โลกใบนี้มักจะเปิดกว้างให้แก่บุรุษเสมอมา อย่างมากบุรุษที่แสวงหาความสำราญนอกบ้านก็ลงเอยด้วยชื่อเสียงฉาวโฉ่ ทว่าหากฮูหยินที่บ้านโดนผู้ใดสักคนล่อลวงและคบชู้กับคนนอก กลับเป็นความผิดอันมิอาจอภัยได้และจำต้องถูกฝังทั้งเป็นโดยมิสนวิธีการ กิจการหอนางโลมหามีอันใดมากไปกว่าการให้แม่นางทั้งหลายพยายามหว่านเสน่ห์ แต่หากพวกเขาส่งบุรุษมาล่อลวงฮูหยินของผู้ใดสักคนและเจตนาใช้เป็นข้ออ้างในการคบชู้ ก็เท่ากับว่าพวกเขากำลังตั้งใจสังหารคน! ท่ามกลางบุรุษที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ จะมีผู้ใดทนรับความอัปยศอดสูจากการถูกภรรยานอกใจได้เล่า? ทันทีทีลั่วชิงยวนเอ่ยวาจาออกมา ทั่วทั้งหอนางโลมต่างระเบิดอารมณ์ออกมาทันที “ว่ากระไรนะ? มีวิธีน่ารังเกียจเช่นนั้นด้วยรึ?!” “ช่างไร้เหตุผลสิ้นดี! ดำเนินกิจการเช่นนี้ช่างไร้ศีลธรรมอย่างถึงที่สุดจริง ๆ!” บุรุษทุกคนที่มีครอบครัวต่างโกรธจัด ท่านอาฉินที่ยืนอยู่บนชั้นสอง สีหน้าซีดเผือดพลางร้องตะโกนเสียงเคร่งว่า “อย่าได้ฟังนางพูดเหลวไหล! รีบจับตัวนางไว้สิ!” วันนี้คงมิอาจปล่อยนังแพศยาผู้นี้ไปง่าย ๆ เสียแล้ว! เหล่าผู้คุ้มกันต่างพุ่งเข้ามาหาอีกครั้ง ลั่วชิงยวนถูกล้อมจากทั่วทุก
ลั่วชิงยวนรู้สึกประหลาดใจแล้วถามว่า “เขาตายได้อย่างไรกัน?” “เขาถูกน้ำตาเทียนลวกทั้งเป็นน่ะสิ!” ซ่งเชียนฉู่โน้มตัวมากระซิบข้างหู เมื่อลั่วชิงยวนได้ยินเช่นนี้เข้าก็ตกตะลึง “ว่ากระไรนะ?” ซ่งเชียนฉู่กล่าวว่า “ข้ามิเอาเรื่องเช่นนี้มาโกหกท่านหรอก ท่านคงได้ยินเรื่องนั้นตามท้องถนนได้มิยากเลย เรื่องมันยาวทีเดียว” “คนแซ่สวี่เองก็ตายเหมือนกัน มิหนำซ้ำมือทั้งสองข้างก็โดนตัด ช่างน่าสยดสยองยิ่งนัก!” ลั่วชิงยวนตกตะลึงขึ้นมาทันที แซ่สวี่หรือ? หรือว่าจะเป็นนายกองสวี่? “ประเด็นสำคัญก็คือท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการบอกต่อหน้าคนแซ่สวี่ว่า กล้าแตะต้องสตรีของข้า นี่ก็คือผลที่ตามมา ต่างหากเล่า” “ยามนี้ข่าวแพร่สะพัดไปเกือบทั้งเมืองหลวงแล้วว่า ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการหลงรักนางรำแห่งหอนางโลมนางหนึ่ง!” “ช่างน่าเหลือเชื่อจริง ๆ” ซ่งเชียนฉู่ทอดถอนใจกับตนเอง จิตใจของลั่วชิงยวนบังเกิดความปั่นป่วน ทว่าก็คงอยู่เพียงชั่วขณะก่อนที่นางจะสงบนิ่งอีกครั้ง สิ่งสุดท้ายที่นางควรจะเชื่อให้น้อยที่สุดก็คือ วาจาของฟู่เฉินหวน บางทีอาจเป็นเพราะหน้าฉากที่เขาแสดงต่อหน้าผู้อื่น หรืออาจจะมีเหตุผลหรือแรงจูงใจอื่นใด
