ลั่วชิงยวนรู้สึกประหลาดใจแล้วถามว่า “เขาตายได้อย่างไรกัน?” “เขาถูกน้ำตาเทียนลวกทั้งเป็นน่ะสิ!” ซ่งเชียนฉู่โน้มตัวมากระซิบข้างหู เมื่อลั่วชิงยวนได้ยินเช่นนี้เข้าก็ตกตะลึง “ว่ากระไรนะ?” ซ่งเชียนฉู่กล่าวว่า “ข้ามิเอาเรื่องเช่นนี้มาโกหกท่านหรอก ท่านคงได้ยินเรื่องนั้นตามท้องถนนได้มิยากเลย เรื่องมันยาวทีเดียว” “คนแซ่สวี่เองก็ตายเหมือนกัน มิหนำซ้ำมือทั้งสองข้างก็โดนตัด ช่างน่าสยดสยองยิ่งนัก!” ลั่วชิงยวนตกตะลึงขึ้นมาทันที แซ่สวี่หรือ? หรือว่าจะเป็นนายกองสวี่? “ประเด็นสำคัญก็คือท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการบอกต่อหน้าคนแซ่สวี่ว่า กล้าแตะต้องสตรีของข้า นี่ก็คือผลที่ตามมา ต่างหากเล่า” “ยามนี้ข่าวแพร่สะพัดไปเกือบทั้งเมืองหลวงแล้วว่า ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการหลงรักนางรำแห่งหอนางโลมนางหนึ่ง!” “ช่างน่าเหลือเชื่อจริง ๆ” ซ่งเชียนฉู่ทอดถอนใจกับตนเอง จิตใจของลั่วชิงยวนบังเกิดความปั่นป่วน ทว่าก็คงอยู่เพียงชั่วขณะก่อนที่นางจะสงบนิ่งอีกครั้ง สิ่งสุดท้ายที่นางควรจะเชื่อให้น้อยที่สุดก็คือ วาจาของฟู่เฉินหวน บางทีอาจเป็นเพราะหน้าฉากที่เขาแสดงต่อหน้าผู้อื่น หรืออาจจะมีเหตุผลหรือแรงจูงใจอื่นใด
“ส่วนเรื่องที่เจ้าคิดกระทำอันใดก็สุดแท้แต่เจ้า ข้ามิใช่คนจำพวกที่จะก้าวก่ายเรื่องของผู้อื่น” “ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่ข้ามอบให้แล้วไม่มีทางเอากลับคืนเป็นอันขาด!” เมื่อฟู่จิ่งหลีทราบเรื่องที่เกิดขึ้นในจวนตระกูลหลิว เขาเองก็รู้สึกเสียใจแทนแม่นางฝูเสวี่ย แต่เขาก็เข้าใจว่าเสด็จพี่สามเป็นห่วงเรื่องแคว้นบ้านเมือง อย่างไรเสียเขาก็ได้ยินมาว่าหลิวหม่านลอบโยกย้ายเงินบรรเทาทุกข์บางส่วน หากเสด็จพี่สามลงมือช้ากว่านี้อีกสักวันก็คงจะสายเกินไป นั่นก็คือสาเหตุที่ทำให้เขาคิดจะอธิบายเรื่องราวต่าง ๆ แทนเสด็จพี่สาม “ขอบพระทัยที่เข้าใจเพคะ องค์ชายเจ็ด” ลั่วชิงยวนผงกศีรษะเล็กน้อย “แม่นางฝูเสวี่ย ไฉนเจ้าต้องเกรงใจข้าถึงเพียงนั้นด้วย?” ฟู่จิ่งหลียิ้มให้ “จริงด้วยสิ วันนี้ข้าได้ยินมาว่าเจ้าก่อเรื่องวุ่นวายใหญ่โตในหอเจาเซียง ข้าต้องชื่นชมในความใจกล้าบ้าบิ่นของแม่นางฝูเสวี่ยจริง ๆ! หอเจาเซียงแห่งนั้นใช่ว่าผู้ใดจะเข้าไปข้องแวะได้หรอกนะ!” “แม่นางฝูเสวี่ย เจ้าควรจะระวังตัวให้ดี” ฟู่จิ่งหลีเอ่ยเตือนสติ แววตาของลั่วชิงยวนแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา นางเคยตกหลุมพรางของท่านอาฉินผู้นั้นมาหนหนึ่งแล้ว นางย่อมไม่
