Share

บทที่ 4

Author: ซูเหยียน
เดิมทีไป๋เซียวและจวินจิ๋วอิ่นที่อยู่ในถ้ำกำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน

แต่เมื่อคลื่นพลังวิญญาณโถมเข้ามาเป็นระลอก ๆ สีหน้าของทั้งสองก็เปลี่ยนไปพร้อมกัน

“พวกเขาตามมาแล้ว!”

ดวงตาของจวินจิ๋วอิ่นพลันมืดมัวลง สายตาเต็มไปด้วยจิตสังหาร

“เป็นศัตรูของท่านพ่อหรือ?”

ไป๋เซียวเห็นจิตสังหารแผ่ออกมาจากตัวท่านพ่อ ใบหน้าเล็ก ๆ ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที

“แค่พวกสุนัขรับใช้เท่านั้น”

จวินจิ๋วอิ่นพูดพลางพยายามลุกขึ้นอย่างยากลำบาก

ไป๋เซียวรีบวิ่งเข้าไปจับเขาเอาไว้

“ท่านพ่อ บนตัวท่านยังมีบาดแผลอยู่นะ?”

“ไม่เป็นไร แผลแค่นี้ไม่ต้องใส่ใจหรอก”

จวินจิ๋วอิ่นรู้สึกอบอุ่นหัวใจ ยิ้มพลางยื่นมือออกไปลูบผมของบุตรชายเบา ๆ

ไป๋เซียวยังคงดึงดันจับเขาไว้ ดวงตาฉายแววดูแคลนและเหยียดหยามเล็กน้อย

“ท่านพ่อวางใจเถอะ ท่านแม่จะไปจัดการพวกเขาเอง”

ไป๋ซวง?

จวินจิ๋วอิ่นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หยุดเคลื่อนไหว

สี่ปีที่แล้ว หลังจากที่เขาถูกข่มเหงก็เคยสืบเรื่องของไป๋ซวง

บนทวีปอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ แบ่งออกเป็นรากวิญญาณทั้งห้าสาย ได้แก่ ทอง ไม้ น้ำ ไฟ และดิน

และระดับของพลังวิญญาณ ยังแบ่งออกเป็น เก้าขั้น เก้าระดับ

นักสู้ จอมยุทธ์ วิญญาณยุทธ์ ราชันย์ยุทธ์ บรรพชนยุทธ์ จักรพรรดิยุทธ์ ยอดจอมยุทธ์ จอมปราชญ์ยุทธ์ และเทพยุทธ์

หากคนธรรมดาสามารถฝึกฝนรากวิญญาณสายเดียวไปจนถึงระดับจักรพรรดิยุทธ์ได้ ก็นับว่าไม่ง่ายแล้ว

ถ้ามีรากวิญญาณสองสาย ก็ถือเป็นอัจฉริยะ

แต่ไป๋ซวงกลับเป็นอัจฉริยะที่ฝืนชะตาฟ้าลิขิตมีรากวิญญาณสามสาย

ไม่เพียงเท่านั้น พรสวรรค์ในการบำเพ็ญของนางยังสูงส่งยิ่งนัก อายุยังน้อยก็บรรลุถึงระดับจักรพรรดิยุทธ์

ชั่วขณะหนึ่ง ไม่มีใครเทียบได้

ทั้งตระกูลไป๋ล้วนมีชื่อเสียงโด่งดังเพราะมีอัจฉริยะที่ฝืนชะตาฟ้าลิขิตเช่นนี้

ตระกูลไป๋ต้องการอาศัยชื่อเสียงของไป๋ซวง เพื่อขยายอิทธิพลของตระกูล

แต่น่าเสียดาย ไป๋ซวงไม่ใช่คนที่ยอมถูกตระกูลควบคุม

เรื่องที่นางไม่ชอบ นางก็จะไม่ทำ

คนที่นางไม่ชอบ นางก็จะไม่ฝืนยิ้มเอาใจ

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการทำเรื่องที่ฝืนใจตัวเองเพื่อผลประโยชน์ของตระกูล

นานวันเข้า นางก็ล่วงเกินคนในตระกูลไป๋จนหมด

เมื่อตระกูลไป๋เห็นว่าไม่สามารถควบคุมนางได้ จึงคิดจะช่วงชิงรากวิญญาณของนาง

ดังนั้น ประมุขของตระกูลไป๋จึงลักพาตัวบิดามารดาของไป๋ซวง แล้วบังคับให้ไป๋ซวงยกรากวิญญาณของนางให้กับบุตรสาวของตน

เพื่อการนี้ ประมุขของตระกูลไป๋ถึงกับลงมือฆ่าน้องชายวัยสิบขวบของไป๋ซวง และมารดาของนางที่กำลังตั้งครรภ์

ด้วยเหตุนี้ ไป๋ซวงจึงกลายเป็นปีศาจในชั่วพริบตา

นางต่อสู้กับประมุขตระกูลไป๋อย่างดุเดือด สังหารคนในตระกูลไป๋เกือบร้อยคนจนหมดสิ้น

ชุดคลุมสีขาวบริสุทธิ์ ถูกย้อมจนแดงฉานด้วยเลือด

ถือกระบี่ยาวไว้ในมือ เงยหน้าขึ้นท่ามกลางภูเขาศพและทะเลเลือด

ดวงตาสีแดงก่ำคู่นั้น ดุจดั่งปีศาจที่ปีนขึ้นมาจากขุมนรก

ชื่อเสียงของนางมารก็เริ่มต้นขึ้นจากตรงนี้

ตั้งแต่นั้นมา ไป๋ซวงก็แบกรับชื่อเสียงของนางมาร และยืนหยัดอยู่ในยุทธภพเพียงลำพัง

อิสระเสรี ไร้พันธนาการใด ๆ

ใครขวางทางก็ฆ่าคนนั้น พระขวางทางก็ฆ่าพระ

ไม่ว่าจะทำสิ่งใด ก็ทำตามใจตัวเองเท่านั้น

หากทำล่วงเกินนาง ไม่ว่าคนผู้นั้นจะเป็นจอมโจรหรือขุนนางผู้สูงศักดิ์

ศีรษะของเขาล้วนถูกเส้นไหมวิญญาณโลหิตตัดขาด แล้วนำไปแขวนไว้ที่ประตูเมือง

ดังนั้น เพียงแค่เอ่ยถึงนางมารไป๋ซวง ผู้คนนับไม่ถ้วนก็ตัวสั่นเทา สาปแช่งนางอยู่ในใจอย่างชั่วร้ายนับครั้งไม่ถ้วน

และการที่นางยืนหยัดอยู่เพียงลำพังก็ขวางทางคนอื่นมากเกินไป ทำให้ผู้อื่นขุ่นเคืองมากเช่นกัน

