ใบหน้าเขาซีดเซียวราวกับพร้อมจะทรุดลงได้ทุกเมื่อลั่วชิงยวนมิเคยเห็นฟู่เฉินหวนป่วยหนักถึงเพียงนี้มาก่อนแต่ถึงอย่างนั้นความสง่างามบนใบหน้าของเขาก็ยังคงมิลดลงลั่วชิงยวนอดมิได้ที่จะเอ่ยปาก “ดูเหมือนว่าบาดแผลของท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการจะมิยังค่อยหายดีนัก”“มิเกี่ยวกับเจ้า” ฟู่เฉินหวนมีสีหน้าเย็นชา น้ำเสียงเฉยเมยแม้จะรู้ว่าเป็นการแสดง แต่ลั่วชิงยวนก็ยังคงรู้สึกเจ็บปวด“ตอนนี้ท่านคงจะขาดแคลนเครื่องยาสมุนไพร พวกข้าสามารถจัดหาให้ได้”“สามารถนำเข้าไปเป็นเงื่อนไขในการเจรจาครั้งนี้ได้”“ท่านคงจะรู้ฝีมือการรักษาของข้าดีอยู่แล้ว ข้ารับรองว่าจะรักษาแผลของท่านให้หายได้”ฟู่เฉินหวนเอ่ยเสียงเย็นชา “พูดมาตามตรงเถอะว่าเจ้าต้องการเงื่อนไขอะไรบ้าง”ลั่วชิงยวนจึงกล่าวเงื่อนไขทั้งหมดออกมาหลังจากฟังจบ ฟู่เฉินหวนก็หัวเราะเยาะ “พวกเจ้าช่างกล้าขอจริง ๆ”ลั่วชิงยวนถามต่อ “แล้วหากข้าแลกด้วยสนหิมะเขาฉีซานเล่า?”ฟู่เฉินหวนได้ยินดังนั้นก็หรี่ตาลงลั่วชิงยวนกำลังบอกเป็นนัยกับเขา“ของสิ่งนี้เมื่อใช้ร่วมกับเครื่องยาสมุนไพรอื่น ๆ ข้ารับรองว่าจะทำให้แผลของท่านหายสนิทได้ และจะมิส่งผลต่อวรยุทธ”ฟู่เฉินหวนข
จู่ ๆ ก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นจากด้านนอกราวกับว่ามีอะไรบางอย่างถล่มลงมามินานก็มีเสียงฝีเท้าวิ่งมาอย่างเร่งรีบ“รายงาน! ทหารเผ่านอกด่านยกทัพมาลอบโจมตีพ่ะย่ะค่ะ!”“พวกมันใช้แม่ทัพฉินเป็นโล่มนุษย์ แล้วบุกเข้ามาจากจุดที่กำแพงเมืองทางทิศเหนือพังทลายลงมา บัดนี้บุกเข้ามาในเมืองผิงหนิงแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” เมื่อได้ฟังดังนั้น สีหน้าของหลายคนในห้องก็เปลี่ยนไปอย่างมาก“ว่ากระไรนะ? บุกเมืองแล้วหรือ?”“นี่มันเกิดอะไรขึ้น...”หัวหน้าเผ่าทั้งสองยังมิทันได้คิดให้เข้าใจแววตาอันแหลมคมของฟู่เฉินหวนก็จ้องมาที่พวกเขาสามคน“การเจรจาสันติภาพเป็นเรื่องหลอกลวง การโจมตีแบบลอบกัดต่างหากที่เป็นของจริง!”“ทหาร จับตัวพวกมันสามคนไปขังไว้! คุมตัวให้แน่นหนา!”ในวินาทีต่อมา เหล่าทหารก็กรูเข้ามาจับตัวพวกเขาสามคนไปขังไว้ในห้องมืดที่มีการเฝ้าระวังอย่างแน่นหนา“ใครกันที่มิเชื่อฟังคำสั่งแล้วลงมือเองเช่นนี้! การเจรจาสันติภาพจะสำเร็จอยู่แล้ว!” หงเซียวโกรธจัดจนชกกำแพงอย่างแรง“จะเป็นใครไปได้อีกนอกจากหล่างชิ่น!” ถูจินโกรธจนเคราแทบตั้ง“นางต้องการสืบทอดบัลลังก์จึงมิยอมให้หยวนหนิงเจรจาสำเร็จ!”หงเซียวตกใจก่อนจะตำหนิตั
