ฟู่เฉินหวนตกตะลึง ขมวดคิ้วมองนาง "เจ้าใช้ตราประทับมังกรขององค์จักรพรรดิสูงสุดมาบีบบังคับข้ารึ?"ปรากฏว่าเสด็จพ่อมอบตราประทับมังกรให้นางไปแล้วลั่วชิงยวนมีท่าทีแน่วแน่ "ท่านคิดว่าอย่างไรก็อย่างนั้น"“หากนี่เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้ท่านจากไปได้ เช่นนั้นก็ถือว่าหม่อมฉันใช้ตราประทับมังกรเพื่อบีบบังคับท่านแล้วกัน”“หากขัดคำสั่งหม่อมฉัน นั่นก็หมายถึงการขัดคำสั่งขององค์จักรพรรดิสูงสุด อ๋องผู้สำเร็จราชการ หวังว่าท่านจะไตร่ตรองอย่างรอบคอบ”ฟู่เฉินหวนกำมือแน่น มองดวงลั่วชิงยวนด้วยแววตาเย็นชา ใจเขารู้สึกขมขื่น“มีเหตุผลอื่นอีกหรือไม่ที่ทำให้เจ้าต้องอยู่กับพวกนอกด่าน?”ท่าทีของลั่วชิงยวนนั้นแน่วแน่มาก ต้องมีเรื่องอื่นใดปิดบังเขาไว้หัวใจของลั่วชิงยวนตึงเครียด นางมิอาจบอกเรื่องของลั่วอิงได้เพราะมันเกี่ยวข้องกับความลับที่มิอาจเปิดเผยได้มากมาย"ไม่มีหรอกเพคะ!"“หม่อมฉันเพียงต้องการยุติสงครามในเร็ววัน มิอยากสู้อีกต่อไปแล้ว”“ในหมู่เผ่านอกด่านมีช่องโหว่ หม่อมฉันมิอาจละทิ้งโอกาสอันยิ่งใหญ่นี้ได้ เชื่อหม่อมฉันเถิดเพคะ!”“หากหม่อมฉันสามารถรับมือต่อการปิดล้อมตีเมืองผิงหนิงได้หลายสิบวัน หม่อมฉัน
“ข้ามิได้อยากให้เขาตาย และข้าก็มิได้อยากทำร้ายเขาด้วย”“ข้าแค่อยากให้เขายอมจำนนต่อข้า ยอมเป็นทาสของข้าอย่างเต็มใจก็เท่านั้น”“แต่เป็นเขาเองที่มิยอมจำนน โดนข้าฝังแมลงกู่เข้าไปแล้ว ก็ยังคิดจะต่อต้านข้า”“ตั้งแต่ข้าโตมา นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ข้าได้พบกับคนกระดูกแข็งเช่นนี้”“แต่ข้ามิเชื่อว่าเขาจะทนได้ไหว รอให้ข้าตัดเอ็นมือเขาแล้ว เขาก็จะขยับมิได้อีก และจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมจำนนต่อข้า!”“ต่อให้เป็นหมาที่ต้องคอยดูแลตลอดเวลา แต่ข้าก็ยังพอใจกับมัน”หล่างชิ่นยิ้มอย่างภาคภูมิใจ ในนัยน์ตาของนางส่องประกายร้อนแรงลั่วชิงยวนมองนางด้วยสายตาเย็นชา "เจ้าทรมานได้เพียงร่างกายของเขา และขังไว้ได้ก็แค่ร่างกายของเขาเท่านั้น"“จิตวิญญาณทหาร จะไม่มีวันยอมจำนน!”เสียงของนางแหลมคมประโยคนั้นดุจดั่งค้อนหนักที่ฟาดหัวใจของหล่างชิ่นจนแตกสลายใบหน้าของหล่างชิ่นเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำหันมามองนางอย่างโกรธจัดทันใดนั้นฉินเชียนหลี่ในกรงเหล็กก็หัวเราะออกมา"ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า..."“หล่างชิ่น เจ้าได้ยินหรือไม่ ทุกคนรู้ดีว่า มิว่าเจ้าจะทรมานข้าเยี่ยงไรข้าก็ไม่มีวันยอมจำนน!”ฉินเชียนหลี่ในกรงเงยหน้าขึ้
