Share

บทที่ 115

Author: ฉินอันอัน
ใคร?

ใครคือผู้ที่จะทำให้อ๋องฉีเดือดร้อน?

แต่ชีหยวนไม่ได้พูดอะไรอีก นางลงจากรถม้าและเดินเข้าประตูตรงมุมบ้านของตระกูลชีโดยตรง

ลมพัดแขนเสื้อของนางขึ้น และเซียวอวิ๋นถิงเพิ่งพบว่า นางผอมจนน่าสงสารไปหน่อยจริง ๆ

หลายปีมานี้ นางดิ้นรนในชนบทอย่างยากลำบาก หลังจากกลับมา ยังต้องวางแผนสารพัด ทุ่มเทแรงกายแรงใจเช่นนี้ คงจะแปลกถ้าสามารถขุนให้อ้วนขึ้นได้

เซียวอวิ๋นถิงลดตาลง และปาเป่าก็รีบถามเขา: “ท่านอ๋อง ท่าน…...”

“ไป ตรวจสอบคนทางนั้นดู! คนผู้นั้นก็น่าจะทรมานพอประมาณแล้ว? ไปตรวจดูหน่อย!” เซียวอวิ๋นถิงกดหว่างคิ้วของเขา

ฟังจากคำพูดนี้ของเขา มันชัดเจนว่าเขาเชื่อชีหยวนอย่างเต็มที่

ปาเป่าตอบรับด้วยเสียงต่ำ แล้วขับรถม้าออกไป

ที่ตระกูลชี พอทราบว่าชีหยวนกลับมาแล้ว นางหวังก็รีบเรียกนางเข้าไป ถามด้วยความไม่พอใจเท่าไรนัก “ไฉนถึงไปนานเช่นนี้!”

“องค์หญิงใหญ่มีคำพูดที่ต้องกำชับข้า ดังนั้นจึงใช้เวลานานไปเสียหน่อย” ชีหยวนถามอย่างเรียบเฉย “ฮูหยินมีเรื่องอันใดหรือ?”

นางหวังกลั้นอารมณ์ที่ยากต่อการจัดการ ถ้านางไม่ได้มีเรื่องอะไรหรือไม่มีธุระ ก็ไม่คู่ควรที่จะคุยกับลูกสาวคนนี้แล้วหรือไง?

คนไม่ที่รู้ จะแยกออกได้
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 116

    ตอนนี้จากกำไลวงเดียว ชีหยวนสามารถเห็นถึงความผิดปกติ ก็แสดงให้เห็นว่าข้อนี้มีความสำคัญแค่ไหนแม้แต่นางหวังก็ไม่ได้สังเกตเห็นความแตกต่างนี้แต่ความแตกต่างที่ประจวบเหมาะนี้เอง ที่บางครั้งอาจส่งผลให้ทั้งครอบครัวต้องสูญเสียอนาคตหรือกระทั่งชีวิตได้ทุกคนต่างถอนหายใจด้วยความโล่งใจท่านโหวผู้เฒ่าถามชีหยวน: “อาศัยเพียงสิ่งนี้หรือ?”ชีหยวนเลิกคิ้วขึ้น: “ก็ไม่ใช่ หลังจากที่ข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ข้าก็เคยจับตาดูนาง พบว่าสาวใช้และแม่นมข้างกายนางออกจากจวนบ่อยกว่าบ่าวรับใช้ทั่วไป และขยันขันแข็งนัก มักจะออกไปเมื่อวานรอบหนึ่ง พอวันรุ่งขึ้นก็ออกไปอีกรอบ”หญิงสาวที่อาศัยต่างถิ่น ไฉนเลยจะมีธุระให้ออกไปได้บ่อยครั้งนัก?ท่านโหวผู้เฒ่าจ้องมองชีเจิ้นด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความตำหนิหากเจ้าบ้านระมัดระวังมากกว่านี้ คงจะรู้เรื่องนี้แน่นอนชีเจิ้นก็รู้สึกอับอายเช่นกันท่านโหวผู้เฒ่าถอนหายใจ “อาหยวน เจ้านี่เก่งจริงๆ”แน่นอนว่าเก่งอยู่แล้ว กฏมารยาทความรู้ไม่มีขาด ทั้งยังสามารถชนะใจองค์หญิงใหญ่ สามารถเชิญองค์หญิงใหญ่ให้ลงจากเขาได้อีกด้วยแต่ชีหยวนส่ายหน้า: “ท่านปู่ ท่านพ่อ ยังเร็วเกินไปที่จะชมเชย ป

