ฟู่อวิ๋นโจว!เหตุใดฟู่อวิ๋นโจวจึงอยู่ที่นี่?นางถูกฟู่เฉินหวนพาออกมา เขาคอยเฝ้าดูนางอยู่ตลอดหรือเปล่า?นางจ้องมองที่ตรอกต่อไป และฟู่เฉินหวนก็มองตามด้วยอยากรู้อยากเห็นเช่นเดียวกันเขาเห็นร่างของฟู่อวิ๋นโจวแต่เขาก็มิได้พูดอะไร แม้ว่าสีหน้าของเขาจะไม่พอใจก็ตาม“ข้าหนาว"น้ำเสียงของเขาเย็นชาลั่วชิงยวนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องปิดม่านลงเมื่อพิจารณาจากปฏิกิริยาของฟู่เฉินหวนแล้ว ดูเหมือนเขาจะไม่แปลกใจเลยว่าเหตุไฉนฟู่อวิ๋นโจวจึงมาที่นี่รถม้าหยุดลงที่หอฝูเสวี่ยลั่วชิงยวนเอ่ยว่า “สำหรับวันนี้ต้องขอบพระทัยท่านทั้งสองอย่างมาก ฟ้าใกล้สางแล้ว ท่านทั้งสองควรกลับไปพักผ่อนเพคะ”นางมิได้วางแผนที่จะเชิญพวกเขาเข้าไปด้านในแม่เล้าเฉินและคนอื่น ๆ ช่วยพยุงลั่วชิงยวนลงจากรถม้าอย่างรวดเร็วฟู่เฉินหวนพยักหน้าเบา ๆ เขาขอให้คนขับเลี้ยวรถม้ากลับก่อนที่ฟู่จิ่งหลีจะจากไป เขาเตือนนางว่า “แม่นางฝูเสวี่ย รีบเชิญหมอมาเร็ว ๆ เถอะ เรื่องอื่นหาอย่าได้ต้องกังวล ข้าจัดการให้เอง!”รถม้าเลี้ยวกลับและจากไป ลั่วชิงยวนเดินตามแม่เล้าเฉินเข้าหอฝูเสวี่ยไป“เร็วเข้า! รีบไปตามหมอมา” แม่เล้าเฉินประคองนางอย่างระม
ใต้เท้าเหอ ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องตกปากรับคำ แต่เขาพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ข้ายังมีหน้าที่ทางราชการต้องดูแล เช่นนั้นข้าจึงมิอาจดื่มเหล้าได้ ข้าจักดื่มเพียงชาถ้วยเดียวแล้วออกไป!”“ตกลง เอาเถอะ ดื่มชาสักถ้วยก็พอแล้ว!”ใต้เท้าเหอขึ้นไปชั้นบน ลั่วชิงยวนและแม่เล้าเฉินทั้งคู่เข้ามาในห้องแล้วปิดประตู“แม่นาง เจ้ามีแผนหรือไม่?” ใต้เท้าเหอถาม“ข้าอยากเห็นฝูจ้าว” ลั่วชิงยวนตอบอย่างตรงไปตรงมาเมื่อได้ยินสิ่งนี้ ใต้เท้าเหอก็ประหลาดใจเล็กน้อยลั่วชิงยวนกล่าวต่อ “ผู้อาวุโสเหอ ท่านต้องอธิบายต่อหน้าฝูจ้าวว่าข้าเป็นคนพิเศษเพียงใด วิธีที่ดีที่สุดคือดึงดูดความสนใจของฝูจ้าว และปล่อยให้เขามาหาข้าด้วยตัวเขาเอง”“ใต้เท้าเหอ โปรดบอกข้าเกี่ยวกับบุคลิกและนิสัยของฝูจ้าวด้วยเถิด”ใต้เท้าเหอพยักหน้าแล้วบอกทุกอย่างที่เขารู้เกี่ยวกับฝูจ้าวให้นางฟังลั่วชิงยวนฟังและจดบันทึกอย่างเงียบ ๆ จากนั้นนางก็พูดต่อว่า “นอกจากนี้ ยังมีอีกสิ่งหนึ่ง”“ข้าวางแผนที่จะแปลงเครื่องประดับทองเหล่านี้ให้เป็นเงินและใช้จ่ายออกไป เมื่อถึงยามนั้น ข้าต้องการให้ใต้เท้าเหอให้ความร่วมมือและอำนวยความสะดวกเมื่อถึงเวลา”ใต้เท้าเหอรู้ส
