“มีสตรีมากมายที่อยากเป็นอนุในตระกูลฟ่าน หากมิใช่เพราะเฉินซวนอี๋ยืนการมิให้เขามีอนุและจะมิ ยอมให้ฟ่านซานเหอหลุดมือไป ป่านนี้ตระกูลฟ่านคงจะมีอนุเป็นโขยงไปแล้ว! "เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ลั่วชิงยวนจึงแอบกำหมัดแน่นฟ่านซานเหอจะเสริมดวงให้ฮูหยินของตัวเอง?ไร้สาระเฉินซวนอี๋กลับได้รู้จักกันว่าเป็นฮูหยินของฟ่านซานเหอแล้วลั่วหลางหลางถูกวางไว้ในตำแหน่งไหน?นางเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของฟ่านซานเหอที่แต่งงานบนเกี้ยว!“เฉินซวนอี๋? แต่ข้าได้ยินว่าฟ่านซานเหอตบแต่งกับบุตรีตระกูลลั่วมิใช่หรือ?”นางหวังรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนี้ "ท่านรู้เยอะทีเดียว!"“ฟ่านซานเหอแต่งงานกับบุตรสาวตระกูลมหาราชครูลั่วจริง ๆ ตอนที่ครอบครัวของพวกเขาย้ายมาที่นี่ พวกเขาก็พาสตรีผู้นั้นมาด้วย”“แต่ต่อมา ตระกูลฟ่านมิยอมรับลูกสะใภ้จากตระกูลมหาราชครูลั่วว่าเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลฟ่านอีกต่อไป”“แถมยังใช้เงินมากมายปิดปากผู้คนมิให้เอ่ยปากถึงลูกสะใภ้จากตระกูลมหาราชครูลั่วอีกด้วย”เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ลั่วชิงยวนก็ยิ่งโกรธกว่าเดิม“ไฉนเป็นเช่นนั้นเล่า!”นางหวังลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นขยับเข้ามาใกล้และกระซิบออกไ
“พี่สะใภ้ ท่านไปจัดการธุระของท่านเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงพวกเรา”หลังจากที่นางวังจากไปฟู่เฉินหวนเดินออกจากห้องตำราและสังเกตรอยเท้าบนพื้น แต่อย่างไรนี่ก็นับว่าผ่านไปหลายวันแล้ว ที่นี่คงมีผู้คนเขาออกมากเกินไป“เมิ่งฮว๋ายฉายอาจถูกกำจัดไปแล้ว” ฟู่เฉินหวนพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นลั่วชิงยวนก็เดินออกจากห้องตำราและเดินไปรอบ ๆ สนามหญ้า“ใช่ เห็นได้ชัดว่าเขาหายตัวไปอย่างกะทันหันอย่างไม่รู้อะไรล่วงหน้า ไม่มีความเป็นไปได้อื่นนอกจากการถูกฆ่า”“เจ้ามิพบอะไรเลยหรือ?” ฟู่เฉินหวนหันไปมองนางลั่วชิงยวนส่ายหัว "ในบ้านมีพลังหยางเพียงพอ และไม่มีวิญญาณชั่วร้ายสิงสู่อยู่เลย"“ไม่มีเรื่องเลวร้ายอะไรเกิดขึ้น”ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้ว “ดูเหมือนว่าคนที่หายไปเหล่านี้น่าจะถูกปิดปาก หากไม่มีเรื่องเกินคาดเกิดขึ้น กิจการของพ่อค้าที่เสียชีวิตคนอื่น ๆ ก็ควรถูกขายให้กับตระกูลฟ่านด้วย”“หากเป็นกรณีนี้ การเสียชีวิตของคนเหล่านี้อาจเกี่ยวข้องกับตระกูลฟ่าน คดีนี้ต้องได้รับการสอบสวนเชิงลึก”“สำหรับลั่วหลางหลาง เจ้าต้องควบคุมตัวเองและคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวมด้วย”“เจ้าสามารถตรวจสอบทั้งสองอย่างร่วมกันได้ หากความจริงปรากฏ ข้าจะ
