ชีจิ่นร่ำไห่ดั่งดอกสาลี่ต้องหยาดฝน ร้องไห้จนใครเห็นก็ต้องสงสารจับใจสาวใช้ที่อยู่ข้างๆ มีท่าทีลังเล ไม่แน่ใจว่าวิธีนี้จะได้ผลหรือไม่ทว่าชีจิ่นไม่เคยสงสัยในเสน่ห์ของตัวเองตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไม่เคยมีครั้งไหนที่นางจะพลาดเรื่องรับมือกับชีอวิ๋นถิง สิ่งใดที่นางต้องการให้ชีอวิ๋นถิงทำ ชีอวิ๋นถิงก็จะทำเสมอเช่นเดียวกับตอนนี้ นางสั่งให้สาวใช้รีบไปเก็บของ ต้องการจะออกจากเมืองหลวง ชีอวิ๋นถิงก็ลนลานขึ้นมาทันที จับข้อมือของชีจิ่นไว้แน่น: “อาจิ่น เจ้าออกไปจากที่นี่แล้วจะไปที่ไหนได้?! เจ้าเห็นหรือไม่ว่าหลังจากที่เจ้าออกจากบ้านไปแล้วเจ้าต้องใช้ชีวิตเช่นไร?"เขาเจ็บปวดใจนัก “นางก็เป็นแค่หนูสกปรกในท่อระบายน้ำ จะมาเทียบกับเจ้าได้อย่างไร?”น้ำตาของชีจิ่นไหลลงมาหนักยิ่งขึ้น: “ท่านพี่! จนป่านนี้แล้ว ท่านยังจะใช้คำพูดเช่นนี้มาหลอกข้าอีกหรือ? นางฆ่าแม่นมสวี แต่ท่านปู่ท่านย่ากลับบิดเบือนความจริง แถมยังตำหนิท่านแม่เพราะนาง! ท่านลองคิดดูเถิด นางเป็นเพียงหนูสกปรกในท่อจริงหรือ?”ใบหน้าของชีอวิ๋นถิงมืดมนเป็นเรื่องจริง ตั้งแต่เขาจำความได้ ท่านปู่ท่านย่าไม่เคยตามใจลูกหลานคนไหนเช่นนี้มาก่อนยกเว้นชีหยวนคนเ
ชีอวิ๋นถิงหัวเราะเยาะอย่างไม่แยแส: “ข้าเป็นบุตรชายคนโตและหลานชายสายตรง! อีกอย่าง เมื่อนางตายไป ทุกคนในจวนย่อมรู้ว่าควรเลือกใคร”ต่อให้รักมากเพียงใด คนตายก็คือคนตาย หรือจะต้องฆ่าหลานชายอีกคนเพียงเพราะหลานสาวคนเดียว?ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าวิธีนี้เป็นไปได้หัวใจของชีอวิ๋นถิงร้อนระอุ: “อาจิ่น เราฆ่านางเถอะ! ขอเพียงฆ่านาง ทุกปัญหาก็จะคลี่คลาย เมื่อนางตาย ข้าก็ยังเป็นคุณชายใหญ่เหมือนเดิม ข้าจะไปเกลี้ยกล่อมท่านแม่อีกครั้ง ตอนนี้ท่านแม่เกลียดชังนางยิ่งขึ้นเพราะการตายของแม่นมสวี่…...”ชีจิ่นละล่ำละลักไม่อาจตัดสินใจได้: “ท่านพี่ จะทำเช่นนี้จริงๆ หรือ?”ชีอวิ๋นถิงถึงกับเงียบไปหลายวันอย่างไม่น่าเชื่อ ราวกับการตายของแม่นมสวี่เป็นเพียงก้อนหินที่โยนลงทะเลสาบกว้างใหญ่ กระทั่งระลอกคลื่นก็ยังไม่เกิดไป๋จื่อยืนอยู่ใต้เฉลียง มองชีหยวนเล่นกับอาหวง แต่ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกไม่สบายใจเลยสิ่งที่กลัวก็ดันเกิดขึ้นจริง สาวใช้ที่เฝ้าอยู่หน้าประตูเรือนวิ่งเข้ามารายงานอย่างตื่นตระหนก: “คุณหนูใหญ่เจ้าคะ คุณชายใหญ่มาแล้วเจ้าค่ะ!”คุณชายใหญ่สามคำนี้เปรียบเสมือนยันต์อาญาแห่งความตาย คนในหอหมิงเยว่เมื่อได้ยินชื่อชีอ
