อ๋องฉีถึงจะฝืนใจฟังคำแนะนำของผู้ใต้บังคับบัญชา หยุดเดินทางเพื่อพักผ่อนฟื้นฟูกำลัง การเดินทางในคืนหิมะตกความจริงแล้วค่อนข้างทรมานคนทีเดียว ต่อให้อ๋องฉีจะเตรียมใจไว้บ้างแล้ว แต่กระนั้นก็ยังถูกความหนาวเย็นเล่นงานไปไม่น้อย สีหน้าในยามนี้เริ่มกลายเป็นสีเขียวคล้ำขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว พวกเขาไม่เลือกพำนักที่ศาลาพักม้า ทว่าพำนักในเรือนแรม คนใต้บังคับบัญชาล้วนรู้ดีว่าอ๋องฉีเป็นผู้สูงส่งล้ำค่า ครั้นเข้าประตูไปก็สั่งให้เจ้าของเรือนแรมไปบอกลูกน้องให้ต้มน้ำเตรียมไว้ ไม่นานนัก น้ำร้อนก็ถูกยกมาส่งในห้องอ๋องฉีแล้ว อ๋องฉีอาบน้ำร้อนเรียบร้อย ค่อยรู้สึกว่าตนเองได้มีชีวิตกลับมาเสียที ก็มานั่งลงข้างหน้าต่างพลางเลิกคิ้วถามผู้ใต้บังคับบัญชาว่า: “ทางไป๋หู่แจ้งมาว่าอย่างไรบ้าง? เจอตัวนางหรือไม่?” ระยะเวลาที่พวกเขาออกจากเมืองตามอีกฝ่ายที่เดินทางออกมาก่อน ความจริงก็ห่างกันไม่นานมากนัก ยิ่งไปกว่านั้นชีหยวนนั่งรถม้า ทว่าเขาตะบึงอาชา หากคำนวณจากความเร็วการเดินทางแล้ว บัดนี้เขาควรจะไล่ตามชีหยวนทันแล้วถึงจะถูก จูเชวี่ยยังไม่ทันเอ่ยวาจา ก็มีเสียงเคาะประตูดังมาจากหน้าห้อง อ๋องฉีจิบชาร้อนไปหนึ่งคำก่อนจะเอ่ยว
ชีหยวนยกยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย มองพวกเขาด้วยสายตาเรียบเฉย “ก็ใช่ ข้าให้พวกเจ้าปกป้องข้ามาตลอดทาง ซึ่งตลอดทางนี้ พวกเจ้าก็ปกป้องข้าแล้วมิใช่หรือ? เพียงแต่ตอนนี้ ข้าจะไม่ไปต่อแล้ว ดังนั้นพวกเจ้าก็ไม่ต้องปกป้องแล้ว”ปาเป่าที่ปกติเป็นคนอารมณ์ดี และนับถือชีหยวนเป็นอย่างมากมาโดยตลอดเพราะไม่ว่าจะเป็นความกล้าหาญ สติปัญญา หรือวิธีการทำงาน คุณหนูใหญ่ชีต่างจากหญิงสาวทั่วไปโดยสิ้นเชิงแต่คราวนี้ เขาเองก็อดไม่ได้ที่จะมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา “คุณหนูใหญ่ชี นี่ท่านกำลังล้อพวกข้าเล่นอยู่หรือ?”คนจำนวนมากที่เดินทางมาพร้อมชีหยวน เตรียมพร้อมที่จะคุ้มกันนางไปตลอดเส้นทางสู่ฝูเจี้ยนแต่ตอนนี้ หลังจากที่ชีหยวนตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางอย่างกะทันหันโดยไร้เหตุผล กลับบอกให้พวกเขาเดินทางต่อไปเอง ส่วนนางจะไม่ไปแล้วนี่มันเรื่องอะไรกัน?ในขณะที่พวกเขากำลังโกรธ ชีหยวนกลับมีท่าทีที่ผ่อนคลายจนแปลกจากปกตินางบอกให้พวกเขาใจเย็นลง รอจนพวกเขาทั้งสองคนสงบสติอารมณ์ได้ จึงพูดขึ้นเบา ๆ “ข้าไม่ได้ล้อพวกเจ้าเล่น แต่การที่ข้าสั่งเปลี่ยนเส้นทางเองนั้น เพราะข้าต้องการหลอกล่ออ๋องฉีให้มาที่นี่”อ๋องฉี...ปาเป่ากับลิ่วจินสบตาก
