Share

บทที่ 2

Author: ซูเหยียน
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความหิว หรือเพราะน้ำแกงไก่ป่าต้มหน่อไม้นี้รสชาติอร่อยสดใหม่มากเกินไปจริง ๆ

จวินจิ๋วอิ่นรู้สึกว่าน้ำแกงไก่ชามนี้ในตอนนี้ อร่อยยิ่งกว่าอาหารเลิศรสทั้งหมดที่เขาเคยกินมาเสียอีก

ไป๋เซียวนั่งยอง ๆ อยู่ด้านข้าง มือทั้งสองก็เท้าคาง พยายามครุ่นคิด

ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีอะไรที่อยากได้เลย

“ช่างเถอะ พอท่านหายดีแล้ว ท่านก็รีบออกไปจากที่นี่เสีย มิเช่นนั้นถ้าท่านแม่ของข้าพบเข้า ท่านจะต้องตายอยู่ที่นี่แน่”

เพราะเห็นแก่ใบหน้าที่คล้ายกันนี้ เขาจึงไม่อยากให้อีกฝ่ายตายอยู่ที่นี่จริง ๆ

“เพราะเหตุใด?”

“ท่านช่างโง่งมเสียจริง! ข้าเคยบอกแล้วว่า ท่านแม่ไม่ชอบให้คนแปลกหน้าเข้ามาในเขาหลิงอิ่น เพราะฉะนั้นท่านห้ามให้ท่านแม่พบเห็นเด็ดขาด มิฉะนั้นแม้แต่ซวี่เป่าก็ช่วยท่านไม่ได้แล้ว”

ไป๋เซียวทำท่าทางเหมือนกับรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก และอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากเร่งเร้า

“ท่านกินเร็ว ๆ เข้า ท่านแม่ยังรอข้าอยู่ที่บ้าน”

“น้ำแกงนี่เจ้าทำเองหรือ?”

จวินจิ๋วอิ่นซดน้ำแกงคำสุดท้ายหมดแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถาม

เขายังไม่อยากจะเชื่อเลยว่า นี่เป็นอาหารที่เด็กน้อยทำขึ้นมา

“แน่นอนสิ อร่อยใช่หรือไม่? ท่านแม่ชอบกินมากเลย”

ไป๋เซียวพูดด้วยความภาคภูมิใจ จากนั้นเก็บชามใส่ตะกร้าใบเล็ก

“ท่านแม่ของเจ้ามีนามว่าอะไรหรือ?”

จวินจิ๋วอิ่นมองใบหน้าของเด็กน้อยอย่างเหม่อลอย เมื่อนึกถึงชื่อและรูปร่างหน้าตาของเขา ก็อดไม่ได้ที่จะเกิดความสงสัยขึ้นมาในใจ

ไป๋เซียวมองเขาอย่างระแวดระวังทันที รอยยิ้มบนใบหน้าก็หายไปแล้ว

“ท่านคิดจะทำอะไร? อย่าสอดรู้สอดเห็นเรื่องท่านแม่ของข้า มิฉะนั้นต่อให้ท่านมีหน้าตาคล้ายคลึงกับข้า ข้าก็จะฆ่าท่านอย่างไร้ความปรานี!”

ไป๋เซียวเอ่ยขึ้น พร้อมกับทำท่าเชือดคอ

เพียงแต่ว่า ท่าทางที่ดุดันเช่นนี้ เมื่ออยู่บนตัวเด็กน้อยแบบนี้แล้ว

ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขบขัน

จวินจิ๋วอิ่นเกือบจะหลุดหัวเราะออกมา

“ท่านแม่ของเจ้าชื่อไป๋ซวงสินะ? ปีนี้เจ้าอายุสามขวบแล้ว ใช่หรือไม่?”

เมื่อไป๋เซียวได้ยินดังนั้น แววตาที่ดุดันพลันเปลี่ยนเป็นอำมหิต

ไม่มีท่าทางอ่อนโยนน่ารักเมื่อครู่นี้หลงเหลืออยู่เลย เขาในเวลานี้ ดูเหมือนกับนักรบคนหนึ่ง

“ท่านเป็นใครกันแน่? เหตุใดถึงรู้จักท่านแม่ของข้า?”

ท่านแม่เคยบอกว่า นางมีศัตรูมากมาย! คนพวกนั้นล้วนแต่อยากให้นางตาย!

ดังนั้น เขาจึงต้องปกป้องท่านแม่

มีเขาอยู่ ใครก็ทำร้ายท่านแม่ไม่ได้

“ไม่ต้องตื่นเต้น ข้ากับท่านแม่ของเจ้าเป็น...สหาย สหายที่ดีต่อกันมาก”

“เหลวไหล! ท่านแม่เคยบอกว่าท่านไม่มีญาติ ไม่มีสหาย มีแต่ศัตรูเท่านั้น!”

ไป๋เซียวพูดจาคุกคาม ทำท่าจะเข้าโจมตีจวินจิ๋วอิ่น

แม้ว่าเขาจะรู้สึกดีกับท่านอารูปหล่อผู้นี้อยู่บ้าง

ทว่าหากต้องเลือกระหว่างท่านแม่กับคนผู้นี้ เขาจะเลือกท่านแม่อย่างไม่ลังเล

เมื่อจวินจิ๋วอิ่นเห็นดังนั้น จึงไม่ปิดบังอีกต่อไปแล้วเช่นกัน

เขารู้ว่าเด็กน้อยคนนี้ ไม่ใช่คนที่จะหลอกได้ง่าย ๆ

“เจ้าลองมองหน้าข้าให้ดี ๆ แล้วมองหน้าเจ้าเอง พวกเราสองคนหน้าตาเหมือนกันอย่างยิ่งมิใช่หรือ? รู้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใด? เพราะว่าข้าคือพ่อของเจ้า”

ในตอนแรก จวินจิ๋วอิ่นก็ไม่ได้คิดไปในทางนั้น

แต่ต่อมา ความรู้สึกสนิทสนมอย่างบอกไม่ถูกที่เขามีต่อเด็กน้อยคนนี้จากก้นบึ้งของหัวใจ กลับมากเกินกว่าที่เขาจะจินตนาการได้

ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า สายเลือดเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์มากจริง ๆ

ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าเขาจะเลยวัยสร้างครอบครัวมานานแล้ว แต่ในจวนก็ยังไม่ได้แต่งภรรยา

ในช่วงหลายปีมานี้ สตรีเพียงคนเดียวที่เขาเคยมีความสัมพันธ์ด้วย ก็คืออุบัติเหตุในครั้งนั้นเมื่อสี่ปีก่อน

ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากอายุของเด็กคนนี้ รวมถึงสีหน้าของเด็กน้อยเมื่อครู่

