หวงเหวินจวิ้นที่เดิมคิดว่าชีหยวนต้องตายแน่ ๆ และถึงกับวางแผนเรื่องงานศพของนางไว้แล้ว ดวงตาพลันเบิกกว้างเขามองผิดไปหรือไม่?เมื่อครู่นี้คนที่ฆ่าหมาป่าตัวนั้นคือคุณหนูผู้นี้หรือ?คุณหนูผู้นี้มีฝีมือดีถึงขนาดนี้ แล้วนางยังต้องจ้างผู้คุ้มกันไปทำไมอีก?!ฝูงหมาป่าไม่ได้หยุดการโจมตีเพียงเพราะเสียหมาป่าตัวหนึ่ง ตรงกันข้าม พวกมันกลับยิ่งบ้าคลั่งขึ้นเพราะการสูญเสียเพื่อนร่วมฝูงผู้คุ้มกันได้รับบาดเจ็บอย่างต่อเนื่อง หลายคนเริ่มหมดแรงและล้มลงหวงเหวินจวิ้นฟันจนคมดาบแทบจะบิ่น เขาเริ่มเหนื่อยล้าและตะโกนไปทางชีหยวน “คุณหนูใหญ่ เป็นแบบนี้ต่อไปคงไม่ดีแน่ ดูเหมือนหมาป่าใกล้ ๆ จะมาหมดทั้งฝูง ฆ่าอย่างไรก็ฆ่าไม่หมด!”หมาป่าเป็นสัตว์ที่จัดการได้ยากมาก มันต่างจากสัตว์ทั่วไป ตรงที่มีสมองที่ชาญฉลาดและมีความรู้สึกผูกพันกันในฝูง มันมักจะเคลื่อนไหวเป็นกลุ่ม และยังดูแลหมาป่าที่อ่อนแอหรือแก่ชราในฝูงด้วยนอกจากนี้ หมาป่ายังมีความอาฆาตแค้นสูงมากตอนนี้ชีหยวนฆ่าหมาป่าในฝูงไปตัวหนึ่ง ต่อจากนี้พวกมันคงตามรังควานตลอดเส้นทางเป็นแน่ระหว่างที่พูดกันอยู่ ชีหยวนก็พุ่งตัวออกไป ถึงจุดที่มีการจุดกองไฟไว้ก่อนหน้านี้ น
รู้อย่างนี้แต่แรก คงไม่รับงานร้อนลวกมือเช่นนี้มาเพราะหาเงินได้มาก็ต้องมีชีวิตรอดไปใช้เงินด้วยสิ ไม่รู้จริง ๆ ว่าคุณหนูใหญ่ผู้นี้เป็นใครกันแน่ทว่าชีหยวนไม่ได้สนใจว่าพวกเขาคิดสิ่งใด นางเพียงเรียกหลีฮวาเข้ามาในกระโจม แล้วกำชับอย่างจริงจัง “อีกประเดี๋ยวหากเกิดการต่อสู้ขึ้น ข้าคงดูแลเจ้าไม่ได้ เจ้าจำไว้ให้ดี จงอยู่ในกระโจมพัก อย่าออกไปไหน”หลีฮวาตกใจจนใบหน้าซีดเผือด นางจับแขนเสื้อของชีหยวนไว้แน่นอย่างอาลัยอาวรณ์ “คุณหนูใหญ่ อย่าทอดทิ้งข้านะเจ้าคะ ข้าจะเชื่อฟังทุกอย่าง ข้ากินไม่เปลือง...”ตอนนางอยู่ที่บ้าน บิดาของนางเคยตำหนินางว่ากินมากไป ด่าว่านางเป็นแมลงกินข้าวสารดังนั้นนางจึงไม่กล้ากินมากอีกเลย กลัวว่าหากกินมากเกินไปจะถูกทอดทิ้งอีกครั้งคำพูดนี้ช่างใสซื่อและโง่เขลาจนน่าขัน แต่ชีหยวนไม่ได้หัวเราะนางลูบศีรษะหลีฮวา เอ่ยปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “อย่ากลัวเลย เจ้าจงอยู่ในค่ายพัก อย่าเดินไปไหน อย่าให้ผู้ใดสังเกตเห็น เมื่อทุกอย่างสิ้นสุดลง ข้าจะพาเจ้าไปเอง เจ้าอยากกินเท่าไรก็กินเถิด ข้าเลี้ยงไหว”หลีฮวาไม่คาดคิดว่าชีหยวนจะพูดเช่นนี้ นางเม้มปากแน่น รู้สึกอยากร้องไห้ขึ้นมานางพยายามกลั้
