เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นทุกคนต่างตกตะลึงอย่างมากลั่วชิงยวนก็ตกใจเช่นกัน นกอินทรีจิกหล่างชิ่น นางยกมือขึ้นกุมใบหน้า เลือดไหลออกมามิหยุดนกอินทรีตัวนั้นบินกลับมาอีกครั้ง และร่อนลงบนแขนของลั่วชิงยวนลั่วชิงยวนหันหน้าไปมองด้วยความตกใจ ดวงตาของนกเหยี่ยวคู่นั้นแหลมคม เต็มไปด้วยความฉลาดสายตาของนกเหยี่ยวนั้น ในบางส่วนช่างคล้ายคลึงกับมนุษย์“เจ้าเฉลียวฉลาดเพียงนี้เชียวหรือ?”เดิมทีนางคิดว่า นี่เป็นแผนการของราชาเผ่านอกด่านที่ทำให้นกอินทรีร่อนลงมาเกาะนางแต่มิคาดคิดว่านกอินทรีจะปกป้องนางและเข้าโจมตีหล่างชิ่นเช่นนี้นกอินทรีเอียงศีรษะ แล้วมองนางลั่วชิงยวนอดมิได้ที่จะเอื้อมมือไปลูบหัวของมันมันกะพริบตาโดยไม่มีท่าทีขัดขืนและโกรธเคืองทุกคนรอบข้างยิ่งตกใจมากขึ้นไปอีกหล่างชิ่นมองดูฉากนี้ด้วยความมิเชื่อ "เป็นแบบนี้ได้อย่างไร…?"ไม่มีใครสามารถสัมผัสเทพปีกอินทรีได้“สวรรค์ ลั่วชิงยวนเป็นใครกันแน่ เทพปีกอินทรีมิจิกนางแม้แต่น้อย”“แถมยังดูเชื่องอีกด้วย!”ทุกคนต่างตกตะลึงกันหมดส่วนราชาเผ่านอกด่านนั้นกลับไพล่มือไว้ด้านหลัง แสดงรอยยิ้มพอใจ“ข้ามิได้ดูผิดไปแน่ เจ้าคือลูกสาวของข้
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกไป ทุกคนก็ตกตะลึง“ว่ากระไรนะ ชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการ?”“นางคือชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการ?”ราชาเผ่านอกด่านก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อได้ยินสิ่งนี้ลั่วชิงยวนมองไปยังหล่างมู่โดยมิเปลี่ยนสีหน้าของเขาหล่างมู่ยังคงตกตะลึงและดูเหมือนจะยังมิเข้าใจว่า เหตุใดลั่วชิงยวนที่สัญญาว่าจะช่วยเขายึดบัลลังก์ วันนี้เสด็จพ่อของเขากลับประกาศว่าลั่วชิงยวนกลายเป็นพี่สาวของเขาเสียแล้วอีกทั้งนางยังจะกลายเป็นราชาองค์ใหม่อีกด้วย“ข้าคือชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการจริง ๆ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องผู้สำเร็จราชการนั้น… มิดีเอาเสียเลย”“ในยามที่หล่างชิ่นและหล่างมู่ไปยังแคว้นเทียนเชวียเพื่อแสดงความยินดีกับองค์จักรพรรดิในวันคล้ายวันพระราชสมภพ หล่างมู่ขอนำตัวข้าไปต่อหน้าผู้คนมากมาย และอ๋องผู้สำเร็จราชการก็มิปฏิเสธเลยแม้แต่น้อย”“หากเขาใส่ใจข้าจริง ๆ เขาจะมิปล่อยข้าไปกับหล่างมู่แน่”“หล่างชิ่นก็รู้เรื่องนี้ดี มิอย่างนั้นเหตุใดเจ้าถึงเปิดโปงเรื่องนี้เอายามนี้เล่า เพราะเจ้าคงมิอยากให้ข้าอยู่ในเผ่านอกด่านตั้งแต่แรก”“เจ้าย่อมรู้ว่าฟู่เฉินหวนกับข้าเข้ากันมิได้ราวน้ำกับไฟ”ลั่วชิงยวน