“เหล่าชนเผ่านอกด่านทั้งหลายจงถอยทัพบัดเดี๋ยวนี้!”เสียงอันหนักแน่นของลั่วชิงยวนดังก้องกังวานแหวนอินทรีในมือของนางส่องประกายวาววับระยับท่ามกลางแสงอาทิตย์เสียงร้องอันแหลมคมดังก้องมาจากท้องฟ้า แล้วนกอินทรีตัวหนึ่งก็โผบินมามันบินมาเกาะที่แขนของลั่วชิงยวนเมื่อทหารเผ่านอกด่านทั้งหลายเห็นดังนั้นต่างก็ตกใจยิ่งนัก“นั่นคือแหวนขององค์ราชา”“นั่นคือคำสั่งของพญาอินทรีศักดิ์สิทธิ์”“ถอยทัพ! ถอยทัพ!”ทุกคนต่างก้มลงคำนับพญาอินทรีศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นก็ถอยทัพไปไม่มีผู้ใดสนใจหล่างชิ่นอีกต่อไปแล้วฟู่เฉินหวนเงยหน้ามองร่างบางของลั่วชิงยวน แสงตะวันสีทองสาดส่องลงบนบ่าของนางภาพอันน่าสะเทือนใจคือภาพกองทัพเถื่อนแสดงความเคารพต่อนางทำให้เขาเกิดความรู้สึกผิดแปลกไปว่านางเป็นเทพจริง ๆเทพผู้มองสรรพสิ่งอย่างหยามหยัน สูงส่งจนผู้ใดมิอาจล่วงเกินได้หล่างชิ่นตกใจกลัวผู้เป็นบิดาได้มอบแหวนอินทรีให้แก่นางตั้งนานแล้ว!มิว่าจะทำอย่างไรก็ไร้ประโยชน์!ไม่มีอะไรต้องแย่งชิงอีกแล้ว!ขณะที่ลั่วชิงยวนหันหลังกลับเพื่อจะจับหล่างชิ่นทันใดนั้นเงาร่างอันว่องไวก็ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วคว้าร่างของหล่างชิ่นก
ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “หากเจ้าสามารถรักษาฉินเชียนหลี่ได้จริง ๆ ข้าก็จะตกลง”“แต่เงื่อนไขที่ตกลงกันไว้ในตอนแรกจะมิสามารถใช้ได้อีกต่อไป” “สามารถมอบม้าและวัวให้แก่เจ้าได้ทั้งหมด แต่เมืองผิงหนิงจะมิสามารถเปิดประตูให้แก่เจ้าได้อีกต่อไป”“และเงื่อนไขของข้าจะต้องมีการเพิ่มอีกข้อหนึ่ง”“คือต้องตัดหัวของหล่างชิ่นมาแลก”เมื่อทุกคนได้ฟังดังนั้นก็ตกใจลั่วชิงยวนตอบตกลงในทันที “ได้! พาข้าไปหาฉินเชียนหลี่ก่อน”“นำตัวพวกเขากลับไปขังไว้ก่อน” ฟู่เฉินหวนสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชาจากนั้นก็พาลั่วชิงยวนเดินจากไป……เมื่อเข้ามาในห้องลั่วชิงยวนเห็นกรงเหล็กนั้นมันเป็นกรงเหล็กที่แคบมาก แขนขาของฉินเชียนหลี่ถูกพันธนาการด้วยโซ่ตรวนทั้งสี่ สภาพยับเยินน่าสังเวชเมื่อเห็นภาพนี้ ความเกลียดชังที่ลั่วชิงยวนมีต่อหล่างชิ่นก็เพิ่มขึ้นหลายเท่าลั่วชิงยวนเดินไปจับข้อมือของเขาแต่ฉินเชียนหลี่กลับมิได้สติและคำรามใส่นางยื่นมือออกมาหมายจะตะปบลั่วชิงยวนอย่างแรงในเสี้ยววินาทีนั้น ฟู่เฉินหวนก็จับไหล่ของลั่วชิงยวนแล้วดึงถอยหลังกลับมาหลบหลีกฝ่ามือของฉินเชียนหลี่ได้ทันลั่วชิงยวนฉวยโอกาสนี้คว้าข้อมือข
“ถูจิน หงเซียว พวกเจ้าคิดกบฏหรือ? จับตัวลั่วชิงยวนมาให้ข้า!”ลั่วชิงยวนตกใจเป็นไปมิได้ราชาเผ่านอกด่านมิได้ตั้งใจจะสู้รบต่อไป แม้ว่าจะต้องต่อต้านกองทัพที่ล้อมรอบเพื่อปกป้องตนเอง แต่ก็เป็นไปมิได้ที่จะมอบบัลลังก์ให้แก่หล่างชิ่นหล่างมู่วิ่งเข้าไปในเมืองเพื่อช่วยนาง แต่กลับถูกจับตัวไป อาจเป็นฝีมือของหล่างชิ่นก็ได้นางต้องการเป็นรัชทายาทเพียงคนเดียวในยามวิกฤติครั้งนี้สายตาเฉียบคมของถูจินและหงเซียวสบกันแล้วกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “หล่างชิ่น เจ้าทำอะไรลงไป?”