แชร์

บทที่ 466

ผู้เขียน: หว่านชิงอิ๋น
“ถึงเวลาปล่อยฟู่อวิ๋นโจวไปแล้ว”

น้ำเสียงเย็นชาของลั่วชิงยวนทำให้ฟู่เฉินหวนรู้สึกโกรธอีกครั้ง

ดวงตาของเขามืดลงและพูดอย่างเย็นชา “ข้าเป็นคนรักษาคำพูดอยู่แล้ว”

“เช่นนั้นก็ดี!” น้ำเสียงของลั่วชิงยวนเย็นชาและไม่มีความอบอุ่นใด ๆ

ระหว่างทางกลับตำหนัก ทั้งคู่ต่างพากันเงียบ บรรยากาศอึดอัดไม่น้อย

เมื่อมาถึงตำหนักอ๋อง ลั่วชิงยวนบอกให้ฟู่เฉินหวนปล่อยตัวเขาทันที

ฟู่เฉินหวนไม่รอช้า และได้ปล่อยฟู่อวิ๋นโจวออกจากคุกน้ำทันที

ลั่วชิงยวนไปยังเรือนทักษิณาหลังจากนั้น

ใบหน้าของฟู่อวิ๋นโจวทั้งซีดและดูซูบผอม เส้นผมที่เปียกโชกของเขาแนบแก้มและลำคอ เผยให้เห็นผิวขาวซีดอย่างคนป่วย

ลั่วชิงยวนรีบจับชีพจรของเขาอย่างรวดเร็ว

ฟู่อวิ๋นโจวฟื้นคืนสติขึ้นมาด้วยความงุนงง และเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ชิงยวน ข้าเป็นภาระเจ้าอีกแล้วหรือ?”

ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว “ครั้งนี้ท่านเป็นหวัด ดังนั้นโปรดรักษาตัวด้วยเพคะ หม่อมฉันจักสั่งยาให้ท่าน ขอให้ท่านพักผ่อนให้เต็มที่เถิดเพคะ”

ขณะที่นางกำลังพูด จู่ ๆ หมอกู้ก็เดินเข้ามา

“มิรบกวนพระชายา ข้าดูแลองค์ชายห้าเองขอรับ”

ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วและหันไปมองหมอกู้ “ในเมื่อหมอกู้เป็นหมอเทวดา ไฉน
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 467

    “องค์ชาย หม่อมฉันจักพยายามโน้มน้าวแม่นางฝูเสวี่ยอย่างเต็มที่ แต่หม่อมฉันมิสามารถรับประกันได้ว่าแม่นางฝูเสวี่ยจักยอมรับปากเพคะ”ลั่วชิงยวนบังเอิญได้ยินการสนทนาของพวกเขาและอดไม่ได้ที่จะแอบตกใจ กับเรื่องนี้แล้วฟู่จิ่งหลีนับว่าหน้าใหญ่ใจโตไม่น้อยเลย“องค์ชายฟู่” ลั่วชิงยวนก้าวไปข้างหน้าและเอ่ยปากขึ้นเมื่อได้ยินเสียงของนาง ฟู่จิ่งหลีก็เงยหน้าขึ้น รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “นี่ ช่างบังเอิญนัก ท่านเซียนฉู่ก็มาที่นี่เพื่อดื่มด้วยงั้นรึ?”“กระหม่อมมาเพราะมีเรื่องจะถามองค์ชายฟู่พ่ะย่ะค่ะ” ลั่วชิงยวนกล่าวเมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฟู่จิ่งหลีก็โบกมือและขอให้เหล่าสตรีที่อยู่รอบตัวเขาออกไปก่อนแม่เล้าเฉินเองก็จากไปอย่างรู้งานเช่นกันลั่วชิงยวนก้าวไปข้างหน้า และฟู่จิ่งหลีก็รินสุราให้นางหนึ่งแก้ว “ไม่ง่ายเลยที่จะได้พบกับท่านเซียนฉู่ที่นี่ มาดื่มกันหน่อยเถอะ”ลั่วชิงยวนปฏิเสธ “กระหม่อมดื่มมิเก่ง เพราะฉะนั้นกระหม่อมมิดื่มกับองค์ชายฟู่หรอกพ่ะย่ะค่ะ”“กระหม่อมมาที่นี่ครั้งนี้เพื่อถามองค์ชายฟู่ว่า ภาพวาดที่ถูกนำมาประมูลครั้งก่อนนั้นเป็นของสะสมตระกูลองค์ชายฟู่จริงหรือ?”“กระหม่อมได้ยินมาว่าภาพวาดนั้นสร้าง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 468