หัวใจของฟู่เฉินหวนเต้นรัวเมื่อเขาได้ยินสิ่งนี้ เขามองฟู่จิ่งหลีด้วยสายตาจริงจังทันทีก่อนจะเอ่ยอย่างจริงจัง “ภรรยาสหายมิอาจยุ่ง!”หลังจากพูดอย่างนั้นเขาก็หันหลังกลับและเดินจากไปเมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฟู่จิ่งหลีก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง “อะไรกัน? ท่านอยากตบแต่งกับนางในฐานะชายาจริง ๆ หรือ พวกตาแก่ในที่ว่าการพวกนั้นพูดอะไรอีก?”……ฝูเสวี่ยเปิดโรงทานและร่วมมือกับโรงหมอแห่งใหญ่หลายสิบแห่งในเมืองหลวง เพื่อจัดให้มีการรักษาเป็นเวลาเจ็ดวัน โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายสำหรับการรักษาพยาบาลและค่ายาข่าวนี้ยังสร้างความฮือฮาในที่ว่าการด้วยไม่มีผู้ใดกล้าพูดถึงทรัพย์สินเหล่านั้นอีกเนื่องจากเงินถูกใช้ไปหมดแล้ว และใช้ไปในลักษณะที่เที่ยงตรงยุติธรรม สมควรได้รับการยกย่อง!หากฝูเสวี่ยมีเจตนาแอบแฝง สิ่งที่แขวนอยู่คือชื่อของอ๋องผู้สำเร็จราชการและองค์ชายเจ็ด หากเกิดอะไรขึ้น จะมีผลกระทบต่ออ๋องผู้สำเร็จราชการและองค์ชายเจ็ดฝูเสวี่ยจะมิได้รับผลประโยชน์ใดเลย ทางการก็มิอาจหาเหตุผลใด ๆ มากล่าวหานางได้แต่นางไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยจริง ๆ หรือ? นั่นมิเป็นความจริงเช่นกันอย่างน้อยชื่อเสียงของหอฝูเสวี่ย ก็เป็นไปในทิศทางที่
เสียงของลิ่นฝูเสวี่ยดังขึ้นลั่วชิงยวนเลิกคิ้ว “รูปงามหรือ? มิงามเท่าฟู่เฉินหวนหรอก”“รูปลักษณ์ของอ๋องผู้สำเร็จราชการนั้นมิธรรมดาจริง ๆ แต่เขาเย็นชาเกินกว่าที่ข้าจักเข้าถึงได้”เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ลั่วชิงยวนก็ประหลาดใจ “เจ้าหมายความเยี่ยงไร คุณชายท่านนี้เข้าถึงได้ง่ายงั้นรึ? แต่เจ้าเห็นหรือไม่ หลังจากที่เขาเข้ามา เขามิยอมให้สตรีนางใดแตะต้องเขาเลย”ลิ่นฝูเสวี่ยหัวเราะเสียงดัง “เมื่อท่านมองบุรุษ ท่านมิอาจมองแค่รูปร่างหน้าตาของเขาเท่านั้น ท่านต้องมองตาของเขาด้วย เมื่ออ๋องผู้สำเร็จราชการมาที่หอฝูเสวี่ย แม้ว่าหอจะเต็มไปด้วยสตรีงดงามก็ตาม แต่สายตาของเขากลับว่างเปล่านัก”“เหมือนพระภิกษุผู้ไกลจากกิเลสและมิเห็นสตรีอยู่ในสายตาเลย”“ทว่าบุรุษผู้นี้อาจดูเหมือนเข้าถึงได้ยาก แต่สายตาที่เขาจ้องมองนางทั้งหลายมิอาจหลอกลวงผู้ใดได้ แม้เป็นพระภิกษุก็ยังเป็นภิกษุปลอมที่มิอาจหลุดพ้นกิเลสได้”ลั่วชิงยวนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ “ดูเหมือนบุรุษทั้งในใต้หล้าจักมีความคิดเช่นเดียวกันนี้!”“มันขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว ที่จะต้องพยายามดึงดูดความสนใจของคุณชายผู้นี้”เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ลิ่นฝูเสวี่ยก็ตกใจ “ข้าหรือ?