ลั่วชิงยวนนำชนเผ่าทั้งสองเข้าโจมตีเมืองผิงหนิงนางได้เขียนแผนบนแผนที่การป้องกัน และคิดว่าฟู่เฉินหวนจะเข้าใจความตั้งใจของนางด้านหน้าว่างเปล่า ไม่มีสิ่งใดอยู่เลยเสียงกีบม้าดังกึกก้อง พวกเขาเร่งรีบมาจนถึงนอกเมืองผิงหนิงแต่ทว่าบนหอประตูเมืองมีเพียงมิกี่คน เมื่อพวกเขาเห็นพวกนอกด่านมา พวกเขาก็ลั่นกลองเพื่อเตือนทันที และเริ่มจุดคบเพลิงเพื่อส่องสว่างพื้นที่โดยรอบ"ตามคาด ขณะนี้การป้องกันเมืองผิงหนิงอ่อนแอ เราควรฉวยโอกาสนี้ยึดเมืองผิงหนิง"แต่ลั่วชิงยวนปราม "ช้าก่อน! ระวังจะเป็นกับดัก!"หล่างชิ่นเยาะเย้ยจากด้านข้าง "เจ้าบอกเองมิใช่หรือว่า พวกนั้นแอบโจมตีเผ่าของเรา เราจึงมีโอกาสโจมตีเมืองผิงหนิง?ลั่วชิงยวนเหลือบมองนางอย่างเย็นชา "ข้าบอกว่าการป้องกันในเมืองลดลงครึ่งหนึ่ง มิใช่ปราศจากการป้องกัน"“ดูเหมือนเจ้าจะเคยตกหลุมพรางครั้งหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังมิรู้จักจำเสียที”หล่างชิ่นโกรธเล็กน้อย "เจ้า!"ลั่วชิงยวนเงยหน้าขึ้นมองหอประตูเมืองแล้วตะโกนว่า "ผู้รักษาประตูเมืองอยู่ที่ใด?"ในมิช้า ร่างอันสง่างามก็ปรากฏขึ้นที่หอประตูเมืองลั่วชิงยวนตกใจมากเมื่อเห็นเขา‘ฟู่เฉินหวน!’‘เหตุใดเป็นเขา!’
"อย่างไร?"ฟู่เฉินหวนมิได้พูด และลั่วชิงยวนกล่าวต่อ "ข้ารู้สถานการณ์ในเมืองผิงหนิงเป็นอย่างดี เรามิควรเสียสละโดยมิจำเป็นด้วยกันทั้งคู่อีกเลย"เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฟู่เฉินหวนก็กระโดดขึ้นทันทีใช้วิชาตัวเบาบินลงมาจากหอประตูเมืองโดยตรง“ได้ ข้าจะให้การต่อสู้ที่ยุติธรรมแก่เจ้า!”ลั่วชิงยวนยกมุมริมฝีปากขึ้นแต่หล่างชิ่นกลับโกรธมาก "ลั่วชิงยวน เจ้าเคยรับปากนี่ว่าจะใช้โอกาสนี้ยึดเมืองผิงหนิงให้ได้!""นี่เจ้ากำลังทำอะไร!"ในเวลานี้ ชิงหวยที่อยู่ข้าง ๆ นาง มองนางด้วยความเกลียดชัง"เป้าหมายสูงสุดของเราคือการเจรจาสงบศึกเพื่อลดความสูญเสีย! ยามนี้เราลดการบาดเจ็บล้มตายได้ แต่เจ้ากลับยุยงให้เกิดสงคราม มีเจตนาอะไรกันแน่!"“เจ้าคิดจะฆ่ายอดฝีมือในเผ่าของเราทั้งหมด เพื่อที่เจ้าจะได้บรรลุความรุ่งโรจน์และความมั่งคั่งของตัวเองอย่างนั้นรึ?”แน่นอนว่าชิงหวยย่อมมิต้องการให้ญาติและสหายของนางต้องตายในสนามรบอีกลั่วชิงยวนสามารถทำให้อ๋องผู้สำเร็จราชการรับปากสู้กันตัวต่อตัวได้ นับซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดอยู่แล้วหล่างชิ่นโกรธ จิตใจอัดอั้นอย่างหนัก แต่ก็ไม่มีคำใดจะโต้แย้งลั่วชิงยวนควบม้าให้เดินออกไปอย
