"อย่างไร?"ฟู่เฉินหวนมิได้พูด และลั่วชิงยวนกล่าวต่อ "ข้ารู้สถานการณ์ในเมืองผิงหนิงเป็นอย่างดี เรามิควรเสียสละโดยมิจำเป็นด้วยกันทั้งคู่อีกเลย"เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฟู่เฉินหวนก็กระโดดขึ้นทันทีใช้วิชาตัวเบาบินลงมาจากหอประตูเมืองโดยตรง“ได้ ข้าจะให้การต่อสู้ที่ยุติธรรมแก่เจ้า!”ลั่วชิงยวนยกมุมริมฝีปากขึ้นแต่หล่างชิ่นกลับโกรธมาก "ลั่วชิงยวน เจ้าเคยรับปากนี่ว่าจะใช้โอกาสนี้ยึดเมืองผิงหนิงให้ได้!""นี่เจ้ากำลังทำอะไร!"ในเวลานี้ ชิงหวยที่อยู่ข้าง ๆ นาง มองนางด้วยความเกลียดชัง"เป้าหมายสูงสุดของเราคือการเจรจาสงบศึกเพื่อลดความสูญเสีย! ยามนี้เราลดการบาดเจ็บล้มตายได้ แต่เจ้ากลับยุยงให้เกิดสงคราม มีเจตนาอะไรกันแน่!"“เจ้าคิดจะฆ่ายอดฝีมือในเผ่าของเราทั้งหมด เพื่อที่เจ้าจะได้บรรลุความรุ่งโรจน์และความมั่งคั่งของตัวเองอย่างนั้นรึ?”แน่นอนว่าชิงหวยย่อมมิต้องการให้ญาติและสหายของนางต้องตายในสนามรบอีกลั่วชิงยวนสามารถทำให้อ๋องผู้สำเร็จราชการรับปากสู้กันตัวต่อตัวได้ นับซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดอยู่แล้วหล่างชิ่นโกรธ จิตใจอัดอั้นอย่างหนัก แต่ก็ไม่มีคำใดจะโต้แย้งลั่วชิงยวนควบม้าให้เดินออกไปอย
ฟู่เฉินหวนกระอักเลือดออกมาเต็มปากร่างที่มิอาจยืนได้มั่นคงคุกเข่าลงกับพื้นลั่วชิงยวนรีบวิ่งเข้าไปประคองเขาด้วยความตกใจแต่นัยน์ตาสีแดงก่ำของฟู่เฉินหวนกลับมองนางอย่างเย็นชา ห้ามมิให้นางเข้ามาใกล้“ข้าแพ้แล้ว ยอมจำนน”ลั่วชิงยวนกำดาบแน่นขณะพยายามกลั้นใจเอาไว้“เช่นนั้นตอนนี้เราสามารถเจรจากันได้หรือยัง?” ลั่วชิงยวนส่งสายตาเป็นนัยนางต้องการอาศัยโอกาสในการเจรจาเพื่อเข้าเมืองไปรักษาบาดแผลให้เขาแต่ฟู่เฉินหวนกลับมีน้ำเสียงเย็นชา “ข้ากำลังบาดเจ็บสาหัส เจ้าจะมาเจรจาในยามนี้ก็ดูจะเป็นการรังแกคนเจ็บมากเกินไป”“อีกทั้งยังจะทำให้คนสงสัยว่าเจ้าต้องการฉวยโอกาสนี้ปลิดชีวิตข้าด้วยหรือไม่”“สามวันให้หลังเถิด”ฟู่เฉินหวนพยายามกลั้นเลือดที่พร้อมพุ่งออกมาจากลำคอยามนี้ใบหน้าของฟู่เฉินหวนซีดเผือด ทำให้ลั่วชิงยวนเป็นห่วงยิ่งนักเหตุใดเขาจึงปฏิเสธ!ลั่วชิงยวนจึงกล่าวขึ้น “ย่อมได้ เจรจากันสามวันหลังจากนี้ ถอยทัพ!”การเข้าเมืองไปเจรจาในยามนี้มิเหมาะสมอย่างยิ่งเพราะอาจทำให้คนเข้าใจผิดว่าพวกเผ่านอกด่านจะฉวยโอกาสเข้ายึดเมืองลั่วชิงยวนทำให้ฟู่เฉินหวนบาดเจ็บสาหัส นี่เป็นการสร้างโอกาสที่ดีให้พวกเ