ดังนั้นจึงเกิดเหตุการณ์ที่ฝ่ายธรรมะและอธรรมร่วมมือกันล้อมปราบไป๋ซวงเมื่อสี่ปีที่แล้ว

เมื่อนึกถึงความเก่งกาจของไป๋ซวง แล้วนึกถึงสุนัขรับใช้พวกนั้น

ช่างเถอะ น่าจะยังไม่พอให้ไป๋ซวงได้ยืดเส้นยืดสายหรอก

ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น จู่ ๆ จวินจิ๋วอิ่นก็รู้สึกถึงพลังวิญญาณอันแข็งแกร่งแผ่มาจากปากถ้ำ

เมื่อเห็นดังนั้น ไป๋เซียวจึงรีบยืนอยู่ตรงหน้าท่านพ่อ ยื่นแขนสั้น ๆ ออกไปรับฝ่ามือของท่านแม่ไว้

เสียงปังดังสนั่นหวั่นไหว

ทั่วทั้งถ้ำสั่นสะเทือนอยู่หลายครั้ง

เศษหินและดินร่วงลงมาโครมคราม

“ท่านแม่”

ไป๋เซียวร้องตะโกนด้วยเสียงเล็ก ๆ มองดูถ้ำที่กำลังจะพังทลายลงมา

เขาก็ไม่สนใจสิ่งอื่นใด ดึงขาข้างหนึ่งของท่านพ่อไว้ จากนั้นวิ่งออกไปข้างนอก

ความรู้สึกเจ็บปวดที่คุ้นเคยส่งมาจากแผ่นหลัง จวินจิ๋วอิ่นพอจะรู้แล้วว่าบาดแผลที่หลังของเขามาได้อย่างไร

ถึงแม้จะรีบร้อนแค่ไหน ศีรษะของไป๋เซียวก็ยังคงถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นดิน

ส่วนจวินจิ๋วอิ่น ยิ่งน่าสงสารกว่า

ถึงแม้เท้าของเขาจะถูกตรึงไว้ และพยายามหลบเลี่ยงอย่างเต็มที่

แต่ก็ยังถูกเศษหินหลายก้อนกระแทกเข้าที่หน้าผาก เลือดสีแดงสดไหลซึมออกมาไม่หยุด มองดูแล้วน่าตกใจ

ไป๋ซวงยืนอยู่ที่ปากถ้ำ มองดูชายคนหนึ่งที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือดซึ่งถูกบุตรชายลากออกมา

นางเลิกคิ้วด้วยความสงสัย มองดูบุตรชายที่กำลังหอบหายใจ

“เขาเป็นใคร? เหตุใดเจ้าถึงช่วยเขา?”

ไป๋เซียวส่ายหัว สะบัดฝุ่นออกจากศีรษะ แล้วจึงหันไปมองท่านพ่อ

ผลปรากฏว่า เห็นจวินจิ๋วอิ่นที่ศีรษะเต็มไปด้วยเลือด

“ท่านพ่อ”

ไป๋เซียวตกใจจนร้องเสียงหลง รีบวิ่งไปหาจวินจิ๋วอิ่นทันที

เขาล้วงผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กออกมาจากอกเสื้อ ค่อย ๆ เช็ดคราบเลือดบนใบหน้าของเขาอย่างระมัดระวัง

ไป๋ซวงถูกละเลย ดวงตาของนางพลันฉายแววตกตะลึง

นี่เป็นครั้งแรกที่บุตรชายเพิกเฉยต่อคำพูดของนางผู้เป็นมารดา

นอกจากนี้ ท่านพ่ออะไรกัน?

คนผู้นี้กล้าหลอกลวงบุตรชายของนางงั้นหรือ?

สมควรตายจริง ๆ !

ร่างกายของนางปกคลุมไปด้วยความเย็นยะเยือก ค่อย ๆ ก้าวเข้าหาจวินจิ๋วอิ่นทีละก้าว

เมื่อจวินจิ๋วอิ่นเห็นบุตรชายร้อนใจ จึงรีบยิ้มเพื่อปลอบโยน

“ไม่เป็นไร แค่ผิวถลอกนิดหน่อยเอง”

เวลานี้ คราบเลือดบนใบหน้าของจวินจิ๋วอิ่นถูกเช็ดออกจนหมดแล้ว

ไป๋เซียวรู้สึกเจ็บปวดใจยิ่งนัก จึงล้วงเอาโอสถชั้นยอดออกมาจากถุงเก็บของ ใช้ปลายนิ้วบดเป็นผงละเอียด แล้วค่อย ๆ โรยลงบนหน้าผากของท่านพ่อ

ใบหน้าอันหล่อเหลาของจวินจิ๋วอิ่นปรากฏขึ้นต่อหน้าไป๋ซวงในทันที

สีหน้าของไป๋ซวงพลันตกตะลึงไปชั่วขณะ

คนผู้นี้...

มิใช่บุรุษที่นางข่มเหงเมื่อสี่ปีก่อนหรอกหรือ?

เขามาที่เขาหลิงอิ่นได้อย่างไร?

อีกอย่าง เหตุใดบุตรชายถึงเรียกเขาว่าท่านพ่อ?

เขารู้แล้วหรือ?

ไม่สิ เขาไม่ควรรู้!

เขารู้ไม่ได้ด้วย!

“เจ้าเป็นใคร? เหตุใดจึงมาปรากฏตัวอยู่ที่เขาหลิงอิ่น?”

ไป๋ซวงมองจวินจิ๋วอิ่นอย่างเย็นชา ราวกับว่าไม่เคยเห็นเขามาก่อน

“ซวงเอ๋อร์ลืมข้าแล้วหรือ?”

จวินจิ๋วอิ่นจับเชือกมัดแผลที่ลูกชายพันไว้ ยิ้มด้วยสายตาที่อ่อนโยน

ไป๋ซวงกัดฟัน มองจวินจิ๋วอิ่นด้วยความโกรธเคือง

“ไม่เคยพบเจอ จะลืมได้อย่างไร กล้าหลอกลวงคนถึงเขาหลิงอิ่น สมควรตายจริง ๆ !”

ไป๋ซวงพูดพลางสะบัดมือทันที

ภายในชั่วพริบตา กิ่งก้านอันแข็งแรงของต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ข้างกายจวินจิ๋วอิ่นก็ฟาดใส่เขาราวกับฝ่ามือ

“ท่านแม่”

ไป๋เซียวกางแขนทั้งสองข้างออก บังอยู่ข้างหน้าจวินจิ๋วอิ่น ราวกับแม่ไก่ปกป้องลูกเจี๊ยบ

กิ่งไม้หยุดโจมตีในทันที กลับคืนสู่สภาพเดิมในชั่วพริบตา

“เจ้าเด็กบ้า ไม่เชื่อฟังคำพูดของแม่แล้วหรือ?”