“ไม่อย่างนั้นเล่า?” ลิ่วจินหรี่ตามอง กัดฟันแน่นแล้วตัดสินใจแน่วแน่ “นางไม่ให้ความร่วมมือ เจ้าจะทำอะไรได้? จะให้มัดนางไว้ก็ทำไม่ได้ ทำได้แค่ช่วยนางถ่วงเวลาอ๋องฉีไปก่อน ไปกันได้แล้ว!”เสียงลมพัดผ่านหูอย่างรุนแรง ชีหยวนโน้มตัวลงต่ำแนบไปกับหลังม้า ควบม้าลัดเลาะไปตามเส้นทางเล็ก ๆ อย่างรวดเร็วในขณะเดียวกัน บนเส้นทางหลวง กลุ่มคนอีกกลุ่มก็กำลังเร่งควบม้าพุ่งไปในทิศทางที่นางจากมาทั้งสองกลุ่มถูกคั่นด้วยภูเขาลูกหนึ่ง ระยะห่างระหว่างพวกเขาก็ยิ่งห่างออกไปเรื่อย ๆลมพัดรุนแรง ไม่นานนักหลิ่วจิงหงที่อยู่บนหลังม้ารู้สึกว่ามือและเท้ากำลังจะถูกแช่แข็ง ทนไม่ไหวต้องสั่งให้ขบวนหยุดพักทันทีที่เขาหยุด ผู้ดูแลที่อยู่ข้าง ๆ ก็รีบส่งถุงน้ำมา ให้เขาดื่มน้ำอุ่นหนึ่งอึกสีหน้าของหลิ่วจิงหงซีดเผือด เขายื่นมือไปลูบใบหน้ากับหูที่เหมือนถูกแช่แข็งของตน ก่อนจะย่ำเท้าอยู่กับที่แล้วเอ่ยถาม “ยังอีกไกลแค่ไหนกว่าจะถึงศาลาพักม้าจุดถัดไป?”คนรับใช้รีบตอบกลับว่า “ท่านผู้สืบทอด อย่างน้อยต้องถึงเวลาค่ำจึงจะไปถึงศาลาพักม้าถัดไปขอรับ”การเดินทางในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ช่างเป็นความทรมาน หลิ่วจิงหงอดไม่ได้ที่จะหรี่ตาลงเล็
โรงเตี๊ยมในตัวตำบลแห่งนี้สะอาดเรียบร้อยดี เนื่องจากอยู่ในเขตแดนจงหยวน อีกทั้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมาฝนตกต้องตามฤดูกาล เหล่าชาวบ้านที่นี่ล้วนอยู่ดีกินดี จึงทำให้โรงเตี๊ยมมีผู้คนเดินเข้าออกไม่ขาดสายชีหยวนนั่งอยู่ในห้อง ฟังหัวหน้าผู้คุ้มกันพูดหัวหน้าผู้คุ้มกันมองเด็กสาวตรงหน้าด้วยสายตาซับซ้อน “คุณหนูใหญ่ พวกเราใช้คนจากสองสาขา ทั้งเหอหนานและเหอเป่ย รวมทั้งหมดสามสิบหกคน เพื่อปกป้องคุณหนูเพียงคนเดียว...”ในใจเขาครุ่นคิดถึงตัวตนของชีหยวนแม้ว่าสภาพบ้านเมืองในตอนนี้จะสงบสุขพอสมควร แต่เด็กสาวคนหนึ่งที่เดินทางเพียงลำพัง กลับจ้างผู้คุ้มกันจำนวนมาก อีกทั้งยังจ่ายเงินอย่างใจกว้าง นางดูเหมือนไม่กังวลเลยว่าจะมีใครมุ่งร้ายต่อนางชีหยวนส่งเสียงอืมในลำคอ แล้วเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยอย่างไม่ใส่ใจ “สามสิบหกคน รวมกับสาวใช้ที่พวกเจ้าช่วยข้าหามาให้ข้า ทั้งหมดเป็นเงินเท่าไร?”หัวหน้าผู้คุ้มกันอ้ำอึ้ง ก่อนจะประเมินในใจอีกครั้งอย่างเงียบ ๆ แล้วจึงตอบว่า “การคุ้มกันท่านตลอดเส้นทางนี้ จะอย่างไรก็ต้องใช้เงินไม่น้อยกว่าห้าพันตำลึงเงิน”ห้าพันตำลึงเงิน หากหักต้นทุนออกแล้ว สำนักคุ้มกันของพวกเขายังสามารถทำกำไรได้ถึ