ในใจของเขาก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้น

เมื่อคิดว่าตัวเองมีลูกชายแล้ว แถมยังเป็นเด็กน้อยที่น่ารักน่าเอ็นดูขนาดนี้

ในใจของจวินจิ๋วอิ่น ก็อดตื่นเต้นไม่ได้

เมื่อนึกถึงเสด็จพ่อของตนเองที่วัน ๆ เอาแต่นับนิ้วเร่งรัดให้เขาแต่งงานมีลูก

คิดถึงหลานชายจนผมหงอกหมดแล้ว

หากเสด็จพ่อรู้ถึงการมีอยู่ของเด็กน้อย เขาคงจะฝันหวานจนตื่นขึ้นมายิ้มเลยกระมัง

แม้ว่าเด็กน้อยจะยังเล็ก แต่ก็ไม่ใช่คนที่จะหลอกได้ง่าย ๆ

เขาไม่ได้เชื่อคำพูดของจวินจิ๋วอิ่น เพียงเพราะว่ามีใบหน้าที่คล้ายคลึงกัน

“ท่านมีหลักฐานอะไรมายืนยันว่าท่านไม่ได้หลอกลวงข้า?”

จวินจิ๋วอิ่นพยายามนึก ถึงแม้ในตอนนั้นจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเพราะความผิดพลาด แต่ก็ถือว่านังมารไป๋ซวงผู้นั้นข่มเหงเขา

ตัวเขาในตอนนั้นได้รับบาดเจ็บภายใน จึงไม่สามารถใช้พลังวิญญาณได้

อยู่ดี ๆ ก็ถูกคนอื่นข่มเหง นอกจากความโกรธแล้ว ไฉนเลยยังมีสติอันใดอีก

ไม่สิ!

เขาจำได้ว่าเพื่อที่จะแก้แค้น เขาได้มอบป้ายหยกของตัวเองให้กับไป๋ซวง

เมื่อนึกถึงตรงนี้ จวินจิ๋วอิ่นจึงหยิบป้ายหยกที่เป็นสัญลักษณ์แสดงตัวตนของเขาออกมาจากอก

“เจ้าเคยเห็นของสิ่งนี้อยู่ที่ท่านแม่ของเจ้าหรือไม่?”

จวินจิ๋วอิ่นก็ไม่อาจแน่ใจว่าไป๋ซวงยังเก็บป้ายหยกนั้นไว้หรือไม่

แม้ว่าตอนนั้นเขาจะใช้กลอุบายยั่วยุให้ไป๋ซวงรับป้ายหยกไว้ก็ตาม

แต่ผ่านไปสี่ปีแล้ว ป้ายหยกนั้นหายไปแล้วหรือไม่ เขาก็ไม่รู้จริง ๆ

ไป๋เซียวขมวดคิ้วเล็กน้อย ค่อย ๆ ก้าวไปข้างหน้า ยื่นมือออกไปรับป้ายหยกมาดู

แต่จวินจิ๋วอิ่นรู้สึกได้ว่าเด็กน้อยลดความระแวดระวังลงเล็กน้อย

ในใจของเขาเกิดความรู้สึกยินดี หรือว่าไป๋ซวงยังเก็บป้ายหยกนั้นเอาไว้

ขณะที่กำลังคิด จู่ ๆ เด็กน้อยก็เอ่ยปากขึ้นมา

“ท่านรออยู่ที่นี่ ข้าจะกลับไปยืนยันให้แน่ใจก่อน”

ไป๋เซียวพูดจบก็วิ่งเตาะแตะออกไปไกลแล้ว

เสียงฝีเท้านั้นเร็วกว่าตอนที่เขามามาก

ไป๋เซียวกลับมาถึงเรือน ท่านแม่ได้ปูผ้าห่มเรียบร้อยแล้ว และยังเตรียมน้ำให้เขาอาบด้วย

เมื่อเห็นไป๋เซียวกลับมา ก็กวักมือเรียกด้วยรอยยิ้ม

“มาอาบน้ำเร็ว เหงื่อเต็มตัวเลย”

ไป๋เซียวพยักหน้าอย่างว่าง่าย ลงมือถอดเสื้อผ้าเอง จากนั้นเหยียบม้านั่งเตี้ย ๆ แล้วก้าวเข้าไปในอ่างอาบน้ำ

เพราะมัวแต่คิดเรื่องต่าง ๆ อยู่ในใจ ไป๋เซียวจึงอาบน้ำเสร็จอย่างรวดเร็ว

หลังจากที่ไป๋ซวงกล่อมซวี่เป่าให้นอนหลับแล้ว จึงไปอาบน้ำที่ห้องน้ำ

ไป๋เซียวได้ยินเสียงน้ำไหล จึงพลิกตัวลงจากเตียงอย่างว่องไวและระมัดระวัง

เขาแอบวิ่งไปที่เตียงของท่านแม่ แล้วหยิบหมอนของท่านแม่ขึ้นมา

หมอนใบนี้ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษ ข้างบนมีกลไกอยู่ เมื่อเคาะเบา ๆ สามครั้ง หยกบนหมอนก็จะค่อย ๆ แยกออก

ข้างในเป็นของที่ท่านแม่ค่อนข้างให้ความใส่ใจ

ไป๋เซียวค่อย ๆ ค้นหาข้างใน ก็เจอป้ายหยกไขมันแพะชิ้นหนึ่งจริง ๆ

ข้างบนสลักลวดลายมังกรที่สลับซับซ้อน ตรงกลางลวดลายมังกรสลักตัวอักษรจิ่ว (เก้า) ไว้อย่างชัดเจน

ทันใดนั้น ไป๋เซียวก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา ราวกับมีลูกกวางตัวน้อยวิ่งอยู่ในใจ

เขาค่อย ๆ วางป้ายหยกกลับเข้าไปอย่างเงียบ ๆ

จากนั้นก็วิ่งกลับไปที่เตียงเล็ก ๆ ของตัวเอง หลับตาแกล้งทำเป็นนอนหลับ

แต่มุมปากกลับยกขึ้นจนถึงใบหูโดยไม่รู้ตัว

เขามีท่านพ่อแล้ว!

และท่านพ่อก็หน้าตาหล่อเหลาเหมือนกับที่เขาจินตนาการไว้

เพียงแต่ว่า ดูเหมือนว่าการฝึกปรือจะอ่อนแอไปหน่อย

แต่ก็ไม่เป็นไร เขามียาเพิ่มการฝึกปรืออยู่มากมาย

แค่ให้เวลาเขาหน่อย เขาจะต้องเพิ่มการฝึกปรือของท่านพ่อได้อย่างแน่นอน

แต่ว่า จะบอกเรื่องนี้กับท่านแม่ดีหรือไม่?

