ลั่วหลางหลางตะโกนอย่างกังวลเมื่อได้เห็นลั่วหลางหลาง รูปร่างหน้าตาซีดเซียวของนางดูไม่เหลือเค้าสตรีจากครอบครัวชั้นสูงเลย รูปร่างหน้าตาของนางดูทรุดโทรมและเหนื่อยล้าเท่านั้นหากท่านมหาราชครูและท่านอาลั่วหรงเห็นลั่วหลางหลางในสภาพเช่นนี้ พวกเขาคงตรอมใจเป็นแน่“หลางหลาง!” ลั่วชิงยวนก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วเพื่อช่วยประคองลั่วหลางหลางเมื่อลั่วหลางหลางเห็นนาง ก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง นางจำเสียงของอีกฝ่ายได้ และดวงตาของนางก็แดงก่ำด้วยความตื่นเต้นแต่ประโยคแรกของนางนั้นกล่าวว่า “เจ้าบอกให้พวกเขาหยุดตีเถอะ มิเช่นนั้นเขาต้องถูกตีจนตายแน่!”ลั่วชิงยวนสะดุ้งเล็กน้อย ชี้ไปที่ฟ่านซานเหอที่ถูกทุบตีแล้วพูดว่า “เขาทรยศเจ้า! ดูสิว่าตอนนี้เจ้าเป็นเช่นไร ทั้งหมดเป็นความผิดของเขา แต่เจ้ายังออกหน้าพูดแทนเขาอีกหรือ?”ใบหน้าของลั่วหลางหลางซีดเซียว และนางคว้าแขนของลั่วชิงยวนอย่างขอร้อง “ได้โปรดเถอะ ชิงยวน”ลั่วชิงยวนกัดฟันและขอให้เซียวชูและคนอื่น ๆ หยุดเฉินซวนอี๋กลับมาอีกครั้งโดยมีนางรับใช้คอยประคอง และพาฟ่านซานเหอออกไปอย่างรวดเร็ว“พระชายา ลั่วหลางหลางสบายดี ไม่มีใครรังแกนางทั้งนั้น” เฉินซวนอี๋ยิ้มอย
“หลางหลาง ก่อนหน้านี้เจ้ากับฟ่านซานเหอก็เข้ากันได้ดีมิใช่หรือ? เหตุใดจู่ ๆ เขาจึงปฏิบัติต่อเจ้าเช่นนี้”ฟ่านซานเหอตบแต่งกับภรรยาหลวงอีกคนจริง ๆ ซึ่งลั่วชิงยวนจินตนาการมิออกเลยลั่วหลางหลางถอนหายใจอย่างเสียใจ "อันที่จริง มันเป็นความผิดของข้าเอง"“ข้ามิอยากมีลูกกับเขา”“แต่เขาอยากมี”“พอเวลาผ่านไป เขาก็ทนคำวิจารณ์ของคนนอกและเครือญาติของตระกูลเสวี่ยมิได้ ดังนั้นเขาจึงตบแต่งภรรยาหลวงอีกคนเข้ามาในที่สุด และตอนนี้เฉินซวนอี๋มีลูกอยู่ในท้องของนาง”ลั่วชิงยวนสะดุ้งเล็กน้อย “มิอยากมีลูกหรือ? เป็นเพราะ… ท่านตาของเจ้าหรือ?"ลั่วหลางหลางพยักหน้าและพูดด้วยสีหน้าเศร้า "ท่านตาของข้าตายเพราะเขา นี่เป็นปมในใจที่ข้ามิอาจปล่อยวางได้"“ยิ่งข้าใกล้ชิดเขามากเท่าใด ข้าก็ยิ่งรู้สึกผิดและโทษตัวเองมากขึ้นเท่านั้น”หลังจากได้ยินสิ่งนี้ ลั่วชิงยวนก็เข้าใจเหตุผลแต่ถึงอย่างนั้นนางก็ยังมิสามารถให้อภัยฟ่านซานเหอได้“แต่เขาก็ผิดคำสัญญากับเจ้า”“ครั้งนั้นเขาสัญญาเอาไว้อย่างไร? เพื่อที่จะช่วยชีวิตเขา ท่านมหาราชครูรับผิดแทนเขา ปลิดชีพตนไป ด้วยเหตุผลนี้เขาควรปฏิบัติต่อเจ้าอย่างดีสิ! เขาควรจะรักเจ้าอย่างสุดหัวใ