นางพูดพร้อมยื่นตั๋วเงินส่งให้หวงเหวินจวิ้น “คำพูดของข้า ผู้คุมกันหวงเข้าใจหรือยัง?”ตอนนี้ยังพูดว่าไม่เข้าใจได้อีกหรือ?ผู้คุมกันหวงรับตั๋วเงินไป เตรียมจะเอ่ยคำพูดด้วยความหนักใจแต่ชีหยวนพูดขึ้นก่อน “เงินนี่เป็นค่าตอบแทนที่พวกเจ้าทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อย หลังจากจบงาน ข้าจะให้พวกเจ้าเพิ่มอีกหนึ่งพันตำลึง ให้พวกเจ้าแบ่งกันเอง ผู้คุมกันหวง คราวนี้เจ้ายังมีปัญหาอะไรอีกหรือไม่?”หวงเหวินจวิ้นดีใจจนเนื้อเต้น ส่ายหัวโดยไม่รู้ตัวชีหยวนพึงพอใจอย่างมาก โบกมือไล่เขาออกไปผู้คุ้มกันหวงก้าวออกมา ลบสีหน้ายินดีจากการได้ฟันกำไรจากลูกค้าผู้ร่ำรวย เขาตวาดใส่กลุ่มผู้คุ้มกันผู้เกียจคร้านที่กำลังเตรียมตัวตั้งวงพนัน “พวกเจ้าตั้งสติให้ดี! ห้ามเล่นพนัน ห้ามกินเหล้า!”ผู้คุมกันหวงที่จู่ ๆ ก็เปลี่ยนท่าทีทำให้พวกผู้คุ้มกันพากันงุนงง “หัวหน้า ก็แค่เด็กสาวคนหนึ่งจะไปหาคนรัก จำเป็นต้องทำเรื่องใหญ่โตขนาดนี้เลยหรือ?”มันก็ไม่ใช่การคุ้มกันที่ยากลำบากอะไร ไฉนถึงต้องทำเหมือนเป็นคนสำคัญใหญ่โตขนาดนี้?ถึงขั้นห้ามเล่นพนัน ห้ามกินเหล้า?สีหน้าของหวงเหวินจวิ้นเข้มขึ้นทันที ก่อนจะเตะอีกฝ่ายเข้าอย่างแรง มองไปรอบ ๆ พวก
ในห้องเงียบสงัด แสงเทียนพลิ้วไหวสะท้อนเงาบนใบหน้าของหลิ่วจิงหง กระจ่างชัดสลับกับมืดสลัวคนสนิทเอ่ยเสียงเบาว่า “ยังไร้วี่แววข่าวคราว ทว่า...”หลิ่วจิงหงเอ่ยถามเสียงขรึม “ทว่าอันใด?”“ทว่าก่อนหน้านี้ตอนอยู่บนหลังคา ข้าน้อยได้ยินคุณหนูใหญ่ชีเอ่ยว่านางทำของสำคัญหายไป” คนสนิทลดเสียงเบากว่าเดิม “คล้ายว่าของนั้นจะตกไปอยู่ในมือของท่านอ๋อง”หลิ่วจิงหงใจสะท้านวูบตกอยู่ในมือของอ๋องฉี ของที่สำคัญมากเช่นนั้นหรือ?หรือว่าจะเกี่ยวกับเบาะแสของพระชายาหลิ่ว?หรืออาจเป็นสิ่งที่นำพาไปสู่ร่องรอยของพระชายาหลิ่วได้?หากเป็นเช่นนั้นจริง...หลิ่วจิงหงข่มกลั้นความพลุ่งพล่านในใจ หรี่ตาลงเล็กน้อย “จับตาดูชีหยวนต่อไป อย่าให้คลาดสายตาแม้แต่น้อย! อีกทั้ง จงเพิ่มคนสืบหาความเคลื่อนไหวของท่านอ๋อง!”เขาผ่อนลมหายใจเยียบเย็น “แม้แต่สวรรค์ยังช่วยข้า!”คนสนิทรีบรับคำทันทีเจ็ดแปดวันนี้ที่สะกดรอยตาม พวกเขาก็พบว่าชีหยวนกำลังร้อนใจส่งคนออกไปตามหาของบางอย่างตลอดทางทว่าตลอดเส้นทางกลับไม่พบร่องรอยของอ๋องฉีแม้แต่น้อยเป็นที่แน่ชัดว่า อ๋องฉีไม่ได้เดินทางร่วมไปกับชีหยวนเช่นนั้นแล้ว...ในที่สุดหลิ่วจิงหงจึงมั่นใจว่
ทุกคืนก่อนนอนนางรู้สึกหวาดกลัวยิ่งนัก กลัวว่าตื่นมาจะพบว่าทุกอย่างเป็นเพียงแค่ความฝันชีหยวนยิ้มเล็กน้อยกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่จู่ ๆ นางลุกพรวดขึ้น เดินก้าวยาว ๆ ไปทางรถม้าผู้คุ้มกันหวงที่กำลังดูแลการตั้งค่ายพักอยู่ เห็นท่าทีของนางก็รีบตามไป “มีอะไรหรือ?”