เซียวหลินเทียนแค่นเสียงอย่างเย็นชา และมองไปที่องค์ชายหนิง “องค์ชายหนิง ท่านเข้าใจคำว่ากล่าวตามความจริงเพื่อความยุติธรรมหรือไม่?”“กล่าวตามความจริงหมายถึง การกล่าวความจริงตามหลักฐาน!”“เราได้ฟังแต่คำพูดขององค์หญิงตานรั่วเพียงฝ่ายเดียว แล้วเซียวทงของท่านก็รีบออกหน้าตำหนิพระชายาอ๋องอี้ของข้า สิ่งที่ข้าทำคือการตักเตือนนาง ผิดหรือ?”“หรือว่าชาวฉีตะวันออกเช่นพวกท่านสักแต่กล่าวโดยมิแยกแยะว่าใครถูกใครผิด ใครฟ้องผิดก่อนถูกเสมองั้นรึ?”เมื่อเซี่ยโฮ่วตานรั่วได้ยินคำพูดนี้ก็โกรธขึ้นมาทันที “อ๋องอี้ ท่านหมายความว่าข้าเป็นคนชั่วที่ฟ้องผิดก่อนงั้นหรือ?”อันเจ๋อที่อยู่ข้าง ๆ นิ่งฟังอยู่ ก็อดมิได้ที่จะเยาะเย้ย “การกระทำของท่านต่างจากการเป็นคนชั่วฟ้องผิดก่อนอย่างไร! เมื่อครู่ท่านเพิ่งกล่าวว่ามิโทษพระชายาอ๋องอี้ที่ผลักท่าน ทว่าหากท่านมิถือโทษโกรธนางจริง แล้วเหตุใดต้องพูดเรื่องนี้ต่อหน้าคนมากมายด้วยเล่า?”“แม้ว่าท่านจะต้องการแสร้งทำตัวเป็นคนใจกว้าง แต่ก็ควรแสร้งทำให้แนบเนียนสักหน่อยสิ!”จ้าวซวนและคนอื่น ๆ ต่างก็หัวเราะ พวกเขาอาจมิได้อยู่ที่นั่นตอนเกิดเหตุ แต่ก็คลุกคลีอยู่กับหลิงอวี๋มานานแล้ว จะเชื่
เซียวหลินเทียนสีหน้าเคร่งขรึม ตวาดเสียงดัง“หยุดพูดจาเหลวไหล! เจ้าเป็นใครกันถึงกล้ามาสั่งสอนพระชายาของข้า? ข้ายินดีแสดงความโปรดปรานต่อพระชายาของข้า เจ้าถือสิทธิ์ใดมาสั่งให้พระชายาของข้าปฏิบัติตาม?!”เจ้าฉาเค่อฉีนี่ถือตนเป็นกระบอกเสียงขององค์ชายหนิงหรืออย่างไร?องค์ชายหนิงต้องการรักษาภาพลักษณ์ใจกว้างของตน แต่เซียวหลินเทียนกลับมิให้เขาได้สมหวัง!“ท่านอ๋อง หม่อมฉันจะจัดการเรื่องนี้เอง!”หลิงอวี๋ดึงเซียวหลินเทียนไว้แล้วหันมายิ้มให้เขาอย่างมั่นใจทุกครั้งที่เซียวหลินเทียนเห็นหลิงอวี๋ยิ้มเช่นนี้ เขารับรู้ว่าหลิงอวี๋มั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมเขาจำได้ว่า ครั้งหนึ่งในงานเลี้ยงวังหลวง หลิงอวี๋เกือบถูกตัดศีรษะ แต่นางกลับกล้าด่าจักรพรรดิอู่อันว่าเป็นกษัตริย์ผู้โง่เขลา เช่นนั้นองค์หญิงน้อยแห่งฉีตะวันออกหรือจะควรค่าให้หลิงอวี๋หวาดกลัว?เซียวหลินเทียนจึงทำเพียงจับมือนางอย่างสบายใจเพื่อแสดงการสนับสนุนหลิงอวี๋ก้าวไปข้างหน้าสองก้าว ดวงตาใสแจ๋วและงดงามของนางจ้องมองไปที่เซี่ยโฮ่วตานรั่วอย่างเย็นชา“องค์หญิงตานรั่ว ข้าควรกล่าวขอโทษต่อท่านหรือ?”น้ำเสียงของนางปราศจากความอบอุ่นหรืออารมณ์ใด ๆ เป็นเพีย