“องค์ราชาได้มอบบัลลังก์ให้แก่หยวนหนิงแล้ว เป็นไปมิได้ที่จะมอบให้แก่เจ้า!”แววตาของหล่างชิ่นฉายแววโหดเหี้ยม“หยวนหนิง หยวนหนิง! พวกเจ้าบ้าไปแล้วรึ? คิดว่าลูกสาวอัครเสนาบดีแคว้นเทียนเชวียเป็นลูกสาวราชาเผ่านอกด่านงั้นรึ?”“นางคือลั่วชิงยวน! เป็นชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการ!”“ดี ในเมื่อพวกเจ้ายอมรับลั่วชิงยวนแล้ว ข้าก็จะมิเกรงใจความเป็นพี่น้องอีกต่อไป”“ทหาร! จับตัวไปให้หมด!”ลู่หยิ่งก็เข้าร่วมการต่อสู้ด้วยลั่วชิงยวนถูกปิดล้อมอย่างหนัก นางรับมืออย่างตึงเครียด พยายามฝ่าวงล้อมเข้าไปในกระโจมเพื่อดูว่าราชาเผ่านอกด่านเป็นอย่างไรบ้า
“แม้เจ้าจะมิใช่ลูกสาวแท้ ๆ ของข้า แต่ตลอดหลายปีมานี้ ข้ามิเคยปล่อยให้เจ้าต้องลำบากเลย”“และยังปฏิบัติต่อเจ้าเหมือนลูกสาวแท้ ๆ เสมอ”แววตาของราชาเผ่านอกด่านมีความเจ็บปวด หล่างชิ่นเพิ่งรู้ในตอนนี้ว่าทุกสิ่งที่นางทำไปล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาดวงตาของหล่างชิ่นเต็มไปด้วยน้ำตาขณะหัวเราะเยาะ “ใช่! ข้าเป็นเพียงตัวแทนที่ท่านรับมาเลี้ยงเพื่อปลอบใจตัวเองเท่านั้น”“ดังนั้นข้าจะยังมีทางรอดอยู่อีกหรือ ข้าทำได้เพียงเท่านี้เพราะท่านเป็นคนบังคับข้าเอง!”นางรู้มาตั้งแต่เด็กว่าพ่อมีลูกสาวที่ล่วงลับไปแล้วในห้องที่พ่อของนางอยู่มีภาพวาดของหยวนหนิงมากมาย รวมถึงมีสิ่งของของหยวนหนิงอยู่ทุกหนทุกแห่งนางอิจฉายิ่งนัก นางคิดว่าตราบใดที่นางพยายามอย่างหนักและแข็งแกร่งพอ พ่อก็จะลืมหยวนหนิงและมีเพียงนางในใจแต่ในวันนี้นางเพิ่งรู้ว่านางมิใช่ลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อดังนั้นความพยายามทั้งหมดของนางจึงสูญเปล่านางไม่มีวันแข่งกับหยวนหนิงที่ตายไปแล้วได้ราชาเผ่านอกด่านถอนหายใจ “ทุกอย่างเป็นทางเลือกของเจ้าเอง ไม่มีใครบังคับเจ้า”“เมื่อเจ้าลอบสังหารเหยี่ยนหลัว ข้ายังให้โอกาสเจ้า”“แต่เจ้ากลับทำให้ข้าผิดหวัง”รา
“กรี๊ด” เสียงกรีดร้องโหยหวนอันน่าสยดสยองดังก้องกังวานไปทั่ว พร้อมกับเสียงร้อนฉ่าที่น่าสะพรึงกลัว ภาพอันน่าเวทนาปรากฏอยู่เบื้องหน้าลั่วชิงยวนมิได้กะพริบตาแม้แต่น้อย เมื่อวางเหล็กเผาไฟลง ใบหน้าของหล่างชิ่นก็ปรากฏบาดแผลไหม้เป็นรูปอักขระหนึ่งทาส“เจ้าชอบบังคับให้ผู้อื่นเป็นทาสของเจ้านักมิใช่รึ? บัดนี้จงลิ้มลองรสชาติของการเป็นทาสดูบ้างแล้วกัน”“ทุกสิ่งที่เจ้าได้กระทำต่อฉินเชียนหลี่ เจ้าจะได้รับผลตอบแทนเป็นสองเท่า”ดวงตาของหล่างชิ่นแดงก่ำ โซ่ตรวนที่พันธนาการร่างกายไว้สั่นไหว“ลั่วชิงยวน! หากเจ้ามิสังหารข้า สักวันข้าจะต้องสังหารเจ้า!”