เขี้ยวเหล็กสิบหกอันหลุดออกมาแล้วสองอัน หวังว่าจะไม่มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอีกมิเช่นนั้นท่านอ๋องจะมีชีวิตอยู่ได้อีกกี่วันกัน……ระหว่างทางที่ลั่วชิงยวนและเผ่านอกด่านกำลังเดินทางกลับค่าย นกอินทรีตัวนั้นก็บินมาอีกครั้งมันโบยบินอยู่บนท้องฟ้า ทุกคนล้วนเห็นกันหมด“พญาอินทรีศักดิ์สิทธิ์”ทุกคนต่างยกแขนขึ้นทำความเคารพด้วยความศรัทธาอย่างที่สุดแต่ว่านกอินทรีตัวนั้นกลับโบยบินวนมาเกาะที่ไหล่ของลั่วชิงยวนทำให้ทุกคนต่างตกใจ“แม้แต่พญาอินทรีศักดิ์สิทธิ์ก็ยังมาร่วมฉลองชัยชนะของเรา”ทุกคนยิ่งตื่นเต้น ส่งเสียงไชโยโห่ร้องกลับไปยังค่ายลั่วชิงยวนก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน นกอินทรีตัวนี้ดูจะชอบนางมากแต่นางรู้ดีว่านางมิใช่หยวนหนิง นางคือลั่วเหลาต่างหากแล้วเหตุใดพญาอินทรีศักดิ์สิทธิ์ที่เผ่านอกด่านเคารพสักการะจึงเลือกนางเมื่อกลับมาถึงค่ายก็พบว่าราชาเผ่านอกด่านรออยู่แล้วเมื่อเห็นทุกคนตื่นเต้นดีใจเช่นนี้ก็รู้ผลแล้วใบหน้าปรากฏรอยยิ้มแห่งความโล่งใจ“หยวนหนิง ลูกของพ่อมิทำให้พ่อผิดหวังจริง ๆ”หัวหน้าเผ่าอื่น ๆ ก็ต่างพากันเข้ามาห้อมล้อมดูเหมือนว่ากองกำลังที่ลอบโจมตีพวกเขาก็ถอยทัพไปหมดแล
“ม้าหนึ่งหมื่นตัว วัวกับแกะอีกหกพันตัว และให้เมืองผิงหนิงเปิดประตูเมืองให้เรา เพื่อให้เราสามารถเข้าเมืองไปซื้อยาและอาหารได้ทุกเมื่อ”“นี่คือสิ่งที่พวกเราต้องการจากการเจรจา”เมื่อได้ฟังดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ตกใจหล่างชิ่นผู้นี้ช่างไร้ยางอายเสียจริงทั้งที่พวกเขาเป็นฝ่ายเริ่มสงครามก่อน หลังจากที่จับตัวฉินเชียนหลี่ไปแล้ว เบี้ยหวัดทหาร อาวุธและแม้แต่เสบียงในเมืองก็ถูกพวกเขาขโมยไปตอนนี้กลับต้องการเสบียงมากมายถึงเพียงนี้ แล้วยังจะให้เมืองผิงหนิงเปิดประตูเมืองให้พวกเขาอีกเช่นนั้นผู้คนในเมืองผิงหนิงก็จะมิกล้าอาศัยอยู่ที่นั่นอีกต่อไป เพราะอีกมินานก็จะกลายเป็นดินแดนของเผ่านอกด่านหากดินแดนของทั้งสองเขตมิชัดเจนก็จะเกิดเรื่องมิดีขึ้นในมิช้าแต่หัวหน้าเผ่าอื่น ๆ ต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย“เงื่อนไขนี้ยากก็จริง แต่มิใช่ว่านี่คือจุดประสงค์ในการเจรจาของเราหรือ!”“เรามิสามารถกลับไปมือเปล่าอย่างน่าอับอายได้”ราชาเผ่านอกด่านตบไหล่ลั่วชิงยวน “เช่นนั้นเจ้าก็ลองดูเถิดว่าจะต่อรองอะไรได้บ้าง”ทุกคนคิดว่าตอนนี้ฝ่ายตนได้เปรียบจึงสามารถต่อรองสิ่งเหล่านี้ได้หล่างชิ่นมองลั่วชิงยวนด้วยสายตาเย้ยหยัน“เรื่