ฟู่เฉินหวนหันกลับไปมองดูพื้นดิน และจมลงไปในความคิดอันลึกซึ้งลั่วชิงยวนพูดอย่างช้า ๆ "ร่างของเมิ่งฮว๋ายฉายน่าจะละลายไปเพราะของเหลวที่ละลายศพได้”“ด้วยเหตุนี้จึงมิพบเขาหลังจากค้นหามานาน มิพบเขาทั้งเป็นหรือตาย และมิพบศพของเขาด้วย”ฟู่เฉินหวนตกใจ "ของเหลวที่ละลายศพได้..."“ในเมืองเล็ก ๆ อย่างซีหยาง แปลกนักที่มีเรื่องเช่นนี้ด้วย”ลั่วชิงยวนมิได้เฉลยออกไปว่าศพดังกล่าวน่าจะใช้ของเหลวที่ละลายศพได้ที่ถูกทำขึ้นจากสูตรลับของแคว้นหลีมันมีพลังทำลายล้างมากจนสามารถละลายทุกสิ่งได้โดยไม่มีสิ่งใดเหลือทิ้งไว้นี่เป็นสูตรลับการใส่ปุ๋ยดอกไม้จริง ๆใช้เพียงเล็กน้อยก็สามารถละลายซากสัตว์ให้เป็นปุ๋ยได้ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้ว “ต้องไปตามสืบดูว่าคนที่หายไปคนอื่น ๆ หายไปแบบนี้หรือไม่”ลั่วชิงยวนรั้งเขาไว้ “หากในหนึ่งวันท่านไปเยี่ยมคนมากเกินไป มันจะทำให้ผู้คนสงสัยอย่างแน่นอน”“เราค่อยเคลื่อนไหวกันเงียบ ๆ ในตอนกลางคืนกันเถอะ”ฟู่เฉินหวนพยักหน้า “ก็ได้”อันที่จริงลั่วชิงยวนสงสัยแล้วว่า เรื่องนี้อาจเกี่ยวข้องกับตระกูลเหยียน ชายลึกลับจากแคว้นหลีลงมืออีกครั้งแล้วดังนั้นจึงต้องระมัดระวังมากขึ้นและไม่เผลอแหวก
นางเอ่ยถามออกไปทันที “สิ่งนี้เป็นฝีมือของลั่วหลางหลางฮูหยินตระกูลฟ่านใช่หรือไม่”กลิ่นที่คุ้นเคยนี้เป็นกลิ่นของถุงหอมที่ลั่วหลางหลางเคยมอบให้นางจริงๆ!ลูกจ้างหญิงก็สะดุ้งเล็กน้อยและตอบกลับอย่างรวดเร็ว "เป็นฮูหยินตระกูลฟ่านจริงเจ้าค่ะ แต่มิใช่ลั่วหลางหลาง เป็นเฉินซวนอี๋"“นางปรุงแต่งมันด้วยตัวเอง”ลั่วชิงยวนตัวแข็งทื่อเห็นได้ชัดว่านี่คือกลิ่นถุงหอมของลั่วหลางหลาง!กลิ่นหอมนี้พิเศษมากจนเมื่อได้กลิ่นก็จะทำให้นึกถึงลั่วหลางหลางซึ่งตรงกับบุคลิกนิสัยของนางและมิใช่กลิ่นขี้ผึ้งธรรมดาอย่างแน่นอนเฉินซวนอี๋จะรังสรรค์สิ่งเดียวกันออกมาได้อย่างไร!นางขโมยสูตรของลั่วหลางหลางหรือ?เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ความโกรธของลั่วชิงยวนก็เพิ่มขึ้นอีกครั้งเศรษฐินีเดินเข้ามาขนาบข้างนางแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้ายังมิได้ใช้สินค้าตัวใหม่ที่ฮูหยินฟ่านเตรียมไว้เลย เอามาให้ข้ากล่องหนึ่งด้วย"“เจ้าค่ะ รอสักครู่หนาเจ้าคะ!”ลูกจ้างหญิงจึงรีบไปเอากล่องใหม่มาทันทีสตรีผู้นั้นเปิดมันดมกลิ่นแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ฮูหยินฟ่านทำเครื่องประทินผิวได้เก่งมาก นางเป็นสตรีที่มีความสามารถจริง ๆ!”“นับว่าร้ายแรงจริง ๆ ที่นางต้องอยู่
