ในห้องเงียบลง มีลมพัดผ่านโถงทางเดิน กลีบดอกไห่ถังที่บานสะพรั่งอยู่ด้านนอกก็ปลิวร่วงหล่นเป็นจำนวนมาก ปลิวไปตามทางเดินสู่ห้องโถงชีหยวนเงียบไปครู่หนึ่ง ได้ยินน้ำเสียงของตัวเองที่ถามอย่างมาก: “เลขาธิการอะไร”เลขาธิการอะไร?ชีเจิ้นและท่านโหวผู้เฒ่ามองหน้ากันและสังเกตสีหน้าของชีหยวน โดยไม่แน่ใจว่าชีหยวนกำลังแสร้งทำเป็นโง่หรือไม่ทั้งหมดนี้นางเป็นผู้วางแผนการเอง! นางจะไม่รู้ว่าเลขาธิการคนนี้เป็นใครได้อย่างไร?แต่ตอนนี้ที่ชีหยวนถามขึ้นแล้ว ก็ต้องตอบนางชีเจิ้นระงับความโกรธไว้และกล่าวว่า “เป็นจานเหวินฮุย เลขาธิการจาน!”โอ้ เป็นจานเหวินฮุยนี่เองจู่ๆ ชีหยวนก็หัวเราะออกมาอารมณ์ที่เสียของนางตั้งแต่เมื่อวานก็ดีขึ้นมาทันใด จู่ๆ นางก็หัวเราะออกมาเสียงดัง……ชีเจิ้นไม่สามารถหัวเราะออกมาได้ เขาจ้องมองชีหยวนด้วยความสับสน เขาไม่รู้ว่าชีหยวนหมายถึงอะไร และตลกเรื่องอะไรท่านโหวผู้เฒ่ากลับมีความอดทนมากกว่ามาก เขาถามว่า “เจ้ารู้จักเลขาธิการจาน?”เลขาธิการจานคนนี้เป็นตำนานจริงๆปีนั้นเขาเป็นในอันดับที่สี่ในการสอบบัณฑิตขั้นสูงขั้นสอง ได้เข้าเป็นบัณฑิตราชสำนักในสำนักราชบัณฑิตก่อน หลังจากดำรงตำแห
เมื่อก่อนไม่มีการเปรียบเทียบ ก็คงไม่เป็นไรบัดนี้มีการเปรียบเทียบเกิดขึ้น มันยากที่จะไม่รู้สึกผิดหวังจริงๆไฉนถึงมีความแตกต่างกันมากเยี่ยงนี้นะ?ชีหยวนยังถูกรับกลับมากลางคันจากชนบท แต่ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของการควบคุมสถานการณ์ในราชสำนัก หรือการวางตัวปฏิบัติตัวต่อผู้อื่น นางก็ดีกว่าชีอวิ๋นถิงราวฟ้ากับเหวข้อเสียเพียงข้อเดียวของนางคือ นางไม่ใช่บุรุษน่าเสียดายนัก! ท่านโหวผู้เฒ่าอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ช่างน่าเสียดายนัก! หากชีหยวนเป็นบุรุษ ตระกูลชีของเราคงไม่มีอะไรต้องกังวลในอนาคต”ชีเจิ้นลังเลที่จะพูดแต่เนื่องจากท่านโหวผู้เฒ่าพูดเยี่ยงนี้แล้ว เขาจึงไม่พูดอะไรอีก และไปที่ห้องของชีอวิ๋นถิงครั้งนี้ชีอวิ๋นถิงได้รับบาดเจ็บไม่เบาเลยจริงๆแม่นมที่ดูแลชีอวิ๋นถิงอธิบายอย่างระมัดระวังว่า “ท่านโหว ฟันของเขาหักไปสองซี่ ลิ้นก็ถูกเจาะเป็นแผล ไม่สามารถทานอาหารได้เลย ตอนนี้เขาสามารถทานอาหารเหลวได้เท่านั้น……”ยังไงเสียก็เป็นลูกชายที่เลี้ยงดูมาเป็นเวลาสิบกว่าปี จะไม่ใส่ใจไม่รู้สึกทุกข์ใจได้อย่างไร?เมื่อชีเจิ้นเห็นรูปลักษณ์ของชีอวิ๋นถิง ในใจทั้งปวดร้าวและโกรธเคืองเขานั่งอยู่บนขอบเตียงและมองดูชีอวิ
