“ถูจิน หงเซียว พวกเจ้าคิดกบฏหรือ? จับตัวลั่วชิงยวนมาให้ข้า!”ลั่วชิงยวนตกใจเป็นไปมิได้ราชาเผ่านอกด่านมิได้ตั้งใจจะสู้รบต่อไป แม้ว่าจะต้องต่อต้านกองทัพที่ล้อมรอบเพื่อปกป้องตนเอง แต่ก็เป็นไปมิได้ที่จะมอบบัลลังก์ให้แก่หล่างชิ่นหล่างมู่วิ่งเข้าไปในเมืองเพื่อช่วยนาง แต่กลับถูกจับตัวไป อาจเป็นฝีมือของหล่างชิ่นก็ได้นางต้องการเป็นรัชทายาทเพียงคนเดียวในยามวิกฤติครั้งนี้สายตาเฉียบคมของถูจินและหงเซียวสบกันแล้วกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “หล่างชิ่น เจ้าทำอะไรลงไป?”“องค์ราชาได้มอบบัลลังก์ให้แก่หยวนหนิงแล้ว เป็นไปมิได้ที่จะมอบให้แก่เจ้า!”แววตาของหล่างชิ่นฉายแววโหดเหี้ยม“หยวนหนิง หยวนหนิง! พวกเจ้าบ้าไปแล้วรึ? คิดว่าลูกสาวอัครเสนาบดีแคว้นเทียนเชวียเป็นลูกสาวราชาเผ่านอกด่านงั้นรึ?”“นางคือลั่วชิงยวน! เป็นชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการ!”“ดี ในเมื่อพวกเจ้ายอมรับลั่วชิงยวนแล้ว ข้าก็จะมิเกรงใจความเป็นพี่น้องอีกต่อไป”“ทหาร! จับตัวไปให้หมด!”ลู่หยิ่งก็เข้าร่วมการต่อสู้ด้วยลั่วชิงยวนถูกปิดล้อมอย่างหนัก นางรับมืออย่างตึงเครียด พยายามฝ่าวงล้อมเข้าไปในกระโจมเพื่อดูว่าราชาเผ่านอกด่านเป็นอย่างไรบ้า
“แม้เจ้าจะมิใช่ลูกสาวแท้ ๆ ของข้า แต่ตลอดหลายปีมานี้ ข้ามิเคยปล่อยให้เจ้าต้องลำบากเลย”“และยังปฏิบัติต่อเจ้าเหมือนลูกสาวแท้ ๆ เสมอ”แววตาของราชาเผ่านอกด่านมีความเจ็บปวด หล่างชิ่นเพิ่งรู้ในตอนนี้ว่าทุกสิ่งที่นางทำไปล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาดวงตาของหล่างชิ่นเต็มไปด้วยน้ำตาขณะหัวเราะเยาะ “ใช่! ข้าเป็นเพียงตัวแทนที่ท่านรับมาเลี้ยงเพื่อปลอบใจตัวเองเท่านั้น”“ดังนั้นข้าจะยังมีทางรอดอยู่อีกหรือ ข้าทำได้เพียงเท่านี้เพราะท่านเป็นคนบังคับข้าเอง!”นางรู้มาตั้งแต่เด็กว่าพ่อมีลูกสาวที่ล่วงลับไปแล้วในห้องที่พ่อของนางอยู่มีภาพวาดของหยวนหนิงมากมาย รวมถึงมีสิ่งของของหยวนหนิงอยู่ทุกหนทุกแห่งนางอิจฉายิ่งนัก นางคิดว่าตราบใดที่นางพยายามอย่างหนักและแข็งแกร่งพอ พ่อก็จะลืมหยวนหนิงและมีเพียงนางในใจแต่ในวันนี้นางเพิ่งรู้ว่านางมิใช่ลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อดังนั้นความพยายามทั้งหมดของนางจึงสูญเปล่านางไม่มีวันแข่งกับหยวนหนิงที่ตายไปแล้วได้ราชาเผ่านอกด่านถอนหายใจ “ทุกอย่างเป็นทางเลือกของเจ้าเอง ไม่มีใครบังคับเจ้า”“เมื่อเจ้าลอบสังหารเหยี่ยนหลัว ข้ายังให้โอกาสเจ้า”“แต่เจ้ากลับทำให้ข้าผิดหวัง”รา