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 117

    สีหน้าของชีเจิ้นซีดลงเรื่อย ๆ พอเขารู้สึกตัว เขาก็รู้สึกถึงเหงื่อเย็นบนแผ่นหลัง ขนลุกไปทั้งตัวอ๋องฉีเป็นหมาป่าที่ทะเยอทะยานและหิวโหยอย่างแท้จริง!และไม่รู้ว่าเขารู้ภารกิจของตนได้อย่างไร ถึงกับติดสินบนหานเยว่เอ๋ออย่างลับๆ ให้หานเยว่เอ๋อทำหน้าที่เป็นเบี้ยลับในการล้วงหาข้อมูลอาจเป็นเพราะการสืบไม่เกิดผล เมื่อเร็ว ๆ นี้อ๋องฉีจึงได้เปิดเผยความตั้งใจที่จะเกี่ยวดองหากแต่งงานกันแล้ว ก็จะกลายเป็นครอบครัวเดียวกันไม่ใช่หรือ?ชีเจิ้นถามกับตัวเอง ถ้าเขาได้เกี่ยวดองกับอ๋องฉี เช่นนั้น จะยังสามารถรักษาจุดยืนของเขาไว้ไม่เอนเอียงไปทางอ๋องฉีได้หรือไม่?คำตอบคือไม่ได้ขุนนางผู้ได้รับใช้เคียงบ่าเคียงไหล่กษัตริย์ เรื่องดีที่จะถูกจารึกไว้ในหน้าหนึ่งของลำดับวงศ์ตระกูลเช่นนี้ ไม่มีชายใดจะปฏิเสธได้ แน่นอนว่าเพื่อประโยชน์ของตัวเองและตระกูลชี เขาจะเข้าข้างลูกเขย ยอมต่อสู้เพื่ออนาคตของลูกเขยและตระกูลของเขาทว่า มันเป็นเรื่องปกติที่เขาจะรู้หลักการเหล่านี้แต่เหตุไฉนชีหยวนถึงรู้ได้?ชีเจิ้นมองพิจารณาชีหยวนอย่างจริงจังเยี่ยงนี้เป็นครั้งแรก ถามด้วยเสียงทุ้มลึกอย่างฉับพลัน: “เจ้าเป็นใครกันแน่?”นี่คือบุต

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 118

    โชคดีที่เขาไม่ได้ดื่มชา มิเช่นนั้นลองดูบุตรชายเขาสิ น่าเขินอายแค่ไหน!ท่านโหวผู้เฒ่าปรับสีหน้าให้สุขุม ส่งเสียงไอสองครั้ง ดุด้วยเสียงต่ำว่า “อย่าพูดเหลวไหล!”เขาเพียงแต่ต้องการจะแก้ไขปัญหานี้ แม้ว่าเมื่อถึงเวลานั้นเขาจะต้องคุกเข่าคำนับต่ออ๋องฉีก็ตาม ตราบใดที่สามารถจัดการปัญหานี้ได้ก็จะชนะแล้วทำอะไรพอประมาณ เพื่อง่ายต่อการพบกันวันหน้าเป็นจริงที่ว่ามดสามารถต่อสู้กับมดได้ แต่หากมดต่อสู้กับนกขมิ้น นั่นมันเสียสติอย่างยิ่ง?ตอนนี้ล่วงเกินอ๋องฉี เป็นเพียงเรื่องสุดวิสัย มีผู้คนจำนวนมากคอยจับตาดูพวกเขาอยู่ ตระกูลชีแบกรับชื่อเสียงว่าสมคบคิดกับท่านอ๋องไม่ไหวทว่า ใครจะไร้เดียงสาถึงขั้นคิดจะสังหารท่านอ๋องกันล่ะ?ชีหยวนกลับแสดงสีหน้าจริงจัง ยืดตัวตรง นางยิ้มอย่างเย็นชา: “มิได้พูดเหลวไหลเจ้าค่ะ ตระกูลชีตอนนี้เป็นหนามยอกอกของอ๋องฉี จำต้องกำจัดให้เร็วที่สุด”ชีเจิ้นไม่เชื่อ เรื่องนี้เดิมทีอ๋องฉีเป็นคนผิดก่อน พวกเขาก็แค่สู้กลับอ๋องฉีไม่ใช่คนบ้าเสียหน่อย ที่จะรีบร้อนกำจัดจวนโหวขนาดนั้น?เห็นถึงทัศนคติของพวกเขา ชีหยวนก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแค่ยิ้มเล็กน้อย “ท่านปู่ ท่านพ่อ ข้าเหนื่อยเล็กน้อย