น้ำเสียงของอ๋องฉีน่าสะพรึงกลัวและเย็นชา แม้แต่ขันทีสวีที่ติดตามเขามาโดยตลอดยังอดหนาวสั่นไม่ได้ และมองสีหน้าของเขาอย่างระมัดระวัง “ท่านอ๋อง นี่เพิ่งเดินทางได้สิบวัน เกรงว่า จะยังไม่ถึงที่หมายพ่ะย่ะค่ะ”เมืองหลวงไปเมืองเจียงชี แม้ว่าจะเดินทางรวดเร็วเพียงใด จะอย่างไรก็ต้องใช้เวลายี่สิบกว่าวันอ๋องฉีกลับไม่สนใจสิ่งเหล่านี้ มีดแกะสลักในมือถูกโยนลงพื้นไปพร้อมกับตุ๊กตา ตัวอักษรคำว่าชีหยวนสองตัวที่อยู่ด้านหลังตุ๊กตาเวลานี้ กำลังส่องสะท้อนเป็นประกายอยู่ในสายตาของทุกคนเขาระงับความโกรธและพูดด้วยเสียงเย็นชา “ข้าไม่อยากฟังเรื่องพวกนี้! สั่งให้เขาเร่งฝีเท้าให้เร็วกว่านี้หน่อย!”ชีหยวนมีอะไรดีกัน!นางสารเลวคนนี้!เขาจะต้องทำให้ชีหยวนค่อย ๆ เห็นว่าตระกูลเซี่ยพังพินาศลงอย่างไรในชาติที่แล้วนางสารเลวคนนั้น ไม่ใช่พราะตนเองฆ่าคนของตระกูลเซี่ยหรอกหรือ ถึงได้แฝงตัวอยู่ข้างกายตนเองนานขนาดนั้น แถมลอบลงมือสังหารในช่วงที่ตนเองภาคภูมิที่สุดอีก?ในชาตินี้ เขาก็ยังคงอยากให้นางสารเลวคนนั้นเบิกตาดูว่าตระกูลเซี่ยพังพินาศลงอย่างไรอีกครั้ง!ฆ่าคนได้เก่งตรงไหนกัน?นางทำได้เพียงฆ่าทีละคนเท่านั้นแต่เขา กลับสา
เมื่อทำท่าปาดคอขันทีสวีก็รู้สึกตกใจเล็กน้อยเสนาธิการจานท่านนี้เป็นถึงคนสนิทข้างกายท่านอ๋องเชียวนะ เขายังคิดว่าท่านอ๋องจะไว้ชีวิตเขาเสียอีกแต่ในเมื่อท่านอ๋องตัดสินใจแล้ว เช่นนั้นก็ไม่มีอะไรต้องเสียดาย เขาจึงอืมเสียงหนึ่ง “เช่นนั้นยังไม่รีบไปอีก? ทำงานต้องคล่องแคล่วหน่อย!”เวลานี้ ชีหยวนก็กำลังรอใครบางคนอยู่ที่โรงน้ำชาไป๋จื่อเทน้ำชาให้นาง และถามเสียงเบา “คุณหนู ท่านอ๋องจะมาได้หรือไม่เจ้าคะ?”ก่อนหน้านี้ชีหยวนให้ซุ่นจื่อไปส่งข่าวให้ลิ่วจินแล้ว----- นี่ก็คือวิธีติดต่อที่พวกเขาตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้แต่เมื่อวันก่อน ชีหยวนกับเซียวอวิ๋นถิงยังแยกย้ายจากกันไปแบบไม่สบอารมณ์อยู่เลยอีกอย่างท่านอ๋องยังเป็นฝ่ายเสียเปรียบ นางรู้สึกว่าคุณหนูเหมือนจะล่วงเกินท่านอ๋องอย่างรุนแรง จึงไม่รู้ว่าท่านอ๋องจะยอมมาจริงหรือไม่แต่ความจริงพิสูจน์แล้วว่านางคิดมากไป เพราะชีหยวนนั่งลงได้ไม่นาน เซียวอวิ๋นถิงก็เข้ามาแล้วตอนที่เห็นเซียวอวิ๋นถิง ไป๋จื่ออดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างโล่งอกโชคดีที่ดูแล้วท่านอ๋องเป็นคนใจกว้างมาก ไม่ใจแคบเลยแม้แต่น้อยเซียวอวิ๋นถิงมองชีหยวนด้วยรอยยิ้ม ในใจมีความสุขเล็กน้อยจริง ๆ
เซียวอวิ๋นถิงมองชีหยวนอย่างเงียบ ๆ ชั่วขณะหนึ่ง จากนั้นจู่ ๆ ก็ถามขึ้นว่า “ตอนนี้คุณหนูใหญ่ชีมีธุระอะไรหรือไม่?”เขาเห็นชีหยวนส่ายหน้า ก็ถอนหายใจพลางพยักหน้าเล็กน้อย “ในเมื่อคุณหนูใหญ่ชีไม่มีธุระ เช่นนั้นหออี้หงนี่ ไม่สู้พวกเราไปด้วยกันเสียรอบหนึ่ง เป็นอย่างไร?”ไป๋จื่อที่เดิมทีคอยปรนนิบัติอยู่ด้านข้าง เมื่อได้ยินเขาบอกว่าอยากให้ชีหยวนไปหออี้หงด้วยกัน ก็ไม่อาจทำเป็นไม่ได้ยินได้ จึงเอ่ยเสียเบา “นี่ นี่เกรงว่าจะไม่เหมาะสมกระมัง? นั่น นั่นก็คือหอนางโลมนะเจ้าคะ!”