ไป๋ซวงโมโห นี่ยังเป็บุตรชายที่เชื่อฟังคำพูดของนางหรือเปล่า?

ไป๋เซียวเดินมาหาท่านแม่ด้วยท่าทางน่าสงสาร พยายามดึงแขนเสื้อของท่านแม่ด้วยมือเล็ก ๆ

“ท่านแม่ ซวี่เป่ารู้ว่าเขาคือท่านพ่อของข้า”

“เหลวไหล เขาจะเป็นท่านพ่อของเจ้าได้อย่างไร?”

ไป๋ซวงกัดฟันกรอด ไม่ยอมรับเด็ดขาด ลูกเป็นของนางคนเดียว!

ไป๋เซียวถอนหายใจอย่างจนปัญญา หยิบป้ายหยกของจวินจิ๋วอิ่นออกมา

“ท่านแม่ นี่คือป้ายหยกของท่านพ่อ เหมือนกับอันที่ท่านแม่เก็บไว้ทุกประการ อีกอย่าง ท่านแม่ดูสิ หน้าตาของข้าเหมือนกับท่านพ่อราวกับแกะออกมาจากพิมพ์เดียวกัน จะผิดพลาดได้อย่างไร?”

ไป๋เซียวออกแรงที่แขนทั้งสองข้าง เหยียดขาเล็ก ๆ ออก

ทันใดนั้นก็ปีนขึ้นไปบนตัวท่านแม่เหมือนกับลิงน้อย

โอบรอบคอของท่านแม่ด้วยแขนทั้งสองข้าง แล้วมองท่านแม่ด้วยสายตาเว้าวอน

ดวงตากลมโตคู่นั้น ตอนนี้มีน้ำตาคลอ

“ท่านแม่ ซวี่เป่าอยากมีท่านพ่อเหมือนกัน อยากเป็นเหมือนลูกนกพิราบขาวในหนังสือที่พยายามสุดกำลังเพื่อตามหาพ่อ ท่านแม่เคยบอกว่าจะช่วยข้าตามหาท่านพ่อมิใช่หรือ? แต่ตอนนี้ ท่านพ่ออยู่ตรงหน้าแล้ว เหตุใดท่านแม่ถึงไม่ยอมรับท่านพ่อเล่า?”
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (2)
goodnovel comment avatar
Tantip thongpetch
สนุกน่าติดตาม
goodnovel comment avatar
Patcharaporn Pookan
สนุกมากค่ะ แตกต่างจากเรื่องอื่นๆ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 5

    ลูกนกพิราบขาวตามหาบิดา!ไป๋ซวงพลันโกรธสุดขีด เหตุใดตอนนั้นถึงหยิบหนังสือนิทานเล่มนั้นมาให้เขาอ่านนะที่แย่ไปกว่านั้นคือ เหตุใดชายคนนี้ถึงบังเอิญเข้ามาในเขตอาคมของนางได้ไป๋ซวงสูดหายใจเข้าลึก ๆ ในหัวสมองยังคงคิดอยู่ว่าจะอธิบายเรื่องนี้กับบุตรชายอย่างไรดีการมาของเขาเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายแต่นางกลับไม่เคยรู้สึกเสียใจเลยสามปีมานี้ เขาได้นำความสุขมามอบให้นางมากมายเหลือเกินไป๋เซียวเห็นว่าท่านแม่ไม่ตอบคำถาม น้ำตาที่ยากจะพบเห็นได้นั้นก็หยดแหมะ ๆ ลงมาอย่างไม่ขาดสาย“ท่านแม่ ท่านพ่อได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนั้น ข้างนอกยังมีศัตรูรออยู่ หากเขาออกไป ก็จะต้องตายแน่ ซวี่เป่าอยากมีพ่อ ซวี่เป่าไม่อยากให้ท่านพ่อตาย”พูดจบ ซวี่เป่าก็ร้องไห้หนักกว่าเดิมเมื่อไป๋เซียวร้องไห้ ไป๋ซวงก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีนางถอนหายใจอย่างจนปัญญา แล้วค่อย ๆ เช็ดน้ำตาที่หางตาของบุตรชายเบา ๆ “เอาละ ก่อนที่อาการบาดเจ็บของเขาจะหายดี แม่จะไม่ไล่เขาออกไปหรอก”ไป๋ซวงพูดจบก็วางบุตรชายลงบนพื้น แล้วเดินจากไปด้วยความโกรธเมื่อเห็นว่าท่านแม่เดินจากไปไกลแล้ว ไป๋เซียวก็รีบเช็ดน้ำตาที่หางตา ไฉนเลยยังมีท่าทางเสียใจอยู

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 6

    จวินจิ๋วอิ่นใช้ชีวิตสามวันในเขาหลิงอิ่นอย่างมีความสุขที่สุดในชีวิตเขาและบุตรชายช่วยกันวางกับดักไก่ ขึ้นเขาขุดหน่อไม้ จับปลาในแม่น้ำด้านหลังของเขาหลิงอิ่น ยังมีลูกหม่อนป่าอยู่เต็มไปหมดลูกสีแดงสดใส สวยงามมากจวินจิ๋วอิ่นจะไปเก็บมาให้ไป๋ซวงแม่ลูกคู่นี้ทุกวัน เขาจะเก็บมาเต็มตะกร้าใบใหญ่ แล้วนำมาล้างให้สะอาดก่อนจะยกไปให้พวกนางลูกหม่อนป่านี้มีรสชาติหวานที่เขาไม่เคยลิ้มลองมาก่อนราวกับว่าหวานไปถึงหัวใจ ทำให้เขารู้สึกว่ากำลังจมอยู่ในความสุขวันเวลาเหล่านี้ผ่านไปราวกับความฝัน เหมือนกับแดนสวรรค์ในชั่วพริบตาเดียว กำหนดเวลาสามวันที่ไป๋ซวงให้ก็มาถึงยังไม่ทันที่ไป๋ซวงจะเอ่ยปากไล่เขา ด้านนอกเขตอาคมก็เกิดความเคลื่อนไหวผิดปกติอีกครั้งไป๋ซวงมองจวินจิ๋วอิ่นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แล้วมองไปยังซวี่เป่าที่กำลังกำหมัดแน่นอยู่ข้าง ๆ อยากจะออกไปต่อสู้นางถอนหายใจอย่างจนปัญญา!ชายแขนเสื้อสีขาวสะบัดขึ้นเล็กน้อย นิ้วมือเรียวบางวาดยันต์สี่ภาพขึ้นกลางอากาศสีแดงฉาน เต็มไปด้วยไอสังหารจากนั้น นางก็หมุนข้อมือเล็กน้อยยันต์สีแดงนั้นก็หายวับไปต่อหน้าต่อตานางในขณะเดียวกัน เย่หลิ่นที่อยู่นอกเขตอาคมก็ก