หลิงอวี๋เล่าสถานการณ์ในตอนนั้นอย่างชัดถ้อยชัดคำแม้ว่าทุกคนจะมิได้เห็นด้วยตาตนเอง แต่เมื่อลองนึกภาพหมูป่าจำนวนมากวิ่งเข้ามาหมายพุ่งชนในตอนนั้น สถานการณ์คงอันตรายมากจริง ๆสายตาอันเย็นชาและเฉียบคมของเซียวหลินเทียนจ้องไปที่เซี่ยโฮ่วตานรั่ว หลิงอวี๋ช่วยนางไว้ แต่นางกลับกล้าผลักหลิงอวี๋ไปหาคมเขี้ยวหมูป่า...ผู้ใดให้ความกล้าแก่นาง?สมควรตายนัก!เซียวหลินเทียนจดจำเรื่องนี้ไว้ในใจ...“องค์หญิงตานรั่ว ท่านล้มลงไปกับพื้น หม่อมฉันจึงลากท่านให้ลุกขึ้นมา ช่วยมิให้ท่านตายภายใต้กีบเท้าหมูป่า มิใช่หรือ?”“ท่านถูกหมูป่าล้อมขณะเกาะอยู่บนต้นไม้ หม่อมฉันและนางกำนัลของท่านนี่แหละที่ใช้ธนูระดมยิงหมูป่าเพื่อช่วยท่าน มิใช่หรือ?”หลิงอวี๋ถามคำถามต่อเนื่อง ทำให้ร่างกายของเซี่ยโฮ่วตานรั่วสั่นเทาไปทั้งตัว สายตาของนางกระสับกระส่ายและพยายามหลบเลี่ยง...นางเกร็งนิ้วจนมือแดงก่ำ รีบพูดแทรกอย่างใจร้อน “พระชายาอ๋องอี้ เจ้าช่างบิดเบือนความจริงได้เก่งกาจนัก ทั้ง ๆ ที่เป็นเจ้าต่างหากที่กล่าววาจาอวดดีจนดึงดูดหมูป่ามา แต่กลับกล่าวหาว่าข้าเป็นผู้กระทำ!”“ทั้ง ๆ ที่ข้าเป็นผู้ช่วยเจ้า แต่เจ้ากลับกล่าวว่าเป็นเจ้าที่ช่
คำพูดของหลิงอวี๋แต่ละคำราวกับมีดที่แทงทะลุหัวใจของเซียวทง ทำให้นางมิกล้าพูดอะไรอีกเซี่ยโฮ่วตานรั่วก็มิคิดว่าหลิงอวี๋จะดื้อรั้นเช่นนี้ ความคิดของนางเมื่ออยู่ต่อหน้าหลิงอวี๋แล้วราวกับไม่มีที่หลบซ่อน!ทว่าในขณะนี้ นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องฝืนแสดงต่อไป!“พระชายาอ๋องอี้ เหตุใดเจ้าถึงมิยอมเลิกราเช่นนี้? ข้ามิเอาความที่เจ้าผลักข้าก็ดีแล้ว ยังมิพอใจอีกรึ?”เซี่ยโฮ่วตานรั่วกล่าวอย่างโมโห “ใต้หล้านี้มีคนเนรคุณและบิดเบือนความจริงอย่างเจ้าด้วยรึ!”“ข้าเป็นองค์หญิงแห่งฉีตะวันออก มีฐานะสูงส่ง แม้ว่าเจ้าจะเป็นพระชายา แต่เทียบเคียงกับข้าได้รึ?”“เหตุใดข้าจึงต้องใส่ร้ายเจ้า? เจ้ามีหลักฐานอะไรที่บอกว่าองค์หญิงเช่นข้าใส่ร้ายเจ้ากัน!?”“เหตุใดงั้นรึ?” หลิงอวี๋หัวเราะเยาะ สายตาของนางเต็มไปด้วยความดูถูก “องค์หญิงตานรั่ว หม่อมฉันยังต้องอธิบายให้ชัดเจนอีกหรือว่าท่านมีเจตนาอย่างไร?”“ได้ ในเมื่อท่านต้องการใส่ร้ายให้หม่อมฉันแบกรับข้อหาเนรคุณ เพื่อฉินตะวันตกของหม่อมฉัน เพื่อชื่อเสียงและเกียรติของหม่อมฉันเอง เช่นนั้นข้าก็มิอาจให้เกียรติท่านโดยการช่วยท่านปกปิดข้อเท็จจริงได้!”“พวกเรามาพูดกันให้ชัดเจ
เซี่ยโฮ่วตานรั่วโกรธจนตัวสั่น ฝีปากของหลิงอวี๋ช่างฉลาดปราดเปรื่องนักนางกำหมัดแน่น หากตอนนี้ไม่มีคนมากมายอยู่รอบด้าน นางคงจะพุ่งเข้าไปฉีกหลิงอวี๋เป็นชิ้น ๆการจัดการกับคนอย่างหลิงอวี๋ ใช้กำลังไปเลยยังง่ายดายเสียกว่า!“พระชายาอ๋องอี้ เจ้าพูดเก่งเหลือเกิน! แต่หากเราสองไม่มีเรื่องบาดหมางระหว่างกันแล้ว ข้าจะไปผลักเจ้าด้วยเหตุใดเล่า!”