พูดคำนี้จบ ใบหน้าของนางก็ร้อนผ่าวราวกับไฟเผาไปชั่วขณะ ถึงอย่างไรสถานที่แบบนี้ สำหรับหญิงสาวที่มาจากครอบครัวสูงศักดิ์ มันคือการทำลายศีลธรรมอันดีจริง ๆ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงการเข้าไปเลยถึงอย่างไรคุณหนูใหญ่ก็เป็นสมาชิกของจวนโหว แม้ว่ายามปกติพฤติกรรมดูแล้วจะแตกต่างจากบุตรสาวตระกูลสูงศักดิ์ทั่วไปอยู่มาก แต่หากเรื่องที่ไปหอนางโลมนี้ถูกแพร่งพรายออกไป สุดท้ายก็จะส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของคุณหนูใหญ่เป็นอย่างยิ่งเซียวอวิ๋นถิงไม่ได้สนใจไป๋จื่อ เขาเพียงแค่รอคำตอบจากชีหยวนเท่านั้นชีหยวนเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง หลังจากนั้นก็ยิ้มขึ้นมา “ได้เจ้าค่
ฉากนี้ยิ่งทำให้รู้สึกกระสับกระส่ายมากขึ้น เซียวอวิ๋นถิงรู้สึกนั่งไม่ติดเล็กน้อย “คุณหนูใหญ่ชี นี่ไม่มีอะไรน่าดูหรอก...”ชีหยวนจ้องมองเซียวอวิ๋นถิงอย่างไม่ละสายตาชั่วขณะหนึ่ง มองจนเซียวอวิ๋นถิงขนลุกไปทั้งตัว “เจ้ามองข้าทำไม?”ชีหยวนไม่ได้ตอบคำถาม นางแค่เหม่อลอยเล็กน้อยในชาติที่แล้วนางถูกทิ้งอยู่ที่นี่ และโดนแม่เล้าจับล้างมือ ล้างหน้า และรักษาเท้าจนหายดี จากนั้นก็บังคับนางให้ต้อนรับลูกค้านางยังคิดว่าตนเอง ต้องเป็นเหมือนกับหญิงสาวที่อยู่ในหอนี้ ไปตลอดชีวิตเสียแล้วต้อนรับลูกค้า ป่วย ใช้ชีวิตตามยถากรรม หลังจากตายแล้วก็จะถูกโยนลงในสุสานรวมสิ่งเหล่านั้นที่ไป๋จื่อพูด นางรู้ดีทั้งหมด แถมยังเคยเห็นชีวิตอันน่าเศร้าของเด็กผู้หญิงนับไม่ถ้วนกับตาตนเองอีกเป็นเซียวอวิ๋นถิงที่เห็นนางกำปิ่นปักผมฆ่าลูกค้า จึงช่วยเหลือนางออกมาได้อย่างราบรื่น......ทว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นอดีตไปแล้ว นางตั้งสติกลับมา ไม่คิดจะอุบไว้อีก จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนพลางเอ่ยกับเซียวอวิ๋นถิงว่า“เช่นนั้นข้าจะพาท่านอ๋องไปดูสิ่งที่ต่างออกไปเจ้าค่ะ”ปาเป่าและลิ่วจินทนไม่ไหวนานแล้วตอนที่ท่านอ๋องบอกว่าจะมาหออี้หง พวกเขาต่างก็
กระบวนการต่อรองราคานานมาก สุดท้ายหลังจากส่งพวกอันธพาลกลับไปแล้ว หงเสี่ยวก็เดินขึ้นมาข้างหน้ามองเด็กสาวพวกนี้แวบหนึ่ง ก่อนจะสะบัดพัดกลมอย่างไม่ใส่ใจ ใช้มือปิดจมูกและปากด้วยท่าทางรังเกียจพลางถอยไปด้านหลังหนึ่งก้าว “อาบน้ำพวกนางให้สะอาด ช่วงนี้ก็ดูแลให้เคร่งครัดหน่อย และอย่าปล่อยให้ใครฆ่าตัวตายด้วย”บรรดาสมุนล้วนคุ้นชินจนเห็นเป็นเรื่องปกติ จึงตอบรับอย่างรีบร้อนหงเสี่ยวก้าวเท้าขึ้นเตรียมจะจากไป เด็กสาวที่อยู่บนรถเข็นไม้ขนาดใหญ่จู่ ๆ กลับฟื้นขึ้นมา และกระโดดลงมาเกาะขาของหงเสี่ยวไว้แน่น “พี่สาว ข้าถูกจับตัวมา ขอร้องท่าน ขอร้องท่านโปรดเมตตาปล่อยข้าไปเถอะ! ที่บ้านข้ามีพ่อแม่ และยังมีน้องสาวน้องชายด้วย...”