“กรี๊ด” เสียงกรีดร้องโหยหวนอันน่าสยดสยองดังก้องกังวานไปทั่ว พร้อมกับเสียงร้อนฉ่าที่น่าสะพรึงกลัว ภาพอันน่าเวทนาปรากฏอยู่เบื้องหน้าลั่วชิงยวนมิได้กะพริบตาแม้แต่น้อย เมื่อวางเหล็กเผาไฟลง ใบหน้าของหล่างชิ่นก็ปรากฏบาดแผลไหม้เป็นรูปอักขระหนึ่งทาส“เจ้าชอบบังคับให้ผู้อื่นเป็นทาสของเจ้านักมิใช่รึ? บัดนี้จงลิ้มลองรสชาติของการเป็นทาสดูบ้างแล้วกัน”“ทุกสิ่งที่เจ้าได้กระทำต่อฉินเชียนหลี่ เจ้าจะได้รับผลตอบแทนเป็นสองเท่า”ดวงตาของหล่างชิ่นแดงก่ำ โซ่ตรวนที่พันธนาการร่างกายไว้สั่นไหว“ลั่วชิงยวน! หากเจ้ามิสังหารข้า สักวันข้าจะต้องสังหารเจ้า!”ลั่วชิงยวนยกยิ้มมุมปาก “เจ้าจะไม่มีโอกาสนั้น”ลั่วชิงยวนชักดาบออกมา ดาบที่เปล่งประกายราวกับแสงจันทร์ถูกปลดจากฝักจากนั้นค่อย ๆ แทงไปยังข้อมือของหล่างชิ่น คมดาบแทงทะลุข้อมือแล้วเฉือนเส้นเอ็นอย่างแช่มช้า เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังก้องไปทั่วคุกแล้วลั่วชิงยวนก็ค่อย ๆ เฉือนเส้นเอ็นที่มือและเท้าของหล่างชิ่นครั้งแล้วครั้งเล่า จากนั้นก็ใช้ฝ่ามือฟาดลงไปที่ไหล่ของหล่างชิ่นอย่างแรง เสียงกระดูกหักดังกังวานอึกเลือดสีแดงฉานพุ่งออกมาจากปากหล่า
ลั่วชิงยวนยิ้มแล้วพยักหน้านางคิดว่าอาจเป็นเพราะราชาเผ่านอกด่านได้ประกาศสละบัลลังก์ให้แก่นางแล้ว หล่างมู่จึงหมดทางเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ และเปลี่ยนทัศนคติต่อนางไปมากถึงเพียงนี้เลยหรือ?เพราะอย่างน้อยนางกับเขาก็เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน ครั้งนั้นนางถึงขั้นเกือบเอาชีวิตมิรอดเลยทีเดียวเมื่อดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า กองทัพก็หยุดพักตั้งค่ายพักแรม คนออกล่าสัตว์ก็ไปล่าสัตว์ ส่วนคนทำอาหารก็ทำอาการ กลิ่นหอมอบอวลไปทั่วทั้งค่ายลั่วชิงยวนเดินเล่นแล้วบังเอิญไปพบกับบ่อน้ำพุร้อนจึงอยากอาบน้ำ เพราะต้องเฝ้าปกป้องเมืองมาสิบกว่าวัน ตอนนี้ตัวนางจึงเหม็นจนแทบทนมิไหวแล้วเนื่องจากไม่มีใครอยู่ใกล้ นางจึงแอบลงไปในน้ำอย่างเงียบเชียบ แต่มินานก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้น มีผู้ชายหลายคนมาตักน้ำที่นี่“เอ๊ะ เหมือนว่าจะมีคนอยู่ในน้ำ”ลั่วชิงยวนจึงตัดสินใจซ่อนตัวอยู่ในน้ำ มิกล้าโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ“ลงไปดูเลย! ขอให้อย่าเป็นศัตรู”หัวใจของลั่วชิงยวนเต้นแรงทันใดนั้นเสียงของหญิงสาวก็ดังขึ้น “ทำอะไรกันอยู่!”“พวกเราพี่หญิงน้องหญิงจะมาอาบน้ำที่นี่ พวกเจ้าออกไปกันก่อนเถิด”เหล่าชายหนุ่มจึงจากไป สักพักก็ได้ย