ลั่วชิงยวนถูกนำตัวไปขังคุกยังคุกหลวง ในฐานะผู้กระทำความผิดร้ายแรง บรรยากาศภายในคุกทั้งมืดและชื้น ทำให้ลั่วชิงยวนรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก ประตูห้องขังถูกล็อกและเสียงฝีเท้าก็ค่อย ๆ หายไป ความเงียบงันเข้าปกคลุมหัวใจของลั่วชิงยวนทันทีนางสงบสติอารมณ์นั่งลงบนกองฟางเครื่องประดับทองคำเหล่านั้นถูกเก็บรักษาเป็นอย่างดีและมิได้ถูกปรับเปลี่ยนไปแต่อย่างใด สิ่งเหล่านั้นล้วนแต่เป็นของกำนัลที่องค์ชายเจ็ดมอบให้ ตราบใดที่องค์ชายเจ็ดได้ของทุกชิ้นมาอย่างถูกต้อง นางก็จะไม่เป็นอะไรแต่นางยังต้องการให้องค์ชายเจ็ดเป็นพยานให้นางด้วยขณะที่นางครุ่นคิดอยู่นั้น ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงันจากนั้นร่างที่สวมเสื้อคลุมสีดำก็ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตูห้องขังทันทีที่หมวกคลุมสีดำถูกยกขึ้น ใบหน้าของท่านอาฉินก็ปรากฏให้เห็นลั่วชิงยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย ท่านอาฉินผู้นี้มิธรรมดาเลย นางสามารถเข้านอกออกในคุกใต้ดินได้อย่างอิสระ“แม่นางฝูเสวี่ยดูใจเย็นมาก เจ้าคงกำลังรอองค์ชายเจ็ดอยู่กระมัง?” ท่านอาฉินยกยิ้ม“น่าเสียดายที่ในขณะนี้ องค์ชายเจ็ดและอ๋องผู้สำเร็จราชการ พวกเขาทั้งคู่ยังคงอยู่ในวัง องค์ชายเจ็ดเองก็ม
“ช่วย… ช่วยด้วย...” ท่านอาฉินพยายามดิ้นรนอย่างสิ้นหวัง นางยกขาขึ้นแล้วเตะประตูห้องขังเพื่อดิ้นรน แต่มือของลั่วชิงยวนกลับบีบคอนางไว้แน่น มือนั้นซีดขาวจากการออกแรง ทำให้ดูน่ากลัวยิ่งกว่าเดิมเสียอีกท้ายที่สุด ผู้คุมขังก็รีบเข้ามาช่วยท่านอาฉินจากลั่วชิงยวนได้ทันท่านอาฉินที่ได้รับการช่วยเหลือแล้วล้มลงกับพื้น นางหอบหายใจแรง เมื่อเงยหน้าขึ้นมองคนที่ประตูห้องขัง จิตใจของนางก็เต็มไปด้วยชื่อลี่เซียงและร่างของลิ่นฝูเสวี่ยนางพยายามตั้งสติเพื่อสงบอารมณ์ ปกปิดความกลัว และจ้องมองไปยังลั่วชิงยวน“ดูเหมือนเจ้าจะเป็นพวกมิเห็นโลงศพมิหลั่งน้ำตากระมัง?! โม่เซียนอวี้ได้ร้องทุกข์กับองค์จักรพรรดิแล้วว่าเจ้าเข้าหาองค์ชายเจ็ดและได้รับทรัพย์สมบัติของราชวงศ์ไปมากกว่าสามแสนตำลึงอย่างมิชอบ เรื่องนั้นเล่าลือไปทั่วทั้งศาล!”“อ๋องผู้สำเร็จราชการกังวลใจอย่างยิ่งหวังเพียงจะปกป้ององค์ชายเจ็ดให้ได้ เจ้าคิดว่าเขาจะยังห่วงใยชีวิตและความตายของเจ้าอีกหรือ?”“จะไม่มีผู้ได้มาช่วยเจ้าได้แน่!”“หากเจ้าละทิ้งโอกาสที่ข้ามอบให้ เช่นนั้นก็นอนรอความตายอยู่ที่นี่เถอะ!”หลังจากที่ท่านอาฉินพูดจบ นางก็สวมเสื้อคลุมกับหมวกแล้วจาก