ราชาเผ่านอกด่านกลับเผยรอยยิ้ม ท่าทางเช่นนี้ค่อนข้างเหมือนกับสมัยที่เขายังอยู่ในวัยหนุ่ม“เอาเถอะ กลับไปพักผ่อนที่ค่ายของตนเองเพื่อรอผลการเจรจาในอีกสามวันข้างหน้าก่อนเถอะ”หลังจากที่ราชาเผ่านอกด่านออกคำสั่ง ทุกคนก็แยกย้ายกันไปลั่วชิงยวนเข้าไปในกระโจมของราชาเผ่านอกด่านเพื่อฝังเข็มถอนพิษให้เขาแต่กลับเห็นราชาเผ่านอกด่านยังคงยิ้มอยู่ตลอดเวลา ราวกับว่ามีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้น“ท่านมีความสุขเรื่องอะไรหรือ?”ราชาเผ่านอกด่านมองนางด้วยสายตาอ่อนโยน “ดีใจที่เจ้ากลับมาอยู่เคียงข้างพ่อ”“เจ้ากล้าหาญ มีไหวพริบและสามารถปราบหล่างชิ่นได้ พ่อก็ยิ่งดีใจมาก!”เมื่อลั่วชิงยวนได้ฟังเช่นนั้นก็รู้สึกประหลาดใจ“ปราบหล่างชิ่นได้หรือ? ในบรรดาลูก ๆ ของท่าน ไม่มีผู้ใดที่ปราบหล่างชิ่นได้เลยหรือ?”“หล่างมู่ก็มิได้หรือ?”ราชาเผ่านอกด่านกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “หล่างชิ่นแข็งแกร่งมาตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่เด็กนางก็กดขี่หล่างมู่มาโดยตลอด ทำให้หล่างมู่ยอมจำนนต่อนาง ดังนั้นหล่างมู่จึงโหดเหี้ยมต่อคนนอก แต่กลับเชื่อฟังหล่างชิ่นอย่างมาก”“แม้ว่าตอนนี้จะเงียบขรึม แต่ในใจก็ยังมิกล้าต่อต้านหล่างชิ่น”“ส่วนหล่างชิ่นมีนิสั
ใบหน้าเขาซีดเซียวราวกับพร้อมจะทรุดลงได้ทุกเมื่อลั่วชิงยวนมิเคยเห็นฟู่เฉินหวนป่วยหนักถึงเพียงนี้มาก่อนแต่ถึงอย่างนั้นความสง่างามบนใบหน้าของเขาก็ยังคงมิลดลงลั่วชิงยวนอดมิได้ที่จะเอ่ยปาก “ดูเหมือนว่าบาดแผลของท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการจะมิยังค่อยหายดีนัก”“มิเกี่ยวกับเจ้า” ฟู่เฉินหวนมีสีหน้าเย็นชา น้ำเสียงเฉยเมยแม้จะรู้ว่าเป็นการแสดง แต่ลั่วชิงยวนก็ยังคงรู้สึกเจ็บปวด“ตอนนี้ท่านคงจะขาดแคลนเครื่องยาสมุนไพร พวกข้าสามารถจัดหาให้ได้”“สามารถนำเข้าไปเป็นเงื่อนไขในการเจรจาครั้งนี้ได้”“ท่านคงจะรู้ฝีมือการรักษาของข้าดีอยู่แล้ว ข้ารับรองว่าจะรักษาแผลของท่านให้หายได้”ฟู่เฉินหวนเอ่ยเสียงเย็นชา “พูดมาตามตรงเถอะว่าเจ้าต้องการเงื่อนไขอะไรบ้าง”ลั่วชิงยวนจึงกล่าวเงื่อนไขทั้งหมดออกมาหลังจากฟังจบ ฟู่เฉินหวนก็หัวเราะเยาะ “พวกเจ้าช่างกล้าขอจริง ๆ”ลั่วชิงยวนถามต่อ “แล้วหากข้าแลกด้วยสนหิมะเขาฉีซานเล่า?”ฟู่เฉินหวนได้ยินดังนั้นก็หรี่ตาลงลั่วชิงยวนกำลังบอกเป็นนัยกับเขา“ของสิ่งนี้เมื่อใช้ร่วมกับเครื่องยาสมุนไพรอื่น ๆ ข้ารับรองว่าจะทำให้แผลของท่านหายสนิทได้ และจะมิส่งผลต่อวรยุทธ”ฟู่เฉินหวนข
