เซียวหลินเทียนแค่นเสียงอย่างเย็นชา และมองไปที่องค์ชายหนิง “องค์ชายหนิง ท่านเข้าใจคำว่ากล่าวตามความจริงเพื่อความยุติธรรมหรือไม่?”“กล่าวตามความจริงหมายถึง การกล่าวความจริงตามหลักฐาน!”“เราได้ฟังแต่คำพูดขององค์หญิงตานรั่วเพียงฝ่ายเดียว แล้วเซียวทงของท่านก็รีบออกหน้าตำหนิพระชายาอ๋องอี้ของข้า สิ่งที่ข้าทำคือการตักเตือนนาง ผิดหรือ?”“หรือว่าชาวฉีตะวันออกเช่นพวกท่านสักแต่กล่าวโดยมิแยกแยะว่าใครถูกใครผิด ใครฟ้องผิดก่อนถูกเสมองั้นรึ?”เมื่อเซี่ยโฮ่วตานรั่วได้ยินคำพูดนี้ก็โกรธขึ้นมาทันที “อ๋องอี้ ท่านหมายความว่าข้าเป็นคนชั่วที่ฟ้องผิดก่อนงั้นหรือ?”อันเจ๋อที่อยู่ข้าง ๆ นิ่งฟังอยู่ ก็อดมิได้ที่จะเยาะเย้ย “การกระทำของท่านต่างจากการเป็นคนชั่วฟ้องผิดก่อนอย่างไร! เมื่อครู่ท่านเพิ่งกล่าวว่ามิโทษพระชายาอ๋องอี้ที่ผลักท่าน ทว่าหากท่านมิถือโทษโกรธนางจริง แล้วเหตุใดต้องพูดเรื่องนี้ต่อหน้าคนมากมายด้วยเล่า?”“แม้ว่าท่านจะต้องการแสร้งทำตัวเป็นคนใจกว้าง แต่ก็ควรแสร้งทำให้แนบเนียนสักหน่อยสิ!”จ้าวซวนและคนอื่น ๆ ต่างก็หัวเราะ พวกเขาอาจมิได้อยู่ที่นั่นตอนเกิดเหตุ แต่ก็คลุกคลีอยู่กับหลิงอวี๋มานานแล้ว จะเชื่
เซียวหลินเทียนสีหน้าเคร่งขรึม ตวาดเสียงดัง“หยุดพูดจาเหลวไหล! เจ้าเป็นใครกันถึงกล้ามาสั่งสอนพระชายาของข้า? ข้ายินดีแสดงความโปรดปรานต่อพระชายาของข้า เจ้าถือสิทธิ์ใดมาสั่งให้พระชายาของข้าปฏิบัติตาม?!”เจ้าฉาเค่อฉีนี่ถือตนเป็นกระบอกเสียงขององค์ชายหนิงหรืออย่างไร?องค์ชายหนิงต้องการรักษาภาพลักษณ์ใจกว้างของตน แต่เซียวหลินเทียนกลับมิให้เขาได้สมหวัง!“ท่านอ๋อง หม่อมฉันจะจัดการเรื่องนี้เอง!”หลิงอวี๋ดึงเซียวหลินเทียนไว้แล้วหันมายิ้มให้เขาอย่างมั่นใจทุกครั้งที่เซียวหลินเทียนเห็นหลิงอวี๋ยิ้มเช่นนี้ เขารับรู้ว่าหลิงอวี๋มั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมเขาจำได้ว่า ครั้งหนึ่งในงานเลี้ยงวังหลวง หลิงอวี๋เกือบถูกตัดศีรษะ แต่นางกลับกล้าด่าจักรพรรดิอู่อันว่าเป็นกษัตริย์ผู้โง่เขลา เช่นนั้นองค์หญิงน้อยแห่งฉีตะวันออกหรือจะควรค่าให้หลิงอวี๋หวาดกลัว?เซียวหลินเทียนจึงทำเพียงจับมือนางอย่างสบายใจเพื่อแสดงการสนับสนุนหลิงอวี๋ก้าวไปข้างหน้าสองก้าว ดวงตาใสแจ๋วและงดงามของนางจ้องมองไปที่เซี่ยโฮ่วตานรั่วอย่างเย็นชา“องค์หญิงตานรั่ว ข้าควรกล่าวขอโทษต่อท่านหรือ?”น้ำเสียงของนางปราศจากความอบอุ่นหรืออารมณ์ใด ๆ เป็นเพีย