“จึงได้ช่วยให้เรารอดพ้นจากความตายหนีรอดออกมาได้”“พี่หญิงได้รับบาดเจ็บเพราะข้า มีไข้สูงติดต่อกันหลายวันจนเกือบเสียชีวิต แต่ขณะที่พี่หญิงหมดสติก็เอ่ยสั่งเสียอย่างหนักแน่น มิให้หมอแจ้งความจริงแก่เสด็จพ่อและเสด็จแม่”“สาเหตุพี่หญิงได้รับบาดเจ็บจึงถูกปกปิดไว้”“เพื่อช่วยให้ข้ารอดพ้นจากการลงโทษ”“ภายหลังที่พี่หญิงสิ้นชีพ ข้าเกือบจะตามไปด้วยแล้ว”“เสด็จพ่อบอกข้าว่า มีนักบวชผู้ทรงฤทธิ์สามารถช่วยพี่หญิงให้ฟื้นคืนชีพได้”“ดังนั้นจึงมีหล่างชิ่นมา”“เสด็จพ่อกล่าวว่า นางคือพี่หญิงที่ฟื้นคืนชีพแล้ว เพียงแต่สูญเสียความทรงจำในวัยเยาว์ไป ข้าจึงเชื่อ”“ถึงแม้ว่านิสัยของนางจะเปลี่ยนไป แต่ข้าก็ยังพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะชดเชยและทำดีกับนาง”“อาจเป็นเพราะข้าหลอกตัวเองเพื่อลดความรู้สึกผิดในใจของตัวข้าเองมาโดยตลอด”น้ำเสียงของหล่างมู่หนักอึ้งเมื่อลั่วชิงยวนได้ฟังจบก็รู้สึกตกตะลึงในใจดังนั้นหล่างชิ่นจึงมิใช่ลูกสาวแท้ ๆ ของราชาเผ่านอกด่าน การปรากฏตัวของนางเป็นเพียงการหลอกลวงของราชาเผ่านอกด่าน เพื่อเป็นกำลังใจให้หล่างมู่มีชีวิตอยู่ต่อไปจึงมิน่าแปลกใจที่หล่างมู่ไร้ซึ่งความทะเยอทะยาน มิได้คิด
เมื่อได้ฟังเช่นนั้น ลั่วชิงยวนก็ตกใจยิ่งนัก “หมายความว่าอย่างไร?”หล่างมู่ครุ่นคิดแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “เผ่านอกด่านของเรานั้น นอกจากเผ่าที่ท่านเห็นแล้วยังมีเผ่าเร่ร่อนอีกหลายเผ่า พวกเขามิได้ยอมสวามิภักดิ์และมิเชื่อฟังคำสั่งของเรา”“ดังนั้นจึงมักจะโจมตีผู้คนของแคว้นเทียนเชวียที่ชายแดนเพื่อแย่งชิงเสบียง”“หล่างชิ่นก็เคยทำเช่นนั้นมาแล้ว”“ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ฉินเชียนหลี่ปักหลักอยู่ที่เมืองผิงหนิงและต่อสู้กับหล่างชิ่นหลายร้อยครั้ง หล่างชิ่นน่าจะหลงรักฉินเชียนหลี่ แต่ก็เกลียดชังเขาด้วยเช่นกัน”“นางมองฉินเชียนหลี่เป็นคู่ต่อสู้ ต้องการพิชิตเขาให้ได้ แต่ฉินเชียนหลี่มีจิตใจที่เข้มแข็ง มิยอมจำนน”“ด้วยความหลงใหลจนบ้าคลั่ง นางจึงร่วมมือกับตระกูลเหยียนด้วยเป้าหมายเพียงเพื่อจับฉินเชียนหลี่”“ข้าเคยได้ยินนางพูดกับฉินเชียนหลี่ว่า หากเขายอมสวามิภักดิ์ หล่างชิ่นจะรับเขาเป็นสามี เพียงแต่เขาต้องละทิ้งความคิดที่จะกลับไปแคว้นเทียนเชวีย”“แต่ฉินเชียนหลี่มิยอมตกลง ดังนั้นนางจึงลงโทษฉินเชียนหลี่อย่างโหดร้าย”“เป็นหล่างชิ่นเองที่เสนอแนะต่อเสด็จพ่อว่าให้โจมตีแคว้นเทียนเชวีย นางรบเร้าเสด็จพ่อมา
