Share

บทที่ 3

Penulis: ซูเหยียน
เขตอาคมถูกคนพบแล้ว ถึงขนาดยังพยายามฝ่าเข้ามาอีก

ไป๋ซวงเก็บนิยายในมือกลับเข้าไปในมิติใหม่อีกครั้ง จากนั้นก็หายตัวไปจากลานบ้านในพริบตา

และนอกเขตอาคม มีคนชุดดำปิดหน้าสิบกว่าคนกำลังโจมตีเขตอาคมอย่างต่อเนื่อง

“หัวหน้า เขตอาคมนี่แปลกมาก ท่านอ๋องเก้าจะอยู่ข้างในจริง ๆ หรือ?”

หลังจากที่คนชุดดำผู้หนึ่งพยายามทำลายเขตอาคมนับครั้งไม่ถ้วน ในใจก็อดสงสัยไม่ได้

เขตอาคมนี้แข็งแกร่งเกินไป ถึงพวกเขาจะลองมาหลายครั้งแล้ว ก็ยังไม่สามารถบุกเข้าไปได้

เช่นนั้น คนที่สร้างเขตอาคมนี้ขึ้นมาจะแข็งแกร่งมากเพียงใด?

พวกเขาคงมิได้ล่วงเกินยอดคนท่านใดเข้าโดยที่ไม่รู้ตัวหรอกนะ?

แววตาของหัวหน้าคนนั้นก็ดูลึกล้ำเช่นกัน

แฝงไปด้วยความกังวลที่ซ่อนเร้นไว้

ในใจของเขาจะไม่มีความกังวลได้อย่างไร เพียงแต่พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่น

“เขาโดนพิษ แถมยังได้รับบาดเจ็บอีก คงหนีไปได้ไม่ไกลแน่ และเมื่อวานพวกเราค้นหาแถวนี้หมดแล้วแต่ก็ไม่พบเขาเลย แสดงว่าเขาต้องหลบเข้าไปข้างในแล้ว”

“แต่เขตอาคมนี้ พวกเราก็เปิดไม่ได้ แล้วเขาบาดเจ็บสาหัส จะปลดได้อย่างไร?”

“หากเขาเป็นคนธรรมดา ก็คงไม่ใช่จวินจิ๋วอิ่นแล้ว”

หัวหน้าคนนั้นมองเขตอาคมอย่างเงียบ ๆ ครู่หนึ่ง จากนั้นก็สั่งให้ลูกน้องถอยกลับไป

ถ้าหาจวินจิ๋วอิ่นไม่เจอ พวกเขากลับไปก็ตายอยู่ดี

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็สู้กันให้ตายไปข้างหนึ่งเสียดีกว่า

หัวหน้าคนนั้นรวบรวมพลังวิญญาณทั้งหมดของตนเอง จากนั้นก็เห็นกระบี่ที่ดูธรรมดา ๆ เริ่มเปล่งประกายแสงเย็นเยียบออกมา

เริ่มจากข้างกายเขา ไล่ไปยังทิศทางของเขตอาคม เริ่มกลายเป็นน้ำแข็งทีละน้อย

เขตอาคมทั้งหมด ราวกับถูกแช่แข็งด้วยไอเย็นในชั่วพริบตา

เทือกเขาทั้งลูกดูเหมือนจะลงสู่หิมะน้ำแข็ง

สีหน้าของเขาเคร่งขรึม แล้วทะยานขึ้นไปในอากาศ

ฟาดฟันกระบี่นั้นไปยังเขตอาคมอย่างรุนแรง พร้อมกับพลังทำลายล้างทุกสิ่ง

เสียงดังตูมสนั่นหวั่นไหว!

กระบี่โจมตีใส่เขตอาคมอย่างรุนแรง จนเกิดเสียงกระทบกันที่ดังแสบแก้วหู

ทว่า ภาพเขตอาคมที่ถูกเปิดออกตามที่คาดไว้กลับไม่ปรากฏขึ้น

แต่กลับเป็นหัวหน้าของคนชุดดำถูกพลังที่ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันของเขตอาคมกระแทกจนกระเด็นออกไป

ร่วงลงไปนั่งกับพื้นอย่างแรง ก่อนจะกระอักเลือดออกมาหนึ่งคำ

จากนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างตรงหน้าก็สลายหายไป

น้ำแข็งละลายหายไปทีละชั้น เขตอาคมกลับมาชัดเจนอีกครั้งในชั่วพริบตา

และในเวลานี้ สตรีรูปโฉมงดงามรูปร่างสูงโปร่งสวมชุดสีขาว ก็ก้าวออกมาจากเขตอาคม

ใบหน้างดงามนั้นค่อย ๆ ปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน

มองแวบแรกก็ดูบริสุทธิ์ผุดผ่องราวกับดอกบัวหิมะที่เบ่งบานอยู่บนยอดเขาเทียนซาน

ทว่าในชั่วพริบตา ดอกบัวหิมะที่ดูบริสุทธิ์ก็กลับกลายเป็นดอกพลับพลึงแดงที่เย้ายวน

นางมองคนชุดดำเหล่านี้ที่อยู่ตรงหน้าอย่างแข็งกร้าว สายตาก็แฝงไปด้วยอำนาจครอบงำเหยียดหยามทุกสิ่งทุกอย่าง จ้องมองพวกเขาเหมือนกับมดปลวกตัวเล็ก ๆ

“พวกเจ้าน่ะหรือ ที่คิดจะบุกเขตอาคมของข้า?”

นางเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเย็นชา สีหน้าเยือกเย็นเล็กน้อย

แต่กลับทำให้คนชุดดำหลายคนที่อยู่ตรงหน้า รู้สึกหนาวหลังไม่หยุด

“พะ...พวกเราไม่ได้ตั้งใจจะรบกวน เมื่อวานมีคนบุกรุกเข้าไปในเขตอาคมของท่าน พวกเรา...พวกเราแค่ต้องการจับตัวคนกลับไป ขอท่านโปรดอำนวยความสะดวกด้วยขอรับ”

หัวหน้าได้รับบาดเจ็บสาหัส คนชุดดำอีกคนจึงตอบกลับด้วยความหวาดกลัวจนตัวสั่น

ไป๋ซวงหัวเราะเยาะ คนชุดดำเหล่านั้นก็ยิ่งหวาดกลัวมากขึ้นไปอีก

เมื่อครู่นั้น ถึงแม้พวกเขาจะมองไม่ชัด

แต่พวกเขารู้ดีถึงความแข็งแกร่งของหัวหน้า

มองไปยังหัวหน้าที่กำลังจะหมดสติอยู่ไม่ไกล ก็พอจะเดาได้แล้วว่าสตรีตรงหน้านั้นไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