ชีหยวนคว้าคบเพลิงจากคนข้าง ๆ แล้วส่องไปที่ตัวรถม้าอย่างรวดเร็วในตอนนั้นเอง เลือดหยดลงมาจากใต้รถม้าไม่หยุดหลีฮวากรีดร้องออกมาผู้คุ้มกันหวงก็มีสีหน้าตื่นตระหนกเช่นกัน รีบถอดแผ่นไม้ใต้ท้องรถออก แล้วพบว่าด้านใต้มีสุนัขสีดำที่ตายแล้วถูกใครบางคนซ่อนเอาไว้ ยามนี้ใต้ท้องรถมีเลือดหยดออกมาเรื่อย ๆเขาเปลี่ยนสีหน้าทันทีชีหยวนหลับตาลงครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าฟ้าเริ่มมืดสนิท นางพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “สั่งให้คนมารวมตัวกัน จุดคบเพลิง เร็ว! ต้องเร็ว!”ผู้คุ้มกันหวงเริ่มเสียขวัญ “คุณหนูใหญ่...”“พวกเจ้าทำงานคุ้มกัน เดินทางขึ้นเหนือล่องใต้ ไม่รู้หรือว่านี่เป็นฤดูอะไร?” ชีหยวนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฤดูหนาวหมาป่าจะรวมฝูง ฤดูใบไม้ผลิถึงจะแยกกัน ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงกลางฤดูหนาว หมาป่าไม่มีเหยื่อ ก็ย่อมโจมตีมนุษย์เป็นธรรมดา ยิ่งไปกว่านั้น พ
หวงเหวินจวิ้นที่เดิมคิดว่าชีหยวนต้องตายแน่ ๆ และถึงกับวางแผนเรื่องงานศพของนางไว้แล้ว ดวงตาพลันเบิกกว้างเขามองผิดไปหรือไม่?เมื่อครู่นี้คนที่ฆ่าหมาป่าตัวนั้นคือคุณหนูผู้นี้หรือ?คุณหนูผู้นี้มีฝีมือดีถึงขนาดนี้ แล้วนางยังต้องจ้างผู้คุ้มกันไปทำไมอีก?!ฝูงหมาป่าไม่ได้หยุดการโจมตีเพียงเพราะเสียหมาป่าตัวหนึ่ง ตรงกันข้าม พวกมันกลับยิ่งบ้าคลั่งขึ้นเพราะการสูญเสียเพื่อนร่วมฝูงผู้คุ้มกันได้รับบาดเจ็บอย่างต่อเนื่อง หลายคนเริ่มหมดแรงและล้มลงหวงเหวินจวิ้นฟันจนคมดาบแทบจะบิ่น เขาเริ่มเหนื่อยล้าและตะโกนไปทางชีหยวน “คุณหนูใหญ่ เป็นแบบนี้ต่อไปคงไม่ดีแน่ ดูเหมือนหมาป่าใกล้ ๆ จะมาหมดทั้งฝูง ฆ่าอย่างไรก็ฆ่าไม่หมด!”หมาป่าเป็นสัตว์ที่จัดการได้ยากมาก มันต่างจากสัตว์ทั่วไป ตรงที่มีสมองที่ชาญฉลาดและมีความรู้สึกผูกพันกันในฝูง มันมักจะเคลื่อนไหวเป็นกลุ่ม และยังดูแลหมาป่าที่อ่อนแอหรือแก่ชราในฝูงด้วยนอกจากนี้ หมาป่ายังมีความอาฆาตแค้นสูงมากตอนนี้ชีหยวนฆ่าหมาป่าในฝูงไปตัวหนึ่ง ต่อจากนี้พวกมันคงตามรังควานตลอดเส้นทางเป็นแน่ระหว่างที่พูดกันอยู่ ชีหยวนก็พุ่งตัวออกไป ถึงจุดที่มีการจุดกองไฟไว้ก่อนหน้านี้ น
ให้ตายเถอะ ไปมีเรื่องกับนางไม่ได้จริง ๆระหว่างทางที่มาในเมื่อครู่นี้ เขาได้เจอกับพ่อบ้านของตระกูลชีแล้ว พ่อบ้านของตระกูลชีถึงกับตกตะลึงไปแล้ว แต่ก็ยังยืนยันว่าคุณหนูใหญ่ของพวกเขาตกใจกลัวอย่างมาก เหล่านักฆ่าพวกนั้นล้วนเป็นองครักษ์ของตระกูลชีที่สังหารไปเองคำพูดพรรค์นี้ ก็คงมีแค่เจ้าเมืองทงโจวเท่านั้นที่เชื่อหลอกผีอยู่รึไงชีหยวนน่ะหรือจะตกใจกลัว?!นางอาจจะทำให้พญายมตกใจกลางดึกได้ แต่ไม่มีทางที่จะถูกนักฆ่าแค่ไม่กี่คนทำให้ตกใจกลัว!