    ผู้มาเยือนคือสตรีในอาภรณ์และผ้าคลุมสีขาว นางดูมีอายุ แต่ชุดของนางบ่งบอกได้ถึงความไม่ธรรมดาและดูสูงส่งราวกับเทพธิดาตรงข้ามกับการแต่งกายของลั่วชิงยวนในขณะนี้อย่างสิ้นเชิงทันใดนั้นเสียงของลิ่นฝูเสวี่ยก็ดังขึ้น “ลี่เซียง!”ลั่วชิงยวนสะดุ้งเล็กน้อย และหลังจากพินิจมองอย่างถ้วนถี่ นางก็เห็นว่าสตรีผู้นี้คือลี่เซียงซึ่งเป็นนายหญิงคนปัจจุบันของหอเจาเซียง เป็นท่านอาฉินจริง ๆ ด้วยทุกคนในที่นี้ถูกท่านอาฉินดึงดูดและแอบซุบซิบกันอย่างไม่รู้ว่านางเป็นผู้ใดมาจากไหนจนกระทั่งร่างที่คุ้นเคยของหลีเถาติดตามนางไปแม่เล้าเฉินสะดุ้งและก้าวไปข้างหน้าทันที “วันนี้ คนจากหอเจาเซียงอย่างเจ้าคิดจักมาก่อปัญหางั้นรึ?”“พวกเจ้าขับไล่แม่นางฝูเสวี่ยผู้นี้มาด้วยตัวเอง ยามนี้เจ้ามายังหอฝูเสวี่ยของข้าเพื่อก่อปัญหา มิคิดว่าผิดจรรยาบรรณไปหน่อยหรือ?”แม่เล้าเฉินหัวเราะเยาะและดูประหลาดใดใบหน้าของท่านอาฉินยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ดวงตาที่เฉียบคมของนางจ้องมองไปที่อาภรณ์สีแดงเพลิงบนเวทีโดยตรง ก่อนจะเอ่ยย่างเย็นชา “หอฝูเสวี่ยของพวกเจ้านี่มันอะไรกัน? กล้าขโมยชื่ออาจารย์ของข้าไปใช้ วันนี้ข้าย่อมต้องมาเปิดโปงพวกเจ้าอยู่แล้ว!”

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 469

    คำพูดอันชอบธรรมของท่านอาฉินทำให้หลายคนวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องนี้ในเวลานี้ ลั่วชิงยวนก้าวไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ เสียงที่ชัดเจนดังขึ้น ทำให้บริเวณโดยรอบเงียบลงทันที“ข้าชื่อฝูเสวี่ย แต่ข้ามิได้บอกว่าชื่อของข้าคือลิ่นฝูเสวี่ย ในฐานะผู้เป็นนายของหอเจาเซียง ท่านมาร่ายรำเทพเหมันต์ที่หอฝูเสวี่ยของข้า มิทราบว่าจุดประสงค์ของท่านคือสิ่งใดกัน?”“อีกอย่าง ข้าได้ยินมาว่าทุกคนในหอสมุทรมรกตประสบอุบัติเหตุในปีนั้น และไม่มีผู้ใดรอดแม้แต่คนเดียว จู่ ๆ ศิษย์ของลิ่นฝูเสวี่ยก็ปรากฏตัวขึ้น ข้าสงสัยยิ่งนักว่าท่านรอดมาได้เช่นไร?”“เหตุใดจึงเร้นกายไปเสียหลายปีเช่นนี้เล่า?”ลั่วชิงยวนถามคาดคั้น ทำให้ใบหน้าของท่านอาฉินซีดลงท่านอาฉินโต้กลับอย่างเย็นชา “ในปีนั้นหอสมุทรมรกตประสบเรื่องราวเช่นที่เจ้าว่าจริง ข้าโชคดีที่สามารถเอาชีวิตรอดมาได้เพียงผู้เดียว มันเป็นความเจ็บปวดที่สุดในชีวิตสำหรับข้า ข้าจึงเลือกปลีกวิเวกเร้นกายจากสังคม แปลกมากหรือไร?”“ข้าต้องอธิบายเรื่องนี้ให้เจ้าฟังด้วยรึ?”มุมปากของลั่วชิงยวนยกขึ้นด้วยความสนใจ “โอ้? เพราะความเจ็บปวด ท่านจึงหายตัวไปและกลายเป็นนายหญิงหอเจาเซียงเช่นนั้นรึ?”“ทุกคน