ลั่วชิงยวนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ใต้เท้า ท่านกล้าลงไม้ลงมือรุนแรงกับข้าอย่างนั้นหรือ?”“ใต้เท้าเหอ ท่านเองก็รู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างองค์ชายเจ็ดกับท่างอ๋องผู้สำเร็จราชการที่มีต่อข้า เช่นนั้นท่านมิกลัวว่าพวกเขาจะซักถามเรื่องนี้กับข้าในภายหลังหรือ?!”ไม่ว่าเจ้าหน้าที่ผู้นี้จะมีอำนาจบาตรใหญ่เพียงใด เขาก็มิกล้าละเมิดต่อองค์ชายแน่ มิต้องพูดถึงอ๋องผู้สำเร็จราชการองค์ปัจจุบันเลยในขณะนั้น นางเห็นสีหน้าสับสนของใต้เท้าเหอ ก่อนที่เขาจะพูดอย่างอาจหาญว่า "ลงนามในหลักฐานคำให้การนี้เสีย แล้วค่อยมาว่ากัน! มิฉะนั้นหาอย่าได้มีการต่อรองใดทั้งนั้น!”ผู้คุมเข้ามาหานางอีกครั้งพร้อมกับแผ่นเหล็กร้อนสีแดงแต่ในขณะนั้น ลั่วชิงยวนมองเห็นไอสีเขียวปนดำจาง ๆ ปรากฏกลางหว่างคิ้วของใต้เท้าเหอ และพลังงานนั้นก็ค่อย ๆ หมุนวนออกมาลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว ดวงตาของนางเย็นลงครู่หนึ่ง และนางก็เอ่ยขึ้นทันทีว่า “ใต้เท้า ไม่นานมานี้คงเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ในจวนของท่าน นั่นคงเกี่ยวข้องกับคนในตระกูลท่านเสียด้วย”ทันทีที่ลั่วชิงยวนพูด สีหน้าของใต้เท้าเหอก็เปลี่ยนไป‘นางรู้ได้อย่างไร?’ลั่วชิงยวนมองไปที่พลังงานสีเขียวปนดำที่จู
หากมิได้รับยาถอนพิษภายในสามชั่วโมง นางจะต้องตายอย่างแน่นอน!แต่อาการอาเจียนนี้มิได้เกิดจากพิษลั่วชิงยวนมองไปรอบห้อง ในห้องนี้นางเห็นวิญญาณที่ร้ายกาจมากที่สุดอยู่ที่นี้ใต้เท้าเหอมองนางด้วยความประหลาดใจ “เจ้ามีทักษะทางการแพทย์ด้วยรึ?”ลั่วชิงยวนเดินไปที่โต๊ะแล้วนั่งลง นางหยิบพู่กันป้ายหมึกแล้วเขียนใบเทียบยา พลางพูดขึ้นว่า “ฮูหยินถูกวางยาพิษ”ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ถูกพูดออกมา ใต้เท้าเหอที่ได้ฟังก็ตกใจอย่างมากเขาเหลือบมองนางรับใช้และขอให้นางรับใช้ทั้งหมดออกไปหลังจากที่ทุกคนจากไปแล้ว ใต้เท้าเหอก็ลุกขึ้นและเดินไปที่โต๊ะ สายตาของเขาจับจ้องไปที่หญิงสาว “สาวน้อย เจ้าเป็นเพียงนางรำเหตุใดจึงมีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ได้?”ลั่วชิงยวนยกยิ้มมุมปากขณะที่กำลังง่วนอยู่กับการเขียนใบเทียบยา นางยิ้มและพูดว่า “พิษของฮูหยินเหอน่าจะมาจากข้า”“ไม่ว่าผู้สนับสนุนผู้ว่าราชการมณฑลสักจักมีอำนาจเท่าใด ไม่ว่าเขาจะกล้าหาญเพียงใด ก็มิอาจรุกรานอ๋องผู้สำเร็จราชการอย่างเปิดเผยได้”“แม้ใต้เท้าเหอรีบร้อนบีบบังคับให้ข้าลงนามในบันทึกหลักฐานคำให้การด้วยวิธีทรมาน แต่ด้วยความรีบร้อนเช่นนี้ เป็นเพราะถูกผู
