ในห้องเงียบลง มีลมพัดผ่านโถงทางเดิน กลีบดอกไห่ถังที่บานสะพรั่งอยู่ด้านนอกก็ปลิวร่วงหล่นเป็นจำนวนมาก ปลิวไปตามทางเดินสู่ห้องโถงชีหยวนเงียบไปครู่หนึ่ง ได้ยินน้ำเสียงของตัวเองที่ถามอย่างมาก: “เลขาธิการอะไร”เลขาธิการอะไร?ชีเจิ้นและท่านโหวผู้เฒ่ามองหน้ากันและสังเกตสีหน้าของชีหยวน โดยไม่แน่ใจว่าชีหยวนกำลังแสร้งทำเป็นโง่หรือไม่ทั้งหมดนี้นางเป็นผู้วางแผนการเอง! นางจะไม่รู้ว่าเลขาธิการคนนี้เป็นใครได้อย่างไร?แต่ตอนนี้ที่ชีหยวนถามขึ้นแล้ว ก็ต้องตอบนางชีเจิ้นระงับความโกรธไว้และกล่าวว่า “เป็นจานเหวินฮุย เลขาธิการจาน!”โอ้ เป็นจานเหวินฮุยนี่เองจู่ๆ ชีหยวนก็หัวเราะออกมาอารมณ์ที่เสียของนางตั้งแต่เมื่อวานก็ดีขึ้นมาทันใด จู่ๆ นางก็หัวเราะออกมาเสียงดัง……ชีเจิ้นไม่สามารถหัวเราะออกมาได้ เขาจ้องมองชีหยวนด้วยความสับสน เขาไม่รู้ว่าชีหยวนหมายถึงอะไร และตลกเรื่องอะไรท่านโหวผู้เฒ่ากลับมีความอดทนมากกว่ามาก เขาถามว่า “เจ้ารู้จักเลขาธิการจาน?”เลขาธิการจานคนนี้เป็นตำนานจริงๆปีนั้นเขาเป็นในอันดับที่สี่ในการสอบบัณฑิตขั้นสูงขั้นสอง ได้เข้าเป็นบัณฑิตราชสำนักในสำนักราชบัณฑิตก่อน หลังจากดำรงตำแห
เมื่อก่อนไม่มีการเปรียบเทียบ ก็คงไม่เป็นไรบัดนี้มีการเปรียบเทียบเกิดขึ้น มันยากที่จะไม่รู้สึกผิดหวังจริงๆไฉนถึงมีความแตกต่างกันมากเยี่ยงนี้นะ?ชีหยวนยังถูกรับกลับมากลางคันจากชนบท แต่ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของการควบคุมสถานการณ์ในราชสำนัก หรือการวางตัวปฏิบัติตัวต่อผู้อื่น นางก็ดีกว่าชีอวิ๋นถิงราวฟ้ากับเหวข้อเสียเพียงข้อเดียวของนางคือ นางไม่ใช่บุรุษน่าเสียดายนัก! ท่านโหวผู้เฒ่าอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ช่างน่าเสียดายนัก! หากชีหยวนเป็นบุรุษ ตระกูลชีของเราคงไม่มีอะไรต้องกังวลในอนาคต”ชีเจิ้นลังเลที่จะพูดแต่เนื่องจากท่านโหวผู้เฒ่าพูดเยี่ยงนี้แล้ว เขาจึงไม่พูดอะไรอีก และไปที่ห้องของชีอวิ๋นถิงครั้งนี้ชีอวิ๋นถิงได้รับบาดเจ็บไม่เบาเลยจริงๆแม่นมที่ดูแลชีอวิ๋นถิงอธิบายอย่างระมัดระวังว่า “ท่านโหว ฟันของเขาหักไปสองซี่ ลิ้นก็ถูกเจาะเป็นแผล ไม่สามารถทานอาหารได้เลย ตอนนี้เขาสามารถทานอาหารเหลวได้เท่านั้น……”ยังไงเสียก็เป็นลูกชายที่เลี้ยงดูมาเป็นเวลาสิบกว่าปี จะไม่ใส่ใจไม่รู้สึกทุกข์ใจได้อย่างไร?เมื่อชีเจิ้นเห็นรูปลักษณ์ของชีอวิ๋นถิง ในใจทั้งปวดร้าวและโกรธเคืองเขานั่งอยู่บนขอบเตียงและมองดูชีอวิ
