หลิวจงตกใจจนรีบโบกมือปฏิเสธเงินก้อนนี้ร้อนมือเกินไป!ชีหยวนยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย มองเขาหลิวจง “ทำไม หรือว่าพ่อบ้านหลิวคิดว่าให้น้อยไป?”......หลิวจงคว้าซองแดงไปถือไว้อย่างรวดเร็วเสียยิ่งกว่าฟ้าแลบ ก่อนจะรีบกล่าวขอบคุณชีหยวนอย่างคล่องแคล่วชีหยวนเพียงยิ้มบาง ๆ “นี่เป็นสิ่งที่พ่อบ้านหลิวสมควรได้รับ ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ”หลิวจงรีบถือซองเงินแล้วขอตัวออกไปทันที พอพ้นประตู ก็เผลอชั่งน้ำหนักซองแดงในมือโดยไม่รู้ตัวมันเบาหวิวเขาเปิดดูข้างใน ก็อดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้างตั๋วเงินห้าสิบตำลึง!คุณหนูใหญ่ของเขาแม้จะโหดไปบ้าง แต่ก็ใจกว้างยิ่งนัก!แต่ว่าเขาเข้าใจผิดไปเองแล้วชีหยวนเพียงแค่แบ่งเงินรางวัลสองร้อยตำลึงที่ตั้งไว้สำหรับตามหาสุนัขออกมาให้หลิวจงหนึ่งในสี่ส่วนและอีกหนึ่งในสี่ก็แบ่งให้ซุ่นจื่อชีหยวนยิ้มให้ซุ่นจื่อก่อนพยักหน้าเบา ๆ “เจ้าทำงานได้ดีมาก”ซุ่นจื่อหัวเราะแหะ ๆ พร้อมกับเกาหัว “บ่าวคนนั้นอยู่ห้องติดกับข้า พวกเราโตมาด้วยกัน ข้ารู้จักนิสัยของเขาดี! คุณหนูใหญ่ โชคดีที่พวกเราไปทันเวลา ไม่อย่างนั้นอาหวงคงถูกเชือดไปแล้วขอรับ”ตอนที่ไปถึงอาหวงถูกมัดไว้กับขาโต๊ะข้างเขียงแล้วห
แสงจันทร์ค่อย ๆ ลาลับขอบฟ้า ทันใดนั้น สวี่อินอินก็รู้สึกเหมือนกับว่ามีภูเขาลูกหนึ่งทับลงบนร่างกายของตนเองความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วอก นางรู้สึกราวกับปลาที่ขาดน้ำ พยายามอ้าปากเพื่อสูดอากาศหายใจ ก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงสิ่งที่ปรากฏแก่สายตาคือ ใบหน้าที่ดูดุร้าย ส่วนประกอบบนใบหน้าดูแข็งกระด้างเป็นติงเฉิงหย่ง!สวี่อินอินตกตะลึงอย่างยิ่ง ฉากนี้ช่างคุ้นเคยเสียจริงแต่มันจะเป็นไปได้อย่างไร?นางยังไม่ทันได้ไตร่ตรอง เสียงเล็กแหลมของหลี่ซิ่วเหนียงก็ดังขึ้น “เจ้าจะเล่นก็เล่นไป แต่อย่าทำให้ตายเสียล่ะ!”เป็นหลี่ซิ่วเหนียง แม่บุญธรรมของนาง!สวี่อินอินโกรธจนดวงตาแทบถลนออกมา สั่นเทิ้มไปทั้งตัวนางกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง ย้อนเวลากลับมาเมื่อสิบสามปีก่อน!ตอนที่นางเพิ่งจะรู้ว่าตนเองเป็นคุณหนูใหญ่แห่งจวนหย่งผิงโหวในเมืองหลวงหลังจากที่จวนหย่งผิงโหวมาตรวจสอบแล้ว พวกเขาบอกว่าจะส่งคนมารับนางทว่า ในคืนนั้นเองนางก็เกิดเรื่องขึ้นแล้ว!หลี่ซิ่วเหนียงขังนางเอาไว้ในห้องเก็บฟืน แล้วพาติงเฉิงหย่งมา นางต่อสู้อย่างสุดกำลังจึงรอดพ้นจากการถูกข่มเหง แต่วันรุ่งขึ้น หลี่ซิ่วเหนียงก็พาคนมาจับนางในข้อ