“ค่ายของชนเผ่าหลายเผ่าถูกโจมตีพร้อม ๆ กัน เรายังมิรู้ว่ากองทัพศัตรูมาจากที่ใด”ลั่วชิงยวนชะงักเล็กน้อย คาดมิถึงว่าฟู่เฉินหวนจะเคลื่อนไหวเร็วเพียงนี้จากตอนที่เขาออกจากเผ่านอกด่านมาจนถึงตอนนี้ น่าจะผ่านไปเพียงสองถึงสามชั่วยามเท่านั้นดูเหมือนว่าเมื่อกลับไปแล้วเขาจะเคลื่อนพลในทันทีราชาเผ่านอกด่านก็ประหลาดใจเล็กน้อยเช่นกัน จากนั้นเขาก็ออกคำสั่ง "แต่ละเผ่าจะต้องปกป้องค่ายของตนให้ดี ป้องกันศัตรูอย่างเต็มกำลัง แต่ห้ามบุ่มบ่าม ต้องระวังศัตรูอาจใช้แผนล่อเสือออกจากถ้ำ""หากมีความคืบหน้าในการศึก จงรายงานทันที""พ่ะย่ะค่ะ!"ลั่วชิงยวนรออยู่ในค่ายทั้งวัน คอยฟังข่าวการศึกอยู่เสมอการลอบโจมตีในวันแรกกินเวลาหนึ่งวัน และในที่สุดพวกเขาก็ล่าถอยไปอย่างไรเสีย เผ่านอกด่านแต่ละเผ่าก็แข็งแกร่งมาก วันนี้ศัตรูเพียงแค่ได้เปรียบเพราะเป็นการลอบโจมตี ศึกจึงดำเนินไปตลอดทั้งวันหลังจากฟ้ามืด หัวหน้าเผ่าต่าง ๆ ก็มารวมตัวกันในกระโจมของราชาเผ่านอกด่านหล่างชิ่นก็ผ่านศึกอันดุเดือดมาเช่นกัน ตอนนี้นางดูสะบักสะบอมเล็กน้อย นางพูดด้วยความโกรธว่า "การลอบโจมตีของกองทัพแคว้นเทียนเชวียคราวนี้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้ถ
หล่างมู่ก้าวไปข้างหน้าและคุกเข่าลง "ขอเสด็จพ่อโปรดให้โอกาสข้าได้แก้ตัวครั้งนี้ ข้าจะขับไล่ศัตรูออกไปให้ได้!"เดิมทีมีเพียงการต่อสู้ระหว่างหล่างชิ่นและหล่างมู่เท่านั้นแต่คราวนี้ชิงหวยก็เข้าร่วมด้วย "ฝ่าบาท ในเมื่อท่านว่าควรเลือกจากพวกเรา เช่นนั้นข้าก็สามารถทำหน้าที่สำคัญนี้ได้เช่นกัน!"ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา หล่างชิ่นก็ขมวดคิ้วและมองนางเมื่อเห็นพฤติกรรมของหล่างชิ่น ผู้คนจากชนเผ่าอื่นก็แข่งขันกันเพื่อชิงตำแหน่งผู้บัญชาการทัพทันทีเกรงว่ายามนี้พวกเขาทุกคนรู้กันหมดแล้วว่า หล่างชิ่นกำลังสมคบคิดกับตระกูลเหยียน และต้องการกำจัดหัวหน้าเผ่าอื่น ๆ ดังนั้นพวกเขาจะปล่อยให้หล่างชิ่นเป็นผู้บัญชาการทัพได้อย่างไรนางมีแต่จะส่งหัวหน้าเผ่าต่าง ๆ ไปตายเท่านั้น!ลั่วชิงยวนยังใช้โอกาสนี้พูด "ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าเองก็อยากลองแย่งชิงดูบ้าง"“ข้ารู้จักเมืองผิงหนิงดี รวมทั้งพวกทหารที่ป้องกันเมืองอยู่ด้วย ข้ามั่นใจว่าข้าสามารถชนะได้ และยังสามารถเจรจาสงบศึกได้ด้วย”ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกไป ทุกคนก็ตกตะลึงหล่างชิ่นตะคอกอย่างเย็นชา "น่าขัน นี่เป็นเรื่องของเผ่านอกด่านของเรา เกี่ยวอะไรกับเจ้า?"
เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นทุกคนต่างตกตะลึงอย่างมากลั่วชิงยวนก็ตกใจเช่นกัน นกอินทรีจิกหล่างชิ่น นางยกมือขึ้นกุมใบหน้า เลือดไหลออกมามิหยุดนกอินทรีตัวนั้นบินกลับมาอีกครั้ง และร่อนลงบนแขนของลั่วชิงยวนลั่วชิงยวนหันหน้าไปมองด้วยความตกใจ ดวงตาของนกเหยี่ยวคู่นั้นแหลมคม เต็มไปด้วยความฉลาดสายตาของนกเหยี่ยวนั้น ในบางส่วนช่างคล้ายคลึงกับมนุษย์“เจ้าเฉลียวฉลาดเพียงนี้เชียวหรือ?”เดิมทีนางคิดว่า นี่เป็นแผนการของราชาเผ่านอกด่านที่ทำให้นกอินทรีร่อนลงมาเกาะนางแต่มิคาดคิดว่านกอินทรีจะปกป้องนางและเข้าโจมตีหล่างชิ่นเช่นนี้นกอินทรีเอียงศีรษะ แล้วมองนางลั่วชิงยวนอดมิได้ที่จะเอื้อมมือไปลูบหัวของมันมันกะพริบตาโดยไม่มีท่าทีขัดขืนและโกรธเคืองทุกคนรอบข้างยิ่งตกใจมากขึ้นไปอีกหล่างชิ่นมองดูฉากนี้ด้วยความมิเชื่อ "เป็นแบบนี้ได้อย่างไร…?"ไม่มีใครสามารถสัมผัสเทพปีกอินทรีได้“สวรรค์ ลั่วชิงยวนเป็นใครกันแน่ เทพปีกอินทรีมิจิกนางแม้แต่น้อย”“แถมยังดูเชื่องอีกด้วย!”ทุกคนต่างตกตะลึงกันหมดส่วนราชาเผ่านอกด่านนั้นกลับไพล่มือไว้ด้านหลัง แสดงรอยยิ้มพอใจ“ข้ามิได้ดูผิดไปแน่ เจ้าคือลูกสาวของข้
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกไป ทุกคนก็ตกตะลึง“ว่ากระไรนะ ชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการ?”“นางคือชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการ?”ราชาเผ่านอกด่านก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อได้ยินสิ่งนี้ลั่วชิงยวนมองไปยังหล่างมู่โดยมิเปลี่ยนสีหน้าของเขาหล่างมู่ยังคงตกตะลึงและดูเหมือนจะยังมิเข้าใจว่า เหตุใดลั่วชิงยวนที่สัญญาว่าจะช่วยเขายึดบัลลังก์ วันนี้เสด็จพ่อของเขากลับประกาศว่าลั่วชิงยวนกลายเป็นพี่สาวของเขาเสียแล้วอีกทั้งนางยังจะกลายเป็นราชาองค์ใหม่อีกด้วย“ข้าคือชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการจริง ๆ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องผู้สำเร็จราชการนั้น… มิดีเอาเสียเลย”“ในยามที่หล่างชิ่นและหล่างมู่ไปยังแคว้นเทียนเชวียเพื่อแสดงความยินดีกับองค์จักรพรรดิในวันคล้ายวันพระราชสมภพ หล่างมู่ขอนำตัวข้าไปต่อหน้าผู้คนมากมาย และอ๋องผู้สำเร็จราชการก็มิปฏิเสธเลยแม้แต่น้อย”“หากเขาใส่ใจข้าจริง ๆ เขาจะมิปล่อยข้าไปกับหล่างมู่แน่”“หล่างชิ่นก็รู้เรื่องนี้ดี มิอย่างนั้นเหตุใดเจ้าถึงเปิดโปงเรื่องนี้เอายามนี้เล่า เพราะเจ้าคงมิอยากให้ข้าอยู่ในเผ่านอกด่านตั้งแต่แรก”“เจ้าย่อมรู้ว่าฟู่เฉินหวนกับข้าเข้ากันมิได้ราวน้ำกับไฟ”ลั่วชิงยวน