ไป๋เซียวรู้สึกกังวลใจเล็กน้อย พลิกตัวไปมาแล้วครุ่นคิดต่อไป

ท่านพ่อบอกว่าอย่าเพิ่งบอกท่านแม่ชั่วคราว พวกเขามีเรื่องเข้าใจผิดกัน ต้องค่อย ๆ แก้ไข

ทว่าหากท่านพ่ออยู่ที่นี่นาน ๆ ท่านแม่จะต้องพบท่านพ่ออย่างแน่นอน

เฮ้อ!

ไป๋เซียวพลิกตัวอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าดึกมากแล้ว แต่ก็ไม่มีความรู้สึกง่วงเลย

เช้าตรู่ ไป๋เซียวก็ตื่นขึ้นมาทำอาหารเช้า

เมื่อคิดว่าท่านพ่อน่าจะไม่ได้ทานอาหารเช้าเหมือนกัน จึงทำเพิ่มอีกหน่อย

พอโจ๊กผักใส่เนื้อสัตว์ที่ส่งกลิ่นหอมกรุ่นออกจากเตา ไป๋ซวงก็เดินออกมาจากห้องพร้อมกับบิดขี้เกียจและหาว

“ท่านแม่ รีบไปล้างหน้าบ้วนปากเร็วเข้า”

“อืม ประเดี๋ยวมา”

แม้จะได้รับการดูแลจากลูกชายวัยสามขวบ บนใบหน้าของไป๋ซวงก็ไม่มีความรู้สึกละอายใจแม้แต่น้อย

แต่กลับล้างหน้าบ้วนปากอย่างสบายใจ แล้วมานั่งที่โต๊ะทานอาหารเช้ากับลูกชาย

“ท่านแม่ ตอนกลางวันข้าอาจจะกลับมาช้าหน่อย ข้าอยากเข้าไปหาสมุนไพรในภูเขา”

“อยากให้แม่ไปเป็นเพื่อนหรือไม่?”

ไป๋ซวงวางชามลง ไป๋เซียวก็รีบโบกมือปฏิเสธ

“ไม่ต้องหรอก ข้าไปเองได้”

“ได้ เช่นนั้นเจ้าก็ระวังตัวด้วยนะ”

เมื่อลูกชายไปแล้ว ไป๋ซวงก็รู้สึกเบื่อหน่ายมาก

นางจึงหยิบหนังสือนิยายเล่มหนึ่งออกมาจากมิติในกำไลหยกลึกลับของนาง แล้วมานั่งอ่านบนชิงช้าอย่างเพลิดเพลิน

แม้ว่านางจะทะลุมิติมาผิดสถานที่ที่ปฏิบัติภารกิจด้วยความบังเอิญ

และยังมีเด็กน้อยคนนี้อย่างไม่ทราบสาเหตุ

แต่ไป๋ซวงกลับรู้สึกว่า นี่เป็นชีวิตที่สุขสบายที่สุดที่นางเคยมีมา

ไม่มีเรื่องวุ่นวายภายนอก ไม่ต้องดิ้นรนเพื่อปากท้อง

มีลูกชายคอยดูแลเอาใจใส่อย่างดีทุกวัน

ถึงแม้จะไม่รู้ว่าชีวิตแบบนี้จะอยู่ไปอีกนานแค่ไหน

แต่ไป๋ซวงกลับทะนุถนอมมันไว้เป็นอย่างดี

ทันใดนั้น นางก็ขมวดคิ้ว

สีหน้าพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมาทันที
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (2)
goodnovel comment avatar
Aree Aor
ชอบมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
goodnovel comment avatar
Aree Aor
ดีมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 3

    เขตอาคมถูกคนพบแล้ว ถึงขนาดยังพยายามฝ่าเข้ามาอีกไป๋ซวงเก็บนิยายในมือกลับเข้าไปในมิติใหม่อีกครั้ง จากนั้นก็หายตัวไปจากลานบ้านในพริบตาและนอกเขตอาคม มีคนชุดดำปิดหน้าสิบกว่าคนกำลังโจมตีเขตอาคมอย่างต่อเนื่อง“หัวหน้า เขตอาคมนี่แปลกมาก ท่านอ๋องเก้าจะอยู่ข้างในจริง ๆ หรือ?”หลังจากที่คนชุดดำผู้หนึ่งพยายามทำลายเขตอาคมนับครั้งไม่ถ้วน ในใจก็อดสงสัยไม่ได้เขตอาคมนี้แข็งแกร่งเกินไป ถึงพวกเขาจะลองมาหลายครั้งแล้ว ก็ยังไม่สามารถบุกเข้าไปได้เช่นนั้น คนที่สร้างเขตอาคมนี้ขึ้นมาจะแข็งแกร่งมากเพียงใด?พวกเขาคงมิได้ล่วงเกินยอดคนท่านใดเข้าโดยที่ไม่รู้ตัวหรอกนะ?แววตาของหัวหน้าคนนั้นก็ดูลึกล้ำเช่นกันแฝงไปด้วยความกังวลที่ซ่อนเร้นไว้ในใจของเขาจะไม่มีความกังวลได้อย่างไร เพียงแต่พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่น“เขาโดนพิษ แถมยังได้รับบาดเจ็บอีก คงหนีไปได้ไม่ไกลแน่ และเมื่อวานพวกเราค้นหาแถวนี้หมดแล้วแต่ก็ไม่พบเขาเลย แสดงว่าเขาต้องหลบเข้าไปข้างในแล้ว”“แต่เขตอาคมนี้ พวกเราก็เปิดไม่ได้ แล้วเขาบาดเจ็บสาหัส จะปลดได้อย่างไร?”“หากเขาเป็นคนธรรมดา ก็คงไม่ใช่จวินจิ๋วอิ่นแล้ว”หัวหน้าคนนั้นมองเขตอาคมอย่างเงียบ ๆ