แต่ทว่า มีอีกร่างหนึ่งกระโดดขึ้นไปก่อนเขาจับลูกธนูด้วยมือเปล่าลั่วชิงยวนรู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นว่าฝูจ้าวเป็นผู้ที่คว้าลูกธนูได้เขาเป็นบุตรชายของเจ้ากรมกลาโหม ย่อมเก่งด้านการยิงธนู ตั้งแต่เด็ก เขาฝึกการสกัดกั้นลูกธนูด้วยมือเปล่าและยิงธนูมากว่าหลายร้อยครั้ง การแสดงนี้ถูกออกแบบมาเพื่อฝูจ้าวโดยเฉพาะเกิดความโกลาหลอันน่าตกใจไปทั่ว“พลังของลูกศรนี้ไม่ธรรมดาเลย คุณชายท่านนี้กล้าหาญนัก!”“เขาเก่งมาก!”เมื่อได้ยินเสียงอุทานของผู้คนรอบตัว ฝูจ้าวก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง เขาเลิกคิ้วเล็กน้อย ถือลูกศรไว้ในมือข้างหนึ่ง แล้วเดินไปหาลั่วชิงยวน“แม่นางฝูเสวี่ย” ฝูจ้าวยิ้มอย่างสุขุมแล้วยื่นลูกธนูไปข้างหน้าลั่วชิงยวนมองเขาด้วยแววตาลึกซึ้ง ก่อนจะค่อย ๆ หยิบลูกธนูที่เขามอบให้มาไว้ในมือ“แม่นาง เช่นนี้ท่านเรียกว่าจับลูกธนูได้หรือไม่?” ฝูจ้าวถามลั่วชิงยวนหัวเราะเบา ๆ หันกลับไปคว้าผ้าไหมผืนยาว กระโดดขึ้นไปที่ระเบียงทางเดินบนชั้นสองรูปร่างที่สง่างามราวกับเทพธิดา มิอาจทำให้ฝูจ้าวละสายตาได้เลยแววตาว่างเปล่าของเขาจ้องมองเป็นเวลานานในเวลานี้ แม่เล้าเฉินก้าวไปข้างหน้าและพูดด้วยรอยยิ้ม “ขอแสดง
“วันนี้ข้าเห็นแม่นางฝูเสวี่ยร่ายรำ ตัวข้าก็ตกหลุมรักเจ้าอย่างหัวปักหัวปำ”“ข้าเคยยินว่าองค์ชายเจ็ดได้มอบเครื่องประดับทองคำหนึ่งหมื่นชิ้นแก่เจ้า ข้าสงสัยว่าข้าจักสามารถชนะใจเจ้าได้หรือไม่? หากข้ามอบทองคำหนึ่งพันตำลึงให้?”ลั่วชิงยวนยกยิ้มมุมปาก “แน่นอน”“ทองคำเพียงหนึ่งพันตำลึง คุณชาย ท่านต้องการอะไรจากข้างั้นหรือ?”ปลากินเหยื่อแล้วฝูจ้าวไม่รีบเผยจุดประสงค์ของตัวเอง เขารู้ว่าเมื่อต้องรับมือกับสตรีที่มีเอกลักษณ์เช่นนี้ เขามิอาจใจร้อนได้ เขาต้องลงมืออย่างค่อยเป็นค่อยไป“ข้าขอเชิญแม่นางมาร่ายรำที่จวนของข้าได้หรือไหม?”ลั่วชิงยวนผงะไปชั่วครู่เมื่อเขาสังเกตเห็นว่านางตกใจ ฝูจ้าวก็รีบยิ้มออกมาและพูดว่า "หรือบางทีเจ้าอาจร่ายรำให้ข้าดูที่นี่เพียงผู้เดียวเป็นเวลาสิบวันเล่า?”ลั่วชิงยวนหัวเราะเบา ๆ “ตกลง”ฝูจ้าวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งนี้ และอดมิได้ที่จะเลิกคิ้วถามอย่างสงสัยว่า "เจ้าชอบเงินทองหรือไม่?”“ในใต้หล้านี้มีผู้ใดบ้างมิชอบเงินทอง แม้แต่ฝูเสวี่ยก็ด้วยเช่นกัน เช่นนั้นแล้วข้าทำให้คุณชายผิดหวังหรือไม่เจ้าคะ?”เมื่อฝูจ้าวได้ยินสิ่งนี้ เขาก็ยิ้มและพูดว่า “ไม่! ข้าเอง