เซี่ยโฮ่วตานรั่วรู้สึกว่านางจับได้อีกหนึ่งจุดอ่อนของหลิงอวี๋หลิงอวี๋มองไปที่เซียวหลินเทียน เซียวหลินเทียนรู้สึกงุนงงเล็กน้อย กำลังโต้ตอบกันดี ๆ แท้ ๆ เหตุใดจู่ ๆ ถึงมองมาที่เขาเล่า?ยิ่งไปกว่านั้น แววตาของหลิงอวี๋ดูเหมือน... โกรธเคืองเขา!“องค์หญิงตานรั่ว ท่านเคยได้ยินคำพูดนี้หรือไม่? การต่อสู้ของเหล่าสตรี มีเพียงเหตุผลเดียว นั่นคือบุรุษ!”หลิงอวี๋หรี่ตาลง มองเซี่ยโฮ่วตานรั่วด้วยท่าทีเยาะเย้ย“ครั้งแรกที่องค์หญิงตานรั่วเห็นท่านอ๋องของหม่อมฉัน ท่านถึงกับกล่าวกับท่านอ๋องของหม่อมฉันต่อหน้าธารกำนัล ว่า ‘ข้าคือสตรีเดียวในใต้หล้าที่คู่ควรกับท่าน! ข้าจะเลือกท่านเป็นคู่ครองของข้า!’”“แม้ว่าท่านอ๋องจะอภิเษกแล้วก็สามารถหย่าได้ และอภิเษกใหม่ได้ สตรีสามัญเหล่าน
“ยิ่งไปกว่านั้น ท่านอ๋องก็ได้กล่าวกับท่านอย่างชัดเจนแล้วว่าชาตินี้จะมิหย่า ดังนั้นหม่อมฉันยิ่งมิจำเป็นต้องเกลียดท่านเลย!”“องค์หญิงตานรั่ว มีเพียงผู้ที่ไร้ความมั่นใจในตนเองเท่านั้นที่คิดพึ่งพาผู้อื่นเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ!”“หม่อมฉันเก่งกว่าท่านมิว่าจะเป็นด้านดนตรี หมากล้อม อักษรศิลป์ และการวาดภาพ นอกจากสถานะองค์หญิงแล้ว ท่านมีสิ่งใดที่ควรค่าให้หม่อมฉันรู้สึกอิจฉาหรือ?”คำพูดของหลิงอวี๋ทำให้นางยิ่งฮึกเหิมและอยู่เหนือกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับความอับอายของเซี่ยโฮ่วตานรั่วในตอนนี้...กลบเกลื่อนความหยิ่งผยองของเซี่ยโฮ่วตานรั่วไปจนหมดสิ้น!อาศัยเพียงโชคชะตาลิขิตถึงได้ถือกำเนิดในราชวงศ์อย่างนั้นหรือ?ทว่านอกเหนือจากฐานะองค์หญิงแล้ว มิว่าจะเป็นอุปนิสัย ความงดงาม หรือแม้แต่การร่ำเรียนวิชา มีอะไรบ้างที่เหนือกว่าหลิงอวี๋?หากเกิดในครอบครัวธรรมดาสามัญ คนเช่นเซี่ยโฮ่วตานรั่วมีสิ่งใดที่น่าภาคภูมิใจกัน?เซี่ยโฮ่วตานรั่วโกรธจนตัวสั่น เมื่อถูกลากมาเหยียดหยามประจานต่อหน้าเซียวหลินเทียน นางเพียงต้องการฉีกใบหน้าที่เปล่งประกายของหลิงอวี๋...นางจ้องไปที่หลิงอวี๋ด้วยสายตาอันมากล้นไปด้วยพิษสงหลิงอว
พระชายาอ๋องอี้มีหลักฐานอะไรอีกที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเซี่ยโฮ่วตานรั่วโกหกมู่หรงเหยียนซงรู้ว่า องค์ชายหนิงเป็นคนฉลาด เขาชิงกล่าวขอโทษก่อนก็เพราะกลัวว่าคำพูดที่พระชายาอ๋องอี้จะกล่าวต่อไปจะเป็นการทำลายภาพลักษณ์ของชาวฉีตะวันออกเสียจนมิเหลือชิ้นดีมู่หรงเหยียนซงอยากรู้อยากเห็นยิ่งขึ้นว่า มันคืออะไรกัน?สิ่งที่องค์ชายหนิงและคนอื่น ๆ เห็น เขาเองก็เห็น แต่ไฉนจึงมิพบ?เซียวหลินเทียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่องค์ชายหนิงยอมเป็นฝ่ายขอโทษ กระนั้นเขาก็ยังต้องการดูหลิงอวี๋ตบหน้าเซี่ยโฮ่วตานรั่วต่อไป!