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 470

    เป็นไปได้อย่างไร?!ใต้หล้านี้ นอกจากลิ่นฝูเสวี่ยแล้วจะยังมีผู้ใดที่สามารถแสดงรำเทพที่สมบูรณ์ได้อีกหรือ?!แม้แต่ตัวนางเองก็ได้เรียนรู้ไปเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น!เป็นลิ่นฝูเสวี่ยที่กลับมาจากความตายหรืออย่างไร? เป็นไปไม่ได้! มันเป็นไปไม่ได้!การแสดงจบลงแล้วภายในโถงกว้างเงียบราวกับสามารถได้ยินเสียงเข็มหล่นได้เกิดความเงียบขึ้นครู่หนึ่งก่อนที่จะมีเสียงปรบมือดังกึกก้องดังขึ้นตามมา“งดงามยิ่ง! นี่สิ รำเทพเหมันต์ของจริง!”แม้แต่ฟู่จิ่งหลีก็ลุกขึ้นจากที่นั่งของตนอย่างมีความสุขไม่น้อย ก่อนเอ่ยอย่างฝีปากกล้า “แม่นางฝูเสวี่ยเก่งกาจสมคำร่ำลือจริง ๆ! ข้ายังชมการร่ายรำไม่จุใจเลย ข้าจักขอถามแม่นางฝูเสวี่ยว่าจะสามารถร่ายรำอีกสองสามครั้งได้หรือไม่?”“วันนี้ ข้าจะดูแลเรื่องเครื่องดื่มและของว่างทั้งหมดในหอฝูเสวี่ยเอง!”ท่าทางใจป้ำเช่นนี้ทำให้เกิดเสียงโห่ร้องอย่างตื่นเต้นเร้าใจในหอฝูเสวี่ยแม่เล้าเฉินมีความสุขมาก “เพคะ หม่อมฉันขอบพระทัยองค์ชายเจ็ดแล้ว!”ฟู่จิ่งหานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะในขณะที่เขานั่งอยู่บนที่นั่งของเขา กวักมือเรียกเครื่องเคียงและสุราดี ๆ “องค์ชายเจ็ดผู้นี้เอื้อเฟื้อนัก หากข้าม

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 471

    ลิ่นฝูเสวี่ยกลับเอ่ยอย่างซาบซึ้ง “หากวันหนึ่งข้าจากท่านไป ข้าจักไปบอกแม่ในภพชาติใหม่ของท่านว่ามิเสียแรงที่นางคลอดบุตรีอย่างท่านมา!”ได้ยินดังนี้ แววตาของลั่วชิงยวนมืดครึ้มลง “ยายเฒ่าเจ้าเล่ห์!”ลิ่นฝูเสวี่ยเล่าเรื่องท่านแม่ให้นางฟังทุกครั้ง แต่กลับมิเคยพูดจุดสำคัญสักครั้งลั่วชิงยวนรู้ว่าก่อนที่อีกฝ่ายจะทำเรื่องในใจสำเร็จ ไม่มีทางบอกข่าวใดกับนางแน่แต่นางเองก็ไม่บังคับ เพราะการที่ลิ่นฝูเสวี่ยขึ้นแสดงก็สามารถนำมาซึ่งรายรับด้านการเงินผู้ใดจะคิดว่าเงินมากไปกันวันนี้ฟู่จิ่งหลีเหมาหอ เมื่อได้ยินข่าวนี้ ชาวบ้านต่างมาที่หอฝูเสวี่ยคนในหอฝูเสวี่ยยิ่งอยู่ยิ่งมากเสียงพิณไพเราะดังขึ้น กลีบดอกไม้ค่อย ๆ ร่วงโรย อาภรณ์สีแดงลอยขึ้นจากนั้นสยายลงพื้นดึงดูดสายตาของผู้คนในทันทีภายในหอเงียบลงทันใด เชยชมการร่ายรำงดงามนี้กันอย่างสงบฟู่จิ่งหานมองอย่างหลงใหล และดื่มด่ำกับการเต้นรำกระทั่งฟู่เฉินหวนยังถูกร่างนั้นดึงดูด ละสายตาออกมิได้แม้แต่นิดโดยเฉพาะสายตาของนาง บางครั้งก็ยั่วยวน บางครั้งก็เฉียบคม ราวกับมีสองคนในหนึ่งร่างลึกลับเสียจนทำผู้คนอยากเปิดหน้ากากนางออก เพื่อชมโฉมจริงลั่วชิงยวนร

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 472

    วินาทีนั้นสีหน้าของฟู่เฉินหวนก็เปลี่ยนไปเช่นกันเขาจับข้อมือของนางไว้อย่างแรง และใช้แขนโอบเอวของนางไว้ลั้วชิงยวนรู้สึกเพียงขาของนางลอยขึ้น และเหยียบลงพื้นอย่างมั่นคงนางชะงัก เงยหน้ามองบุรุษตรงหน้าจู่ ๆ หัวใจนางก็เต้นถี่ระรัวขึ้นฟู่เฉินหวนเองก็มองตาของนาง วินาทีนั้นเขาขมวดคิ้วขึ้นอย่างอดไม่ได้ เขารู้สึกคุ้นเคย คุ้นเคยมากเกินไปลั่วชิงยวนรีบสลัดมือของเขาออก “ขอบคุณเจ้าค่ะคุณชาย”ฟู่เฉินหวนได้สติ มุมปากของเขากระตุกเป็นรอยยิ้ม “แม่นางฝูเสวี่ยไยต้องเกรงใจ เราก็มิได้เจอกันครั้งแรกเสียหน่อย”ลั่วชิงยวนมิได้เอ่ยตอบ ฟู่เฉินหวนเข้าใกล้นาง ต้องมีสาเหตุแน่ ๆ นางคิดไม่ออก ไฉนมิว่านางจะทำสิ่งใด ต่างต้องเกี่ยวโยงกับฟู่เฉินหวน“แม่นางฝูเสวี่ยกำลัง…”สายตาของฟู่เฉินหวนตกลงบนมีดสั้นในมือนางลั่วชิงยวนหันหน้ามองบุรุษอีกด้านด้วยสายตาดุดัน “ไสหัวออกไป!”บุรุษเผยยิ้ม “เข้าใจผิด ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการเข้าใจผิด อย่าจริงจังเสียเลยแม่นางฝูเสวี่ย”ลั่วชิงยวนยังมิทันเอ่ยปากร่างที่อยู่ข้างกายกลับเดินขึ้นหน้าก้าวยาว จากนั้นเขาจับคอเสื้อของบุรุษผู้นั้นและเตะออกนอกห้องในทันทีตามด้วยเสียงตู้ม บุ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 473