อะไรจะมา?หวงเหวินจวิ้นมองชีหยวนด้วยความสงสัยและหวาดระแวง จากนั้นจึงได้ยินเสียงนางกล่าวเสียงเรียบ “ข้าจะสังหารหมาป่าจ่าฝูง มันตายเมื่อใด ฝูงหมาป่าย่อมแตกกระเจิง เมื่อนั้นพวกเจ้าหาวิธีต้อนพวกมันไปทางกลุ่มคนนั้น เข้าใจหรือไม่?”เวลานี้หวงเหวินจวิ้นฟังคำของคุณหนูใหญ่ผู้นี้แล้วไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อยยามเป็นตายเช่นนี้ ไหนเลยจะมาสนใจเรื่องไมตรีจิตเขากระแทกเสียงถามอย่างไม่ไว้หน้า “คุณหนูใหญ่ ท่านต้องพูดให้ชัดเจน! พวกเรามาเป็นผู้คุ้มกันเพื่อปกป้องท่าน ไม่ใช่มาสังเวยชีวิต! ตกลงท่านคิดจะทำอะไรกันแน่?!”ฟังจากคำพูดของชีหยวน คล้ายว่านางไปหาเรื่องผู้ใดเข้า ฝูงหมาป่าพวกนี้ก็คงเป็นแผนของศัตรูหากเป็นเช่นนั้น คนที่กำลังจะมาถึงก็คือศัตรู นั่นก็หมายความว่ามาเพื่อฆ่าคน!ชีหยวนหันขวับกลับมาจ้องเขา เพียงพริบตา กระบี่อ่อนในมือของนางก็จ่ออยู่บนลำคอของเขาชีหยวนเห็นบรรดาผู้คุ้มกันทั้งหลายหันมาจ้องนางเป็นตาเดียว นางเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย “เจ้าคิดว่าพวกมันจะแยกแยะว่าใครเป็นใครอย่างนั้นหรือ? ตอนนี้พวกเราลงเรือลำเดียวกัน ไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่ หากอยากมีชีวิตรอด พวกเจ้าก็มีเพียงทางเดียวคือต้องสู้สุดกำลัง!”
ทว่าเวลานี้ ชีหยวนได้ใช้การกระทำพิสูจน์แล้วว่านางไม่ได้กล่าวคำลวงหัวหน้าฝูงหมาป่าถูกกระแทก มันกลิ้งไปไกลก่อนจะยันกายลุกขึ้นมาอีกครั้ง มันใช้กรงเล็บกรีดพื้น แยกเขี้ยวขู่คำรามใส่ชีหยวน ขนทั่วร่างลุกชันพร้อมสู้ชีหยวนก็ฉวยโอกาสจากแรงกระแทกกระโจนลงจากหลังม้าที่ตกใจสุดขีด พุ่งเข้าใส่หัวหมาป่าเต็มกำลัง กระบี่อ่อนในมือนางฟาดลงบนศีรษะหัวหน้าฝูงอย่างแรงฉีกเปิดบาดแผลลึกจนเกือบถึงกระดูกหัวหน้าฝูงหมาป่าถูกโจมตีซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกระทั่งคลุ้มคลั่งสุดขีด มันคำรามลั่น ก่อนจะพุ่งเข้าหาชีหยวนอีกฝั่งหนึ่ง หลิ่วจิงหงที่เฝ้ามองเหตุการณ์ทั้งหมดถึงกับสะท้านในใจชีหยวนเป็นตัวอะไรกันแน่?!จวนหย่งผิงโหวผ่านมาหลายต่อหลายรุ่นก็ไม่เคยมีผู้ใดดุดันถึงเพียงนี้ นางโผล่มาจากที่ใดกันแน่?!บัดนี้ เขาเข้าใจแล้วว่าเหตุใดหลิ่วหมิงจูจึงพ่ายแพ้ให้แก่ชีหยวนด้วยความสามารถเช่นนี้ ในเมืองหลวงมีเพียงไม่กี่คนที่สามารถเทียบเคียงได้สีหน้าของหลิ่วจิงหงเคร่งขรึมขึ้นกว่าเดิม ความคิดที่จะฆ่าชีหยวนยิ่งแน่วแน่กว่าเคยฆ่า! จะต้องฆ่าให้ได้ สตรีเช่นนี้ หากกลายเป็นศัตรูแล้ว เช่นนั้นก็ไม่มีทางปล่อยไว้เด็ดขาดหากปล่อยไปย่อมเป็นภั