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ สีหน้าของลั่วชิงยวนก็เปลี่ยนไป“ว่ากระไรนะ?!”จือเฉาพูดต่อว่า “ตอนที่พระชายากำลังพูดคุยกับคุณหนูหลางหลาง บ่าวสอดส่ายสายตาไปเรื่อย”“แต่บ่าวมิแน่ใจว่ามันเป็นของคุณหนูหลางหลางหรือไม่”“อย่างไรเสีย หากมิได้รับบาดเจ็บแล้วจะมีผ้าพันแผลเปื้อนเลือดได้อย่างไร?”ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว และเข้าใจความกังวลของจือเฉาในทันใดเกรงว่าผ้าพันแผลเปื้อนเลือดอาจจะเป็นของคนอื่นมีผู้ได้รับบาดเจ็บอยู่… แต่ความคิดนี้ลดโผนไปอยู่คู่หนึ่ง ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วและพูดว่า “เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับด้วย! หลางหลางมิใช่คนแบบนั้น แม้ว่าผ้าพันแผลเปื้อนเลือดนั่นจะเป็นของคนอื่น ก็แปลว่านางมีเหตุผลที่ต้องทำแบบนั้น”อาจจะเป็นความลับเรื่องอื่น ที่ลั่วหลางหลางมิได้เอ่ยถึงเรื่องนั้นกับตนเมื่อมาถึงโรงเตี๊ยม นางก็ได้พบว่าฟู่เฉินหวนใจกว้างถึงขนาดเช่าโรงเตี๊ยมไว้ทั้งสองชั้นยกเว้นห้องที่มียามอยู่ด้วย ห้องอื่น ๆ ว่างเปล่า น่าจะเพื่อความปลอดภัยเมื่อขึ้นไปชั้นบนลั่วชิงยวนเข้ามาในห้องเห็นฟู่เฉินหวนอ่านรายงานลับอีกครั้งลั่วชิงยวนก้าวไปข้างหน้าและนั่งลง รินชาให้ตัวเองแล้วถามว่า “คนของท่านส่งรายงานลับม
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ลั่วชิงยวนก็นึกประหลาดใจเล็กน้อย “กิจการจะถูกยกให้คนอื่นงั้นหรือ? ยกให้ใครหรือพี่สะใภ้?” การกล่าวแสดงความสนิทสนมอย่างกะทันหันของลั่วชิงยวนทำให้นางหวังเกิดหวาดระแวงนางผุดกายยืนขึ้นโดยมีลูกสาวอยู่ในอ้อมแขนและทำท่าจะตีจาก “พวกท่านเป็นใครกันแน่ ข้ามิเคยพบพวกท่านมาก่อน พวกท่านเกี่ยวข้องกับกิจการของสามีข้าจริง ๆ หรือ?”“สามีของข้าหายตัวไปหลายวันแล้ว ข้ามิรู้เรื่องอะไรเลย พวกท่านควรไปหาคนอื่น”นางหวังอุ้มลูกของนางและกำลังจะจากไปเด็กน้อยในอ้อมแขนของนางเริ่มไออีกครั้ง นางหวังที่หวาดกลัวรีบนั่งลงและรินน้ำให้เด็กน้อยกินเด็กน้อยไออย่างรุนแรงและใบหน้าของนางก็แดงก่ำนางหวังตบหลังลูกสาวอย่างรวดเร็วแล้วตะโกนว่า “ใครก็ได้ เร็วเข้า เอายามาเร็วเข้า!”ก่อนที่นางรับใช้จะนำยามา ลั่วชิงยวนก็ก้าวไปข้างหน้าและแตะหน้าผากของเด็ก สัมผัสได้ถึงความร้อนเล็กน้อยราวกับเด็กน้อยจะเป็นหวัดแต่นางไอแรงมากจนดูคล้ายจะหายใจไม่ออกโดยเฉพาะตอนที่นางหวังกอดนางไว้ในอ้อมแขนแน่น เขย่านางขึ้นลงเพื่อปลอบนาง เพราะเด็กทั้งไอและร้องไห้ไปพร้อม ๆ กันหากขาดอากาศหายใจก็จะทำให้เสียชีวิตได้ง่ายลั่วชิงยวนรีบ