    ซิ่งอวี่ปิดประตูห้อง หวีผมให้นางลั่วชิงยวนจึงเอ่ยถาม “เจ้ารู้จักใต้เท้าหลิวหรือไม่?”ซิ่งอวี่เอ่ยตอบ “เขาเป็นโรคจิตชื่อดังของหอนางโลมเลยเจ้าค่ะ แม่นางที่เขาเคยได้เขามิเอาเป็นรอบที่สอง เพื่อสนองความอยากรู้ก็เท่านั้น”“ฮูหยินตระกูลเขาเข้มงวดมาก เขาจึงปรากฏในหอนางโลมมิบ่อยนัก ส่วนมากจะแอบติดต่อให้แม่เล้าส่งนางโลมไปให้ที่จวนเขา”“อีกอย่างเขาเรื่องมากนักหนา ที่ขอไปมีแต่หน้าตาชั้นยอด”ลั่วชิงยวนได้ยินจึงเอ่ยถามอีก “เขาเป็นข้าหลวงใดหรือ”ซิ่งอวี่ไตร่ตรองและเอ่ยตอบ “เหมือนจะทำงานในกรมพระคลัง ตำแหน่งมิสูง แต่เหมือนเบื้องหลังเขาจักมิธรรมดา”“ข้าหลวงหลายท่านที่ตำแหน่งสูงกว่าเขายังเคารพเขาเลย”ลั่วชิงยวนพยักหน้าอย่างไตร่ตรอง“จริงด้วย ฟู่จิ่งหลียังอยู่ไหม?”“อยู่เจ้าค่ะ องค์ชายเจ็ดช่างใจป้ำนัก แค่เงินตกรางวัลก็ให้มาหลายร้อยตำลึงแล้ว”“หากเขามาบ่อยกว่านี้ล่ะก็ หอฝูเสวี่ยเราคงรุ่งโรจน์ขึ้นทุกวันเป็นแน่!”ซิ่งอวี่ดีใจเป็นที่สุด จนแทบอยากจะบูชาเทพแห่งโชคลาภท่านนี้ไว้ในกำมือเมื่อลั่วชิงยวนเปลี่ยนชุดเสร็จนางก็จากไปทางเรือนหลัง และอ้อมมาทางด้านหน้าอีกครั้ง เพื่อใช้ตัวตนของฉู่ลั่วเข้าหอฝูเส

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 474

    ฟู่จิ่งหลียกจอกเหล้าขึ้น คำนับฟู่เฉินหวนลั่วชิงยวนหันหน้าไปหาฟู่เฉินหวน ดูการตอบสนองของเขาหลังจากรู้เรื่องนี้ฟู่เฉินหวนตะลึงไปครู่หนึ่งจริง ๆ แต่เขาก็ยังยกจอกดื่มกับฟู่จิ่งหลีด้วยสีหน้าเฉยเมย“มิเป็นไร เรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว”ในใจลั่วชิงยวนรู้สึกอึดอัดเป็นที่สุดอย่างที่คิดฟู่เฉินหวนมิสนใจว่าภาพนั้นมันจริงหรือปลอม เขาเพียงแค่อยากใช้สิ่งนี้ข่มขู่มิให้นางไปช่วยลั่วไห่ผิงทั้งหมดนี้เป็นเพียงวิธีของเขาท่านอ๋องสำเร็จราชการแห่งแคว้นเทียนเชวีย นางสู้มิไหวจริง ๆ “แม่นางฝูเสวี่ยเล่า?” ฟู่เฉินหวนเงยหน้ามองดูทีหนึ่งฟู่จิ่งหลีและฟู่จิ่งหานเองก็มองตามเช่นกันฟู่จิ่งหลียกจอกเหล้าขึ้นพร้อมเอ่ยพูดช้า ๆ “นางคงจะไปแล้ว ร่ายรำมาทั้งวันคงเหนื่อยล้าน่าดู”ฟู่จิ่งหานยิ้มแซว “ไหนว่าเสด็จพี่สามมิสนใจเสน่ห์หญิงไง? เหตุใดจึงหลงแม่นางฝูเสวี่ยเสียแล้ว?”“ข้าบอกแล้วว่าเสด็จพี่น่ะสนใจ เสด็จพี่ยังมิยอมรับอีก!”ฟู่จิ่งหานอยากให้ฟู่เฉินหวนสนใจเสียเหลือเกิน เช่นนี้เสด็จพี่สามจักได้ออกวังเป็นเพื่อนเขาบ่อย ๆ ได้ยินถึงตรงนี้ ฟู่จิ่งหลียักคิ้วพร้อมเอ่ยถาม “หรือว่าเสด็จพี่สามสนใจจริงน่ะ? ข้าช่วยเสด็จพี