“ส่วนเรื่องที่เจ้าคิดกระทำอันใดก็สุดแท้แต่เจ้า ข้ามิใช่คนจำพวกที่จะก้าวก่ายเรื่องของผู้อื่น” “ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่ข้ามอบให้แล้วไม่มีทางเอากลับคืนเป็นอันขาด!” เมื่อฟู่จิ่งหลีทราบเรื่องที่เกิดขึ้นในจวนตระกูลหลิว เขาเองก็รู้สึกเสียใจแทนแม่นางฝูเสวี่ย แต่เขาก็เข้าใจว่าเสด็จพี่สามเป็นห่วงเรื่องแคว้นบ้านเมือง อย่างไรเสียเขาก็ได้ยินมาว่าหลิวหม่านลอบโยกย้ายเงินบรรเทาทุกข์บางส่วน หากเสด็จพี่สามลงมือช้ากว่านี้อีกสักวันก็คงจะสายเกินไป นั่นก็คือสาเหตุที่ทำให้เขาคิดจะอธิบายเรื่องราวต่าง ๆ แทนเสด็จพี่สาม “ขอบพระทัยที่เข้าใจเพคะ องค์ชายเจ็ด” ลั่วชิงยวนผงกศีรษะเล็กน้อย “แม่นางฝูเสวี่ย ไฉนเจ้าต้องเกรงใจข้าถึงเพียงนั้นด้วย?” ฟู่จิ่งหลียิ้มให้ “จริงด้วยสิ วันนี้ข้าได้ยินมาว่าเจ้าก่อเรื่องวุ่นวายใหญ่โตในหอเจาเซียง ข้าต้องชื่นชมในความใจกล้าบ้าบิ่นของแม่นางฝูเสวี่ยจริง ๆ! หอเจาเซียงแห่งนั้นใช่ว่าผู้ใดจะเข้าไปข้องแวะได้หรอกนะ!” “แม่นางฝูเสวี่ย เจ้าควรจะระวังตัวให้ดี” ฟู่จิ่งหลีเอ่ยเตือนสติ แววตาของลั่วชิงยวนแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา นางเคยตกหลุมพรางของท่านอาฉินผู้นั้นมาหนหนึ่งแล้ว นางย่อมไม่
ลั่วชิงยวนถูกนำตัวไปขังคุกยังคุกหลวง ในฐานะผู้กระทำความผิดร้ายแรง บรรยากาศภายในคุกทั้งมืดและชื้น ทำให้ลั่วชิงยวนรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก ประตูห้องขังถูกล็อกและเสียงฝีเท้าก็ค่อย ๆ หายไป ความเงียบงันเข้าปกคลุมหัวใจของลั่วชิงยวนทันทีนางสงบสติอารมณ์นั่งลงบนกองฟางเครื่องประดับทองคำเหล่านั้นถูกเก็บรักษาเป็นอย่างดีและมิได้ถูกปรับเปลี่ยนไปแต่อย่างใด สิ่งเหล่านั้นล้วนแต่เป็นของกำนัลที่องค์ชายเจ็ดมอบให้ ตราบใดที่องค์ชายเจ็ดได้ของทุกชิ้นมาอย่างถูกต้อง นางก็จะไม่เป็นอะไรแต่นางยังต้องการให้องค์ชายเจ็ดเป็นพยานให้นางด้วยขณะที่นางครุ่นคิดอยู่นั้น ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงันจากนั้นร่างที่สวมเสื้อคลุมสีดำก็ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตูห้องขังทันทีที่หมวกคลุมสีดำถูกยกขึ้น ใบหน้าของท่านอาฉินก็ปรากฏให้เห็นลั่วชิงยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย ท่านอาฉินผู้นี้มิธรรมดาเลย นางสามารถเข้านอกออกในคุกใต้ดินได้อย่างอิสระ“แม่นางฝูเสวี่ยดูใจเย็นมาก เจ้าคงกำลังรอองค์ชายเจ็ดอยู่กระมัง?” ท่านอาฉินยกยิ้ม“น่าเสียดายที่ในขณะนี้ องค์ชายเจ็ดและอ๋องผู้สำเร็จราชการ พวกเขาทั้งคู่ยังคงอยู่ในวัง องค์ชายเจ็ดเองก็ม