หลิงอวี๋เล่าสถานการณ์ในตอนนั้นอย่างชัดถ้อยชัดคำแม้ว่าทุกคนจะมิได้เห็นด้วยตาตนเอง แต่เมื่อลองนึกภาพหมูป่าจำนวนมากวิ่งเข้ามาหมายพุ่งชนในตอนนั้น สถานการณ์คงอันตรายมากจริง ๆสายตาอันเย็นชาและเฉียบคมของเซียวหลินเทียนจ้องไปที่เซี่ยโฮ่วตานรั่ว หลิงอวี๋ช่วยนางไว้ แต่นางกลับกล้าผลักหลิงอวี๋ไปหาคมเขี้ยวหมูป่า...ผู้ใดให้ความกล้าแก่นาง?สมควรตายนัก!เซียวหลินเทียนจดจำเรื่องนี้ไว้ในใจ...“องค์หญิงตานรั่ว ท่านล้มลงไปกับพื้น หม่อมฉันจึงลากท่านให้ลุกขึ้นมา ช่วยมิให้ท่านตายภายใต้กีบเท้าหมูป่า มิใช่หรือ?”“ท่านถูกหมูป่าล้อมขณะเกาะอยู่บนต้นไม้ หม่อมฉันและนางกำนัลของท่านนี่แหละที่ใช้ธนูระดมยิงหมูป่าเพื่อช่วยท่าน มิใช่หรือ?”หลิงอวี๋ถามคำถามต่อเนื่อง ทำให้ร่างกายของเซี่ยโฮ่วตานรั่วสั่นเทาไปทั้งตัว สายตาของนางกระสับกระส่ายและพยายามหลบเลี่ยง...นางเกร็งนิ้วจนมือแดงก่ำ รีบพูดแทรกอย่างใจร้อน “พระชายาอ๋องอี้ เจ้าช่างบิดเบือนความจริงได้เก่งกาจนัก ทั้ง ๆ ที่เป็นเจ้าต่างหากที่กล่าววาจาอวดดีจนดึงดูดหมูป่ามา แต่กลับกล่าวหาว่าข้าเป็นผู้กระทำ!”“ทั้ง ๆ ที่ข้าเป็นผู้ช่วยเจ้า แต่เจ้ากลับกล่าวว่าเป็นเจ้าที่ช่
คำพูดของหลิงอวี๋แต่ละคำราวกับมีดที่แทงทะลุหัวใจของเซียวทง ทำให้นางมิกล้าพูดอะไรอีกเซี่ยโฮ่วตานรั่วก็มิคิดว่าหลิงอวี๋จะดื้อรั้นเช่นนี้ ความคิดของนางเมื่ออยู่ต่อหน้าหลิงอวี๋แล้วราวกับไม่มีที่หลบซ่อน!ทว่าในขณะนี้ นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องฝืนแสดงต่อไป!“พระชายาอ๋องอี้ เหตุใดเจ้าถึงมิยอมเลิกราเช่นนี้? ข้ามิเอาความที่เจ้าผลักข้าก็ดีแล้ว ยังมิพอใจอีกรึ?”เซี่ยโฮ่วตานรั่วกล่าวอย่างโมโห “ใต้หล้านี้มีคนเนรคุณและบิดเบือนความจริงอย่างเจ้าด้วยรึ!”“ข้าเป็นองค์หญิงแห่งฉีตะวันออก มีฐานะสูงส่ง แม้ว่าเจ้าจะเป็นพระชายา แต่เทียบเคียงกับข้าได้รึ?”“เหตุใดข้าจึงต้องใส่ร้ายเจ้า? เจ้ามีหลักฐานอะไรที่บอกว่าองค์หญิงเช่นข้าใส่ร้ายเจ้ากัน!?”“เหตุใดงั้นรึ?” หลิงอวี๋หัวเราะเยาะ สายตาของนางเต็มไปด้วยความดูถูก “องค์หญิงตานรั่ว หม่อมฉันยังต้องอธิบายให้ชัดเจนอีกหรือว่าท่านมีเจตนาอย่างไร?”“ได้ ในเมื่อท่านต้องการใส่ร้ายให้หม่อมฉันแบกรับข้อหาเนรคุณ เพื่อฉินตะวันตกของหม่อมฉัน เพื่อชื่อเสียงและเกียรติของหม่อมฉันเอง เช่นนั้นข้าก็มิอาจให้เกียรติท่านโดยการช่วยท่านปกปิดข้อเท็จจริงได้!”“พวกเรามาพูดกันให้ชัดเจ