ผู้ที่สามารถบีบบังคับใต้เท้าเหอได้จะต้องมีตัวตนลึกลับซับซ้อน และน่าจะเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังท่านอาฉินด้วยตราบใดที่นางสามารถสืบหาได้ว่าคนผู้นี้คือใคร บางทีนางอาจพบสาเหตุที่ทำให้คนมากมายในหอสมุทรมรกตตายลงก็เป็นได้ใต้เท้าเหอตกใจมากเมื่อได้ยินเช่นนี้ นี่เป็นการข่มขู่ให้เขาเปิดเผยผู้ที่อยู่เบื้องหลังอย่างชัดเจนฝูเสวี่ยผู้นี้กล้าไม่เบา นางต้องการสืบหาผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้จริง ๆ “แม่นาง เรื่องนี้ไม่มีนัยสำคัญอะไร เจ้าอย่ารู้เสียดีกว่า”ลั่วชิงยวนยิ้ม “คนผู้นี้อยากให้ข้าตาย แล้วเหตุไฉนข้าจึงมิควรรู้เล่า?”“ใต้เท้าเหอเชื่อเรื่องนี้จริง ๆ อย่างนั้นหรือ?”สีหน้าของใต้เท้าเหอเปลี่ยนไปอย่างดูไม่ได้ลั่วชิงยวนพูดต่อ “ข้ากำจัดพิษให้ฮูหยินของท่านแล้ว ผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้มิปล่อยท่านไว้แน่ หากท่านบอกข้า ข้าอาจช่วยท่านคิดหาวิธีแก้ปัญหาได้”“เจ้าน่ะหรือ? เจ้าเป็นเพียงนางรำ เจ้าจักทำกระไรได้?” ใต้เท้าเหอไม่เชื่อลั่วชิงยวนตอบว่า “ข้าไม่มีอำนาจ บางทีคงทำกระไรมิได้ แต่ข้ารู้จักองค์ชายเจ็ดและอ๋องผู้สำเร็จราชการ”“ท่านลองจะพิจารณาดูได้หรือไม่?”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใต้เท้าเหอก็ส
องครักษ์รีบมารายงานว่าอ๋องผู้สำเร็จราชการและองค์ชายเจ็ดบุกเข้ามาแล้วใต้เท้าเหอรีบเข้าไปต้อนรับทันทีอย่างไรก็ตาม องค์ชายเจ็ดโกรธมาก เขาผลักใต้เท้าเหอเข้ากับกำแพง “ฝูเสวี่ยอยู่ที่ไหน?!”ใต้เท้าเหอชี้นิ้ว“ข้าบอกแล้วไงว่าเครื่องประดับทองคำพวกนั้นล้วนแต่เป็นเงินของข้า องค์จักรพรรดิยังมิทรงว่ากระไร แล้วเกี่ยวอันใดกับเจ้าด้วย?!”“ฝูเสวี่ยเป็นผู้บริสุทธิ์ ปล่อยนางเดี๋ยวนี้!”ฟู่จิ่งหลีมิเคยโกรธมากเช่นนี้มาก่อน เขาแทบไม่เคยปรากฏตัวที่นี่เลย เขามักจะมีชีวิตอิสระและมีความสุข นี่เป็นครั้งแรกที่เขาถูกเหยียดหยามเช่นนี้ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้ว เขารีบวิ่งเข้าไปในส่วนลึกของคุกอย่างรวดเร็วเขาเพ่งมองห้องขังแต่ละห้องเมื่อฟู่เฉินหวนเห็นร่างของคนที่เต็มไปด้วยเลือด ขมับของเขาก็ปรากฏเส้นเลือดปูดขึ้นทันที เขารีบเข้าไปในห้องขัง ถอดเสื้อคลุมออกแล้วพันรอบตัวนางไว้ลั่วชิงยวนตกตะลึง นางมองดูท่าทางสงบแต่มีความโกรธแฝงอยู่ของเขา นางจึงกำฝ่ามือแน่นเล็กน้อยฟู่เฉินหวนช้อนร่างนางขึ้น แล้วอุ้มออกไปฟู่จิ่งหลีปล่อยตัวใต้เท้าเหอแล้วจึงติดตามฟู่เฉินหวนออกจากที่ว่าการไปตอนที่เขาเดินออกไป เขาก็บังเอิญเจอเข้ากับค
และสองคือช่วยจือเฉาขนของสิ่งที่ทำให้จือเฉาตกใจคือ เดิมทีนางคิดว่าจะไปที่หอฝูเสวี่ยเพื่อเบิกเงิน แต่กลับพบว่าองครักษ์ช่วยจ่ายเงินให้นางจือเฉางุนงงตลอดทาง มิเข้าใจว่าท่านอ๋องต้องการทำอะไรกันแน่ตอนนี้เป็นเวลากลางคืน ร้านค้าที่เปิดมีมิมาก ดังนั้นจือเฉาจึงต้องวิ่งไปหลายที่โดยเฉพาะการหาสมุนไพร นางแทบจะต้องเคาะประตูโรงหมอและร้านขายยาทั่วเมืองหลวง......