“นี่จะบอกว่าสมาคมการค้าเฟิงตูแห่งซีหยางทรงพลังมากอย่างนั้นรึ?”ฉางจิ่นเหวินพูดด้วยความโกรธ “เจ้าเป็นใครกัน!”เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ลั่วชิงยวนก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เป็นใครงั้นรึ?ฉางจิ่นเหวินผู้นี้ช่างกล้าจริง ๆลั่วชิงยวนอดมิได้ที่จะหัวเราะ กอดอกแล้วมองไปที่ฉางจิ่นเหวิน “เจ้ากล้าต่อว่าท่านผู้นี้อย่างนั้นรึ? เจ้ารู้หรือไม่ว่าท่านนี้เป็นใคร?”ฉางจิ่นเหวินโกรธมากจนนางไม่แยแสต่อสิ่งใด และสาปแช่งด้วยความโกรธ “หยุดแสร้งทำเป็นวางอำนาจบาตรใหญ่ได้แล้ว! เจ้าบ้านี่เป็นใครมาจากไหน เจ้ากล้าดีเช่นไรมายั่วยุสมาคมการค้าเฟิงตูของเรา!”“ร้านค้าของตระกูลฟ่านแห่งนี้มีมูลค่านับหมื่นตำลึงทอง! หากเจ้ามิสามารถจ่ายค่าชดเชยได้ เจ้าจะต้องถูกส่งไปที่ศาลาว่าการ! และจะถูกลงโทษอย่างรุนแรง!”ลั่วชิงยวนเลิกคิ้วแล้วหันไปมองฟู่เฉินหวน “นางเรียกท่านว่าเจ้าบ้า”“โอ้” ฟู่เฉินหวนตอบเบา ๆลั่วชิงยวนตกตะลึง เมื่อเห็นว่าฟู่เฉินหวนมิเคลื่อนไหว นางจึงถามว่า "ท่านควรจะนำป้ายอาญาสิทธิ์ออกมาเพื่อพิสูจน์ตัวตนของท่าน และทำให้พวกเขากลัวที่จะคุกเข่าลงและขอความเมตตามิใช่หรือ"ฟู่เฉินหวนพูดอย่างสบาย ๆ “ข้ามิได้นำมา”ลั่วชิงยวนตก
ฟู่เฉินหวนสะดุ้งเล็กน้อยและเลิกคิ้วมองนาง “เจ้าถูกจับเพราะข้าหรือ?”“มิใช่หรืออย่างไร หม่อมฉันเห็นท่านมิตอบโต้ หม่อมฉันก็เลยตามท่านเข้ามาด้วย”“ท่านแค่อยากเข้ามาทดสอบว่า นายอำเภอผู้นี้เป็นคนแบบใดใช่หรือไม่?” ลั่วชิงยวนขยับเข้ามาใกล้และลดเสียงของนางลงการลดระยะห่างอย่างกะทันหัน ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงลมหายใจของลั่วชิงยวน หัวใจของฟู่เฉินหวนจึงเต้นเร็วขึ้นเขามองออกไปและฮัมเสียงในคอเป็นการรับรู้อากาศทำให้รู้สึกร้อนอบอ้าว ทำให้เขาต้องเคลื่อนตัวไปด้านข้างโดยมิรู้ตัวลั่วชิงยวนก็ขยับเข้ามาใกล้เขามากขึ้น โน้มตัวเข้ามาใกล้แล้วกระซิบ “อย่างไรก็แล้วแต่ หม่อมฉันถูกจับได้และต้องมาทนหิวเช่นนี้ก็เพราะท่าน”“ท่านจะชดใช้ให้หม่อมฉันอย่างไร?”ฟู่เฉินหวนหันกลับมาสายตาอันหิวกระหายของลั่วชิงยวน หูของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงกะทันหัน คิ้วขมวดมุ่น “เจ้า…”“เจ้าต้องการอะไร” ฟู่เฉินหวนหายใจเร็วขึ้น และเขาก็แอบถอยไปด้านข้างลั่วชิงยวนไล่ตามเขาและก้าวไปข้างหน้าอีกก้าวขณะมองเขาด้วยสายตาจริงจัง นางยกมุมปากขึ้นโดยมิรู้ตัว ยิ้มอย่างมีเสน่ห์ และพูดอย่างแผ่วเบา “บอกตามตรง หม่อมฉันสนใจ…”“สมาคมการค้าเฟิงตู!”ซู่.