ลั่วชิงยวนยกยิ้มมุมปาก “เจ้าจะไม่มีโอกาสนั้น”ลั่วชิงยวนชักดาบออกมา ดาบที่เปล่งประกายราวกับแสงจันทร์ถูกปลดจากฝักจากนั้นค่อย ๆ แทงไปยังข้อมือของหล่างชิ่น คมดาบแทงทะลุข้อมือแล้วเฉือนเส้นเอ็นอย่างแช่มช้า เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังก้องไปทั่วคุกแล้วลั่วชิงยวนก็ค่อย ๆ เฉือนเส้นเอ็นที่มือและเท้าของหล่างชิ่นครั้งแล้วครั้งเล่า จากนั้นก็ใช้ฝ่ามือฟาดลงไปที่ไหล่ของหล่างชิ่นอย่างแรง เสียงกระดูกหักดังกังวานอึกเลือดสีแดงฉานพุ่งออกมาจากปากหล่า
ลั่วชิงยวนยิ้มแล้วพยักหน้านางคิดว่าอาจเป็นเพราะราชาเผ่านอกด่านได้ประกาศสละบัลลังก์ให้แก่นางแล้ว หล่างมู่จึงหมดทางเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ และเปลี่ยนทัศนคติต่อนางไปมากถึงเพียงนี้เลยหรือ?เพราะอย่างน้อยนางกับเขาก็เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน ครั้งนั้นนางถึงขั้นเกือบเอาชีวิตมิรอดเลยทีเดียวเมื่อดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า กองทัพก็หยุดพักตั้งค่ายพักแรม คนออกล่าสัตว์ก็ไปล่าสัตว์ ส่วนคนทำอาหารก็ทำอาการ กลิ่นหอมอบอวลไปทั่วทั้งค่ายลั่วชิงยวนเดินเล่นแล้วบังเอิญไปพบกับบ่อน้ำพุร้อนจึงอยากอาบน้ำ เพราะต้องเฝ้าปกป้องเมืองมาสิบกว่าวัน ตอนนี้ตัวนางจึงเหม็นจนแทบทนมิไหวแล้วเนื่องจากไม่มีใครอยู่ใกล้ นางจึงแอบลงไปในน้ำอย่างเงียบเชียบ แต่มินานก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้น มีผู้ชายหลายคนมาตักน้ำที่นี่“เอ๊ะ เหมือนว่าจะมีคนอยู่ในน้ำ”ลั่วชิงยวนจึงตัดสินใจซ่อนตัวอยู่ในน้ำ มิกล้าโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ“ลงไปดูเลย! ขอให้อย่าเป็นศัตรู”หัวใจของลั่วชิงยวนเต้นแรงทันใดนั้นเสียงของหญิงสาวก็ดังขึ้น “ทำอะไรกันอยู่!”“พวกเราพี่หญิงน้องหญิงจะมาอาบน้ำที่นี่ พวกเจ้าออกไปกันก่อนเถิด”เหล่าชายหนุ่มจึงจากไป สักพักก็ได้ย
เลือดสด ๆ ยังคงไหลมิหยุด ไหลนองไปตามร่องลึกของลวดลายวงเวทบนพื้นดินคาดมิถึงว่ามันจะค่อย ๆ ทำให้อักษรเวทของวงเวทส่องแสงขึ้นจากนั้นหมอกสีเขียวจาง ๆ ก็กระจายฟุ้งอยู่รอบตัวลั่วชิงยวนสิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นไอโอสถทั้งสิ้นหอรักษ์ดาราแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ที่สามารถกลั่นไอโอสถจากเลือดได้ และไอโอสถเหล่านี้ก็สามารถรักษาร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสได้ลั่วชิงยวนหลับตาและสูดลมหายใจด้วยความเพลิดเพลิน ทำให้ร่างกายที่ปวดร้าวของนางดูเหมือนจะผ่อนคลายลงนี่อาจจะเป็นความหมายของการมีอยู่ของแท่นประลองหอรักษ์ดาราแต่ไอโอสถนี้ก็จางลงอย่างรวดเร็วลั่วชิงยวนปล่อยเกาเหมียวเหมี่ยว