ดาบอ่อนของชีหยวนถูกดึงออกจากร่างของเขา พร้อมกับเลือดที่พุ่งกระเซ็นออกมาอย่างมากมายคนรอบข้างต่างตกตะลึงจนไม่ทันตั้งตัวจะช่วยได้ทันท่วงที หลิ่วจิงหงมองชีหยวนด้วยดวงตาเบิกโพลง ในช่วงสุดท้ายของชีวิต เขาคิดในใจคือ: เป็นไปได้ยังไง? ทั้งชีวิตของเขาที่ราบรื่นมาโดยตลอด สิ่งใดที่ต้องการก็ไม่เคยพลาดมือเดิมทีเขาเป็นแค่ลูกนอกสมรสที่ไม่มีตัวตนในครอบครัว กระทั่งเมื่ออายุเจ็ดถึงแปดขวบ ถึงถูกพากลับตระกูลหลิ่วในนามของลูกบุญธรรมแต่แม้จะเริ่มต้นจากจุดที่ยากลำบากเช่นนี้ เขาและแม่รวมถึงน้องสาวก็เอาชนะทุกอุปสรรคมาจนถึงวันนี้แม้ว่าน้องสาวของเขาจะมีตำแหน่งในนามแค่เพียงกุ้ยเฟย แต่ใครๆ ก็รู้ดีว่าพระนางคือหญิงผู้เป็นที่รักยิ่งของฮ่องเต้หย่งชางจึงนำพาให้ฐานะตำแหน่งตระกูลหลิ่วยิ่งใหญ่เกรียงไกร แซงหน้าตระกูลขุนนางและญาติฝ่ายในของราชสำนัก จนมีอำนาจเหนือใครในราชสำนักคนที่มีความสามารถอย่างเขา น่าจะยังคงก้าวต่อไปได้โดยไม่มีสะดุด ควรจะกำจัดชีหยวนตัวตลกที่ขวางทางออกไปให้พ้น แล้วช่วยเหลือสนับสนุนอ๋องฉีให้ขึ้นครองบัลลังก์ในที่สุด และก้าวต่อไปอีกขั้นเขาจะตายได้อย่างไร?! จะตายได้ไง?!"ชีหยวนไม่สนใจสิ่งที่เขาค
เหล่าองครักษ์ของหลิ่วจิงหงตอนนี้กลายเป็นนกตกใจคันธนูเมื่อเห็นคนจำนวนมากและหมาป่าวิ่งไล่ตามมาทางตน แน่นอนว่าต้องสู้จนตัวตายไม่เช่นนั้นล่ะ?หรือจะอยู่รอความตายที่นี่งั้นหรือ?ในที่แห่งนี้มีหญิงสาวคนหนึ่งที่น่ากลัวกว่าผีเสียอีก!ฝูงหมาป่าถูกต้อนให้ไล่ล่าไปทางกลุ่มคนเหล่านั้น และในไม่ช้าก็โดนพวกนั้นต้านทานอย่างสุดชีวิต ฆ่าเพื่อนร่วมฝูงไปอย่างน้อยสิบกว่าตัวความโกรธแค้นจากการสูญเสียจ่าฝูงและพวกพ้องของพวกมันถูกจุดชนวนออกมาเต็มที่ จนพวกมันถึงกับเริ่มสู้ตายอย่างไม่คิดชีวิตเพื่อไล่ฆ่าเหล่าองครักษ์ของหลิ่วจิงหงประกอบกับการช่วยเหลือของกลุ่มคนคุ้มกันที่นำโดยหวงเหวินจวิ้น ทำให้ไม่นานเหล่าองครักษ์ล้มตายก็มี บาดเจ็บก็มีในหุบเขานั้น มีศพของหมาป่าและมนุษย์กระจัดกระจายไปทั่ว ดูแล้วเหมือนสนามรบอย่างแท้จริงใบหน้าของหวงเหวินจวิ้นยังคงมีบาดแผล เมื่อเห็นชีหยวนจับข้อมือลุกขึ้นยืน เขาก็ถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัวไม่รู้เพราะเหตุใด เขารู้สึกว่าชีหยวนอันตรายอย่างยิ่งอย่ามองว่านางดูเหมือนจะอ่อนแอบอบบาง ทว่าตอนที่นางฆ่าคน นางแทบไม่กระพริบตาเลย!ชีหยวนเลิกคิ้วมองเขา “พอแล้ว เจ้าไปได้แล้ว”ริมฝ
ชีหยวนมองเห็นว่าใบหน้าของนางขาวซีด จึงเลิกคิ้วถามว่า: “กลัวหรือ?”ไม่รู้เพราะเหตุใด ทั้งที่มันควรจะกลัว ทว่าจริงๆ แล้วหลีฮวาไม่ได้รู้สึกยากจะยอมรับได้อะไรขนาดนั้นนางส่ายหัวเบาๆ แล้วพูดเสียงแผ่วว่า “หากข้าน้อยไม่ได้รับการช่วยเหลือจากท่าน อีกไม่กี่วัน ข้าน้อยก็คงกลายเป็นศพแบบนี้ ถูกโยนทิ้งที่หลุมศพหมู่ โดยที่ไม่หลงเหลือแม้แต่ชื่อ”ดังนั้น นางจึงไม่กลัวชีหยวนเป็นคนดีขนาดนี้ สิ่งใดที่นางทำย่อมมีเหตุผลของนางเป็นแน่ถ้าไม่จำเป็นต้องฆ่าคนเหล่านี้จริงๆ นางเชื่อว่าชีหยวนคงไม่ลงมือเมื่อได้ยินหลีฮวาพูดเช่นนั้น ชีหยวนก็ยิ้ม ลูบหัวนางเบาๆ แล้วตอบรับ “ดี ถ้าอย่างนั้นข้าจะบอกเจ้าเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่ง เจ้าต้องจำให้ได้ เข้าใจหรือไม่?”