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 4

    เดิมทีไป๋เซียวและจวินจิ๋วอิ่นที่อยู่ในถ้ำกำลังคุยกันอย่างสนุกสนานแต่เมื่อคลื่นพลังวิญญาณโถมเข้ามาเป็นระลอก ๆ สีหน้าของทั้งสองก็เปลี่ยนไปพร้อมกัน“พวกเขาตามมาแล้ว!”ดวงตาของจวินจิ๋วอิ่นพลันมืดมัวลง สายตาเต็มไปด้วยจิตสังหาร“เป็นศัตรูของท่านพ่อหรือ?”ไป๋เซียวเห็นจิตสังหารแผ่ออกมาจากตัวท่านพ่อ ใบหน้าเล็ก ๆ ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที“แค่พวกสุนัขรับใช้เท่านั้น”จวินจิ๋วอิ่นพูดพลางพยายามลุกขึ้นอย่างยากลำบากไป๋เซียวรีบวิ่งเข้าไปจับเขาเอาไว้“ท่านพ่อ บนตัวท่านยังมีบาดแผลอยู่นะ?”“ไม่เป็นไร แผลแค่นี้ไม่ต้องใส่ใจหรอก”จวินจิ๋วอิ่นรู้สึกอบอุ่นหัวใจ ยิ้มพลางยื่นมือออกไปลูบผมของบุตรชายเบา ๆ ไป๋เซียวยังคงดึงดันจับเขาไว้ ดวงตาฉายแววดูแคลนและเหยียดหยามเล็กน้อย“ท่านพ่อวางใจเถอะ ท่านแม่จะไปจัดการพวกเขาเอง”ไป๋ซวง?จวินจิ๋วอิ่นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หยุดเคลื่อนไหวสี่ปีที่แล้ว หลังจากที่เขาถูกข่มเหงก็เคยสืบเรื่องของไป๋ซวงบนทวีปอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ แบ่งออกเป็นรากวิญญาณทั้งห้าสาย ได้แก่ ทอง ไม้ น้ำ ไฟ และดินและระดับของพลังวิญญาณ ยังแบ่งออกเป็น เก้าขั้น เก้าระดับนักสู้ จอมยุทธ์

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 5

    ลูกนกพิราบขาวตามหาบิดา!ไป๋ซวงพลันโกรธสุดขีด เหตุใดตอนนั้นถึงหยิบหนังสือนิทานเล่มนั้นมาให้เขาอ่านนะที่แย่ไปกว่านั้นคือ เหตุใดชายคนนี้ถึงบังเอิญเข้ามาในเขตอาคมของนางได้ไป๋ซวงสูดหายใจเข้าลึก ๆ ในหัวสมองยังคงคิดอยู่ว่าจะอธิบายเรื่องนี้กับบุตรชายอย่างไรดีการมาของเขาเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายแต่นางกลับไม่เคยรู้สึกเสียใจเลยสามปีมานี้ เขาได้นำความสุขมามอบให้นางมากมายเหลือเกินไป๋เซียวเห็นว่าท่านแม่ไม่ตอบคำถาม น้ำตาที่ยากจะพบเห็นได้นั้นก็หยดแหมะ ๆ ลงมาอย่างไม่ขาดสาย“ท่านแม่ ท่านพ่อได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนั้น ข้างนอกยังมีศัตรูรออยู่ หากเขาออกไป ก็จะต้องตายแน่ ซวี่เป่าอยากมีพ่อ ซวี่เป่าไม่อยากให้ท่านพ่อตาย”พูดจบ ซวี่เป่าก็ร้องไห้หนักกว่าเดิมเมื่อไป๋เซียวร้องไห้ ไป๋ซวงก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีนางถอนหายใจอย่างจนปัญญา แล้วค่อย ๆ เช็ดน้ำตาที่หางตาของบุตรชายเบา ๆ “เอาละ ก่อนที่อาการบาดเจ็บของเขาจะหายดี แม่จะไม่ไล่เขาออกไปหรอก”ไป๋ซวงพูดจบก็วางบุตรชายลงบนพื้น แล้วเดินจากไปด้วยความโกรธเมื่อเห็นว่าท่านแม่เดินจากไปไกลแล้ว ไป๋เซียวก็รีบเช็ดน้ำตาที่หางตา ไฉนเลยยังมีท่าทางเสียใจอยู

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 6

    จวินจิ๋วอิ่นใช้ชีวิตสามวันในเขาหลิงอิ่นอย่างมีความสุขที่สุดในชีวิตเขาและบุตรชายช่วยกันวางกับดักไก่ ขึ้นเขาขุดหน่อไม้ จับปลาในแม่น้ำด้านหลังของเขาหลิงอิ่น ยังมีลูกหม่อนป่าอยู่เต็มไปหมดลูกสีแดงสดใส สวยงามมากจวินจิ๋วอิ่นจะไปเก็บมาให้ไป๋ซวงแม่ลูกคู่นี้ทุกวัน เขาจะเก็บมาเต็มตะกร้าใบใหญ่ แล้วนำมาล้างให้สะอาดก่อนจะยกไปให้พวกนางลูกหม่อนป่านี้มีรสชาติหวานที่เขาไม่เคยลิ้มลองมาก่อนราวกับว่าหวานไปถึงหัวใจ ทำให้เขารู้สึกว่ากำลังจมอยู่ในความสุขวันเวลาเหล่านี้ผ่านไปราวกับความฝัน เหมือนกับแดนสวรรค์ในชั่วพริบตาเดียว กำหนดเวลาสามวันที่ไป๋ซวงให้ก็มาถึงยังไม่ทันที่ไป๋ซวงจะเอ่ยปากไล่เขา ด้านนอกเขตอาคมก็เกิดความเคลื่อนไหวผิดปกติอีกครั้งไป๋ซวงมองจวินจิ๋วอิ่นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แล้วมองไปยังซวี่เป่าที่กำลังกำหมัดแน่นอยู่ข้าง ๆ อยากจะออกไปต่อสู้นางถอนหายใจอย่างจนปัญญา!ชายแขนเสื้อสีขาวสะบัดขึ้นเล็กน้อย นิ้วมือเรียวบางวาดยันต์สี่ภาพขึ้นกลางอากาศสีแดงฉาน เต็มไปด้วยไอสังหารจากนั้น นางก็หมุนข้อมือเล็กน้อยยันต์สีแดงนั้นก็หายวับไปต่อหน้าต่อตานางในขณะเดียวกัน เย่หลิ่นที่อยู่นอกเขตอาคมก็ก

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 7

    กรงแห่งสวรรค์และปฐพี เป็นท่าไม้ตายที่รุนแรงที่สุดของพลังวิญญาณธาตุทองใช้สวรรค์และปฐพีเป็นจุดค้ำยัน คนที่อยู่ภายในกรงเหล็กล้วนไม่ต่างอะไรกับปลาบนเขียงไม่มีใครสามารถรอดชีวิตไปจากกรงแห่งสวรรค์และปฐพีได้!ดังนั้น เย่หลิ่นถึงได้ใช้ท่าไม้ตายนี้เพื่อที่จะสังหารในคราเดียวกำจัดภัยอันตรายอย่างไป๋ซวงให้สิ้นซาก!แต่น่าเสียดาย ไป๋ซวงไม่ได้เป็นไปตามที่เขาต้องการขณะที่กรงแห่งสวรรค์และปฐพีกำลังจะปิดลงก็เห็นว่าไป๋ซวงกำลังจะถูกกรงแห่งสวรรค์และปฐพีบดขยี้จนกลายเป็นกองเลือดทันใดนั้น กรงแห่งสวรรค์และปฐพีที่กำลังจะปิดลง จู่ ๆ ก็สั่นไหวสองสามครั้งโดยที่ไม่อาจควบคุมได้จากนั้น กรงแห่งสวรรค์และปฐพีก็เปลี่ยนทิศทางราวกับคนที่มีจิตวิญญาณ ก้าวเท้าไปข้างหน้าหนึ่งก้าวใหญ่ครอบคลุมเย่หลิ่นที่ยังคงตกตะลึงไว้ภายในนั้นและสตรีที่เกือบจะถูกกลืนกินเมื่อครู่นี้ ก็กำลังขยับนิ้วกลางอากาศอย่างรวดเร็วเข็มทิศที่ไร้ลักษณ์นั้น สามารถควบคุมกรงแห่งสวรรค์และปฐพีได้สำเร็จ!เป็นไปได้อย่างไร!เย่หลิ่นไม่อยากจะเชื่อ เมื่อเห็นกรงแห่งสวรรค์และปฐพีกำลังหดตัวลงเรื่อย ๆ เขาก็ไม่มีเวลาคิด รีบหมุนเข็มทิศอย่างรวดเร็วโดยส