ตอนที่ชีอวิ๋นถิงหันหลังกลับ รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็จางหายไปสิ้นนังสารเลว!ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง!นางคิดจริงๆ หรือว่าตัวเองเป็นคนสำคัญ ยังมาเล่นลูกไม้ ต้องให้เชิญซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีก!เขาโมโหจนหน้าอกแน่นไปหมด แต่ชีอวิ๋นถิงคิดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ ก็รีบปลอบใจตัวเองปล่อยให้นางได้ใจสักหน่อยจะเป็นไรไป?ยังไงซะนางจะลำพองใจได้อีกนานแค่ไหนกันเชียว?สีหน้าของเขาเย็นชา ภายในเรือนหอหมิงเยว่ สีหน้าของไป๋จื่อและเหลียนเฉียวก็เต็มไปด้วยความกังวลไม่แพ้กันเมื่อเห็นชีหยวนยังคงเล่นหยอกล้อกับอาหวง ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไป๋จื่อก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา: “คุณหนูเจ้าคะ ท่านคงมิได้ตอบรับคำ จะไปซื้อของกับคุณชายใหญ่จริงๆ ใช่ไหมเจ้าคะ?”ที่ผ่านมา ชีอวิ๋นถิงไม่เคยมีคำพูดดีๆ ให้ชีหยวน ถ้าไม่ด่าทอให้นางไปตาย ก็เรียกว่านางเป็นนังสารเลวคนแบบนี้จะเปลี่ยนไปเพียงเพราะงานเลี้ยงวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่าหวังอย่างนั้นหรือ?พูดออกมาว่าอยากให้พี่น้องปรองดองนี่มันคำพูดของเขาจริงๆ หรือ?น่าจะแค่ทำดีกลบเกลื่อนเสียมากกว่า ไม่ได้มีเจตนาดีแต่อย่างใดขณะที่ไป๋จื่อคิดอยู่เนั้น เหลียนเฉียวก็พูดออกมาแล้วว่า: “
ชีอวิ๋นถิงรินน้ำชาให้ชีหยวนอย่างเป็นธรรมชาติ: “นี่คือชาอิ๋นเจินของหอไท่ไป๋ ออกรสไว มีรสชาติค้างอวลอยู่ในปาก เจ้าลองดูสิ”ชีหยวนดูเหมือนจะสนใจทิวทัศน์ภายนอกเป็นอย่างมาก มิได้ระแวดระวังอะไร ดื่มน้ำชาในถ้วยชารวดเดียวหมดจากนั้นจึงหันไปมองชีอวิ๋นถิงก่อนเอ่ยเรียบๆ ว่า: “พูดมาตรงๆ เถอะ เรียกข้าออกมาทำไมกันแน่? ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะมีน้ำใจดีขนาดนี้ เพียงเพื่อต้องการแสดงละครฉากพี่น้องปรองดองให้ท่านยายดู”ชีอวิ๋นถิงถอดสีหน้า: “เจ้าช่างเดาเก่งนักนะ”ชีหยวนเอนตัวพิงเก้าอี้เชียนหยี่ พูดอย่างตรงไปตรงมา: “ไม่ใช่เดาหรอก แค่เพราะเจ้าเป็นคนที่ไม่เคยทำเรื่องดีๆ มาก่อนเท่านั้นเอง”จะตายอยู่รอมร่อแล้วยังปากดีอีก!ชีอวิ๋นถิงแสยะยิ้มเย็นชา พูดโต้กลับอย่างไม่เกรงใจ: “แล้วเจ้าคิดว่าตัวเองเป็นคนดีนักหรือ? ข้าไม่รู้หรอกว่าเจ้าเป็นวิญญาณเร่ร่อนที่ไหนมาสิงอยู่ในร่างอันต่ำต้อยนี้ แต่ไม่ว่าเจ้าจะเป็นอะไร ชีวิตดีๆ ของเจ้าก็ต้องจบลงแค่นี้แล้ว!”สีหน้าชีหยวนเปลี่ยนไปทันที: “เจ้าคิดจะทำอะไร?!”“ข้าคิดจะทำอะไรน่ะเหรอ?!” ชีอวิ๋นถิงที่อัดอั้นมานานหลายเดือน ในที่สุดวันนี้ก็ได้ระเบิดออกมาอย่างสะใจ: “ข้าจะฆ่าเจ้า