หลีฮวารีบตั้งสมาธิรับฟัง “เข้าใจ! คุณหนูไม่ต้องห่วงนะเจ้าคะ หากบ่าวต้องแลกด้วยชีวิต ก็จะตอบแทนบุญคุณท่านให้ได้!”คำพูดนี้นางคงฝึกมาจากพวกนักคุ้มกันเหล่านั้น และในที่สุดมันก็ได้ใช้งานจริงชีหยวนอดหัวเราะไม่ได้ “มันก็ไม่ได้ร้ายแรงถึงขนาดนั้นหรอก ข้าแค่ต้องการให้เจ้าไปเมืองหลวงไปช่วยส่งข่าวให้ข้า”หลีฮวาไม่รู้แม้กระทั่งว่าประตูเมืองหลวงอยู่ตรงไหน แต่ในเมื่อชีหย
แสงจันทร์ลาลับ ดวงอาทิตย์ทอแสง เป็นวันใหม่อีกครั้งหวงเหวินจวิ้นจัดการงานเรียบร้อยแล้ว อดรนทนไม่ไหวรีบกลับบ้านไปหาภรรยาและลูกชายภายใต้แสงแดดสดใส ในลานบ้านมีเสื้อผ้าและผ้าห่มตากอยู่ ภรรยากำลังตากสมุนไพรใต้ราวไม้ ส่วนลูกชายก็กำลังจับก้อนอิฐที่กองไว้ตรงมุมกำแพงเพื่อพยายามหัดเดินเมื่อเห็นภาพนี้ เขายิ้มจนตาหยี พร้อมทั้งหัวเราะร่าแล้วร้องออกมา: “ลูกพ่อ!”เด็กน้อยวัยเพียงขวบกว่าๆ เห็นเขาแล้วก็ส่งเสียงอ้อแอ้อย่างดีใจ พยายามจะเดินไปหา แต่ก็ล้มลงกับพื้นด้วยเสียงดังตุบ แล้วร้องไห้จ้าออกมาทันทีหวงเหวินจวิ้นรีบเดินเข้าไปอุ้มเขาขึ้นมา ยิ้มพร้อมทั้งลูบจมูกเขาเบาๆ : “ลูกผู้ชายล้มแค่นี้ไม่เห็นเป็นอะไรเลย!”ภรรยาเหลือบมองเขาด้วยสายตาตำหนิ “ลูกผู้ชายอะไรกัน? ยังเป็นเด็กน้อยที่เพิ่งหัดเดินไม่กี่วันเอง!”หวงเหวินจวิ้นหัวเราะเบาๆ วางลูกชายลง แล้วหยิบตั๋วเงินสองใบออกมาจากอกเสื้อส่งให้ภรรยาภรรยามองเขาอย่างสงสัย “นี่อะไร?”เมื่อนางเห็นจำนวนเงินบนตั๋วเงิน นางก็ตกตะลึงจนเบิกตาโพลง ร้องออกมาเสียงดังด้วยความตกใจ: “สวรรค์! ทำไมถึงมีเงินมากมายเยี่ยงนี้ได้?!”แม้ผู้คุ้มกันหวงเป็นหัวหน้ากองคุ้มกันจริง แต
ให้ตายเถอะ ไปมีเรื่องกับนางไม่ได้จริง ๆระหว่างทางที่มาในเมื่อครู่นี้ เขาได้เจอกับพ่อบ้านของตระกูลชีแล้ว พ่อบ้านของตระกูลชีถึงกับตกตะลึงไปแล้ว แต่ก็ยังยืนยันว่าคุณหนูใหญ่ของพวกเขาตกใจกลัวอย่างมาก เหล่านักฆ่าพวกนั้นล้วนเป็นองครักษ์ของตระกูลชีที่สังหารไปเองคำพูดพรรค์นี้ ก็คงมีแค่เจ้าเมืองทงโจวเท่านั้นที่เชื่อหลอกผีอยู่รึไงชีหยวนน่ะหรือจะตกใจกลัว?!นางอาจจะทำให้พญายมตกใจกลางดึกได้ แต่ไม่มีทางที่จะถูกนักฆ่าแค่ไม่กี่คนทำให้ตกใจกลัว!