หลี่ซิ่วเหนียงนำผู้คนกลุ่มหนึ่งรีบรุดฝ่าแสงจันทร์กลับไปที่นางหามา ล้วนขึ้นชื่อว่าเป็นผู้หญิงขี้นินทาประจำหมู่บ้าน สามารถพูดจาบิดเบือนความจริงได้เมื่อคนเหล่านี้เห็นสวี่อินอินและติงเฉิงหย่งนอนอยู่บนเตียงเดียวกัน คงจะถ่มน้ำลายรุมด่าทอสวี่อินอินจนไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดแน่!ฮึ คุณหนูสูงศักดิ์ที่ยังไม่ทันกลับบ้านก็เสียความบริสุทธิ์ไปเสียแล้ว ยังจะเรียกว่าคุณหนูสูงศักดิ์ได้อีกหรือ?นางเคยเป็นแม่นมอยู่ในจวนโหว ย่อมรู้ดีว่าพวกชนชั้นสูงเหล่านั้นทั้งเรื่องมากและจู้จี้จุกจิก มีหรือที่จะอยากได้หญิงสำส่อนที่เคยนอนกับคนอื่นแล้ว?เมื่อถึงตอนนั้น หญิงสำส่อนที่เสียตัวก่อนแต่งงาน กับคุณหนูผู้สูงศักดิ์ที่มีความรู้ความสามารถ ต่อให้จวนหย่งผิงโหวหลับตาเลือก ก็คงเลือกได้ไม่ยากคิดจะกลับไปขวางทางลูกสาวของนาง ฝันไปเถอะ!คิดได้ดังนั้น หลี่ซิ่วเหนียงก็แทบทนรอไม่ไหวแล้ว อยากจะรีบกลับถึงบ้านเสียเดี๋ยวนี้เลยใครจะไปรู้ว่า ห่างจากประตูบ้านประมาณหนึ่งร้อยเมตร หัวหน้าหมู่บ้านกลับพาคนกลุ่มใหญ่ถือคบเพลิงมาล้อมพวกนางเอาไว้หลี่ซิ่วเหนียงชะงักไปครู่หนึ่ง “หัวหน้าหมู่บ้าน? ท่านทำแบบนี้หมายความว่าอย่างไร?”หัวหน้าหม
“ข้าก็คือสวี่อินอินน่ะสิ” นางแสยะยิ้มมุมปาก “เพียงแต่ไม่ใช่สวี่อินอินคนเดิมที่ยอมให้เจ้าข่มเหงรังแกอีกแล้ว”“แผนการของลูกสาวแท้ ๆ ของเจ้าล้มเหลว พวกเจ้าสองคนก็ตายแล้ว” สวี่อินอินโน้มตัวเข้าไปใกล้หลี่ซิ่วเหนียงน้ำเสียงของนางราวกับภูตผี “เจ้าเดาสิว่าหลังจากข้ากลับไป นางยังจะมีชีวิตที่ดีอีกหรือไม่?”หลี่ซิ่วเหนียงสติแตก ทันใดนั้นนางก็เริ่มคลุ้มคลั่ง ดิ้นรนอย่างรุนแรงอยู่ในกรง “นางสารเลว ข้าจะฆ่าเจ้า ข้าจะฆ่าเจ้า! เจ้าต้องไม่ตายดีแน่!”สวี่อินอินกลัวจนถอยหลังไปสองสามก้าว ล้มลงนั่งกับพื้นจากนั้นก็ร้องไห้ขอร้องด้วยความหวาดกลัว “ท่านแม่ อย่าฆ่าข้า อย่าฆ่าข้า!”หัวหน้าหมู่บ้านแค่นเสียง “จะตายอยู่แล้วยังไม่สำนึกผิด ชั่วร้ายที่สุด! ถ่วงน้ำเดี๋ยวนี้!”กรงถูกยกขึ้น สวี่อินอินมองหลี่ซิ่วเหนียงที่ยังคงดิ้นรนอย่างบ้าคลั่งอยู่ในกรง จากนั้นค่อย ๆ ยิ้มอย่างชั่วร้ายทันใดนั้น เสียงตูมดังขึ้น กรงหมูก็ตกลงไปในทะเลสาบ เกิดคลื่นขนาดใหญ่ซัดกระเซ็นเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ก็มีคนจากจวนหย่งผิงโหวมาถึง เป็นแม่นมคนหนึ่งที่วางมาดใหญ่โตสวี่อินอินมองแวบเดียวก็จำได้ทันทีว่า คนที่วางมาดโอหังยิ่งกว่านายหญิงคนนี