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 119

    ชีอวิ๋นถิงปิดหน้าโดยไม่รู้ว่าตนทำอะไรผิดอีกหรือเป็นเพราะเรื่องที่ชิงซงไปเผาศาลบรรพบุรุษ?แต่นั่นไม่ถูกต้อง หลังจากเผาศาลบรรพบุรุษแล้ว ท่านพ่อและคนอื่น ๆ ยิ่งควรคิดว่าชีหยวนเป็นสัตว์เดรัจฉาน และไล่นางออกไปทันทีมิใช่หรือ?เช่นนั้น แล้วมันเป็นเพราะอะไรล่ะ?!หลังจากที่ชีเจิ้นออกไป ชีอวิ๋นถิงก็เอามือปิดหน้า คิดอย่างเหม่อลอยอยู่นาน และดุใส่หญิงรับใช้ที่อยู่ข้างๆ “ไป! ไปเชิญคุณหนูหานมา เร็วเข้า!”เขาอยากถามนักว่า เกิดอะไรขึ้นกันแน่!ท่าทีของสาวรับใช้ล้วนแปลกประหลาดมากยังคงเป็นแม่นมของชีอวิ๋นถิงที่ก้าวออกมา ถอนหายใจ “คุณชาย ล้มเลิกความคิดนี้เสียเถอะ ท่านจะไม่มีวันได้พบกับคุณหนูหานอีกแล้ว”ไม่ได้พบอีกแล้ว?ชีอวิ๋นถิงตกตะลึง พ่อแม่ของหานเยว่เอ๋อล้วนเสียชีวิตทั้งคู่ และครอบครัวของนางไม่ใช่คนดี ดังนั้นนางจึงถูกฝากไว้ให้ตระกูลชีดูแล นางเป็นเหมือนคนในตระกูลชี ภายภาคหน้าจะแต่งงานก็ต้องอยู่ในตระกูลชีเหตุใดจึงไม่ได้พบกันอีกต่อไป?นอกจากนี้ คำพูดนี้เหตุใดจึงฟังดูคุ้นเคยนัก?ดูเหมือนเขาจะเคยได้ยินประโยคนี้มาก่อนในเวลาอื่นเมื่อไหร่กันนะ?เขาจำได้แล้ว เป็นตอนที่นางหวังบอกกับเขาอย่างจริงจ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 120

    อ๋องฉีช่างใช้ไม่ได้เสียจริง มีสัมพันธ์ลักลอบเป็นชู้กับลูกสาวบุญธรรมของคนอื่น ทั้งยังสืบข่าวในเรือนของคนอื่นอีกด้วย นี่มันใช้ได้ที่ไหนกัน?ผู้ตรวจการโจวปิดสาส์นด้วยความฉับไว เขาเองก็ขมวดคิ้วและส่ายหัว ใช้ไม่ได้ ใช้ไม่ได้จริงๆ!ขณะที่เขากำลังคิดเช่นนี้อยู่ เลขาก็เข้ามาแจ้งเรื่องที่หานเยว่เอ๋อกำลังคุกเข่าอยู่ด้านนอกผู้ตรวจการโจวตอบรับ จำได้ทันทีว่าหานเยว่เอ๋อเป็นลูกสาวของสหายเก่าของเขาทว่า.....เขาลุกขึ้นยืน คิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ออกไปด้วยตัวเองหานเยว่เอ๋อยังคงคุกเข่าอยู่บนพื้นกระเบื้อง ผู้คนเดินเข้าออกหน้าประตู หลายคนก็จับตามองไปที่ตัวนางผู้ตรวจการโจวลงบันไดมาหยุดอยู่ตรงหน้านาง: “ลุกขึ้นเถิด! เจ้ามาที่นี่ มีเรื่องอันใดรึ?”หานเยว่เอ๋อสะอื้นไห้และร้องออกมา: “ท่านอาโจว! เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับท่านอ๋อง! ท่านอ๋องไม่ได้ขอให้ข้าสืบหาข่าวของตระกูลชีเป็นการส่วนตัว ทุกอย่างข้าทำด้วยตัวข้าเอง! ข้ากับท่านอ๋อง…...”เมื่อนางกล่าวถึงตรงนี้ นางก็คร่ำครวญและแก้มของนางก็แดงก่ำ “ข้าและท่านอ๋องต่างก็รักใคร่กัน อันที่จริงแล้ว ข้าและท่านอ๋องต่างก็รู้ใจกันมาเป็นเวลานานแล้ว! ด้วยเหตุนี้ ระหว่างคน

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 121

    เสียงกัมปนาทดังขึ้น ราวอสนีบาตสายหนึ่งฟาดลงมา ฉีอ๋องถามอย่างตกตะลึงว่า “พระราชทานสมรสอะไรกัน พระราชทานสมรสอะไร?”เขาเป็นโอรสมังกร ยิ่งเป็นบุตรชายแท้ๆ ของเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟย ยามอยู่ในวังนอกจากรัชทายาท นับว่าฐานะของเขาสูงที่สุดและได้รับความรักจากฮ่องเต้มากที่สุดด้วยนับตั้งแต่เด็ก ฮ่องเต้หย่งชางก็นำความรู้สึกผิดต่อพระชายาหลิ่วมาไว้ที่ตัวเขา ตามใจเขาอย่างมากเจ็ดขวบเขาก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นอ๋อง ที่ดินศักดินาคือมณฑลเหอหนานซึ่งเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ในที่ราบภาคกลาง แม้จะยังมิได้ย้ายไปประจำที่ที่ดินศักดินา แต่องครักษ์ที่มอบให้เขาก็เพิ่มจำนวนไปถึงห้าหมื่นแล้วและเนื่องจากเขายังไม่ได้แต่งงาน ฮ่องเต้หย่งชางจึงอนุญาตให้เขาเข้าออกวังได้ตามใจ กระทั่งตัดใจให้เขาย้ายไปอยู่ที่เขตศักดินาไม่ได้ด้วยความโปรดปรานเช่นนี้ เขาจะไม่เกิดความคิดอื่นขึ้นมาได้อย่างไร?รัชทายาท?รัชทายาทแล้วอย่างไร?!หากมิใช่เพราะตอนนั้นฮองเฮาเฝิงเจ้าเล่ห์เพทุบาย แล้วยังมีตระกูลเฝิงที่ควบคุมการป้องกันในเมืองหลวง กุมทรัพย์สินเงินทองอยู่ในมือ ฮองเฮาเฝิงจะมีโอกาสเป็นฮองเฮาได้อย่างไรรัชทายาทยิ่งไม่ต้องพูดถึง! ร่างกายอ่อนแอ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 122