ฟู่เฉินหวนกระอักเลือดออกมาเต็มปากร่างที่มิอาจยืนได้มั่นคงคุกเข่าลงกับพื้นลั่วชิงยวนรีบวิ่งเข้าไปประคองเขาด้วยความตกใจแต่นัยน์ตาสีแดงก่ำของฟู่เฉินหวนกลับมองนางอย่างเย็นชา ห้ามมิให้นางเข้ามาใกล้“ข้าแพ้แล้ว ยอมจำนน”ลั่วชิงยวนกำดาบแน่นขณะพยายามกลั้นใจเอาไว้“เช่นนั้นตอนนี้เราสามารถเจรจากันได้หรือยัง?” ลั่วชิงยวนส่งสายตาเป็นนัยนางต้องการอาศัยโอกาสในการเจรจาเพื่อเข้าเมืองไปรักษาบาดแผลให้เขาแต่ฟู่เฉินหวนกลับมีน้ำเสียงเย็นชา “ข้ากำลังบาดเจ็บสาหัส เจ้าจะมาเจรจาในยามนี้ก็ดูจะเป็นการรังแกคนเจ็บมากเกินไป”“อีกทั้งยังจะทำให้คนสงสัยว่าเจ้าต้องการฉวยโอกาสนี้ปลิดชีวิตข้าด้วยหรือไม่”“สามวันให้หลังเถิด”ฟู่เฉินหวนพยายามกลั้นเลือดที่พร้อมพุ่งออกมาจากลำคอยามนี้ใบหน้าของฟู่เฉินหวนซีดเผือด ทำให้ลั่วชิงยวนเป็นห่วงยิ่งนักเหตุใดเขาจึงปฏิเสธ!ลั่วชิงยวนจึงกล่าวขึ้น “ย่อมได้ เจรจากันสามวันหลังจากนี้ ถอยทัพ!”การเข้าเมืองไปเจรจาในยามนี้มิเหมาะสมอย่างยิ่งเพราะอาจทำให้คนเข้าใจผิดว่าพวกเผ่านอกด่านจะฉวยโอกาสเข้ายึดเมืองลั่วชิงยวนทำให้ฟู่เฉินหวนบาดเจ็บสาหัส นี่เป็นการสร้างโอกาสที่ดีให้พวกเ
เขี้ยวเหล็กสิบหกอันหลุดออกมาแล้วสองอัน หวังว่าจะไม่มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอีกมิเช่นนั้นท่านอ๋องจะมีชีวิตอยู่ได้อีกกี่วันกัน……ระหว่างทางที่ลั่วชิงยวนและเผ่านอกด่านกำลังเดินทางกลับค่าย นกอินทรีตัวนั้นก็บินมาอีกครั้งมันโบยบินอยู่บนท้องฟ้า ทุกคนล้วนเห็นกันหมด“พญาอินทรีศักดิ์สิทธิ์”ทุกคนต่างยกแขนขึ้นทำความเคารพด้วยความศรัทธาอย่างที่สุดแต่ว่านกอินทรีตัวนั้นกลับโบยบินวนมาเกาะที่ไหล่ของลั่วชิงยวนทำให้ทุกคนต่างตกใจ“แม้แต่พญาอินทรีศักดิ์สิทธิ์ก็ยังมาร่วมฉลองชัยชนะของเรา”ทุกคนยิ่งตื่นเต้น ส่งเสียงไชโยโห่ร้องกลับไปยังค่ายลั่วชิงยวนก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน นกอินทรีตัวนี้ดูจะชอบนางมากแต่นางรู้ดีว่านางมิใช่หยวนหนิง นางคือลั่วเหลาต่างหากแล้วเหตุใดพญาอินทรีศักดิ์สิทธิ์ที่เผ่านอกด่านเคารพสักการะจึงเลือกนางเมื่อกลับมาถึงค่ายก็พบว่าราชาเผ่านอกด่านรออยู่แล้วเมื่อเห็นทุกคนตื่นเต้นดีใจเช่นนี้ก็รู้ผลแล้วใบหน้าปรากฏรอยยิ้มแห่งความโล่งใจ“หยวนหนิง ลูกของพ่อมิทำให้พ่อผิดหวังจริง ๆ”หัวหน้าเผ่าอื่น ๆ ก็ต่างพากันเข้ามาห้อมล้อมดูเหมือนว่ากองกำลังที่ลอบโจมตีพวกเขาก็ถอยทัพไปหมดแล
“ม้าหนึ่งหมื่นตัว วัวกับแกะอีกหกพันตัว และให้เมืองผิงหนิงเปิดประตูเมืองให้เรา เพื่อให้เราสามารถเข้าเมืองไปซื้อยาและอาหารได้ทุกเมื่อ”“นี่คือสิ่งที่พวกเราต้องการจากการเจรจา”เมื่อได้ฟังดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ตกใจหล่างชิ่นผู้นี้ช่างไร้ยางอายเสียจริงทั้งที่พวกเขาเป็นฝ่ายเริ่มสงครามก่อน หลังจากที่จับตัวฉินเชียนหลี่ไปแล้ว เบี้ยหวัดทหาร อาวุธและแม้แต่เสบียงในเมืองก็ถูกพวกเขาขโมยไปตอนนี้กลับต้องการเสบียงมากมายถึงเพียงนี้ แล้วยังจะให้เมืองผิงหนิงเปิดประตูเมืองให้พวกเขาอีกเช่นนั้นผู้คนในเมืองผิงหนิงก็จะมิกล้าอาศัยอยู่ที่นั่นอีกต่อไป เพราะอีกมินานก็จะกลายเป็นดินแดนของเผ่านอกด่านหากดินแดนของทั้งสองเขตมิชัดเจนก็จะเกิดเรื่องมิดีขึ้นในมิช้าแต่หัวหน้าเผ่าอื่น ๆ ต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย“เงื่อนไขนี้ยากก็จริง แต่มิใช่ว่านี่คือจุดประสงค์ในการเจรจาของเราหรือ!”“เรามิสามารถกลับไปมือเปล่าอย่างน่าอับอายได้”ราชาเผ่านอกด่านตบไหล่ลั่วชิงยวน “เช่นนั้นเจ้าก็ลองดูเถิดว่าจะต่อรองอะไรได้บ้าง”ทุกคนคิดว่าตอนนี้ฝ่ายตนได้เปรียบจึงสามารถต่อรองสิ่งเหล่านี้ได้หล่างชิ่นมองลั่วชิงยวนด้วยสายตาเย้ยหยัน“เรื่
ราชาเผ่านอกด่านกลับเผยรอยยิ้ม ท่าทางเช่นนี้ค่อนข้างเหมือนกับสมัยที่เขายังอยู่ในวัยหนุ่ม“เอาเถอะ กลับไปพักผ่อนที่ค่ายของตนเองเพื่อรอผลการเจรจาในอีกสามวันข้างหน้าก่อนเถอะ”หลังจากที่ราชาเผ่านอกด่านออกคำสั่ง ทุกคนก็แยกย้ายกันไปลั่วชิงยวนเข้าไปในกระโจมของราชาเผ่านอกด่านเพื่อฝังเข็มถอนพิษให้เขาแต่กลับเห็นราชาเผ่านอกด่านยังคงยิ้มอยู่ตลอดเวลา ราวกับว่ามีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้น“ท่านมีความสุขเรื่องอะไรหรือ?”ราชาเผ่านอกด่านมองนางด้วยสายตาอ่อนโยน “ดีใจที่เจ้ากลับมาอยู่เคียงข้างพ่อ”“เจ้ากล้าหาญ มีไหวพริบและสามารถปราบหล่างชิ่นได้ พ่อก็ยิ่งดีใจมาก!”เมื่อลั่วชิงยวนได้ฟังเช่นนั้นก็รู้สึกประหลาดใจ“ปราบหล่างชิ่นได้หรือ? ในบรรดาลูก ๆ ของท่าน ไม่มีผู้ใดที่ปราบหล่างชิ่นได้เลยหรือ?”“หล่างมู่ก็มิได้หรือ?”ราชาเผ่านอกด่านกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “หล่างชิ่นแข็งแกร่งมาตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่เด็กนางก็กดขี่หล่างมู่มาโดยตลอด ทำให้หล่างมู่ยอมจำนนต่อนาง ดังนั้นหล่างมู่จึงโหดเหี้ยมต่อคนนอก แต่กลับเชื่อฟังหล่างชิ่นอย่างมาก”“แม้ว่าตอนนี้จะเงียบขรึม แต่ในใจก็ยังมิกล้าต่อต้านหล่างชิ่น”“ส่วนหล่างชิ่นมีนิสั
ภายในห้องบรรทมอันโอ่อ่าฉินอี้เดินมาที่ข้างเตียงด้วยร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลยามนี้เกาเหมียวเหมี่ยวได้ทำแผลและกินโอสถเรียบร้อยแล้ว แต่ใบหน้าของนางยังคงซีดอยู่เล็กน้อยเมื่อเห็นฉินอี้เดินมาหาด้วยใบหน้าฟกช้ำและเปื้อนเลือด เกาเหมียวเหมี่ยวจึงมองเขาด้วยความมิอยากเชื่อ“ท่านแพ้ลั่วชิงยวนรึ?”ฉินอี้ขมวดคิ้วเป็นปม พลางมองบาดแผลของเกาเหมียวเหมี่ยวด้วยความกังวลและพูดว่า “เหมียวเหมี่ยว บาดแผลเจ้าสาหัสมาก ช่วงสองวันนี้เจ้าควรพักผ่อนให้ดีก่อน อย่าเพิ่งเดินไปไหนมาไหนเลย”ทว่าเกาเหมียวเหมี่ยวกลับมิได้สนใจในความห่วงใยของฉินอี้นางจ้องมองฉินอี้ด้วยความโมโหแล้วยกฝ่ามือฟาดไปหนึ่งฉาดฉินอี้มิประหลาดใจแม้แต่น้อย แต่กลับมองเกาเหมียวเหมี่ยวด้วยสีหน้าจริงจังและเป็นห่วง“เหมียวเหมี่ยว...”