ดูจากตอนนี้แล้ว ก็จริงอย่างที่คิดเลยเซียวอวิ๋นถิงจนกระทั่งเห็นนางนั่งอยู่บนขั้นบันไดอย่างปลอดภัย เท้าของนางเหยียบอยู่บนอกของชายคน ถึงได้ถอนหายใจออกมาช้า ๆ เดินเข้าไปใกล้อีกนิด มองชายคนนั้นแวบหนึ่งแล้วถามชีหยวนว่า “เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”“ไม่เป็นไร อยู่ดีมาก” ชีหยวนไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้น ยังคงจ้องชายคนนั้นต่อไป “ข้าแนะนำให้เจ้าพูดให้เร็วหน่อย ข้าเป็นคนไม่มีความอดทนมากนัก ถ้าคำตอบของเจ้าไม่ถูกใจข้า หรือบิดเบือนความจริง ข้าก็รีบจะถลกหนังเจ้าไปทำกลองหนังมนุษย์เสีย ส่วนพวกพ้องของเจ้าข้าง ๆ ข้าก็จะเอาพวกเขาทำเป็นโคมไฟหนังมนุษย์ ส่งไปให้เจ้านายของเจ้าด้วย
ครอบครัวทหารของตระกูลชี?ชีหยวนเพียงแค่เงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะยิ้มพลางยกดาบขึ้นฟันลง ฟันนิ้วของชายคนนั้นขาดไปหนึ่งนิ้วชายคนนั้นส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นทันที“คิดว่าข้าเป็นเด็กสามขวบหรือไง?” ชีหยวนหัวเราะเยาะเสียงเย็นชา “จี้โจวอยู่ไกลจากที่นี่แค่ไหน? ข้าไม่สนหรอกว่าพวกเจ้าจะเป็นครอบครัวทหารของตระกูลชีจริงหรือไม่ ข้าถามแค่ว่า ในเมื่อเป็นคนของตระกูลชี ไฉนถึงรู้ความเคลื่อนไหวของข้าล่วงหน้า มาดักฆ่าข้ากลางทาง แล้วยังจงใจบุกมาฆ่าคนในบ้านพักชนบทนี้อีกด้วย?”อย่าบอกว่าท่านโหวผู้เฒ่าชีกับชีเจิ้นบ้าคลั่งจนเสียสติไปแล้วหากพวกเขาคลุ้มคลั่งขนาดนั้น ตระกูลชีก็คงล่มสลายไปนานแล้วส่วนคนที่เหลือ สมาชิกบ้านรองและบ้านสามของจระกูลชีต่างประพฤติตัวดี เพราะท่านโหวผู้เฒ่าชีเป็นผู้ชัดเจนมาโดยตลอด บรรดาศักดิ์เป็นของบ้านหลัก ทรัพย์สมบัติเมื่อถึงเวลาก็แบ่งกันอย่างยุติธรรมมีแต่คนเสียสติถึงสร้างปัญหากับบ้านหลักอีกอย่างถ้าต่อกรกับบ้านหลักจริง เช่นนั้นก็น่าจะไปฆ่าชีเจิ้นหรือชีอวิ๋นจื่อสิ ฆ่านางไปจะมีประโยชน์อะไร?ชีหยวนพลิกกริชในมือเล่น กริชหมุนลื่นในมือนางไหลราวกับมันมีชีวิต หมุนพลิกตามการควบคุมข
นางคิดไว้แล้วว่าจะให้พวกเขาตายอย่างไร แต่นางไม่คิดว่า พวกเขาจะใจร้อนเยี่ยงนี้! อีกทั้ง ดักซุ่มโจมตีนางกลางทางก่อน ขณะเดียวกันก็บุกเข้ามาฆ่าคนในบ้านพักชนบท ขณะที่นางฆ่าฟันศัตรู นางก็ยังมีเวลาคิดไปด้วยว่า เจ้าขันทีสุนัขนั่นคิดจะทำอะไรกันแน่?! ฆ่าเพื่อระบายความแค้นแค่นั้น? ไม่สิ พวกขันทีจิตวิปริตทั้งนั้น ยิ่งเป็นตัวประหลาดที่ควบคุมกององครักษ์เสื้อแพรได้แบบเขา จะต้องวิปริตยิ่งกว่าคนธรรมดา มันไม่มีทางแค่ต้องการทำลายบ้านพักชนบทของนางกับฆ่าคนของนาง เพื่อสั่งสอนนางเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นั้น บ้านพักชนบทผืนนี้……เป็นบ้านพักชนบทของตระกูลชี องครักษ์นายหนึ่งกระโดดลงมาจากหลังคา พุ่งกระโจนเข้าใส่ชีหยวน