“มีสตรีมากมายที่อยากเป็นอนุในตระกูลฟ่าน หากมิใช่เพราะเฉินซวนอี๋ยืนการมิให้เขามีอนุและจะมิ ยอมให้ฟ่านซานเหอหลุดมือไป ป่านนี้ตระกูลฟ่านคงจะมีอนุเป็นโขยงไปแล้ว! "เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ลั่วชิงยวนจึงแอบกำหมัดแน่นฟ่านซานเหอจะเสริมดวงให้ฮูหยินของตัวเอง?ไร้สาระเฉินซวนอี๋กลับได้รู้จักกันว่าเป็นฮูหยินของฟ่านซานเหอแล้วลั่วหลางหลางถูกวางไว้ในตำแหน่งไหน?นางเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของฟ่านซานเหอที่แต่งงานบนเกี้ยว!“เฉินซวนอี๋? แต่ข้าได้ยินว่าฟ่านซานเหอตบแต่งกับบุตรีตระกูลลั่วมิใช่หรือ?”นางหวังรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนี้ "ท่านรู้เยอะทีเดียว!"“ฟ่านซานเหอแต่งงานกับบุตรสาวตระกูลมหาราชครูลั่วจริง ๆ ตอนที่ครอบครัวของพวกเขาย้ายมาที่นี่ พวกเขาก็พาสตรีผู้นั้นมาด้วย”“แต่ต่อมา ตระกูลฟ่านมิยอมรับลูกสะใภ้จากตระกูลมหาราชครูลั่วว่าเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลฟ่านอีกต่อไป”“แถมยังใช้เงินมากมายปิดปากผู้คนมิให้เอ่ยปากถึงลูกสะใภ้จากตระกูลมหาราชครูลั่วอีกด้วย”เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ลั่วชิงยวนก็ยิ่งโกรธกว่าเดิม“ไฉนเป็นเช่นนั้นเล่า!”นางหวังลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นขยับเข้ามาใกล้และกระซิบออกไ
“พี่สะใภ้ ท่านไปจัดการธุระของท่านเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงพวกเรา”หลังจากที่นางวังจากไปฟู่เฉินหวนเดินออกจากห้องตำราและสังเกตรอยเท้าบนพื้น แต่อย่างไรนี่ก็นับว่าผ่านไปหลายวันแล้ว ที่นี่คงมีผู้คนเขาออกมากเกินไป“เมิ่งฮว๋ายฉายอาจถูกกำจัดไปแล้ว” ฟู่เฉินหวนพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นลั่วชิงยวนก็เดินออกจากห้องตำราและเดินไปรอบ ๆ สนามหญ้า“ใช่ เห็นได้ชัดว่าเขาหายตัวไปอย่างกะทันหันอย่างไม่รู้อะไรล่วงหน้า ไม่มีความเป็นไปได้อื่นนอกจากการถูกฆ่า”“เจ้ามิพบอะไรเลยหรือ?” ฟู่เฉินหวนหันไปมองนางลั่วชิงยวนส่ายหัว "ในบ้านมีพลังหยางเพียงพอ และไม่มีวิญญาณชั่วร้ายสิงสู่อยู่เลย"“ไม่มีเรื่องเลวร้ายอะไรเกิดขึ้น”ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้ว “ดูเหมือนว่าคนที่หายไปเหล่านี้น่าจะถูกปิดปาก หากไม่มีเรื่องเกินคาดเกิดขึ้น กิจการของพ่อค้าที่เสียชีวิตคนอื่น ๆ ก็ควรถูกขายให้กับตระกูลฟ่านด้วย”“หากเป็นกรณีนี้ การเสียชีวิตของคนเหล่านี้อาจเกี่ยวข้องกับตระกูลฟ่าน คดีนี้ต้องได้รับการสอบสวนเชิงลึก”“สำหรับลั่วหลางหลาง เจ้าต้องควบคุมตัวเองและคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวมด้วย”“เจ้าสามารถตรวจสอบทั้งสองอย่างร่วมกันได้ หากความจริงปรากฏ ข้าจะ