ลั่วชิงยวนหยิบกล่องเล็ก ๆ สองกล่องขึ้นมาทันที เปิดออกแล้วดมกลิ่น มันคือสีผึ้ง!“ท่านหยิบมาได้อย่างไร?” ลั่วชิงยวนรู้สึกประหลาดใจมากเมื่อเห็นว่านางมีความสุข ฟู่เฉินหวนก็อดมิได้ที่จะยกยิ้มและพูดเบา ๆ "ข้าเพียงหยิบติดมือมาก็เท่านั้น"“ข้ายังหยิบชาดทาปากมาด้วย”“ข้าแค่หยิบมาแบบสุ่ม ๆ หากมิชอบจะทิ้งไปก็ได้”ลั่วชิงยวนเปิดกล่องชาด แตะมันเล็กน้อย ฟู่เฉินหวนอดมิได้ที่จะหันศีรษะไปมองเล็กน้อยลั่วชิงยวนแตะชาดทาปากบนหลังมือของเขาแล้วมองดู จากนั้นยกมุมริมฝีปากขึ้น “สีนี้ก็ใช้ได้”“รับไว้แล้วกัน!”ลั่วชิงยวนเก็บสีผึ้งสองกล่องเข้าไปใต้แขนเสื้อเมื่อเห็นสิ่งนี้ฟู่เฉินหวนก็ผ่อนคลายฝ่ามือที่ประหม่าเล็กน้อย และมุมริมฝีปากของเขาก็มิสามารถหยุดยกขึ้นได้ทั้งสองถูกขังไว้จนถึงกลางคืนเพื่อบรรเทาความหิว ลั่วชิงยวนจึงนอนพิงกำแพง และเมื่อนางหลับไป นางก็พิงไหล่ของฟู่เฉินหวนแต่สุดท้ายก็ทนความหิวกลางดึกมิได้จึงตื่นขึ้นมานางลุกขึ้นนั่งอย่างทรมานฟู่เฉินหวนตื่นขึ้นมาเห็นนางจับท้องด้วยความเจ็บปวด ก็รู้ทันทีว่านางหิวมากฟู่เฉินหวนลุกขึ้นยืนที่ประตูห้องขังแล้วตะโกนทันที “มีใครอยู่หรือไม่!”ไม่นานก็ม
ลั่วชิงยวนสัมผัสท้องที่คำรามของตน ทนต่อกลิ่นมิได้อีกต่อไป ดังนั้นนางจึงฉีกเนื้อไก่ออกแล้วกินมันเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเดินมาจากข้างนอก ลั่วชิงยวนก็รีบยัดเนื้อเข้าไปในปากทันใดฟู่เฉินหวนหันหลังให้กับประตูห้องขัง บังสายตาผู้คนภายนอกเอาไว้“ข้าจะบังให้ เจ้ากินช้า ๆ เถอะ”ความรู้สึกหิวหายไปแล้ว และด้วยเหตุผลบางอย่าง แม้แต่หัวใจก็รู้สึกอบอุ่นลั่วชิงยวนกินไปครึ่งหนึ่งและเหลืออีกครึ่งให้ฟู่เฉินหวน“ท่านก็ควรเสวยอะไรสักหน่อย เผื่อเซียวชูหาเรามิเจอในเร็ววัน หากพวกเจ้าหน้าที่ชั่วพวกนี้มิให้อะไรเรากินอีก เราคงต้องหิ้วท้องไปอีกหลายวัน”“ข้ามิหิว”ลั่วชิงยวนลากเขาให้ไปนั่งลงตรงกำแพงแล้ว ก่อนยืนขึ้นเพื่อบังเขาเอาไว้ “ถึงมิหิวก็ต้องเสวยสักหน่อย”ฟู่เฉินหวนมองดูนาง ทำอะไรมิถูกเล็กน้อย แต่ก็ยังกินเข้าไปบ้าง......รุ่งสางใต้เท้าเฉามายังห้องขังยืนมองดูพวกเขาทั้งสองคนจากนอกประตู “หัวแข็งเสียจริง ไฉนต้องทำให้มากความด้วย”“หากมิจ่ายเงิน ก็ลงนามในสัญญาขายตัวเสีย เจ้าจะได้ออกไปทันที เจ้ายังสามารถไปที่สมาคมการค้าเฟิงตูเพื่อหางานดี ๆ ทำได้ ต่อจากนี้เจ้าจะมิต้องกังวลอะไรไปตลอดชีวิต!”เมื่อได้ย