หงเสี่ยวย่อตัวลงมาและยิ้ม ราวกับจะเมตตาเล็กน้อย “ช่างเป็นเด็กที่น่าสงสารเสียจริง”เด็กสาวคนนั้นได้ยินหงเสี่ยวพูดเช่นนี้ ก็ร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหล ความหวังก็ก่อตัวขึ้นอยู่ในใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุด “พี่สาว ขอร้องท่านปล่อยข้าไปเถิด แล้วข้าจะจดจำบุญคุณอันยิ่งใหญ่ของท่านอย่างแน่นอน...”รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าของหงเสี่ยวกลับมลายหายไป เล็บมือที่แหลมคมจับคางของเด็กสาวไว้ บนใบหน้ายังแฝงไปด้วยความดูถ
เมื่อนางพูดมาถึงตรงนี้ ก็รู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจเหตุใดถึงจะต้องฆ่าอ๋องฉี?แน่นอนเป็นเพราะว่าเขาสมควรตาย!บุตรหลานของกษัตริย์ผู้สูงส่ง ที่คอยยืนอยู่บนก้อนเมฆมองดูสรรพสัตว์ ฆ่าคนคนหนึ่งราวกับฆ่ามดมาโดยตลอดผู้นั้นต่างหาก ถึงจะเป็นคนที่สมควรตายมากที่สุด!เซียวอวิ๋นถิงถึงกับถูกสายตาของชีหยวนจับจ้องจนรู้สึกชาเล็กน้อย เขากลืนน้ำลาย และกำลังจะเอ่ยปากพูด จู่ ๆ กลับได้ยินเสียงกรีดร้องเสียงหนึ่งดังขึ้น จากนั้น หงเสี่ยวก็พาคนกลุ่มหนึ่ง เร่งฝีเท้าเข้าไปในเรือนหลังหนึ่งอย่างรีบร้อนชีหยวนอดไม่ได้จึงเดินไปด้านหน้าสองก้าวแต่ทางด้านหงเสี่ยวเห็นได้ชัดว่ามีองครักษ์เรือนที่เก่งกาจฝีมือดี หันหน้ามาถามด้วยเสียงเย็นชาในทันที “ใคร?!”เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหันเกินไป เซียวอวิ๋นถิงจึงตัดสินใจดึงนางกลับมา จากนั้นจับศีรษะนางกดอยู่ในอ้อมแขนไว้แน่น และพานางเดินไปทางองครักษ์เรือนคนนั้นอย่างมั่นใจ “ให้ตายเถอะ สภาพแวดล้อมที่มืดมิดเช่นนี้ พวกเจ้าหออี้หงทำการค้ากันอย่างไร?”คนที่อยู่เบื้องหน้าสวมเสื้อผ้าราคาแพง เวลานี้ในอ้อมแขนยังกอดหญิงสาวคนหนึ่งไว้ สถานการณ์เช่นนี้แค่เห็นก็รู้แล้วว่ากำลังสนุกสนานกันอยู่ในเรือน
หัวใจของขันทีเซี่ยแทบจะกระเด็นออกมาถึงคอหอยสวรรค์ช่วยด้วยเถอะ!ไม่ว่าท่านอ๋องจะทำอะไรก็ลำบากไปหมดจริง ๆ ถ้าไม่ลุกขึ้นมาพูดอะไร คนทั่วหล้าก็จะตราหน้าว่าเขาเป็นหลานอกตัญญู เป็นคนโง่เขลาอ่อนแอแต่ถ้าลุกขึ้นมาพูดตอนนี้ เกรงว่าในความพิโรธของฮ่องเต้หย่งชาง อาจจะปลดเขาจากตำแหน่งพระราชนัดดาองค์โตได้เลย!ไม่รู้ทำไม ขันทีเซี่ยเผลอหันมองไปทางชีหยวนโดยไม่รู้ตัวแต่ชีหยวนไม่มีเวลาสนใจว่าใครมองนางทั้งนั้น นางแค่จับชายแขนเสื้อของ พระชายาหลิ่วเอาไว้ เขย่าเบา ๆ ส่งสายตาเป็นสัญญาณ และกดเสียงลงต่ำ “พระชายา ถึงขนาดนี้แล้ว ยังจะทนอีกหรือ? คนที่ฆ่าท่านแม่ของท่าน จะปล่อยให้นางแย่งชิงตำแหน่งของท่าน ให้นางเข้าไปในสุสานหลวงได้อีกหรือ?”