เมื่อเห็นไป๋ซวงยิ้มหยัน คนชุดดำอีกคนก็รีบอธิบายขึ้นมาทันที

“พวกเราไม่ได้ตั้งใจจะรบกวนแม่นาง แม่นางโปรดอำนวยความสะดวกด้วย พวกเรายินดีที่จะชดเชยให้แม่นางขอรับ”

คนชุดดำพูดพลางหยิบข้าวของจากถุงเก็บของออกมาราวกับไม่ต้องการเงิน

โอสถชั้นยอด สมุนไพรวิเศษหลายต้น และยังมีอาวุธที่ถือว่ามีราคาแพงอีกจำนวนหนึ่ง

ไป๋ซวงมองอย่างลวก ๆ สองสามครั้ง เหมือนไม่มีสิ่งของชิ้นไหนที่เข้าตานางได้เลย

หางตาของนางแฝงไปด้วยรอยยิ้ม มองไปยังเขาหลิงอิ่นที่ปรากฏเลือนรางด้วยความโอหัง

“ตั้งแต่ที่ข้าสร้างเขตอาคมขึ้นมา ก็มีกฎอยู่ข้อเดียว! ผู้ใดที่บุกเขตอาคมต้องตาย!”

ไป๋ซวงกวาดสายตามองขยะตรงหน้าอย่างเย็นชา จิตสังหารแผ่ซ่านออกมา

ตัวตนของนางไม่อาจให้ผู้อื่นล่วงรู้ได้

นางยังอยากให้บุตรชายได้ใช้ชีวิตอย่างไร้กังวลไปอีกหลายปี

ดังนั้น นางจึงไม่ปล่อยผู้บุกรุกเขตอาคมทุกคนไปเด็ดขาด

ชาติที่แล้วนางไม่ใช่คนดีอะไร ชาตินี้ก็จะไม่เป็นเช่นกัน!

คนชุดดำเหล่านั้นย่อมรับรู้ได้ถึงจิตสังหารของไป๋ซวง

เมื่อเห็นว่าการเจรจาไม่เป็นผล ก็ทำได้เพียงสู้ตายเท่านั้น

ถึงอย่างไรกลับไปก็ตายอยู่แล้ว มิสู้ลองเสี่ยงดูสักตั้ง

ไม่แน่ว่าสตรีผู้นี้อาจจะแค่ดูน่ากลัวเฉย ๆ ก็ได้

ดังนั้น คนชุดดำที่มองหน้ากัน จึงส่งสายตาให้เข้าไปโจมตีพร้อมกัน

ในชั่วพริบตาที่ไป๋ซวงยังไม่ได้เริ่มโจมตี พวกเขาก็รวบรวมพลังวิญญาณทั้งหมดของตัวเอง จากนั้นทะยานขึ้นไปในอากาศ โจมตีครั้งสุดท้ายที่เดิมพันด้วยชีวิตตัวเอง

หางตาของไป๋ซวงแฝงไปด้วยรอยยิ้ม ดูเย้ายวนโดยไม่รู้ตัว

จากนั้นเห็นเพียงนางสะบัดแขนเสื้อสีขาวราวกับหิมะเบา ๆ วงแหวนแสงสีทองก็ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของทุกคน

ภายในชั่วพริบตา วงแหวนแสงนั้นก็กลายเป็นใยแมงมุมหนาแน่น ปกคลุมคนชุดดำทั้งหมดที่ลอยอยู่กลางอากาศเอาไว้

วงแหวนแสงรัดแน่น และหดตัวลงอย่างรวดเร็วพร้อมกับพลังอันแข็งแกร่ง

คนชุดดำเหล่านั้นไม่มีแม้แต่แรงจะต่อต้าน จึงถูกวงแหวนแสงพันธนาการไว้

จากนั้น ก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้น ทุกคนถูกใยแมงมุมจากวงแหวนแสงกลืนกิน

อากาศเต็มไปด้วยละอองเลือด

บนพื้นหญ้าล้วนเต็มไปด้วยชิ้นส่วนแขนขาของคนเหล่านั้น

หัวหน้าของคนชุดดำที่ได้รับบาดเจ็บล้มลงเมื่อครู่ มองดูภาพตรงหน้าด้วยความตกตะลึงจนพูดไม่ออก

อาวุธนี่มัน...

เส้นไหมวิญญาณโลหิต!

นี่มันอาวุธของแม่มดผู้นั้นมิใช่หรือ?

เมื่อสี่ปีก่อน ทั้งฝ่ายธรรมะและอธรรมร่วมมือกัน ล้อมปราบปรามแม่มดไป๋ซวง

แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถสังหารไป๋ซวงได้ ปล่อยให้นางหลบหนีไปได้

นางคือไป๋ซวงหรือ?

แถมยังดูเหมือนจะแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนอีก!

หัวหน้าของคนชุดดำพยายามขยับตัวถอยหลังอย่างยากลำบาก แต่แขนขาของเขาดูเหมือนจะถูกแช่แข็งไปหมดแล้ว

ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว จ้องมองสตรีตรงหน้าที่ราวกับยมบาลด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

“เจ้า...เจ้าคือแม่มด...ไป๋ซวง...”

ไป๋ซวงเลิกคิ้วเล็กน้อย สายตาเต็มไปด้วยความแข็งกร้าว

นางยิ้มอย่างอ่อนหวาน แต่กลับทำให้ผู้คนรู้สึกขนลุก

“รู้จักชื่อของข้าด้วยหรือ?”

นิ้วมือเรียวบางขยับเล็กน้อย เส้นไหมวิญญาณโลหิตที่ดูน่าเกรงขามเมื่อครู่ กลับกลายเป็นของเล่นพลิกไปมาบนปลายนิ้วราวกับเส้นผม

เส้นไหมวิญญาณโลหิตสีแดงสดพันรอบปลายนิ้วของนางเป็นวง

นางขยับนิ้วไปมาอย่างสบาย ๆ ก้าวเดินอย่างองอาจ เข้าไปใกล้หัวหน้าของคนชุดดำทีละก้าว

“ถ้าเช่นนั้นแม่มดอย่างข้ายิ่งปล่อยเจ้าไว้ไม่ได้!”