การเสียดสีของนางแสดงออกมาทางคำพูด ชีอวิ๋นถิงมองนางด้วยความโกรธจัด หยิบถ้วยชาข้างตัวขว้างใส่ชีหยวนเต็มแรง: “เจ้าจะวางท่าอะไรหนักหนา? นังแพศยา! เจ้าควรถูกเหยียบย่ำอยู่ใต้ฝ่าเท้าคนอื่นไปตลอดชีวิต ไม่มีวันได้เงยหน้าอ้าปาก! เจ้าถูกกำหนดมาให้เป็นแค่คนต่ำสถุน!” ชีหยวนเบี่ยงศีรษะเล็กน้อย ถ้วยชาก็ตกลงพื้น เศษกระเบื้องกระเด็นไปทั่วห้องในทันใดราวกับว่าความโกรธทั้งหมดที่กักเก็บไว้ได้พบทางออกและระบายออกมา ตั้งแต่วันที่ชีหยวนกลับมาบ้าน ความอดกลั้นทั้งหลายในระยะเวลาหลายเดือนก็ได้รับการปลดปล่อยออกมาในขณะนี้จะกลัวอะไรอีก?ตอนนี้พวกเขาต่างหากเป็นฝ่ายคุมสถานการณ์ความสะใจจากการล้างแค้นอยู่ตรงหน้า ส่วนผลที่ตามมาค่อยว่ากันทีหลังดวงตาของชีจิ่นเป็นประกายผิดปกติ นางก้มลงหยิบเศษกระเบื้องขึ้นมา และเอ่ยอย่างแผ่วเบา: “พี่หญิง ทำไมถึงตกใจนัก? เจ้าไม่ใช่นักฆ่าฝีมือฉกาจหรอกหรือ? ตอนนี้เจ้าควรฆ่าพวกเราได้อย่างง่ายดายไม่ใช่หรือ?”ชีหยวนยิ้มเช่นกัน: “ที่แท้ คนที่อยู่ในจวนตระกูลหวังวันนั้นเป็นเจ้าเองสินะ”เมื่อตอนที่นางสังหารอ๋องเฉิง นางก็สงสัยอยู่แล้วว่าทำไมองครักษ์ลับที่อ๋องฉีและตระกูลหลิ่วส่งมาถึงมีท่าทีป
ขอแค่ฆ่าชีหยวนได้ขอแค่ชีหยวนตายไปเท่านั้น ท่านอ๋องย่อมหาหนทางนับหมื่นวิธีเพื่อทำให้ตนเองพ้นผิดนางก็ยังสามารถมีชีวิตที่ไร้กังวลได้ดังเดิมต่อให้ไม่มีจวนหย่งผิงโหว ต่อให้ต้องตัดขาดจากชีอวิ๋นถิงตลอดไปทุกสิ่งเหล่านี้ สำหรับนางแล้วไม่มีความสำคัญอีกต่อไปผู้ที่เคยเผชิญหน้ากับภัยคุกคามถึงชีวิตจะรู้ว่า ทุกสิ่งต้องยอมจำนนต่อความตายตอนนี้นางก็เป็นเช่นนั้น นางจ้องชีหยวนเขม็ง แล้วหัวเราะเยาะออกมาอย่างไม่เกรงกลัวใดๆ : “จบกันแค่นี้แหล่ะชีหยวน คนตายไปย่อมหมดเรื่อง ขอแค่เจ้าตาย ทุกอย่างก็จะจบแล้ว”นางขยับเข้าใกล้ยิ่งขึ้น ขาทั้งคู่ของชีหยวนถีบไปที่โต๊ะ ดันตัวเองกับเก้าอี้เลื่อนถอยไปด้านหลัง จังหวะนั้นเองก็เลี่ยงฝ่ามือของชีจิ่นไปได้พอดีฝ่ามือฟาดลงในความว่างเปล่า ชีจิ่นหน้าเขียวคล้ำ มองฝ่ามือตัวเองอย่างไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเหลือบมองชีหยวนที่เลื่อนถอยไปเป็นไปได้อย่างไร?โดนพิษของยาสลายพละกำลังแล้วนี่ ทำไมชีหยวนถึงยังมีแรงต่อต้านได้?!โลกนี้หมุนรอบชีหยวนหรืออย่างไรกัน?!นางแทบคลั่ง ยกข้อมือของตนขึ้นมาตามสัญชาตญาณ จ้องมองชีหยวนด้วยตาเขม็ง ก่อนจะเหนี่ยวไกที่ข้อมือโดยไม่มีคำเตือนต่อให้เก่งกา
ระยะยิงของเกาทัณฑ์แขนเสื้อนั้นไม่ได้ไกลนัก จึงมักถูกใช้งานโดยการผูกติดไว้ที่ข้อมือแต่มันก็มีข้อดี นั่นก็คือใช้งานสะดวกและพกพาง่ายลูกดอกพุ่งออกไปดั่งสายฝน ใบหน้าของชีจิ่นพลันเยือกเย็นลงในทันทีนางไม่ได้สนใจเลยว่าชีอวิ๋นถิงจะเป็นหรือตาย ขอแค่ลูกดอกเหล่านั้นสักดอกหนึ่งได้ยิงเข้าใส่ชีหยวนขอแค่ชีหยวนตายขอแค่นางตาย ตนก็จะได้รับความดีความชอบจากท่านอ๋อง!