เกาเหมียวเหมี่ยวโมโหมากจนเอามือฟาดเขาสองครั้งติดต่อกันและแสดงความเกรี้ยวกราดออกมา “ขยะไร้ค่า! ขยะไร้ค่า!”“ท่านเป็นถึงองค์ชายผู้สูงส่ง แต่กลับถูกลั่วชิงยวนจัดการจนมีสภาพเช่นนี้ อับอายจนมิรู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ใด!”เกาเหมียวเหมี่ยวโกรธจนแทบอยากจะฉีกลั่วชิงยวนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยดวงตาของฉินอี้หรี่ลง แต่กลับมิได
แต่ขณะที่ทั้งสองคนกำลังต่อสู้กันอย่างสูสีวิชาฝ่ามือที่จู่โจมเข้ามาอย่างฉับพลันของลั่วชิงยวนทำให้ฉินอี้มิทันตั้งตัว เขาถูกรัวหมัดใส่อย่างต่อเนื่องจนลอยกระเด็นออกไป และกระอักเลือดออกมาการต่อสู้สิ้นจบลงในพริบตาเดียวหลายคนที่อยู่รอบด้านล้วนเห็นมิชัด“เมื่อครู่เกิดกระไรขึ้น?”“ต่อสู้กันอยู่มิใช่หรือ? เหตุใดจู่ ๆ ฉินอี้ถึงแพ้ได้เล่า?”ลั่วชิงยวนมองฉินอี้ด้วยสายตาเย็นชา “ดูเหมือนวรยุทธ์ขององค์ชายใหญ่จะเป็นอย่างที่คนเขาลือกันนะเพคะ”เทียบกับคนทั่วไปแล้ว วรยุทธ์ของฉินอี้ก็ถือว่ามิได้อ่อนด้อยเลยแต่สำหรับคนที่เป็นถึงองค์ชายนั้นช่างดูอ่อนแอนักเมื่อครู่ที่ลั่วชิงยวนลองทดสอบ ดูเหมือนว่าเขายังคงมีทักษะวรยุทธ์แบบเดียวกับที่เคยเรียนมาเมื่อก่อน และมิได้มีความก้าวหน้ามากนักเป็นเช่นนี้ได้อย่างไรหากฉินอี้เพียรพยายามมากกว่านี้ ผลลัพธ์ก็คงมิเป็นเช่นนี้ฉินอีจ้องนางด้วยโทสะ ดูเหมือนจะเจ็บใจที่วรยุทธ์ของตนอ่อนด้อยเกินไป ทำให้เสียงวิพากษ์วิจารณ์รอบข้างยิ่งบาดหูมากขึ้นไปอีกเขากัดฟันพลางกำหมัดแน่น และพุ่งเข้าหาลั่วชิงยวนอย่างดุร้ายเขามิยอมพ่ายแพ้เช่นนี้หรอกแต่เขากลับมิสามารถเอาชนะลั่วชิงย
ลั่วชิงยวนตกตะลึง อารมณ์ความรู้สึกของนางดำดิ่งเป็นไปตามที่นางคาดเดาเอาไว้ว่ามิเหลือแม้แต่ศพอย่างนั้นหรือ?“มิพบศพด้วยซ้ำ” อวี๋โหรวกล่าวเสียงขรึมดวงตาของลั่วชิงยวนหม่นลง ดูเหมือนว่าร่างนั้นจะถูกกำจัดไปแล้วจริง ๆ ส่วนจะกำจัดอย่างไรและทิ้งไว้ที่ไหน บางทีอาจมีเพียงฆาตกรเท่านั้นที่รู้“น่าเสียดายจริง ๆ” ลั่วชิงยวนทอดถอนใจด้วยความเสียดายอวี๋โหรวจ้องนางด้วยสายตาจริงจังและพูดอย่างหนักแน่น “มิน่าเสียดายหรอก ข้าเชื่อว่าเจ้าจะกลายเป็นนางคนต่อไป!”ทันใดนั้น สายตาที่จริงจังของอวี๋โหรวก็ทำให้ลั่วชิงยวนรู้สึกเย็นวาบไปถึงสันหลังและยังสงสัยด้วยว่าอวี๋โหรวจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่างหรือไม่ทว่าแม้แต่ศิษย์น้องหญิงก็จำนางมิได้ อีกทั้งอวี๋โหรวก็มิได้สนิทสนมกับนาง แล้วจะจำนางได้อย่างไรลั่วชิงยวนยิ้มและกล่าวว่า “ข้าจะถือว่านั่นคือคำปลอบใจก็แล้วกัน”อวี๋โหรวพูดอย่างจริงจัง “ข้ามิได้ปลอบใจเจ้า ข้าพูดจริง”หลังจากนั้น อวี๋โหรวก็ยิ้มอีกครั้งและพูดว่า “ทางข้ายังพอมียาอยู่บ้าง หากเจ้าต้องการอะไรก็บอกข้าได้เลย”ลั่วชิงยวนมิค่อยเข้าใจว่า เหตุใดอวี๋โหรวถึงทำดีกับนางนางมิค่อยรู้จักอวี๋โหรวมากนัก ในภาพจ