เซี่ยโฮ่วตานรั่วโกรธจนตัวสั่น ฝีปากของหลิงอวี๋ช่างฉลาดปราดเปรื่องนักนางกำหมัดแน่น หากตอนนี้ไม่มีคนมากมายอยู่รอบด้าน นางคงจะพุ่งเข้าไปฉีกหลิงอวี๋เป็นชิ้น ๆการจัดการกับคนอย่างหลิงอวี๋ ใช้กำลังไปเลยยังง่ายดายเสียกว่า!“พระชายาอ๋องอี้ เจ้าพูดเก่งเหลือเกิน! แต่หากเราสองไม่มีเรื่องบาดหมางระหว่างกันแล้ว ข้าจะไปผลักเจ้าด้วยเหตุใดเล่า!”เซี่ยโฮ่วตานรั่วรู้สึกว่านางจับได้อีกหนึ่งจุดอ่อนของหลิงอวี๋หลิงอวี๋มองไปที่เซียวหลินเทียน เซียวหลินเทียนรู้สึกงุนงงเล็กน้อย กำลังโต้ตอบกันดี ๆ แท้ ๆ เหตุใดจู่ ๆ ถึงมองมาที่เขาเล่า?ยิ่งไปกว่านั้น แววตาของหลิงอวี๋ดูเหมือน... โกรธเคืองเขา!“องค์หญิงตานรั่ว ท่านเคยได้ยินคำพูดนี้หรือไม่? การต่อสู้ของเหล่าสตรี มีเพียงเหตุผลเดียว นั่นคือบุรุษ!”หลิงอวี๋หรี่ตาลง มองเซี่ยโฮ่วตานรั่วด้วยท่าทีเยาะเย้ย“ครั้งแรกที่องค์หญิงตานรั่วเห็นท่านอ๋องของหม่อมฉัน ท่านถึงกับกล่าวกับท่านอ๋องของหม่อมฉันต่อหน้าธารกำนัล ว่า ‘ข้าคือสตรีเดียวในใต้หล้าที่คู่ควรกับท่าน! ข้าจะเลือกท่านเป็นคู่ครองของข้า!’”“แม้ว่าท่านอ๋องจะอภิเษกแล้วก็สามารถหย่าได้ และอภิเษกใหม่ได้ สตรีสามัญเหล่าน
“ยิ่งไปกว่านั้น ท่านอ๋องก็ได้กล่าวกับท่านอย่างชัดเจนแล้วว่าชาตินี้จะมิหย่า ดังนั้นหม่อมฉันยิ่งมิจำเป็นต้องเกลียดท่านเลย!”“องค์หญิงตานรั่ว มีเพียงผู้ที่ไร้ความมั่นใจในตนเองเท่านั้นที่คิดพึ่งพาผู้อื่นเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ!”“หม่อมฉันเก่งกว่าท่านมิว่าจะเป็นด้านดนตรี หมากล้อม อักษรศิลป์ และการวาดภาพ นอกจากสถานะองค์หญิงแล้ว ท่านมีสิ่งใดที่ควรค่าให้หม่อมฉันรู้สึกอิจฉาหรือ?”คำพูดของหลิงอวี๋ทำให้นางยิ่งฮึกเหิมและอยู่เหนือกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับความอับอายของเซี่ยโฮ่วตานรั่วในตอนนี้...กลบเกลื่อนความหยิ่งผยองของเซี่ยโฮ่วตานรั่วไปจนหมดสิ้น!อาศัยเพียงโชคชะตาลิขิตถึงได้ถือกำเนิดในราชวงศ์อย่างนั้นหรือ?ทว่านอกเหนือจากฐานะองค์หญิงแล้ว มิว่าจะเป็นอุปนิสัย ความงดงาม หรือแม้แต่การร่ำเรียนวิชา มีอะไรบ้างที่เหนือกว่าหลิงอวี๋?หากเกิดในครอบครัวธรรมดาสามัญ คนเช่นเซี่ยโฮ่วตานรั่วมีสิ่งใดที่น่าภาคภูมิใจกัน?เซี่ยโฮ่วตานรั่วโกรธจนตัวสั่น เมื่อถูกลากมาเหยียดหยามประจานต่อหน้าเซียวหลินเทียน นางเพียงต้องการฉีกใบหน้าที่เปล่งประกายของหลิงอวี๋...นางจ้องไปที่หลิงอวี๋ด้วยสายตาอันมากล้นไปด้วยพิษสงหลิงอว