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 8

    จวินจิ๋วอิ่นสะบัดมือ พัดคลี่อันงดงามที่เปล่งประกายความเย็นเยียบก็ปรากฏขึ้นในมือของเขาพัดคลี่หมุนอยู่ในมือของเขาอย่างรวดเร็ว ลำแสงสีทองก็พุ่งออกมาจากพัดคลี่ของเขาลำแสงหนาแน่น พุ่งออกมาอย่างต่อเนื่องไม่มีช่องว่างคนชุดดำที่พุ่งตัวขึ้นฟ้า จำต้องหลบหลีกอย่างรวดเร็วลำแสงที่ดูธรรมดา ๆ นั้น กลับมีความคมกริบมากจนสามารถตัดเหล็กราวกับตัดโคลนแม้แต่ต้นไม้ใหญ่รอบข้าง หลังจากที่ถูกความเย็นเยียบกวาดผ่าน ก็หักโค่นลงราวกับถูกดาบฟันมือสังหารชุดดำคนหนึ่งย่องเข้ามาทางด้านหลังของจวินจิ๋วอิ่นอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับง้างธนูในมือเล็งไปที่เป้าหมายในชั่วพริบตา ลูกธนูอาบยาพิษนับสิบดอกก็พุ่งทะลุอากาศเข้าโจมตีจวินจิ๋วอิ่นรู้สึกถึงคลื่นพลังวิญญาณที่ส่งมาจากด้านหลัง จึงพลิกตัวกลับหลังอย่างรวดเร็วจากนั้น ก็สะบัดพัดคลี่โบกจากบนลงล่างแสงสีทองอันเย็นเยียบพลันแปรเปลี่ยนเป็นโล่สีทอง!เสียงเปรี๊ยะ ๆ ดังขึ้น ลูกธนูอาบยาพิษนับสิบดอกพุ่งเข้าปะทะกับโล่สีทองพร้อมกันมือสังหารชุดดำเห็นดังนั้น ก็เปลี่ยนตำแหน่งอย่างต่อเนื่องลูกธนูอันแหลมคมก็พุ่งเข้าโจมตีจวินจิ๋วอิ่นจากทุกทิศทางมือสังหารคนอื่น ๆ ต่างใช้อาวุธล

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 9

    เมื่อซวี่เป่าได้ยินดังนั้น ดวงตาก็พลันฉายแววไม่สบายใจขึ้นมาตึก ๆ ๆ รีบลงมาจากตัวท่านพ่อ จากนั้นทำท่าทางว่านอนสอนง่ายเหมือนกับเด็กที่ทำผิด“ท่านแม่...”น้ำเสียงอ่อนโยนดังขึ้น ซวี่เป่ามองสตรีที่อยู่ไม่ไกลนัก ค่อย ๆ เดินเข้ามาด้วยความตื่นตระหนกและรู้สึกผิดสตรีในชุดขาวเดินมาจากป่าลึก!บนร่างกายของนางเปล่งประกายแสงสว่างจาง ๆ ใบหน้างดงาม ปรากฏให้เห็นอยู่รำไรก้าวเดินราวกับมีลมพัดใต้เท้า เสื้อผ้าปลิวไสวราวกับเทพธิดาจากป่าลึก ที่หลงเข้ามาในโลกมนุษย์สมองของมู่ซือและเหลิ่งเย่ไม่พอใช้แล้วเพียงจ้องมองสตรีผู้ราวกับเทพเซียนลงมาจุติบนโลกอย่างเหม่อลอย ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจนี่คือสตรีที่ท่านอ๋องแอบซ่อนเอาไว้หรือ?ไป๋ซวงเหลือบมองมู่ซือและเหลิ่งเย่ด้วยสายตาเย็นชาเมื่อหันไปมองจวินจิ๋วอิ่น สายตาของนางก็ยิ่งเย็นชาขึ้น“ในเมื่อคนที่มารับพ่อของเจ้ามาแล้ว ซวี่เป่ากลับภูเขากับแม่ได้แล้วสินะ!”“ท่านแม่...”ซวี่เป่าก้าวขาเล็ก ๆ อย่างยากลำบาก แล้วค่อย ๆ เข้าไปใกล้ไป๋ซวง“ท่านแม่ ท่านดูองครักษ์สองคนของท่านพ่อสิ อ่อนแอเหมือนกับไก่ป่าบนภูเขาเลย ซวี่เป่าไม่วางใจที่จะให้ท่านพ่อไปกับพวกเข

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 10

    บ่าวไพร่ที่กำลังวุ่นวายในลานบ้าน ต่างหยุดการเคลื่อนไหวทั้งหมด แล้วหมอบคลานลงกับพื้นต่อมาก็มีเสียงดังกึกก้อง แสดงความยินดีกับจวินจิ๋วอิ่นที่พาองค์ชายน้อยกลับจวนเนื่องจากไป๋ชวงยังไม่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ ตอนนี้พวกเขาจึงทำได้เพียงเรียกนางว่าแม่นางเท่านั้น“ยินดีกับท่านอ๋องที่ได้พาองค์ชายน้อยและแม่นางไป๋กลับจวน”นี่เป็นครั้งแรกที่ซวี่เป่าได้เห็นการต้อนรับที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นไป๋ซวงเลิกคิ้วอย่างไม่พอใจเล็กน้อย ดวงตาที่เย็นชาจ้องมองไปที่จวินจิ๋วอิ่น ราวกับกำลังรอคำอธิบายพวกนางสองแม่ลูก ก็แค่มาส่งคนเท่านั้นเหตุใดถึงต้องเตรียมการใหญ่โตเช่นนี้จวินจิ๋วอิ่นยิ้มกระอักกระอ่วน จากนั้นโบกมือส่งสัญญาณให้ทุกคนลุกขึ้น“ข้าแค่อยากให้พวกเจ้าสองแม่ลูกกินอิ่ม นอนพักผ่อนสักคืนแล้วค่อยไป ไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะทำแบบนี้”เขาให้มู่ซือส่งข่าวไปที่จวน จริง ๆ แล้วก็แค่ต้องการต้อนรับไป๋ชวงกับบุตรชายอย่างดีเท่านั้นเมื่อมองดูผู้คนในจวน บรรยากาศก็เหมือนกับวันปีใหม่เขาก็คิดไม่ถึงเช่นกัน!ไป๋ซวงไม่ได้แสดงความคิดเห็นใด ๆ เพียงแต่ก้มลงมองซวี่เป่าที่ใบหน้าเ