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 7

    กรงแห่งสวรรค์และปฐพี เป็นท่าไม้ตายที่รุนแรงที่สุดของพลังวิญญาณธาตุทองใช้สวรรค์และปฐพีเป็นจุดค้ำยัน คนที่อยู่ภายในกรงเหล็กล้วนไม่ต่างอะไรกับปลาบนเขียงไม่มีใครสามารถรอดชีวิตไปจากกรงแห่งสวรรค์และปฐพีได้!ดังนั้น เย่หลิ่นถึงได้ใช้ท่าไม้ตายนี้เพื่อที่จะสังหารในคราเดียวกำจัดภัยอันตรายอย่างไป๋ซวงให้สิ้นซาก!แต่น่าเสียดาย ไป๋ซวงไม่ได้เป็นไปตามที่เขาต้องการขณะที่กรงแห่งสวรรค์และปฐพีกำลังจะปิดลงก็เห็นว่าไป๋ซวงกำลังจะถูกกรงแห่งสวรรค์และปฐพีบดขยี้จนกลายเป็นกองเลือดทันใดนั้น กรงแห่งสวรรค์และปฐพีที่กำลังจะปิดลง จู่ ๆ ก็สั่นไหวสองสามครั้งโดยที่ไม่อาจควบคุมได้จากนั้น กรงแห่งสวรรค์และปฐพีก็เปลี่ยนทิศทางราวกับคนที่มีจิตวิญญาณ ก้าวเท้าไปข้างหน้าหนึ่งก้าวใหญ่ครอบคลุมเย่หลิ่นที่ยังคงตกตะลึงไว้ภายในนั้นและสตรีที่เกือบจะถูกกลืนกินเมื่อครู่นี้ ก็กำลังขยับนิ้วกลางอากาศอย่างรวดเร็วเข็มทิศที่ไร้ลักษณ์นั้น สามารถควบคุมกรงแห่งสวรรค์และปฐพีได้สำเร็จ!เป็นไปได้อย่างไร!เย่หลิ่นไม่อยากจะเชื่อ เมื่อเห็นกรงแห่งสวรรค์และปฐพีกำลังหดตัวลงเรื่อย ๆ เขาก็ไม่มีเวลาคิด รีบหมุนเข็มทิศอย่างรวดเร็วโดยส

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 8

    จวินจิ๋วอิ่นสะบัดมือ พัดคลี่อันงดงามที่เปล่งประกายความเย็นเยียบก็ปรากฏขึ้นในมือของเขาพัดคลี่หมุนอยู่ในมือของเขาอย่างรวดเร็ว ลำแสงสีทองก็พุ่งออกมาจากพัดคลี่ของเขาลำแสงหนาแน่น พุ่งออกมาอย่างต่อเนื่องไม่มีช่องว่างคนชุดดำที่พุ่งตัวขึ้นฟ้า จำต้องหลบหลีกอย่างรวดเร็วลำแสงที่ดูธรรมดา ๆ นั้น กลับมีความคมกริบมากจนสามารถตัดเหล็กราวกับตัดโคลนแม้แต่ต้นไม้ใหญ่รอบข้าง หลังจากที่ถูกความเย็นเยียบกวาดผ่าน ก็หักโค่นลงราวกับถูกดาบฟันมือสังหารชุดดำคนหนึ่งย่องเข้ามาทางด้านหลังของจวินจิ๋วอิ่นอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับง้างธนูในมือเล็งไปที่เป้าหมายในชั่วพริบตา ลูกธนูอาบยาพิษนับสิบดอกก็พุ่งทะลุอากาศเข้าโจมตีจวินจิ๋วอิ่นรู้สึกถึงคลื่นพลังวิญญาณที่ส่งมาจากด้านหลัง จึงพลิกตัวกลับหลังอย่างรวดเร็วจากนั้น ก็สะบัดพัดคลี่โบกจากบนลงล่างแสงสีทองอันเย็นเยียบพลันแปรเปลี่ยนเป็นโล่สีทอง!เสียงเปรี๊ยะ ๆ ดังขึ้น ลูกธนูอาบยาพิษนับสิบดอกพุ่งเข้าปะทะกับโล่สีทองพร้อมกันมือสังหารชุดดำเห็นดังนั้น ก็เปลี่ยนตำแหน่งอย่างต่อเนื่องลูกธนูอันแหลมคมก็พุ่งเข้าโจมตีจวินจิ๋วอิ่นจากทุกทิศทางมือสังหารคนอื่น ๆ ต่างใช้อาวุธล

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 9

    เมื่อซวี่เป่าได้ยินดังนั้น ดวงตาก็พลันฉายแววไม่สบายใจขึ้นมาตึก ๆ ๆ รีบลงมาจากตัวท่านพ่อ จากนั้นทำท่าทางว่านอนสอนง่ายเหมือนกับเด็กที่ทำผิด“ท่านแม่...”น้ำเสียงอ่อนโยนดังขึ้น ซวี่เป่ามองสตรีที่อยู่ไม่ไกลนัก ค่อย ๆ เดินเข้ามาด้วยความตื่นตระหนกและรู้สึกผิดสตรีในชุดขาวเดินมาจากป่าลึก!บนร่างกายของนางเปล่งประกายแสงสว่างจาง ๆ ใบหน้างดงาม ปรากฏให้เห็นอยู่รำไรก้าวเดินราวกับมีลมพัดใต้เท้า เสื้อผ้าปลิวไสวราวกับเทพธิดาจากป่าลึก ที่หลงเข้ามาในโลกมนุษย์สมองของมู่ซือและเหลิ่งเย่ไม่พอใช้แล้วเพียงจ้องมองสตรีผู้ราวกับเทพเซียนลงมาจุติบนโลกอย่างเหม่อลอย ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจนี่คือสตรีที่ท่านอ๋องแอบซ่อนเอาไว้หรือ?ไป๋ซวงเหลือบมองมู่ซือและเหลิ่งเย่ด้วยสายตาเย็นชาเมื่อหันไปมองจวินจิ๋วอิ่น สายตาของนางก็ยิ่งเย็นชาขึ้น“ในเมื่อคนที่มารับพ่อของเจ้ามาแล้ว ซวี่เป่ากลับภูเขากับแม่ได้แล้วสินะ!”“ท่านแม่...”ซวี่เป่าก้าวขาเล็ก ๆ อย่างยากลำบาก แล้วค่อย ๆ เข้าไปใกล้ไป๋ซวง“ท่านแม่ ท่านดูองครักษ์สองคนของท่านพ่อสิ อ่อนแอเหมือนกับไก่ป่าบนภูเขาเลย ซวี่เป่าไม่วางใจที่จะให้ท่านพ่อไปกับพวกเข