ไป๋ซวงพูดจบ นิ้วมือขาวราวหิมะก็ชี้ไปที่หัวหน้าคนนั้น

เส้นไหมวิญญาณโลหิตสีแดงสดราวกับมีจิตวิญญาณ โจมตีใส่หัวหน้าคนชุดดำอย่างรวดเร็ว

หัวหน้าคนชุดดำลุกขึ้นด้วยความหวาดกลัวและลนลาน พยายามหลบหนีอย่างรวดเร็ว

แต่น่าเสียดาย เส้นไหมวิญญาณโลหิตที่บางราวกับเส้นผมนั้น ได้พันรอบคอของเขาอย่างแนบเนียนโดยไม่รู้สึกตัว

เมื่อหัวหน้าคนชุดดำรู้สึกตัว เส้นไหมวิญญาณโลหิตนั้นก็รัดคอเขาแน่นแล้ว

เส้นผมนั้นราวกับใบมีดคมกริบ ตัดศีรษะของหัวหน้าคนชุดดำออกอย่างง่ายดาย

บนใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือด ดวงตายังคงแฝงไปด้วยความไม่ยอมและหวาดกลัว

ไป๋ซวงหัวเราะเยาะ แขนเสื้อสีขาวสะบัดขึ้นเล็กน้อย

ทันใดนั้น ลมพายุก็พัดโหมกระหน่ำ พัดเอาทรายที่ปลิวว่อนขึ้นมาจนหมดสิ้น

เมื่อลมสงบลง ชิ้นส่วนแขนขาบนพื้นก็ถูกทรายฝังกลบหมดแล้ว

แม้กระทั่งกลิ่นคาวเลือดในอากาศก็ถูกพัดหายไปจนหมดสิ้น

ทุกสิ่งทุกอย่างราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ไป๋ซวงหันกลับมามองเทือกเขาหลิงอิ่นของตนเอง

ใครกันที่ล่อคนพวกนั้นมาที่นี่?

มีใครบางคนเข้าไปในเทือกเขาหลิงอิ่นจริง ๆ หรือ?

เมื่อนึกถึงท่าทางของซวี่เป่าเมื่อวานแล้ว ไป๋ซวงก็อดไม่ได้ที่จะเร่งฝีเท้ากลับเขา...
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Komen (2)
goodnovel comment avatar
Patcharaporn Pookan
สนุกน่าค้นหา
goodnovel comment avatar
Waranya Chaiwan
สนุกมากๆๆๆ
LIHAT SEMUA KOMENTAR

Bab terkait

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 4

    เดิมทีไป๋เซียวและจวินจิ๋วอิ่นที่อยู่ในถ้ำกำลังคุยกันอย่างสนุกสนานแต่เมื่อคลื่นพลังวิญญาณโถมเข้ามาเป็นระลอก ๆ สีหน้าของทั้งสองก็เปลี่ยนไปพร้อมกัน“พวกเขาตามมาแล้ว!”ดวงตาของจวินจิ๋วอิ่นพลันมืดมัวลง สายตาเต็มไปด้วยจิตสังหาร“เป็นศัตรูของท่านพ่อหรือ?”ไป๋เซียวเห็นจิตสังหารแผ่ออกมาจากตัวท่านพ่อ ใบหน้าเล็ก ๆ ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที“แค่พวกสุนัขรับใช้เท่านั้น”จวินจิ๋วอิ่นพูดพลางพยายามลุกขึ้นอย่างยากลำบากไป๋เซียวรีบวิ่งเข้าไปจับเขาเอาไว้“ท่านพ่อ บนตัวท่านยังมีบาดแผลอยู่นะ?”“ไม่เป็นไร แผลแค่นี้ไม่ต้องใส่ใจหรอก”จวินจิ๋วอิ่นรู้สึกอบอุ่นหัวใจ ยิ้มพลางยื่นมือออกไปลูบผมของบุตรชายเบา ๆ ไป๋เซียวยังคงดึงดันจับเขาไว้ ดวงตาฉายแววดูแคลนและเหยียดหยามเล็กน้อย“ท่านพ่อวางใจเถอะ ท่านแม่จะไปจัดการพวกเขาเอง”ไป๋ซวง?จวินจิ๋วอิ่นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หยุดเคลื่อนไหวสี่ปีที่แล้ว หลังจากที่เขาถูกข่มเหงก็เคยสืบเรื่องของไป๋ซวงบนทวีปอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ แบ่งออกเป็นรากวิญญาณทั้งห้าสาย ได้แก่ ทอง ไม้ น้ำ ไฟ และดินและระดับของพลังวิญญาณ ยังแบ่งออกเป็น เก้าขั้น เก้าระดับนักสู้ จอมยุทธ์

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 5

    ลูกนกพิราบขาวตามหาบิดา!ไป๋ซวงพลันโกรธสุดขีด เหตุใดตอนนั้นถึงหยิบหนังสือนิทานเล่มนั้นมาให้เขาอ่านนะที่แย่ไปกว่านั้นคือ เหตุใดชายคนนี้ถึงบังเอิญเข้ามาในเขตอาคมของนางได้ไป๋ซวงสูดหายใจเข้าลึก ๆ ในหัวสมองยังคงคิดอยู่ว่าจะอธิบายเรื่องนี้กับบุตรชายอย่างไรดีการมาของเขาเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายแต่นางกลับไม่เคยรู้สึกเสียใจเลยสามปีมานี้ เขาได้นำความสุขมามอบให้นางมากมายเหลือเกินไป๋เซียวเห็นว่าท่านแม่ไม่ตอบคำถาม น้ำตาที่ยากจะพบเห็นได้นั้นก็หยดแหมะ ๆ ลงมาอย่างไม่ขาดสาย“ท่านแม่ ท่านพ่อได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนั้น ข้างนอกยังมีศัตรูรออยู่ หากเขาออกไป ก็จะต้องตายแน่ ซวี่เป่าอยากมีพ่อ ซวี่เป่าไม่อยากให้ท่านพ่อตาย”พูดจบ ซวี่เป่าก็ร้องไห้หนักกว่าเดิมเมื่อไป๋เซียวร้องไห้ ไป๋ซวงก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีนางถอนหายใจอย่างจนปัญญา แล้วค่อย ๆ เช็ดน้ำตาที่หางตาของบุตรชายเบา ๆ “เอาละ ก่อนที่อาการบาดเจ็บของเขาจะหายดี แม่จะไม่ไล่เขาออกไปหรอก”ไป๋ซวงพูดจบก็วางบุตรชายลงบนพื้น แล้วเดินจากไปด้วยความโกรธเมื่อเห็นว่าท่านแม่เดินจากไปไกลแล้ว ไป๋เซียวก็รีบเช็ดน้ำตาที่หางตา ไฉนเลยยังมีท่าทางเสียใจอยู