ทันใดนั้น หัวใจของลั่วชิงยวนก็กระตุกวูบทันที และเต็มไปด้วยความโกรธทันทีนางหันกลับมาและจ้องมองเขาอย่างเดือดดาล “ออกไป!”แม่เล้าเฉินเดินผ่านมา นางได้ยินเสียงโกลาหลจากด้านในห้อง จึงเดินไปที่ประตูแล้วถามว่า “แม่นาง เกิดกระไรขึ้น?”“มีคนบุกเข้ามาในห้องของข้าโดยมิได้รับอนุญาต ส่งเขาออกไป!” เสียงของลั่วชิงยวนสั่น นางพยายามระงับความโกรธ เมื่อแม่เล้าเฉินได้ยินเช่นนั้น นางจึงรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันที ขณะนี้ที่นางกำลังพาบุรุษผู้นั้นออกไป นางก็พบว่าบุรุษผู้นั้นคืออ๋องผู้สำเร็จราชการนางสะดุ้งเฮือก “ท่านอ๋อง นี่คือห้องของแม่นางฝูเสวี่ย แขกมิได้รับอนุญาตให้เข้ามาในนี้ ท่านควรรอข้างนอกเพคะ” นางกล่าวพร้อมเชิญชวนบุคคลนั้นออกไปอย่างสุภาพฟู่เฉินหวนระงับความโกรธของตน และเดินจากไปทันทีที่ฟู่เฉินหวนจากไป ลั่วชิงยวนก็ทุบโต๊ะทันทีทันใดนั้น ในลำคอของนางก็เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดดวงตาของนางเปลี่ยนเป็นสีแดง นางพยายามระงับอาการเหล่านั้นลงลิ่นฝูเสวี่ยพูดอย่างลำบากใจ “เจ้าเด็กน้อย ถูกเขาเข้าใจผิดอีกแล้ว”“ท่านมิได้อธิบายให้เขาฟังอย่างชัดเจนเช่นนั้นหรือ?”ลั่วชิงยวนพูดอย่างเย็นชา “มีอะไรต้องอธิบายอี
“หากเช่นนั้น ข้าจักไปหาลี่เซียงแล้วถามให้ชัดเจน!”ดวงตาของลั่วชิงยวนเย็นชาเล็กน้อย นางเอ่ยอย่างแผ่วเบา “หาอย่าได้กังวลไป หากนางอับจนหนทางจริง แค่รอให้นางมาหาข้าก็เท่านั้น”วันรุ่งขึ้นก็มีคนส่งจดหมายลับมาไม่รู้ว่าผู้ใดส่งมา แต่มันถูกเขียนไว้ว่า ‘แม่นางฝูเสวี่ย’ลั่วชิงยวนเปิดจดหมายข้อความบอกว่า: เจ้าอยากรู้หรือไม่ว่าในตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นที่หอสมุทรมรกต คืนนี้ เจอกันที่หอร่ำเมลัย เวลาสามทุ่มครึ่ง ลั่วชิงยวนเลิกคิ้ว คืนนี้อย่างนั้นหรือ?นางไม่ได้พาลิ่นฝูเสวี่ยไปด้วย เพราะกลัวว่านางจะควบคุมอารมณ์ของตนเองไม่ได้และแผนการของนางจะทลายลงเช่นนั้นนางจึงไปที่หอร่ำเมลัย เพียงลำพังนางรับใช้พานางเข้าไปในห้อง ท่านอาฉินกำลังนั่งรออยู่ก่อนแล้ว“หลังจากรอคอยมานาน ในที่สุดเจ้าก็มาถึงเสียที” ท่านอาฉินพูดพร้อมกับรินสุราสองจอก นางยกสุราจอกหนึ่งดื่มทันทีลั่วชิงยวนก้าวไปข้างหน้า นางนั่งลงแล้วพูดอย่างเย็นชา “อย่ามาเล่นลิ้น บอกความจริงกับข้ามา”ท่านอาฉินเหลือบมองจองสุราตรงหน้านาง “เจ้ามิอยากดื่มรึ?”“ท้ายที่สุดแล้ว วันนี้ข้ามิได้มาที่นี่เพื่อทะเลาะหรือต่อสู้กับเจ้า”ลั่วชิงยวนเหลือบมองจองสุร