บทล่าสุด

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1215

    และสองคือช่วยจือเฉาขนของสิ่งที่ทำให้จือเฉาตกใจคือ เดิมทีนางคิดว่าจะไปที่หอฝูเสวี่ยเพื่อเบิกเงิน แต่กลับพบว่าองครักษ์ช่วยจ่ายเงินให้นางจือเฉางุนงงตลอดทาง มิเข้าใจว่าท่านอ๋องต้องการทำอะไรกันแน่ตอนนี้เป็นเวลากลางคืน ร้านค้าที่เปิดมีมิมาก ดังนั้นจือเฉาจึงต้องวิ่งไปหลายที่โดยเฉพาะการหาสมุนไพร นางแทบจะต้องเคาะประตูโรงหมอและร้านขายยาทั่วเมืองหลวง......ในคืนนั้นลั่วชิงยวนนอนซมอยู่บนเตียง ทันใดนั้นประตูห้องก็ถูกผลักเปิดออกลมหนาวพัดโชยเข้ามา ทำให้ลั่วชิงยวนไอออกมา“แค่กแค่กแค่ก... จือเฉา ดูสิว่าหน้าต่างถูกลมพัดเปิดออกหรือไม่... แค่กแค่กแค่กแค่กแค่ก...”ลั่วชิงยวนไอมิหยุด ได้แต่มุดเข้าไปในผ้าห่มแต่ทันใดนั้น ผ้าห่มก็ถูกกระชากออกลั่วชิงยวนสะดุ้งตื่น เงยหน้าขึ้นจึงเห็นฟู่เฉินหวนนางพยายามพยุงตัวเองลุกขึ้นนั่ง “ท่านจะทำอะไร?”นางอ่อนแอจนแม้แต่การถามในตอนนี้ก็ยังไร้เรี่ยวแรงแต่ฟู่เฉินหวนกลับมิพูดอะไรสักคำจากนั้นองครักษ์ก็กรูกันเข้ามาในห้อง จับแขนของลั่วชิงยวนและลากนางออกจากห้องความหนาวเหน็บถาโถมเข้ามา ลั่วชิงยวนอ้าปากจะพูด แต่กลับถูกองครักษ์ปิดปากไว้แน่นลั่วชิงยวนที่บาด

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1214

    “หากต้องการแก้ไข มีเพียงการที่หม่อมฉันต้องไปซีหลิงด้วยตัวเอง”ลั่วชิงยวนกล่าวอย่างหนักแน่นนี่เป็นหนทางรอดเดียวของนางเมื่อฟู่เฉินหวนได้ยิน สีหน้าก็เปลี่ยนไปเขามองนางด้วยความสงสัย “นี่เป็นผลลัพธ์เดียวหรือ?”“เพคะ”แต่ฟู่เฉินหวนกลับมิค่อยเชื่อ มองนางด้วยแววตาดุดัน “ไม่มีเข็มทิศอาณัติสวรรค์ จะทำนายได้แม่นยำหรือ?”“แม่นยำเพคะ”“เข็มทิศอาณัติสวรรค์เป็นเพียงตัวช่วย มิใช่สิ่งจำเป็น”“ทิศทางหลักจะมิผิดพลาด”แท้จริงแล้วนางทำนายหนทางรอดของตัวเองการทำนายโชคชะตาบ้านเมือง มีเพียงเข็มทิศอาณัติสวรรค์เท่านั้นที่ทำนายได้กองทัพแคว้นหลีบุกประชิด เป็นนางเองที่บอกให้เฉินชีทำ สิ่งที่นางต้องการทำนายคือเส้นทางของตัวเองหลังจากที่ฟู่เฉินหวนฟังแล้วก็มิได้ตอบ เพียงแค่หันหลังเดินจากไป......ลั่วฉิงกำลังรอข่าวจากฟู่เฉินหวนอย่างกระวนกระวาย เดินวนไปมาด้วยความร้อนใจเมื่อเห็นฟู่เฉินหวนมาแล้ว จึงรีบเข้าไปถาม “เป็นอย่างไรบ้าง? ผลลัพธ์คืออะไร?”ฟู่เฉินหวนตอบ “เป็นภัยพิบัติของซีหลิง”ได้ยินดังนั้น ลั่วฉิงก็ตกใจเล็กน้อย “ภัยพิบัติของซีหลิงหรือ? หมายความว่าอย่างไร? แคว้นหลีต้องการยึดครองซีหลิงงั้นหรื