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 10

    บ่าวไพร่ที่กำลังวุ่นวายในลานบ้าน ต่างหยุดการเคลื่อนไหวทั้งหมด แล้วหมอบคลานลงกับพื้นต่อมาก็มีเสียงดังกึกก้อง แสดงความยินดีกับจวินจิ๋วอิ่นที่พาองค์ชายน้อยกลับจวนเนื่องจากไป๋ชวงยังไม่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ ตอนนี้พวกเขาจึงทำได้เพียงเรียกนางว่าแม่นางเท่านั้น“ยินดีกับท่านอ๋องที่ได้พาองค์ชายน้อยและแม่นางไป๋กลับจวน”นี่เป็นครั้งแรกที่ซวี่เป่าได้เห็นการต้อนรับที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นไป๋ซวงเลิกคิ้วอย่างไม่พอใจเล็กน้อย ดวงตาที่เย็นชาจ้องมองไปที่จวินจิ๋วอิ่น ราวกับกำลังรอคำอธิบายพวกนางสองแม่ลูก ก็แค่มาส่งคนเท่านั้นเหตุใดถึงต้องเตรียมการใหญ่โตเช่นนี้จวินจิ๋วอิ่นยิ้มกระอักกระอ่วน จากนั้นโบกมือส่งสัญญาณให้ทุกคนลุกขึ้น“ข้าแค่อยากให้พวกเจ้าสองแม่ลูกกินอิ่ม นอนพักผ่อนสักคืนแล้วค่อยไป ไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะทำแบบนี้”เขาให้มู่ซือส่งข่าวไปที่จวน จริง ๆ แล้วก็แค่ต้องการต้อนรับไป๋ชวงกับบุตรชายอย่างดีเท่านั้นเมื่อมองดูผู้คนในจวน บรรยากาศก็เหมือนกับวันปีใหม่เขาก็คิดไม่ถึงเช่นกัน!ไป๋ซวงไม่ได้แสดงความคิดเห็นใด ๆ เพียงแต่ก้มลงมองซวี่เป่าที่ใบหน้าเ

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 11

    จีหรงเดินมาหยุดตรงหน้าของไป๋ซวงด้วยสีหน้าร้อนรน มือทั้งสองข้างดึงมือของนางไว้อย่างแน่นหนา“ซวงเอ๋อร์ ข้าทำสิ่งใดไม่ดีหรือไม่? หรือว่าจิ๋วอิ่นทำให้เจ้าขุ่นเคืองใจ?”“หาไม่เพคะ เพียงแต่เมืองหลวงอันรุ่งเรืองนี้ ไม่เหมาะกับพวกเราสองแม่ลูก”จีหรงพลันรู้สึกโศกเศร้าขึ้นมา ดวงตาแดงก่ำมองไปยังซวี่เป่า“แต่ว่า ข้าเพิ่งได้พบกับซวี่เป่า ยังมิทันได้ใกล้ชิดกับเขาเท่าใดเลย ข้าเฝ้ารอคอยมาหลายปีเพื่อจะได้พบหลาน ซวงเอ๋อร์จะยอมให้เวลาข้าได้อยู่ใกล้ชิดกับซวี่เป่าอีกสักสองสามวันได้หรือไม่?”ขณะที่จีหรงกล่าวอยู่ ซวี่เป่าก็ลุกขึ้นยืนอย่างเงียบงัน แล้วเดินเข้ามาใกล้อย่างช้า ๆเมื่อซวี่เป่าเห็นน้ำตาคลอในดวงตาของเสด็จย่า เขาก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองไป๋ซวงไป๋ซวงเองก็ไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่า พระสนมผู้เอกสูงศักดิ์จะทรงสุภาพและอ่อนโยนกับนางถึงเพียงนี้หากพระสนมแสดงความแข็งกร้าวหรือเข้มงวดกับนางสักหน่อยนางคงจะพาบุตรชายเดินจากไปโดยไม่อาลัยอาวรณ์แม้แต่น้อยแต่ในตอนนี้ ความอ่อนโยนและความเมตตาของพระสนมจี รวมถึงดวงตาเล็ก ๆ ของซวี่เป่าที่เต็มไปด้วยความคาดหวังไป๋ซวงมิอาจตัดสินใจเด็ดขาดได้อย่างเช่นเมื่อครู่นี้ปกต

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 12

    ไป๋ซวงยกมุมปากขึ้นอย่างช้า ๆ พร้อมรอยยิ้มเยาะเย้ยอย่างไม่แยแสจากนั้นค่อย ๆ โบกมือ พลางมองดูจวินหงคังที่ทำหน้าเย็นชาด้วยความสนใจเพียงชั่วพริบตา ลมจากฝ่ามืออันแข็งกร้าวก็ปะทะเข้ากับน้ำที่เย็นยะเยือกน้ำที่เย็นยะเหยือกดูดซับแรงลมฝ่ามือ แต่ก็ถูกแรงปะทะจนน้ำกระเซ็นไปทั่วทว่าละอองน้ำที่สาดกระจายออกไปนั้น ไม่ได้เปียกแม้แต่ชายกระโปรงของไป๋ซวงเลยแต่จวินหงคังที่ยืนอยู่ไม่ไกล กลับถูกละอองน้ำสาดซัดจนเปียกโชกไปทั้งร่างตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ไม่มีแม้แต่ส่วนใดที่ยังคงแห้งอยู่เลยภาพที่ปรากฏเบื้องหน้า ทำให้ทุกคนที่อยู่ที่นั่นถึงกับตกตะลึงไปตาม ๆ กันจวินหงคังคือใครกัน?นั่นคือโอรสแท้ ๆของฮ่องเต้และฮองเฮา เป็นถึงองค์ชายสามผู้สูงศักดิ์ไม่เคยมีใครกล้ากระทำเช่นนี้กับจวินหงคังมาก่อน“บังอาจนัก! กล้าลงมือทำร้ายองค์ชายสาม ยังไม่รีบจับตัวนางอีก!”ซินฮุย ข้ารับใช้คนสนิทของจวินหงคังเอ่ยขึ้นก่อน แล้วสั่งบรรดาทหารองครักษ์ที่ติดตามมาไปจับตัวไป๋ซวงส่วนตัวเขาเองก็ล้วงผ้าเช็ดหน้าบนตัวออกมา แล้วช่วยเช็ดน้ำบนใบหน้าของจวินหงคังอย่างลนลานจวินหงคังถูกเล่นงานเป็นครั้งแรก ใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ สายต