ฟู่เฉินหวนหันกลับไปมองดูพื้นดิน และจมลงไปในความคิดอันลึกซึ้งลั่วชิงยวนพูดอย่างช้า ๆ "ร่างของเมิ่งฮว๋ายฉายน่าจะละลายไปเพราะของเหลวที่ละลายศพได้”“ด้วยเหตุนี้จึงมิพบเขาหลังจากค้นหามานาน มิพบเขาทั้งเป็นหรือตาย และมิพบศพของเขาด้วย”ฟู่เฉินหวนตกใจ "ของเหลวที่ละลายศพได้..."“ในเมืองเล็ก ๆ อย่างซีหยาง แปลกนักที่มีเรื่องเช่นนี้ด้วย”ลั่วชิงยวนมิได้เฉลยออกไปว่าศพดังกล่าวน่าจะใช้ของเหลวที่ละลายศพได้ที่ถูกทำขึ้นจากสูตรลับของแคว้นหลีมันมีพลังทำลายล้างมากจนสามารถละลายทุกสิ่งได้โดยไม่มีสิ่งใดเหลือทิ้งไว้นี่เป็นสูตรลับการใส่ปุ๋ยดอกไม้จริง ๆใช้เพียงเล็กน้อยก็สามารถละลายซากสัตว์ให้เป็นปุ๋ยได้ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้ว “ต้องไปตามสืบดูว่าคนที่หายไปคนอื่น ๆ หายไปแบบนี้หรือไม่”ลั่วชิงยวนรั้งเขาไว้ “หากในหนึ่งวันท่านไปเยี่ยมคนมากเกินไป มันจะทำให้ผู้คนสงสัยอย่างแน่นอน”“เราค่อยเคลื่อนไหวกันเงียบ ๆ ในตอนกลางคืนกันเถอะ”ฟู่เฉินหวนพยักหน้า “ก็ได้”อันที่จริงลั่วชิงยวนสงสัยแล้วว่า เรื่องนี้อาจเกี่ยวข้องกับตระกูลเหยียน ชายลึกลับจากแคว้นหลีลงมืออีกครั้งแล้วดังนั้นจึงต้องระมัดระวังมากขึ้นและไม่เผลอแหวก
นางเอ่ยถามออกไปทันที “สิ่งนี้เป็นฝีมือของลั่วหลางหลางฮูหยินตระกูลฟ่านใช่หรือไม่”กลิ่นที่คุ้นเคยนี้เป็นกลิ่นของถุงหอมที่ลั่วหลางหลางเคยมอบให้นางจริงๆ!ลูกจ้างหญิงก็สะดุ้งเล็กน้อยและตอบกลับอย่างรวดเร็ว "เป็นฮูหยินตระกูลฟ่านจริงเจ้าค่ะ แต่มิใช่ลั่วหลางหลาง เป็นเฉินซวนอี๋"“นางปรุงแต่งมันด้วยตัวเอง”ลั่วชิงยวนตัวแข็งทื่อเห็นได้ชัดว่านี่คือกลิ่นถุงหอมของลั่วหลางหลาง!กลิ่นหอมนี้พิเศษมากจนเมื่อได้กลิ่นก็จะทำให้นึกถึงลั่วหลางหลางซึ่งตรงกับบุคลิกนิสัยของนางและมิใช่กลิ่นขี้ผึ้งธรรมดาอย่างแน่นอนเฉินซวนอี๋จะรังสรรค์สิ่งเดียวกันออกมาได้อย่างไร!นางขโมยสูตรของลั่วหลางหลางหรือ?เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ความโกรธของลั่วชิงยวนก็เพิ่มขึ้นอีกครั้งเศรษฐินีเดินเข้ามาขนาบข้างนางแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้ายังมิได้ใช้สินค้าตัวใหม่ที่ฮูหยินฟ่านเตรียมไว้เลย เอามาให้ข้ากล่องหนึ่งด้วย"“เจ้าค่ะ รอสักครู่หนาเจ้าคะ!”ลูกจ้างหญิงจึงรีบไปเอากล่องใหม่มาทันทีสตรีผู้นั้นเปิดมันดมกลิ่นแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ฮูหยินฟ่านทำเครื่องประทินผิวได้เก่งมาก นางเป็นสตรีที่มีความสามารถจริง ๆ!”“นับว่าร้ายแรงจริง ๆ ที่นางต้องอยู่
เมื่อคำพูดนั้นหลุดออกมา สีหน้าของฟู่เฉินหวนก็เปลี่ยนไปในทันที“กระหม่อมเป็นองครักษ์ข้างกายองค์ชายใหญ่ โปรดอภัยให้กระหม่อมที่มิสามารถทำตามพระบัญชาได้ด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”องค์หญิงผู้นี้ชอบเฉินชี หากเขาติดตามองค์หญิงไปก็คงจะได้พบกับเฉินชีเป็นแน่ มิหนำซ้ำ เกาเหมียวเหมี่ยวก็ช่วยเขาฆ่าเฉินชีมิได้เมื่อถูกเขาปฏิเสธอีกครั้ง สีหน้าของเกาเหมียวเหมี่ยวจึงดูมิดีนักฉินอี้จึงต้องก้าวออกมา “เหมียวเหมี่ยว คนที่คอยคุ้มครองเจ้ายังมิพออีกหรือ?”