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1213

    สายลมหนาวพัดผ่านมา ปอยผมของลั่วชิงยวนปลิวไสวตัดกับผ้าคลุมสีขาว ทำให้ร่างบางของนางดูราวกับจะปลิวหายไปกับสายลมในตอนนั้นก็มีขบวนคนเดินมาเมื่อเห็นบุคคลที่อยู่ข้างหน้าในชั่วขณะที่สบตากันก็เกิดอารมณ์ที่ซับซ้อนเมื่อเฉินชีเห็นฟู่เฉินหวน เขายกยิ้มอย่างเย็นชา โอบนางไว้แน่นขึ้นลั่วชิงยวนไร้เรี่ยวแรงจะขัดขืน“เฉินชี! เจ้ายังกล้ามาอีกรึ!” ฟู่เฉินหวนมีสีหน้าบึ้งตึง โทสะปะทุในใจองครักษ์รีบเข้ามาล้อมเฉินชีและลั่วชิงยวนไว้เฉินชีจำใจปล่อยลั่วชิงยวนแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อาเหลา ข้าจะรอเจ้า”กล่าวจบ เขาก็ใช้วิชาตัวเบากระโดดหนีไปองครักษ์รีบไล่ตามส่วนลั่วชิงยวนยืนนิ่งอยู่กับที่ มองฟู่เฉินหวนที่ค่อย ๆ เดินเข้ามาหาฟู่เฉินหวนมีสีหน้าบึ้งตึง แววตาซับซ้อนนั้นแฝงไปด้วยความโกรธ“บทเรียนเมื่อวานคงยังมิเพียงพอ เจ้ายังกล้าแอบออกจากตำหนักมาพบเฉินชีอีกรึ?!”ลั่วชิงยวนไร้เรี่ยวแรงจะอธิบาย ได้แต่ยิ้มอย่างเศร้าสร้อย “หากท่านคิดเช่นนั้น หม่อมฉันก็มิมีทางเลือก”“เหตุใดหม่อมฉันจึงมาอยู่ที่นี่ ในใจของท่านน่าจะรู้ดีกว่าหม่อมฉัน”เมื่อคืนฟู่เฉินหวนมิสามารถเค้นวิธีใช้เข็มทิศอาณัติสวรรค์จากนางได้ จึงส่งนา

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1212

    ทั้งสองหันไปมองจึงเห็นเฉินชีที่แผ่รังสีอำมหิตเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้าเฉินชีมองลั่วฉิงด้วยสายตาเย็นชา “เจ้ากำลังทำอะไร?”ลั่วฉิงถอยหลังด้วยความตื่นตระหนก “ข้าสิต้องถามเจ้า เหตุใดจึงส่งกองทัพมากะทันหัน? นี่มิได้อยู่ในแผนของเรา และเจ้าก็มิได้บอกข้าล่วงหน้า”เฉินชีหรี่ตาลง “ข้าจะทำอะไรต้องรายงานเจ้าด้วยรึ? เจ้าเป็นใคร? กล้าดีอย่างไรมาขัดขวางข้า?”ลั่วฉิงรู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย นางรีบคว้าเข็มทิศอาณัติสวรรค์มาถือไว้ เพราะกลัวว่าของล้ำค่าที่ได้มาจะหายไป“เฉินชี! ข้าแค่ต้องการสิ่งที่เราตกลงกันไว้ตั้งแต่แรก!”เฉินชีมองลั่วชิงยวน ใบหน้าเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม ก่อนจะพุ่งเข้าไปบีบคอของลั่วฉิงแล้วต่อยเข้าที่หน้าอกของลั่วฉิงลั่วฉิงกระอักเลือด ร่างกระเด็นออกไปนอกหน้าต่างลั่วชิงยวนได้ยินเสียงร่างตกกระทบพื้นจากที่สูง จึงรู้ว่าที่นี่คือชั้นสองน่าจะเป็นโรงเตี๊ยมเฉินชีเดินไปที่หน้าต่าง มองลงไป เห็นเพียงร่างของลั่วฉิงวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนหายไปในฝูงชนเดิมทีเฉินชีอยากจะตามไป แต่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็มิได้ตามไปหากลั่วฉิงตาย ลั่วชิงยวนก็จะไม่มีภัยคุกคาม นางอาจจะมิยอมไปแคว้นหลีกับเขาเช่นนั