    แต่งงาน?!แต่งงานบ้านบ้าบออะไร!เพียงครู่เดียว ขันทีสวีก็เข้ามาอย่างเร่งร้อนฉีอ๋องเหลือบมองเขาทีหนึ่ง มิได้กล่าวสิ่งใดแต่ขันทีสวีรู้ดีว่า นี่เป็นความหมายว่าจงอย่างพร่ำเรื่องไร้สาระ เขาจึงก้าวสองสามก้าวแล้วลดเสียงลงว่า “ท่านอ๋อง แม่นางหานแอบหนีออกไปพบผู้ตรวจการโจวของสำนักตรวจการอย่างลับๆ คุกเข่าที่หน้าประตูขอร้องให้ผู้ตรวจการโจวส่งนางกลับตระกูลชีขอรับ”เขากล่าวจบก็มองสีหน้าของฉีอ๋อง จากนั้นก็ไม่กล้ากล่าวสิ่งใดอีก ได้แต่ถอยไปยืนอยู่ด้านข้างในห้องเงียบงันเป็นเวลานาน บรรยากาศกดดันไร้สุ้มเสียงเป็นเวลานานหลังจากนั้น ฉีอ๋องก็กวาดของทั้งหมดบนโต๊ะลงพื้น ถ้วยน้ำชาและแจกันลายสีครามประดุจฟ้าหลังฝนอันล้ำค่า ล้วนหล่นลงบนพื้น บังเกิดเสียงดังสนั่นขันทีสวีมีสีหน้าหวาดหวั่น “ท่านอ๋องรักษาสุขภาพด้วยพ่ะย่ะค่ะ”ดี! ดี! ดีนัก!ดวงตาของฉีอ๋องเปล่งแสงเยียบเย็นออกมา ประดุจหมาป่าที่ถูกทำให้โมโหตัวหนึ่งหานเยว่เอ๋อช่างดีนัก! กล่าวกระไรว่าที่ไปหาผู้ตรวจการโจวก็เพื่อตน นางจะรับความผิดทั้งหมดไว้เองแต่ลูกไม้เล็กๆ เช่นนี้จะตบตาฉีอ๋องได้อย่างไร?นางจงใจทำให้เรื่องใหญ่ชัดๆในวังจึงได้ประกาศราชโองการพร

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 123

    หัวใจทั้งดวงของหานเยว่เอ๋อเต้นระรัว ตลอดทั้งคืนล้วนไม่อาจข่มตาเช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อลืมตาขึ้นมา กระทั่งมาอยู่ต่อหน้ากระจกแต่งตัว นางจึงได้กล้าเชื่อว่า ตนได้กลายเป็นว่าที่พระชายาของฉีอ๋องในอนาคตแล้วราชโองการจากโอรสสวรรค์ ทรงให้คำมั่นด้วยพระองค์เองดังนั้น ทั่วทั้งเมืองหลวง ไม่สิ หลังจากที่สารถูกส่งไปยังที่ต่างๆ ผู้คนทั่วหล้าย่อมได้รู้ว่า นางจะกลายเป็นพระชายาของฉีอ๋องแล้วได้เชิดหน้าชูตาเสียที ช่างสาแก่ใจเหลือเกิน!นางสางผมของตนอย่างช้าๆ ค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมาหน้ากระจกอย่างลำพองชีจิ่น ชีหยวนอะไรกัน?นังโง่ชีจิ่นนั่นตายไปแล้วส่วนนังชีหยวนนั่นเหอะเหอะ คิดว่าตัวเองแน่ ต่อให้นางสามารถเลียนแบบลายมือของนางปลอมจดหมายแล้วอย่างไร?นางอาศัยเพียงตนเอง ก็สามารถสร้างหนทางออกมาอีกสายได้เช่นกัน!นังบ่าวชั้นต่ำที่กลับมาจากชนบทนั่นไม่มีทางจินตนาการออกว่า ฐานะ ‘พระชายา’ นี้สูงส่งเพียงใดนับจากบัดนี้ไป ยามที่ชีหยวนพบนาง จะต้องคุกเข่าถือรองเท้าให้นางอย่างต่ำต้อยนบนอบ (คุกเขาแทบเท้านาง)เหลียนเอ๋อร์ที่อยู่ข้างกายนางก็แย้มยิ้มอย่างเบิกบานเช่นเดียวกัน ยิ่งเสี่ยงผลตอบแทนก็ยิ่งสูงจริงๆ เมื่อวานยังไม