ในคืนนั้นลั่วชิงยวนนอนซมอยู่บนเตียง ทันใดนั้นประตูห้องก็ถูกผลักเปิดออกลมหนาวพัดโชยเข้ามา ทำให้ลั่วชิงยวนไอออกมา“แค่กแค่กแค่ก... จือเฉา ดูสิว่าหน้าต่างถูกลมพัดเปิดออกหรือไม่... แค่กแค่กแค่กแค่กแค่ก...”ลั่วชิงยวนไอมิหยุด ได้แต่มุดเข้าไปในผ้าห่มแต่ทันใดนั้น ผ้าห่มก็ถูกกระชากออกลั่วชิงยวนสะดุ้งตื่น เงยหน้าขึ้นจึงเห็นฟู่เฉินหวนนางพยายามพยุงตัวเองลุกขึ้นนั่ง “ท่านจะทำอะไร?”นางอ่อนแอจนแม้แต่การถามในตอนนี้ก็ยังไร้เรี่ยวแรงแต่ฟู่เฉินหวนกลับมิพูดอะไรสักคำจากนั้นองครักษ์ก็กรูกันเข้ามาในห้อง จับแขนของลั่วชิงยวนและลากนางออกจากห้องความหนาวเหน็บถาโถมเข้ามา ลั่วชิงยวนอ้าปากจะพูด แต่กลับถูกองครักษ์ปิดปากไว้แน่นลั่วชิงยวนที่บาด
“หากต้องการแก้ไข มีเพียงการที่หม่อมฉันต้องไปซีหลิงด้วยตัวเอง”ลั่วชิงยวนกล่าวอย่างหนักแน่นนี่เป็นหนทางรอดเดียวของนางเมื่อฟู่เฉินหวนได้ยิน สีหน้าก็เปลี่ยนไปเขามองนางด้วยความสงสัย “นี่เป็นผลลัพธ์เดียวหรือ?”“เพคะ”แต่ฟู่เฉินหวนกลับมิค่อยเชื่อ มองนางด้วยแววตาดุดัน “ไม่มีเข็มทิศอาณัติสวรรค์ จะทำนายได้แม่นยำหรือ?”“แม่นยำเพคะ”“เข็มทิศอาณัติสวรรค์เป็นเพียงตัวช่วย มิใช่สิ่งจำเป็น”“ทิศทางหลักจะมิผิดพลาด”แท้จริงแล้วนางทำนายหนทางรอดของตัวเองการทำนายโชคชะตาบ้านเมือง มีเพียงเข็มทิศอาณัติสวรรค์เท่านั้นที่ทำนายได้กองทัพแคว้นหลีบุกประชิด เป็นนางเองที่บอกให้เฉินชีทำ สิ่งที่นางต้องการทำนายคือเส้นทางของตัวเองหลังจากที่ฟู่เฉินหวนฟังแล้วก็มิได้ตอบ เพียงแค่หันหลังเดินจากไป......ลั่วฉิงกำลังรอข่าวจากฟู่เฉินหวนอย่างกระวนกระวาย เดินวนไปมาด้วยความร้อนใจเมื่อเห็นฟู่เฉินหวนมาแล้ว จึงรีบเข้าไปถาม “เป็นอย่างไรบ้าง? ผลลัพธ์คืออะไร?”ฟู่เฉินหวนตอบ “เป็นภัยพิบัติของซีหลิง”ได้ยินดังนั้น ลั่วฉิงก็ตกใจเล็กน้อย “ภัยพิบัติของซีหลิงหรือ? หมายความว่าอย่างไร? แคว้นหลีต้องการยึดครองซีหลิงงั้นหรื
สายลมหนาวพัดผ่านมา ปอยผมของลั่วชิงยวนปลิวไสวตัดกับผ้าคลุมสีขาว ทำให้ร่างบางของนางดูราวกับจะปลิวหายไปกับสายลมในตอนนั้นก็มีขบวนคนเดินมาเมื่อเห็นบุคคลที่อยู่ข้างหน้าในชั่วขณะที่สบตากันก็เกิดอารมณ์ที่ซับซ้อนเมื่อเฉินชีเห็นฟู่เฉินหวน เขายกยิ้มอย่างเย็นชา โอบนางไว้แน่นขึ้นลั่วชิงยวนไร้เรี่ยวแรงจะขัดขืน“เฉินชี! เจ้ายังกล้ามาอีกรึ!” ฟู่เฉินหวนมีสีหน้าบึ้งตึง โทสะปะทุในใจองครักษ์รีบเข้ามาล้อมเฉินชีและลั่วชิงยวนไว้เฉินชีจำใจปล่อยลั่วชิงยวนแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อาเหลา ข้าจะรอเจ้า”กล่าวจบ เขาก็ใช้วิชาตัวเบากระโดดหนีไปองครักษ์รีบไล่ตามส่วนลั่วชิงยวนยืนนิ่งอยู่กับที่ มองฟู่เฉินหวนที่ค่อย ๆ เดินเข้ามาหาฟู่เฉินหวนมีสีหน้าบึ้งตึง แววตาซับซ้อนนั้นแฝงไปด้วยความโกรธ“บทเรียนเมื่อวานคงยังมิเพียงพอ เจ้ายังกล้าแอบออกจากตำหนักมาพบเฉินชีอีกรึ?!”ลั่วชิงยวนไร้เรี่ยวแรงจะอธิบาย ได้แต่ยิ้มอย่างเศร้าสร้อย “หากท่านคิดเช่นนั้น หม่อมฉันก็มิมีทางเลือก”“เหตุใดหม่อมฉันจึงมาอยู่ที่นี่ ในใจของท่านน่าจะรู้ดีกว่าหม่อมฉัน”เมื่อคืนฟู่เฉินหวนมิสามารถเค้นวิธีใช้เข็มทิศอาณัติสวรรค์จากนางได้ จึงส่งนา