หรือเป็นเพราะเขาเชื่อมั่นในพลังความแข็งแกร่งของลั่วชิงยวน?แต่เมื่อมาครุ่นคิดดูตอนนี้ สตรีที่สามารถทำให้เซินฉีหลงใหลได้ถึงเพียงนี้คงไม่มีทางที่จะเป็นขยะไร้ค่าแม้จะมิได้แข็งแกร่งกว่าเฉินชี แต่ก็เป็นคนที่สามารถต่อกรกับเขาได้อย่างสูสีเพราะเช่นนี้เขาจึงมิแลเกาเหมียวเหมี่ยวเลยด้วยซ้ำ……เมื่อกลับมาถึงห้องลั่วชิงยวนก็นั่งลงพักผ่อนเฉินชีเดินตามเข้ามาและนั่งลงข้าง ๆ นาง พร้อมกับรินชาสองจอก“สมแล้วที่เป็นอาเหลา มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่กล้าทำให้เกาเหมียวเหมี่ยวตกอยู่ในสภาพเช่นนั้น! ข้าชอบ!” มีแสงประกายเจิดจ้าส่องสว่างในดวงตาของเฉินชีสายตาของเขาดูเหมือนอยากจะกลืนกินลั่วชิงยวนเข้าไปทั้งตัวลั่วชิงยวนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เกาเหมียวเหมี่ยวได้รับบาดเจ็บสาหัส ฝ่าบาทกับฮองเฮาคงมิยอมปล่อยข้าไปแน่ คงต้องให้เจ้าช่วยออกหน้าให้แล้ว”เฉินชียิ้มมุมปาก “วางใจได้ มีข้าอยู่ทั้งคน”ลั่วชิงยวนที่ยังกังวลอยู่เล็กน้อยกำชับด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เฉินชี ครั้งนี้เจ้าจะยืนนิ่งดูดายอีกมิได้แล้ว เพราะหากข้าตาย แผนทั้งหมดของเจ้าก็จะสูญเปล่า”“ใต้หล้านี้ไม่มีลั่วเหลาคนที่สองหรอกนะ”เฉินชีพยักหน้าอย่างจริงจ
เลือดสด ๆ ยังคงไหลมิหยุด ไหลนองไปตามร่องลึกของลวดลายวงเวทบนพื้นดินคาดมิถึงว่ามันจะค่อย ๆ ทำให้อักษรเวทของวงเวทส่องแสงขึ้นจากนั้นหมอกสีเขียวจาง ๆ ก็กระจายฟุ้งอยู่รอบตัวลั่วชิงยวนสิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นไอโอสถทั้งสิ้นหอรักษ์ดาราแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ที่สามารถกลั่นไอโอสถจากเลือดได้ และไอโอสถเหล่านี้ก็สามารถรักษาร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสได้ลั่วชิงยวนหลับตาและสูดลมหายใจด้วยความเพลิดเพลิน ทำให้ร่างกายที่ปวดร้าวของนางดูเหมือนจะผ่อนคลายลงนี่อาจจะเป็นความหมายของการมีอยู่ของแท่นประลองหอรักษ์ดาราแต่ไอโอสถนี้ก็จางลงอย่างรวดเร็วลั่วชิงยวนปล่อยเกาเหมียวเหมี่ยว นางยืนขึ้นพร้อมกับยืดเส้นยืดสาย และเดินลงจากแท่นประลองคนอื่นที่อยู่รอบ ๆ ต่างมองมาที่นางด้วยสายตาที่หวาดกลัวมากขึ้น และพวกเขาก็มิกล้าพูดจาดูถูกเหยียดหยามนางเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไปแล้วลั่วชิงยวนกวาดตามองอย่างเรียบเฉย จากนั้นก็มองไปที่เฉินชีด้วยสายตาลึกซึ้งแล้วเดินจากไปเกาเหมียวเหมี่ยวที่ได้รับบาดเจ็บถูกปลดแส้ออกอย่างรวดเร็วและถูกช่วยลงจากแท่นประลอง นางกัดฟันแน่นพลางจ้องตามหลังลั่วชิงยวนที่กำลังเดินออกไปครู่ต่อมา นางก็เห