น้ำเสียงของอ๋องฉีน่าสะพรึงกลัวและเย็นชา แม้แต่ขันทีสวีที่ติดตามเขามาโดยตลอดยังอดหนาวสั่นไม่ได้ และมองสีหน้าของเขาอย่างระมัดระวัง “ท่านอ๋อง นี่เพิ่งเดินทางได้สิบวัน เกรงว่า จะยังไม่ถึงที่หมายพ่ะย่ะค่ะ”เมืองหลวงไปเมืองเจียงชี แม้ว่าจะเดินทางรวดเร็วเพียงใด จะอย่างไรก็ต้องใช้เวลายี่สิบกว่าวันอ๋องฉีกลับไม่สนใจสิ่งเหล่านี้ มีดแกะสลักในมือถูกโยนลงพื้นไปพร้อมกับตุ๊กตา ตัวอักษรคำว่าชีหยวนสองตัวที่อยู่ด้านหลังตุ๊กตาเวลานี้ กำลังส่องสะท้อนเป็นประกายอยู่ในสายตาของทุกคนเขาระงับความโกรธและพูดด้วยเสียงเย็นชา “ข้าไม่อยากฟังเรื่องพวกนี้! สั่งให้เขาเร่งฝีเท้าให้เร็วกว่านี้หน่อย!”ชีหยวนมีอะไรดีกัน!นางสารเลวคนนี้!เขาจะต้องทำให้ชีหยวนค่อย ๆ เห็นว่าตระกูลเซี่ยพังพินาศลงอย่างไรในชาติที่แล้วนางสารเลวคนนั้น ไม่ใช่พราะตนเองฆ่าคนของตระกูลเซี่ยหรอกหรือ ถึงได้แฝงตัวอยู่ข้างกายตนเองนานขนาดนั้น แถมลอบลงมือสังหารในช่วงที่ตนเองภาคภูมิที่สุดอีก?ในชาตินี้ เขาก็ยังคงอยากให้นางสารเลวคนนั้นเบิกตาดูว่าตระกูลเซี่ยพังพินาศลงอย่างไรอีกครั้ง!ฆ่าคนได้เก่งตรงไหนกัน?นางทำได้เพียงฆ่าทีละคนเท่านั้นแต่เขา กลับสา
เมื่อทำท่าปาดคอขันทีสวีก็รู้สึกตกใจเล็กน้อยเสนาธิการจานท่านนี้เป็นถึงคนสนิทข้างกายท่านอ๋องเชียวนะ เขายังคิดว่าท่านอ๋องจะไว้ชีวิตเขาเสียอีกแต่ในเมื่อท่านอ๋องตัดสินใจแล้ว เช่นนั้นก็ไม่มีอะไรต้องเสียดาย เขาจึงอืมเสียงหนึ่ง “เช่นนั้นยังไม่รีบไปอีก? ทำงานต้องคล่องแคล่วหน่อย!”เวลานี้ ชีหยวนก็กำลังรอใครบางคนอยู่ที่โรงน้ำชาไป๋จื่อเทน้ำชาให้นาง และถามเสียงเบา “คุณหนู ท่านอ๋องจะมาได้หรือไม่เจ้าคะ?”ก่อนหน้านี้ชีหยวนให้ซุ่นจื่อไปส่งข่าวให้ลิ่วจินแล้ว----- นี่ก็คือวิธีติดต่อที่พวกเขาตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้แต่เมื่อวันก่อน ชีหยวนกับเซียวอวิ๋นถิงยังแยกย้ายจากกันไปแบบไม่สบอารมณ์อยู่เลยอีกอย่างท่านอ๋องยังเป็นฝ่ายเสียเปรียบ นางรู้สึกว่าคุณหนูเหมือนจะล่วงเกินท่านอ๋องอย่างรุนแรง จึงไม่รู้ว่าท่านอ๋องจะยอมมาจริงหรือไม่แต่ความจริงพิสูจน์แล้วว่านางคิดมากไป เพราะชีหยวนนั่งลงได้ไม่นาน เซียวอวิ๋นถิงก็เข้ามาแล้วตอนที่เห็นเซียวอวิ๋นถิง ไป๋จื่ออดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างโล่งอกโชคดีที่ดูแล้วท่านอ๋องเป็นคนใจกว้างมาก ไม่ใจแคบเลยแม้แต่น้อยเซียวอวิ๋นถิงมองชีหยวนด้วยรอยยิ้ม ในใจมีความสุขเล็กน้อยจริง ๆ
เซียวอวิ๋นถิงมองชีหยวนอย่างเงียบ ๆ ชั่วขณะหนึ่ง จากนั้นจู่ ๆ ก็ถามขึ้นว่า “ตอนนี้คุณหนูใหญ่ชีมีธุระอะไรหรือไม่?”เขาเห็นชีหยวนส่ายหน้า ก็ถอนหายใจพลางพยักหน้าเล็กน้อย “ในเมื่อคุณหนูใหญ่ชีไม่มีธุระ เช่นนั้นหออี้หงนี่ ไม่สู้พวกเราไปด้วยกันเสียรอบหนึ่ง เป็นอย่างไร?”