Latest chapter

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 196  

    กลับกัน นางมีความเก่งกาจโดดเด่นมาโดยตลอดจนเรียกว่าแข่งกับองค์หญิงลั่วชวนในทุก ๆ เรื่อง แม้กระทั่งการเล่นตีคลีก็เช่นกัน งานแข่งตีคลีครั้งนี้ นับเป็นการลงสนามแข่งขันอย่างเป็นทางการหลังพิธีปักปิ่นของพวกนางสองคน ทั้งคู่ต่างแบ่งกลุ่มมาก่อนเรียบร้อยแล้ว บัดนี้หลิ่วหมิงจูกำเริบเสิบสานไร้ความยำเกรง ในสายตาขององค์หญิงลั่วชวนมองแล้วชัดเจนว่าจงใจยั่วโทสะอย่างไม่ต้องสงสัย หลิ่วหมิงจูกลั้วหัวเราะเสียงเบา: “ชนะข้า? องค์หญิง หากท่านคิดอยากจะชนะข้า…ชนะคนอื่นให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากันเถิด” สีหน้าของนางดูราบเรียบ เอ่ยด้วยใบหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม: “ได้ยินว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลชีแห่งจวนหย่งผิงโหว ได้รับการชี้แนะอบรมโดยตรงจากองค์หญิงใหญ่ ฝีมือการขี่อาชาเรียกว่าโดดเด่นไม่เป็นรอง หากองค์หญิงสามารถเอาชนะนางได้ ข้าก็จะยอมรับความพ่ายแพ้ โดยที่ไม่ต้องแข่งขัน เช่นนั้นเป็นอย่างไร?” แต่ไหนแต่ไรมาองค์หญิงใหญ่โปรดปรานการเล่นตีคลีเป็นที่สุด แม้แต่บรรดาพระเชษฐาอย่างอ๋องโจวและอ๋องอู๋ยังไม่สามารถเอาชนะนางได้ ดังนั้นได้ยินหลิ่วหมิงจูเอ่ยเช่นนี้ขึ้น องค์หญิงลั่วชวนก็ขมวดคิ้วขึ้นและโพล่งถามออกไปทันใด: “ใครกัน?

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 195  

    งานแข่งตีคลีของจวนอ๋องโจวมิได้จัดขึ้นที่จวนอ๋องโจวจริง ๆ ทว่าจัดที่เรือนพักนอกเมืองของจวนอ๋องโจว ซึ่งอยู่นอกเขตเมืองหลวง และต่อให้จวนในเมืองหลวงจะใหญ่โตกว้างขวางสักเพียงใด ทว่าจะสร้างสนามตีคลีขึ้นสักหนึ่งสนามนั้นก็ค่อนข้างลำบากเกินไปอยู่ดี แต่กับนอกเขตเมืองหลวงนั้นแตกต่างกัน สนามตีคลีของจวนอ๋องโจวใหญ่จนน่าอัศจรรย์ใจ อีกทั้งรอบข้างยังสร้างที่นั่งซึ่งมีลักษณะเป็นขั้นบันไดไล่ขึ้นไปจากต่ำไปสูง เพื่อให้ผู้ชมสามารถมองเห็นเหตุการณ์ในสนามแข่งขันได้จากทุกทิศทาง ตอนที่ฮูหยินรองชีพาชีหยวนไปถึง บรรยากาศในงานยังไม่เร่าร้อนคึกคัก นางพาชีหยวนไปกล่าวทักทายพระชายาโจวก่อน พระชายาโจวกำลังยุ่ง อันที่จริงเหตุผลที่ส่งเทียบเชิญให้ตระกูลชี พูดตามตรงแล้วก็เป็นเพราะว่าเห็นแก่หน้าฮูหยินซื่อจื่อฉู่กั๋วกงซึ่งเป็นพี่สาวผู้พี่ของนางต่างหาก และแน่นอนว่านางไม่มีความจำเป็นจะต้องลดเกียรติลงไปสนทนากับชีหยวนด้วยตนเอง ด้วยเหตุนี้เองกระทั่งฮูหยินรองชีทำความเคารพแล้ว นางไม่แม้แต่มองให้ชัดเจนด้วยซ้ำว่าชีหยวนรูปโฉมโนมพรรณเป็นอย่างไร เพียงแต่อมยิ้มพลางเอ่ยกับฮูหยินรองชีว่า: “พวกเด็ก ๆ ต่างอยู่ในตำหนักเถาฮวาอู้ที่ลาน