อากาศบนผิวน้ำสดชื่นกว่าอากาศในน้ำมากแม่นมฮวาคิดจะฆ่านางให้จมน้ำตายจริง น่าขันสิ้นดีนางต้องรับผิดชอบเรื่องต่าง ๆ ภายในบ้านมาตั้งแต่ตอนที่เริ่มหัดกินข้าวเองได้เหล่าชาวนาต้องจ่ายค่าเช่าทำนาให้กับเจ้าของที่ดิน หลี่ซิ่วเหนียงและคนขายเนื้อสวี่ก็ใช้สารพัดวิธีกดขี่ขูดรีดเงินจากนางขึ้นเขาเก็บเห็ด ตัดฟืน เก็บเมล็ดชา ลงน้ำจับปลา จับเต่า สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นงานถนัดของนางสวี่อินอินเงยหน้าโผล่พ้นน้ำ รู้สึกได้ว่าแรงดิ้นรนของแม่นมฮวาค่อย ๆ น้อยลง จนกระทั่งไม่มีแรงเหลืออยู่สายลมอ่อน ๆ พัดมาจากริมฝั่ง นางอ้าปากจาม กำลังจะดำลงไปลากแม่นมฮวาขึ้นมา เพื่อให้ทุกคนได้เห็นภาพเหตุการณ์ ‘วีรกรรมช่วยชีวิต’ ของนางแต่ใครจะรู้ว่าขณะที่ยกมือขึ้น ข้อศอกของนางกลับไปกระแทกเข้ากับบางอย่างสัมผัสนี้ทำให้นางรู้สึกเย็นวาบไปถึงกระดูกสันหลัง สมองพลันว่างเปล่า จากนั้นก็ตระหนักได้ในทันทีว่า มีคนอื่นอยู่ในน้ำด้วย!หรือว่าแม่นมฮวาจะยังเตรียมคนไว้ในน้ำอีก?หากเป็นเช่นนั้น...ในชั่วพริบตา เลือดในร่างกายของนางก็เดือดพล่านขึ้น แต่สมองกลับสงบลงอย่างประหลาด นางค่อย ๆ ปล่อยแม่นมฮวา และพุ่งตัวไปด้านหลังอย่างรวดเร็วโดยอาศั
สวี่อินอินเป็นที่รักของผู้คนในหมู่บ้านต่างจากคนขายเนื้อสวี่และหลี่ซิ่วเหนียงที่ใจดำ สวี่อินอินเป็นเด็กที่เชื่อฟังและรู้ความ คนเราย่อมมีความรู้สึก เห็นสวี่อินอินอายุยังน้อยแต่ต้องลำบากเช่นนี้ คนในหมู่บ้านจึงดูแลนางเป็นพิเศษสวี่อินอินก็เป็นเด็กที่รู้จักบุญคุณ กินข้าวบ้านไหนก็ไปช่วยเขาเลี้ยงหมู ดื่มน้ำบ้านใครก็ไปช่วยเขาตัดฟืนดังนั้นตอนนี้หัวหน้าหมู่บ้านมองนาง ก็เหมือนกับมองลูกหลานของตัวเองยังไม่ทันได้กลับไป บ่าวไพร่ของจวนโหวก็คิดจะฆ่าสวี่อินอินแล้ว ถ้ากลับไป จะมีชีวิตที่ดีได้อย่างไร?อีกอย่าง อย่างน้อยในหมู่บ้าน สวี่อินอินก็เข้ากับทุกคนได้เป็นอย่างดี หากนางสามารถยืนหยัดอยู่ในจวนโหวได้ ในอนาคตก็จะเป็นผลดีต่อหมู่บ้านด้วยเขาตอบรับทันที “ได้! แม่หนูไม่ต้องกลัว ข้าจะไปแจ้งหน่วยปราบปรามเดี๋ยวนี้!”เห็นหัวหน้าหมู่บ้านกำลังจะไปแจ้งทางการจริง ๆ บ่าวไพร่ของจวนหย่งผิงโหวก็นั่งไม่ติดแล้วโดยเฉพาะสาวใช้ที่แต่งตัวงดงามคนนั้น นางรู้ดีแก่ใจว่าแม่นมฮวาตั้งใจนัดสวี่อินอินไปที่ริมทะเลสาบ เพื่อจะฆ่าสวี่อินอินให้จมน้ำตายจริง ๆ หากแจ้งทางการจริง ๆ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จวนโหวจะเสียหน้าตัวนางเอ
แม่นมจางควบอาชาเร็วกลับเมืองหลวงแล้วนางหวังฮูหยินหย่งผิงโหวอ่านบันทึกบัญชีที่หัวหน้าหมู่บ้านนำมามอบให้เรียบร้อยแล้ว ขณะที่กำลังจะจิบน้ำชา ก็ได้ยินเสียงของชีอวิ๋นถิงคุณชายใหญ่แว่วดังมาจากด้านนอกนางพลันวางน้ำชาในมือทันใด จ้องมองชีอวิ๋นถิงที่เพิ่งเข้ามา : “เห็นเจ้าดูร้อนรนกระวนกระวายนัก ไปทำอะไรมาหรือ? เพิ่งจะยามนี้เองเหตุใดจึงกลับมาแล้ว?”