ทั้งสองหันไปมองจึงเห็นเฉินชีที่แผ่รังสีอำมหิตเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้าเฉินชีมองลั่วฉิงด้วยสายตาเย็นชา “เจ้ากำลังทำอะไร?”ลั่วฉิงถอยหลังด้วยความตื่นตระหนก “ข้าสิต้องถามเจ้า เหตุใดจึงส่งกองทัพมากะทันหัน? นี่มิได้อยู่ในแผนของเรา และเจ้าก็มิได้บอกข้าล่วงหน้า”เฉินชีหรี่ตาลง “ข้าจะทำอะไรต้องรายงานเจ้าด้วยรึ? เจ้าเป็นใคร? กล้าดีอย่างไรมาขัดขวางข้า?”ลั่วฉิงรู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย นางรีบคว้าเข็มทิศอาณัติสวรรค์มาถือไว้ เพราะกลัวว่าของล้ำค่าที่ได้มาจะหายไป“เฉินชี! ข้าแค่ต้องการสิ่งที่เราตกลงกันไว้ตั้งแต่แรก!”เฉินชีมองลั่วชิงยวน ใบหน้าเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม ก่อนจะพุ่งเข้าไปบีบคอของลั่วฉิงแล้วต่อยเข้าที่หน้าอกของลั่วฉิงลั่วฉิงกระอักเลือด ร่างกระเด็นออกไปนอกหน้าต่างลั่วชิงยวนได้ยินเสียงร่างตกกระทบพื้นจากที่สูง จึงรู้ว่าที่นี่คือชั้นสองน่าจะเป็นโรงเตี๊ยมเฉินชีเดินไปที่หน้าต่าง มองลงไป เห็นเพียงร่างของลั่วฉิงวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนหายไปในฝูงชนเดิมทีเฉินชีอยากจะตามไป แต่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็มิได้ตามไปหากลั่วฉิงตาย ลั่วชิงยวนก็จะไม่มีภัยคุกคาม นางอาจจะมิยอมไปแคว้นหลีกับเขาเช่นนั
นางเอ่ยปากอย่างอ่อนแรง “ได้”ลั่วฉิงพยุงนางขึ้น แล้วโยนนางลงบนเก้าอี้ลั่วชิงยวนไร้เรี่ยวแรงจะพูด “ข้าต้องการสมุนไพร”มือทั้งสองข้างของนางวางอยู่บนที่วางแขน แท่งเหล็กยังคงปักอยู่ เลือดไหลอาบมิหยุด ขยับร่างกายมิได้เลยลั่วฉิงมองนางอย่างเย็นชา ก่อนจะกดมือของนางไว้แล้วดึงแท่งเหล็กออกอย่างรวดเร็ว“กรี๊ด”ลั่วชิงยวนร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดลั่วฉิงโน้มตัวลงมองนางด้วยสายตาเย็นชา “ก่อนหน้านี้เจ้ามิเคยกลัวความเจ็บปวดเช่นนี้ ลั่วเหลา”ลั่วชิงยวนตัวสั่น มองนางด้วยความตกใจ“นี่ก็เป็นสิ่งที่ฟู่เฉินหวนบอกเจ้าเช่นนั้นหรือ?” ลั่วชิงยวนรู้สึกทั้งโกรธและสิ้นหวังในใจลั่วฉิงนำยามาทำแผลให้พลางหัวเราะอย่างดูถูก “มินึกเลยว่านักบวชระดับสูงลั่วเหลาผู้มีพรสวรรค์มาตั้งแต่เด็ก ถูกอาจารย์เอ็นดูทะนุถนอมมาโดยตลอด สุดท้ายกลับพ่ายแพ้ให้กับบุรุษ”ในน้ำเสียงของลั่วฉิงแฝงไปด้วยความอิจฉาริษยาลั่วชิงยวนมองนางด้วยแววตาเย็นชา “ข้ากับเจ้ามิเคยมีเรื่องบาดหมางกันมิใช่หรือ”แววตาของลั่วฉิงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง มองนางอย่างเย็นชา “ในสายตาของเจ้า อาจจะไม่มีเรื่องบาดหมาง”“แต่สำหรับข้า เรื่องบาดหมางนั้นใหญ่หลวงนัก