Latest chapter

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 100

    ไป๋ซวงยิ้มหวาน แต่สำหรับนักพรตชราแล้ว กลับเหมือนน้ำผึ้งอาบยาพิษนักพรตชราเห็นแล้ว ขนลุกซู่ไปทั่วทั้งแผ่นหลัง“มีคนชวนท่านอ๋องของข้าออกไปล่าสัตว์เป็นเรื่องโกหก วางยาพิษท่านอ๋องกลางทางต่างหากคือเรื่องจริง!”ไป๋ซวงพูดจบ รอยยิ้มบนใบหน้าก็พลันหายไปแทนที่ด้วยแววตาที่ดุดันและเย็นเยียบโจวหลิงซางและโจวหวันฉี่ที่ยืนตกตะลึงอยู่ข้าง ๆ รวมถึงฮองเฮาเจียงเถียนและจวินหงคังตอนนี้ทุกคนต่างหน้าซีดเผือด!โจวหลิงซางกลืนน้ำลายลงคออย่างประหม่า ฝืนทำท่าทางสงบพลางก้าวไปข้างหน้าสองก้าว“พระชายาองค์ชายเก้า นี่ท่านหมายความว่าอย่างไร?”“หรือว่าข้ายังพูดไม่ชัดเจนพอ?”ไป๋ซวงลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้โจวหลิงซาง“ท่านอ๋อง สิ่งที่ข้าพูดเป็นความจริงหรือไม่?”จวินจิ๋วอิ่นยังคงจมดิ่งอยู่ในคำว่า ‘ท่านอ๋องของข้า’ จนถอนตัวจากความหวานนั้นไม่ได้เมื่อได้ยินดังนั้น ก็พลันยิ้มพลางเดินเข้าไปใกล้ไป๋ซวง“ฮูหยินพูดถูกที่สุด”“เหลวไหล จวินจิ๋วอิ่น พวกเราก็แค่แข่งขันล่าสัตว์เท่านั้น เหตุใดข้าถึงต้องวางยาพิษท่านด้วย? ข้าเป็นถึงองค์ชายสามแห่งแคว้นโจวอู้ ไม่ใช่คนที่ใครจะใส่ร้ายป้ายสีได้ง่าย ๆ ”

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 99

    เวลานี้ สวีเหว่ยถือกระบี่แสงพุทธ ฟาดฟันกระบี่ไปที่ต้นไม้ใหญ่อายุร้อยปีที่เพิ่งจะหักโค่นลงเบา ๆ ภายในชั่วพริบตา ต้นไม้ใหญ่อายุร้อยปีต้นนั้น ก็ถูกตัดจนถึงโคนต้นสวีเหว่ยรู้สึกราวกับได้สมบัติล้ำค่า หันไปทางไป๋ซวงแล้วโขกศีรษะคำนับอย่างแรงสามครั้ง“ขอบพระทัยพระชายาองค์ชายเก้า ข้าน้อยจะตั้งใจฝึกฝนอย่างเต็มที่ ไม่ทำให้พระชายาผิดหวังพ่ะย่ะค่ะ” ไป๋ซวงพยักหน้าเล็กน้อย พร้อมกับทำสีหน้าราวกับจะบอกว่า ‘เจ้าเชื่อฟังดีมาก’นักพรตชราชุดขาวมองไป๋ซวงด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ“เมื่อครู่เจ้าทำอะไรลงไป?”แน่นอนว่าเขาไม่มีทางเชื่อว่า สวีเหว่ยไอ้ขยะไร้ค่านั่น จะสามารถครอบครองกระบี่แสงพุทธของเขาได้“เจ้าก็เดาออกอยู่แล้วมิใช่หรือ?”ไป๋ซวงยิ้มแต่ไม่ตอบ พลางเหลือบมองไปที่เส้นเลือดบริเวณจุดชีพจรของเขาทันใดนั้น นักพรตชราชุดขาวก็ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นด้วยท่าทางสิ้นหวังใช่แล้ว หากต้องการให้กระบี่แสงพุทธที่เลือกนายแล้ว เชื่อฟังคำสั่งของผู้อื่นเช่นนั้น มีเพียงทางเดียวคือต้องเปลี่ยนนายของกระบี่แสงพุทธ ลวดลายกระบี่อันงดงามเมื่อครู่นั้น แท้จริงแล้วแฝงไว้ด้วยพลังวิญญาณที่แข็งแกร

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 98

    ทุกคนสำลักจนต้องโบกมือไปมา ใช้แขนเสื้อปิดปากและจมูกทว่ามนุษย์ยักษ์นั้น ก็ไม่ได้ปล่อยนักพรตชราไปเพราะเหตุนี้นักพรตชราเห็นดังนั้นจึงรีบเก็บพลังวิญญาณของตนกลับคืน อาศัยช่วงที่ควันฝุ่นฟุ้งกระจาย หายตัวไปแล้วปรากฏตัวต่อหน้าไป๋ซวงคมกระบี่อันแหลมคม จ่อตรงไปที่คอของไป๋ซวง“อย่าขยับ มิฉะนั้นข้าจะฆ่านางเดี๋ยวนี้!”จวินจิ๋วอิ่นเห็นดังนั้น ก็รีบเก็บพลังวิญญาณของตนเองในทันที“เจ้าต้องการทำอะไรกันแน่?”สายตาอันคมกริบของจวินจิ๋วอิ่น จ้องมองไปที่นักพรตชราผู้นั้นอย่างเต็มไปด้วยคำเตือนนักพรตชราหัวเราะอย่างลำพองใจ สายตามองสำรวจไป๋ซวงไม่หยุด“เจ้าคือศิษย์ของตาเฒ่าเฮยฉีนั่น?”“ตาเฒ่าเฮยฉีอะไรกัน ข้าไม่รู้จัก!”ไป๋ซวงยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา“เป็นไปไม่ได้ ของในร้านฟู่หลิงซวนนั้น รวมถึงสมุนไพรในร้านเจินเฉ่าเก๋อ หากมิใช่ของตาเฒ่าเฮยฉี แล้วเด็กน้อยอย่างเจ้าจะไปหามาจากไหนได้?”สีหน้าของนักพรตชราชุดขาวเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ แถมยังรู้สึกโกรธขึ้นมาเพราะคำพูดของไป๋ซวงไป๋ซวงยกยิ้มมุมปาก ไม่แม้แต่จะมองนักพรตชราชุดขาว“ของของข้า เหตุใดต้องบอกเจ้าด้วย?”“มีอย่างที่ไหนกั