บุตรธิดาสกุลชีถูกแบ่งตามลำดับอาวุโส ชีอวิ๋นถิงเป็นบุตรคนแรกของนางหวัง และเป็นหลานชายสายหลักคนโตสุด คนทั้งตระกูลล้วนมองเขาประหนึ่งเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างไรอย่างนั้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อชีอวิ๋นถิงอยู่ต่อหน้ามารดา ครั้นหยิบขนมกุ้ยฮวาขึ้นชิ้นหนึ่งพลางผุดยิ้มอย่างดี ส่งเข้าปากแล้วคำหนึ่ง ค่อยเอ่ยขึ้นว่า : “วันนี้จะออกไปชมงิ้วร่วมกับสหายที่หอจิ่นซิ่ว”“น้องหญิงของเจ้ากลับมาถึงวันนี้ เจ้ายังมีจิตใจไปชมงิ้วอีกหรือ?” นางหวังขมวดหัวคิ้ว ท่าทางไม่สบอารมณ์เล็กน้อย “ในฐานะที่เจ้าเป็นพี่ชายแท้ ๆ ก็สมควรอยู่ต้อนรับคนกลับสู่เหย้าด้วยตนเองสิ!”ชีอวิ๋นถิงพ่นลมฮึออกจากจมูก เบะปากอย่างดูแคลน : “ท่านแม่ จะให้ข้าไปรับเด็กบ้านนอกกลับมา ท่านอยากทำให้เจ้าเด็กอ่อนต่อโลกน
ชีเจิ้นเป็นผู้บัญชาการทัพประจำกองพันจีหยิงซึ่งเป็นหนึ่งในสามกองพันใหญ่ และดำรงตำแหน่งเป็นรองเสนาบดีฝ่ายซ้ายประจำกรมยุทธนาการควบคู่ไปด้วย ยามปกติเขาต้องเข้าไปรายงานตัวที่กรมยุทธนาการเสมอ งานยุ่งสาหัสเพียงนี้ คนในเรือนยังไม่กล้าไปรบกวนเขาตามใจเสียด้วยซ้ำ ผู้ใดเล่าจะกล้าเข้าไปพบเขาที่ศาลาว่าการ? นางหวังปรายตามองแม่นมจางปราดหนึ่ง ใบหน้าของแม่นมจางเองก็ฉายแววประหลาดใจไม่ต่างกัน ก่อนที่นางจะเดินทาง ได้กำชับพวกอวิ๋นเชวี่ยแล้วว่าจงดูแลคุณหนูใหญ่ให้ดี และห้ามสะเพร่าจนทำให้อีกคนไม่พอใจอย่างเด็ดขาด หรือเจ้าคนพวกนี้มิได้ฟังที่พูดไปเลยสักนิด?! แต่นั่นก็ไม่น่าเป็นไปได้! เพราะตนเองนั่งรถม้ากลับมาแล้ว สวี่อินอินไม่มีทั้งรถและไม่มีทั้งคน นางจะส่งข่าวมาถึงเมืองหลวงได้อย่างไร? หรือพูดอีกอย่างว่า สวี่อินอินก็เป็นแค่เด็กบ้านนอกคนหนึ่งเท่านั้น เกรงว่าแม้แต่เมืองเป่าตี้กับเมืองต้าซิงยังแยกไม่ออกเสียด้วยซ้ำ อย่างนางจะไปหาศาลาว่าการของกรมยุทธนาการเจอได้อย่างไร? ชีอวิ๋นถิงเองก็มีสีหน้าประหลาดใจเช่นเดียวกัน เหลือบสายตาลอบมองชีเจิ้นแล้วปราดหนึ่ง สีหน้าของชีเจิ้นเยียบเย็น จ้องมองพวกเขาก็ส่งเสีย
หลิวจงตกใจจนรีบโบกมือปฏิเสธเงินก้อนนี้ร้อนมือเกินไป!ชีหยวนยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย มองเขาหลิวจง “ทำไม หรือว่าพ่อบ้านหลิวคิดว่าให้น้อยไป?”......หลิวจงคว้าซองแดงไปถือไว้อย่างรวดเร็วเสียยิ่งกว่าฟ้าแลบ ก่อนจะรีบกล่าวขอบคุณชีหยวนอย่างคล่องแคล่วชีหยวนเพียงยิ้มบาง ๆ “นี่เป็นสิ่งที่พ่อบ้านหลิวสมควรได้รับ ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ”หลิวจงรีบถือซองเงินแล้วขอตัวออกไปทันที พอพ้นประตู ก็เผลอชั่งน้ำหนักซองแดงในมือโดยไม่รู้ตัวมันเบาหวิวเขาเปิดดูข้างใน ก็อดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้างตั๋วเงินห้าสิบตำลึง!คุณหนูใหญ่ของเขาแม้จะโหดไปบ้าง แต่ก็ใจกว้างยิ่งนัก!