“โอ้สวรรค์ ข้าคงมิได้ตาลายใช่หรือไม่?”“นางไปเอาความกล้ามาจากที่ใดกัน!”ทุกคนในเมืองหลวงต่างรู้ดีว่าเกาเหมียวเหมี่ยวคือใครนางมิเพียงมีสถานะองค์หญิงที่สูงส่งเท่านั้น แต่ยังมีโอกาสที่จะได้สืบราชบัลลังก์ในภายภาคหน้าอีกด้วยเนื่องจากองค์ชายใหญ่มีความสามารถปานกลาง จึงมิเป็นที่โปรดปรานขององค์จักรพรรดิและฮองเฮา ทว่าองค์หญิงผู้นี้กลับแข็งแกร่งและไร้ความปรานี จึงได้รับความโปรดปรานจากพวกเขาไม่มีใครในเมืองหลวงกล้าขัดใจนางเว้นเสียแต่ เฉินชีเพราะนางชอบเขาทว่าแม้จะเป็นเฉินชี แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นเขาก็ให้เกียรตินางมากลั่วชิงยวนผู้นี้กล้ามากถึงขั้นเหยียบย่ำองค์หญิงต่อหน้าธารกำนัลมากมายเช่นนี้!เกาเหมียวเหมี่ยวพยายามดิ้นพร้อมกับก่นด่าไปด้วย “ลั่วชิงยวน ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้! หากเจ้ามิปล่อยข้า ข้าจะทำให้เจ้าตายจนหาที่ฝังมิได้เลยคอยดู!”“ท่านนี่พูดมากนัก เงียบเสีย!”ลั่วชิงยวนมองนางด้วยสายตาเย็นชา พลางคว้าแส้แล้วดึงมันอย่างแรงทันใดนั้นแส้ที่คอของเกาเหมียวเหมี่ยวก็รัดแน่นขึ้นบังคับให้เกาเหมียวเหมี่ยวต้องเชิดหน้าขึ้นสูงแต่ยังคงถูกแส้รั้งไว้จนหน้าแดงนางหายใจมิออกจนเส้นเลือดแตกและตา
ลั่วชิงยวนถูกแส้ฟาดจนกระอักเลือด ทำให้อาภรณ์ชุดขาวของนางมีรอยเปื้อนสีแดงมีรอยแส้ที่น่าสะเทือนใจพาดอยู่บนหลังของนางเป็นเส้น ๆทุกคนที่อยู่รอบนอกต่างรู้สึกหวาดกลัวมีคนที่อดมิได้ที่จะกระซิบขึ้นว่า “มิยุติธรรมเลย คนหนึ่งมีอาวุธ แต่อีกคนไม่มี นี่มันจงใจแกล้งกันชัด ๆ มิใช่หรือ”“ชู่! พระนางเป็นองค์หญิง ถึงพระนางจะจงใจฆ่าลั่วชิงยวน แล้วใครจะพูดอะไรได้ ระวังไว้เถิด หากนางจับได้ เจ้าได้เดือดร้อนแน่”ทุกทิศมีแต่ความเงียบงันไม่มีใครกล้าพูดอะไรใครใช้ให้เกาเหมียวเหมี่ยวเป็นองค์หญิงเล่า?นางคือองค์หญิงที่ได้รับความโปรดปรานมาตั้งแต่ยังเล็กนางกลายเป็นคนเย่อหยิ่งบ้าอำนาจ และวิธีการของนางเลวทรามมิน้อยไปกว่าเฉินชีเลยทุกคนในที่นี้ล้วนไม่มีใครกล้าขัดทว่ามีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถช่วยลั่วชิงยวนได้ แต่คนผู้นั้นกลับนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ พลางมองลั่วชิงยวนที่ถูกฟาดบนพื้นจนร่างกายเต็มไปด้วยเลือดมีแสงประกายเจิดจ้าอยู่ในดวงตาของเขาและเจือไปด้วยความยินดีปรีดาลั่วชิงยวนกลิ้งไปบนพื้นและทันใดนั้นก็กระอักเลือดออกมาเต็มปากนางเงยหน้าขึ้นมาและเห็นสายตาที่แสดงถึงความตื่นเต้นดีใจของเฉินชี เขาม