ไป๋จื่อที่เดิมทีคอยปรนนิบัติอยู่ด้านข้าง เมื่อได้ยินเขาบอกว่าอยากให้ชีหยวนไปหออี้หงด้วยกัน ก็ไม่อาจทำเป็นไม่ได้ยินได้ จึงเอ่ยเสียเบา “นี่ นี่เกรงว่าจะไม่เหมาะสมกระมัง? นั่น นั่นก็คือหอนางโลมนะเจ้าคะ!”พูดคำนี้จบ ใบหน้าของนางก็ร้อนผ่าวราวกับไฟเผาไปชั่วขณะ ถึงอย่างไรสถานที่แบบนี้ สำหรับหญิงสาวที่มาจากครอบครัวสูงศักดิ์ มันคือการทำลายศีลธรรมอันดีจริง ๆ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงการเข้าไปเลยถึงอย่างไรคุณหนูใหญ่ก็เป็นสมาชิกของจวนโหว แม้ว่ายามปกติพฤติกรรมดูแล้วจะแตกต่างจากบุตรสาวตระกูลสูงศักดิ์ทั่วไปอยู่มาก แต่หากเรื่องที่ไปหอนางโลมนี้ถูกแพร่งพรายออกไป สุดท้ายก็จะส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของคุณหนูใหญ่เป็นอย่างยิ่งเซียวอวิ๋นถิงไม่ได้สนใจไป๋จื่อ เขาเพียงแค่รอคำตอบจากชีหยวนเท่านั้นชีหยวนเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง หลังจากนั้นก็ยิ้มขึ้นมา “ได้เจ้าค่
ฉากนี้ยิ่งทำให้รู้สึกกระสับกระส่ายมากขึ้น เซียวอวิ๋นถิงรู้สึกนั่งไม่ติดเล็กน้อย “คุณหนูใหญ่ชี นี่ไม่มีอะไรน่าดูหรอก...”ชีหยวนจ้องมองเซียวอวิ๋นถิงอย่างไม่ละสายตาชั่วขณะหนึ่ง มองจนเซียวอวิ๋นถิงขนลุกไปทั้งตัว “เจ้ามองข้าทำไม?”ชีหยวนไม่ได้ตอบคำถาม นางแค่เหม่อลอยเล็กน้อยในชาติที่แล้วนางถูกทิ้งอยู่ที่นี่ และโดนแม่เล้าจับล้างมือ ล้างหน้า และรักษาเท้าจนหายดี จากนั้นก็บังคับนางให้ต้อนรับลูกค้านางยังคิดว่าตนเอง ต้องเป็นเหมือนกับหญิงสาวที่อยู่ในหอนี้ ไปตลอดชีวิตเสียแล้วต้อนรับลูกค้า ป่วย ใช้ชีวิตตามยถากรรม หลังจากตายแล้วก็จะถูกโยนลงในสุสานรวมสิ่งเหล่านั้นที่ไป๋จื่อพูด นางรู้ดีทั้งหมด แถมยังเคยเห็นชีวิตอันน่าเศร้าของเด็กผู้หญิงนับไม่ถ้วนกับตาตนเองอีกเป็นเซียวอวิ๋นถิงที่เห็นนางกำปิ่นปักผมฆ่าลูกค้า จึงช่วยเหลือนางออกมาได้อย่างราบรื่น......ทว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นอดีตไปแล้ว นางตั้งสติกลับมา ไม่คิดจะอุบไว้อีก จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนพลางเอ่ยกับเซียวอวิ๋นถิงว่า“เช่นนั้นข้าจะพาท่านอ๋องไปดูสิ่งที่ต่างออกไปเจ้าค่ะ”ปาเป่าและลิ่วจินทนไม่ไหวนานแล้วตอนที่ท่านอ๋องบอกว่าจะมาหออี้หง พวกเขาต่างก็
กระบวนการต่อรองราคานานมาก สุดท้ายหลังจากส่งพวกอันธพาลกลับไปแล้ว หงเสี่ยวก็เดินขึ้นมาข้างหน้ามองเด็กสาวพวกนี้แวบหนึ่ง ก่อนจะสะบัดพัดกลมอย่างไม่ใส่ใจ ใช้มือปิดจมูกและปากด้วยท่าทางรังเกียจพลางถอยไปด้านหลังหนึ่งก้าว “อาบน้ำพวกนางให้สะอาด ช่วงนี้ก็ดูแลให้เคร่งครัดหน่อย และอย่าปล่อยให้ใครฆ่าตัวตายด้วย”บรรดาสมุนล้วนคุ้นชินจนเห็นเป็นเรื่องปกติ จึงตอบรับอย่างรีบร้อนหงเสี่ยวก้าวเท้าขึ้นเตรียมจะจากไป เด็กสาวที่อยู่บนรถเข็นไม้ขนาดใหญ่จู่ ๆ กลับฟื้นขึ้นมา และกระโดดลงมาเกาะขาของหงเสี่ยวไว้แน่น “พี่สาว ข้าถูกจับตัวมา ขอร้องท่าน ขอร้องท่านโปรดเมตตาปล่อยข้าไปเถอะ! ที่บ้านข้ามีพ่อแม่ และยังมีน้องสาวน้องชายด้วย...”