สตรีนางนี้กล้าผลักหลิงอวี๋ไปสู่อันตราย นางควรต้องรับผิดชอบเรื่องทั้งหมดนี้ด้วยซ้ำไปในขณะเดียวกัน เซียวหลินเทียนก็รู้สึกภูมิใจในตัวหลิงอวี๋นางมิจำเป็นต้องพึ่งพาเขา นางสามารถพลิกผันสถานการณ์ได้ด้วยความสามารถของตนเอง“พอได้แล้ว!”องค์ชายหนิงหน้าบูดบึ้ง เอ่ยเสียงดังว่า “ขออภัยพระชายาอ๋องอี้เสีย ข้าและอ๋องอี้กำลังแข่งขันกันอยู่! เจ้าทำให้เราเสียเวลาไปมากแล้ว อย่ามัวทำอะไรที่ไร้เหตุผลอีกเลย!”องค์ชายหนิงพิจารณาจากสิ่งที่หลิงอวี๋พูด กอปรกับความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับเซี่ยโฮ่วตานรั่วในยามปกติ มินานก็พอ
เมื่อได้ยินคำพูดของเซี่ยโฮ่วตานรั่ว เซียวหลินเทียนก็จ้องมองไปทางองค์ชายหนิงด้วยแววตาคมดุจลูกศรเขาหมายปองหลิงอวี๋หรือ?คนผู้นี้บังอาจหมายปองชายาของเขา!องค์ชายหนิงรับรู้ได้ถึงเจตนาสังหารที่เซียวหลินเทียนมีต่อตนในทันที สีหน้ายิ่งหม่นหมองลงเขาเกลียดเซี่ยโฮ่วตานรั่วเข้ากระดูกดำ มิเพียงช่วยเหลือตนมิได้ ยังสร้างเรื่องยุ่งยากโดยมิรู้จักกาลเทศะอีก!“ตานรั่ว เจ้าช่วยตนเองยังทำมิได้! หากเจ้ากล้าเกเรอีก จากนี้ก็อย่าหวังว่าจะให้ข้าช่วยเลย!”องค์ชายหนิงจ้องมองเซี่ยโฮ่วตานรั่วด้วยสายตาเชือดเฉือนชาวฉีตะวันออกที่อยู่รอบข้างต่างก็รู้ดีว่าองค์ชายหนิงมีโทสะจริงแล้วซินจิ้ง หัวหน้านางกำนัลรู้สึกใจหายแทนเซี่ยโฮ่วตานรั่ว นางดึงแขนเซี่ยโฮ่วตานรั่วเบา ๆ เพื่อเตือนให้รู้ตัวทว่าในเวลานี้ เซี่ยโฮ่วตานรั่วมิรับรู้คำเตือนใด ๆนางรู้สึกถึงขนาดว่า แม้แต่ซินจิ้งที่นางไว้ใจและเชื่อใจที่สุดยังทรยศนาง เห็นด้วยกับองค์ชายหนิงและบังคับให้นางต้องยินยอมนางยกมือตบหน้าซินจิ้งอย่างแรง ดวงตาแดงก่ำราวกับสัตว์ในกรงขัง“เพื่อหม่อมฉันหรือ? เสด็จพี่ หากท่านต้องการทำสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อหม่อมฉัน ท่านย่อมมิบังคับให้หม่อ
คนที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยสั่งการล้วนปะปนอยู่ในฝูงชน เมื่อเห็นคนนั้นกระโดดออกมาฟ้องร้องหลี่ต้าหนิว ก็มีคนตามกันออกมา“ใต้เท้าเถี่ยทำเพื่อฮองเฮา จึงจงใจปกปิดหลี่ต้าหนิว!”“สังหารหลี่ต้าหนิว ลงโทษฮองเฮาสถานหนัก ถอดถอนฮองเฮา!”“ถอดถอนฮองเฮา!”เสียงคัดค้านเหล่านั้นแหลมสูงขึ้นเรื่อย ๆ“เงียบ!”แม่ทัพสือตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง พลางตะคอกเสียงแข็ง “ใต้เท้าเถี่ยกำลังไต่สวน ห้ามพวกเจ้าเอะอะเสียงดัง มิเช่นนั้นจะถูกลงโทษที่ส่งเสียงดัง!”“เกรียงไกร...”