“ข้างกายพี่ใหญ่มีองครักษ์คนนี้อยู่เพียงคนเดียว เจ้าอย่าแย่งเขาไปเลย”สีหน้าของฉินอี้ดูเหมือนคนจนใจน้ำเสียงของเขาฟังดูน่าสงสารเมื่อเห็นเขาเป็นแบบนี้ เกาเหมียวเหมี่ยวก็มิกล้าที่จะบังคับอีก นางตอบอย่างมิพอใจว่า “ก็ได้”“รอจนกว่าท่านจะมิต้องการเขาแล้ว ค่อยให้หม่อมฉันก็แล้วกัน”“หม่อมฉันค่อนข้างชอบเขา”เกาเหมียวเหมี่ยวพูดพลางมองฟู่เฉินหวน บนใบหน้าของนางมีรอยยิ้มยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาคล้ายกับเฉินชีมิใช่หน้าตาที่เหมือน แต่เป็นอารมณ์เย็นชาหยิ่งผยองและความกล้าหาญที่จะปฏิเสธนางโดยมิแม้แต่จะเสียงสั่นในเมื่อยังมิสามารถทำให้เฉินชีสยบต่อนางได้ในเร็ววัน การ
“ไปเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปทำความเข้าใจสถานการณ์”กล่าวจบ เขาก็พาฟู่เฉินหวนเดินไปทว่าระหว่างทางกลับพบเกาเหมียวเหมี่ยวเดินสวนมาพอดีฉินอี้เข้าไปหาด้วยความเป็นห่วง แล้วเอ่ยถาม “เหมียวเหมี่ยว อาการบาดเจ็บของเจ้าหายดีแล้วหรือ?”เกาเหมียวเหมี่ยวตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “บาดแผลเพียงเท่านี้คร่าชีวิตหม่อมฉันมิได้หรอก อีกอย่าง เสด็จพ่อกับเสด็จแม่ประทานยาให้หม่อมฉันมากมาย มิเจ็บปวดแผลแล้ว”ฉินอี้พยักหน้า “บาดแผลของเจ้าหายเร็วได้เช่นนี้ก็เพราะกินน้ำแกงโสมมังกรมาตลอด เจ้าต้องกินทุกวันตามเวลา ร่างกายจะได้แข็งแรงขึ้น!”“เข้าใจแล้ว”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฟู่เฉินหวนก็ดวงตาเป็นประกายน้ำแกงโสมมังกรหรือ?เป็นโสมมังกรชนิดเดียวกับที่หมอหลวงมู่ให้เขากินหรือไม่?สิ่งนี้แม้แต่หมอหลวงมู่ก็มีเพียงชิ้นเดียว มิเคยพบเห็นชิ้นที่สองแต่องค์หญิงแห่งแคว้นหลีกลับได้กินทุกวันเลยหรือ?เขาอดสงสัยมิได้ว่าสองสิ่งนี้เป็นสิ่งเดียวกันจริงหรือไม่หากเป็นเช่นนั้น เขาก็มีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่ต่ออีกหลายเดือน หรือกระทั่งหลายปีเลยมิใช่หรือ?เปลวไฟแห่งความหวังลุกโชนขึ้นในใจของฟู่เฉินหวนฉินอี้เดินจากไปแล้ว แต่ฟู่เฉินหวนยังคงยื
ลั่วชิงยวนยกยิ้มอย่างใจเย็น “องค์ชายใหญ่ใส่ใจเรื่องนี้ถึงเพียงนี้เชียวหรือเพคะ?”ฉินอี้ขมวดคิ้วมุ่น มองนางด้วยสีหน้าจริงจัง “แน่นอน! แท้จริงแล้วเจ้ารู้อะไรกันแน่!”วันนั้นในคุกใต้ดิน เกือบจะได้ฟังคำพูดต่อจากนั้นของลั่วชิงยวนแล้วแต่กลับถูกเฉินชีขัดจังหวะเสียก่อนหลังจากกลับไป เขาก็ครุ่นคิดถึงเรื่องนี้มาโดยตลอดเขาอาจมิใส่ใจเรื่องราวในอดีตได้ แต่นี่เกี่ยวข้องกับอนาคตของเขา! เขาจะมิใส่ใจคงมิได้!