หงเสี่ยวย่อตัวลงมาและยิ้ม ราวกับจะเมตตาเล็กน้อย “ช่างเป็นเด็กที่น่าสงสารเสียจริง”เด็กสาวคนนั้นได้ยินหงเสี่ยวพูดเช่นนี้ ก็ร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหล ความหวังก็ก่อตัวขึ้นอยู่ในใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุด “พี่สาว ขอร้องท่านปล่อยข้าไปเถิด แล้วข้าจะจดจำบุญคุณอันยิ่งใหญ่ของท่านอย่างแน่นอน...”รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าของหงเสี่ยวกลับมลายหายไป เล็บมือที่แหลมคมจับคางของเด็กสาวไว้ บนใบหน้ายังแฝงไปด้วยความดูถ
เมื่อนางพูดมาถึงตรงนี้ ก็รู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจเหตุใดถึงจะต้องฆ่าอ๋องฉี?แน่นอนเป็นเพราะว่าเขาสมควรตาย!บุตรหลานของกษัตริย์ผู้สูงส่ง ที่คอยยืนอยู่บนก้อนเมฆมองดูสรรพสัตว์ ฆ่าคนคนหนึ่งราวกับฆ่ามดมาโดยตลอดผู้นั้นต่างหาก ถึงจะเป็นคนที่สมควรตายมากที่สุด!เซียวอวิ๋นถิงถึงกับถูกสายตาของชีหยวนจับจ้องจนรู้สึกชาเล็กน้อย เขากลืนน้ำลาย และกำลังจะเอ่ยปากพูด จู่ ๆ กลับได้ยินเสียงกรีดร้องเสียงหนึ่งดังขึ้น จากนั้น หงเสี่ยวก็พาคนกลุ่มหนึ่ง เร่งฝีเท้าเข้าไปในเรือนหลังหนึ่งอย่างรีบร้อนชีหยวนอดไม่ได้จึงเดินไปด้านหน้าสองก้าวแต่ทางด้านหงเสี่ยวเห็นได้ชัดว่ามีองครักษ์เรือนที่เก่งกาจฝีมือดี หันหน้ามาถามด้วยเสียงเย็นชาในทันที “ใคร?!”เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหันเกินไป เซียวอวิ๋นถิงจึงตัดสินใจดึงนางกลับมา จากนั้นจับศีรษะนางกดอยู่ในอ้อมแขนไว้แน่น และพานางเดินไปทางองครักษ์เรือนคนนั้นอย่างมั่นใจ “ให้ตายเถอะ สภาพแวดล้อมที่มืดมิดเช่นนี้ พวกเจ้าหออี้หงทำการค้ากันอย่างไร?”คนที่อยู่เบื้องหน้าสวมเสื้อผ้าราคาแพง เวลานี้ในอ้อมแขนยังกอดหญิงสาวคนหนึ่งไว้ สถานการณ์เช่นนี้แค่เห็นก็รู้แล้วว่ากำลังสนุกสนานกันอยู่ในเรือน
หากว่าชีอวิ๋นถิงพอจะมีมโนสำนึกสักเสี้ยวหนึ่ง มีสมองสักเสี้ยวหนึ่ง วางตัวให้เหมาะสมกับฐานะของตนเอง เรื่องทั้งหมดก็คงไม่เกิดขึ้นแล้ว ทว่าบัดนี้ จะพูดอะไรก็สายไปเสียแล้ว ชีหยวนหยัดกายลุกขึ้นยืน: “ในเมื่อข้ากล้าทำ ก็พร้อมจะยอมรับผลของการกระทำทั้งหมด หากโหวผู้เฒ่าและฮูหยินผู้เฒ่าต้องการให้ข้าชดใช้ ข้าก็จะยอมรับ” ทว่าโหวผู้เฒ่ากลับโบกมือทันทีโดยไม่ลังเล: “อาหยวน! เจ้าทำถูกต้องแล้ว! เขาหูเบา ทั้งยังโง่เขลาและโหดเหี้ยม