แต่ว่าเขาเข้าใจผิดไปเองแล้วชีหยวนเพียงแค่แบ่งเงินรางวัลสองร้อยตำลึงที่ตั้งไว้สำหรับตามหาสุนัขออกมาให้หลิวจงหนึ่งในสี่ส่วนและอีกหนึ่งในสี่ก็แบ่งให้ซุ่นจื่อชีหยวนยิ้มให้ซุ่นจื่อก่อนพยักหน้าเบา ๆ “เจ้าทำงานได้ดีมาก”ซุ่นจื่อหัวเราะแหะ ๆ พร้อมกับเกาหัว “บ่าวคนนั้นอยู่ห้องติดกับข้า พวกเราโตมาด้วยกัน ข้ารู้จักนิสัยของเขาดี! คุณหนูใหญ่ โชคดีที่พวกเราไปทันเวลา ไม่อย่างนั้นอาหวงคงถูกเชือดไปแล้วขอรับ”ตอนที่ไปถึงอาหวงถูกมัดไว้กับขาโต๊ะข้างเขียงแล้วห
เมื่อวานนางยังดี ๆ อยู่เลย ยังให้เงินเขาไป พร้อมกำชับให้เขาพยายามให้มากขึ้น และอย่าไปหาเรื่องชีหยวนให้มากความยิ่งไปกว่านั้น อาจิ่นยังอยากกินขนมที่แม่นมสวีทำอยู่เลยแล้วทำไมนางถึงตายไปกะทันหันแบบนี้?นางหวังราวกับจิตวิญญาณหลุดลอยไป นางมองลูกชายอย่างตั้งใจหนึ่งครั้ง พลันกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่แล้วร้องไห้อีกครั้งนางสะอื้นพลางพูด “เป็นชีหยวน!”ชีหยวนอีกแล้วหรือ!?ชีอวิ๋นถิงเบิกตากว้าง ทันใดนั้นสีหน้าก็มืดครึ้มลง “นางคนนอกคอกนั้นอีกแล้ว! ข้ารู้แล้วว่าแค่มีนางอยู่ ในจวนจะต้องเกิดเรื่องแน่!”ตั้งแต่นางกลับมา จวนนี้ก็ไม่เคยมีวันสงบสุข มีแต่เรื่องวุ่นวายไม่เว้นแต่ละวันเขาลุกพรวดขึ้น “เรื่องมันเป็นมายังไงกันแน่? แม่นมสวีไม่ได้ทำอะไรให้นางขุ่นเคือง แล้วนางจะฆ่าแม่นมสวีทำไม?”นางหวังเล่าเรื่องที่แม่นมสวีคิดจะฆ่าสุนัขของชีหยวนชีอวิ๋นถิงแค่นหัวเราะ “ไร้สาระ! ช่างไร้สาระจริง ๆ เพียงเพื่อสุนัขตัวเดียว นางก็ฆ่าคนงั้นหรือ?!”เขาอดไม่ไหว คิดจะพุ่งตัวออกไปทันทีแต่ขยับตัวไปแล้วกลับชะงักหยุดลงเองเพราะภาพที่ชีหยวนยัดถ้วยชาเข้าปากเขา จนทำให้เขาฟันหักไปหลายซี่ยังคงติดตาตอนนี้แค่คิดถึงเรื่องนั
แม่นมสวีจัดการกับอาหวง ก็เพื่อเป็นการตบหน้าชีหยวนจริง ๆแต่ท่านโหวผู้เฒ่าชีและฮูหยินผู้เฒ่าชีกลับไร้ความรู้สึกต่อการตายของแม่นมสวี ซ้ำยังโบ้ยความผิดกลับมาอีก แบบนี้ไม่เท่ากับเป็นการตบหน้านางที่เป็นนายหญิงของจวนหรอกหรือ?!นางลุกขึ้นยืน ไม่สนใจว่าฮูหยินผู้เฒ่าชีจะยืนบังชีหยวนไว้ ก้าวไปข้างหน้าทีละก้าวจนมายืนตรงหน้าชีหยวน จ้องชีหยวนเขม็งแล้วเอ่ยถามเน้นย้ำทีละคำ “นี่คือท่าทีของเจ้าหรือ? ต่อให้ข้าที่เป็นแม่แท้ ๆ ของเจ้าคิดจะจัดการเจ้า เจ้าก็กล้าฆ่าข้าด้วยอย่างนั้นหรือ?”นี่มันคำพูดอะไรกัน?ท่านโหวผู้เฒ่าชีตวาดลั่น “นางหวัง เจ้าสติเลอะเลือนไปแล้วหรือ?!”ถามเช่นนี้ออกมา จะให้ชีหยวนตกอยู่ในสถานการณ์เช่นไร?!แต่ชีหยวนกลับไม่หวาดหวั่นมารดาของนางได้ตายไปตั้งแต่ชาติที่แล้วชาติที่แล้ว นางถูกชีอวิ๋นถิงกระทืบจนขาหักแล้วโยนทิ้งกลางถนน นางหวังที่เป็นนายหญิงของจวนจะไม่รู้หรือ?ต่อมาก็ถูกส่งตัวไปยังหอนางโลม เกือบถูกขายให้แก่ชายแก่เพื่อรับแขก นางหวังจะไม่รู้หรือ?จนกระทั่งสุดท้าย เมื่อนางถูกโยนไปยังสุสานไร้ญาติ นางหวังรับรู้ทุกอย่างนางหวังรู้เรื่องทั้งหมด แต่ยังเลือกที่จะดูอยู่เฉย ๆ อย่างเลื