จวนหย่งผิงโหวอะไรกัน? ฮูหยินของผู้สืบทอดจวนหย่งผิงโหว หรือแม้แต่ฮูหยินโหวอะไรนั่น? จะเทียบได้กับเกียรติยศของพระชายาอ๋องฉีได้อย่างนั้นหรือ!กระทั่งไม่ต้องพูดถึงตำแหน่งพระชายาอ๋องฉีเลย แม้หลังจากอ๋องฉีถูกลดขั้นเป็นจวิ้นอ๋อง ก็ยังเหนือกว่าตำแหน่งโหวถึงสามขั้น!มีคนมากมายที่พยายามทั้งชีวิต แต่ไม่อาจก้าวข้ามช่องว่างนั้นไปได้ ยิ่งไปกว่านั้น นี่มันไม่ใช่แค่ก้าวเดียว แต่มันเป็นทั้งเส้นทาง!นางสูดหายใจเข้าลึกและสิ่งที่เห็นก็คือ ชีหยวนกลับผลักชีอวิ๋นถิงมาข้างหน้าโดยไม่ลังเล!ชีหยวนกล้าทำเช่นนี้จริงๆ !ชีจิ่นถึงกับชะงักงันไปชั่วขณะนางคิดว่าตัวเองนั้นใจแข็งพอแล้วแต่ไม่นึกเลยว่าชีหยวนจะไร้ความปรานียิ่งกว่าตัวนางเองเสียอีกรู้ทั้งร
ชีจิ่นสีหน้าไร้ความรู้สึกใดๆนางไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อยพี่ชายงั้นหรือ?ก็แค่คุณชายเสเพลที่ไม่มีอำนาจใดๆ ทำได้แค่พูดจาเหลวไหลไปวันๆ!ที่พึ่งพิงอะไรกัน?ก็แค่คนโง่เง่า คนไร้ประโยชน์ที่ดูดีภายนอกแต่ข้างในกลับกลวงเปล่าเท่านั้น!เขาจะคู่ควรกับนางได้อย่างไร?!ก็ดี ถือโอกาสนี้กำจัดทั้งชีอวิ๋นถิงและชีหยวนไปพร้อมกันเสียเลยชิชิบุตรชายบุตรสาวสายตรงของตระกูลตายหมดในคราวเดียวเชียว!นี่แหละคือผลกรรมของตระกูลชีที่ทอดทิ้งนาง!เป็นคนของตระกูลชีที่สมควรโดน!นางตื่นเต้นเกินไปจนเผลอหายใจผิดจังหวะ ต้องก้มลงไอไปสองสามครั้งผลลัพธ์คือเกาทัณฑ์แขนเสื้อของนางทั้งสิบดอกกลับพุ่งเข้าใส่ชีอวิ๋นถิงทั้งหมด!ทว่าไม่มีดอกใดโดนจุดสำคัญเลยราวกับว่ามีการคำนวณไว้แล้วอย่างแม่นยำบาดแผลของชีอวิ๋นถิงอยู่ที่ไหล่ แขน และขาเท่านั้นชีจิ่นเริ่มกระวนกระวายใจทำไมกัน?นังสารเลวชีหยวนไม่แม้แต่จะได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่นิดเดียว!นางหมดความอดทนแล้ว ชักแส้จากเอวออกมาแล้วฟาดไปทางชีหยวนอย่างรวดเร็วแส้นี้นางต้องแลกมาด้วยชีวิต ปลายแส้ชุบยาพิษเอาไว้ ขอแค่ฟาดให้ผิวหนังแตก พิษก็จะซึมลึกเข้าสู่กระดูก ทำให้คนคนนั้น
เขาไม่เชื่อว่าชีหยวนกระทำไปโดยไร้เจตนา นางจงใจแน่นอน แก้แค้นที่ตนเคยลังเลในคราแรก!แล้วก็เสแสร้งต่อหน้าผู่อู๋ย่งเช่นนี้ผู่อู๋ย่งถามขึ้นด้วยสีหน้ามืดครึ้มตามคาด “อ๋องฉีพูดถ้อยคำขัดต่อฟ้าดินอันใดหรือ?”ไล่เฉิงหลงรีบแก้ต่างว่า “หาได้มีสิ่งใดไม่ ท่านผู้ตรวจการอย่าได้ถือสา ท่านอ๋องเพียงแค่โศกเศร้าเกินไปเท่านั้น”ผู่อู๋ย่งเหลือบสายตามองพวกเขาคราหนึ่ง เชิดคางขึ้นเล็กน้อยโดยไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ “ส่งท่านอ๋องขึ้นรถม้าให้ดี แล้วส่งกลับจวนอ๋องเสีย”พวกเขาจะกลับวังแล้วในเมื่อพาพระชายาหลิ่วกลับไปไม่ได้ เช่นนั้นก็ต้องรีบกลับไปฉลองปีใหม่ในวังหลวงวังหลวงคือสถานที่ที่ราชนิกุลควรอยู่คืนส่งท้ายปีเก่าจะมีงานเลี้ยงในวัง เหล่าพระญาติ ผู้สูงศักดิ์ ขุนนางฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊ล้วนต้องเข้าร่วมวันขึ้นปีใหม่ก็มีพิธีเข้าเฝ้า นี่ล้วนเป็นกฎระเบียบแม้เสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยจะจากไป ก็ไม่อาจหยุดยั้งสิ่งเหล่านี้ได้ฮ่องเต้หย่งชางพาองค์หญิงหมิงเฉิงและองค์ชายหย่งหรงเสด็จขึ้นรถม้าไปพร้อมกันด้วยท่าทีโศกเศร้าเล็กน้อยชีหยวนก็เตรียมตัวกลับจวนพร้อมกับท่านโหวผู้เฒ่าชีและชีเจิ้นเดิมทีพวกเขารับหน้าที่ลาดตระเวนเป็นการ
อ๋องฉีก้าวเข้ามาอีกก้าว ประชิดเกาทัณฑ์แขนเสื้อของชีหยวน เขาเม้มริมฝีปาก ดวงตาแดงก่ำ เส้นเลือดในดวงตาปูดโปน เขามองชีหยวน แววตาสั่นไหวอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะหัวเราะออกมา “ชีหยวน เจ้ายโสอะไรนักหนา? เจ้าเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อสู้แทนคนพวกนั้นจนโค่นล้มพวกข้าลงได้ แล้วเจ้าจะได้ประโยชน์อันใด?”ชีหยวนกำลังไตร่ตรองว่าหากนางฆ่าอ๋องฉีเสียตอนนี้ จะจัดฉากให้เหมือนเป็นการฆ่าตัวตายได้อย่างแนบเนียนที่สุดอย่างไร ไม่มีเวลาจะใส่ใจวาจาเพ้อเจ้อของอ๋องฉีแม้แต่น้อยถึงขั้นนี้แล้ว ยังไม่คิดหาทางไสหัวไปดินแดนศักดินาอย่างปลอดภัยจากนี้ไปก็ยอมเป็นอ๋องพิการไปเสีย ยังมัวแต่หมกมุ่นเรื่องความรักในชาติก่อนเหล่านั้นอีกตำแหน่งฮ่องเต้ตกมาถึงเขาได้ ก็เป็นเพราะชาติก่อนเขายังไม่เสียสติถึงขั้นกักขังองค์หญิงเป่าหรงไว้เร็วนักมิเช่นนั้น ราชบัลลังก์ไหนเลยจะตกมาถึงเขาได้?ปลายนิ้วของนางขยับ กำลังจะจู่โจมลงมือฆ่า ก็พลันได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากเบื้องหลัง จึงหยุดมือทันที ดึงเกาทัณฑ์แขนเสื้อกลับเข้าไปลึกอย่างแนบเนียน แล้วทอดถอนใจยาวขณะมองอ๋องฉีนางเอ่ยว่า “ท่านอ๋อง ท่านพูดสิ่งใดออกมา ข้าน้อยไม่เข้าใจจริง ๆ”“เจ้าเสแสร้งอันใด?!” อ๋อ
จากนั้นเซียวอวิ๋นถิงก็รับตัวเขาไว้อย่างมั่นคง แล้วเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน “เอาอีกไหม?”เด็กผู้ชายนั้นล่อหลอกได้ไม่ยาก พวกเขามักจะยกย่องคนเก่ง และชอบเล่นกับคนที่โตกว่าบังเอิญว่าเซียวอวิ๋นถิงมีความอดทนสูงมาแต่ไหนแต่ไรฮ่องเต้หย่งชางตรัสด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เจ้าช่างไม่ถือโทษเลยนะ”คำพูดนี้แฝงความนัย เซียวอวิ๋นถิงย่อมเข้าใจดี จึงตอบอย่างตรงไปตรงมา “เสด็จปู่ เดิมทีหลานก็ไม่ได้มีความบาดหมางใดกับกุ้ยเฟยและพวกเขาเลย อีกทั้งความผิดไม่ควรลามไปถึงลูกหลาน เด็กๆ มีความผิดอันใดหรือ? พวกเขายังมีศักดิ์เป็นเสด็จอาของหลานด้วย”ราวกับว่าคนที่เพิ่งใช้คำพูดบีบบังคับให้เป่าหรงต้องแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์เมื่อครู่นั้นไม่ใช่เขาฮ่องเต้หย่งชางพยักหน้า “เจ้าทำได้ดีมาก”เพียงประโยคนี้ก็ทำให้ขันทีเซี่ยที่อยู่ข้าง ๆ รู้สึกปลาบปลื้มแล้ว ต้องรู้ไว้ว่าองค์รัชทายาทไม่เคยได้รับคำชมเช่นนี้เลย!