Latest chapter

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 100

    ไป๋ซวงยิ้มหวาน แต่สำหรับนักพรตชราแล้ว กลับเหมือนน้ำผึ้งอาบยาพิษนักพรตชราเห็นแล้ว ขนลุกซู่ไปทั่วทั้งแผ่นหลัง“มีคนชวนท่านอ๋องของข้าออกไปล่าสัตว์เป็นเรื่องโกหก วางยาพิษท่านอ๋องกลางทางต่างหากคือเรื่องจริง!”ไป๋ซวงพูดจบ รอยยิ้มบนใบหน้าก็พลันหายไปแทนที่ด้วยแววตาที่ดุดันและเย็นเยียบโจวหลิงซางและโจวหวันฉี่ที่ยืนตกตะลึงอยู่ข้าง ๆ รวมถึงฮองเฮาเจียงเถียนและจวินหงคังตอนนี้ทุกคนต่างหน้าซีดเผือด!โจวหลิงซางกลืนน้ำลายลงคออย่างประหม่า ฝืนทำท่าทางสงบพลางก้าวไปข้างหน้าสองก้าว“พระชายาองค์ชายเก้า นี่ท่านหมายความว่าอย่างไร?”“หรือว่าข้ายังพูดไม่ชัดเจนพอ?”ไป๋ซวงลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้โจวหลิงซาง“ท่านอ๋อง สิ่งที่ข้าพูดเป็นความจริงหรือไม่?”จวินจิ๋วอิ่นยังคงจมดิ่งอยู่ในคำว่า ‘ท่านอ๋องของข้า’ จนถอนตัวจากความหวานนั้นไม่ได้เมื่อได้ยินดังนั้น ก็พลันยิ้มพลางเดินเข้าไปใกล้ไป๋ซวง“ฮูหยินพูดถูกที่สุด”“เหลวไหล จวินจิ๋วอิ่น พวกเราก็แค่แข่งขันล่าสัตว์เท่านั้น เหตุใดข้าถึงต้องวางยาพิษท่านด้วย? ข้าเป็นถึงองค์ชายสามแห่งแคว้นโจวอู้ ไม่ใช่คนที่ใครจะใส่ร้ายป้ายสีได้ง่าย ๆ ”

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 99

    เวลานี้ สวีเหว่ยถือกระบี่แสงพุทธ ฟาดฟันกระบี่ไปที่ต้นไม้ใหญ่อายุร้อยปีที่เพิ่งจะหักโค่นลงเบา ๆ ภายในชั่วพริบตา ต้นไม้ใหญ่อายุร้อยปีต้นนั้น ก็ถูกตัดจนถึงโคนต้นสวีเหว่ยรู้สึกราวกับได้สมบัติล้ำค่า หันไปทางไป๋ซวงแล้วโขกศีรษะคำนับอย่างแรงสามครั้ง“ขอบพระทัยพระชายาองค์ชายเก้า ข้าน้อยจะตั้งใจฝึกฝนอย่างเต็มที่ ไม่ทำให้พระชายาผิดหวังพ่ะย่ะค่ะ” ไป๋ซวงพยักหน้าเล็กน้อย พร้อมกับทำสีหน้าราวกับจะบอกว่า ‘เจ้าเชื่อฟังดีมาก’นักพรตชราชุดขาวมองไป๋ซวงด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ“เมื่อครู่เจ้าทำอะไรลงไป?”แน่นอนว่าเขาไม่มีทางเชื่อว่า สวีเหว่ยไอ้ขยะไร้ค่านั่น จะสามารถครอบครองกระบี่แสงพุทธของเขาได้“เจ้าก็เดาออกอยู่แล้วมิใช่หรือ?”ไป๋ซวงยิ้มแต่ไม่ตอบ พลางเหลือบมองไปที่เส้นเลือดบริเวณจุดชีพจรของเขาทันใดนั้น นักพรตชราชุดขาวก็ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นด้วยท่าทางสิ้นหวังใช่แล้ว หากต้องการให้กระบี่แสงพุทธที่เลือกนายแล้ว เชื่อฟังคำสั่งของผู้อื่นเช่นนั้น มีเพียงทางเดียวคือต้องเปลี่ยนนายของกระบี่แสงพุทธ ลวดลายกระบี่อันงดงามเมื่อครู่นั้น แท้จริงแล้วแฝงไว้ด้วยพลังวิญญาณที่แข็งแกร

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 98

    ทุกคนสำลักจนต้องโบกมือไปมา ใช้แขนเสื้อปิดปากและจมูกทว่ามนุษย์ยักษ์นั้น ก็ไม่ได้ปล่อยนักพรตชราไปเพราะเหตุนี้นักพรตชราเห็นดังนั้นจึงรีบเก็บพลังวิญญาณของตนกลับคืน อาศัยช่วงที่ควันฝุ่นฟุ้งกระจาย หายตัวไปแล้วปรากฏตัวต่อหน้าไป๋ซวงคมกระบี่อันแหลมคม จ่อตรงไปที่คอของไป๋ซวง“อย่าขยับ มิฉะนั้นข้าจะฆ่านางเดี๋ยวนี้!”จวินจิ๋วอิ่นเห็นดังนั้น ก็รีบเก็บพลังวิญญาณของตนเองในทันที“เจ้าต้องการทำอะไรกันแน่?”สายตาอันคมกริบของจวินจิ๋วอิ่น จ้องมองไปที่นักพรตชราผู้นั้นอย่างเต็มไปด้วยคำเตือนนักพรตชราหัวเราะอย่างลำพองใจ สายตามองสำรวจไป๋ซวงไม่หยุด“เจ้าคือศิษย์ของตาเฒ่าเฮยฉีนั่น?”“ตาเฒ่าเฮยฉีอะไรกัน ข้าไม่รู้จัก!”ไป๋ซวงยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา“เป็นไปไม่ได้ ของในร้านฟู่หลิงซวนนั้น รวมถึงสมุนไพรในร้านเจินเฉ่าเก๋อ หากมิใช่ของตาเฒ่าเฮยฉี แล้วเด็กน้อยอย่างเจ้าจะไปหามาจากไหนได้?”สีหน้าของนักพรตชราชุดขาวเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ แถมยังรู้สึกโกรธขึ้นมาเพราะคำพูดของไป๋ซวงไป๋ซวงยกยิ้มมุมปาก ไม่แม้แต่จะมองนักพรตชราชุดขาว“ของของข้า เหตุใดต้องบอกเจ้าด้วย?”“มีอย่างที่ไหนกั