พระราชวังหลังหนึ่ง! มิใช่พระราชวังที่โอ่อ่าตระการตาเหมือนในแคว้นเทียนเชวีย แต่เป็นพระราชวังที่เงียบสงบและงดงามราวกับภาพวาด คล้ายคลึงกับที่พำนักที่อาจารย์เคยอาศัยอยู่มากอย่างมิน่าเชื่อ! แม้กระทั่งการจัดวางสิ่งของ ภาพเขียนและของสะสมต่าง ๆ ก็เหมือนกันทุกประการ เมื่อก้าวเข้ามาแล้ว ความรู้สึกคุ้นเคยที่หายไปนานก็ทำให้ใจของลั่วชิงยวนหวั่นไหว อารมณ์ที่ซับซ้อนหลั่งไหลออกมา“ดูเหมือนว่าที่นี่จะสร้างมานานแล้วสินะ”ราชาเผ่านอกด่านกล่าวด้วยรอยยิ้มขณะเอามือไพล่หลัง “ที่นี่คือที่ที่พ่อสร้างให้นาง นางกล่าวว่า นี่คือรูปลักษณ์ของบ้านนางในแคว้นหลี”“ในอดีต นางได้เสียสละเพื่อพ่อมากมาย พ่อเกรงว่านางจะคิดถึงบ้านจนเศร้าใจ จึงสร้างที่นี่ให้เหมือนกับบ้านเดิมของนางทุกประการ”“การจัดวางสิ่งของ แม้กระทั่งโต๊ะและเก้าอี้ ล้วนเป็นฝีมือของพ่อเอง”ลั่วชิงยวนรู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก “ฝีมือของท่านหรือ?”“ท่านกับนางมีความสัมพันธ์เช่นไรกัน?”“หรือว่านางตามท่านมา...”ดวงตาของราชาเผ่านอกด่านฉายแววเศร้าหมองขณะกล่าวด้วยความเสียใจ “หากจะกล่าวว่าไม่มีความรู้สึกรักเลยก็เป็นเท็จ หากปราศจากความรู้สึกรัก เราจะยอมท
“บัดนี้ตัวตนของข้าถูกเปิดเผย พวกเขาต้องการให้ข้าออกไปจากเผ่านอกด่าน” “ข้ามิปรารถนาจะยื้อยุด แต่สุดท้ายผลแห่งความทุ่มเทนานหลายปีก็สูญเปล่า” “วันนี้ข้ากระทำการบางอย่างที่อาจนำมาซึ่งความเสียใจ แต่เพื่อกระบี่งูวิญญาณ ข้ามิอาจสนใจได้มากนัก” “ข้าล่อหลอกหล่างมู่ให้เข้าสู่หุบเขาอสูร หยวนหนิงจึงตามไปช่วยเหลือเขา...”ลั่วชิงยวนถึงกับตะลึงงันเมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ หล่างมู่เข้าไปในหุบเขาอสูรและหยวนหนิงตามไปช่วย ทั้งหมดล้วนเป็นแผนการของอาจารย์ นั่นหมายความว่าสิ่งที่หล่างมู่กล่าวไว้เป็นความจริง หยวนหนิงจึงสิ้นชีพ และอาจารย์ทำข้อตกลงกับราชาเผ่านอกด่านเพื่อชุบชีวิตหยวนหนิงแลกกับกระบี่งูวิญญาณต่อมาเป็นเรื่องราวหลายปีต่อมา อาจารย์ออกจากเผ่านอกด่านไปพร้อมกับกระบี่งูวิญญาณ แต่กลับมาอีกครั้งหลังจากนั้นหลายปี ข้อความบนกระดาษเขียนไว้ว่า “ข้าทำตามที่สัญญาไว้กับเจ้าแล้ว หยวนหนิงจะฟื้นคืนชีพในมิช้า แต่อาคมนี้เป็นการฝืนลิขิตสวรรค์ ย่อมต้องจ่ายด้วยราคามหาศาล” “นางอาจมีชีวิตอยู่มิถึงสิบเจ็ดปี และในที่สุดข้าก็จะต้องเผชิญกับหายนะจากสวรรค์” “ข้าจะไปยังแคว้นเทียนเชวียเพื่อเลี้ยงดูนางให้เติบใหญ่