อีกด้านหนึ่ง พระชายาหลิ่วอุ้มเซียวโม่ที่ยังคงร้องไห้ไม่หยุดเพื่อพาไปพักผ่อนชีหยวนฉวยจังหวะนี้อยากจะขอโทษนาง เพราะครั้งนี้นางได้ใช้ประโยชน์จากอดีตของพระชายาหลิ่ว ทำให้พระชายาหลิ่วต้องออกหน้าเป็นดั่งคมดาบให้นางนางอาจใช้เล่ห์กล
ฮ่องเต้หย่งชางตัดสินพระทัยแน่วแน่ “ให้กรมพิธีการและกรมการทูตหารือกัน ตอบรับการอภิเษกสมรสขององค์หญิงแห่งแผ่นดินเรา ทุกพิธีการให้กรมพิธีการและกรมการทูตร่วมกันกำหนด แล้วให้สำนักขุนนางหลวงเป็นผู้ตัดสิน!”องค์หญิงหมิงเฉิงเฉลียวฉลาดตั้งแต่ยังเล็ก แต่ก็ไม่ได้เฉลียวฉลาดถึงขั้นเข้าใจความหมายของการแต่งเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ยังคงคิดว่าเป็นเพียงแค่การแต่งงานการแต่งงานไม่มีอะไรผิดปกติ เพราะแต่ก่อนเสด็จแม่ก็พร่ำสอนอยู่เสมอ ว่าพี่หญิงไม่อาจเอาแต่เล่นสนุกอย่างเอาแต่ใจตลอดไป สักวันก็ต้องแต่งงานในเมื่อเสด็จพ่อให้พี่สาวแต่งงาน เช่นนั้นก็หมายความว่าไม่มีปัญหาแล้วใช่หรือไม่?นางรู้สึกยินดีอยู่บ้าง แต่เพียงครู่เดียว เมื่อคิดถึงการจากไปของเสด็จแม่ หัวใจก็พลันห่อเหี่ยวลงส่วนองค์หญิงเป่าหรงไม่มีแม้แต่ความรู้สึกเศร้าหมองในฐานะคนที่มาจากยุคปัจจุบัน นางรู้ดีกว่าใครว่าตงอิ๋งเป็นเช่นไรชาติที่มีแต่ความวิปริตและไร้ซึ่งขอบเขตศีลธรรมสำหรับตงอิ๋งในยุคราชวงศ์ต้าโจว ตรงกับช่วงที่ไร้ซึ่งกฎหมาย เหล่าขุนศึกต่อสู้กันอย่างสับสนอลหม่านในสายตาของชาวตงอิ๋ง ผู้หญิงไม่มีค่าอะไรแม้แต่ในยุคปัจจุบัน สตรีของจักรพรรดิตง
นางมอบเกียรติให้ฮ่องเต้หย่งชาง บัดนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าฮ่องเต้หย่งชางจะยอมให้ความเป็นธรรมแก่นางหรือไม่นางจ้องมองฮ่องเต้หย่งชางอย่างจริงจังและละเอียดถี่ถ้วนสามีภรรยาในเยาว์วัย เติบโตมาด้วยกันผ่านความทุกข์ยากมาด้วยกันแต่กลับไม่อาจร่วมสุขกันได้ ในพระทัยของฮ่องเต้หย่งชางเองก็เจ็บปวดเช่นกันหน้าอกของเขาปวดหน่วงราวกับถูกบีบรัด มีหรือที่เขาจะไม่เข้าใจความตั้งใจของพระชายาหลิ่ว?นางเดินมาถึงขั้นนี้แล้วนางไม่แย่งชิง ไม่คิดเอาผิด และยังช่วยเสริมสร้างชื่อเสียงให้เขาในฐานะฮ่องเต้ผู้มีคุณธรรมเขาจะยอมปล่อยให้นางเสียเปรียบได้หรือ?แน่นอนว่าไม่ได้ดังนั้น พระสุรเสียงของฮ่องเต้หย่งชางจึงสงบลง “เรื่องนี้ เราจะให้กรมพิธีการหารือกัน หากเจ้ามุ่งมั่นเช่นนี้ เราก็จะให้เจ้าได้บำเพ็ญเพียรในวัง...”โดยทั่วไปแล้ว สตรีในราชวงศ์ที่ต้องการบวชจะต้องบำเพ็ญเพียรอยู่ในวังแต่พระชายาหลิ่วไม่ต้องการเช่นนั้น นางส่ายศีรษะทันที “ฝ่าบาท อย่าให้ต้องเดือนร้อนภาษีราษฎรเลย หม่อมฉันเห็นว่าที่นี่ก็ดีอยู่แล้ว เปลี่ยนจากวัดเป็นอารามเต๋านี่แหละ”แท้จริงแล้ว อารามไป๋อวิ๋นแต่เดิมก็คืออารามเต๋า เพียงแต่ว่าภายหลังพุทธศาสนาเ