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 97

    ไป๋ซวงรู้สึกได้ถึงจิตสังหารจากนักพรตชราชุดขาวผู้นั้นทว่านางเพิ่งคิดจะลงมือ ก็เห็นจวินจิ๋วอิ่นยืนอยู่ตรงหน้าตัวเองแล้วสะบัดแขนเสื้อกว้างเบา ๆ พลังวิญญาณสายหนึ่งก็พุ่งออกไปเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ราวกับว่าอากาศสั่นสะเทือนไปหลายครั้งสีหน้าของจวินจิ๋วอิ่นเต็มไปด้วยความเย็นชา ดวงตาคมกริบราวกับมีดมองไปยังนักพรตชราชุดขาวนักพรตชราชุดขาวผู้นั้นยืนอยู่กลางอากาศ มือทั้งสองข้างไขว้หลังชุดคลุมยาวตัวใหญ่ พลิ้วไสวอยู่กลางอากาศ และในขณะนี้ ทหารองครักษ์ก็กรูกันเข้ามา ล้อมรอบนักพรตชราชุดขาวผู้นั้นอย่างช้า ๆ “บังอาจนักเจ้ามือสังหาร ยังไม่ยอมจำนนอีก!”สวีเหว่ย หัวหน้าทหารองครักษ์ถือกระบี่วิเศษ ปลายกระบี่ชี้ตรงไปที่นักพรตชราชุดขาวนักพรตชราชุดขาวหัวเราะลั่น มองสวีเหว่ยด้วยสายตาเหยียดหยามยิ่งไปกว่านั้น สายตายังมองกวาดมองทุกคนอย่างไม่เกรงกลัวราวกับกำลังกวาดมองฝูงมดปลวก“แค่ระดับจอมปราชญ์ยุทธ์ ก็กล้ามาอวดดีต่อหน้าข้า!”พูดจบ ก็ปล่อยแรงกดดันลงมาสวีเหว่ยขมวดคิ้วแน่น คุกเข่าลงกับพื้นเสียงดังตุบปากยังถูกบังคับให้กระอักเลือดออกมาหนึ่งคำจากนั้น แรงกดดันยังไม่จบสิ้นแรงกดดันที่ต่อเนื่อง

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 96

    น่าเสียดายที่โจวหลิงซางกลับเชิญจวินจิ๋วอิ่นไปเข้าร่วมการล่าสัตว์ด้วยกันอย่างกระตือรือร้นท่ามกลางเสียงเรียกของผู้คน ทั้งสองคนไม่เพียงแต่รับคำท้า แต่ยังตั้งรางวัลอีกด้วยผู้ชนะสามารถสั่งให้ผู้แพ้ทำอะไรก็ได้หนึ่งอย่างดังนั้น สงครามระหว่างบุรุษสองคนจึงเริ่มขึ้นเมื่อจุดธูปขึ้น ทั้งสองคนก็ควบม้าออกไปอย่างบ้าคลั่งการแข่งขันครั้งนี้ ใครล่าได้จำนวนมากที่สุดจะเป็นผู้ชนะเมื่อธูปเผาไหม้จนหมด ทั้งสองคนก็ควบม้ากลับมาพร้อมกันเหยื่อที่อยู่บนหลังม้าของทั้งสอง ดูเหมือนจะพอ ๆ กันเมื่อเห็นทั้งสองคนกลับมา ทันใดนั้นก็มีองครักษ์เข้ามาตรวจนับจำนวนเหยื่อที่ล่าได้ภายในเวลาธูปหนึ่งดอก โจวหลิงซางล่าสัตว์ได้สี่สิบสองตัวส่วนบนหลังม้าของจวินจิ๋วอิ่น มีสัตว์อยู่สี่สิบสามตัวยังดีที่ต่างกันแค่ตัวเดียว!โจวหลิงซางครุ่นคิดในใจ เมื่อครู่ เขาแอบมองจวินจิ๋วอิ่นจากระยะไกลความสามารถในการขี่ม้าและยิงธนูของเขานั้น ช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ เนื่องจากผู้คนในดินแดนฮุ่นตุ้นล้วนเป็นผู้ฝึกตน เพื่อสัมผัสกับความสนุกสนานในการล่าสัตว์ของคนธรรมดา จึงได้มีการจัดงานล่าสัตว์ฤดูใบไม้ร่วงขึ้นและกฎข้อแรกของงานล่าสัตว์ฤดูใบ

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 95

    หลายวันมานี้ นางพยายามทุกวิถีทางที่จะเข้าใกล้ไป๋ซวงแต่ก็จนปัญญา ไป๋ซวงไม่เคยให้โอกาสนางเข้าใกล้เลยแม้แต่น้อยหากเป็นเช่นนี้ต่อไป นางจะสืบหาตัวคนที่อยู่เบื้องหลังไป๋ซวงได้อย่างไรโจวหลิงซางมองผิวน้ำอันเงียบสงบด้วยแววตาเย็นเยียบใช้นิ้วชี้ หมุนแหวนหยกขาวที่อยู่บนนิ้วหัวแม่มือเบา ๆ “หวันฉี่ เสด็จพ่อรอไม่ไหวแล้ว งานล่าสัตว์ครั้งนี้เป็นโอกาสสุดท้ายของเรา”“แต่เสด็จพี่ ท่านก็เห็นแล้วนี่ว่าพวกเขาไม่ให้โอกาสข้าเข้าใกล้เลย”โจวหวันฉี่จะไม่ร้อนใจได้อย่างไรจดหมายของเสด็จพ่อ นางก็เห็นแล้วเช่นกันถ้อยคำที่รุนแรงนั้น แสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจของเสด็จพ่อแล้วหากพวกเขายังไม่สามารถให้คำตอบที่น่าพอใจแก่เสด็จพ่อได้ เกรงว่าเสด็จพ่อจะต้องเปลี่ยนคนมาแทนและฐานะของพวกเขาพี่น้องสองคนก็จะสั่นคลอนแล้ว“ดังนั้น พี่จึงให้ฮ่องเต้จัดงานล่าสัตว์นี้ขึ้นมา ที่นี่เป็นสถานที่ที่สามารถเข้าใกล้ไป๋ซวงได้ง่ายที่สุด”โจวหลิงซางกล่าวจบก็ส่งสายตาที่มั่นใจให้กับโจวหวันฉี่จากนั้น ก็เดินตรงไปยังกระโจมของจวินหงคังเวลานี้ แม้ว่าจวินหงคังจะยังไม่สามารถเดินได้ แต่บาดแผลอื่น ๆ ตามร่างกาย ก็ได้รับการรักษาจนเกือบหายด