อวี๋โหรวก็ประหลาดใจ นางมิคาดคิดว่าลั่วชิงยวนจะล่วงรู้ความคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของนาง อีกทั้งยังไปเอาเรื่องจั๋วฉ่างตงเพื่อนางและทำร้ายจั๋วฉ่างตงจนอยู่ในสภาพเช่นนั้นการกระทำของนางคล้ายคลึงกับลั่วเหลาในสมัยก่อนยิ่งนักนางชอบใจมาก“กินยาเสีย” ลั่วชิงยวนรินยาให้อวี๋โหรวเดินเข้าไปดมแล้วก็รู้สึกประหลาดใจ “ในนี้มีบัวถวายผสมด้วยหรือ?”“เจ้ากินไปเถิด”“อาการบาดเจ็บของเจ้าน่าจะทุเลาลงเพราะยานี้”ลั่วชิงยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “อาการบาดเจ็บภายในของเจ้าก็มิได้ดีไปกว่าข้าหรอก รีบกินเสีย”อวี๋โหรวจำต้องยอมดื่มยานั้นลั่วชิงยวนนั่งลงข้าง ๆ รินน้ำชาหนึ่งถ้วย แล้วกล่าวว่า “ต่อไปจั๋วฉ่างตงจะต้องหาเรื่องเจ้าอีกเป็นแน่ เจ้าจะปิดบังตนเองอีกมิได้”“ในเมื่อฝีมือของเจ้าทำให้จั๋วฉ่างตงริษยาได้ เช่นนั้นก็อย่าได้เกรงใจนาง!”“ส่วนทางด้านนักบวชระดับสูง ข้าคิดว่านางคงจะให้ความสำคัญกับผู้ที่มีความสามารถ มิใช่ผู้ที่ประจบสอพลอ”นี่คือความเข้าใจที่ลั่วชิงยวนมีต่อเวินซินถงจั๋วฉ่างตงสามารถเป็นคนสนิทข้างกายของนางได้ ย่อมเป็นเพราะจั๋วฉ่างตงมีฝีมือที่แข็งแกร่งในสำนักนักบวช มิใช่เพราะจั๋วฉ่างตงประจบสอพลอเก่
ลั่วชิงยวนคว้าตัวจั๋วฉ่างตง “คุกเข่าลง! ขอโทษ! รับปากด้วยว่าจะมิรังแกนางอีก!”เมื่อเสียงอันดุดันดังขึ้น ทุกคนต่างตกตะลึงจั๋วฉ่างตงมีหรือจะยินยอม ดวงตาแดงก่ำของนางจ้องมองลั่วชิงยวนอย่างเดือดดาล “สารเลว!”เพียะ!ลั่วชิงยวนตบหน้านางอย่างมิปรานี“ข้ามิรังเกียจที่จะตบเจ้าจนกว่าจะยอม”“ยามนี้ตบหน้ายังทนได้ หากบีบให้ข้าใช้ท่วงท่าอื่น ระวังวรยุทธ์ของเจ้าจะไร้ค่า!”ลั่วชิงยวนข่มขู่ด้วยน้ำเสียงเย็นชาจั๋วฉ่างตงกัดริมฝีปากล่างด้วยความโกรธแค้นและอัปยศอดสูเดิมทีนางเป็นหญิงสาวที่หน้าตางดงาม ทว่ายามนี้กลับถูกลั่วชิงยวนทำร้ายจนยับเยิน แทบจะจำเค้าเดิมมิได้“ข้ามิได้มีความอดทนมากนัก เร็วเข้า!”ยามนี้มีผู้คนมากมายได้ยินเสียงอึกทึกจึงมามุงดูเหตุการณ์น่าตื่นเต้นรวมตัวกันอยู่หน้าประตูเรือนพลางกระซิบกระซาบกัน“ลั่วชิงยวนผู้นี้ช่างกล้าหาญนัก”“จั๋วฉ่างตงไปยั่วโมโหนางอีกแล้วหรือ?”เมื่อได้ยินเสียงจากภายนอก จั๋วฉ่างตงก็แทบจะหลั่งน้ำตา มีผู้คนมากมายมองดูอยู่ นางกลับต้องคุกเข่าขอโทษอวี๋โหรว!ขณะที่ลั่วชิงยวนหมดความอดทนและกำลังจะลงมือจั๋วฉ่างตงก็กลั้นน้ำตาไว้พลางคุกเข่าลง ตรงหน้าอวี๋โหรวอว
จั๋วฉ่างตงเดินออกมาจากห้องนัยน์ตาของลั่วชิงยวนฉายแววมุ่งสังหาร “ที่แท้เจ้าก็มิใช่เต่าหดหัวในกระดองนี่”จั๋วฉ่างตงจ้องมองนางด้วยสีหน้าดุดัน แล้วเดินลงมาอย่างช้า ๆ “ลั่วชิงยวน ข้าขอเตือนให้เจ้าสำรวมตนเสียบ้าง!”กล่าวพลางกวาดสายตามองไปยังคนที่นอนกองอยู่บนพื้น แล้วตวาดเสียงดัง “ปล่อยพวกเขา!”ลั่วชิงยวนบุกเข้ามาทำร้ายคนถึงเรือนของนาง นี่มิใช่การตบหน้านางต่อหน้าธารกำนัลหรอกหรือ!แม้จะพ่ายแพ้ให้แก่ลั่วชิงยวนที่หอรักษ์ดารา แต่ก็มิได้หมายความว่านางจะต้องหวาดกลัวลั่วชิงยวน!