……ไล่เฉิงหลงแอบเหลือบมองชีหยวนอีกรอบเสียงกระซิบของคุณหนูใหญ่ตระกูลชีนี้ ให้มันเบากว่านี้ไม่ได้เลยหรือ?เขาเป็นถึงองครักษ์เสื้อแพรนะ!นางยังมีความเคารพขั้นพื้นฐานต่อองครักษ์เสื้อแพรบ้างหรือไม่เนี่ย?!ไม่เพียงแค่ไม่กลัว นางยังยุยงให้พระชายาหลิ่วลุกขึ้นก่อเรื่องอีกด้วย!องค์หญิงเป่าหรงที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ พลันเปลี่ยนเป็นยิ้มออกมาในทันทีแม้เสด็จแม่จะตายอย
องค์หญิงเป่าหรงแทบจะเสียสติด้วยความโกรธแล้วนางเคยคิดมาตลอดว่าตัวเองเป็นคนที่ชั่วร้ายที่สุดในโลกนี้แล้ว ไม่มีใครจะร้ายกว่านางได้อีกแล้วแต่ไม่คิดเลยว่าจะมีจริง ๆ!นางเป็นคนสั่งให้ซวงฮวาไปบอกให้แม่ชีคนนั้นหลอกล่อให้ชีหยวนออกไป จากนั้นก็แอบใส่ผงปาโต้วลงไปในยาแต่ผงปาโต้วพวกนั้นนั้นไม่มีผลอะไรกับอาการป่วยของเสด็จแม่ได้เลยนางรู้อยู่แก่ใจดี เสด็จแม่ไม่ได้ป่วยจริง!โรคชี่ถูกปิดกั้นอะไรนั่น ก็แค่ฉีหยวนกุเรื่องขึ้นมาเพื่อเปิดโปงว่าเสด็จแม่ของนางแกล้งเป็นลมเท่านั้น!นางแค่อยากให้เสด็จแม่ดูเหมือนป่วยเล็กน้อย เพื่อหลอกล่อให้เสด็จพ่อลงโทษชีหยวนได้ง่ายขึ้น!พอดีกับที่พระชายาหลิ่วกำลังทำให้เสด็จพ่อลำบากพระทัย ไม่ยอมให้อภัยเสด็จพ่อ แถมยังโกรธไม่เลิก จนเป็นเรื่องวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่วราชสำนัก ถึงขั้นต้องมาฉลองวันปีใหม่กันที่อารามไป๋อวิ๋นเสด็จพ่อที่กำลังหงุดหงิด ถ้ารู้ว่าชีหยวนรักษาเสด็จแม่ของนางจนแย่ลงล่ะก็ ต้องสั่งประหารชีหยวนแน่นอน!แต่ใครจะรู้ล่ะ ใครจะรู้ว่ายานั่นกลับมีโหราเดือยไก่ด้วย!นางไม่ได้ใส่!นางไม่ได้ใส่เลยจริง ๆ!แล้วใครเป็นคนใส่กัน?!องค์หญิงเป่าหรงชี้หน้าด่าชีหยวนอย่างเกรี
นางยืนตัวตรงหลังตรงไม่ไหวติงจากนั้นพูดอย่างสงบนิ่งว่า “มีคนจงใจสับเปลี่ยนยาของหม่อมฉัน”ขณะนั้นเอง พระชายาหลิ่วก็วิ่งร้องไห้เข้ามา “เซียวเสี่ยนเจียว! เจ้ารีบไปดูอาโม่เร็วเข้า อาโม่เขาอาเจียนไม่หยุด ถ่ายท้องไม่หยุด อาการหนักมาก เจ้ารีบหาหมอมาดูเขาทีเถอะ!”แม้ว่าในพระทัยของฮ่องเต้หย่งชาง จะยุ่งเหยิงไปหมด แต่ชีวิตของลูกก็ต้องช่วยไว้ก่อนพระองค์จึงสั่งหมอทั้งหลายทันที “รีบไปตรวจดูอาการอ๋องเร็วเข้า! หากอ๋องเป็นอะไรไป พวกเจ้าก็อย่าหวังจะรอดเหมือนกัน!”หมอหลวงแต่ละคนขาสั่นพากันรีบออกไปจู่ ๆ ชีหยวนก็เอ่ยถามพระชายาหลิ่ว ที่กำลังจะออกไป “พระชายา ท่านบอกว่าท่านอ๋องอาเจียนไม่หยุด ถ่ายท้องไม่หยุดอย่างนั้นหรือเจ้าคะ?”พระชายาหลิ่วตอบรับด้วยเสียงสะอื้น สีหน้าของชีหยวนเคร่งขรึมลงทันที นางคุกเข่าลงแล้วโขกศีรษะต่อหน้าฮ่องเต้หย่งชาง “ฝ่าบาท! ขอพระองค์ทรงอนุญาตให้หม่อมฉันไปดูอาการของท่านอ๋องด้วยเพคะ บางทีหม่อมฉันอาจจะรู้สาเหตุโรคของท่านอ๋องก็เป็นได้เพคะ!”ถึงตอนนี้แล้ว อย่างไรพระโอรสที่มีชีวิตก็สำคัญกว่ามิฉะนั้น บรรดาขุนนางคงจะด่ากันขรม กฎเกณฑ์ราชสำนักก็คงกดดันพระองค์ ไหนจะพวกเมืองขึ้นเล็ก ๆ