ดูจากตอนนี้แล้ว ก็จริงอย่างที่คิดเลยเซียวอวิ๋นถิงจนกระทั่งเห็นนางนั่งอยู่บนขั้นบันไดอย่างปลอดภัย เท้าของนางเหยียบอยู่บนอกของชายคน ถึงได้ถอนหายใจออกมาช้า ๆ เดินเข้าไปใกล้อีกนิด มองชายคนนั้นแวบหนึ่งแล้วถามชีหยวนว่า “เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”“ไม่เป็นไร อยู่ดีมาก” ชีหยวนไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้น ยังคงจ้องชายคนนั้นต่อไป “ข้าแนะนำให้เจ้าพูดให้เร็วหน่อย ข้าเป็นคนไม่มีความอดทนมากนัก ถ้าคำตอบของเจ้าไม่ถูกใจข้า หรือบิดเบือนความจริง ข้าก็รีบจะถลกหนังเจ้าไปทำกลองหนังมนุษย์เสีย ส่วนพวกพ้องของเจ้าข้าง ๆ ข้าก็จะเอาพวกเขาทำเป็นโคมไฟหนังมนุษย์ ส่งไปให้เจ้านายของเจ้าด้วย
ครอบครัวทหารของตระกูลชี?ชีหยวนเพียงแค่เงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะยิ้มพลางยกดาบขึ้นฟันลง ฟันนิ้วของชายคนนั้นขาดไปหนึ่งนิ้วชายคนนั้นส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นทันที“คิดว่าข้าเป็นเด็กสามขวบหรือไง?” ชีหยวนหัวเราะเยาะเสียงเย็นชา “จี้โจวอยู่ไกลจากที่นี่แค่ไหน? ข้าไม่สนหรอกว่าพวกเจ้าจะเป็นครอบครัวทหารของตระกูลชีจริงหรือไม่ ข้าถามแค่ว่า ในเมื่อเป็นคนของตระกูลชี ไฉนถึงรู้ความเคลื่อนไหวของข้าล่วงหน้า มาดักฆ่าข้ากลางทาง แล้วยังจงใจบุกมาฆ่าคนในบ้านพักชนบทนี้อีกด้วย?”อย่าบอกว่าท่านโหวผู้เฒ่าชีกับชีเจิ้นบ้าคลั่งจนเสียสติไปแล้วหากพวกเขาคลุ้มคลั่งขนาดนั้น ตระกูลชีก็คงล่มสลายไปนานแล้วส่วนคนที่เหลือ สมาชิกบ้านรองและบ้านสามของจระกูลชีต่างประพฤติตัวดี เพราะท่านโหวผู้เฒ่าชีเป็นผู้ชัดเจนมาโดยตลอด บรรดาศักดิ์เป็นของบ้านหลัก ทรัพย์สมบัติเมื่อถึงเวลาก็แบ่งกันอย่างยุติธรรมมีแต่คนเสียสติถึงสร้างปัญหากับบ้านหลักอีกอย่างถ้าต่อกรกับบ้านหลักจริง เช่นนั้นก็น่าจะไปฆ่าชีเจิ้นหรือชีอวิ๋นจื่อสิ ฆ่านางไปจะมีประโยชน์อะไร?ชีหยวนพลิกกริชในมือเล่น กริชหมุนลื่นในมือนางไหลราวกับมันมีชีวิต หมุนพลิกตามการควบคุมข
นางคิดไว้แล้วว่าจะให้พวกเขาตายอย่างไร แต่นางไม่คิดว่า พวกเขาจะใจร้อนเยี่ยงนี้! อีกทั้ง ดักซุ่มโจมตีนางกลางทางก่อน ขณะเดียวกันก็บุกเข้ามาฆ่าคนในบ้านพักชนบท ขณะที่นางฆ่าฟันศัตรู นางก็ยังมีเวลาคิดไปด้วยว่า เจ้าขันทีสุนัขนั่นคิดจะทำอะไรกันแน่?! ฆ่าเพื่อระบายความแค้นแค่นั้น? ไม่สิ พวกขันทีจิตวิปริตทั้งนั้น ยิ่งเป็นตัวประหลาดที่ควบคุมกององครักษ์เสื้อแพรได้แบบเขา จะต้องวิปริตยิ่งกว่าคนธรรมดา มันไม่มีทางแค่ต้องการทำลายบ้านพักชนบทของนางกับฆ่าคนของนาง เพื่อสั่งสอนนางเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นั้น บ้านพักชนบทผืนนี้……เป็นบ้านพักชนบทของตระกูลชี องครักษ์นายหนึ่งกระโดดลงมาจากหลังคา พุ่งกระโจนเข้าใส่ชีหยวน ชีหยวนยกมือขึ้นปล่อยเกาทัณฑ์แขนเสื้อโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย หลังจากยิงคนร่วงลงพื้นแล้ว นางก้าวเข้าไปเหยียบบนแผลเขา ย่อตัวนั่งลง ถามเสียงเย็นชา “พวกเจ้าเป็นใคร?” เจ้าขันทีสุนัขกล้าส่งคนมาฆ่าคนในขึ้นวันปีใหม่อย่างเปิดเผยแบบนี้ เช่นนั้นไม่มีทางทิ้งหลักฐานแน่นอน คนพวกนี้ไม่มีทางเกี่ยวข้องโยงใยถึงเจ้าขันทีสุนัขนั่นได้แน่ เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ จวนโหวไม่มีทางไม่แจ้งทางการ เจ้าขันทีสุนัข
จะตามทันได้อย่างไรกันเล่า?! คุณหนูใส่กระโปรง แต่คุณหนูใหญ่กลับขี่ม้าแบบนั่งหันข้างได้! หลายปีแล้วที่ไม่เห็นใครขี่ม้าเยี่ยงนี้ นางดูเหมือนเติบโตมาพร้อมกับหลังม้ายังไงยังงั้น พูดแบบไม่เกรงใจเลยนะ พวกเขาก็ติดตามรับใช้ท่านโหวกับท่านโหวผู้เฒ่ามาหลายปี แต่ทักษะการขี่ม้าของท่านโหวกับท่านโหวผู้เฒ่ายังไม่ดีถึงขั้นนี้เลย คุณหนูไปฝึกทักษะการขี่ม้าขั้นเทพเช่นนี้มาจากไหนกันแน่? ความเร็วของชีหยวนนั้นรวดเร็ว แทบจะไปถึงบ้านพักชนบทด้วยความเร็วปานลมกรดและสายฟ้าแลบ บ้านพักชนบทผืนนี้ไม่ใช่ของนาง แต่เป็นของตระกูลชีที่มอบให้นาง เพื่อเป็นการชดเชยให้กับนาง เดิมทีนางอยากจะทำให้มันเป็นบ้านของตัวเอง ตอนนี้บ้านหลังนี้ถูกทำลายไปแล้ว บนประตูหน้าบ้านยังคงติดยันต์เทพผู้พิทักษ์ประตูที่สลักจากไม้ท้อ โคมแดงสองดวงแขวนอยู่ตรงระเบียง หน้าเรือนยังมีเศษกระดาษสีแดงจากการจุดประทัด กระทั่งยังได้กลิ่นดินปืนจาง ๆ ที่โชยมา แต่ตอนนี้ประตูใหญ่เปิดอ้ากว้าง เสียงกรีดร้องโหยหวนดังออกมาจากด้านใน วันขึ้นปีใหม่ ตามธรรมเนียมทางชนบท ชาวนาที่เช่านาทำมักจะมาอวยพรเจ้าของที่ดินในวันขึ้นปีใหม่ ต่อให้เจ้าของที่ดินไม่อยู่ ไปคาร
ไม่ใช่มารีดไถเงิน ที่แท้คือมาฆ่านาง!วันปีใหม่แท้ ๆ ช่างรีบร้อนเสียจริงอ๋องฉีกับผู่อู๋ย่งผู้นั้น ต้องมีคนใดคนหนึ่งเกี่ยวข้องแน่ในขณะที่นางเพิ่งแตะพื้น ก็มีจอบฟาดลงมาตรงหน้านาง ความเร็วนั่น ทำเอาผู้คนตกใจจนแทบหยุดหายใจ นี่เหมือนชาวบ้านธรรมดาที่ดูซื่อ ๆ ที่ไหนกัน? นี่คือองครักษ์ฝีมือดีที่ถูกฝึกมาอย่างดีหลิวจงเห็นภาพนั้นก็ตกตะลึงจนตัวแข็ง เขารู้อยู่แล้ว เขารู้อยู่แล้วว่าตามคุณหนูใหญ่ออกมาข้างนอกไม่มีวันเป็นเรื่องดีได้ สวรรค์ นี่ยังไม่ทันถึงบ้านพักชนบทเลย!คนเหล่านี้เป็นใครกันแน่!ไม่สนใจว่าเป็นใครแล้ว เขาร้องตะโกนสุดเสียงกับองรักษ์ “อย่าห่วงข้า อย่าห่วงข้า ช่วยคุณหนูใหญ่ ช่วยคุณหนูใหญ่ก่อน!”ถ้าคุณหนูใหญ่เป็นอะไรไป เขากลับไปก็คงถูกท่านโหวกับท่านโหวผู้เฒ่าหั่นเป็นชิ้นอยู่ดี!แต่ดูเหมือนความกังวลของเขาจะเกินจำเป็นไปหน่อยเพราะชีหยวนที่ลงพื้นก็รับจอบได้อย่างพอดิบพอดี ใช้แรงเหวี่ยงตัวกระโดดขึ้นไปกลางอากาศ นั่งคร่อมคอชายท่าทางซื่อ ๆ คนนั้น จากนั้นใช้ขาบิดรัดคอเขาอย่างแรง จนคอของเขาหักเอียงไปข้างหนึ่ง……เสียงกรีดร้องของหลิวจงขาดหายไปทันทีสวรรค์!เขาประเมินคุณหนูใหญ่ต่ำเก