“สตรีนางนี้ตอบสนองได้รวดเร็วยิ่งนัก”“การตอบสนองเร็วเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การเอาชนะคู่ต่อสู้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”“พลังความสามารถของจั๋วฉ่างตงนั้นสูงมาก แม้แต่บรรดาคนที่อยู่ที่นี่ก็ยังมีเพียงมิกี่คนเท่านั้นที่สามารถเอาชนะนางได้”ผลลัพธ์ของการประลองครั้งนี้ ไม่มีอะไรให้ต้องลุ้นแล้วทว่าขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกัน ทันใดนั้นจั๋วฉ่างตงก็ล้มลงอย่างแรงเมื่อทุกคนจ้องมองไปและแน่ใจว่าคนที่ลอยตกลงมาคือจั๋วฉ่างตง พวกเขาก็พากันตกตะลึงงัน“ข้าเห็นมิชัดเลย จั๋วฉ่างตงกระเด็นออกไปได้อย่างไรกัน?”ทุกคนต่างสงสัยจั๋วฉ่างตงกระอักเลือดและเงยหน้ามองคนผู้นั้นด้วยความตกตะลึง ดวงตาของนางเยือกเย็นจนน่าหวาดกลัวเป็นไปได้อย่างไรกันนางเป็นขยะไร้ค่ามิใช่รึคราวก่อนที่ส่งคนไปทดสอบ ก็เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าไม่มีพลังที่จะรับมือได้เลย เป็นไปมิได้ที่จู่ ๆ นางจะเปลี่ยนมาร้ายกาจถึงเพียงนี้!จั๋วฉ่างตงมิยอมรับ นางดีดตัวขึ้นและพุ่งไปหาลั่วชิงยวนอีกครั้งดวงตาของลั่วชิงยวนเปลี่ยนเป็นเย็นชา ร่างกายของนางเคลื่อนไหวรวดเร็วจนกลายเป็นภาพลวงตา พลางปล่อยหมัดออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าลั่วชิงยวนต่อยจั๋วฉ่างตงอย่างรุนแรงจนกระเด็น จากน
“ได้ยินมาว่านางจะประลองกับจั๋วฉ่างตงที่หอรักษ์ดาราในวันพรุ่ง”แม้หลายปีมานี้จั๋วฉ่างตงจะมิได้ดำรงตำแหน่งขุนนางใด ๆ แต่กำลังความสามารถของนางก็ถือว่าโดดเด่นที่สุดในบรรดาคนรุ่นเดียวกันอย่างแน่นอน“แล้วเจ้ามิช่วยนางเล่า? เหตุใดจึงปล่อยให้นางขโมยโอสถทะลวงปราณไป?”ขณะนี้ เฉินชีที่อยู่ในห้องเดินออกมาอย่างช้า ๆ พร้อมมองไปยังทิศทางที่ลั่วชิงยวนหนีไปด้วยดวงตาที่เป็นประกายริมฝีปากของเขาเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา“ข้าชอบที่เห็นนางอยู่ในสภาพบาดเจ็บเลือดตกยางออก”“ยิ่งนางจนมุมข้าก็ยิ่งปรีดา”เฒ่าโอสถขมวดคิ้วและส่ายหัวด้วยอารมณ์ซับซ้อน “สตรีบ้านไหนได้เจอเจ้า ถือว่าโชคร้ายที่สุดจริง ๆ”……หลังจากกลับมาถึงห้องอย่างปลอดภัยแล้ว ลั่วชิงยวนก็รีบเปลี่ยนอาภรณ์และนั่งขัดสมาธิบนตั่งนุ่มข้างหน้าต่างนางหยิบโอสถทะลวงปราณ และนำเข็มทิศอาณัติแห่งสวรรค์ออกมาทำการบำเพ็ญตนแค่คืนเดียวก็เพียงพอที่จะนำเอาประสิทธิภาพสูงสุดของโอสถทะลวงปราณออกมาได้แม้จะมิสามารถฟื้นฟูพลังยุทธได้อย่างสมบูรณ์ แต่ก็สามารถฟื้นคืนมาได้อย่างน้อยเจ็ดถึงแปดในสิบส่วนเพียงแค่จัดการกับจั๋วฉ่างตงได้ก็พอแล้ว……วันต่อมาเวลารุ่งสางบริเวณร