ลั่วชิงยวนนำชนเผ่าทั้งสองเข้าโจมตีเมืองผิงหนิงนางได้เขียนแผนบนแผนที่การป้องกัน และคิดว่าฟู่เฉินหวนจะเข้าใจความตั้งใจของนางด้านหน้าว่างเปล่า ไม่มีสิ่งใดอยู่เลยเสียงกีบม้าดังกึกก้อง พวกเขาเร่งรีบมาจนถึงนอกเมืองผิงหนิงแต่ทว่าบนหอประตูเมืองมีเพียงมิกี่คน เมื่อพวกเขาเห็นพวกนอกด่านมา พวกเขาก็ลั่นกลองเพื่อเตือนทันที และเริ่มจุดคบเพลิงเพื่อส่องสว่างพื้นที่โดยรอบ"ตามคาด ขณะนี้การป้องกันเมืองผิงหนิงอ่อนแอ เราควรฉวยโอกาสนี้ยึดเมืองผิงหนิง"แต่ลั่วชิงยวนปราม "ช้าก่อน! ระวังจะเป็นกับดัก!"หล่างชิ่นเยาะเย้ยจากด้านข้าง "เจ้าบอกเองมิใช่หรือว่า พวกนั้นแอบโจมตีเผ่าของเรา เราจึงมีโอกาสโจมตีเมืองผิงหนิง?ลั่วชิงยวนเหลือบมองนางอย่างเย็นชา "ข้าบอกว่าการป้องกันในเมืองลดลงครึ่งหนึ่ง มิใช่ปราศจากการป้องกัน"“ดูเหมือนเจ้าจะเคยตกหลุมพรางครั้งหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังมิรู้จักจำเสียที”หล่างชิ่นโกรธเล็กน้อย "เจ้า!"ลั่วชิงยวนเงยหน้าขึ้นมองหอประตูเมืองแล้วตะโกนว่า "ผู้รักษาประตูเมืองอยู่ที่ใด?"ในมิช้า ร่างอันสง่างามก็ปรากฏขึ้นที่หอประตูเมืองลั่วชิงยวนตกใจมากเมื่อเห็นเขา‘ฟู่เฉินหวน!’‘เหตุใดเป็นเขา!’
"อย่างไร?"ฟู่เฉินหวนมิได้พูด และลั่วชิงยวนกล่าวต่อ "ข้ารู้สถานการณ์ในเมืองผิงหนิงเป็นอย่างดี เรามิควรเสียสละโดยมิจำเป็นด้วยกันทั้งคู่อีกเลย"เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฟู่เฉินหวนก็กระโดดขึ้นทันทีใช้วิชาตัวเบาบินลงมาจากหอประตูเมืองโดยตรง“ได้ ข้าจะให้การต่อสู้ที่ยุติธรรมแก่เจ้า!”ลั่วชิงยวนยกมุมริมฝีปากขึ้นแต่หล่างชิ่นกลับโกรธมาก "ลั่วชิงยวน เจ้าเคยรับปากนี่ว่าจะใช้โอกาสนี้ยึดเมืองผิงหนิงให้ได้!""นี่เจ้ากำลังทำอะไร!"ในเวลานี้ ชิงหวยที่อยู่ข้าง ๆ นาง มองนางด้วยความเกลียดชัง"เป้าหมายสูงสุดของเราคือการเจรจาสงบศึกเพื่อลดความสูญเสีย! ยามนี้เราลดการบาดเจ็บล้มตายได้ แต่เจ้ากลับยุยงให้เกิดสงคราม มีเจตนาอะไรกันแน่!"“เจ้าคิดจะฆ่ายอดฝีมือในเผ่าของเราทั้งหมด เพื่อที่เจ้าจะได้บรรลุความรุ่งโรจน์และความมั่งคั่งของตัวเองอย่างนั้นรึ?”แน่นอนว่าชิงหวยย่อมมิต้องการให้ญาติและสหายของนางต้องตายในสนามรบอีกลั่วชิงยวนสามารถทำให้อ๋องผู้สำเร็จราชการรับปากสู้กันตัวต่อตัวได้ นับซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดอยู่แล้วหล่างชิ่นโกรธ จิตใจอัดอั้นอย่างหนัก แต่ก็ไม่มีคำใดจะโต้แย้งลั่วชิงยวนควบม้าให้เดินออกไปอย