ลั่วชิงยวนกลับยกยิ้ม “องค์ชายใหญ่เชื่อจริงจังเลยหรือ?”“วันนั้นหม่อมฉันเพียงต้องการเอาชีวิตรอด จึงพูดจาเหลวไหลไปเท่านั้น”เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา ฉินอี้ก็ตกตะลึงไปทั้งร่างมองนางด้วยความตกใจและโกรธเกรี้ยว “เจ้าว่ากระไรนะ?!”ลั่วชิงยวนเลิกคิ้วขึ้น “หม่อมฉันมิอยากพูดซ้ำสอง”ฉินอี้โกรธจนอยากจะลงมือ แต่ก็อดกลั้นไว้ เขาไม่มีทางต่อกรกับลั่วชิงยวนได้สุดท้ายก็ได้แต่จากไปด้วยความขุ่นเคืองเมื่อเห็นฉินอี้จากไป เงาร่างที่แอบฟังอยู่ก็รีบจากไปเช่นกันอาการของฉินอี้นั้นมีสาเหตุจริง แต่เรื่องนี้ยังมิอาจบอกให้ฉินอี้รู้ได้เพราะมันเป็นเรื่องใหญ่หากพูดออกไป ปัญหาที่นางจะต้องเผชิญจะมิใช่เพียงเรื่องรา
อวี๋โหรวพยักหน้า รีบเช็ดน้ำตา “ขอบคุณ”ลั่วชิงยวนตบไหล่นางเบา ๆ เพื่อปลอบโยนเมื่อสนทนามาถึงตรงนี้ ลั่วชิงยวนจึงถือโอกาสถามอวี๋โหรว “อันที่จริงข้าสงสัยเรื่องนักบวชระดับสูงคนก่อน เจ้าพอจะรู้หรือไม่ว่านางตายอย่างไร?”อวี๋โหรวตกใจเล็กน้อยคาดเดาในใจว่าลั่วชิงยวนคงสอบถามเรื่องนี้เพราะเฉินชีเพราะว่าเฉินชีก็มีใจให้ลั่วเหลาเช่นเดียวกันนางอธิบาย “ไม่มีผู้ใดรู้ว่านางตายอย่างไร”“วันนั้นนางบำเพ็ญเพียรอยู่ที่หอเทียนฉี วันรุ่งขึ้นเมื่อมีคนมาพบก็เหลือเพียงโลหิตกองเต็มพื้น”“บนพื้นยังมีร่องรอยการลากศพด้วย”“แต่ส่งคนออกไปตามหาศพตั้งมากมายก็หามิพบ”“เฉินชีแทบจะพลิกทั่วทั้งวัง แทบจะคลุ้มคลั่งสังหารคนในสำนักนักบวชไปเสียสิ้น”“ยังดีที่จักรพรรดิทรงนำราชองครักษ์เกราะเหล็กมาด้วยพระองค์เอง จึงสามารถควบคุมตัวเฉินชีไว้ได้”“เรื่องการตายของนักบวชระดับสูงนั้นมีการสืบสวนอยู่นาน แต่ก็ไม่มีเบาะแสใด ๆ เบาะแสทั้งหมดหยุดอยู่ที่หอเทียนฉี”“นอกหอเทียนฉีไม่มีร่องรอยใดหลงเหลือ”“นานวันเข้า เรื่องนี้ก็เงียบหายไป”ตามคำบอกเล่าของอวี๋โหรว ลั่วชิงยวนก็หวนนึกถึงคืนนั้นหอเทียนฉีเป็นสถานที่ที่นักบวชระดับสูงจะท
อวี๋โหรวก็ประหลาดใจ นางมิคาดคิดว่าลั่วชิงยวนจะล่วงรู้ความคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของนาง อีกทั้งยังไปเอาเรื่องจั๋วฉ่างตงเพื่อนางและทำร้ายจั๋วฉ่างตงจนอยู่ในสภาพเช่นนั้นการกระทำของนางคล้ายคลึงกับลั่วเหลาในสมัยก่อนยิ่งนักนางชอบใจมาก“กินยาเสีย” ลั่วชิงยวนรินยาให้อวี๋โหรวเดินเข้าไปดมแล้วก็รู้สึกประหลาดใจ “ในนี้มีบัวถวายผสมด้วยหรือ?”“เจ้ากินไปเถิด”“อาการบาดเจ็บของเจ้าน่าจะทุเลาลงเพราะยานี้”ลั่วชิงยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “อาการบาดเจ็บภายในของเจ้าก็มิได้ดีไปกว่าข้าหรอก รีบกินเสีย”อวี๋โหรวจำต้องยอมดื่มยานั้นลั่วชิงยวนนั่งลงข้าง ๆ รินน้ำชาหนึ่งถ้วย แล้วกล่าวว่า “ต่อไปจั๋วฉ่างตงจะต้องหาเรื่องเจ้าอีกเป็นแน่ เจ้าจะปิดบังตนเองอีกมิได้”“ในเมื่อฝีมือของเจ้าทำให้จั๋วฉ่างตงริษยาได้ เช่นนั้นก็อย่าได้เกรงใจนาง!”