ชีหยวนยกมือขึ้นปล่อยเกาทัณฑ์แขนเสื้อโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย หลังจากยิงคนร่วงลงพื้นแล้ว นางก้าวเข้าไปเหยียบบนแผลเขา ย่อตัวนั่งลง ถามเสียงเย็นชา “พวกเจ้าเป็นใคร?” เจ้าขันทีสุนัขกล้าส่งคนมาฆ่าคนในขึ้นวันปีใหม่อย่างเปิดเผยแบบนี้ เช่นนั้นไม่มีทางทิ้งหลักฐานแน่นอน คนพวกนี้ไม่มีทางเกี่ยวข้องโยงใยถึงเจ้าขันทีสุนัขนั่นได้แน่ เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ จวนโหวไม่มีทางไม่แจ้งทางการ เจ้าขันทีสุนัข
จะตามทันได้อย่างไรกันเล่า?! คุณหนูใส่กระโปรง แต่คุณหนูใหญ่กลับขี่ม้าแบบนั่งหันข้างได้! หลายปีแล้วที่ไม่เห็นใครขี่ม้าเยี่ยงนี้ นางดูเหมือนเติบโตมาพร้อมกับหลังม้ายังไงยังงั้น พูดแบบไม่เกรงใจเลยนะ พวกเขาก็ติดตามรับใช้ท่านโหวกับท่านโหวผู้เฒ่ามาหลายปี แต่ทักษะการขี่ม้าของท่านโหวกับท่านโหวผู้เฒ่ายังไม่ดีถึงขั้นนี้เลย คุณหนูไปฝึกทักษะการขี่ม้าขั้นเทพเช่นนี้มาจากไหนกันแน่? ความเร็วของชีหยวนนั้นรวดเร็ว แทบจะไปถึงบ้านพักชนบทด้วยความเร็วปานลมกรดและสายฟ้าแลบ บ้านพักชนบทผืนนี้ไม่ใช่ของนาง แต่เป็นของตระกูลชีที่มอบให้นาง เพื่อเป็นการชดเชยให้กับนาง เดิมทีนางอยากจะทำให้มันเป็นบ้านของตัวเอง ตอนนี้บ้านหลังนี้ถูกทำลายไปแล้ว บนประตูหน้าบ้านยังคงติดยันต์เทพผู้พิทักษ์ประตูที่สลักจากไม้ท้อ โคมแดงสองดวงแขวนอยู่ตรงระเบียง หน้าเรือนยังมีเศษกระดาษสีแดงจากการจุดประทัด กระทั่งยังได้กลิ่นดินปืนจาง ๆ ที่โชยมา แต่ตอนนี้ประตูใหญ่เปิดอ้ากว้าง เสียงกรีดร้องโหยหวนดังออกมาจากด้านใน วันขึ้นปีใหม่ ตามธรรมเนียมทางชนบท ชาวนาที่เช่านาทำมักจะมาอวยพรเจ้าของที่ดินในวันขึ้นปีใหม่ ต่อให้เจ้าของที่ดินไม่อยู่ ไปคาร
ไม่ใช่มารีดไถเงิน ที่แท้คือมาฆ่านาง!วันปีใหม่แท้ ๆ ช่างรีบร้อนเสียจริงอ๋องฉีกับผู่อู๋ย่งผู้นั้น ต้องมีคนใดคนหนึ่งเกี่ยวข้องแน่ในขณะที่นางเพิ่งแตะพื้น ก็มีจอบฟาดลงมาตรงหน้านาง ความเร็วนั่น ทำเอาผู้คนตกใจจนแทบหยุดหายใจ นี่เหมือนชาวบ้านธรรมดาที่ดูซื่อ ๆ ที่ไหนกัน? นี่คือองครักษ์ฝีมือดีที่ถูกฝึกมาอย่างดีหลิวจงเห็นภาพนั้นก็ตกตะลึงจนตัวแข็ง เขารู้อยู่แล้ว เขารู้อยู่แล้วว่าตามคุณหนูใหญ่ออกมาข้างนอกไม่มีวันเป็นเรื่องดีได้ สวรรค์ นี่ยังไม่ทันถึงบ้านพักชนบทเลย!คนเหล่านี้เป็นใครกันแน่!ไม่สนใจว่าเป็นใครแล้ว เขาร้องตะโกนสุดเสียงกับองรักษ์ “อย่าห่วงข้า อย่าห่วงข้า ช่วยคุณหนูใหญ่ ช่วยคุณหนูใหญ่ก่อน!”ถ้าคุณหนูใหญ่เป็นอะไรไป เขากลับไปก็คงถูกท่านโหวกับท่านโหวผู้เฒ่าหั่นเป็นชิ้นอยู่ดี!แต่ดูเหมือนความกังวลของเขาจะเกินจำเป็นไปหน่อยเพราะชีหยวนที่ลงพื้นก็รับจอบได้อย่างพอดิบพอดี ใช้แรงเหวี่ยงตัวกระโดดขึ้นไปกลางอากาศ นั่งคร่อมคอชายท่าทางซื่อ ๆ คนนั้น จากนั้นใช้ขาบิดรัดคอเขาอย่างแรง จนคอของเขาหักเอียงไปข้างหนึ่ง……เสียงกรีดร้องของหลิวจงขาดหายไปทันทีสวรรค์!เขาประเมินคุณหนูใหญ่ต่ำเก