ทหารกองทัพหลงที่อยู่รอบ ๆ ตะโกนขึ้นมาโดยพร้อมเพรียงกันบรรยากาศที่ทรงอำนาจและหอกที่ส่องประกายในมือพวกเขาปรามให้คนที่โวยวายจำนวนมากมิกล้าพูดคนหนึ่งคิดว่าแม่ทัพสือมิกล้าสังหารตนต่อหน้าคนจำนวนมากเช่นนี้ จึงตะโกนขึ้นมา“ใต้เท้าเถี่ยตัดสินคดีมิยุติธรรม ยังมิให้เราเอ่ยทวงความยุติธรรมอีกหรือ? พวกเราเรียกร้องให้เปลี่ยนตัวใต้เท้าเถี่ยแล้วไต่สวนคดีนี้ใหม่อีกครั้ง!เซียวหลินเทียนสีหน้าเรียบนิ่งลง นี่มิได้กำลังท้าทายใต้เท้าเถี่ย แต่กำลังท้าทายอำนาจของตน!เขามองแม่ทัพสือ แม่ทัพสือจึงโบกมือทันที จากนั้นทหารกองทัพหลวงหลายคนก็พุ่งไปข้างหน้าแล้วกดคนผู้นั้นลงกับพื้
“มิต้องกลัว แม้ว่าทุกคนในใต้หล้าจะร้ายกับเจ้า เจ้าก็ยังมีข้าอยู่!”หลิงอวี๋เดินไปอย่างมั่นคง เซียวหลินเทียนนั้นจับมือของนางไว้แน่นแม้ว่าจะมิได้พูด แต่คำที่เซียวหลินเทียนสัญญาก็ดังก้องอยู่ข้างหูของหลิงอวี๋นางมองหนทางไกลที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน คนที่มาในวันนี้มากกว่าในวันพิธีแต่งตั้งฮองเฮาหลายเท่ามิได้มีเพียงแต่ขุนนาง ยังมีทูตจากแคว้นเล็กที่มาประชุม และมีเหล่าราษฎรที่นางเคยคิดทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อประโยชน์และความสุขของพวกเขาด้วย...มีศัตรู และมีสหาย!หลิงอวี๋เห็นท่านอดีตเสนาบดี เจียงอวี้ และพระชายาผิงหนานอยู่ท่ามกลางฝูงชนนั้น...แล้วก็เห็นจ้าวหรุ่ยหรุ่ยที่มีผ้าปิดหน้าและองค์ชายคัง!หลิงอวี๋ยิ้มแล้วตามเซียวหลินเทียนเดินไปที่แท่นสูงดูเหมือนว่านี่มิใช่การมาเข้าร่วมการพิพากษาคดีของตน แต่แค่มาเข้าร่วมงานเลี้ยงท้องถนนซึ่งหาได้ยากที่จะแสดงความรุ่งเรืองของฉินตะวันตกเซียวหลินเทียนยืนอยู่หน้าเก้าอี้มังกรสูงใหญ่ที่จัดมาเป็นพิเศษ สายตากวาดมองไปรอบ ๆ จากนั้นก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมด้วยอำนาจและสงบเยือก“เหล่าขุนนางและราษฎรฉินตะวันตก ทุกคนมาเข้าร่วมงานเลี้ยงท้องถนนนี้ก็ล้วนรู้กันดีว่างา
หลิงหว่านอยู่ในห้องได้ยินดังนั้นใจก็จมดิ่งลงทันทีด้านนอกมิรู้ว่ามีคนแบบใดเฝ้าพวกเขาอยู่ หลิงเสียงกังก็ถูกวางยาพิษอีก พวกเขาจะหนีไปได้อย่างปลอดภัยหรือ?“แล้วหลิงหว่านเล่า?” อีกคนหนึ่งเอ่ยถาม“เก็บนางไว้ก่อน รอผ่านวันพรุ่งไปแล้วค่อยว่ากัน!”วันพรุ่ง?วันพรุ่งจะเกิดอะไรขึ้น?หลิงหว่านมิเข้าใจเรื่องภายนอก แต่ฟังจากบทสนทนาของทั้งสองคนแล้วนางก็รู้ว่าวันพรุ่งจะต้องเป็นวันสำคัญแน่นอนนางกับหลิงเสียงกังจะต้องหนีไปให้ได้ก่อนวันพรุ่งจะมาถึง และไปเปิดโปงแผนร้ายของเฝิงฉินดีที่สองคนนั้นแค่คุยกันอยู่ด้านนอก มิได้เข้ามาตรวจสอบด้านในกระทั่งด้านนอกไม่มีเสียงใดแล้ว หลิงหว่านก็กระซิบอย่างร้อนใจ “ท่านพ่อ อีกนานหรือไม่?”