คนพรรค์นี้หากปล่อยให้เป็นซื่อจื่อของจวนโหวข้าต่อไป ไม่ช้าก็เร็วจวนหย่งผิงโหวของพวกข้าจะต้องพบหายนะใหญ่เป็นแน่แท้” เขาย่อมรู้ว่าควรจะคัดเลือกอย่างไร ชีอวิ๋นถิงสิบคนก็ยังสำคัญไม่เท่าชีหยวนเพียงคนเดียว! ฮูหยินผู้เฒ่าเองก็ซับน้ำตาพลางเอ่ยด้วยเสียงสะอึกสะอื้น: “เป็นเช่นนั้นจริง ไม่ใช่ว่าเจ้าจะไม่เคยเตือนเขามาก่อน แต่เป็นเขาเองที่ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ เลือกเดินในทางที่บิดเบี้ยวเกินไป” เห็นเขาสองคนพูดถึงขั้นนี้ ชีหยวนเองก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี นางเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยว่า: “ที่ข้ามิได้สังหารเขา นับว่าให้เกียรติและไว้หน้าพวกท่านผู้เฒ่าทั้งสองแล้ว” หากเป็นคนอื
ชีหยวนนิ่งสงบ ไม่สะทกสะท้านใด ๆ ถึงขั้นลากเก้าอี้ตัวหนึ่งเข้ามานั่ง พลางยิ้มตาหยีจ้องมองชีจิ่น: “เป็นอะไรไป กำลังคาดหวังสิ่งใดอยู่หรือ? คาดหวังให้โหวผู้เฒ่าและฮูหยินผู้เฒ่าลงลงทัณฑ์ข้าที่นี่?” คิดไม่ถึงว่านางจะตรงไปตรงมาถึงเพียงนี้ สามคนภายในห้องต่างทอดสายตามองมาทางนาง โดยเฉพาะชีจิ่น นางใบหน้าแดงก่ำ เดิมทีก็บาดเจ็บสาหัสอยู่แล้ว บัดนี้ยังถูกชีหยวนยั่วให้เกิดโทสะ ยิ่งเจ็บแปลบที่หน้าอก จนต้องสูดลมหายใจเย็นเยียบ ฮูหยินผู้เฒ่าตั้งสติได้ ก็เหวี่ยงชีอวิ๋นถิงออกไปและหยัดกายขึ้นยืน ก่อนจะวิ่งรี่เข้าไปถึงเบื้องหน้าชีจิ่น ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็เหวี่ยงฝ่ามืออย่างสุดแรง ฟาดกกหูของชีจิ่นเข้าไปหนึ่งฉาดอย่างทารุณ นางอดทนจนอดทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ก็ชี้หน้าชีจิ่นพลางต่อว่าด้วยเสียงสั่นเครือ: “เจ้ามันเดรัจฉาน ตัวทำลายความสงบสุขครอบครัว! เรือนพวกข้าแม้มิอาจเรียกได้ว่ามีบุญคุณหนักเท่าขุนเขาสำหรับเจ้า แต่ก็นับว่าให้ความเมตตาและรักษาสัจจะอย่างถึงที่สุดแล้ว! หลายปีที่ผ่านมาพวกข้าเคยด้วยหรือที่ปฏิบัติต่อเจ้าอย่างอยุติธรรม? ต่อให้รู้เรื่องชาติกำเนิดของเจ้าแล้ว แต่มารดาและพี่ชายของเจ้าก็ทะนุถนอมปกป้องเจ้าอย่างสุ
ในเมื่อถอยก็ต้องตาย เช่นนั้นสู้สุดชีวิตยังจะดีกว่าชีจิ่นจ้องชีหยวนที่ก้าวเข้ามาใกล้ทีละก้าวอย่างแน่วแน่ แอบกำปิ่นที่ฉวยโอกาสดึงออกมาตอนช่วงชุลมุนเมื่อครู่ เอาไว้ใต้แขนเสื้อแน่น รอจนกระทั่งชีหยวนเข้ามาใกล้ นางก็พุ่งตัวออกไปอย่างกะทันหัน และกระโดดขึ้นมา หวังจะปักปิ่นเข้าไปที่ลำคอของชีหยวนแต่น่าเสียดาย ชีหยวนไม่ให้โอกาสนั้นกับนางเลย ในเสี้ยววินาทีที่ชีจิ่นกระโจนขึ้นมา ชีหยวนก็รับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวนั้นแล้ว นางเหยียดขาออกไปถีบเข้ากลางท้องของชีจิ่นอย่างแรง