การที่ต้องเห็นแม่นมที่ไว้วางใจที่สุดตายลงต่อหน้าต่อตา สำหรับนางหวังแล้ว ความรู้สึกนั้นไม่ต่างจากสายฟ้าฟาดกลางวันแสก ๆนางเองก็เคยสั่งเฆี่ยนตีบ่าว หรือไม่ก็ส่งไปอยู่เรือนห่างไกลให้เผชิญชะตากรรมเอาเองแต่การลงมือฆ่าคนนั้น นางไม่เคยแม้แต่จะคิดเลยจริง ๆที่สำคัญ ชีหยวนยังหักคอแม่นมสวีต่อหน้านาง ภาพเหตุการณ์เช่นนี้แทบทำให้ผู้คนเสียสติ!นางหวังร้องไห้คร่ำครวญ ร้องตะโกนอย่างบ้าคลั่งพลางชี้นิ้วไปที่ชีหยวน “พวกท่านตามใจนางเกินไป สุดท้ายก็ตามใจจนเป็นฆาตกร! นางเพิ่งอายุสิบห้าปีก็กล้าฆ่าคนแล้ว!”ชีหยวนยังคงยืนอยู่ข้างๆ ด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไร้ซึ่งคลื่นอารมณ์ใด ๆ บนใบหน้าราวกับว่าการถูกมารดาชี้หน้ากล่าวหาว่าเป็นฆาตกร สำหรับนางแล้ว เป็นเรื่องเล็กน้อยเสียจนไม่แม้แต่จะทำให้คิ้วของนางขมวดเมื่อเทียบกับท่าทีของนางหวังที่แทบจะเป็นบ้า ไม่ว่าจะท่านโหวผู้เฒ่าชีหรือฮูหยินผู้เฒ่าชีต่างก็สงบนิ่งกว่ามากโดยเฉพาะฮูหยินผู้เฒ่า นางรีบก้าวไปยืนขวางหน้าชีหยวน แล้วขมวดคิ้วมองนางหวัง ก่อนจะกล่าวตำหนิ “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร? ฆาตกรที่ไหนกัน เจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรือ?”......ร่างของแม่นมสวีนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ดวงตา
สองข้างแก้มของแม่นมสวีปวดร้าวรุนแรง ชั่วพริบตานั้น แม่นมสวีเจ็บจนรู้สึกเหมือนหูแทบจะมีควันพวยพุ่งออกมานางมองชีหยวนด้วยสายตาที่เปี่ยมด้วยความหวาดกลัวนางคนบ้าผู้นี้!นี่มันคนปกติที่ไหนกัน?!ชีหยวนค้อมกายลง สบตากับแม่นมสวีอย่างเชื่องช้า ก่อนจะใช้มือดันคางของนางกลับเข้าที่อีกครั้ง คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มพลางเอ่ย “แม่นมสวี คิดให้ดีแล้วค่อยพูด เพราะข้าเองก็ไม่อาจควบคุมแรงได้ทุกครั้ง ถ้ายังไม่พูดความจริง บางทีอาจจะไม่มีโอกาสได้พูดอีกต่อไป”แม่นมสวีแทบสิ้นสตินางพบเจอผู้คนมามากมายจะใช้เล่ห์เหลี่ยมหรือพูดใส่ไฟแบบใด ต่างก็เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแต่ไม่เคยเจอใครที่ไร้เหตุผลขนาดนี้เช่นชีหยวน!นางหวังโกรธจนตัวสั่นไปทั้งร่าง “ในสายตาของเจ้ายังมีแม่คนนี้อยู่หรือไม่?! เจ้าเห็นที่นี่เป็นอะไรกันแน่?!”ชีหยวนคร้านจะหันไปมองนางหวังนางเพียงตบหน้าแม่นมสวีเบา ๆ “แม่นมสวี ความอดทนข้ามีจำกัด หนึ่ง สอง...”ยังไม่ทันนับถึงสาม แม่นมสวีก็ทนไม่ไหว “ข้าพูด ข้าพูดแล้ว! ข้าสั่งให้บ่าวที่มีหน้าที่เก็บสิ่งปฏิกูลในจวน เอาสุนัขไปส่งที่ร้านขายเนื้อสุนัขแล้วเจ้าค่ะ!”ชีหยวนปล่อยแม่นมสวีล้มลงไปกองกับพื้น หันไปมองห