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 6

    จวินจิ๋วอิ่นใช้ชีวิตสามวันในเขาหลิงอิ่นอย่างมีความสุขที่สุดในชีวิตเขาและบุตรชายช่วยกันวางกับดักไก่ ขึ้นเขาขุดหน่อไม้ จับปลาในแม่น้ำด้านหลังของเขาหลิงอิ่น ยังมีลูกหม่อนป่าอยู่เต็มไปหมดลูกสีแดงสดใส สวยงามมากจวินจิ๋วอิ่นจะไปเก็บมาให้ไป๋ซวงแม่ลูกคู่นี้ทุกวัน เขาจะเก็บมาเต็มตะกร้าใบใหญ่ แล้วนำมาล้างให้สะอาดก่อนจะยกไปให้พวกนางลูกหม่อนป่านี้มีรสชาติหวานที่เขาไม่เคยลิ้มลองมาก่อนราวกับว่าหวานไปถึงหัวใจ ทำให้เขารู้สึกว่ากำลังจมอยู่ในความสุขวันเวลาเหล่านี้ผ่านไปราวกับความฝัน เหมือนกับแดนสวรรค์ในชั่วพริบตาเดียว กำหนดเวลาสามวันที่ไป๋ซวงให้ก็มาถึงยังไม่ทันที่ไป๋ซวงจะเอ่ยปากไล่เขา ด้านนอกเขตอาคมก็เกิดความเคลื่อนไหวผิดปกติอีกครั้งไป๋ซวงมองจวินจิ๋วอิ่นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แล้วมองไปยังซวี่เป่าที่กำลังกำหมัดแน่นอยู่ข้าง ๆ อยากจะออกไปต่อสู้นางถอนหายใจอย่างจนปัญญา!ชายแขนเสื้อสีขาวสะบัดขึ้นเล็กน้อย นิ้วมือเรียวบางวาดยันต์สี่ภาพขึ้นกลางอากาศสีแดงฉาน เต็มไปด้วยไอสังหารจากนั้น นางก็หมุนข้อมือเล็กน้อยยันต์สีแดงนั้นก็หายวับไปต่อหน้าต่อตานางในขณะเดียวกัน เย่หลิ่นที่อยู่นอกเขตอาคมก็ก

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 7

    กรงแห่งสวรรค์และปฐพี เป็นท่าไม้ตายที่รุนแรงที่สุดของพลังวิญญาณธาตุทองใช้สวรรค์และปฐพีเป็นจุดค้ำยัน คนที่อยู่ภายในกรงเหล็กล้วนไม่ต่างอะไรกับปลาบนเขียงไม่มีใครสามารถรอดชีวิตไปจากกรงแห่งสวรรค์และปฐพีได้!ดังนั้น เย่หลิ่นถึงได้ใช้ท่าไม้ตายนี้เพื่อที่จะสังหารในคราเดียวกำจัดภัยอันตรายอย่างไป๋ซวงให้สิ้นซาก!แต่น่าเสียดาย ไป๋ซวงไม่ได้เป็นไปตามที่เขาต้องการขณะที่กรงแห่งสวรรค์และปฐพีกำลังจะปิดลงก็เห็นว่าไป๋ซวงกำลังจะถูกกรงแห่งสวรรค์และปฐพีบดขยี้จนกลายเป็นกองเลือดทันใดนั้น กรงแห่งสวรรค์และปฐพีที่กำลังจะปิดลง จู่ ๆ ก็สั่นไหวสองสามครั้งโดยที่ไม่อาจควบคุมได้จากนั้น กรงแห่งสวรรค์และปฐพีก็เปลี่ยนทิศทางราวกับคนที่มีจิตวิญญาณ ก้าวเท้าไปข้างหน้าหนึ่งก้าวใหญ่ครอบคลุมเย่หลิ่นที่ยังคงตกตะลึงไว้ภายในนั้นและสตรีที่เกือบจะถูกกลืนกินเมื่อครู่นี้ ก็กำลังขยับนิ้วกลางอากาศอย่างรวดเร็วเข็มทิศที่ไร้ลักษณ์นั้น สามารถควบคุมกรงแห่งสวรรค์และปฐพีได้สำเร็จ!เป็นไปได้อย่างไร!เย่หลิ่นไม่อยากจะเชื่อ เมื่อเห็นกรงแห่งสวรรค์และปฐพีกำลังหดตัวลงเรื่อย ๆ เขาก็ไม่มีเวลาคิด รีบหมุนเข็มทิศอย่างรวดเร็วโดยส

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 8

    จวินจิ๋วอิ่นสะบัดมือ พัดคลี่อันงดงามที่เปล่งประกายความเย็นเยียบก็ปรากฏขึ้นในมือของเขาพัดคลี่หมุนอยู่ในมือของเขาอย่างรวดเร็ว ลำแสงสีทองก็พุ่งออกมาจากพัดคลี่ของเขาลำแสงหนาแน่น พุ่งออกมาอย่างต่อเนื่องไม่มีช่องว่างคนชุดดำที่พุ่งตัวขึ้นฟ้า จำต้องหลบหลีกอย่างรวดเร็วลำแสงที่ดูธรรมดา ๆ นั้น กลับมีความคมกริบมากจนสามารถตัดเหล็กราวกับตัดโคลนแม้แต่ต้นไม้ใหญ่รอบข้าง หลังจากที่ถูกความเย็นเยียบกวาดผ่าน ก็หักโค่นลงราวกับถูกดาบฟันมือสังหารชุดดำคนหนึ่งย่องเข้ามาทางด้านหลังของจวินจิ๋วอิ่นอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับง้างธนูในมือเล็งไปที่เป้าหมายในชั่วพริบตา ลูกธนูอาบยาพิษนับสิบดอกก็พุ่งทะลุอากาศเข้าโจมตีจวินจิ๋วอิ่นรู้สึกถึงคลื่นพลังวิญญาณที่ส่งมาจากด้านหลัง จึงพลิกตัวกลับหลังอย่างรวดเร็วจากนั้น ก็สะบัดพัดคลี่โบกจากบนลงล่างแสงสีทองอันเย็นเยียบพลันแปรเปลี่ยนเป็นโล่สีทอง!เสียงเปรี๊ยะ ๆ ดังขึ้น ลูกธนูอาบยาพิษนับสิบดอกพุ่งเข้าปะทะกับโล่สีทองพร้อมกันมือสังหารชุดดำเห็นดังนั้น ก็เปลี่ยนตำแหน่งอย่างต่อเนื่องลูกธนูอันแหลมคมก็พุ่งเข้าโจมตีจวินจิ๋วอิ่นจากทุกทิศทางมือสังหารคนอื่น ๆ ต่างใช้อาวุธล