ส่งร่างของนางลอยกระเด็นไปร่างของชีจิ่นปลิวกระแทกเข้ากับผนังด้านหลัง ความเจ็บปวดแล่นขึ้นมาจากแผ่นหลัง ภายใต้ความเจ็บที่ด้านหน้าและด้านหลังประเดประดังเข้าหากัน ทำให้นางกระอักเลือดออกมาในทันที ร่างกายของนางเริ่มกระตุกและอาเจียนออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ชีหยวนย่อตัวลง แงะมือของนางออก หยิบปิ่นทองในมือของนางขึ้นมา แล้วแกว่งมันไปมาต่อหน้านาง: “ดูเจ้าสิ ไร้ค่าเสียจริง อย่างน้อยข้ายังได้เรียนรู้วิธีฆ่าหมูจากพ่อแท้ๆ ของเจ้ามาบ้าง อย่าดูถูกการฆ่าหมูนะ มันต้องใช้ทั้งแรงและทักษะ ต้องรู้ว่าจะเชือดอย่างไรให้ตายสนิทในครั้งเดียว ไม่ให้เสียเวลาให้น้ำ
แม้แต่ชีจิ่นก็ยังเบิกตากว้างอยู่ด้านข้าง ถอยหลังไปหนึ่งช่วงนางปิดปาก มองชีหยวนด้วยความเหลือเชื่อ: “เขาเป็นพี่ชายแท้ๆ ของเจ้า! เจ้ายังลงมือได้ลงคอจริงๆ หรือ?!”......ชีหยวนส่งสายตาซับซ้อนให้นาง แล้วเลิกคิ้วนับรูบนร่างชีอวิ๋นถิง แล้วแค่นเสียงหัวเราะเยาะ: “ตอนเกิดเรื่องเขาเป็นพี่ชายแท้ๆ ของข้า แต่ตอนเจ้าจะใช้เขาเป็นเครื่องมือ เขาก็เป็นพี่ชายแท้ๆ ของเจ้าแล้วใช่ไหม?”พี่ชายแท้ๆ อะไรกัน?ถุย!ชาติก่อนนางเคยทำอะไรผิดงั้นหรือ?!นางผ่านความทุกข์ยากมาอย่างแสนสาหัส คิดว่าการถูกตระกูลโหวรับกลับมา จะเป็นการพ้นจากความลำบากเสียที คิดว่าในที่สุดนางก็จะมีครอบครัวให้พึ่งพิงแต่สิ่งที่รอคอยนางอยู่คืออะไร?!คือคำด่าทอนังสารเลว ลูกนอกคอกจากปากของชีอวิ๋นถิงไม่เคยเว้นว่างคือฝ่ามือของชีอวิ๋นถิง คือความเย็นชาห่างเหินและความระแวงจากนางหวังในทุกวันพวกเขาใช้การกระทำบอกนางว่า นางไม่มีคุณค่า นางไม่เป็นที่ต้อนรับแม้กระทั่งรู้ทั้งรู้ว่าชีจิ่นล้มลงไปเอง แล้วโยนความผิดให้ว่านางเป็นคนผลัก ชีอวิ๋นถิงก็ยังลงมือหักขานางโดยตรงความเจ็บปวดจากขาที่หัก นางจำไปชั่วชีวิตนางเคยวิงวอนชีอวิ๋นถิงอย่างไร หวังว่าชี
ชีจิ่นสีหน้าไร้ความรู้สึกใดๆนางไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อยพี่ชายงั้นหรือ?ก็แค่คุณชายเสเพลที่ไม่มีอำนาจใดๆ ทำได้แค่พูดจาเหลวไหลไปวันๆ!ที่พึ่งพิงอะไรกัน?ก็แค่คนโง่เง่า คนไร้ประโยชน์ที่ดูดีภายนอกแต่ข้างในกลับกลวงเปล่าเท่านั้น!เขาจะคู่ควรกับนางได้อย่างไร?!ก็ดี ถือโอกาสนี้กำจัดทั้งชีอวิ๋นถิงและชีหยวนไปพร้อมกันเสียเลยชิชิบุตรชายบุตรสาวสายตรงของตระกูลตายหมดในคราวเดียวเชียว!นี่แหละคือผลกรรมของตระกูลชีที่ทอดทิ้งนาง!เป็นคนของตระกูลชีที่สมควรโดน!นางตื่นเต้นเกินไปจนเผลอหายใจผิดจังหวะ ต้องก้มลงไอไปสองสามครั้งผลลัพธ์คือเกาทัณฑ์แขนเสื้อของนางทั้งสิบดอกกลับพุ่งเข้าใส่ชีอวิ๋นถิงทั้งหมด!