ลั่วชิงยวนเตะไปที่คนเหล่านั้น แล้วยอมปล่อยพวกเขาให้เป็นอิสระคนเหล่านั้นกลิ้งตัวลงบนพื้นทีละคนก่อนจะรีบลุกขึ้นยืนอย่างลนลาน หมายจะหลบไปอยู่ด้านหลังจั๋วฉ่างตงทว่าในเวลานี้เอง ริมฝีปากของลั่วชิงยวนก็ยกยิ้มเย็นเยียบ กระโจนเข้าหาจั๋วฉ่างตงอย่างรวดเร็วแล้วใช้มือคว้าจับที่คอเสื้อของนางจั๋วฉ่างตงขัดขืนโดยสัญชาตญาณ แต่นางได้รับบาดเจ็บ จะเป็นสู้ลั่วชิงยวนได้อย่างไรทันใดนั้นก็ถูกลั่วชิงยวนเหวี่ยงลงกับพื้น แล้วตบหน้าอย่างแรงจนผมเผ้าของจั๋วฉ่างตงยุ่งเหยิงขณะที่ตั้งตัวมิทันเสียงฝ่ามือกระทบใบหน้านั้นหนักแน่น เสียงดังสนั
“ดังนั้น...”“เรื่องเช่นนี้มิได้เกิดขึ้นเพียงครั้งหรือสองครั้ง”“นักบวชระดับสูงไว้วางใจนาง ข้าก็ทำได้เพียงทนรับมือ เมื่อก่อนยังพอขัดขืนได้บ้าง แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้าก็เลิกขัดขืนเพราะเสียแรงเปล่า”น้ำเสียงของอวี๋โหรวราบเรียบ ทว่าลั่วชิงยวนได้ฟังแล้วกลับรู้สึกหดหู่ใจ“เป็นเช่นนี้มานานแล้วหรือ? กี่ปีแล้ว?”หรือว่าในตอนที่นางยังอยู่ อวี๋โหรวต้องทนทุกข์ทรมานกับเรื่องเหล่านี้?อวี๋โหรวกลับส่ายหน้า “ข้าก็จำมิได้แล้วว่ากี่ปี”“อาจารย์ของข้าจากไปเสียนานแล้ว ไม่มีผู้ใดคอยช่วยเหลือข้า”“ดังนั้นข้าจึงต้องใช้บัวถวายรักษาอาการบาดเจ็บมาตลอด เพียงแต่ช่วงนี้หาซื้อมิได้แล้ว ข้าจึงเหลือเพียงดอกสุดท้าย”เมื่อลั่วชิงยวนได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกปวดร้าวใจหลายปีมานี้ นางมิเคยสังเกตเห็นความทุกข์ทรมานของอวี๋โหรวเลยเพราะอวี๋โหรวมิเคยปริปากบอกผู้ใด ในสถานที่ที่คนอ่อนแอต้องพ่ายแพ้แก่ผู้แข็งแกร่งเช่นนี้ ดูเหมือนนางจะรู้ดีว่าบอกผู้ใดไปก็ไร้ประโยชน์หลายปีมานี้นางอดทนมาได้อย่างไรก็มิอาจรู้ได้“จั๋วฉ่างตงบาดเจ็บอยู่แท้ ๆ ยังอุตส่าห์มาหาเรื่องเจ้าอีก ข้าว่านางคงเบื่อหน่ายการมีชีวิตเต็มทีแล้ว”แววตาของลั่
ชายหลายคนก้าวเข้ามารุมทำร้ายอวี๋โหรวในทันทีจั๋วฉ่างตงเปิดกล่องใบหนึ่งออก หมอกดำทมิฬพลันลอยออกมาแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “เจ้ายังกล้าสอดมือเข้ามายุ่งเรื่องของลั่วชิงยวนอีก เห็นทีจะยังมีเรี่ยวแรงอยู่ ข้าคงทรมานเจ้ายังมิพอ”“วันนี้เจ้าจงลิ้มรสภูตผีร้ายแห่งหุบเขาฝังศพให้สาสม”จั๋วฉ่างตงใช้ยันต์แผ่นหนึ่งควบคุมหมอกดำทมิฬให้รวมตัวกันกลางอากาศ แล้วพุ่งเข้าโจมตีอวี๋โหรวอย่างรุนแรงอวี๋โหรวกำลังต้านทานการโจมตีของบุรุษเหล่านั้นอยู่ในชั่วขณะต่อมา หมอกดำทมิฬก็พุ่งเข้าใส่ กระแทกเข้าที่ท้องของนางราวกับจะฉีกร่างนางออกเป็นชิ้น ๆ ความเจ็บปวดรุนแรงแล่นปราดเข้าจู่โจมหมอกดำทมิฬนั้นทะลุผ่านร่างของนางไปอวี๋โหรวร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ล้มลงกระแทกพื้นอย่างแรง เจ็บปวดจนร่างกายสั่นเทา มิอาจลุกขึ้นได้บุรุษเหล่านั้นจับแขนของนางแล้วกระชากให้นางลุกขึ้นหมอกดำทมิฬนั้นพุ่งเข้ากระแทกท้องของนางอีกครั้ง แล้วทะลุผ่านไปอย่างรุนแรงอวัยวะภายในสั่นสะท้านก่อให้เกิดความเจ็บปวดรุนแรง ทำให้อวี๋โหรวสั่นไปทั้งร่าง เจ็บปวดจนริมฝีปากสั่นระริก ใบหน้าซีดเผือดนางไม่มีเรี่ยวแรงที่จะตอบโต้ได้เลยเป็นเช่นนี้ซ้
นางมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความมิพอใจนางเป็นถึงองค์หญิง ความรักของนางนั้นสูงส่งยิ่งนัก เฉินชีควรจะคุกเข่ารับมันไว้ แต่น่าเสียดายที่เขาปฏิเสธนางอย่างเย็นชา! มิหนำซ้ำยังทำให้นางอับอายขายหน้าอีกด้วย!นางมิพอใจและมิเต็มใจอย่างยิ่งเฉินชียิ่งเป็นแบบนี้ นางก็ยิ่งอยากเอาชนะเขาให้ได้!เฉินชีมองนางด้วยความประหลาดใจ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจแต่เขาก็ยังคงแย่งกระบี่ในมือเกาเหมียวเหมี่ยวมา แล้วกดศีรษะของนางลง ก่อนจะจุมพิตลงบนริมฝีปากของนางอย่างมิลังเลหัวใจของเกาเหมียวเหมี่ยวเต้นแรงราวกับจะกระโดดออกมาจากอกของนางจูบของเฉินชีนั้นเร่าร้อนและรุนแรงอย่างมิอาจต้านทานได้เกาเหมียวเหมี่ยวถูกจูบจนหมดแรง แทบจะทรุดตัวลงแต่ในขณะที่นางคิดว่าเฉินชีจะทำอะไรต่อไป เฉินชีกลับผลักนางออกอย่างแรงไร้ซึ่งความปรานีก่อนเดินจากไปอย่างสง่างามโดยมิแม้แต่จะหันมามองนางด้วยซ้ำเกาเหมียวเหมี่ยวล้มลงนั่งกับพื้นพลางมองแผ่นหลังของเฉินชีด้วยความตกตะลึงเสียงเย็นชาของเฉินชีดังขึ้นว่า “สิ่งที่ท่านให้ข้าทำ ข้าทำแล้ว เรื่องนี้จบแค่นี้”“หากท่านยังคงใช้เรื่องนี้มาขู่ข้าอีก ข้าจะมิเกรงใจท่านแน่”เฉินชีเดิ
ลั่วชิงยวนมองอวี๋โหรวด้วยความประหลาดใจ อวี๋โหรวกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “คราวก่อนเจ้ามิได้ถามข้าหรอกหรือว่ามีสิ่งนี้หรือไม่ นี่เป็นดอกสุดท้ายที่ข้าเหลืออยู่”“คราวนี้เจ้าถูกฮองเฮาทำร้ายบาดเจ็บสาหัส ข้าคิดว่าเจ้าย่อมต้องการสิ่งนี้เป็นแน่ จึงได้นำมาให้”ลั่วชิงยวนได้ฟังก็รู้สึกตื้นตันใจยิ่งนัก นางมิคาดคิดว่าอวี๋โหรวจะมอบสิ่งนี้แก่นางด้วยว่ายามนี้ ต่อให้หาทั่วทั้งเมืองหลวงก็หาสิ่งนี้มิได้แล้ว“ขอบคุณ” ลั่วชิงยวนกล่าวอย่างซาบซึ้งใจยามนี้นางต้องการสิ่งนี้ยิ่งนัก“มิต้องเกรงใจ” อวี๋โหรวแย้มยิ้มจากนั้นทั้งสองก็เข้าวังไปด้วยกัน กลับไปยังที่พำนักของสำนักนักบวชของพวกนางการใช้บัวถวายนั้นจำต้องใช้สมุนไพรอื่นร่วมด้วย อวี๋โหรวจึงไปยังคลังโอสถเพื่อนำสมุนไพรมามากมายลั่วชิงยวนจึงก่อไฟต้มยาในลานหลังจากกินยาเข้าไป ลั่วชิงยวนก็รู้สึกถึงกระแสความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วร่างสิ่งนี้มีสรรพคุณหลักในการรักษาบาดแผลภายในและฟื้นฟูลมปราณ แต่เมื่อบาดแผลภายในหายดีแล้วย่อมส่งผลดีต่อบาดแผลภายนอกด้วยเช่นกันอวี๋โหรวเห็นว่าหลังจากนางกินยาแล้วสีหน้าของนางก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด“ดูเหมือนว่ายานี้จะได้ผลดีกับเจ้าย