เมื่อคำพูดนั้นหลุดออกมา สีหน้าของฟู่เฉินหวนก็เปลี่ยนไปในทันที“กระหม่อมเป็นองครักษ์ข้างกายองค์ชายใหญ่ โปรดอภัยให้กระหม่อมที่มิสามารถทำตามพระบัญชาได้ด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”องค์หญิงผู้นี้ชอบเฉินชี หากเขาติดตามองค์หญิงไปก็คงจะได้พบกับเฉินชีเป็นแน่ มิหนำซ้ำ เกาเหมียวเหมี่ยวก็ช่วยเขาฆ่าเฉินชีมิได้เมื่อถูกเขาปฏิเสธอีกครั้ง สีหน้าของเกาเหมียวเหมี่ยวจึงดูมิดีนักฉินอี้จึงต้องก้าวออกมา “เหมียวเหมี่ยว คนที่คอยคุ้มครองเจ้ายังมิพออีกหรือ?”“ข้างกายพี่ใหญ่มีองครักษ์คนนี้อยู่เพียงคนเดียว เจ้าอย่าแย่งเขาไปเลย”สีหน้าของฉินอี้ดูเหมือนคนจนใจน้ำเสียงของเขาฟังดูน่าสงสารเมื่อเห็นเขาเป็นแบบนี้ เกาเหมียวเหมี่ยวก็มิกล้าที่จะบังคับอีก นางตอบอย่างมิพอใจว่า “ก็ได้”“รอจนกว่าท่านจะมิต้องการเขาแล้ว ค่อยให้หม่อมฉันก็แล้วกัน”“หม่อมฉันค่อนข้างชอบเขา”เกาเหมียวเหมี่ยวพูดพลางมองฟู่เฉินหวน บนใบหน้าของนางมีรอยยิ้มยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาคล้ายกับเฉินชีมิใช่หน้าตาที่เหมือน แต่เป็นอารมณ์เย็นชาหยิ่งผยองและความกล้าหาญที่จะปฏิเสธนางโดยมิแม้แต่จะเสียงสั่นในเมื่อยังมิสามารถทำให้เฉินชีสยบต่อนางได้ในเร็ววัน การ
“ไปเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปทำความเข้าใจสถานการณ์”กล่าวจบ เขาก็พาฟู่เฉินหวนเดินไปทว่าระหว่างทางกลับพบเกาเหมียวเหมี่ยวเดินสวนมาพอดีฉินอี้เข้าไปหาด้วยความเป็นห่วง แล้วเอ่ยถาม “เหมียวเหมี่ยว อาการบาดเจ็บของเจ้าหายดีแล้วหรือ?”เกาเหมียวเหมี่ยวตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “บาดแผลเพียงเท่านี้คร่าชีวิตหม่อมฉันมิได้หรอก อีกอย่าง เสด็จพ่อกับเสด็จแม่ประทานยาให้หม่อมฉันมากมาย มิเจ็บปวดแผลแล้ว”ฉินอี้พยักหน้า “บาดแผลของเจ้าหายเร็วได้เช่นนี้ก็เพราะกินน้ำแกงโสมมังกรมาตลอด เจ้าต้องกินทุกวันตามเวลา ร่างกายจะได้แข็งแรงขึ้น!”“เข้าใจแล้ว”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฟู่เฉินหวนก็ดวงตาเป็นประกายน้ำแกงโสมมังกรหรือ?เป็นโสมมังกรชนิดเดียวกับที่หมอหลวงมู่ให้เขากินหรือไม่?สิ่งนี้แม้แต่หมอหลวงมู่ก็มีเพียงชิ้นเดียว มิเคยพบเห็นชิ้นที่สองแต่องค์หญิงแห่งแคว้นหลีกลับได้กินทุกวันเลยหรือ?เขาอดสงสัยมิได้ว่าสองสิ่งนี้เป็นสิ่งเดียวกันจริงหรือไม่หากเป็นเช่นนั้น เขาก็มีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่ต่ออีกหลายเดือน หรือกระทั่งหลายปีเลยมิใช่หรือ?เปลวไฟแห่งความหวังลุกโชนขึ้นในใจของฟู่เฉินหวนฉินอี้เดินจากไปแล้ว แต่ฟู่เฉินหวนยังคงยื
ลั่วชิงยวนยกยิ้มอย่างใจเย็น “องค์ชายใหญ่ใส่ใจเรื่องนี้ถึงเพียงนี้เชียวหรือเพคะ?”ฉินอี้ขมวดคิ้วมุ่น มองนางด้วยสีหน้าจริงจัง “แน่นอน! แท้จริงแล้วเจ้ารู้อะไรกันแน่!”วันนั้นในคุกใต้ดิน เกือบจะได้ฟังคำพูดต่อจากนั้นของลั่วชิงยวนแล้วแต่กลับถูกเฉินชีขัดจังหวะเสียก่อนหลังจากกลับไป เขาก็ครุ่นคิดถึงเรื่องนี้มาโดยตลอดเขาอาจมิใส่ใจเรื่องราวในอดีตได้ แต่นี่เกี่ยวข้องกับอนาคตของเขา! เขาจะมิใส่ใจคงมิได้!