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1211

    นางเอ่ยปากอย่างอ่อนแรง “ได้”ลั่วฉิงพยุงนางขึ้น แล้วโยนนางลงบนเก้าอี้ลั่วชิงยวนไร้เรี่ยวแรงจะพูด “ข้าต้องการสมุนไพร”มือทั้งสองข้างของนางวางอยู่บนที่วางแขน แท่งเหล็กยังคงปักอยู่ เลือดไหลอาบมิหยุด ขยับร่างกายมิได้เลยลั่วฉิงมองนางอย่างเย็นชา ก่อนจะกดมือของนางไว้แล้วดึงแท่งเหล็กออกอย่างรวดเร็ว“กรี๊ด”ลั่วชิงยวนร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดลั่วฉิงโน้มตัวลงมองนางด้วยสายตาเย็นชา “ก่อนหน้านี้เจ้ามิเคยกลัวความเจ็บปวดเช่นนี้ ลั่วเหลา”ลั่วชิงยวนตัวสั่น มองนางด้วยความตกใจ“นี่ก็เป็นสิ่งที่ฟู่เฉินหวนบอกเจ้าเช่นนั้นหรือ?” ลั่วชิงยวนรู้สึกทั้งโกรธและสิ้นหวังในใจลั่วฉิงนำยามาทำแผลให้พลางหัวเราะอย่างดูถูก “มินึกเลยว่านักบวชระดับสูงลั่วเหลาผู้มีพรสวรรค์มาตั้งแต่เด็ก ถูกอาจารย์เอ็นดูทะนุถนอมมาโดยตลอด สุดท้ายกลับพ่ายแพ้ให้กับบุรุษ”ในน้ำเสียงของลั่วฉิงแฝงไปด้วยความอิจฉาริษยาลั่วชิงยวนมองนางด้วยแววตาเย็นชา “ข้ากับเจ้ามิเคยมีเรื่องบาดหมางกันมิใช่หรือ”แววตาของลั่วฉิงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง มองนางอย่างเย็นชา “ในสายตาของเจ้า อาจจะไม่มีเรื่องบาดหมาง”“แต่สำหรับข้า เรื่องบาดหมางนั้นใหญ่หลวงนัก

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1210

    “กรี๊ด” ลั่วชิงยวนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ได้แต่ขดตัวอยู่บนพื้น ตัวสั่นเทาด้วยความเจ็บปวดรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า แท่งเหล็กถูกแทงลึกลงไปอีก ความรู้สึกที่กระดูกถูกแยกออกจากกันนั้นทำให้เจ็บปวดจนอยากตาย“ดี ยังมิยอมบอกอีกใช่หรือไม่”ลั่วฉิงหยิบแท่งเหล็กอีกอันแทงเข้าไปในมืออีกข้างของลั่วชิงยวนอย่างแรงตลอดทั้งคืน ลั่วชิงยวนถูกทรมานจนเหมือนตายแล้วเกิดขึ้นใหม่ หลายครั้งที่สลบไปเพราะความเจ็บปวด แล้วก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดจนในที่สุด คอของนางก็แหบแห้งจนส่งเสียงร้องมิได้ด้วยซ้ำฟ้าสางแล้ว แสงแดดสาดส่องเข้ามา ลั่วชิงยวนนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นราวกับแอ่งโคลนเปียก มิขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อยเลือดเปรอะเปื้อนอาภรณ์ของนางจนเป็นสีแดงฉาน แสงแดดส่องกระทบกองเลือดจนเป็นประกาย......ตำหนักอ๋องมีเสียงคำรามด้วยความโกรธดังมาจากห้องตำรา“ยังไม่มีใครมารายงานข้าสักคน! รีบไปหา! ออกไปหาให้หมด!”ฟู่เฉินหวนโกรธจัด มึนหัวจนต้องเอามือยันโต๊ะไว้ถึงแม้จะนั่งลงเพื่อจัดการเรื่องต่าง ๆ แต่ก็ยังมิสามารถสงบสติอารมณ์ได้ ร้อนรุ่มใจยิ่งนักได้แต่หวังว่านางจะออกจากตำหนักไปเองจือเฉายังคงอยู่ที่หน้าประ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1209

    ในชั่วขณะนั้น นางเกือบจะคิดว่าตัวเองกำลังฝันไป เหตุใดนางจึงเห็นลั่วฉิงแต่คำพูดของลั่วฉิงในวินาทีต่อมา ทำให้นางรู้สึกราวกับตกอยู่ในหุบเหวลึก“แม้แต่ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการก็ยังจัดการคนดื้อรั้นเช่นเจ้ามิได้ ต้องให้ข้ามาเองเลยหรือ”ร่างของลั่วชิงยวนสั่นเทามิหยุด หนาวเหน็บจนแทบจะไร้ความรู้สึกน้ำตาที่ไหลอาบใบหน้าซีดเซียวหยดลงบนพื้นทีละหยดลั่วชิงยวนมองไปรอบ ๆ แล้วพบว่าที่นี่คือห้องห้องหนึ่งแต่มิใช่ในตำหนักอ๋อง“เหตุใดข้าจึงมาอยู่ที่นี่” นางจำได้ว่าหลังจากที่จือเฉาทายาให้แล้วนางก็หลับไปลั่วฉิงหัวเราะเบา ๆ “แน่นอนว่าฟู่เฉินหวนส่งเจ้ามาให้ข้า”“เขาเค้นคำตอบจากเจ้ามิได้ จึงต้องให้ข้ามาจัดการเอง”ได้ยินดังนั้น หัวใจของลั่วชิงยวนก็แตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ อีกครั้งเขายังคิดว่าตัวเองยังโหดร้ายมิพออีกหรือ จึงส่งนางให้ลั่วฉิงเช่นนี้นี่ต้องการทรมานนางจนตายจึงจะหายแค้นหรืออย่างไรลั่วฉิงหยิบกล่องใบหนึ่งมาเปิดออก ข้างในเต็มไปด้วยแท่งเหล็กขนาดเท่าหัวแม่มือแล้วกล่าวอย่างแผ่วเบา “เจ้าน่าจะรู้ว่าข้าต้องการอะไร”“หากตอนนี้เจ้าบอกวิธีใช้เข็มทิศอาณัติสวรรค์ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”“หากพลาดโอกาสนี้