ทว่าไม่มีดอกใดโดนจุดสำคัญเลยราวกับว่ามีการคำนวณไว้แล้วอย่างแม่นยำบาดแผลของชีอวิ๋นถิงอยู่ที่ไหล่ แขน และขาเท่านั้นชีจิ่นเริ่มกระวนกระวายใจทำไมกัน?นังสารเลวชีหยวนไม่แม้แต่จะได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่นิดเดียว!นางหมดความอดทนแล้ว ชักแส้จากเอวออกมาแล้วฟาดไปทางชีหยวนอย่างรวดเร็วแส้นี้นางต้องแลกมาด้วยชีวิต ปลายแส้ชุบยาพิษเอาไว้ ขอแค่ฟาดให้ผิวหนังแตก พิษก็จะซึมลึกเข้าสู่กระดูก ทำให้คนคนนั้น
ระยะยิงของเกาทัณฑ์แขนเสื้อนั้นไม่ได้ไกลนัก จึงมักถูกใช้งานโดยการผูกติดไว้ที่ข้อมือแต่มันก็มีข้อดี นั่นก็คือใช้งานสะดวกและพกพาง่ายลูกดอกพุ่งออกไปดั่งสายฝน ใบหน้าของชีจิ่นพลันเยือกเย็นลงในทันทีนางไม่ได้สนใจเลยว่าชีอวิ๋นถิงจะเป็นหรือตาย ขอแค่ลูกดอกเหล่านั้นสักดอกหนึ่งได้ยิงเข้าใส่ชีหยวนขอแค่ชีหยวนตายขอแค่นางตาย ตนก็จะได้รับความดีความชอบจากท่านอ๋อง!จวนหย่งผิงโหวอะไรกัน? ฮูหยินของผู้สืบทอดจวนหย่งผิงโหว หรือแม้แต่ฮูหยินโหวอะไรนั่น? จะเทียบได้กับเกียรติยศของพระชายาอ๋องฉีได้อย่างนั้นหรือ!กระทั่งไม่ต้องพูดถึงตำแหน่งพระชายาอ๋องฉีเลย แม้หลังจากอ๋องฉีถูกลดขั้นเป็นจวิ้นอ๋อง ก็ยังเหนือกว่าตำแหน่งโหวถึงสามขั้น!มีคนมากมายที่พยายามทั้งชีวิต แต่ไม่อาจก้าวข้ามช่องว่างนั้นไปได้ ยิ่งไปกว่านั้น นี่มันไม่ใช่แค่ก้าวเดียว แต่มันเป็นทั้งเส้นทาง!นางสูดหายใจเข้าลึกและสิ่งที่เห็นก็คือ ชีหยวนกลับผลักชีอวิ๋นถิงมาข้างหน้าโดยไม่ลังเล!ชีหยวนกล้าทำเช่นนี้จริงๆ !ชีจิ่นถึงกับชะงักงันไปชั่วขณะนางคิดว่าตัวเองนั้นใจแข็งพอแล้วแต่ไม่นึกเลยว่าชีหยวนจะไร้ความปรานียิ่งกว่าตัวนางเองเสียอีกรู้ทั้งร
ขอแค่ฆ่าชีหยวนได้ขอแค่ชีหยวนตายไปเท่านั้น ท่านอ๋องย่อมหาหนทางนับหมื่นวิธีเพื่อทำให้ตนเองพ้นผิดนางก็ยังสามารถมีชีวิตที่ไร้กังวลได้ดังเดิมต่อให้ไม่มีจวนหย่งผิงโหว ต่อให้ต้องตัดขาดจากชีอวิ๋นถิงตลอดไปทุกสิ่งเหล่านี้ สำหรับนางแล้วไม่มีความสำคัญอีกต่อไปผู้ที่เคยเผชิญหน้ากับภัยคุกคามถึงชีวิตจะรู้ว่า ทุกสิ่งต้องยอมจำนนต่อความตายตอนนี้นางก็เป็นเช่นนั้น นางจ้องชีหยวนเขม็ง แล้วหัวเราะเยาะออกมาอย่างไม่เกรงกลัวใดๆ : “จบกันแค่นี้แหล่ะชีหยวน คนตายไปย่อมหมดเรื่อง ขอแค่เจ้าตาย ทุกอย่างก็จะจบแล้ว”นางขยับเข้าใกล้ยิ่งขึ้น ขาทั้งคู่ของชีหยวนถีบไปที่โต๊ะ ดันตัวเองกับเก้าอี้เลื่อนถอยไปด้านหลัง จังหวะนั้นเองก็เลี่ยงฝ่ามือของชีจิ่นไปได้พอดีฝ่ามือฟาดลงในความว่างเปล่า ชีจิ่นหน้าเขียวคล้ำ มองฝ่ามือตัวเองอย่างไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเหลือบมองชีหยวนที่เลื่อนถอยไปเป็นไปได้อย่างไร?โดนพิษของยาสลายพละกำลังแล้วนี่ ทำไมชีหยวนถึงยังมีแรงต่อต้านได้?!โลกนี้หมุนรอบชีหยวนหรืออย่างไรกัน?!นางแทบคลั่ง ยกข้อมือของตนขึ้นมาตามสัญชาตญาณ จ้องมองชีหยวนด้วยตาเขม็ง ก่อนจะเหนี่ยวไกที่ข้อมือโดยไม่มีคำเตือนต่อให้เก่งกา