ช่างเป็นเด็กสาวที่ประหลาดจริง ๆแม้ว่าไล่เฉิงหลงจะคิดเช่นนั้น แต่ก็ยังทำตามหน้าที่ ก้าวไปข้างหน้าหมายจะไปจับคุมตัวนางแต่ในตอนนั้นเอง ชีหยวนกลับก้าวไปข้างหน้า คุกเข่าลงตรงหน้า ฮ่องเต้หย่งชาง “ฝ่าบาท หม่อมฉันมีทั้งตระกูลโหวอยู่เบื้องหลัง บิดาของหม่อมฉันก็เป็นขุนนางคนสำคัญของพระองค์ เว้นเสียแต่ว่าหม่อมฉันจะเสียสติไปแล้วจริง ๆ มิเช่นนั้นหม่อมฉันจะลอบวางยาพิษกุ้ยเฟยได้อย่างไรเพคะ?”ฮ่องเต้หย่งชางจ้องมองนางอย่างไร้ความรู้สึกชีหยวนไม่แม้แต่จะหวาดหวั่นเกรงกลัว นางยกเปลือกตาขึ้นประสานตากับฮ่องเต้หย่งชางโดยตรง ครั้งนี้แม้แต่ไล่เฉิงหลงก็อดสะดุ้งไม่ได้ จ้องตาฮ่องเต้ตรง ๆ เด็กสาวคนนี้ไม่ธรรมดาจริง ๆฮ่องเต้หย่งชางทรงพระสรวลอย่างเย็นชา แล้วทรงชี้ไปที่เหล่าหมอพื้นบ้าน และตะกอนยาเหล่านั้น “แล้วเจ้าจะอธิบายอย่างไร? ในนี้มีโหราเดือยไก่ ซึ่งมีพิษร้ายแรง?! ยานี่เจ้าต้มเอง เขียนตำรับยาเองกับมือ หรือว่านี่มันผิดงั้นหรือ?!”ชีหยวนพยักหน้า “ไม่ผิดเพคะ เป็นใบจ่ายยาที่หม่อมฉันเขียนเองจริง ๆ ดังนั้นหม่อมฉันมีหลักฐานบันทึกไว้”นางหันไปมองนางกำนัลชื่อซวงฮวา ที่ยืนอยู่ข้างหลังองค์หญิงเป่าหรง “กูกูผู้น
อย่าว่าแต่คุกเข่าเลย ต่อให้องค์หญิงเป่าหรงจะเอาหัวโขกพื้นจนแตกอยู่ที่นี่ ชีหยวนก็สมควรได้รับ!เซียวอวิ๋นถิงรีบคว้าโอกาสทันที เขาขมวดคิ้ว “เสด็จอาหญิงเป่าหรง ท่านทั้งร้องไห้และโวยวาย พวกเราเพิ่งเข้ามา ท่านก็ลงมือบีบคอคน แถมยังลงไม้ลงมือตบตีคน ตอนนี้ยิ่งแล้ว ลงไปนั่งคุกเข่าให้อีก ท่านนี่มันเสียเกียรติของราชวงศ์เราโดยแท้!”เขาฉวยโอกาสก่อนที่ฮ่องเต้หย่งชางจะโกรธ รีบพูดขึ้นว่า “เสด็จปู่ยังอยู่ที่นี่ เสด็จปู่ยังอยู่ที่นี่ ความจริงยังไม่ถูกตรวจสอบให้ชัดเจน สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือหาสาเหตุการตายของกุ้ยเฟยให้ได้ ท่านทำแบบนี้ มิเท่ากับทำให้กุ้ยเฟยจากไปอย่างไม่สงบหรือ?”ฮ่องเต้หย่งชางก็คิดเช่นนี้เหมือนกันพระองค์สูดหายใจลึก พระพักตร์เคร่งขรึม แล้วหันไปถามชีหยวน “เจ้าเป็นคนรักษากุ้ยเฟย และเป็นคนจ่ายยาให้กุ้ยเฟยเอง? และเป็นคนต้มยาให้กุ้ยเฟยเอง?”องค์หญิงเป่าหรงรู้สึกพึงพอใจนางตระเตรียมไว้นานแล้ว ทุกเรื่องให้ชีหยวนเป็นคนจัดการด้วยตัวเอง ไม่มีทางให้นางพ้นผิดไปได้เลยแค่คิดไม่ถึงว่าชีหยวนจะวางยาจริง ๆ!นางอยากให้ชีหยวนตาย แต่จะคิดให้เสด็จแม่ตัวเองตายได้อย่างไรเล่า? เสด็จแม่เป็นที่โปรดปรานขนาด