“ส่วนทางด้านนักบวชระดับสูง ข้าคิดว่านางคงจะให้ความสำคัญกับผู้ที่มีความสามารถ มิใช่ผู้ที่ประจบสอพลอ”นี่คือความเข้าใจที่ลั่วชิงยวนมีต่อเวินซินถงจั๋วฉ่างตงสามารถเป็นคนสนิทข้างกายของนางได้ ย่อมเป็นเพราะจั๋วฉ่างตงมีฝีมือที่แข็งแกร่งในสำนักนักบวช มิใช่เพราะจั๋วฉ่างตงประจบสอพลอเก่
ลั่วชิงยวนคว้าตัวจั๋วฉ่างตง “คุกเข่าลง! ขอโทษ! รับปากด้วยว่าจะมิรังแกนางอีก!”เมื่อเสียงอันดุดันดังขึ้น ทุกคนต่างตกตะลึงจั๋วฉ่างตงมีหรือจะยินยอม ดวงตาแดงก่ำของนางจ้องมองลั่วชิงยวนอย่างเดือดดาล “สารเลว!”เพียะ!ลั่วชิงยวนตบหน้านางอย่างมิปรานี“ข้ามิรังเกียจที่จะตบเจ้าจนกว่าจะยอม”“ยามนี้ตบหน้ายังทนได้ หากบีบให้ข้าใช้ท่วงท่าอื่น ระวังวรยุทธ์ของเจ้าจะไร้ค่า!”ลั่วชิงยวนข่มขู่ด้วยน้ำเสียงเย็นชาจั๋วฉ่างตงกัดริมฝีปากล่างด้วยความโกรธแค้นและอัปยศอดสูเดิมทีนางเป็นหญิงสาวที่หน้าตางดงาม ทว่ายามนี้กลับถูกลั่วชิงยวนทำร้ายจนยับเยิน แทบจะจำเค้าเดิมมิได้“ข้ามิได้มีความอดทนมากนัก เร็วเข้า!”ยามนี้มีผู้คนมากมายได้ยินเสียงอึกทึกจึงมามุงดูเหตุการณ์น่าตื่นเต้นรวมตัวกันอยู่หน้าประตูเรือนพลางกระซิบกระซาบกัน“ลั่วชิงยวนผู้นี้ช่างกล้าหาญนัก”“จั๋วฉ่างตงไปยั่วโมโหนางอีกแล้วหรือ?”เมื่อได้ยินเสียงจากภายนอก จั๋วฉ่างตงก็แทบจะหลั่งน้ำตา มีผู้คนมากมายมองดูอยู่ นางกลับต้องคุกเข่าขอโทษอวี๋โหรว!ขณะที่ลั่วชิงยวนหมดความอดทนและกำลังจะลงมือจั๋วฉ่างตงก็กลั้นน้ำตาไว้พลางคุกเข่าลง ตรงหน้าอวี๋โหรวอว
จั๋วฉ่างตงเดินออกมาจากห้องนัยน์ตาของลั่วชิงยวนฉายแววมุ่งสังหาร “ที่แท้เจ้าก็มิใช่เต่าหดหัวในกระดองนี่”จั๋วฉ่างตงจ้องมองนางด้วยสีหน้าดุดัน แล้วเดินลงมาอย่างช้า ๆ “ลั่วชิงยวน ข้าขอเตือนให้เจ้าสำรวมตนเสียบ้าง!”กล่าวพลางกวาดสายตามองไปยังคนที่นอนกองอยู่บนพื้น แล้วตวาดเสียงดัง “ปล่อยพวกเขา!”ลั่วชิงยวนบุกเข้ามาทำร้ายคนถึงเรือนของนาง นี่มิใช่การตบหน้านางต่อหน้าธารกำนัลหรอกหรือ!แม้จะพ่ายแพ้ให้แก่ลั่วชิงยวนที่หอรักษ์ดารา แต่ก็มิได้หมายความว่านางจะต้องหวาดกลัวลั่วชิงยวน!ลั่วชิงยวนเตะไปที่คนเหล่านั้น แล้วยอมปล่อยพวกเขาให้เป็นอิสระคนเหล่านั้นกลิ้งตัวลงบนพื้นทีละคนก่อนจะรีบลุกขึ้นยืนอย่างลนลาน หมายจะหลบไปอยู่ด้านหลังจั๋วฉ่างตงทว่าในเวลานี้เอง ริมฝีปากของลั่วชิงยวนก็ยกยิ้มเย็นเยียบ กระโจนเข้าหาจั๋วฉ่างตงอย่างรวดเร็วแล้วใช้มือคว้าจับที่คอเสื้อของนางจั๋วฉ่างตงขัดขืนโดยสัญชาตญาณ แต่นางได้รับบาดเจ็บ จะเป็นสู้ลั่วชิงยวนได้อย่างไรทันใดนั้นก็ถูกลั่วชิงยวนเหวี่ยงลงกับพื้น แล้วตบหน้าอย่างแรงจนผมเผ้าของจั๋วฉ่างตงยุ่งเหยิงขณะที่ตั้งตัวมิทันเสียงฝ่ามือกระทบใบหน้านั้นหนักแน่น เสียงดังสนั