แม่นมสวียกมือกุมหน้า ใบหน้าปรากฏสีขาวสลับแดง แล้วเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำ ในใจทั้งอับอายและโกรธแค้นยิ่งนักในจวนโหวตลอดหลายปีมานี้ นางไม่เคยถูกใครหยามถึงเพียงนี้มาก่อน!นางดูถูกชีหยวนตั้งแต่แรกอยู่แล้ว!เด็กไร้มารยาทขาดการอบรมจากบ้านนอกคนนี้ ไม่เพียงแต่ทำให้ชีจิ่นที่นางเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กถูกเบียดจนแทบไร้ที่ยืน แม้แต่ชีอวิ๋นถิงก็ยังถูกกดดันจนเกือบต้องกลับบ้านเกิดไปนางมีสิทธิ์อะไร?นางเป็นคนสนิทของนางหวัง นางหวังเป็นฮูหยินผู้ดูแลจวนโหว นางก็เป็นคนดูแลใหญ่โดยชอบธรรม!แต่เพราะการปรากฏตัวของคนนอกคอกอย่างชีหยวน นางเกือบต้องตามนางหวังกลับไปอยู่บ้านเกิด ปลีกวิเวกกินเจสวดมนต์!ทุกอย่างเป็นเพราะชีหยวน!ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่มีวันยอมรับเด็ดขาด!ดังนั้น หลังจากที่ถูกตบ นางก็พุ่งเข้าหานางหวังพร้อมน้ำตานองหน้า “ฮูหยิน! บ่าว บ่าวไม่มีหน้าจะอยู่ต่อไปแล้วเจ้าค่ะ!”พูดจบ นางก็ทำท่าจะพุ่งกระแทกกำแพงนางหวังตกใจแทบสิ้นสติ รีบฟาดมือลงบนโต๊ะ “ชีหยวน เจ้าคนอกตัญญู! เจ้าเริ่มเหลิงใหญ่แล้ว เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร? แม้แต่หมาแมวในเรือนของญาติผู้ใหญ่ พวกลูกหลานยังต้องให้ความเคารพ แล้วนางเป็นถึงแม่นมของข้
เขายังจำสีหน้าของชีหยวนตอนรับสุนัขตัวนั้นมาเลี้ยงได้ดีนางแสดงออกชัดเจนว่าชอบมันมากชีหยวนชอบ เขาก็ชอบฮูหยินผู้เฒ่าชีเองก็เป็นกังวลอย่างยิ่ง “อยู่ดี ๆ ทำไมถึงหายไปได้? นางเพิ่งออกจากจวนไปแค่ประเดี๋ยวเดียวแท้ ๆ!”นางสั่งให้แม่นมข้างกายไปแจ้งบรรดาบ่าวที่เฝ้าประตูเล็กทางเข้าสวนดอกไม้และโรงเรือน ว่าหากพบสุนัขตัวนั้น นางจะให้รางวัลเพิ่มอีกหนึ่งร้อยตำลึงเงิน ไม่เพียงเท่านั้น ผู้ใดเป็นคนเจอสุนัขของชีหยวน นางจะเลื่อนตำแหน่งให้ด้วยเมื่อข่าวนี้ไปถึงหูนางหวัง นางก็ได้แต่ หลับตาแน่นพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ไม่รู้ว่าชีหยวนให้ท่านโหวผู้เฒ่าชีและฮูหยินผู้เฒ่ากินยาเสน่ห์อะไรเข้าไป ถึงทำให้พวกเขาทั้งสองเชื่อฟังนางจนยอมทำตามทุกอย่างเรื่องไร้สาระแบบนี้ นางไม่เคยได้ยินมาก่อน!แม่นมสวียิ่งกล่าวประชดไม่น่าฟัง “ไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อนเลย! สุนัขพันธุ์ทางตัวเดียว โยนไว้ข้างถนนยังไม่มีใครชายตาดู แต่พอเป็นตัวที่คุณหนูใหญ่เลี้ยง กลับมีค่าถึงสองร้อยตำลึง! ตอนนี้ทั้งจวนกำลังวุ่นวายกันเพราะหาสุนัข!”นางหวังกระแทกถ้วยชาลงกับโต๊ะ เสียงดังหนักแน่นกว่ายามปกติ “ปล่อยให้พวกเขาทำไป! พวกเขาอยากหา ก็ให้หาไป!”