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 194  

    เซียวอวิ๋นถิงจ้องมองชีหยวนอยู่ครู่ใหญ่: “ไฉนชีวิตเจ้าจะต้องต่ำต้อยไร้ค่า?” ในน้ำเสียงของเขาเจือด้วยโทสะที่ปกปิดไม่มิด นั่นกลับทำให้ชีหยวนที่ตอนแรกยังอยู่ในความตื่นเต้นฮึกเหิมสงบลง นางลูบปอยผมของตนเองที่หลุดลงมาอย่างสุขุมเยือกเย็น: “ข้าน้อยพูดผิดไปแล้ว ขอบคุณท่านอ๋องที่ชี้แนะ ข้าน้อยจะจดจำใส่ใจเจ้าค่ะ” นางสำนึกผิดรวดเร็วเพียงนี้ ทว่าไม่รู้ด้วยเหตุผลใดโทสะแต่เดิมที่ไม่รู้มาจากไหนของเซียวอวิ๋นถิงกลับยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นมา ไม่รู้ด้วยเหตุผลใด ประโยคนั้นที่ว่าชีวิตต่ำต้อยหนึ่งชีวิตของข้า กลับทำให้สายใยบางอย่างในใจของเขาสั่นไหวขึ้นมา ความรู้สึกอึดอัดแล่นพล่านอยู่ภายในใจของเขา ลูกกระเดือกของเขาขยับขึ้นลง พลางจ้องชีหยวนและกล่าวว่า: “เจ้าอย่าเอาตัวไปเสี่ยงอันตราย หากมีเรื่องอันใด ข้าสามารถช่วยเหลือเจ้าได้” ชีหยวนไม่ตอบกลับ เรื่องราวในชาตินี้ไม่มีอะไรแน่นอน พึ่งพิงขุนเขาขุนเขาก็อาจจะถล่มลงมา สิ่งเดียวที่สามารถพึ่งพิงได้ มีเพียงตนเอง เพียงแต่เรื่องแบบนี้ ไม่มีความจำเป็นจะต้องไปโต้เถียงกับผู้ใดอีกแล้ว นางยิ้มพลางกล่าวขอบคุณในน้ำใจและความหวังดีของเซียวอวิ๋นถิง จากนั้นค่อยเล่าข้อ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 193  

    เซียวอวิ๋นถิงขมวดคิ้วพลางจ้องมองชีหยวนซึ่งอยู่ตรงหน้า เห็นนางยังผงกศีรษะ ก็รู้สึกร้อนใจขึ้นมาอย่างอดไม่ได้: “ที่แห่งนั้นไม่เหมาะกับเจ้า!” กลัวว่าชีหยวนจะคิดเรื่องนี้ง่ายดายเกินไป เซียวอวิ๋นถิงจึงเอ่ยปากแนะนำด้วยเสียงเคร่งขรึม: “พูดถึงอ๋องโจว ก็เป็นท่านปู่น้อยของข้า เขาเป็นพี่น้องร่วมครรภ์มารดาเดียวกับเสด็จปู่ของข้า ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองแน่นแฟ้นยิ่งนัก และด้วยเหตุผลนี้ พระธิดาของเขาจึงได้รับความรักความโปรดปรานเป็นที่สุด นับแต่เยาว์วัยก็ได้รับแต่งตั้งเป็นองค์หญิงลั่วชวนแล้ว อีกทั้งยังได้รับการเลี้ยงดูในวังหลวงโดยไทเฮาด้วย” ชีหยวนเพียงส่งเสียงอืมรับคำ นางรู้อยู่แล้ว “องค์หญิงที่ถูกเลี้ยงดูให้เติบโตมาอย่างสูงศักดิ์เลิศล้ำเช่นนี้ ในสายตาในหัวใจยอมรับได้เพียงแค่พวกนางกันเองเท่านั้น” เซียวอวิ๋นถิงกลัวว่าชีหยวนจะไม่เข้าใจ ก็อธิบายคำพูดเมื่อครู่ให้ชัดเจนกระจ่างขึ้นอีกหน่อย: “ข้าบอกเจ้าง่าย ๆ แล้วกัน บรรดาดรุณีผู้สูงศักดิ์ในเมืองหลวง สามารถแบ่งคร่าว ๆ ออกมาได้ห้าลำดับขั้น ลำดับขั้นแรก แน่นอนว่าต้องเป็นเหล่าองค์หญิงของราชสำนักอย่างเช่นองค์หญิงลั่วชวน องค์หญิงเสียนหนิงกลุ่มนั้น ส่วนอั