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1208

    ในวินาทีต่อมา องครักษ์ก็กรูกันเข้ามาลากลั่วชิงยวนออกไปที่ลานหลังจากกดนางลงกับพื้นก็ใช้หวายฟาดลงบนร่างของนางอย่างมิปรานีความเจ็บปวดแล่นริ้ว ลั่วชิงยวนจิกเล็บลงบนพื้นหิมะจนเป็นรอยลึกจือเฉากระโจนเข้ามาจากนอกลาน “หยุด! หยุด!”“ท่านอ๋อง เหตุใดจึงทำกับพระชายาเช่นนี้ พระชายาทำผิดอันใดหรือเพคะ!”“ท่านอ๋อง ขอได้โปรดปล่อยพระชายาเถิดเพคะ! ตั้งแต่เข้าเหมันตฤดู แผลบนร่างของพระชายาก็ยังมิหาย! หากโบยเช่นนี้ต่อไปคงจะสิ้นใจเป็นแน่เพคะ!”“ท่านอ๋องทรงพระกรุณาด้วยเพคะ!” จือเฉาโผเข้ากอดลั่วชิงยวนเพื่อรับหวายแทนแต่กลับถูกองครักษ์ดึงตัวออกไปจือเฉาร้องขอความเมตตาสุดเสียง แต่บุรุษที่ยืนอยู่ใต้ชายคากลับมีสีหน้าเรียบเฉย นัยน์ตาฉายแววเย็นชาไร้ซึ่งความอบอุ่น“พระชายา...” จือเฉาร้อนใจ แทบจะเป็นลมเพราะร้องไห้หนักลั่วชิงยวนเจ็บปวดจนแทบมิได้ยินเสียงของจือเฉา มีเพียงความเจ็บปวดมิรู้จบ ยาวนานราวกับไม่มีที่สิ้นสุดหลังจากที่ลั่วชิงยวนสลบไป ฟู่เฉินหวนจึงสั่งให้หยุดแล้วจากไปด้วยความโกรธจือเฉาโผเข้าหาลั่วชิงยวน เมื่อเอื้อมมือไปสัมผัสก็พบว่ามือเปื้อนไปด้วยเลือด นางรีบชักมือกลับมองเลือดที่ไหลนองเต็มพื

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1207

    ฟู่เฉินหวนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา แววตาที่น่ารังเกียจนั้นทำให้หัวใจของลั่วชิงยวนเจ็บปวดราวกับถูกเข็มทิ่มแทงลั่วชิงยวนกัดฟันพลางกลั้นน้ำตาไว้ “ท่านมิได้บอกว่าจะเชื่อหม่อมฉันหรอกหรือเพคะ?”“หากหม่อมฉันบอกท่านทั้งหมด ท่านก็จะเชื่อหม่อมฉันมิใช่หรือเพคะ!”ฟู่เฉินหวนมีแววตาเย็นชา มองนางอย่างเฉยเมย “แต่เจ้าบอกข้าทั้งหมดแล้วหรือยังเล่า? เจ้ายังคงปิดบัง ยังคงหลอกลวง!”เสียงตำหนินั้นเต็มไปด้วยความโกรธทำให้หัวใจของลั่วชิงยวนแทบแตกสลาย“ฟู่เฉินหวน วันนี้ท่านมาก็เพื่อหลอกลวงหม่อมฉันอีกแล้วใช่หรือไม่”“จุดประสงค์สุดท้ายของท่านคือ หลอกล่อให้หม่อมฉันบอกวิธีใช้เข็มทิศอาณัติสวรรค์ เพราะลั่วฉิงใช้มันมิได้ ใช่หรือไม่!”ลั่วชิงยวนตะโกนด้วยความโกรธ“หม่อมฉันช่างโง่เขลาที่เชื่อใจท่าน บอกความลับทั้งหมดให้ท่านฟัง แต่ท่านก็หลอกลวงหม่อมฉันอีกครั้ง...”พูดไปน้ำตาของลั่วชิงยวนก็ไหลรินในเวลานี้ หัวใจของลั่วชิงยวนราวกับถูกควักออกมาผ่าเป็นสองซีกเจ็บปวดเจียนตายแต่ฟู่เฉินหวนกลับมิเปลี่ยนสีหน้า แววตายิ่งเย็นชาขึ้นเขาบีบคอของนางด้วยความโกรธ“ในเมื่อเจ้ารู้แล้ว ข้าก็ขี้เกียจเสแสร้งกับเจ้าแล้ว”“เข็มท

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status