วันขึ้นปีใหม่ ทั่วทั้งเมืองต่างพากันจุดประทัดและดอกไม้ไฟเสียงประทัดดังสนั่นทำให้ชีหยวนนอนไม่หลับ นางตื่นแต่เช้าตรู่แม้ว่าโดยปกติแล้ว นางไม่จำเป็นต้องไปคำนับผู้ใหญ่ตอนเช้าและเย็น แต่เพราะวันนี้เป็นวันปีใหม่ อีกทั้งนางก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนในตระกูลชี ดังนั้นนางจึงไปคารวะฮูหยินผู้เฒ่าชีที่เรือนเมื่อเห็นนางมา ฮูหยินผู้เฒ่าชีก็ดีใจเสียจนไม่รู้จะทำเช่นไรดีทั้งยังรู้สึกโชคดีในใจ ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์นั้นต้องค่อย ๆ สร้างขึ้นจริง ๆดังนั้นเมื่อชีหยวนบอกว่าอยากไปที่บ้านพักชนบทของตระกูล ฮูหยินผู้เฒ่าชีก็ไม่รู้สึกว่าแปลกแต่อย่างใดเดิมทีชีหยวนก็แตกต่างจากคุณหนูตระกูลใหญ่ทั่วไปอยู่แล้ว นางจึงไม่ใช้ข้อบังคับแบบเดียวกันกับชีหยวนนางไม่เพียงแต่อนุญาตโดยไม่ลังเล อีกยังเตรียมข้าวของให้นางมากมาย พร้อมกับกล่าวยิ้ม ๆ ว่า “ถ้าเจ้าชอบเด็กสาวสองคนที่นั่นจริง ๆ ก็พาพวกนางกลับมาก็ย่อมได้”ชีหยวนปฏิเสธเสียงแข็งทันทีบางทีสำหรับหลีฮวาและชิงเถา นี่อาจเป็นทางออกที่ดีแต่ในเมื่อมีวาสนาพบเจอกันแล้ว นางก็ไม่อยากให้พวกนางต้องเป็นทาสรับใช้ใคร มีชีวิตที่ไร้อิสระ มิเช่นนั้นคงไม่ให้พวกนางอ่านเขียนตั้งแต
ผู่อู๋ย่งจึงหันมามองเขาอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก “เจ้าเป็นหลานของขันทีสวี”ขันทีน้อยยิ้มพลางตอบรับผู่อู๋ย่งพยักหน้าเบา ๆ “เมื่อองค์หญิงเสด็จไปแล้ว เจ้าก็มาติดตามข้า ดีหรือไม่?”คำพูดมีเหตุมีผล ถ่ายทอดสารได้ชัดถ้อยชัดคำ ดูท่าแล้วน่าจะเคยเรียนหนังสือมาก่อน เป็นต้นกล้าดีที่สามารถเก็บไว้ฝึกฝนข้างกายได้จะปล่อยให้พวกโจรสลัดตงอิ๋งได้ไปง่าย ๆ ทำไมกัน?เสี่ยวสวีจื่อ รีบคุกเข่าลงโขกศีรษะทันที “ขอบพระคุณปู่บุญธรรมที่เมตตา ข้าน้อยจะฟังแต่บัญชาขององค์หญิงและคำสั่งของท่านเท่านั้นขอรับ!”ผู่อู๋ย่งคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม สุดท้ายก็ตัดสินใจมุ่งหน้าไปยังตำหนักขององค์หญิงเป่าหรงแต่ก่อนยามพบองค์หญิงผู้นี้ นางมักทรงภูษาล้ำค่า ระยิบระยับด้วยไข่มุกและอัญมณี งามสง่าเกินผู้ใดทว่ายามนี้ นางเพียงปล่อยผมหลุดลุ่ย ไม่ได้แต่งองค์ทรงเครื่อง เมื่อเห็นเขาเข้ามา ก็ไม่แม้แต่จะเผยแววอารมณ์ใดมากนักกลับทำให้ผู่อู๋ย่งมององค์หญิงผู้นี้ใหม่อีกครั้ง “องค์หญิงไม่กลัวหรือ?”“กลัวแล้วมีประโยชน์ใด?” องค์หญิงเป่าหรงลุกขึ้นจากพื้นด้วยสีหน้ารำคาญ แล้วหันมาจ้องผู่อู๋ย่ง “ไม่ต้องพูดพร่ำให้มากความ ทั้งข้าและจวนกั๋วกงต้องตกต่ำถ