ลั่วชิงยวนกลับยกยิ้ม “องค์ชายใหญ่เชื่อจริงจังเลยหรือ?”“วันนั้นหม่อมฉันเพียงต้องการเอาชีวิตรอด จึงพูดจาเหลวไหลไปเท่านั้น”เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา ฉินอี้ก็ตกตะลึงไปทั้งร่างมองนางด้วยความตกใจและโกรธเกรี้ยว “เจ้าว่ากระไรนะ?!”ลั่วชิงยวนเลิกคิ้วขึ้น “หม่อมฉันมิอยากพูดซ้ำสอง”ฉินอี้โกรธจนอยากจะลงมือ แต่ก็อดกลั้นไว้ เขาไม่มีทางต่อกรกับลั่วชิงยวนได้สุดท้ายก็ได้แต่จากไปด้วยความขุ่นเคืองเมื่อเห็นฉินอี้จากไป เงาร่างที่แอบฟังอยู่ก็รีบจากไปเช่นกันอาการของฉินอี้นั้นมีสาเหตุจริง แต่เรื่องนี้ยังมิอาจบอกให้ฉินอี้รู้ได้เพราะมันเป็นเรื่องใหญ่หากพูดออกไป ปัญหาที่นางจะต้องเผชิญจะมิใช่เพียงเรื่องรา
อวี๋โหรวพยักหน้า รีบเช็ดน้ำตา “ขอบคุณ”ลั่วชิงยวนตบไหล่นางเบา ๆ เพื่อปลอบโยนเมื่อสนทนามาถึงตรงนี้ ลั่วชิงยวนจึงถือโอกาสถามอวี๋โหรว “อันที่จริงข้าสงสัยเรื่องนักบวชระดับสูงคนก่อน เจ้าพอจะรู้หรือไม่ว่านางตายอย่างไร?”อวี๋โหรวตกใจเล็กน้อยคาดเดาในใจว่าลั่วชิงยวนคงสอบถามเรื่องนี้เพราะเฉินชีเพราะว่าเฉินชีก็มีใจให้ลั่วเหลาเช่นเดียวกันนางอธิบาย “ไม่มีผู้ใดรู้ว่านางตายอย่างไร”“วันนั้นนางบำเพ็ญเพียรอยู่ที่หอเทียนฉี วันรุ่งขึ้นเมื่อมีคนมาพบก็เหลือเพียงโลหิตกองเต็มพื้น”“บนพื้นยังมีร่องรอยการลากศพด้วย”“แต่ส่งคนออกไปตามหาศพตั้งมากมายก็หามิพบ”“เฉินชีแทบจะพลิกทั่วทั้งวัง แทบจะคลุ้มคลั่งสังหารคนในสำนักนักบวชไปเสียสิ้น”“ยังดีที่จักรพรรดิทรงนำราชองครักษ์เกราะเหล็กมาด้วยพระองค์เอง จึงสามารถควบคุมตัวเฉินชีไว้ได้”“เรื่องการตายของนักบวชระดับสูงนั้นมีการสืบสวนอยู่นาน แต่ก็ไม่มีเบาะแสใด ๆ เบาะแสทั้งหมดหยุดอยู่ที่หอเทียนฉี”“นอกหอเทียนฉีไม่มีร่องรอยใดหลงเหลือ”“นานวันเข้า เรื่องนี้ก็เงียบหายไป”ตามคำบอกเล่าของอวี๋โหรว ลั่วชิงยวนก็หวนนึกถึงคืนนั้นหอเทียนฉีเป็นสถานที่ที่นักบวชระดับสูงจะท
อวี๋โหรวก็ประหลาดใจ นางมิคาดคิดว่าลั่วชิงยวนจะล่วงรู้ความคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของนาง อีกทั้งยังไปเอาเรื่องจั๋วฉ่างตงเพื่อนางและทำร้ายจั๋วฉ่างตงจนอยู่ในสภาพเช่นนั้นการกระทำของนางคล้ายคลึงกับลั่วเหลาในสมัยก่อนยิ่งนักนางชอบใจมาก“กินยาเสีย” ลั่วชิงยวนรินยาให้อวี๋โหรวเดินเข้าไปดมแล้วก็รู้สึกประหลาดใจ “ในนี้มีบัวถวายผสมด้วยหรือ?”“เจ้ากินไปเถิด”“อาการบาดเจ็บของเจ้าน่าจะทุเลาลงเพราะยานี้”ลั่วชิงยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “อาการบาดเจ็บภายในของเจ้าก็มิได้ดีไปกว่าข้าหรอก รีบกินเสีย”อวี๋โหรวจำต้องยอมดื่มยานั้นลั่วชิงยวนนั่งลงข้าง ๆ รินน้ำชาหนึ่งถ้วย แล้วกล่าวว่า “ต่อไปจั๋วฉ่างตงจะต้องหาเรื่องเจ้าอีกเป็นแน่ เจ้าจะปิดบังตนเองอีกมิได้”“ในเมื่อฝีมือของเจ้าทำให้จั๋วฉ่างตงริษยาได้ เช่นนั้นก็อย่าได้เกรงใจนาง!”