วันขึ้นปีใหม่ ทั่วทั้งเมืองต่างพากันจุดประทัดและดอกไม้ไฟเสียงประทัดดังสนั่นทำให้ชีหยวนนอนไม่หลับ นางตื่นแต่เช้าตรู่แม้ว่าโดยปกติแล้ว นางไม่จำเป็นต้องไปคำนับผู้ใหญ่ตอนเช้าและเย็น แต่เพราะวันนี้เป็นวันปีใหม่ อีกทั้งนางก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนในตระกูลชี ดังนั้นนางจึงไปคารวะฮูหยินผู้เฒ่าชีที่เรือนเมื่อเห็นนางมา ฮูหยินผู้เฒ่าชีก็ดีใจเสียจนไม่รู้จะทำเช่นไรดีทั้งยังรู้สึกโชคดีในใจ ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์นั้นต้องค่อย ๆ สร้างขึ้นจริง ๆดังนั้นเมื่อชีหยวนบอกว่าอยากไปที่บ้านพักชนบทของตระกูล ฮูหยินผู้เฒ่าชีก็ไม่รู้สึกว่าแปลกแต่อย่างใดเดิมทีชีหยวนก็แตกต่างจากคุณหนูตระกูลใหญ่ทั่วไปอยู่แล้ว นางจึงไม่ใช้ข้อบังคับแบบเดียวกันกับชีหยวนนางไม่เพียงแต่อนุญาตโดยไม่ลังเล อีกยังเตรียมข้าวของให้นางมากมาย พร้อมกับกล่าวยิ้ม ๆ ว่า “ถ้าเจ้าชอบเด็กสาวสองคนที่นั่นจริง ๆ ก็พาพวกนางกลับมาก็ย่อมได้”ชีหยวนปฏิเสธเสียงแข็งทันทีบางทีสำหรับหลีฮวาและชิงเถา นี่อาจเป็นทางออกที่ดีแต่ในเมื่อมีวาสนาพบเจอกันแล้ว นางก็ไม่อยากให้พวกนางต้องเป็นทาสรับใช้ใคร มีชีวิตที่ไร้อิสระ มิเช่นนั้นคงไม่ให้พวกนางอ่านเขียนตั้งแต
ผู่อู๋ย่งจึงหันมามองเขาอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก “เจ้าเป็นหลานของขันทีสวี”ขันทีน้อยยิ้มพลางตอบรับผู่อู๋ย่งพยักหน้าเบา ๆ “เมื่อองค์หญิงเสด็จไปแล้ว เจ้าก็มาติดตามข้า ดีหรือไม่?”คำพูดมีเหตุมีผล ถ่ายทอดสารได้ชัดถ้อยชัดคำ ดูท่าแล้วน่าจะเคยเรียนหนังสือมาก่อน เป็นต้นกล้าดีที่สามารถเก็บไว้ฝึกฝนข้างกายได้จะปล่อยให้พวกโจรสลัดตงอิ๋งได้ไปง่าย ๆ ทำไมกัน?เสี่ยวสวีจื่อ รีบคุกเข่าลงโขกศีรษะทันที “ขอบพระคุณปู่บุญธรรมที่เมตตา ข้าน้อยจะฟังแต่บัญชาขององค์หญิงและคำสั่งของท่านเท่านั้นขอรับ!”ผู่อู๋ย่งคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม สุดท้ายก็ตัดสินใจมุ่งหน้าไปยังตำหนักขององค์หญิงเป่าหรงแต่ก่อนยามพบองค์หญิงผู้นี้ นางมักทรงภูษาล้ำค่า ระยิบระยับด้วยไข่มุกและอัญมณี งามสง่าเกินผู้ใดทว่ายามนี้ นางเพียงปล่อยผมหลุดลุ่ย ไม่ได้แต่งองค์ทรงเครื่อง เมื่อเห็นเขาเข้ามา ก็ไม่แม้แต่จะเผยแววอารมณ์ใดมากนักกลับทำให้ผู่อู๋ย่งมององค์หญิงผู้นี้ใหม่อีกครั้ง “องค์หญิงไม่กลัวหรือ?”“กลัวแล้วมีประโยชน์ใด?” องค์หญิงเป่าหรงลุกขึ้นจากพื้นด้วยสีหน้ารำคาญ แล้วหันมาจ้องผู่อู๋ย่ง “ไม่ต้องพูดพร่ำให้มากความ ทั้งข้าและจวนกั๋วกงต้องตกต่ำถ