เดิมทีตอนที่องค์หญิงเป่าหรงพุ่งเข้าหาตนนั้น ชีหยวนสามารถหลบได้อย่างสบาย ด้วยฝีมือห่วย ๆ ของเป่าหรง ชีหยวนแค่เตะเข้าที่หัวเข่าเบา ๆ สักที ก็สามารถส่งนางไปนั่งเป็นคู่ขากับพี่ชายของนาง กลายเป็นคนขาพิการไปอีกคนได้แล้วทว่านางมีประสาทหูที่ไวมาก นางได้ยินเสียงฝีเท้าหลายคนดังมาจากข้างหลัง รู้ได้ทันทีว่า ฮ่องเต้หย่งชาง น่าจะได้ข่าวแล้ว กำลังรีบมาแน่ ๆ นางเลยปล่อยให้องค์หญิงเป่าหรงกระโจนเข้ามาบีบคอตนเองแต่บีบคอสินะ?นางโดนบีบคอ ยืนไม่ไหว ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรใช่หรือไม่ล่ะ?ดังนั้นนางเลยแอบเกี่ยวขาองค์หญิงเป่าหรงอย่างมีชั้นเชิง ทิ้งตัวล้มลงกับพื้นทันที และตัวนางผ่อนแรงไปกว่าครึ่ง ทว่าองค์หญิงเป่าหรงนี่สิ ล้มหัวทิ่มพื้นไม่เป็นท่า จนหน้าผากบวมเป็นลูกเท่าหน้าผากของเทพเจ้าซิ่วแชกงในขณะนี้นางไม่มีแรงและความคิดที่จะบีบคอชีหยวนต่อแล้วเมื่อเห็นฮ่องเต้หย่งชางเดินเข้ามาพอดี ก็รีบกระโจนเข้าไปซบอกฮ่องเต้หย่งชางอย่างน่าสงสาร ร้องไห้สะอื้น “เสด็จพ่อ! เสด็จพ่อ! เสด็จแม่ของลูกสิ้นแล้ว เสด็จแม่ของลูกสิ้นแล้ว!”นางเสียใจจริง ๆ ความเจ็บปวดที่แท้จริงเท่านั้นที่ทำให้ผู้คนเห็นอกเห็นใจน้ำตาของนางราวกั
เขาเมินเฉยต่อคำเตือนของขันทีเซี่ย ก้าวขึ้นบันได แล้วเอ่ยเสียงดังว่า “เสด็จปู่ ข้า…...”เขาจะรับทุกอย่างแทนชีหยวนเองเขาจะทำให้นางรู้ว่า นางไม่ได้มีแค่ตัวคนเดียว นางก็มีคนที่เป็นที่พึ่งพิงได้เหมือนกัน!ขันทีเซี่ยเหงื่อแตกพลั่กด้วยความร้อนรน หากพระองค์เอาตัวเองไปพัวพันกับเรื่องนี้ ไม่เพียงแต่ตำแหน่งจะหมดหวัง แม้แต่ชีวิตก็อาจรักษาไว้ไม่ได้เลย!โชคดีที่ในจังหวะนั้นเอง ราชบุตรเขยลู่จากเรือนกรรมฐานองค์หญิงใหญ่วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา หน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น เขาดึงเซียวอวิ๋นถิงออกไป แล้วรีบทูลรายงานต่อฮ่องเต้หย่งชางและพระชายาหลิ่วว่า “ฝ่าบาท พระชายา เกิดเรื่องใหญ่แล้วพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายทรงอาเจียนไม่หยุด ท้องเสียอย่างหนัก พระวรกายอ่อนแรงมาก เกรงว่าจะไม่ไหวแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”จะไม่ไหวแล้ว?!เซียวโม่?!ฮ่องเต้หย่งชางถึงกับชะงักไป เดิมที่โกรธเกรี้ยวอยู่เต็มอก ตอนนี้กลับรู้สึกสับสนเพิ่มขึ้นอีก พระองค์รีบหันไปสั่งการกับไล่เฉิงหลง “ไล่เฉิงหลง! รวมคนทั้งหมดในอารามไป๋อวิ๋น ค้น ค้นให้ทั่ว ตรวจสอบให้ดี! ดูสิว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่! เริ่มจากตำหนักของอ๋องก่อน ส่วนข้าจะไปหากุ้ยเฟยก่อน!”เดิมทีพระชายาหลิ่วค