“กรี๊ด” ลั่วชิงยวนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ได้แต่ขดตัวอยู่บนพื้น ตัวสั่นเทาด้วยความเจ็บปวดรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า แท่งเหล็กถูกแทงลึกลงไปอีก ความรู้สึกที่กระดูกถูกแยกออกจากกันนั้นทำให้เจ็บปวดจนอยากตาย“ดี ยังมิยอมบอกอีกใช่หรือไม่”ลั่วฉิงหยิบแท่งเหล็กอีกอันแทงเข้าไปในมืออีกข้างของลั่วชิงยวนอย่างแรงตลอดทั้งคืน ลั่วชิงยวนถูกทรมานจนเหมือนตายแล้วเกิดขึ้นใหม่ หลายครั้งที่สลบไปเพราะความเจ็บปวด แล้วก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดจนในที่สุด คอของนางก็แหบแห้งจนส่งเสียงร้องมิได้ด้วยซ้ำฟ้าสางแล้ว แสงแดดสาดส่องเข้ามา ลั่วชิงยวนนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นราวกับแอ่งโคลนเปียก มิขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อยเลือดเปรอะเปื้อนอาภรณ์ของนางจนเป็นสีแดงฉาน แสงแดดส่องกระทบกองเลือดจนเป็นประกาย......ตำหนักอ๋องมีเสียงคำรามด้วยความโกรธดังมาจากห้องตำรา“ยังไม่มีใครมารายงานข้าสักคน! รีบไปหา! ออกไปหาให้หมด!”ฟู่เฉินหวนโกรธจัด มึนหัวจนต้องเอามือยันโต๊ะไว้ถึงแม้จะนั่งลงเพื่อจัดการเรื่องต่าง ๆ แต่ก็ยังมิสามารถสงบสติอารมณ์ได้ ร้อนรุ่มใจยิ่งนักได้แต่หวังว่านางจะออกจากตำหนักไปเองจือเฉายังคงอยู่ที่หน้าประ
ในชั่วขณะนั้น นางเกือบจะคิดว่าตัวเองกำลังฝันไป เหตุใดนางจึงเห็นลั่วฉิงแต่คำพูดของลั่วฉิงในวินาทีต่อมา ทำให้นางรู้สึกราวกับตกอยู่ในหุบเหวลึก“แม้แต่ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการก็ยังจัดการคนดื้อรั้นเช่นเจ้ามิได้ ต้องให้ข้ามาเองเลยหรือ”ร่างของลั่วชิงยวนสั่นเทามิหยุด หนาวเหน็บจนแทบจะไร้ความรู้สึกน้ำตาที่ไหลอาบใบหน้าซีดเซียวหยดลงบนพื้นทีละหยดลั่วชิงยวนมองไปรอบ ๆ แล้วพบว่าที่นี่คือห้องห้องหนึ่งแต่มิใช่ในตำหนักอ๋อง“เหตุใดข้าจึงมาอยู่ที่นี่” นางจำได้ว่าหลังจากที่จือเฉาทายาให้แล้วนางก็หลับไปลั่วฉิงหัวเราะเบา ๆ “แน่นอนว่าฟู่เฉินหวนส่งเจ้ามาให้ข้า”“เขาเค้นคำตอบจากเจ้ามิได้ จึงต้องให้ข้ามาจัดการเอง”ได้ยินดังนั้น หัวใจของลั่วชิงยวนก็แตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ อีกครั้งเขายังคิดว่าตัวเองยังโหดร้ายมิพออีกหรือ จึงส่งนางให้ลั่วฉิงเช่นนี้นี่ต้องการทรมานนางจนตายจึงจะหายแค้นหรืออย่างไรลั่วฉิงหยิบกล่องใบหนึ่งมาเปิดออก ข้างในเต็มไปด้วยแท่งเหล็กขนาดเท่าหัวแม่มือแล้วกล่าวอย่างแผ่วเบา “เจ้าน่าจะรู้ว่าข้าต้องการอะไร”“หากตอนนี้เจ้าบอกวิธีใช้เข็มทิศอาณัติสวรรค์ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”“หากพลาดโอกาสนี้