หลิงหว่านมองมิเห็นหลิงเสียงกัง ริมฝีปากของเขาทั้งบนและล่างล้วนถูไปกับเชือกป่านจนเลือดเปื้อนเชือกป่านแดงฉานไปหมดเขาเองก็ได้ยินบทสนทนาของสองคนนั้นและกังวลมากเช่นกัน เขามีเวลามิมากแล้ว เขาต้องรีบช่วยแก้มัดให้หลิงหว่านแล้วให้นางหนีออกไปนางเป็นลูกสาวของตน แม้ว่าเขาจะจำมิได้ แต่คำเรียกพ่อนั้นก็เป็นแรงให้เขา!หลิงเสียงกังกับหลิงหว่านล้วนมิรู้ว่าเผยอวี้พาคนมาหาที่นี่จนพบแล้ว ที่มิ
เฝิงฉินตอบสนองต่อเสียงก่นด่าของหลิงหว่านด้วยรอยยิ้มดูถูก แล้วเดินเข้ามามองนาง“หลิงหว่าน เจ้ากับพ่อเจ้าอยู่ในกำมือข้า เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าแม่เจ้าทำเพื่อชีวิตของพวกเจ้า แม้ว่าข้าจะให้นางไปกินอุจจาระนางเองก็จะยอมทำตามแต่โดยดี!”ใจของหลิงหว่านจมดิ่งลง และเกิดลางสังหรณ์ที่มิดีขึ้นมาเฝิงฉินกล้าพูดทุกอย่างนี้กับตน หรือว่ามิได้คิดจะให้ตนมีชีวิตกลับไปอีกแล้ว?“พวกเจ้าต้องการทำสิ่งใดกันแน่?”หลิงหว่านตะโกนออกไปอย่างหวาดกลัวแต่เฝิงฉินกลับมิเสียเวลาพูดกับนางแล้วหมุนตัวเดินไปข้างกายหลิงเสียงกัง และพยายามโน้มน้าวหลิงเสียงกังแต่หลิงเสียงกังนิ่งเฉย เขาสามารถลำบากเพื่อเฝิงฉินได้ แต่เรื่องที่จะให้ตนใช้ข้อหาที่ไม่มีจริงไปใส่ร้ายหลิงอวี๋นั้นเขาไม่มีทางยอมทำเด็ดขาดสุดท้ายเฝิงฉินจึงเดินออกไปพร้อมกับโทสะ“ท่านพ่อ เราอยู่ที่นี่มิได้ เฝิงฉินไม่มีทางกล้าที่จะฟ้องร้องพี่หญิงหลิงหลิงเช่นนี้แน่ เบื้องหลังของนางจะต้องมีคนคอยหนุนหลังอยู่!”หลิงหว่านคิดในจุดนี้อย่างรวดเร็วแล้วเอ่ยอย่างร้อนใจ “จุดประสงค์ของคนที่ให้การสนับสนุนนางคือการทำลายพี่หญิงหลิงหลิง เมื่อนางบรรลุจุดประสงค์แล้วจะต้องสังหารพวกเราเป็นแ
หลิงหว่านกับหลิงเสียงกังถูกขังไว้ในไร่นาร้างแห่งหนึ่งหลิงหว่านถูกเฝิงฉินพาไปที่ชานเมืองเมื่อยามไปหาหลิงเสียงกัง เฝิงฉินบอกว่าหลิงเสียงกังเกิดอาการปวดหัวขึ้นมา หลิงหว่านเป็นห่วงอาการป่วยของบิดาตนจึงตามไปไหนเลยจะคิดว่าเมื่อเข้าประตูไปแล้วจะถูกเฝิงฉินเอาไม้ทุบสลบไปกระทั่งหลิงหว่านฟื้นขึ้นมาจึงได้พบว่าตนถูกมัดแขนขาอยู่บนเก้าอี้เก่า ๆ ตัวหนึ่งส่วนหลิงเสียงกังก็นอนอยู่ในดงหญ้าที่พื้น และถูกมัดแขนขาเช่นกัน“ท่านพ่อ!”หลิงหว่านมิรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เฝิงฉินหาทางผูกมัดหลิงเสียงกังมาโดยตลอดมิใช่หรือ?มัดตนไว้ยังพอยอมรับได้ แต่เหตุไฉนต้องมัดหลิงเสียงกังด้วยเล่า!“แค่ก!”หลิงเสียงกังฟื้นจากการที่ถูกหลิงหว่านปลุกขึ้นมา แล้วก็รู้สึกถึงกลิ่นเลือดในปาก จากนั้นเขาก็ไออย่างรุนแรงแล้วกระอักเลือดออกมา“ท่านพ่อ!”หลิงหว่านกังวลเป็นอย่างมาก เห็นว่าหลิงเสียงกังที่ดูแข็งแรงดีเมื่อหลายวันก่อนกลับมีท่าทีอ่อนแอเช่นนี้ ต้องพยายามอยู่หลายครั้งจึงจะลุกขึ้นนั่งได้“เฝิงฉิน เหตุใดเจ้าจึงทำกับข้าเช่นนี้?!”หลิงเสียงกังมิได้สนใจหลิงหว่านแล้วตะโกนแผดเสียงออกมาที่มุมปากของเขามีเลือดไหล แต่เลือดเหล่านี้มิ