“ส่วนทางด้านนักบวชระดับสูง ข้าคิดว่านางคงจะให้ความสำคัญกับผู้ที่มีความสามารถ มิใช่ผู้ที่ประจบสอพลอ”นี่คือความเข้าใจที่ลั่วชิงยวนมีต่อเวินซินถงจั๋วฉ่างตงสามารถเป็นคนสนิทข้างกายของนางได้ ย่อมเป็นเพราะจั๋วฉ่างตงมีฝีมือที่แข็งแกร่งในสำนักนักบวช มิใช่เพราะจั๋วฉ่างตงประจบสอพลอเก่
ลั่วชิงยวนคว้าตัวจั๋วฉ่างตง “คุกเข่าลง! ขอโทษ! รับปากด้วยว่าจะมิรังแกนางอีก!”เมื่อเสียงอันดุดันดังขึ้น ทุกคนต่างตกตะลึงจั๋วฉ่างตงมีหรือจะยินยอม ดวงตาแดงก่ำของนางจ้องมองลั่วชิงยวนอย่างเดือดดาล “สารเลว!”เพียะ!ลั่วชิงยวนตบหน้านางอย่างมิปรานี“ข้ามิรังเกียจที่จะตบเจ้าจนกว่าจะยอม”“ยามนี้ตบหน้ายังทนได้ หากบีบให้ข้าใช้ท่วงท่าอื่น ระวังวรยุทธ์ของเจ้าจะไร้ค่า!”ลั่วชิงยวนข่มขู่ด้วยน้ำเสียงเย็นชาจั๋วฉ่างตงกัดริมฝีปากล่างด้วยความโกรธแค้นและอัปยศอดสูเดิมทีนางเป็นหญิงสาวที่หน้าตางดงาม ทว่ายามนี้กลับถูกลั่วชิงยวนทำร้ายจนยับเยิน แทบจะจำเค้าเดิมมิได้“ข้ามิได้มีความอดทนมากนัก เร็วเข้า!”ยามนี้มีผู้คนมากมายได้ยินเสียงอึกทึกจึงมามุงดูเหตุการณ์น่าตื่นเต้นรวมตัวกันอยู่หน้าประตูเรือนพลางกระซิบกระซาบกัน“ลั่วชิงยวนผู้นี้ช่างกล้าหาญนัก”“จั๋วฉ่างตงไปยั่วโมโหนางอีกแล้วหรือ?”เมื่อได้ยินเสียงจากภายนอก จั๋วฉ่างตงก็แทบจะหลั่งน้ำตา มีผู้คนมากมายมองดูอยู่ นางกลับต้องคุกเข่าขอโทษอวี๋โหรว!ขณะที่ลั่วชิงยวนหมดความอดทนและกำลังจะลงมือจั๋วฉ่างตงก็กลั้นน้ำตาไว้พลางคุกเข่าลง ตรงหน้าอวี๋โหรวอว
จั๋วฉ่างตงเดินออกมาจากห้องนัยน์ตาของลั่วชิงยวนฉายแววมุ่งสังหาร “ที่แท้เจ้าก็มิใช่เต่าหดหัวในกระดองนี่”จั๋วฉ่างตงจ้องมองนางด้วยสีหน้าดุดัน แล้วเดินลงมาอย่างช้า ๆ “ลั่วชิงยวน ข้าขอเตือนให้เจ้าสำรวมตนเสียบ้าง!”กล่าวพลางกวาดสายตามองไปยังคนที่นอนกองอยู่บนพื้น แล้วตวาดเสียงดัง “ปล่อยพวกเขา!”ลั่วชิงยวนบุกเข้ามาทำร้ายคนถึงเรือนของนาง นี่มิใช่การตบหน้านางต่อหน้าธารกำนัลหรอกหรือ!แม้จะพ่ายแพ้ให้แก่ลั่วชิงยวนที่หอรักษ์ดารา แต่ก็มิได้หมายความว่านางจะต้องหวาดกลัวลั่วชิงยวน!ลั่วชิงยวนเตะไปที่คนเหล่านั้น แล้วยอมปล่อยพวกเขาให้เป็นอิสระคนเหล่านั้นกลิ้งตัวลงบนพื้นทีละคนก่อนจะรีบลุกขึ้นยืนอย่างลนลาน หมายจะหลบไปอยู่ด้านหลังจั๋วฉ่างตงทว่าในเวลานี้เอง ริมฝีปากของลั่วชิงยวนก็ยกยิ้มเย็นเยียบ กระโจนเข้าหาจั๋วฉ่างตงอย่างรวดเร็วแล้วใช้มือคว้าจับที่คอเสื้อของนางจั๋วฉ่างตงขัดขืนโดยสัญชาตญาณ แต่นางได้รับบาดเจ็บ จะเป็นสู้ลั่วชิงยวนได้อย่างไรทันใดนั้นก็ถูกลั่วชิงยวนเหวี่ยงลงกับพื้น แล้วตบหน้าอย่างแรงจนผมเผ้าของจั๋วฉ่างตงยุ่งเหยิงขณะที่ตั้งตัวมิทันเสียงฝ่ามือกระทบใบหน้านั้นหนักแน่น เสียงดังสนั