นางยืนขึ้นพร้อมกับยืดเส้นยืดสาย และเดินลงจากแท่นประลองคนอื่นที่อยู่รอบ ๆ ต่างมองมาที่นางด้วยสายตาที่หวาดกลัวมากขึ้น และพวกเขาก็มิกล้าพูดจาดูถูกเหยียดหยามนางเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไปแล้วลั่วชิงยวนกวาดตามองอย่างเรียบเฉย จากนั้นก็มองไปที่เฉินชีด้วยสายตาลึกซึ้งแล้วเดินจากไปเกาเหมียวเหมี่ยวที่ได้รับบาดเจ็บถูกปลดแส้ออกอย่างรวดเร็วและถูกช่วยลงจากแท่นประลอง นางกัดฟันแน่นพลางจ้องตามหลังลั่วชิงยวนที่กำลังเดินออกไปครู่ต่อมา นางก็เห
“โอ้สวรรค์ ข้าคงมิได้ตาลายใช่หรือไม่?”“นางไปเอาความกล้ามาจากที่ใดกัน!”ทุกคนในเมืองหลวงต่างรู้ดีว่าเกาเหมียวเหมี่ยวคือใครนางมิเพียงมีสถานะองค์หญิงที่สูงส่งเท่านั้น แต่ยังมีโอกาสที่จะได้สืบราชบัลลังก์ในภายภาคหน้าอีกด้วยเนื่องจากองค์ชายใหญ่มีความสามารถปานกลาง จึงมิเป็นที่โปรดปรานขององค์จักรพรรดิและฮองเฮา ทว่าองค์หญิงผู้นี้กลับแข็งแกร่งและไร้ความปรานี จึงได้รับความโปรดปรานจากพวกเขาไม่มีใครในเมืองหลวงกล้าขัดใจนางเว้นเสียแต่ เฉินชีเพราะนางชอบเขาทว่าแม้จะเป็นเฉินชี แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นเขาก็ให้เกียรตินางมากลั่วชิงยวนผู้นี้กล้ามากถึงขั้นเหยียบย่ำองค์หญิงต่อหน้าธารกำนัลมากมายเช่นนี้!เกาเหมียวเหมี่ยวพยายามดิ้นพร้อมกับก่นด่าไปด้วย “ลั่วชิงยวน ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้! หากเจ้ามิปล่อยข้า ข้าจะทำให้เจ้าตายจนหาที่ฝังมิได้เลยคอยดู!”“ท่านนี่พูดมากนัก เงียบเสีย!”ลั่วชิงยวนมองนางด้วยสายตาเย็นชา พลางคว้าแส้แล้วดึงมันอย่างแรงทันใดนั้นแส้ที่คอของเกาเหมียวเหมี่ยวก็รัดแน่นขึ้นบังคับให้เกาเหมียวเหมี่ยวต้องเชิดหน้าขึ้นสูงแต่ยังคงถูกแส้รั้งไว้จนหน้าแดงนางหายใจมิออกจนเส้นเลือดแตกและตา
ลั่วชิงยวนถูกแส้ฟาดจนกระอักเลือด ทำให้อาภรณ์ชุดขาวของนางมีรอยเปื้อนสีแดงมีรอยแส้ที่น่าสะเทือนใจพาดอยู่บนหลังของนางเป็นเส้น ๆทุกคนที่อยู่รอบนอกต่างรู้สึกหวาดกลัวมีคนที่อดมิได้ที่จะกระซิบขึ้นว่า “มิยุติธรรมเลย คนหนึ่งมีอาวุธ แต่อีกคนไม่มี นี่มันจงใจแกล้งกันชัด ๆ มิใช่หรือ”“ชู่! พระนางเป็นองค์หญิง ถึงพระนางจะจงใจฆ่าลั่วชิงยวน แล้วใครจะพูดอะไรได้ ระวังไว้เถิด หากนางจับได้ เจ้าได้เดือดร้อนแน่”ทุกทิศมีแต่ความเงียบงันไม่มีใครกล้าพูดอะไรใครใช้ให้เกาเหมียวเหมี่ยวเป็นองค์หญิงเล่า?