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 9

    เมื่อซวี่เป่าได้ยินดังนั้น ดวงตาก็พลันฉายแววไม่สบายใจขึ้นมาตึก ๆ ๆ รีบลงมาจากตัวท่านพ่อ จากนั้นทำท่าทางว่านอนสอนง่ายเหมือนกับเด็กที่ทำผิด“ท่านแม่...”น้ำเสียงอ่อนโยนดังขึ้น ซวี่เป่ามองสตรีที่อยู่ไม่ไกลนัก ค่อย ๆ เดินเข้ามาด้วยความตื่นตระหนกและรู้สึกผิดสตรีในชุดขาวเดินมาจากป่าลึก!บนร่างกายของนางเปล่งประกายแสงสว่างจาง ๆ ใบหน้างดงาม ปรากฏให้เห็นอยู่รำไรก้าวเดินราวกับมีลมพัดใต้เท้า เสื้อผ้าปลิวไสวราวกับเทพธิดาจากป่าลึก ที่หลงเข้ามาในโลกมนุษย์สมองของมู่ซือและเหลิ่งเย่ไม่พอใช้แล้วเพียงจ้องมองสตรีผู้ราวกับเทพเซียนลงมาจุติบนโลกอย่างเหม่อลอย ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจนี่คือสตรีที่ท่านอ๋องแอบซ่อนเอาไว้หรือ?ไป๋ซวงเหลือบมองมู่ซือและเหลิ่งเย่ด้วยสายตาเย็นชาเมื่อหันไปมองจวินจิ๋วอิ่น สายตาของนางก็ยิ่งเย็นชาขึ้น“ในเมื่อคนที่มารับพ่อของเจ้ามาแล้ว ซวี่เป่ากลับภูเขากับแม่ได้แล้วสินะ!”“ท่านแม่...”ซวี่เป่าก้าวขาเล็ก ๆ อย่างยากลำบาก แล้วค่อย ๆ เข้าไปใกล้ไป๋ซวง“ท่านแม่ ท่านดูองครักษ์สองคนของท่านพ่อสิ อ่อนแอเหมือนกับไก่ป่าบนภูเขาเลย ซวี่เป่าไม่วางใจที่จะให้ท่านพ่อไปกับพวกเข

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 10

    บ่าวไพร่ที่กำลังวุ่นวายในลานบ้าน ต่างหยุดการเคลื่อนไหวทั้งหมด แล้วหมอบคลานลงกับพื้นต่อมาก็มีเสียงดังกึกก้อง แสดงความยินดีกับจวินจิ๋วอิ่นที่พาองค์ชายน้อยกลับจวนเนื่องจากไป๋ชวงยังไม่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ ตอนนี้พวกเขาจึงทำได้เพียงเรียกนางว่าแม่นางเท่านั้น“ยินดีกับท่านอ๋องที่ได้พาองค์ชายน้อยและแม่นางไป๋กลับจวน”นี่เป็นครั้งแรกที่ซวี่เป่าได้เห็นการต้อนรับที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นไป๋ซวงเลิกคิ้วอย่างไม่พอใจเล็กน้อย ดวงตาที่เย็นชาจ้องมองไปที่จวินจิ๋วอิ่น ราวกับกำลังรอคำอธิบายพวกนางสองแม่ลูก ก็แค่มาส่งคนเท่านั้นเหตุใดถึงต้องเตรียมการใหญ่โตเช่นนี้จวินจิ๋วอิ่นยิ้มกระอักกระอ่วน จากนั้นโบกมือส่งสัญญาณให้ทุกคนลุกขึ้น“ข้าแค่อยากให้พวกเจ้าสองแม่ลูกกินอิ่ม นอนพักผ่อนสักคืนแล้วค่อยไป ไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะทำแบบนี้”เขาให้มู่ซือส่งข่าวไปที่จวน จริง ๆ แล้วก็แค่ต้องการต้อนรับไป๋ชวงกับบุตรชายอย่างดีเท่านั้นเมื่อมองดูผู้คนในจวน บรรยากาศก็เหมือนกับวันปีใหม่เขาก็คิดไม่ถึงเช่นกัน!ไป๋ซวงไม่ได้แสดงความคิดเห็นใด ๆ เพียงแต่ก้มลงมองซวี่เป่าที่ใบหน้าเ

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 11

    จีหรงเดินมาหยุดตรงหน้าของไป๋ซวงด้วยสีหน้าร้อนรน มือทั้งสองข้างดึงมือของนางไว้อย่างแน่นหนา“ซวงเอ๋อร์ ข้าทำสิ่งใดไม่ดีหรือไม่? หรือว่าจิ๋วอิ่นทำให้เจ้าขุ่นเคืองใจ?”“หาไม่เพคะ เพียงแต่เมืองหลวงอันรุ่งเรืองนี้ ไม่เหมาะกับพวกเราสองแม่ลูก”จีหรงพลันรู้สึกโศกเศร้าขึ้นมา ดวงตาแดงก่ำมองไปยังซวี่เป่า“แต่ว่า ข้าเพิ่งได้พบกับซวี่เป่า ยังมิทันได้ใกล้ชิดกับเขาเท่าใดเลย ข้าเฝ้ารอคอยมาหลายปีเพื่อจะได้พบหลาน ซวงเอ๋อร์จะยอมให้เวลาข้าได้อยู่ใกล้ชิดกับซวี่เป่าอีกสักสองสามวันได้หรือไม่?”ขณะที่จีหรงกล่าวอยู่ ซวี่เป่าก็ลุกขึ้นยืนอย่างเงียบงัน แล้วเดินเข้ามาใกล้อย่างช้า ๆเมื่อซวี่เป่าเห็นน้ำตาคลอในดวงตาของเสด็จย่า เขาก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองไป๋ซวงไป๋ซวงเองก็ไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่า พระสนมผู้เอกสูงศักดิ์จะทรงสุภาพและอ่อนโยนกับนางถึงเพียงนี้หากพระสนมแสดงความแข็งกร้าวหรือเข้มงวดกับนางสักหน่อยนางคงจะพาบุตรชายเดินจากไปโดยไม่อาลัยอาวรณ์แม้แต่น้อยแต่ในตอนนี้ ความอ่อนโยนและความเมตตาของพระสนมจี รวมถึงดวงตาเล็ก ๆ ของซวี่เป่าที่เต็มไปด้วยความคาดหวังไป๋ซวงมิอาจตัดสินใจเด็ดขาดได้อย่างเช่นเมื่อครู่นี้ปกต