ผู่อู๋ย่งยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ย่อมมีผู้ใต้บังคับบัญชาไปสืบเรื่องราวในอดีตของชีหยวนปีใหม่นี้ช่างทำให้ผู้คนรู้สึกอึดอัดนักปีก่อนๆ เขาเคยได้ติดตามไปไหว้บรรพชนที่ศาลบูรพกษัตริย์ เป็นผู้ถวายธูปและส่งธูปให้ฮ่องเต้หย่งชาง แต่ปีนี้กลับกลายเป็นขันทีเซี่ยก็ช่างเถิด พอฮ่องเต้หย่งชางเสด็จกลับวัง เรียกขุนนางใหญ่ของสำนักขุนนางหลวงเข้าเฝ้า แต่ก็ยังไม่ได้เรียกเขาไปด้วยนี่ต่างหากที่เป็นเรื่องใหญ่!ผู่อู๋ย่งหรี่ตาลงเล็กน้อย เขาย่อมรู้ดีว่าเหตุใดตนจึงถูกฮ่องเต้หย่งชางเมินเฉยเช่นนี้เมื่อก่อนเขามีความสัมพันธ์อันดีกับจวนฉู่กั๋วกง เมื่อครั้งเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยได้รับความโปรดปราน เขาก็เคยเอ่ยวาจาช่วยเหลืออยู่บ่อยครั้งเมื่อครั้งที่ฮ่องเต้โปรดปรานทั้งเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยและจวนฉู่กั๋วกง เรื่องนี้ได้นำพาผลประโยชน์มาให้เขาไม่น้อยแต่บัดนี้ สิ่งเหล่านั้นกลับกลายเป็นมลทินของตัวเขาผู่อู๋ย่งสีหน้ามืดหม่น สวมผ้าคลุมเดินไปตามเส้นทางยาวเหยียดกำลังจะกลับเรือนพักของตน ก็เห็นขันทีน้อยผู้หนึ่งก้มหน้าก้มตารอเขาอยู่ที่หัวมุมอย่างนอบน้อม เขาอดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วขันทีน้อยพอเห็นเขาก็รีบคุกเข่าลงกับพื้น กล่าวด้วยเสียงประ
สำหรับนางแล้ว ปีนี้คือปีแห่งการเกิดใหม่ สองขาแข็งแรงดียังไม่ถูกตัดทิ้ง เป็นปีที่มิได้ถูกชีจิ่นกับชีอวิ๋นถิงดูแคลนเป็นจุดจบที่สวยงาม และการเริ่มต้นที่งดงามนางจะมีชีวิตที่ดีกว่าเดิมเหลียนเฉียวรับเงินไปด้วยน้ำตาคลอเบ้า ทันใดนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าแล้วอุทานว่า “คุณหนู นั่นคืออะไรเจ้าคะ!”ชีหยวนอุ้มอาหวงเงยหน้ามอง เห็นโคมลอยดวงหนึ่งลอยละลิ่วลงมาตรงกับศีรษะนางพอดีนางขมวดคิ้วทันที ระแวงโดยสัญชาตญาณว่าในนั้นอาจมีผงยาไม่เช่นนั้น เหตุใดจึงลอยมาตกในเรือนของนางพอดิบพอดีถึงเพียงนี้?นางรีบสั่งให้ทุกคนแยกตัวออกห่างใครจะรู้ว่าโคมลอยนั้นแค่ลอยละล่องแล้วร่วงลงมา ไป๋จื่อร้องอุทาน หยิบพู่หยกที่เปล่งประกายเรืองรองชิ้นหนึ่งจากในโคมขึ้นมา “คุณหนู นี่คือเครื่องรางของอารามไป๋อวิ๋นไม่ใช่หรือเจ้าคะ?!”ในเหมืองแร่บนเขาไป๋อวิ๋นมีหยกเรืองแสงเช่นนี้ แต่ได้ยินว่าขุดได้ยากนัก ดังนั้นแล้ว ทุกปีที่มีผู้คนไปขอเครื่องรางในช่วงปีใหม่ น้อยคนนักที่จะขอได้เหตุใดจึงมาปรากฏอยู่ในโคมลอยเล่า?ชีหยวนหลุบตาลง เอ่ยเสียงขรึมกับไป๋จื่อว่า “เก็บใส่กล่องไว้เถิด”เมื่ออ๋องฉีกลับถึงจวนอ๋องแล้ว มองเห็นโคมไฟแขวนอยู่เ