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 97

    ไป๋ซวงรู้สึกได้ถึงจิตสังหารจากนักพรตชราชุดขาวผู้นั้นทว่านางเพิ่งคิดจะลงมือ ก็เห็นจวินจิ๋วอิ่นยืนอยู่ตรงหน้าตัวเองแล้วสะบัดแขนเสื้อกว้างเบา ๆ พลังวิญญาณสายหนึ่งก็พุ่งออกไปเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ราวกับว่าอากาศสั่นสะเทือนไปหลายครั้งสีหน้าของจวินจิ๋วอิ่นเต็มไปด้วยความเย็นชา ดวงตาคมกริบราวกับมีดมองไปยังนักพรตชราชุดขาวนักพรตชราชุดขาวผู้นั้นยืนอยู่กลางอากาศ มือทั้งสองข้างไขว้หลังชุดคลุมยาวตัวใหญ่ พลิ้วไสวอยู่กลางอากาศ และในขณะนี้ ทหารองครักษ์ก็กรูกันเข้ามา ล้อมรอบนักพรตชราชุดขาวผู้นั้นอย่างช้า ๆ “บังอาจนักเจ้ามือสังหาร ยังไม่ยอมจำนนอีก!”สวีเหว่ย หัวหน้าทหารองครักษ์ถือกระบี่วิเศษ ปลายกระบี่ชี้ตรงไปที่นักพรตชราชุดขาวนักพรตชราชุดขาวหัวเราะลั่น มองสวีเหว่ยด้วยสายตาเหยียดหยามยิ่งไปกว่านั้น สายตายังมองกวาดมองทุกคนอย่างไม่เกรงกลัวราวกับกำลังกวาดมองฝูงมดปลวก“แค่ระดับจอมปราชญ์ยุทธ์ ก็กล้ามาอวดดีต่อหน้าข้า!”พูดจบ ก็ปล่อยแรงกดดันลงมาสวีเหว่ยขมวดคิ้วแน่น คุกเข่าลงกับพื้นเสียงดังตุบปากยังถูกบังคับให้กระอักเลือดออกมาหนึ่งคำจากนั้น แรงกดดันยังไม่จบสิ้นแรงกดดันที่ต่อเนื่อง

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 96

    น่าเสียดายที่โจวหลิงซางกลับเชิญจวินจิ๋วอิ่นไปเข้าร่วมการล่าสัตว์ด้วยกันอย่างกระตือรือร้นท่ามกลางเสียงเรียกของผู้คน ทั้งสองคนไม่เพียงแต่รับคำท้า แต่ยังตั้งรางวัลอีกด้วยผู้ชนะสามารถสั่งให้ผู้แพ้ทำอะไรก็ได้หนึ่งอย่างดังนั้น สงครามระหว่างบุรุษสองคนจึงเริ่มขึ้นเมื่อจุดธูปขึ้น ทั้งสองคนก็ควบม้าออกไปอย่างบ้าคลั่งการแข่งขันครั้งนี้ ใครล่าได้จำนวนมากที่สุดจะเป็นผู้ชนะเมื่อธูปเผาไหม้จนหมด ทั้งสองคนก็ควบม้ากลับมาพร้อมกันเหยื่อที่อยู่บนหลังม้าของทั้งสอง ดูเหมือนจะพอ ๆ กันเมื่อเห็นทั้งสองคนกลับมา ทันใดนั้นก็มีองครักษ์เข้ามาตรวจนับจำนวนเหยื่อที่ล่าได้ภายในเวลาธูปหนึ่งดอก โจวหลิงซางล่าสัตว์ได้สี่สิบสองตัวส่วนบนหลังม้าของจวินจิ๋วอิ่น มีสัตว์อยู่สี่สิบสามตัวยังดีที่ต่างกันแค่ตัวเดียว!โจวหลิงซางครุ่นคิดในใจ เมื่อครู่ เขาแอบมองจวินจิ๋วอิ่นจากระยะไกลความสามารถในการขี่ม้าและยิงธนูของเขานั้น ช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ เนื่องจากผู้คนในดินแดนฮุ่นตุ้นล้วนเป็นผู้ฝึกตน เพื่อสัมผัสกับความสนุกสนานในการล่าสัตว์ของคนธรรมดา จึงได้มีการจัดงานล่าสัตว์ฤดูใบไม้ร่วงขึ้นและกฎข้อแรกของงานล่าสัตว์ฤดูใบ

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 95

    หลายวันมานี้ นางพยายามทุกวิถีทางที่จะเข้าใกล้ไป๋ซวงแต่ก็จนปัญญา ไป๋ซวงไม่เคยให้โอกาสนางเข้าใกล้เลยแม้แต่น้อยหากเป็นเช่นนี้ต่อไป นางจะสืบหาตัวคนที่อยู่เบื้องหลังไป๋ซวงได้อย่างไรโจวหลิงซางมองผิวน้ำอันเงียบสงบด้วยแววตาเย็นเยียบใช้นิ้วชี้ หมุนแหวนหยกขาวที่อยู่บนนิ้วหัวแม่มือเบา ๆ “หวันฉี่ เสด็จพ่อรอไม่ไหวแล้ว งานล่าสัตว์ครั้งนี้เป็นโอกาสสุดท้ายของเรา”“แต่เสด็จพี่ ท่านก็เห็นแล้วนี่ว่าพวกเขาไม่ให้โอกาสข้าเข้าใกล้เลย”โจวหวันฉี่จะไม่ร้อนใจได้อย่างไรจดหมายของเสด็จพ่อ นางก็เห็นแล้วเช่นกันถ้อยคำที่รุนแรงนั้น แสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจของเสด็จพ่อแล้วหากพวกเขายังไม่สามารถให้คำตอบที่น่าพอใจแก่เสด็จพ่อได้ เกรงว่าเสด็จพ่อจะต้องเปลี่ยนคนมาแทนและฐานะของพวกเขาพี่น้องสองคนก็จะสั่นคลอนแล้ว“ดังนั้น พี่จึงให้ฮ่องเต้จัดงานล่าสัตว์นี้ขึ้นมา ที่นี่เป็นสถานที่ที่สามารถเข้าใกล้ไป๋ซวงได้ง่ายที่สุด”โจวหลิงซางกล่าวจบก็ส่งสายตาที่มั่นใจให้กับโจวหวันฉี่จากนั้น ก็เดินตรงไปยังกระโจมของจวินหงคังเวลานี้ แม้ว่าจวินหงคังจะยังไม่สามารถเดินได้ แต่บาดแผลอื่น ๆ ตามร่างกาย ก็ได้รับการรักษาจนเกือบหายด