“ดังนั้น...”“เรื่องเช่นนี้มิได้เกิดขึ้นเพียงครั้งหรือสองครั้ง”“นักบวชระดับสูงไว้วางใจนาง ข้าก็ทำได้เพียงทนรับมือ เมื่อก่อนยังพอขัดขืนได้บ้าง แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้าก็เลิกขัดขืนเพราะเสียแรงเปล่า”น้ำเสียงของอวี๋โหรวราบเรียบ ทว่าลั่วชิงยวนได้ฟังแล้วกลับรู้สึกหดหู่ใจ“เป็นเช่นนี้มานานแล้วหรือ? กี่ปีแล้ว?”หรือว่าในตอนที่นางยังอยู่ อวี๋โหรวต้องทนทุกข์ทรมานกับเรื่องเหล่านี้?อวี๋โหรวกลับส่ายหน้า “ข้าก็จำมิได้แล้วว่ากี่ปี”“อาจารย์ของข้าจากไปเสียนานแล้ว ไม่มีผู้ใดคอยช่วยเหลือข้า”“ดังนั้นข้าจึงต้องใช้บัวถวายรักษาอาการบาดเจ็บมาตลอด เพียงแต่ช่วงนี้หาซื้อมิได้แล้ว ข้าจึงเหลือเพียงดอกสุดท้าย”เมื่อลั่วชิงยวนได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกปวดร้าวใจหลายปีมานี้ นางมิเคยสังเกตเห็นความทุกข์ทรมานของอวี๋โหรวเลยเพราะอวี๋โหรวมิเคยปริปากบอกผู้ใด ในสถานที่ที่คนอ่อนแอต้องพ่ายแพ้แก่ผู้แข็งแกร่งเช่นนี้ ดูเหมือนนางจะรู้ดีว่าบอกผู้ใดไปก็ไร้ประโยชน์หลายปีมานี้นางอดทนมาได้อย่างไรก็มิอาจรู้ได้“จั๋วฉ่างตงบาดเจ็บอยู่แท้ ๆ ยังอุตส่าห์มาหาเรื่องเจ้าอีก ข้าว่านางคงเบื่อหน่ายการมีชีวิตเต็มทีแล้ว”แววตาของลั่
ชายหลายคนก้าวเข้ามารุมทำร้ายอวี๋โหรวในทันทีจั๋วฉ่างตงเปิดกล่องใบหนึ่งออก หมอกดำทมิฬพลันลอยออกมาแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “เจ้ายังกล้าสอดมือเข้ามายุ่งเรื่องของลั่วชิงยวนอีก เห็นทีจะยังมีเรี่ยวแรงอยู่ ข้าคงทรมานเจ้ายังมิพอ”“วันนี้เจ้าจงลิ้มรสภูตผีร้ายแห่งหุบเขาฝังศพให้สาสม”จั๋วฉ่างตงใช้ยันต์แผ่นหนึ่งควบคุมหมอกดำทมิฬให้รวมตัวกันกลางอากาศ แล้วพุ่งเข้าโจมตีอวี๋โหรวอย่างรุนแรงอวี๋โหรวกำลังต้านทานการโจมตีของบุรุษเหล่านั้นอยู่ในชั่วขณะต่อมา หมอกดำทมิฬก็พุ่งเข้าใส่ กระแทกเข้าที่ท้องของนางราวกับจะฉีกร่างนางออกเป็นชิ้น ๆ ความเจ็บปวดรุนแรงแล่นปราดเข้าจู่โจมหมอกดำทมิฬนั้นทะลุผ่านร่างของนางไปอวี๋โหรวร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ล้มลงกระแทกพื้นอย่างแรง เจ็บปวดจนร่างกายสั่นเทา มิอาจลุกขึ้นได้บุรุษเหล่านั้นจับแขนของนางแล้วกระชากให้นางลุกขึ้นหมอกดำทมิฬนั้นพุ่งเข้ากระแทกท้องของนางอีกครั้ง แล้วทะลุผ่านไปอย่างรุนแรงอวัยวะภายในสั่นสะท้านก่อให้เกิดความเจ็บปวดรุนแรง ทำให้อวี๋โหรวสั่นไปทั้งร่าง เจ็บปวดจนริมฝีปากสั่นระริก ใบหน้าซีดเผือดนางไม่มีเรี่ยวแรงที่จะตอบโต้ได้เลยเป็นเช่นนี้ซ้