นางจ้องมองไปยังเฉินชีพลางเอ่ยว่า “โอสถนี้ก็แค่บำรุงรักษาร่างกายทั่วไป มิได้มีผลอะไรต่อข้าในยามนี้”เฉินชีกลับกล่าวตอบ “ร่างกายของเจ้าในยามนี้มิอาจกินยาแรงได้ ตำรับยานี้สามารถรักษาบาดแผลภายนอกของเจ้าได้”ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วมุ่นมองเขา “แต่ยามนี้ข้าต้องการโอสถรักษาบาดแผลภายใน”“โอสถของเจ้าเพียงรักษาที่ปลายเหตุ มิได้รักษาที่ต้นเหตุ!” เฉินชียังคงยืนกรานในความคิดของตน “วางใจเถิดอาเหลา โอสถที่ข้าให้เจ้ากินนั้นย่อมเหมาะสมแก่เจ้าที่สุด”“เจ้าพักผ่อนให้ดี ข้ายังต้องเข้าวังไปอีกครั้ง”“เรื่องของเกาเหมียวเหมี่ยวยังมิได้สะสาง”“เจ้าพักอยู่ที่นี่ให้สบายใจ ไม่มีผู้ใดกล้าทำร้ายเจ้าหรอก”กล่าวจบ เฉินชีก็จากไปอีกทั้งยังจัดแจงให้คนมาส่งโอสถแก่ลั่วชิงยวนด้วยลั่วชิงยวนพักรักษาตัวอยู่ที่เรือนของเฉินชีสองวันแล้ว ทุกวันจะมีนางรับใช้มาเปลี่ยนผ้าพันแผลและเสื้อผ้าให้ตรงเวลาโอสถที่นำมาให้ก็ล้วนเป็นไปตามตำรับของเฉินชีทว่าลั่วชิงยวนรู้ซึ้งถึงอาการของตนดีว่า ร่างกายของตนนั้นจำต้องได้รับการรักษาด้วยโอสถใดตำรับยาของเฉินชีนั้นเป็นเพียงยาบำรุงร่างกายและให้สารอาหารแก่ร่างกายนี้ แต่การบำรุงเพียงอย่างเดีย
ขณะพูด เฉินชีก็รีบหยิบขวดโอสถขวดหนึ่งออกมา พลางเทโอสถลูกกลอนหนึ่งเม็ดส่งให้ลั่วชิงยวนกินมันสามารถปกป้องหัวใจของนางได้รถม้าโคลงเคลงไปตลอดทาง เร่งมุ่งหน้าไปยังจวนของเฉินซีอย่างรวดเร็วหลานจีได้ยินเสียงจึงเดินมาที่ลาน นางสงสัยมากว่ามีเรื่องอะไรที่ทำให้ท่านแม่ทัพต้องรีบร้อนออกไปอย่างกะทันหันทว่านางกลับเห็นเฉินชีลงจากรถม้าพร้อมกับอุ้มลั่วชิงยวนที่ได้รับบาดเจ็บ“ท่านแม่ทัพ… นางคือ...” หลานจีรีบสาวเท้าเข้ามาแต่นางกลับถูกเฉินชีผลักออกไปอย่างไร้ความเมตตา “อย่ามาขวางข้า!”หลานจีต้องถอยหลังไปสองก้าวถึงจะทรงตัวไว้ได้เมื่อได้สติ เฉินชีก็เดินไปไกลพร้อมกับสตรีในอ้อมแขนแล้วหลานจีตกตะลึงเหตุใดท่านแม่ทัพถึงต้องเป็นห่วงสตรีนางนั้นถึงเพียงนี้?นางเป็นใครกัน?หลานจีเกิดอาการตื่นตระหนกขึ้นมาอย่างกะทันหันนางตามไปดูด้วยความมิพอใจเฉินชีอุ้มลั่วชิงยวนเข้ามาที่ห้องของตน เขาวางนางลงบนเตียงแล้วเรียกนางรับใช้มาเปลี่ยนอาภรณ์ให้ลั่วชิงยวนนางรับใช้พากันสาละวนเข้า ๆ ออก ๆ เรือนกันยกใหญ่ยามนี้หลั่วชิงยวนหลับไปแล้วจากนั้นเฉินชีก็ออกจากห้องไป และมิรู้ว่าเขาไปที่ใดหลังจากที่นางรับใช้เปลี่ยนอา