ไม่ตาย ก็จงเตรียมตัวส่งมอบอำนาจและเกียรติยศเถิดสำหรับพวกเขาแล้ว เรื่องนี้เจ็บปวดยิ่งกว่าความตายเสียอีกผู้ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของเมฆา สิ่งที่ยากจะยอมรับที่สุดก็คือการร่วงหล่นสู่ผืนดินแต่ไม่นานพวกเขาก็จะพบว่า โลกมนุษย์นั้นก็มิใช่ที่เลวร้ายอะไรเวลาถูกถ่วงไว้นานเกินไป เซียวโม่เริ่มรู้สึกไม่สบายอีกแล้ว เขาเริ่มร้องไห้ไม่หยุดเขาเหมือนเด็กน้อยคนหนึ่ง ยิ่งกว่าองค์หญิงหมิงเฉิงและหย่งหรงเสียอีก ไม่เข้าใจการสังเกตสีหน้าผู้คนแม้แต่น้อยขณะนี้พระชายาหลิ่วเห็นว่าท้ายที่สุดก็ไม่อาจสังหารเป่าหรงได้ อีกทั้งอ๋องฉี องค์หญิงหมิงเฉิง และหย่งหรงก็มากันครบ พลันรู้สึกเบื่อหน่ายถึงขีดสุดนางมองไปที่ฮ่องเต้หย่งชางแล้วกล่าวว่า “พวกท่านกลับไปเถิด ขอให้พวกข้าแม่ลูกได้อยู่อย่างสงบเสียที”แต่การที่ฮ่องเต้หย่งชางเสด็จมาครั้งนี้ เดิมทีเป็นเพราะตั้งใจจะพาพระชายาหลิ่วกลับไปร่วมฉลองคืนวันส่งท้ายปีเก่าทว่าตอนนี้กลับเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ปัญหาตามกันออกมาเป็นระลอกจนเรื่องราวยุ่งเหยิงขึ้นไปอีก อยากจะพาพระชายาหลิ่วกลับไปยิ่งยากกว่าเดิมเสียแล้วฮ่องเต้หย่งชางสะกดกลั้นอารมณ์ ตรัสด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “หว่านหยิน เ
เหนือชั้นจริง ๆ! ในใจของเขาพลันรู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมาอีกครั้งเพราะอุบายอันแยบยลของชีหยวน นี่คือการเดิมพันที่ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่มีวันตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ผู่อู๋ย่งใช้กำลังภายใต้อิทธิพลของตนเองแจ้งข่าวให้อ๋องฉีรีบมาปกป้ององค์หญิง เช่นนั้นก็หมายความว่า กองกำลังที่ดูแลมาหลายปีของอ๋องฉีจะถูกเปิดโปงต่อหน้าผู้คน หากว่าไม่แจ้งให้อ๋องฉีมา เช่นนั้นเป่าหรงจะต้องเลือกผ้าแพรขาวหนึ่งผืน หรือไม่ก็สุราพิษหนึ่งจอก และจบชีวิตลงเช่นนี้ไปแล้ว สตรีคนนี้ น่ากลัวเกินไปแล้วจริง ๆ! นางแทบจะคำนวณหมากทั้งหมดของอ๋องฉีได้อย่างแม่นยำ ไม่พลาดแม้แต่เบี้ยตัวเดียว! อ๋องฉีถูกถามคาดคั้นเช่นนั้นเพียงเสี้ยวพริบตาเหงื่อเย็นก็ไหลพลั่ก ๆ ในฐานะองค์ชายที่จดจ้องบัลลังก์จักรพรรดิตาเป็นมัน เขาย่อมรู้ตัวดีว่าบัดนี้ได้ละเมิดข้อห้ามอันใหญ่หลวงไปแล้ว ทันใดนั้นทั้งแผ่นหลังพลันเปียกชุ่ม แต่ในเวลานี้ เขาพูดชื่อผู่อู๋ย่งออกมาไม่ได้อย่างเด็ดขาด! ไม่ได้ ผู่อู๋ย่งเป็นไพ่ตายใบสุดท้ายของเขาในตอนนี้แล้ว! เช่นนั้น เช่นนั้นแล้ว… อ๋องฉีหายใจถี่กระชั้น ความเจ็บปวดบีบรัดไปถึงช่องท้อง แม้แต่บาดแผลที่ขาซึ่งอาการทุเลาลงไปมากแล้