นางคือองค์หญิงที่ได้รับความโปรดปรานมาตั้งแต่ยังเล็กนางกลายเป็นคนเย่อหยิ่งบ้าอำนาจ และวิธีการของนางเลวทรามมิน้อยไปกว่าเฉินชีเลยทุกคนในที่นี้ล้วนไม่มีใครกล้าขัดทว่ามีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถช่วยลั่วชิงยวนได้ แต่คนผู้นั้นกลับนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ พลางมองลั่วชิงยวนที่ถูกฟาดบนพื้นจนร่างกายเต็มไปด้วยเลือดมีแสงประกายเจิดจ้าอยู่ในดวงตาของเขาและเจือไปด้วยความยินดีปรีดาลั่วชิงยวนกลิ้งไปบนพื้นและทันใดนั้นก็กระอักเลือดออกมาเต็มปากนางเงยหน้าขึ้นมาและเห็นสายตาที่แสดงถึงความตื่นเต้นดีใจของเฉินชี เขาม
“สตรีนางนี้ตอบสนองได้รวดเร็วยิ่งนัก”“การตอบสนองเร็วเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การเอาชนะคู่ต่อสู้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”“พลังความสามารถของจั๋วฉ่างตงนั้นสูงมาก แม้แต่บรรดาคนที่อยู่ที่นี่ก็ยังมีเพียงมิกี่คนเท่านั้นที่สามารถเอาชนะนางได้”ผลลัพธ์ของการประลองครั้งนี้ ไม่มีอะไรให้ต้องลุ้นแล้วทว่าขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกัน ทันใดนั้นจั๋วฉ่างตงก็ล้มลงอย่างแรงเมื่อทุกคนจ้องมองไปและแน่ใจว่าคนที่ลอยตกลงมาคือจั๋วฉ่างตง พวกเขาก็พากันตกตะลึงงัน“ข้าเห็นมิชัดเลย จั๋วฉ่างตงกระเด็นออกไปได้อย่างไรกัน?”ทุกคนต่างสงสัยจั๋วฉ่างตงกระอักเลือดและเงยหน้ามองคนผู้นั้นด้วยความตกตะลึง ดวงตาของนางเยือกเย็นจนน่าหวาดกลัวเป็นไปได้อย่างไรกันนางเป็นขยะไร้ค่ามิใช่รึคราวก่อนที่ส่งคนไปทดสอบ ก็เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าไม่มีพลังที่จะรับมือได้เลย เป็นไปมิได้ที่จู่ ๆ นางจะเปลี่ยนมาร้ายกาจถึงเพียงนี้!จั๋วฉ่างตงมิยอมรับ นางดีดตัวขึ้นและพุ่งไปหาลั่วชิงยวนอีกครั้งดวงตาของลั่วชิงยวนเปลี่ยนเป็นเย็นชา ร่างกายของนางเคลื่อนไหวรวดเร็วจนกลายเป็นภาพลวงตา พลางปล่อยหมัดออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าลั่วชิงยวนต่อยจั๋วฉ่างตงอย่างรุนแรงจนกระเด็น จากน
“ได้ยินมาว่านางจะประลองกับจั๋วฉ่างตงที่หอรักษ์ดาราในวันพรุ่ง”แม้หลายปีมานี้จั๋วฉ่างตงจะมิได้ดำรงตำแหน่งขุนนางใด ๆ แต่กำลังความสามารถของนางก็ถือว่าโดดเด่นที่สุดในบรรดาคนรุ่นเดียวกันอย่างแน่นอน“แล้วเจ้ามิช่วยนางเล่า? เหตุใดจึงปล่อยให้นางขโมยโอสถทะลวงปราณไป?”ขณะนี้ เฉินชีที่อยู่ในห้องเดินออกมาอย่างช้า ๆ พร้อมมองไปยังทิศทางที่ลั่วชิงยวนหนีไปด้วยดวงตาที่เป็นประกายริมฝีปากของเขาเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา“ข้าชอบที่เห็นนางอยู่ในสภาพบาดเจ็บเลือดตกยางออก”“ยิ่งนางจนมุมข้าก็ยิ่งปรีดา”เฒ่าโอสถขมวดคิ้วและส่ายหัวด้วยอารมณ์ซับซ้อน “สตรีบ้านไหนได้เจอเจ้า ถือว่าโชคร้ายที่สุดจริง ๆ”……หลังจากกลับมาถึงห้องอย่างปลอดภัยแล้ว ลั่วชิงยวนก็รีบเปลี่ยนอาภรณ์และนั่งขัดสมาธิบนตั่งนุ่มข้างหน้าต่างนางหยิบโอสถทะลวงปราณ และนำเข็มทิศอาณัติแห่งสวรรค์ออกมาทำการบำเพ็ญตนแค่คืนเดียวก็เพียงพอที่จะนำเอาประสิทธิภาพสูงสุดของโอสถทะลวงปราณออกมาได้แม้จะมิสามารถฟื้นฟูพลังยุทธได้อย่างสมบูรณ์ แต่ก็สามารถฟื้นคืนมาได้อย่างน้อยเจ็ดถึงแปดในสิบส่วนเพียงแค่จัดการกับจั๋วฉ่างตงได้ก็พอแล้ว……วันต่อมาเวลารุ่งสางบริเวณร