ในวินาทีต่อมา องครักษ์ก็กรูกันเข้ามาลากลั่วชิงยวนออกไปที่ลานหลังจากกดนางลงกับพื้นก็ใช้หวายฟาดลงบนร่างของนางอย่างมิปรานีความเจ็บปวดแล่นริ้ว ลั่วชิงยวนจิกเล็บลงบนพื้นหิมะจนเป็นรอยลึกจือเฉากระโจนเข้ามาจากนอกลาน “หยุด! หยุด!”“ท่านอ๋อง เหตุใดจึงทำกับพระชายาเช่นนี้ พระชายาทำผิดอันใดหรือเพคะ!”“ท่านอ๋อง ขอได้โปรดปล่อยพระชายาเถิดเพคะ! ตั้งแต่เข้าเหมันตฤดู แผลบนร่างของพระชายาก็ยังมิหาย! หากโบยเช่นนี้ต่อไปคงจะสิ้นใจเป็นแน่เพคะ!”“ท่านอ๋องทรงพระกรุณาด้วยเพคะ!” จือเฉาโผเข้ากอดลั่วชิงยวนเพื่อรับหวายแทนแต่กลับถูกองครักษ์ดึงตัวออกไปจือเฉาร้องขอความเมตตาสุดเสียง แต่บุรุษที่ยืนอยู่ใต้ชายคากลับมีสีหน้าเรียบเฉย นัยน์ตาฉายแววเย็นชาไร้ซึ่งความอบอุ่น“พระชายา...” จือเฉาร้อนใจ แทบจะเป็นลมเพราะร้องไห้หนักลั่วชิงยวนเจ็บปวดจนแทบมิได้ยินเสียงของจือเฉา มีเพียงความเจ็บปวดมิรู้จบ ยาวนานราวกับไม่มีที่สิ้นสุดหลังจากที่ลั่วชิงยวนสลบไป ฟู่เฉินหวนจึงสั่งให้หยุดแล้วจากไปด้วยความโกรธจือเฉาโผเข้าหาลั่วชิงยวน เมื่อเอื้อมมือไปสัมผัสก็พบว่ามือเปื้อนไปด้วยเลือด นางรีบชักมือกลับมองเลือดที่ไหลนองเต็มพื
ฟู่เฉินหวนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา แววตาที่น่ารังเกียจนั้นทำให้หัวใจของลั่วชิงยวนเจ็บปวดราวกับถูกเข็มทิ่มแทงลั่วชิงยวนกัดฟันพลางกลั้นน้ำตาไว้ “ท่านมิได้บอกว่าจะเชื่อหม่อมฉันหรอกหรือเพคะ?”“หากหม่อมฉันบอกท่านทั้งหมด ท่านก็จะเชื่อหม่อมฉันมิใช่หรือเพคะ!”ฟู่เฉินหวนมีแววตาเย็นชา มองนางอย่างเฉยเมย “แต่เจ้าบอกข้าทั้งหมดแล้วหรือยังเล่า? เจ้ายังคงปิดบัง ยังคงหลอกลวง!”เสียงตำหนินั้นเต็มไปด้วยความโกรธทำให้หัวใจของลั่วชิงยวนแทบแตกสลาย“ฟู่เฉินหวน วันนี้ท่านมาก็เพื่อหลอกลวงหม่อมฉันอีกแล้วใช่หรือไม่”“จุดประสงค์สุดท้ายของท่านคือ หลอกล่อให้หม่อมฉันบอกวิธีใช้เข็มทิศอาณัติสวรรค์ เพราะลั่วฉิงใช้มันมิได้ ใช่หรือไม่!”ลั่วชิงยวนตะโกนด้วยความโกรธ“หม่อมฉันช่างโง่เขลาที่เชื่อใจท่าน บอกความลับทั้งหมดให้ท่านฟัง แต่ท่านก็หลอกลวงหม่อมฉันอีกครั้ง...”พูดไปน้ำตาของลั่วชิงยวนก็ไหลรินในเวลานี้ หัวใจของลั่วชิงยวนราวกับถูกควักออกมาผ่าเป็นสองซีกเจ็บปวดเจียนตายแต่ฟู่เฉินหวนกลับมิเปลี่ยนสีหน้า แววตายิ่งเย็นชาขึ้นเขาบีบคอของนางด้วยความโกรธ“ในเมื่อเจ้ารู้แล้ว ข้าก็ขี้เกียจเสแสร้งกับเจ้าแล้ว”“เข็มท