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 94

    งานล่าสัตว์ฤดูใบไม้ร่วงครั้งนี้ เนื่องจากมีองค์หญิงและองค์ชายสามแห่งแคว้นโจวอู้เข้าร่วมด้วย พื้นที่จึงใหญ่กว่าครั้งก่อน ๆ เล็กน้อยขุนนางทุกคนสามารถพาคนในครอบครัวเข้าไปด้านในได้สองคนดังนั้น โดยทั่วไปแล้ว ขุนนางหนึ่งคนจะพาภรรยาและลูกมาด้วยหนึ่งคนและเด็กคนนั้นต้องเป็นคนที่ได้รับการอบรมสั่งสอนเป็นพิเศษจากครอบครัวอย่างแน่นอนเดิมทีจีหรงก็ควรจะมาด้วย แต่นางทุ่มเทใจให้กับซวี่เป่า จึงไม่สนใจการล่าสัตว์แม้แต่น้อยดังนั้น นางจึงอยู่ที่เมืองหลวงเป็นเพื่อนซวี่เป่าขบวนเดินทางมาถึงภูเขาเจี้ยงเหลียง ทุกคนต่างปฏิบัติตามคำแนะนำ ไปพักผ่อนในกระโจมของตนเองไป๋ซวงนั่งอยู่ที่หน้าโต๊ะด้วยความเบื่อหน่าย จิตใจรู้สึกหนักอึ้งใบหน้าของจวินจิ๋วอิ่นเผยรอยยิ้มเอ็นดู แล้วค่อย ๆ นั่งลงตรงหน้านาง“เป็นอะไรไป?”ไป๋ซวงเงยหน้าขึ้น สายตาแฝงไปด้วยความสงสัย“ทรัพย์สินของท่านเยอะหรือไม่?”จวินจิ๋วอิ่นชะงักไปครู่หนึ่ง ดูเหมือนจะคาดไม่ถึงเลยว่าไป๋ซวงจะถามเช่นนี้เขายิ้มสดใสมากขึ้น แล้วยื่นมือไปกุมมือเล็ก ๆ ของนาง“ก็พอได้ น่าจะมากพอให้ฮูหยินใช้อย่างสบาย ๆ ”ไป๋ซวงปัดมือของเขาออก สายตาหม่นหมองยิ่งกว่าเดิม“ข

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 93

    จวินจิ๋วอิ่นไม่ได้หยุดฝีเท้า เพียงแต่ตอบกลับอย่างเย็นชา“วันนั้นถ้าไม่มีซวี่เป่าช่วยไว้ เกรงว่าเสด็จพ่อคงไม่ได้เจอหน้าลูกตลอดกาลแล้ว”จวินหงคังต้องการเอาชีวิตของเขา แต่เขาแค่เอาขาทั้งสองข้างของอีกฝ่ายไปเท่านั้นจวินฉงได้ยินดังนั้น ก็ไม่ได้พูดอะไรอีกทันทีความรักในครอบครัวราชวงศ์นั้น บางเบาราวกับปีกจักจั่นเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจสูงสุด การห้ำหั่นกันเองในครอบครัว การฆ่าฟันกันเองระหว่างพี่น้องก็ถือเป็นเรื่องเล็กน้อยเขาก็ผ่านการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นเช่นนี้มาแล้วเช่นกันแล้วเขาจะมีสิทธิ์อะไรที่จะเรียกร้องให้ลูก ๆ รักใคร่ปรองดองกันกันเล่า?เขาหวังเพียงแค่ว่า ลูกของตนจะสามารถเอาชีวิตรอดจากเกมการต่อสู้แย่งชิงนี้ไปได้ไม่ว่าอย่างไร ขอแค่มีชีวิตรอดก็พอส่วนเขาก็ควรจะทำอะไรสักอย่าง เพื่อตัดความคิดที่ไม่ควรมีของผู้อื่นเสียจวินจิ๋วอิ่นออกมาจากวังหลวง ไม่ได้กลับไปที่จวนอ๋องด้วยซ้ำเขาพาองครักษ์ลับสิบคน มุ่งหน้าไปยังจวนองค์ชายสามโดยตรงเป็นเวลากลางวันแสก ๆ แต่กลับพังประตูเข้าไปองครักษ์ของจวนองค์ชายสาม ยังไม่ทันได้เข้าใจสถานการณ์ว่ามันเกิดอะไรขึ้นก็ถูกซัดจนกระเจิง ใบหน้าปูดบวมกันทุกคน

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 92

    มือสังหารถูกฆ่าตายในที่เกิดเหตุสิบคน จับเป็นได้สามคนและหลังจากการสอบสวน พบว่าทั้งสามคนนั้นเป็นคนของท่านอ๋องเก้าด้วยเหตุนี้ เจียงเถียนจึงไปร้องไห้ฟูมฟายกับจวินฉงในคืนนั้นจวินฉงจึงจำต้องเรียกตัวจวินจิ๋วอิ่นเข้าวังในคืนนั้นจวินฉงนำหลักฐานที่ส่งมาจากจวนองค์ชายสาม โยนใส่มือของจวินจิ๋วอิ่น“ว่าอย่างไร?”จวินจิ๋วอิ่นถือหนังสือรับสารภาพที่เปื้อนเลือดเหล่านั้น มุมปากอดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มเยาะเย้ยออกมา“ไม่มีอะไร!”จากนั้น ก็วางหลักฐานความผิดลงในมือของจวินฉงอีกครั้ง“คนพวกนั้นเป็นคนของเจ้าจริง ๆ หรือ?”จวินฉงไม่สนใจหลักฐานความผิดเหล่านั้น และมองเขาด้วยสายตาล้ำลึก“หากข้าต้องการเอาชีวิตของเขา ตอนนั้นข้าคงไม่ทำแค่หักขาของเขาเท่านั้น”จวินจิ๋วอิ่นไม่หลบเลี่ยงแม้แต่น้อย นั่งลงหน้าโต๊ะที่อยู่ทางด้านข้างอย่างไม่เกรงกลัว“ก็จริง พ่อก็เดาว่าไม่ใช่ฝีมือของเจ้า”เรื่องนี้ จวินฉงยังคงมั่นใจในตัวเองมากเรื่องที่จวินจิ๋วอิ่นลอบสังหารจวินหงคัง เขารู้มาตั้งนานแล้วแม้กระทั่งในวินาทีที่ข่าวเข้ามาถึงวังหลวง เขาก็เดาได้แล้วว่าเป็นฝีมือของจวินจิ๋วอิ่นเพราะว่าก่อนหน้านี้ คนเหล่านั้นลอบสังหารจ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status