ผู่อู๋ย่งเป็นขันทีคนสนิทข้างกายของฮ่องเต้หย่งชาง เขาและขันทีเซี่ย คนหนึ่งเป็นผู้ดูแลงานนอกวัง อีกคนเป็นผู้ควบคุมงานภายในวัง ต่างฝ่ายต่างไม่ก้าวก่ายกัน แต่กลับมักจะคอยจ้องจับผิดกันตลอดเวลาคนที่สามารถก้าวขึ้นมาเป็นกรมขันทีพระราชพิธี รับหน้าที่เขียนและประทับตราแทนฮ่องเต้ เขาไม่เคยมีท่าทางตื่นตระหนกขนาดนี้มาก่อนนี่มันเจ็บปวดยิ่งกว่าการสูญเสียแม่เสียอีก! เสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยตายแล้วจริง ๆ!ถ้าเป็นอย่างนั้นฮ่องเต้จะไม่คลั่งไปเลยหรืออย่างไร?คนที่อยู่ที่นี่คืนนี้ บางทีอาจล้วนต้องตายกันหมดก็ได้!เมื่อโอรสสวรรค์พิโรธ ศพจะกองพะเนินนับแสน คนที่อยู่ที่นี่วันนี้จะเหลือรอดกี่คน ก็ไม่อาจรู้ได้เลยพระชายาหลิ่วก็เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจเช่นกัน ในขณะที่รู้สึกสะใจที่ได้ระบายความแค้น แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเสียวสันหลังวาบรู้สึกสะใจ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเย็นเฉียบอย่างหวาดหวั่นนางนึกถึงเด็กสาวคนนั้นขึ้นมา!ชีหยวน!เด็กที่ช่วยเหลือนางไว้มากมาย เด็กที่พูดจาเกินวัยอย่างผู้ใหญ่ นางเป็นคนที่ไปช่วยรักษาเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟย แล้วตอนนี้เสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยตาย นั่นจะเกี่ยวกับนางด้วยหรือไม่?!ถ้ามันเป็นเช่น
“ขอบคุณ แต่ข้าไม่ต้องการ!”ชีหยวนปฏิเสธอย่างเด็ดขาดและหนักแน่น “ถ้าข้าน้อยเป็นท่าน ตอนนี้ข้าน้อยจะไปอยู่ข้าง ๆ ฝ่าบาทกับพระชายาหลิ่วเสีย ท่านอ๋องมิต้องห่วง ข้าน้อยจะไม่ตายหรอก ข้าน้อยไม่เคยทำเรื่องที่ไม่มีความมั่นใจ”เขาเชื่อก็บ้าแล้ว!เซียวอวิ๋นถิงทั้งโกรธ ทั้งร้อนใจ แต่สุดท้ายก็ได้แต่สูดลมหายใจลึก “ระวังตัวให้ดี! หากเรื่องไม่สำเร็จ ก็โยนความผิดทั้งหมดมาไว้ที่ข้าเอง!”……ชีหยวนหันกลับไปมองเขาแวบหนึ่ง ดวงตาไม่มีความยินดีแม้แต่น้อย ก่อนจะโบกมืออย่างขอไปทีนางไปพบเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยก่อนเมื่อเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยและองค์หญิงเป่าหรงเห็นหน้านาง ก็พากันทำหน้าบึ้งตึงทันทีโดยเฉพาะองค์หญิงเป่าหรง พอเห็นนางคุกเข่าทำความเคารพแล้วกำลังจะลุกขึ้น ก็ตวาดเสียงดัง “ข้าอนุญาตให้เจ้าลุกขึ้นแล้วหรือไร?! เจ้าไม่รู้กฎระเบียบเลยหรือ?”ชีหยวนเป็นคนรู้จักยืดหยุ่น นางไม่ใส่ใจอะไรพวกนี้อยู่แล้ว ถึงอย่างไรคุกเข่าก็ไม่ได้เสียหายอะไรทว่าองค์หญิงเป่าหรงกลับเดินเข้าไปหานาง เท้าข้างหนึ่งเหยียบลงบนมือของนางนี่เป็นวิธีที่องค์หญิงเป่าหรงทำจนเคยชิน ไม่ว่าจะในยุคปัจจุบันหรือตอนอยู่ในวัง นางก็ชอบทรมานคนด้วยวิธีน