ผู่อู๋ย่งยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ย่อมมีผู้ใต้บังคับบัญชาไปสืบเรื่องราวในอดีตของชีหยวนปีใหม่นี้ช่างทำให้ผู้คนรู้สึกอึดอัดนักปีก่อนๆ เขาเคยได้ติดตามไปไหว้บรรพชนที่ศาลบูรพกษัตริย์ เป็นผู้ถวายธูปและส่งธูปให้ฮ่องเต้หย่งชาง แต่ปีนี้กลับกลายเป็นขันทีเซี่ยก็ช่างเถิด พอฮ่องเต้หย่งชางเสด็จกลับวัง เรียกขุนนางใหญ่ของสำนักขุนนางหลวงเข้าเฝ้า แต่ก็ยังไม่ได้เรียกเขาไปด้วยนี่ต่างหากที่เป็นเรื่องใหญ่!ผู่อู๋ย่งหรี่ตาลงเล็กน้อย เขาย่อมรู้ดีว่าเหตุใดตนจึงถูกฮ่องเต้หย่งชางเมินเฉยเช่นนี้เมื่อก่อนเขามีความสัมพันธ์อันดีกับจวนฉู่กั๋วกง เมื่อครั้งเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยได้รับความโปรดปราน เขาก็เคยเอ่ยวาจาช่วยเหลืออยู่บ่อยครั้งเมื่อครั้งที่ฮ่องเต้โปรดปรานทั้งเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยและจวนฉู่กั๋วกง เรื่องนี้ได้นำพาผลประโยชน์มาให้เขาไม่น้อยแต่บัดนี้ สิ่งเหล่านั้นกลับกลายเป็นมลทินของตัวเขาผู่อู๋ย่งสีหน้ามืดหม่น สวมผ้าคลุมเดินไปตามเส้นทางยาวเหยียดกำลังจะกลับเรือนพักของตน ก็เห็นขันทีน้อยผู้หนึ่งก้มหน้าก้มตารอเขาอยู่ที่หัวมุมอย่างนอบน้อม เขาอดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วขันทีน้อยพอเห็นเขาก็รีบคุกเข่าลงกับพื้น กล่าวด้วยเสียงประ
สำหรับนางแล้ว ปีนี้คือปีแห่งการเกิดใหม่ สองขาแข็งแรงดียังไม่ถูกตัดทิ้ง เป็นปีที่มิได้ถูกชีจิ่นกับชีอวิ๋นถิงดูแคลนเป็นจุดจบที่สวยงาม และการเริ่มต้นที่งดงามนางจะมีชีวิตที่ดีกว่าเดิมเหลียนเฉียวรับเงินไปด้วยน้ำตาคลอเบ้า ทันใดนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าแล้วอุทานว่า “คุณหนู นั่นคืออะไรเจ้าคะ!”ชีหยวนอุ้มอาหวงเงยหน้ามอง เห็นโคมลอยดวงหนึ่งลอยละลิ่วลงมาตรงกับศีรษะนางพอดีนางขมวดคิ้วทันที ระแวงโดยสัญชาตญาณว่าในนั้นอาจมีผงยาไม่เช่นนั้น เหตุใดจึงลอยมาตกในเรือนของนางพอดิบพอดีถึงเพียงนี้?นางรีบสั่งให้ทุกคนแยกตัวออกห่างใครจะรู้ว่าโคมลอยนั้นแค่ลอยละล่องแล้วร่วงลงมา ไป๋จื่อร้องอุทาน หยิบพู่หยกที่เปล่งประกายเรืองรองชิ้นหนึ่งจากในโคมขึ้นมา “คุณหนู นี่คือเครื่องรางของอารามไป๋อวิ๋นไม่ใช่หรือเจ้าคะ?!”ในเหมืองแร่บนเขาไป๋อวิ๋นมีหยกเรืองแสงเช่นนี้ แต่ได้ยินว่าขุดได้ยากนัก ดังนั้นแล้ว ทุกปีที่มีผู้คนไปขอเครื่องรางในช่วงปีใหม่ น้อยคนนักที่จะขอได้เหตุใดจึงมาปรากฏอยู่ในโคมลอยเล่า?ชีหยวนหลุบตาลง เอ่ยเสียงขรึมกับไป๋จื่อว่า “เก็บใส่กล่องไว้เถิด”เมื่ออ๋องฉีกลับถึงจวนอ๋องแล้ว มองเห็นโคมไฟแขวนอยู่เ