“ดังนั้น...”“เรื่องเช่นนี้มิได้เกิดขึ้นเพียงครั้งหรือสองครั้ง”“นักบวชระดับสูงไว้วางใจนาง ข้าก็ทำได้เพียงทนรับมือ เมื่อก่อนยังพอขัดขืนได้บ้าง แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้าก็เลิกขัดขืนเพราะเสียแรงเปล่า”น้ำเสียงของอวี๋โหรวราบเรียบ ทว่าลั่วชิงยวนได้ฟังแล้วกลับรู้สึกหดหู่ใจ“เป็นเช่นนี้มานานแล้วหรือ? กี่ปีแล้ว?”หรือว่าในตอนที่นางยังอยู่ อวี๋โหรวต้องทนทุกข์ทรมานกับเรื่องเหล่านี้?อวี๋โหรวกลับส่ายหน้า “ข้าก็จำมิได้แล้วว่ากี่ปี”“อาจารย์ของข้าจากไปเสียนานแล้ว ไม่มีผู้ใดคอยช่วยเหลือข้า”“ดังนั้นข้าจึงต้องใช้บัวถวายรักษาอาการบาดเจ็บมาตลอด เพียงแต่ช่วงนี้หาซื้อมิได้แล้ว ข้าจึงเหลือเพียงดอกสุดท้าย”เมื่อลั่วชิงยวนได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกปวดร้าวใจหลายปีมานี้ นางมิเคยสังเกตเห็นความทุกข์ทรมานของอวี๋โหรวเลยเพราะอวี๋โหรวมิเคยปริปากบอกผู้ใด ในสถานที่ที่คนอ่อนแอต้องพ่ายแพ้แก่ผู้แข็งแกร่งเช่นนี้ ดูเหมือนนางจะรู้ดีว่าบอกผู้ใดไปก็ไร้ประโยชน์หลายปีมานี้นางอดทนมาได้อย่างไรก็มิอาจรู้ได้“จั๋วฉ่างตงบาดเจ็บอยู่แท้ ๆ ยังอุตส่าห์มาหาเรื่องเจ้าอีก ข้าว่านางคงเบื่อหน่ายการมีชีวิตเต็มทีแล้ว”แววตาของลั่
ชายหลายคนก้าวเข้ามารุมทำร้ายอวี๋โหรวในทันทีจั๋วฉ่างตงเปิดกล่องใบหนึ่งออก หมอกดำทมิฬพลันลอยออกมาแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “เจ้ายังกล้าสอดมือเข้ามายุ่งเรื่องของลั่วชิงยวนอีก เห็นทีจะยังมีเรี่ยวแรงอยู่ ข้าคงทรมานเจ้ายังมิพอ”“วันนี้เจ้าจงลิ้มรสภูตผีร้ายแห่งหุบเขาฝังศพให้สาสม”จั๋วฉ่างตงใช้ยันต์แผ่นหนึ่งควบคุมหมอกดำทมิฬให้รวมตัวกันกลางอากาศ แล้วพุ่งเข้าโจมตีอวี๋โหรวอย่างรุนแรงอวี๋โหรวกำลังต้านทานการโจมตีของบุรุษเหล่านั้นอยู่ในชั่วขณะต่อมา หมอกดำทมิฬก็พุ่งเข้าใส่ กระแทกเข้าที่ท้องของนางราวกับจะฉีกร่างนางออกเป็นชิ้น ๆ ความเจ็บปวดรุนแรงแล่นปราดเข้าจู่โจมหมอกดำทมิฬนั้นทะลุผ่านร่างของนางไปอวี๋โหรวร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ล้มลงกระแทกพื้นอย่างแรง เจ็บปวดจนร่างกายสั่นเทา มิอาจลุกขึ้นได้บุรุษเหล่านั้นจับแขนของนางแล้วกระชากให้นางลุกขึ้นหมอกดำทมิฬนั้นพุ่งเข้ากระแทกท้องของนางอีกครั้ง แล้วทะลุผ่านไปอย่างรุนแรงอวัยวะภายในสั่นสะท้านก่อให้เกิดความเจ็บปวดรุนแรง ทำให้อวี๋โหรวสั่นไปทั้งร่าง เจ็บปวดจนริมฝีปากสั่นระริก ใบหน้าซีดเผือดนางไม่มีเรี่ยวแรงที่จะตอบโต้ได้เลยเป็นเช่นนี้ซ้