“ฝ่าบาท! เรื่องนี้จะทำอย่างไรดีพ่ะย่ะค่ะ? แคว้นเล็กเหล่านั้นล้วนอยู่ที่เมืองหลวง ครานี้บัณฑิตโวยวายกันจนเป็นเช่นนี้ หากมิไกล่เกลี่ยพวกเขาให้ดี ผลที่ตามมาคงยากเกินจะรับไหวพ่ะย่ะค่ะ!”สองวันมานี้หลี่ว์เซียงติดเชื้อไข้หวัดพักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน เมื่อเห็นว่าเรื่องของหลิงอวี๋ใหญ่โตขึ้นเรื่อย ๆ ก็อยู่บ้านมิได้แล้วจึงรีบมาราชสำนัก“พวกเจ้าอย่าได้ร้อนใจ ข้าเรียกพวกเจ้ามาก็เพราะจะหารือเรื่องนี้!”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างปลอบใจ “ข้ามิประหารผู้ใดง่าย ๆ หรอก ทว่าหากมีเจตนาชั่วร้าย คิดจะใช้เรื่องนี้มาบีบบังคับให้ข้าประนีประนอม เช่นนั้นคงเป็นไปมิได้!”“วันพรุ่งข้าจะจัดงานเลี้ยงท้องถนนและชี้แจงเรื่องนี้ เรื่องที่พวกเจ้าสองคนต้องทำในวันนี้ก็คือ ไกล่เกลี่ยให้บัณฑิตเหล่านั้นกลับไปโดยมิต้องเปลืองแรง!”เซียวหลินเทียนให้แม่ทัพเฉินไปตรวจสอบเรื่องอาคารศึกษาถล่ม หลี่ต้าหนิวเองก็ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำกรมอาญาเป็นการชั่วคราวเรื่องต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนต้องทำให้ชัดเจนก่อนวันพรุ่งเซียวหลินเทียนรู้ดี หากมิเตรียมให้พร้อม งานเลี้ยงท้องถนนในวันพรุ่งก็จะเป็นหายนะครั้งใหญ่ที่สุดที่ตนพบหลังจากครองบัลลังก์มา“การจัด
กับคนกันเอง หลิงอวี๋มิเคยแล้งน้ำใจได้ลงนี่คือสาเหตุหลักที่หลิงซวนกับพวกหานเหมยยินดีติดตามหลิงอวี๋ด้วยความรักโดยมิเสียใจ“ฮองเฮาเพคะ ครานี้องค์จักรพรรดิทรงทำเพื่อท่าน นับว่าทรงทุ่มเทแรงกายแรงใจเลยทีเดียว!”หลิงซวนอดมิได้ที่จะเอ่ย “ยามตกทุกข์ได้ยากจะพบความจริงใจ หม่อมฉันรู้สึกว่าฮองเฮาน่าจะให้โอกาสพระองค์ อย่าได้ปิดกั้นพระองค์อีกเลยเพคะ!”คำพูดของหลิงซวนเป็นคำกำกวม พวกนางผู้เป็นนางรับใช้ข้างกายของหลิงอวี๋ ล้วนรู้เรื่องราวภายในที่องค์จักรพรรดิมาพักที่พระตำหนักคุนหนิงในทุกครั้งเป็นอย่างดีว่านั่นเป็นการนอนหลับเฉย ๆ มิได้ทำสิ่งใดทั้งนั้นนี่หลิงซวนบอกใบ้ให้หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนได้ทำในสิ่งที่สามีภรรยาที่แท้จริงทำกัน อย่าได้ปิดกั้นเซียวหลินเทียนอีกเลย...หลิงอวี๋ย่อมเข้าใจในการบอกใบ้ของหลิงซวนอยู่แล้ว เหตุใดครานี้นางจึงมิเป็นฝ่ายไปตรวจสอบคดี หนึ่งก็คือรู้สึกผิดหวัง สองก็คือนางต้องการจะดูว่าเซียวหลินเทียนจะสามารถทำอะไรเพื่อตนได้บ้างเห็นได้ชัดว่าการกระทำของเซียวหลินเทียนในสองวันมานี้ผ่านมาก ๆนี่คือทัศนคติที่ควรมีในฐานะสามี!“ฮองเฮา ได้ยินมาว่าองค์จักรพรรดิจัดงานเลี้ยงท้องถนน สิ