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 192  

    นางไม่พูดมากไปกว่านี้แล้ว เพียงแต่บอกให้พวกชีเจิ้นและท่านโหวผู้เฒ่าวางใจ มีลูกหลานที่มีความสามารถเก่งกาจเกินไปก็มิใช่เรื่องน่ายินดีอะไรนัก เพราะเมื่อใดที่เราอยากเป็นผู้ตัดสินใจบ้างก็เป็นเรื่องที่ยากมากเกินไปจริง ๆ ทั้งท่านโหวผู้เฒ่าและชีเจิ้นต่างไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมาดี หนนี้กลับเป็นฮูหยินผู้เฒ่าที่รู้สึกยินดีอย่างถึงที่สุด: “ให้น้าสะใภ้รองของเจ้าพาเจ้าไปสิ! ข้าจะให้คนไปตัดอาภรณ์ชุดใหม่มาให้เจ้า เมื่อถึงยามนั้นเจ้าจงเที่ยวเล่นให้เบิกบานใจ” เที่ยวเล่นให้เบิกบานใจ… ชีเจิ้นคล้ายจะเอ่ยบางอย่างแต่ชะงักไป ชีหยวนกลับผุดยิ้มพลางกล่าวขอบคุณฮูหยินผู้เฒ่าชี จากนั้นก็หยัดกายขึ้นและกลับไปที่หอหมิงเยว่ ครั้นกลับมาถึงหอหมิงเยว่ เหลียนเฉียวมารออยู่หน้าประตูเรือนได้พักหนึ่งแล้ว เมื่อเห็นนางก็ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ก่อนจะสืบเท้าเดินเข้าไปหาอย่างรีบร้อน: “คุณหนู ท่านกลับมาแล้ว!” จากนั้นก็กดเสียงลงเอ่ยว่า: “ท่านอ๋องอยู่ด้านในเจ้าค่ะ” นางแทบจะตกใจตายให้ได้เลยจริง ๆ ก่อนหน้าตอนที่นางเข้าไปในห้อง ครั้นเห็นเซียวอวิ๋นถิงนั่งอยู่ข้างหน้าต่างในตอนนั้น ก็เกือบจะตกใจตายแล้ว ช่วงนี้มันอย่าง

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 191  

    ครั้นได้รับเทียบเชิญ คนทั้งตระกูลชีต่างรู้สึกประหลาดใจและไม่มั่นใจเล็กน้อย สาเหตุเพราะเกิดเหตุร้ายแรงขึ้นในสกุลโจว ดังนั้นระยะนี้ชีฟางอวิ๋นจึงต้องพำนักอยู่ที่เรือนมารดามาตลอด พอได้ยินข่าวนี้ก็เผลอมองชีหยวนหลายครั้งอย่างอดไม่ได้ จากนั้นก็แอบกระซิบถามฮูหยินผู้เฒ่าชีว่า: “ท่านแม่ พี่หยวนนางเป็น…” เป็นใครมาจากไหนกันแน่? เรื่องที่ทำไมตอนนี้ทุกคนในตระกูลชีถึงยอมรับกลาย ๆ ว่านางเป็นผู้นำบังไม่เท่าไร ทว่าเหตุใดแม้กระทั่งบรรดาบุคคลผู้มีชื่อเสียงนอกเรือนยังพากันให้ความสำคัญกับนางมากถึงเพียงนี้อีก? งานแข่งตีคลีของจวนอ๋องโจว ใช่ว่าจวนหย่งผิงโหวจะไม่เคยได้รับเทียบเชิญมาก่อนเสียเมื่อไร ทว่าแต่ไหนแต่ไรมา ก็ไม่เคยระบุเจาะจงชัดเจนว่าเชิญผู้ใดอย่างเช่นตอนนี้ แบบนี้จะไม่แปลกเกินไปหน่อยหรือ? ชีหยวนเพิ่งจะกลับมาได้เพียงไม่นาน ตระกูลบุญหนักศักดิ์ใหญ่ในเมืองหลวงมีใครบ้างเกรงว่ายังรู้จักไม่ครบเสียด้วยซ้ำไป นับดูให้ดีแล้วที่ออกไปเยี่ยมเยียนเป็นแขกก็มีเพียงตระกูลเซี่ยงตระกูลเดียวเท่านั้น มิหนำซ้ำยังเป็นการไปที่มิใช่เรื่องน่ายินดี แวะไปเพียงครู่เดียวก็กลับแล้ว จวนอ๋องโจวมีเหตุผลใดถึงต้องเจาะจ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 190

    เมื่อเห็นเช่นนี้ ฮูหยินใหญ่หลิ่วก็โกรธจัด: “งานแข่งตีคลีของจวนอ๋องโจว เจ้าไม่ต้องไป!”หลิ่วหมิงจูกังวลใจทันที: “ทำไมล่ะ?! ข้าเตรียมตัวมาครึ่งปีแล้ว ข้าต้องไปให้ได้!”ทุกปีในฤดูหนาว นอกจากงานชุมนุมดอกไม้ของบรรดาจวนขุนนางแล้ว งานแข่งตีคลีของจวนอ๋องโจว เป็นงานที่ผู้คนในเมืองหลวงเฝ้ารอมากที่สุดราชวงศ์นี้ยกย่องทักษะด้านการต่อสู้ ย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่ฮ่องเต้หย่งชางยังเป็นอ๋องอยู่ พระองค์ก็โปรดปรานการเล่นตีคลีอย่างมาก นายว่าขี้ข้าพลอย หลังจากขึ้นครองราชย์แล้ว บรรดาอ๋องทั้งหลายก็เล่นตีคลีคล้อยตามพระองค์ การแข่งตีคลีจึงกลายเป็นกระแสนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะในหมู่ชนชั้นสูงหญิงชาย การได้แสดงฝีมือและโดดเด่นในสนามแข่งของจวนอ๋องโจวถือเป็นความภาคภูมิใจที่สุดหลิ่วหมิงจูเริ่มฝึกขี่ม้าตั้งแต่อายุสิบสองปี และฝึกฝนการเล่นตีคลีมาโดยตลอด ทว่าสองปีที่ผ่านมา นางยังอายุน้อย จึงได้เล่นอย่างไม่เต็มที่ เป็นแค่ตัวสำรอง ปีนี้นางรอคอยมานานจนกระทั่งอายุครบวัยปักปิ่น และนางยังได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมในกลุ่มบุตรสาวขุนนาง นางจะพลาดงานนี้ไปได้อย่างไร?ฮูหยินใหญ่หลิ่วกำลังจะพูดต่อ แต่หลิ่วจิง