เกาเหมียวเหมี่ยวกำหมัดแน่น รู้สึกโมโหมากจนแทบจะปรี๊ดแตกออกมาความรู้สึกอับอายถาโถมเข้ามาหานางเหมือนกับคลื่นยักษ์“เฉินชี คอยดูเถอะ!” เกาเหมียวเหมี่ยวจ้องมองเขาด้วยความโกรธเกรี้ยวนางสวมอาภรณ์แล้วหนีไปทันที……คืนก่อนวันประลองที่หอรักษ์ดาราทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในความเงียบสงบหลังจากลั่วชิงยวนพักผ่อนได้หนึ่งวัน นางก็เปลี่ยนอาภรณ์เป็นชุดท่องราตรีนางแอบเปิดประตูห้องแล้วอาศัยจังหวะที่บริเวณรอบ ๆ ไม่มีคน มุ่งหน้าไปยังหอปรุงโอสถทั้งยังปล่อยเตี่ยฉุยออกมาเพื่อช่วยนางดูคนที่ผ่านไปมาให้อีกแรงหอปรุงโอสถเป็นสถานที่สำคัญของสำนักนักบวช บุคคลทั่วไปมิได้รับอนุญาตให้เข้าไปตามใจชอบ หากนางถูกจับได้ จะต้องตายสถานเดียวทว่าหากมิขโมยโอสถ วันพรุ่งก็ต้องตายในการประลองที่หอรักษ์ดาราอยู่ดีดังนั้นนางจึงทำได้เพียงยอมเสี่ยงดูสักครั้งลั่วชิงยวนอาศัยความที่คุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้ได้อย่างรวดเร็ว ทำการหลบเลี่ยงจุดที่อาจจะมีคนและมาถึงด้านนอกของหอปรุงโอสถขณะนี้ หอปรุงโอสถเงียบสงบและไม่มีใครเฝ้ายามลั่วชิงยวนเดินเข้ามาในลานจนถึงประตูที่ลงกลอนเอาไว้นางดึงปิ่นปักผมออกมาปลดกลอนประตูอย่างชำนาญจากนั้นก
“ใครให้เจ้าใช้กลิ่นกล้วยไม้? คิดว่าตัวเองคู่ควรกับมันรึ?”แววตาอันชั่วร้ายและกลิ่นอายสังหารทั่วร่างที่แผ่ออกมาทำให้หลานจีหวาดกลัวจนต้องดิ้นรนอย่างสุดชีวิต“ท่าน… ท่านแม่ทัพ ท่านเป็นให้ข้าใช้มันเองนะเจ้าคะ”ดวงตาของเฉินชีเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น เขาโยนหลานจีออกจากห้องอย่างโหดร้าย“นับตั้งแต่วันนี้ห้ามใช้น้ำหอมกลิ่นกล้วยไม้อีก ไสหัวไป!”หลานจีล้มออกมานอกห้องอย่างแรงจนกลิ้งตกขั้นบันไดและกระอักเลือดออกมา ทำให้ตกอยู่ในสภาพที่ดูมิได้อย่างยิ่งนางเงยหน้าขึ้นด้วยความมิอยากเชื่อ มิเข้าใจว่าเหตุใดอารมณ์ของท่านแม่ทัพถึงเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันเมื่อก่อนเขาชอบดูนางร่ายรำเป็นที่สุด และชอบกลิ่นหอมของกล้วยไม้บนตัวของนางด้วยเช่นกันเหตุใดจู่ ๆ ถึง…หลานจีพยายามลุกขึ้นจากพื้นพลางมองไปที่เฉินชีที่ยังคงดื่มอยู่ในห้อง “ท่านแม่ทัพมีเรื่องอันใดมิสบายใจใช่หรือไม่เจ้าคะ หลานจียินดีช่วยแบ่งเบาความกังวลให้ท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ!”ทันใดนั้นก็มีบุคคลหนึ่งก้าวออกมาจากด้านหลัง ร่างนั้นเดินผ่านหน้านาง และได้ตบนางอย่างแรงทำให้หลานจีล้มลงกับพื้นอีกครั้ง“ไล่ให้เจ้าไสหัวไปแต่กลับมิทำ จะรอข้ามาถลกหนังรึไร?” ดวงตาของเก