ชีหยวนไม่มีนิสัยลงโทษคนอื่นโดยไร้เหตุผลบางทีอาจเป็นเพราะชาติก่อนนางเคยเป็นผู้อยู่ใต้บัญชาอยู่นาน จึงเข้าใจถึงความลำบากของคนรับใช้ได้เป็นอย่างดีเช่นเดียวกับตอนที่ชาติก่อนนางเป็นองครักษ์ของเฟิงไฉ่เว่ย คอยคุ้มกันคุณหนูผู้สูงศักดิ์คนนี้เฝิงไฉ่เวยเห็นกระรอกตัวหนึ่งพลัดตกลงมาบนพื้นได้รับบาดเจ็บ ไม่สามารถปีนกลับขึ้นต้นไม้ได้ นางน้ำตาคลอและบอกว่าจะนำกระรอกตัวนั้นกลับขึ้นต้นไม้ด้วยตนเองต้นไม้นั้นมีอายุนับร้อยปี ลำต้นใหญ่ขนาดที่หลายคนโอบยังไม่รอบ กิ่งก้านแผ่ขยายไปทั่ว ชีหยวนกังวลว่านางจะเป็นอันตราย จึงอาสาทำแทนแต่เฝิงไฉ่เวยกลับขมวดคิ้วและพูดเสียงเนิบว่า “จะได้อย่างไร? การทำความดีต้องลงมือเองถึงจะจริงใจ คนอย่างองครักษ์ชีที่ฆ่าคนมานับไม่ถ้วน ย่อมไม่เข้าใจ”นางเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะปล่อยให้เฝิงไฉ่เวยปีนต้นไม้ไปส่งกระรอกเองใครจะคาดคิดว่าเฝิงไฉ่เวยจะไม่ระวังแล้วพลัดตกลงมาผลคือข้อเท้าพลิก หมอบอกว่าเส้นเอ็นและกระดูกได้รับความเสียหาย ต้องพักฟื้นอย่างน้อยสี่ถึงห้าเดือนเซียวอวิ๋นถิงตำหนินางว่าปกป้องเจ้านายไม่ดีนางอธิบายด้วยรู้สึกน้อยใจเล็กน้อย ว่านางพยายามห้ามเฝิงไฉ่เวยแล้วว่าไม่ให้ทำ
นางจึงถือโอกาสไปดูเรือนพักนอกเมืองด้วยตนเองชิงเถาและหลีฮวาอยู่ที่นั่นแม้ว่านางจะบอกว่าเรือนพักนอกเมืองนี้ใช้สำหรับให้พวกนางอยู่ แต่หากไม่ไปดูด้วยตนเอง นางก็ยังไม่วางใจเมื่อเห็นนาง ชิงเถาและหลีฮวาก็ดีใจจนทำอะไรไม่ถูกโดยเฉพาะหลีฮวา จับข้อมือชีหยวนไว้ ดวงตาก็เอ่อคลอไปด้วยน้ำตา “ฮือ ๆ คุณหนู ข้าคิดว่าคุณหนูไม่ต้องการข้าแล้วเสียอีก!”เด็กน้อยจริง ๆชีหยวนอดขำไม่ได้ ยกมือขึ้นลูบศีรษะของนางก่อนจะยิ้มแล้วกล่าว “จะเป็นไปได้อย่างไร? ก่อนหน้านี้ข้าแค่ติดธุระจึงไม่มีเวลามา ตอนนี้พอมีเวลาว่างแล้วก็รีบมาดูพวกเจ้านี่ไง”กล่าวจบ นางก็ถามต่อ “อยู่ที่นี่เป็นอย่างไรบ้าง? มีใครรังแกพวกเจ้าหรือไม่”ชิงเถาและหลีฮวารีบส่ายหน้ามองดูดวงตาของพวกนางที่เป็นประกาย แก้มแดงระเรื่อ ชีหยวนก็รู้ว่าพวกนางปรับตัวอยู่เรือนพักนี้ได้ดี จึงยิ้มออกมาแล้วถามอีกว่าปกติพวกนางทำอะไรกันบ้างชิงเถาเป็นคนเงียบขรึม ส่วนหลีฮวานั้นร่าเริงกว่า “จริง ๆ แล้วพวกเราไม่ต้องทำอะไรเลยเจ้าค่ะ แม่นมเสิ่นไม่ให้พวกเราทำงานหนัก ที่เรือนนี้ พวกเราแค่ทำความสะอาดเรือนใหญ่ แล้วก็ดูแลดอกไม้ในสวน สบายมากเลยเจ้าค่ะ!”พูดแล้วเงียบไปครู่หน