Bab terbaru

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 100

    ไป๋ซวงยิ้มหวาน แต่สำหรับนักพรตชราแล้ว กลับเหมือนน้ำผึ้งอาบยาพิษนักพรตชราเห็นแล้ว ขนลุกซู่ไปทั่วทั้งแผ่นหลัง“มีคนชวนท่านอ๋องของข้าออกไปล่าสัตว์เป็นเรื่องโกหก วางยาพิษท่านอ๋องกลางทางต่างหากคือเรื่องจริง!”ไป๋ซวงพูดจบ รอยยิ้มบนใบหน้าก็พลันหายไปแทนที่ด้วยแววตาที่ดุดันและเย็นเยียบโจวหลิงซางและโจวหวันฉี่ที่ยืนตกตะลึงอยู่ข้าง ๆ รวมถึงฮองเฮาเจียงเถียนและจวินหงคังตอนนี้ทุกคนต่างหน้าซีดเผือด!โจวหลิงซางกลืนน้ำลายลงคออย่างประหม่า ฝืนทำท่าทางสงบพลางก้าวไปข้างหน้าสองก้าว“พระชายาองค์ชายเก้า นี่ท่านหมายความว่าอย่างไร?”“หรือว่าข้ายังพูดไม่ชัดเจนพอ?”ไป๋ซวงลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้โจวหลิงซาง“ท่านอ๋อง สิ่งที่ข้าพูดเป็นความจริงหรือไม่?”จวินจิ๋วอิ่นยังคงจมดิ่งอยู่ในคำว่า ‘ท่านอ๋องของข้า’ จนถอนตัวจากความหวานนั้นไม่ได้เมื่อได้ยินดังนั้น ก็พลันยิ้มพลางเดินเข้าไปใกล้ไป๋ซวง“ฮูหยินพูดถูกที่สุด”“เหลวไหล จวินจิ๋วอิ่น พวกเราก็แค่แข่งขันล่าสัตว์เท่านั้น เหตุใดข้าถึงต้องวางยาพิษท่านด้วย? ข้าเป็นถึงองค์ชายสามแห่งแคว้นโจวอู้ ไม่ใช่คนที่ใครจะใส่ร้ายป้ายสีได้ง่าย ๆ ”

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 99

    เวลานี้ สวีเหว่ยถือกระบี่แสงพุทธ ฟาดฟันกระบี่ไปที่ต้นไม้ใหญ่อายุร้อยปีที่เพิ่งจะหักโค่นลงเบา ๆ ภายในชั่วพริบตา ต้นไม้ใหญ่อายุร้อยปีต้นนั้น ก็ถูกตัดจนถึงโคนต้นสวีเหว่ยรู้สึกราวกับได้สมบัติล้ำค่า หันไปทางไป๋ซวงแล้วโขกศีรษะคำนับอย่างแรงสามครั้ง“ขอบพระทัยพระชายาองค์ชายเก้า ข้าน้อยจะตั้งใจฝึกฝนอย่างเต็มที่ ไม่ทำให้พระชายาผิดหวังพ่ะย่ะค่ะ” ไป๋ซวงพยักหน้าเล็กน้อย พร้อมกับทำสีหน้าราวกับจะบอกว่า ‘เจ้าเชื่อฟังดีมาก’นักพรตชราชุดขาวมองไป๋ซวงด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ“เมื่อครู่เจ้าทำอะไรลงไป?”แน่นอนว่าเขาไม่มีทางเชื่อว่า สวีเหว่ยไอ้ขยะไร้ค่านั่น จะสามารถครอบครองกระบี่แสงพุทธของเขาได้“เจ้าก็เดาออกอยู่แล้วมิใช่หรือ?”ไป๋ซวงยิ้มแต่ไม่ตอบ พลางเหลือบมองไปที่เส้นเลือดบริเวณจุดชีพจรของเขาทันใดนั้น นักพรตชราชุดขาวก็ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นด้วยท่าทางสิ้นหวังใช่แล้ว หากต้องการให้กระบี่แสงพุทธที่เลือกนายแล้ว เชื่อฟังคำสั่งของผู้อื่นเช่นนั้น มีเพียงทางเดียวคือต้องเปลี่ยนนายของกระบี่แสงพุทธ ลวดลายกระบี่อันงดงามเมื่อครู่นั้น แท้จริงแล้วแฝงไว้ด้วยพลังวิญญาณที่แข็งแกร

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 98

    ทุกคนสำลักจนต้องโบกมือไปมา ใช้แขนเสื้อปิดปากและจมูกทว่ามนุษย์ยักษ์นั้น ก็ไม่ได้ปล่อยนักพรตชราไปเพราะเหตุนี้นักพรตชราเห็นดังนั้นจึงรีบเก็บพลังวิญญาณของตนกลับคืน อาศัยช่วงที่ควันฝุ่นฟุ้งกระจาย หายตัวไปแล้วปรากฏตัวต่อหน้าไป๋ซวงคมกระบี่อันแหลมคม จ่อตรงไปที่คอของไป๋ซวง“อย่าขยับ มิฉะนั้นข้าจะฆ่านางเดี๋ยวนี้!”จวินจิ๋วอิ่นเห็นดังนั้น ก็รีบเก็บพลังวิญญาณของตนเองในทันที“เจ้าต้องการทำอะไรกันแน่?”สายตาอันคมกริบของจวินจิ๋วอิ่น จ้องมองไปที่นักพรตชราผู้นั้นอย่างเต็มไปด้วยคำเตือนนักพรตชราหัวเราะอย่างลำพองใจ สายตามองสำรวจไป๋ซวงไม่หยุด“เจ้าคือศิษย์ของตาเฒ่าเฮยฉีนั่น?”“ตาเฒ่าเฮยฉีอะไรกัน ข้าไม่รู้จัก!”ไป๋ซวงยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา“เป็นไปไม่ได้ ของในร้านฟู่หลิงซวนนั้น รวมถึงสมุนไพรในร้านเจินเฉ่าเก๋อ หากมิใช่ของตาเฒ่าเฮยฉี แล้วเด็กน้อยอย่างเจ้าจะไปหามาจากไหนได้?”สีหน้าของนักพรตชราชุดขาวเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ แถมยังรู้สึกโกรธขึ้นมาเพราะคำพูดของไป๋ซวงไป๋ซวงยกยิ้มมุมปาก ไม่แม้แต่จะมองนักพรตชราชุดขาว“ของของข้า เหตุใดต้องบอกเจ้าด้วย?”“มีอย่างที่ไหนกั