จ้าวฮุยมองเซียวหลินเทียนจากไปด้วยสายตาที่ซับซ้อน จักรพรรดิองค์ใหม่ผู้นี้แตกต่างจากจักรพรรดิอู่อันโดยสิ้นเชิงภาพในวันนี้ทำให้เขาตระหนักได้ว่า หากทำให้เซียวหลินเทียนโกรธ เซียวหลินเทียนก็สามารถทำได้ทุกอย่าง!เหอะ ๆ!เซียวหลินเทียน เจ้าคิดว่าข่มขู่ขุนนางแล้วจะสามารถปกป้องหลิงอวี๋ไว้ได้เยี่ยงนั้นรึ?มันยังมิจบหรอก!เจ้ามิอาจห้ามปากของทุกคนได้!ขอเพียงเจ้ายังต้องการแผ่นดินฉินตะวันตกและยังต้องการนั่งบัลลังก์มังกรอย่างมั่นคงอยู่วันนี้เจ้าส่งผู้ตรวจการเจียงไปเข้าคุกอย่างไร วันข้างหน้าก็ต้องไปเชิญเขาออกมาอย่างเคารพข้าจะดูว่าเจ้าจะตบหน้าตัวเจ้าเองอย่างไร!สองวันมานี้แม้ว่าหลิงอวี๋จะมิได้สนใจเรื่องภายนอก แต่หลิงซวนก็ยังเล่าเรื่องที่เกิดภายนอกให้นางฟังอย่างภักดีโดยละเว้นเรื่องนางซุนไว้เมื่อได้ยินเรื่องชาวบ้านเหล่านั้นบอกว่าตนให้พวกเขาเลี้ยงวัวนมเพื่อให้ตนอาบน้ำ หลิงอวี๋ก็หัวเราะด้วยความโกรธเมื่อเทียบกับการทรยศของนางซุนผู้เป็นญาติของตน การใส่ร้ายแบบที่มิเห็นความหวังดีของผู้อื่นเช่นนี้ช่างเบาบางมากสำหรับหลิงอวี๋แต่แม้ว่าตัวหลิงอวี๋จะมิสนใจ แต่ก็ต้องคิดว่าเรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อตนและเ
เหล่าขุนนางที่ยังคงพูดอยู่ตกใจกลัวจนเงียบกริบและพากันคุกเข่าลงทันทีนี่เป็นครั้งแรกที่เซียวหลินเทียนโกรธราวกับฟ้าผ่าลงมาเช่นนี้นับตั้งแต่ครองบัลลังก์มา“พล่ามกันพอแล้วหรือไม่?”เซียวหลินเทียนตะคอกด้วยความโกรธ “อย่าเอาคำว่ากษัตริย์ผู้ทรงธรรมมาข่มขู่ข้าา! ตัวข้าเข้าสู่สนามรบตั้งแต่เจ็ดขวบ ข้าจะมิเคยเห็นภาพนองเลือดเชียวรึ? ข้าจะกลัวที่พวกเจ้าจะวิ่งชนเสาหรือ?”“วันนี้ข้าจะเอ่ย ณ ที่แห่งนี้ ข้ายอมเผด็จการหากจะต้องปกป้องหลิงอวี๋!”“อย่าว่าแต่ที่หลิงอวี๋มิได้มีความผิดใด ๆ แม้ว่านางคิดอยากจะนั่งในตำแหน่งนี้ของข้าจริง ๆ ข้าก็ยินดีจะหลีกทางให้… เพราะข้าเชื่อว่าหากหลิงอวี๋เป็นจักรพรรดินีก็ไม่มีทางด้อยไปกว่าข้า!”ขุนนางเหล่านั้นล้วนตกใจกับคำพูดนี้ของเซียวหลินเทียน!นี่… นี่… องค์จักรพรรดิถูกกระตุ้นจนจิตมีปัญหาหรือ?มิฉะนั้นจะพูดคำพูดที่ไร้สาระจนคาดมิถึงเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร!“ราษฎรทำผิดกฎหมายทางจวนขุนนางยังให้โอกาสพวกเขาได้อุทธรณ์! พวกเจ้าเป็นขุนนางในราชสำนักของข้า เป็นเจ้าหน้าที่ปกครองบ้านเมือง แต่พวกเจ้าฟังดูว่าพวกเจ้าพูดอะไรออกมา?”เซียวหลินเทียนตวาด “มิทำการสอบสวน มิรวบรวมหลักฐาน อา