การเสียดสีของนางแสดงออกมาทางคำพูด ชีอวิ๋นถิงมองนางด้วยความโกรธจัด หยิบถ้วยชาข้างตัวขว้างใส่ชีหยวนเต็มแรง: “เจ้าจะวางท่าอะไรหนักหนา? นังแพศยา! เจ้าควรถูกเหยียบย่ำอยู่ใต้ฝ่าเท้าคนอื่นไปตลอดชีวิต ไม่มีวันได้เงยหน้าอ้าปาก! เจ้าถูกกำหนดมาให้เป็นแค่คนต่ำสถุน!” ชีหยวนเบี่ยงศีรษะเล็กน้อย ถ้วยชาก็ตกลงพื้น เศษกระเบื้องกระเด็นไปทั่วห้องในทันใดราวกับว่าความโกรธทั้งหมดที่กักเก็บไว้ได้พบทางออกและระบายออกมา ตั้งแต่วันที่ชีหยวนกลับมาบ้าน ความอดกลั้นทั้งหลายในระยะเวลาหลายเดือนก็ได้รับการปลดปล่อยออกมาในขณะนี้จะกลัวอะไรอีก?ตอนนี้พวกเขาต่างหากเป็นฝ่ายคุมสถานการณ์ความสะใจจากการล้างแค้นอยู่ตรงหน้า ส่วนผลที่ตามมาค่อยว่ากันทีหลังดวงตาของชีจิ่นเป็นประกายผิดปกติ นางก้มลงหยิบเศษกระเบื้องขึ้นมา และเอ่ยอย่างแผ่วเบา: “พี่หญิง ทำไมถึงตกใจนัก? เจ้าไม่ใช่นักฆ่าฝีมือฉกาจหรอกหรือ? ตอนนี้เจ้าควรฆ่าพวกเราได้อย่างง่ายดายไม่ใช่หรือ?”ชีหยวนยิ้มเช่นกัน: “ที่แท้ คนที่อยู่ในจวนตระกูลหวังวันนั้นเป็นเจ้าเองสินะ”เมื่อตอนที่นางสังหารอ๋องเฉิง นางก็สงสัยอยู่แล้วว่าทำไมองครักษ์ลับที่อ๋องฉีและตระกูลหลิ่วส่งมาถึงมีท่าทีป
ชีอวิ๋นถิงรินน้ำชาให้ชีหยวนอย่างเป็นธรรมชาติ: “นี่คือชาอิ๋นเจินของหอไท่ไป๋ ออกรสไว มีรสชาติค้างอวลอยู่ในปาก เจ้าลองดูสิ”ชีหยวนดูเหมือนจะสนใจทิวทัศน์ภายนอกเป็นอย่างมาก มิได้ระแวดระวังอะไร ดื่มน้ำชาในถ้วยชารวดเดียวหมดจากนั้นจึงหันไปมองชีอวิ๋นถิงก่อนเอ่ยเรียบๆ ว่า: “พูดมาตรงๆ เถอะ เรียกข้าออกมาทำไมกันแน่? ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะมีน้ำใจดีขนาดนี้ เพียงเพื่อต้องการแสดงละครฉากพี่น้องปรองดองให้ท่านยายดู”ชีอวิ๋นถิงถอดสีหน้า: “เจ้าช่างเดาเก่งนักนะ”ชีหยวนเอนตัวพิงเก้าอี้เชียนหยี่ พูดอย่างตรงไปตรงมา: “ไม่ใช่เดาหรอก แค่เพราะเจ้าเป็นคนที่ไม่เคยทำเรื่องดีๆ มาก่อนเท่านั้นเอง”จะตายอยู่รอมร่อแล้วยังปากดีอีก!ชีอวิ๋นถิงแสยะยิ้มเย็นชา พูดโต้กลับอย่างไม่เกรงใจ: “แล้วเจ้าคิดว่าตัวเองเป็นคนดีนักหรือ? ข้าไม่รู้หรอกว่าเจ้าเป็นวิญญาณเร่ร่อนที่ไหนมาสิงอยู่ในร่างอันต่ำต้อยนี้ แต่ไม่ว่าเจ้าจะเป็นอะไร ชีวิตดีๆ ของเจ้าก็ต้องจบลงแค่นี้แล้ว!”สีหน้าชีหยวนเปลี่ยนไปทันที: “เจ้าคิดจะทำอะไร?!”“ข้าคิดจะทำอะไรน่ะเหรอ?!” ชีอวิ๋นถิงที่อัดอั้นมานานหลายเดือน ในที่สุดวันนี้ก็ได้ระเบิดออกมาอย่างสะใจ: “ข้าจะฆ่าเจ้า