จู่ ๆ ก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นจากด้านนอกราวกับว่ามีอะไรบางอย่างถล่มลงมามินานก็มีเสียงฝีเท้าวิ่งมาอย่างเร่งรีบ“รายงาน! ทหารเผ่านอกด่านยกทัพมาลอบโจมตีพ่ะย่ะค่ะ!”“พวกมันใช้แม่ทัพฉินเป็นโล่มนุษย์ แล้วบุกเข้ามาจากจุดที่กำแพงเมืองทางทิศเหนือพังทลายลงมา บัดนี้บุกเข้ามาในเมืองผิงหนิงแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” เมื่อได้ฟังดังนั้น สีหน้าของหลายคนในห้องก็เปลี่ยนไปอย่างมาก“ว่ากระไรนะ? บุกเมืองแล้วหรือ?”“นี่มันเกิดอะไรขึ้น...”หัวหน้าเผ่าทั้งสองยังมิทันได้คิดให้เข้าใจแววตาอันแหลมคมของฟู่เฉินหวนก็จ้องมาที่พวกเขาสามคน“การเจรจาสันติภาพเป็นเรื่องหลอกลวง การโจมตีแบบลอบกัดต่างหากที่เป็นของจริง!”“ทหาร จับตัวพวกมันสามคนไปขังไว้! คุมตัวให้แน่นหนา!”ในวินาทีต่อมา เหล่าทหารก็กรูเข้ามาจับตัวพวกเขาสามคนไปขังไว้ในห้องมืดที่มีการเฝ้าระวังอย่างแน่นหนา“ใครกันที่มิเชื่อฟังคำสั่งแล้วลงมือเองเช่นนี้! การเจรจาสันติภาพจะสำเร็จอยู่แล้ว!” หงเซียวโกรธจัดจนชกกำแพงอย่างแรง“จะเป็นใครไปได้อีกนอกจากหล่างชิ่น!” ถูจินโกรธจนเคราแทบตั้ง“นางต้องการสืบทอดบัลลังก์จึงมิยอมให้หยวนหนิงเจรจาสำเร็จ!”หงเซียวตกใจก่อนจะตำหนิตั
“เหล่าชนเผ่านอกด่านทั้งหลายจงถอยทัพบัดเดี๋ยวนี้!”เสียงอันหนักแน่นของลั่วชิงยวนดังก้องกังวานแหวนอินทรีในมือของนางส่องประกายวาววับระยับท่ามกลางแสงอาทิตย์เสียงร้องอันแหลมคมดังก้องมาจากท้องฟ้า แล้วนกอินทรีตัวหนึ่งก็โผบินมามันบินมาเกาะที่แขนของลั่วชิงยวนเมื่อทหารเผ่านอกด่านทั้งหลายเห็นดังนั้นต่างก็ตกใจยิ่งนัก“นั่นคือแหวนขององค์ราชา”“นั่นคือคำสั่งของพญาอินทรีศักดิ์สิทธิ์”“ถอยทัพ! ถอยทัพ!”ทุกคนต่างก้มลงคำนับพญาอินทรีศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นก็ถอยทัพไปไม่มีผู้ใดสนใจหล่างชิ่นอีกต่อไปแล้วฟู่เฉินหวนเงยหน้ามองร่างบางของลั่วชิงยวน แสงตะวันสีทองสาดส่องลงบนบ่าของนางภาพอันน่าสะเทือนใจคือภาพกองทัพเถื่อนแสดงความเคารพต่อนางทำให้เขาเกิดความรู้สึกผิดแปลกไปว่านางเป็นเทพจริง ๆเทพผู้มองสรรพสิ่งอย่างหยามหยัน สูงส่งจนผู้ใดมิอาจล่วงเกินได้หล่างชิ่นตกใจกลัวผู้เป็นบิดาได้มอบแหวนอินทรีให้แก่นางตั้งนานแล้ว!มิว่าจะทำอย่างไรก็ไร้ประโยชน์!ไม่มีอะไรต้องแย่งชิงอีกแล้ว!ขณะที่ลั่วชิงยวนหันหลังกลับเพื่อจะจับหล่างชิ่นทันใดนั้นเงาร่างอันว่องไวก็ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วคว้าร่างของหล่างชิ่นก