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 189

    หลิ่วจิงหงพยักหน้า ยิ้มพร้อมกล่าวให้บิดาของตนวางใจ: “ลูกมีแผนการในใจแล้วขอรับ”ต่างจากลูกหลานขุนนางทั่วไป ส่วนใหญ่พอรุ่นที่สองก็มักอาศัยเกียรติยศของบรรพบุรุษกินสมบัติเก่า แต่สำหรับหลิ่วจิงหง เขายืนหยัดอยู่ในแวดวงขุนนางด้วยความสามารถของตนเองตระกูลหลิ่วของพวกเขาเป็นขุนนาง และยังเป็นพระญาติชั้นนอก เพราะเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยได้รับความโปรดปรานอย่างมาก สถานะของตระกูลหลิ่วจึงสูงส่งยิ่งขึ้นกล่าวโดยทั่วไปแล้ว ตำแหน่งขุนนางที่ได้มาจากพระมาหกรุณาธิคุณ ล้วนใช้คำว่าเฉิงเอิน (รับพระมหากรุณาธิคุณ) เป็นคำนำหน้าตำแหน่ง เช่น ตระกูลของฮองเฮาเฝิงก็มีตำแหน่ง “เฉิงเอินโหว”แต่ตระกูลหลิ่วกลับได้เป็นจวนฉู่กั๋วกง สาเหตุหนึ่งมาจากพระสนมหลิ่วได้รับความโปรดปรานอย่างมาก และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือเพราะความสามารถของหลิ่วจิงหงเอง หลิ่วจิงหงเป็นคนมีพรสวรรค์ เขาสามารถทำดินปืนได้ ในอดีตเมื่อครั้งอยู่ฝูเจี้ยน เขาเติบโตเข้าออกจวนอ๋อง เรียกอ๋องหมิ่น ซึ่งก็คือฮ่องเต้หย่งชางในปัจจุบันว่า “พี่เขย” ตั้งแต่เด็กเรียกได้ว่าหลิ่วจิงหงมีทั้งความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น กับฮ่องเต้หย่งชาง และความสามารถอันโดดเด่นดังนั้น ตอนนี้เขาจ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 188

    เมื่อเขาเดินออกไป คนเฝ้าประตูก็เข้าไปรายงานท่านผู้เฒ่าหลิ่วทำเสียงฮึดฮัด: “ไร้ประโยชน์สิ้นดี มีแต่ทำเรื่องเสียหาย! เจ้าเองก็เถอะ ไฉนถึงเลียนแบบสตรีไปได้?”คนที่เขาหมายถึงย่อมไม่พ้นบุตรชายของตน ผู้สืบทอดของจวนฉู่กั๋วก๋ง หลิ่วจิงหงหลิ่วจิงหงหัวเราะเบาๆ นั่งอยู่ตรงข้ามเขาอย่างสง่างาม: “ก็คิดว่าอย่างไรเสียก็เป็นคนเคยใช้งานมาก่อน อีกอย่างเขาก็เป็นญาติเกี่ยวดองกับจวนหย่งผิงโหว เลยช่วยพูดแทนสักสองสามคำ ใครจะไปรู้ว่าเขาจะไร้ความสามารถเพียงนี้?”ไม่เพียงแต่จะไม่สามารถสร้างปัญหาให้จวนหย่งผิงโหวได้ ยังทำอะไรตระกูลชีไม่ได้เลยสักนิด ซ้ำร้ายยังทำให้ตัวเองต้องเดือดร้อนเสียอีกท่านผู้เฒ่าหลิ่วสีหน้าไม่ค่อยสู้ดี: “เจ้าต้องระวังให้มาก คนประเภทนี้ พบเจอเรื่องราวมามากจึงไม่กลัวอะไรทั้งนั้น หากตระกูลโจวเกิดเรื่องขึ้นจริง ก็จะพูดอะไรไม่ควรพูดออกมา”นี่คือกำลังเตือนเขาถึงเรื่องราวในตอนนั้นหลิ่วจิงหงเข้าใจดี ยื่นมือรินน้ำชาให้ท่านผู้เฒ่า: “ท่านก็วางใจเถิด ลูกไม่ใช่คนโง่เยี่ยงนั้น เขาไม่มีโอกาสอีกแล้ว”กล่าวจบก็หัวเราะเยาะ: “พูดไปท่านอาจไม่เชื่อ ไอ้คนโง่นี่ ตอนเราปูทางให้เข้าไปทำงานในกรมทหารม้าในตอน

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status