พระชายาอ๋องอี้มีหลักฐานอะไรอีกที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเซี่ยโฮ่วตานรั่วโกหกมู่หรงเหยียนซงรู้ว่า องค์ชายหนิงเป็นคนฉลาด เขาชิงกล่าวขอโทษก่อนก็เพราะกลัวว่าคำพูดที่พระชายาอ๋องอี้จะกล่าวต่อไปจะเป็นการทำลายภาพลักษณ์ของชาวฉีตะวันออกเสียจนมิเหลือชิ้นดีมู่หรงเหยียนซงอยากรู้อยากเห็นยิ่งขึ้นว่า มันคืออะไรกัน?สิ่งที่องค์ชายหนิงและคนอื่น ๆ เห็น เขาเองก็เห็น แต่ไฉนจึงมิพบ?เซียวหลินเทียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่องค์ชายหนิงยอมเป็นฝ่ายขอโทษ กระนั้นเขาก็ยังต้องการดูหลิงอวี๋ตบหน้าเซี่ยโฮ่วตานรั่วต่อไป!สตรีนางนี้กล้าผลักหลิงอวี๋ไปสู่อันตราย นางควรต้องรับผิดชอบเรื่องทั้งหมดนี้ด้วยซ้ำไปในขณะเดียวกัน เซียวหลินเทียนก็รู้สึกภูมิใจในตัวหลิงอวี๋นางมิจำเป็นต้องพึ่งพาเขา นางสามารถพลิกผันสถานการณ์ได้ด้วยความสามารถของตนเอง“พอได้แล้ว!”องค์ชายหนิงหน้าบูดบึ้ง เอ่ยเสียงดังว่า “ขออภัยพระชายาอ๋องอี้เสีย ข้าและอ๋องอี้กำลังแข่งขันกันอยู่! เจ้าทำให้เราเสียเวลาไปมากแล้ว อย่ามัวทำอะไรที่ไร้เหตุผลอีกเลย!”องค์ชายหนิงพิจารณาจากสิ่งที่หลิงอวี๋พูด กอปรกับความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับเซี่ยโฮ่วตานรั่วในยามปกติ มินานก็พอ
เมื่อได้ยินคำพูดของเซี่ยโฮ่วตานรั่ว เซียวหลินเทียนก็จ้องมองไปทางองค์ชายหนิงด้วยแววตาคมดุจลูกศรเขาหมายปองหลิงอวี๋หรือ?คนผู้นี้บังอาจหมายปองชายาของเขา!องค์ชายหนิงรับรู้ได้ถึงเจตนาสังหารที่เซียวหลินเทียนมีต่อตนในทันที สีหน้ายิ่งหม่นหมองลงเขาเกลียดเซี่ยโฮ่วตานรั่วเข้ากระดูกดำ มิเพียงช่วยเหลือตนมิได้ ยังสร้างเรื่องยุ่งยากโดยมิรู้จักกาลเทศะอีก!“ตานรั่ว เจ้าช่วยตนเองยังทำมิได้! หากเจ้ากล้าเกเรอีก จากนี้ก็อย่าหวังว่าจะให้ข้าช่วยเลย!”องค์ชายหนิงจ้องมองเซี่ยโฮ่วตานรั่วด้วยสายตาเชือดเฉือนชาวฉีตะวันออกที่อยู่รอบข้างต่างก็รู้ดีว่าองค์ชายหนิงมีโทสะจริงแล้วซินจิ้ง หัวหน้านางกำนัลรู้สึกใจหายแทนเซี่ยโฮ่วตานรั่ว นางดึงแขนเซี่ยโฮ่วตานรั่วเบา ๆ เพื่อเตือนให้รู้ตัวทว่าในเวลานี้ เซี่ยโฮ่วตานรั่วมิรับรู้คำเตือนใด ๆนางรู้สึกถึงขนาดว่า แม้แต่ซินจิ้งที่นางไว้ใจและเชื่อใจที่สุดยังทรยศนาง เห็นด้วยกับองค์ชายหนิงและบังคับให้นางต้องยินยอมนางยกมือตบหน้าซินจิ้งอย่างแรง ดวงตาแดงก่ำราวกับสัตว์ในกรงขัง“เพื่อหม่อมฉันหรือ? เสด็จพี่ หากท่านต้องการทำสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อหม่อมฉัน ท่านย่อมมิบังคับให้หม่อ