“ช่วย… ช่วยด้วย...” ท่านอาฉินพยายามดิ้นรนอย่างสิ้นหวัง นางยกขาขึ้นแล้วเตะประตูห้องขังเพื่อดิ้นรน แต่มือของลั่วชิงยวนกลับบีบคอนางไว้แน่น มือนั้นซีดขาวจากการออกแรง ทำให้ดูน่ากลัวยิ่งกว่าเดิมเสียอีกท้ายที่สุด ผู้คุมขังก็รีบเข้ามาช่วยท่านอาฉินจากลั่วชิงยวนได้ทันท่านอาฉินที่ได้รับการช่วยเหลือแล้วล้มลงกับพื้น นางหอบหายใจแรง เมื่อเงยหน้าขึ้นมองคนที่ประตูห้องขัง จิตใจของนางก็เต็มไปด้วยชื่อลี่เซียงและร่างของลิ่นฝูเสวี่ยนางพยายามตั้งสติเพื่อสงบอารมณ์ ปกปิดความกลัว และจ้องมองไปยังลั่วชิงยวน“ดูเหมือนเจ้าจะเป็นพวกมิเห็นโลงศพมิหลั่งน้ำตากระมัง?! โม่เซียนอวี้ได้ร้องทุกข์กับองค์จักรพรรดิแล้วว่าเจ้าเข้าหาองค์ชายเจ็ดและได้รับทรัพย์สมบัติของราชวงศ์ไปมากกว่าสามแสนตำลึงอย่างมิชอบ เรื่องนั้นเล่าลือไปทั่วทั้งศาล!”“อ๋องผู้สำเร็จราชการกังวลใจอย่างยิ่งหวังเพียงจะปกป้ององค์ชายเจ็ดให้ได้ เจ้าคิดว่าเขาจะยังห่วงใยชีวิตและความตายของเจ้าอีกหรือ?”“จะไม่มีผู้ได้มาช่วยเจ้าได้แน่!”“หากเจ้าละทิ้งโอกาสที่ข้ามอบให้ เช่นนั้นก็นอนรอความตายอยู่ที่นี่เถอะ!”หลังจากที่ท่านอาฉินพูดจบ นางก็สวมเสื้อคลุมกับหมวกแล้วจาก
ลั่วชิงยวนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ใต้เท้า ท่านกล้าลงไม้ลงมือรุนแรงกับข้าอย่างนั้นหรือ?”“ใต้เท้าเหอ ท่านเองก็รู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างองค์ชายเจ็ดกับท่างอ๋องผู้สำเร็จราชการที่มีต่อข้า เช่นนั้นท่านมิกลัวว่าพวกเขาจะซักถามเรื่องนี้กับข้าในภายหลังหรือ?!”ไม่ว่าเจ้าหน้าที่ผู้นี้จะมีอำนาจบาตรใหญ่เพียงใด เขาก็มิกล้าละเมิดต่อองค์ชายแน่ มิต้องพูดถึงอ๋องผู้สำเร็จราชการองค์ปัจจุบันเลยในขณะนั้น นางเห็นสีหน้าสับสนของใต้เท้าเหอ ก่อนที่เขาจะพูดอย่างอาจหาญว่า "ลงนามในหลักฐานคำให้การนี้เสีย แล้วค่อยมาว่ากัน! มิฉะนั้นหาอย่าได้มีการต่อรองใดทั้งนั้น!”ผู้คุมเข้ามาหานางอีกครั้งพร้อมกับแผ่นเหล็กร้อนสีแดงแต่ในขณะนั้น ลั่วชิงยวนมองเห็นไอสีเขียวปนดำจาง ๆ ปรากฏกลางหว่างคิ้วของใต้เท้าเหอ และพลังงานนั้นก็ค่อย ๆ หมุนวนออกมาลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว ดวงตาของนางเย็นลงครู่หนึ่ง และนางก็เอ่ยขึ้นทันทีว่า “ใต้เท้า ไม่นานมานี้คงเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ในจวนของท่าน นั่นคงเกี่ยวข้องกับคนในตระกูลท่านเสียด้วย”ทันทีที่ลั่วชิงยวนพูด สีหน้าของใต้เท้าเหอก็เปลี่ยนไป‘นางรู้ได้อย่างไร?’ลั่วชิงยวนมองไปที่พลังงานสีเขียวปนดำที่จู