ฟู่เฉินหวนหาได้แปลกใจไม่ คนที่ปรากฏตัวที่นี่ได้ย่อมมิใช่คนธรรมดาเขามิได้ตอบ เพราะกำลังครุ่นคิดฉินอี้พูดต่อ “คนของเฉินชีล้อมภูเขาทั้งลูกไว้แล้ว เจ้าบาดเจ็บสาหัส ออกไปเองมิได้หรอก”“มีเพียงการไปกับข้าเท่านั้น ข้าจึงจะพาเจ้าออกจากที่นี่ได้”“อีกอย่าง เจ้าก็น่าจะสัมผัสได้ถึงจิตสังหารของเฉินชี ถึงแม้ว่าเจ้าจะรอดชีวิตออกจากภูเขาลูกนี้ก็เข้าเมืองหลวงมิได้อยู่ดี และไม่มีทางได้พบลั่วชิงยวน”“ทั่วแผ่นดินแคว้นหลี มีเพียงข้าเท่านั้นที่ช่วยเจ้าได้”ฟู่เฉินหวนหรี่ตาลง “เงื่อนไขคืออะไร?”“เจ้าอุตส่าห์มาช่วยข้า คงต้องมีเงื่อนไขกระมัง”ฉินอี้ยกยิ้ม “ข้าชอบคบหากับคนฉลาด!”“สิ่งเดียวที่ข้าอยากทำ ก็คือฆ่าเฉินชี!”แววตาของฉินอี้เต็มไปด้วยจิตสังหารเฉินชีควบคุมกองทัพ มักทำอะไรตามใจชอบถึงแม้ว่าภายนอกจะเชื่อฟังราชวงศ์ แต่ความจริงแล้วเขาแทบมิยอมรับข้อบังคับของราชวงศ์ มิเคยเห็นใครอยู่ในสายตายิ่งไปกว่านั้น เขามิเคยนับถือองค์ชายผู้นี้เลย คอยแต่จะเยาะเย้ยเสมอเมื่อมีโอกาสสิ่งที่เขาอยากทำมากที่สุดในชีวิตคือ ฆ่าเฉินชี!ฟู่เฉินหวนดูออก ฉินอี้มิได้โกหกเรื่องนี้ ความเกลียดชังในดวงตาของเขาแทบจะพวยพุ่ง
นางลุกขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อหลบ ทว่าหาได้มีทางหลบได้ไม่ เงาดำหลายร่างจับร่างจองนางเหวี่ยงไปมาร่างของนางราวกับใบไม้ที่ถูกลมพัดปลิวไปมา ชนกำแพง ชนประตู ชนต้นไม้จนเลือดไหลออกมาดูน่าเวทนายิ่งนักมีคนหลายคนยืนดูความเคลื่อนไหวในเรือนจากในที่มืดระยะไกล แล้วต่างหัวเราะอย่างพึงพอใจ“คิดว่าจะเก่งแค่ไหนกันเชียว กล้ามาท้าทายจั๋วฉ่างตงที่หอรักษ์ดารา สุดท้ายก็ได้แค่นี้”“ความจริงนางก็มิได้เก่งหรอก มิรู้ว่าปราบสิบวายร้ายได้อย่างไร”“ส่งไปอีกสองตัว! ทรมานอีกสักรอบ อีกสองวันข้างหน้าเมื่อไปหอรักษ์ดารา นางอาจจะยอมแพ้ไป!”พูดจบ พวกเขาก็เปิดกล่องที่ผนึกด้วยยันต์แปดทิศ และกระดาษยันต์หนึ่งแผ่นก็เริ่มควบคุมสิ่งของในกล่องให้บินออกมาทันใดนั้นก็มีเท้าข้างหนึ่งยื่นออกมาเตะกล่องคว่ำสิ่งที่พุ่งออกมาทันทีนั้นส่งเสียงคำรามอันน่าสยดสยอง ทำให้หลายคนตกใจพลันรีบถอยหลังหลบกันไป“เจ้าเป็นบ้าไปแล้วรึไร!” หลายคนรีบลุกขึ้นตะโกนใส่อวี๋โหรวที่เตะกล่องคว่ำพวกเขาลุกขึ้นยืน ทุกคนตัวสูงกว่าอวี๋โหรวยิ่งทำให้อวี๋โหรวดูตัวเล็กดูน่ารังแกแต่อวี๋โหรวกลับมองพวกเขาด้วยแววตาเย็นชา “พอได้แล้ว!”“หากทำให้นางตาย ข้าจะดูว่าเ