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 94

    งานล่าสัตว์ฤดูใบไม้ร่วงครั้งนี้ เนื่องจากมีองค์หญิงและองค์ชายสามแห่งแคว้นโจวอู้เข้าร่วมด้วย พื้นที่จึงใหญ่กว่าครั้งก่อน ๆ เล็กน้อยขุนนางทุกคนสามารถพาคนในครอบครัวเข้าไปด้านในได้สองคนดังนั้น โดยทั่วไปแล้ว ขุนนางหนึ่งคนจะพาภรรยาและลูกมาด้วยหนึ่งคนและเด็กคนนั้นต้องเป็นคนที่ได้รับการอบรมสั่งสอนเป็นพิเศษจากครอบครัวอย่างแน่นอนเดิมทีจีหรงก็ควรจะมาด้วย แต่นางทุ่มเทใจให้กับซวี่เป่า จึงไม่สนใจการล่าสัตว์แม้แต่น้อยดังนั้น นางจึงอยู่ที่เมืองหลวงเป็นเพื่อนซวี่เป่าขบวนเดินทางมาถึงภูเขาเจี้ยงเหลียง ทุกคนต่างปฏิบัติตามคำแนะนำ ไปพักผ่อนในกระโจมของตนเองไป๋ซวงนั่งอยู่ที่หน้าโต๊ะด้วยความเบื่อหน่าย จิตใจรู้สึกหนักอึ้งใบหน้าของจวินจิ๋วอิ่นเผยรอยยิ้มเอ็นดู แล้วค่อย ๆ นั่งลงตรงหน้านาง“เป็นอะไรไป?”ไป๋ซวงเงยหน้าขึ้น สายตาแฝงไปด้วยความสงสัย“ทรัพย์สินของท่านเยอะหรือไม่?”จวินจิ๋วอิ่นชะงักไปครู่หนึ่ง ดูเหมือนจะคาดไม่ถึงเลยว่าไป๋ซวงจะถามเช่นนี้เขายิ้มสดใสมากขึ้น แล้วยื่นมือไปกุมมือเล็ก ๆ ของนาง“ก็พอได้ น่าจะมากพอให้ฮูหยินใช้อย่างสบาย ๆ ”ไป๋ซวงปัดมือของเขาออก สายตาหม่นหมองยิ่งกว่าเดิม“ข

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 93

    จวินจิ๋วอิ่นไม่ได้หยุดฝีเท้า เพียงแต่ตอบกลับอย่างเย็นชา“วันนั้นถ้าไม่มีซวี่เป่าช่วยไว้ เกรงว่าเสด็จพ่อคงไม่ได้เจอหน้าลูกตลอดกาลแล้ว”จวินหงคังต้องการเอาชีวิตของเขา แต่เขาแค่เอาขาทั้งสองข้างของอีกฝ่ายไปเท่านั้นจวินฉงได้ยินดังนั้น ก็ไม่ได้พูดอะไรอีกทันทีความรักในครอบครัวราชวงศ์นั้น บางเบาราวกับปีกจักจั่นเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจสูงสุด การห้ำหั่นกันเองในครอบครัว การฆ่าฟันกันเองระหว่างพี่น้องก็ถือเป็นเรื่องเล็กน้อยเขาก็ผ่านการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นเช่นนี้มาแล้วเช่นกันแล้วเขาจะมีสิทธิ์อะไรที่จะเรียกร้องให้ลูก ๆ รักใคร่ปรองดองกันกันเล่า?เขาหวังเพียงแค่ว่า ลูกของตนจะสามารถเอาชีวิตรอดจากเกมการต่อสู้แย่งชิงนี้ไปได้ไม่ว่าอย่างไร ขอแค่มีชีวิตรอดก็พอส่วนเขาก็ควรจะทำอะไรสักอย่าง เพื่อตัดความคิดที่ไม่ควรมีของผู้อื่นเสียจวินจิ๋วอิ่นออกมาจากวังหลวง ไม่ได้กลับไปที่จวนอ๋องด้วยซ้ำเขาพาองครักษ์ลับสิบคน มุ่งหน้าไปยังจวนองค์ชายสามโดยตรงเป็นเวลากลางวันแสก ๆ แต่กลับพังประตูเข้าไปองครักษ์ของจวนองค์ชายสาม ยังไม่ทันได้เข้าใจสถานการณ์ว่ามันเกิดอะไรขึ้นก็ถูกซัดจนกระเจิง ใบหน้าปูดบวมกันทุกคน

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 92

    มือสังหารถูกฆ่าตายในที่เกิดเหตุสิบคน จับเป็นได้สามคนและหลังจากการสอบสวน พบว่าทั้งสามคนนั้นเป็นคนของท่านอ๋องเก้าด้วยเหตุนี้ เจียงเถียนจึงไปร้องไห้ฟูมฟายกับจวินฉงในคืนนั้นจวินฉงจึงจำต้องเรียกตัวจวินจิ๋วอิ่นเข้าวังในคืนนั้นจวินฉงนำหลักฐานที่ส่งมาจากจวนองค์ชายสาม โยนใส่มือของจวินจิ๋วอิ่น“ว่าอย่างไร?”จวินจิ๋วอิ่นถือหนังสือรับสารภาพที่เปื้อนเลือดเหล่านั้น มุมปากอดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มเยาะเย้ยออกมา“ไม่มีอะไร!”จากนั้น ก็วางหลักฐานความผิดลงในมือของจวินฉงอีกครั้ง“คนพวกนั้นเป็นคนของเจ้าจริง ๆ หรือ?”จวินฉงไม่สนใจหลักฐานความผิดเหล่านั้น และมองเขาด้วยสายตาล้ำลึก“หากข้าต้องการเอาชีวิตของเขา ตอนนั้นข้าคงไม่ทำแค่หักขาของเขาเท่านั้น”จวินจิ๋วอิ่นไม่หลบเลี่ยงแม้แต่น้อย นั่งลงหน้าโต๊ะที่อยู่ทางด้านข้างอย่างไม่เกรงกลัว“ก็จริง พ่อก็เดาว่าไม่ใช่ฝีมือของเจ้า”เรื่องนี้ จวินฉงยังคงมั่นใจในตัวเองมากเรื่องที่จวินจิ๋วอิ่นลอบสังหารจวินหงคัง เขารู้มาตั้งนานแล้วแม้กระทั่งในวินาทีที่ข่าวเข้ามาถึงวังหลวง เขาก็เดาได้แล้วว่าเป็นฝีมือของจวินจิ๋วอิ่นเพราะว่าก่อนหน้านี้ คนเหล่านั้นลอบสังหารจ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status