที่จะเยาะเย้ย “การกระทำของท่านต่างจากการเป็นคนชั่วฟ้องผิดก่อนอย่างไร! เมื่อครู่ท่านเพิ่งกล่าวว่ามิโทษพระชายาอ๋องอี้ที่ผลักท่าน ทว่าหากท่านมิถือโทษโกรธนางจริง แล้วเหตุใดต้องพูดเรื่องนี้ต่อหน้าคนมากมายด้วยเล่า?”“แม้ว่าท่านจะต้องการแสร้งทำตัวเป็นคนใจกว้าง แต่ก็ควรแสร้งทำให้แนบเนียนสักหน่อยสิ!”จ้าวซวนและคนอื่น ๆ ต่างก็หัวเราะ พวกเขาอาจมิได้อยู่ที่นั่นตอนเกิดเหตุ แต่ก็คลุกคลีอยู่กับหลิงอวี๋มานานแล้ว จะเชื่