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 97

    ไป๋ซวงรู้สึกได้ถึงจิตสังหารจากนักพรตชราชุดขาวผู้นั้นทว่านางเพิ่งคิดจะลงมือ ก็เห็นจวินจิ๋วอิ่นยืนอยู่ตรงหน้าตัวเองแล้วสะบัดแขนเสื้อกว้างเบา ๆ พลังวิญญาณสายหนึ่งก็พุ่งออกไปเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ราวกับว่าอากาศสั่นสะเทือนไปหลายครั้งสีหน้าของจวินจิ๋วอิ่นเต็มไปด้วยความเย็นชา ดวงตาคมกริบราวกับมีดมองไปยังนักพรตชราชุดขาวนักพรตชราชุดขาวผู้นั้นยืนอยู่กลางอากาศ มือทั้งสองข้างไขว้หลังชุดคลุมยาวตัวใหญ่ พลิ้วไสวอยู่กลางอากาศ และในขณะนี้ ทหารองครักษ์ก็กรูกันเข้ามา ล้อมรอบนักพรตชราชุดขาวผู้นั้นอย่างช้า ๆ “บังอาจนักเจ้ามือสังหาร ยังไม่ยอมจำนนอีก!”สวีเหว่ย หัวหน้าทหารองครักษ์ถือกระบี่วิเศษ ปลายกระบี่ชี้ตรงไปที่นักพรตชราชุดขาวนักพรตชราชุดขาวหัวเราะลั่น มองสวีเหว่ยด้วยสายตาเหยียดหยามยิ่งไปกว่านั้น สายตายังมองกวาดมองทุกคนอย่างไม่เกรงกลัวราวกับกำลังกวาดมองฝูงมดปลวก“แค่ระดับจอมปราชญ์ยุทธ์ ก็กล้ามาอวดดีต่อหน้าข้า!”พูดจบ ก็ปล่อยแรงกดดันลงมาสวีเหว่ยขมวดคิ้วแน่น คุกเข่าลงกับพื้นเสียงดังตุบปากยังถูกบังคับให้กระอักเลือดออกมาหนึ่งคำจากนั้น แรงกดดันยังไม่จบสิ้นแรงกดดันที่ต่อเนื่อง

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 96

    น่าเสียดายที่โจวหลิงซางกลับเชิญจวินจิ๋วอิ่นไปเข้าร่วมการล่าสัตว์ด้วยกันอย่างกระตือรือร้นท่ามกลางเสียงเรียกของผู้คน ทั้งสองคนไม่เพียงแต่รับคำท้า แต่ยังตั้งรางวัลอีกด้วยผู้ชนะสามารถสั่งให้ผู้แพ้ทำอะไรก็ได้หนึ่งอย่างดังนั้น สงครามระหว่างบุรุษสองคนจึงเริ่มขึ้นเมื่อจุดธูปขึ้น ทั้งสองคนก็ควบม้าออกไปอย่างบ้าคลั่งการแข่งขันครั้งนี้ ใครล่าได้จำนวนมากที่สุดจะเป็นผู้ชนะเมื่อธูปเผาไหม้จนหมด ทั้งสองคนก็ควบม้ากลับมาพร้อมกันเหยื่อที่อยู่บนหลังม้าของทั้งสอง ดูเหมือนจะพอ ๆ กันเมื่อเห็นทั้งสองคนกลับมา ทันใดนั้นก็มีองครักษ์เข้ามาตรวจนับจำนวนเหยื่อที่ล่าได้ภายในเวลาธูปหนึ่งดอก โจวหลิงซางล่าสัตว์ได้สี่สิบสองตัวส่วนบนหลังม้าของจวินจิ๋วอิ่น มีสัตว์อยู่สี่สิบสามตัวยังดีที่ต่างกันแค่ตัวเดียว!โจวหลิงซางครุ่นคิดในใจ เมื่อครู่ เขาแอบมองจวินจิ๋วอิ่นจากระยะไกลความสามารถในการขี่ม้าและยิงธนูของเขานั้น ช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ เนื่องจากผู้คนในดินแดนฮุ่นตุ้นล้วนเป็นผู้ฝึกตน เพื่อสัมผัสกับความสนุกสนานในการล่าสัตว์ของคนธรรมดา จึงได้มีการจัดงานล่าสัตว์ฤดูใบไม้ร่วงขึ้นและกฎข้อแรกของงานล่าสัตว์ฤดูใบ

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 95

    หลายวันมานี้ นางพยายามทุกวิถีทางที่จะเข้าใกล้ไป๋ซวงแต่ก็จนปัญญา ไป๋ซวงไม่เคยให้โอกาสนางเข้าใกล้เลยแม้แต่น้อยหากเป็นเช่นนี้ต่อไป นางจะสืบหาตัวคนที่อยู่เบื้องหลังไป๋ซวงได้อย่างไรโจวหลิงซางมองผิวน้ำอันเงียบสงบด้วยแววตาเย็นเยียบใช้นิ้วชี้ หมุนแหวนหยกขาวที่อยู่บนนิ้วหัวแม่มือเบา ๆ “หวันฉี่ เสด็จพ่อรอไม่ไหวแล้ว งานล่าสัตว์ครั้งนี้เป็นโอกาสสุดท้ายของเรา”“แต่เสด็จพี่ ท่านก็เห็นแล้วนี่ว่าพวกเขาไม่ให้โอกาสข้าเข้าใกล้เลย”โจวหวันฉี่จะไม่ร้อนใจได้อย่างไรจดหมายของเสด็จพ่อ นางก็เห็นแล้วเช่นกันถ้อยคำที่รุนแรงนั้น แสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจของเสด็จพ่อแล้วหากพวกเขายังไม่สามารถให้คำตอบที่น่าพอใจแก่เสด็จพ่อได้ เกรงว่าเสด็จพ่อจะต้องเปลี่ยนคนมาแทนและฐานะของพวกเขาพี่น้องสองคนก็จะสั่นคลอนแล้ว“ดังนั้น พี่จึงให้ฮ่องเต้จัดงานล่าสัตว์นี้ขึ้นมา ที่นี่เป็นสถานที่ที่สามารถเข้าใกล้ไป๋ซวงได้ง่ายที่สุด”โจวหลิงซางกล่าวจบก็ส่งสายตาที่มั่นใจให้กับโจวหวันฉี่จากนั้น ก็เดินตรงไปยังกระโจมของจวินหงคังเวลานี้ แม้ว่าจวินหงคังจะยังไม่สามารถเดินได้ แต่บาดแผลอื่น ๆ ตามร่างกาย ก็ได้รับการรักษาจนเกือบหายด