หากมิได้รับยาถอนพิษภายในสามชั่วโมง นางจะต้องตายอย่างแน่นอน!แต่อาการอาเจียนนี้มิได้เกิดจากพิษลั่วชิงยวนมองไปรอบห้อง ในห้องนี้นางเห็นวิญญาณที่ร้ายกาจมากที่สุดอยู่ที่นี้ใต้เท้าเหอมองนางด้วยความประหลาดใจ “เจ้ามีทักษะทางการแพทย์ด้วยรึ?”ลั่วชิงยวนเดินไปที่โต๊ะแล้วนั่งลง นางหยิบพู่กันป้ายหมึกแล้วเขียนใบเทียบยา พลางพูดขึ้นว่า “ฮูหยินถูกวางยาพิษ”ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ถูกพูดออกมา ใต้เท้าเหอที่ได้ฟังก็ตกใจอย่างมากเขาเหลือบมองนางรับใช้และขอให้นางรับใช้ทั้งหมดออกไปหลังจากที่ทุกคนจากไปแล้ว ใต้เท้าเหอก็ลุกขึ้นและเดินไปที่โต๊ะ สายตาของเขาจับจ้องไปที่หญิงสาว “สาวน้อย เจ้าเป็นเพียงนางรำเหตุใดจึงมีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ได้?”ลั่วชิงยวนยกยิ้มมุมปากขณะที่กำลังง่วนอยู่กับการเขียนใบเทียบยา นางยิ้มและพูดว่า “พิษของฮูหยินเหอน่าจะมาจากข้า”“ไม่ว่าผู้สนับสนุนผู้ว่าราชการมณฑลสักจักมีอำนาจเท่าใด ไม่ว่าเขาจะกล้าหาญเพียงใด ก็มิอาจรุกรานอ๋องผู้สำเร็จราชการอย่างเปิดเผยได้”“แม้ใต้เท้าเหอรีบร้อนบีบบังคับให้ข้าลงนามในบันทึกหลักฐานคำให้การด้วยวิธีทรมาน แต่ด้วยความรีบร้อนเช่นนี้ เป็นเพราะถูกผู
ผู้ที่สามารถบีบบังคับใต้เท้าเหอได้จะต้องมีตัวตนลึกลับซับซ้อน และน่าจะเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังท่านอาฉินด้วยตราบใดที่นางสามารถสืบหาได้ว่าคนผู้นี้คือใคร บางทีนางอาจพบสาเหตุที่ทำให้คนมากมายในหอสมุทรมรกตตายลงก็เป็นได้ใต้เท้าเหอตกใจมากเมื่อได้ยินเช่นนี้ นี่เป็นการข่มขู่ให้เขาเปิดเผยผู้ที่อยู่เบื้องหลังอย่างชัดเจนฝูเสวี่ยผู้นี้กล้าไม่เบา นางต้องการสืบหาผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้จริง ๆ “แม่นาง เรื่องนี้ไม่มีนัยสำคัญอะไร เจ้าอย่ารู้เสียดีกว่า”ลั่วชิงยวนยิ้ม “คนผู้นี้อยากให้ข้าตาย แล้วเหตุไฉนข้าจึงมิควรรู้เล่า?”“ใต้เท้าเหอเชื่อเรื่องนี้จริง ๆ อย่างนั้นหรือ?”สีหน้าของใต้เท้าเหอเปลี่ยนไปอย่างดูไม่ได้ลั่วชิงยวนพูดต่อ “ข้ากำจัดพิษให้ฮูหยินของท่านแล้ว ผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้มิปล่อยท่านไว้แน่ หากท่านบอกข้า ข้าอาจช่วยท่านคิดหาวิธีแก้ปัญหาได้”“เจ้าน่ะหรือ? เจ้าเป็นเพียงนางรำ เจ้าจักทำกระไรได้?” ใต้เท้าเหอไม่เชื่อลั่วชิงยวนตอบว่า “ข้าไม่มีอำนาจ บางทีคงทำกระไรมิได้ แต่ข้ารู้จักองค์ชายเจ็ดและอ๋องผู้สำเร็จราชการ”“ท่านลองจะพิจารณาดูได้หรือไม่?”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใต้เท้าเหอก็ส