เดิมทีนางก็มิได้ตึงเครียดและสิ้นหวังมากถึงเหมือนที่เห็นเมื่อครู่แล้ว! จากอีกฟากหนึ่งของฝูงชน องค์หญิงเป่าหรงสบสายตาชีหยวนจากไกล ๆ เมื่อสายตาของสองคนสบประสาน ใบหน้าของเป่าหรงกลับไม่มีความอาฆาตแค้นไม่มีความบ้าคลั่งและยิ่งไม่มีความใจร้อนปรากฏ สิ่งเดียวที่สะท้อนอยู่ในดวงตาคือความเย้ยหยันและความเกลียดชังที่ลึกซึ้ง…เจ้าดูสิ เจ้าคิดว่าตัวเจ้าวางแผนรอบคอบไร้ที่ติ แต่ข้าก็ยังรอดปลอดภัยดี! ไล่เฉิงหลงเห็นชัดเจนทุกอย่าง ก็ทอดถอนใจนึกปลงตกในใจอย่างอดไม่ได้ พลาดท่าแล้วจริง ๆ เขาเหลือบสายตาอย่างพะว้าพะวังมองไปยังผู่อู๋ย่งซึ่งก้มหน้าก้มตาทำราวกับไร้ตัวตนอยู่ท่ามกลางฝูงชน ทันใดนั้นหัวใจก็เย็นยะเยือกขึ้นมา ขันทีเฒ่าใกล้ตายคนนี้ถือครองอำนาจมานานหลายปี มีอิทธิพลสูงสุดในหมู่องครักษ์เสื้อแพร ส่วนตนเองที่ต่อสู้ดิ้นรนอย่างสุดชีวิตมานานหลายปีเพียงนี้ กลับยังต้องพึ่งพิงมิตรภาพระหว่างบิดาของตนเองและฮ่องเต้ ถึงจะสามารถตั้งหลักอย่างมั่นคงได้ในหน่วยองครักษ์เสื้อแพร แต่ครั้งนี้หากเลือกยืนผิดฝ่ายเพียงครั้งเดียว เกรงว่าหลังจากนี้จะไม่มีโอกาสอีกแล้ว ขณะไล่เฉิงหลงคิดสะระตะอยู่ในใจ ทว่าชีหยวนกลับไม่มีท่าที
ตีงูไม่ตาย หายนะไม่สิ้นสุด หลังจากนี้ชีวิตของชีหยวน… ไม่สิ ชีหยวนไม่มีหลังจากนี้อีกต่อไปแล้ว องค์หญิงหมิงเฉิงเบะปาก ก่อนจะร้องไห้โยเยออกมา พลางเช็ดเลือดบนใบหน้า พลางร่ำไห้สะอึกสะอื้น: “ลูกได้ยินว่าเสด็จแม่ตายแล้ว เสด็จพ่อเป็นความจริงหรือเพคะ?” ดรุณีตัวน้อยยิ่งเลื่อนมือไปเช็ด คราบเลือดบนใบหน้ายิ่งปรากฏความน่าสะพรึงกลัวชัดเจนขึ้น แม้แต่ฮ่องเต้หย่งชางยังเกือบมีน้ำตาออกมา ไม่ว่าเมื่อใด ความไร้เดียงสาและความอ่อนโยนของเด็กน้อยก็มักจะกระทบจิตใจของผู้คนให้แสบสะท้านได้มากที่สุด แน่นอนว่าเซียวโม่มิใช่ว่าไม่น่าสงสาร และมิใช่ว่าจะไม่บริสุทธิ์ไร้เดียงสา ทว่าเมื่อได้เทียบกับธิดามังกรข้างกายพระโพธิสัตว์ผู้งามเพริศพริ้งน่าเอ็นดูตรงหน้า ก็ดูจะขัดตาอยู่ชัดเจนไม่น้อย หัวใจคนย่อมลำเอียงเสมอ สายตาที่ใช้มองสิ่งของก็ลำเอียงเช่นกัน เขาลูบศีรษะขององค์หญิงหมิงเฉิง เงียบมิได้เอ่ยวาจา ทว่าท่าทีกลับผ่อนคลายลงแล้วเล็กน้อย ทันใดนั้นก็หมุนศีรษะมาแล้วตะโกนว่า: “เหล่าเซี่ย นี่เจ้าตายไปแล้วหรือ? โลหิตบนใบหน้าขององค์หญิง…” ทว่าทันใดนั้นก็ชะงักงันไปอีกครั้ง ก่อนจะชี้นิ้วไปที่ชีหยวน: “เจ้ามาดูแลองค์หญิง