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 94

    งานล่าสัตว์ฤดูใบไม้ร่วงครั้งนี้ เนื่องจากมีองค์หญิงและองค์ชายสามแห่งแคว้นโจวอู้เข้าร่วมด้วย พื้นที่จึงใหญ่กว่าครั้งก่อน ๆ เล็กน้อยขุนนางทุกคนสามารถพาคนในครอบครัวเข้าไปด้านในได้สองคนดังนั้น โดยทั่วไปแล้ว ขุนนางหนึ่งคนจะพาภรรยาและลูกมาด้วยหนึ่งคนและเด็กคนนั้นต้องเป็นคนที่ได้รับการอบรมสั่งสอนเป็นพิเศษจากครอบครัวอย่างแน่นอนเดิมทีจีหรงก็ควรจะมาด้วย แต่นางทุ่มเทใจให้กับซวี่เป่า จึงไม่สนใจการล่าสัตว์แม้แต่น้อยดังนั้น นางจึงอยู่ที่เมืองหลวงเป็นเพื่อนซวี่เป่าขบวนเดินทางมาถึงภูเขาเจี้ยงเหลียง ทุกคนต่างปฏิบัติตามคำแนะนำ ไปพักผ่อนในกระโจมของตนเองไป๋ซวงนั่งอยู่ที่หน้าโต๊ะด้วยความเบื่อหน่าย จิตใจรู้สึกหนักอึ้งใบหน้าของจวินจิ๋วอิ่นเผยรอยยิ้มเอ็นดู แล้วค่อย ๆ นั่งลงตรงหน้านาง“เป็นอะไรไป?”ไป๋ซวงเงยหน้าขึ้น สายตาแฝงไปด้วยความสงสัย“ทรัพย์สินของท่านเยอะหรือไม่?”จวินจิ๋วอิ่นชะงักไปครู่หนึ่ง ดูเหมือนจะคาดไม่ถึงเลยว่าไป๋ซวงจะถามเช่นนี้เขายิ้มสดใสมากขึ้น แล้วยื่นมือไปกุมมือเล็ก ๆ ของนาง“ก็พอได้ น่าจะมากพอให้ฮูหยินใช้อย่างสบาย ๆ ”ไป๋ซวงปัดมือของเขาออก สายตาหม่นหมองยิ่งกว่าเดิม“ข

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 93

    จวินจิ๋วอิ่นไม่ได้หยุดฝีเท้า เพียงแต่ตอบกลับอย่างเย็นชา“วันนั้นถ้าไม่มีซวี่เป่าช่วยไว้ เกรงว่าเสด็จพ่อคงไม่ได้เจอหน้าลูกตลอดกาลแล้ว”จวินหงคังต้องการเอาชีวิตของเขา แต่เขาแค่เอาขาทั้งสองข้างของอีกฝ่ายไปเท่านั้นจวินฉงได้ยินดังนั้น ก็ไม่ได้พูดอะไรอีกทันทีความรักในครอบครัวราชวงศ์นั้น บางเบาราวกับปีกจักจั่นเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจสูงสุด การห้ำหั่นกันเองในครอบครัว การฆ่าฟันกันเองระหว่างพี่น้องก็ถือเป็นเรื่องเล็กน้อยเขาก็ผ่านการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นเช่นนี้มาแล้วเช่นกันแล้วเขาจะมีสิทธิ์อะไรที่จะเรียกร้องให้ลูก ๆ รักใคร่ปรองดองกันกันเล่า?เขาหวังเพียงแค่ว่า ลูกของตนจะสามารถเอาชีวิตรอดจากเกมการต่อสู้แย่งชิงนี้ไปได้ไม่ว่าอย่างไร ขอแค่มีชีวิตรอดก็พอส่วนเขาก็ควรจะทำอะไรสักอย่าง เพื่อตัดความคิดที่ไม่ควรมีของผู้อื่นเสียจวินจิ๋วอิ่นออกมาจากวังหลวง ไม่ได้กลับไปที่จวนอ๋องด้วยซ้ำเขาพาองครักษ์ลับสิบคน มุ่งหน้าไปยังจวนองค์ชายสามโดยตรงเป็นเวลากลางวันแสก ๆ แต่กลับพังประตูเข้าไปองครักษ์ของจวนองค์ชายสาม ยังไม่ทันได้เข้าใจสถานการณ์ว่ามันเกิดอะไรขึ้นก็ถูกซัดจนกระเจิง ใบหน้าปูดบวมกันทุกคน

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 92

    มือสังหารถูกฆ่าตายในที่เกิดเหตุสิบคน จับเป็นได้สามคนและหลังจากการสอบสวน พบว่าทั้งสามคนนั้นเป็นคนของท่านอ๋องเก้าด้วยเหตุนี้ เจียงเถียนจึงไปร้องไห้ฟูมฟายกับจวินฉงในคืนนั้นจวินฉงจึงจำต้องเรียกตัวจวินจิ๋วอิ่นเข้าวังในคืนนั้นจวินฉงนำหลักฐานที่ส่งมาจากจวนองค์ชายสาม โยนใส่มือของจวินจิ๋วอิ่น“ว่าอย่างไร?”จวินจิ๋วอิ่นถือหนังสือรับสารภาพที่เปื้อนเลือดเหล่านั้น มุมปากอดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มเยาะเย้ยออกมา“ไม่มีอะไร!”จากนั้น ก็วางหลักฐานความผิดลงในมือของจวินฉงอีกครั้ง“คนพวกนั้นเป็นคนของเจ้าจริง ๆ หรือ?”จวินฉงไม่สนใจหลักฐานความผิดเหล่านั้น และมองเขาด้วยสายตาล้ำลึก“หากข้าต้องการเอาชีวิตของเขา ตอนนั้นข้าคงไม่ทำแค่หักขาของเขาเท่านั้น”จวินจิ๋วอิ่นไม่หลบเลี่ยงแม้แต่น้อย นั่งลงหน้าโต๊ะที่อยู่ทางด้านข้างอย่างไม่เกรงกลัว“ก็จริง พ่อก็เดาว่าไม่ใช่ฝีมือของเจ้า”เรื่องนี้ จวินฉงยังคงมั่นใจในตัวเองมากเรื่องที่จวินจิ๋วอิ่นลอบสังหารจวินหงคัง เขารู้มาตั้งนานแล้วแม้กระทั่งในวินาทีที่ข่าวเข้ามาถึงวังหลวง เขาก็เดาได้แล้วว่าเป็นฝีมือของจวินจิ๋วอิ่นเพราะว่าก่อนหน้านี้ คนเหล่านั้นลอบสังหารจ

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status