แชร์

บทที่ 406

ผู้แต่ง: หว่านชิงอิ๋น
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
ลั่วชิงยวนตะลึงเล็กน้อย รีบสั่งคนเปิดประตูห้องเพื่อยกฟู่อวิ๋นโจวออกมา

เมื่อลั่วชิงยวนสัมผัสโดนข้อมือฟู่อวิ่นโจว เพิ่งพบว่าร่างเขาเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง

ภายในห้องอบอุ่นมาก นางป้อนแกงโสมให้เขา ร่างของฟู่อวิ๋นโจวจึงอบอุ่นขึ้นมาหน่อย

ลั่วชิงยวนจับชีพจรให้เขาเพื่อตรวจหาสาเหตุการบาดเจ็บ

มือของฟู่อวิ๋นโจวถูกห่อไว้ และเห็นได้อย่างชัดเจนว่านิ้วก้อยของเขาหายไป

ฟู่อวิ๋นโจวตื่นมาอย่างสะลึมสะลือ เขายันร่างลุกขึ้นนั่ง “ชิงยวน ข้าสร้างปัญหาให้เจ้าหรือ”

ลั้วชิงยวนยกชาร้อนมาให้เขา “ท่านบาดเจ็บ ควรนอนพักผ่อนบนเตียง เหตุใดต้องมาหาหม่อมฉันด้วย”

ฟู่อวิ๋นโจวมองนางอย่างเป็นกังวล ลังเลพักหนึ่งจึงเอ่ยปากอย่างหนักอึ้ง “ชิงยวน เจ้าอุตส่าห์ออกมาได้ ข้ามิอยากต้องเห็นเจ้าจมปลักในบ่อโคลนอีก”

ฟู่อวิ๋นโจวพูดไป สายตามองไปทางนอกประตูอย่างลึกซึ้ง พร้อมเอ่ยพรึมพรำ “ข้าเห็นเจ้าเป็นสหายร่วมป่วยมาโดยตลอด เมื่อข้าเศร้าโศกเสียใจ มีเพียงเจ้าที่ปลอบข้า”

“นับแต่ข้ากำเนิด ชะตาข้าก็มิใช่ของข้าอีกต่อไป ข้าเป็นเพียงหุ่นเชิด เป็นเพียงเครื่องมือ”

“แต่เจ้ามิเหมือนข้า เจ้าอิสระกว่าข้านัก ข้าหวังว่าเจ้าจักปล่อยวางทุกอย่างและเดินออ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 407

    เสียงฝีเท้าอันหนักแน่น เหยียบลงบนใจคนทีละก้าวหวังว่าฟู่อวิ๋นโจวจักคิดได้มิเช่นนั้นร่างกายของเขา คงต้องทลายลงจริง ๆ ร่างกายเขาไม่มีปัญหามากนัก ที่เป็นปัญหาคือจิตใจหลังจากฟู่อวิ๋นโจวจากไป ก็ไม่มีคนมารบกวนลั่วชิงยวนหลายวันฟู่เฉินหวนเองก็มิได้มาอีก ส่วนลั่วชิงยวนก็มิออกจากเรือน รักษาอาการอย่างสบายใจอยู่หลายวันวันเกิดของลั่วไห่ผิงใกล้มาถึงแล้ว ผู้คนมิน้อยในเมืองหลวงเริ่มจัดเตรียมของกำนัลดังนั้นของของลั่วชิงยวนในหอมหาสมบัติก็เริ่มทยอยขายออกไปบ้างแล้วข่าวสารเหล่านี้จือเฉาออกไปสืบมาให้นางทุกอย่างในร้านโอสถก็เป็นไปได้ดี เพียงแต่ซ่งเชียนฉู่ต้องรับมือกับผู้คนที่จะมาดูดวงจำนวนไม่น้อย ซึ่งปวดหัวไปนิดได้ยินว่า ฟู่เฉินหวนไปที่ร้านหลายครั้ง แต่ทุกครั้งเขาได้แต่จากไปเหตุเพราะมิเจอผู้ใดเลย แต่เขามิได้สงสัยสิ่งใดทั้งนั้นอากาศเริ่มอบอุ่นขึ้นลั่วชิงยวนแกะฝ้ายส่วนหนึ่งออกมาจากในเสื้อจือเฉาแต่งตัวให้นางไปด้วย พร้อมถามไถ่อย่างเป็นห่วง “พระชายา แกะฝ้ายตั้งแต่อากาศเช่นนี้ เมื่อถึงคิมหันต์ฤดู(1)จักทำเช่นไรเจ้าคะ?”“ใส่หนาขนาดนั้นมิได้ มิเช่นนั้นคงร้อนจนเป็นโรคแน่”ลั่วชิงยวนถอนหายใจพร

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 408

    โสมร้อยปี หากนางทายไม่ผิด เป็นยาในมือของซ่งเชียนฉู่!ก่อนหน้านี้นางบาดเจ็บ ซ่งเชียนฉู่มารักษานางถึงตำหนัก นางนำเครื่องยาสมุนไพรหายากมากหลายมาอย่างใจกว้าง และมอบยาให้กับฟู่เฉินหวนส่วนหนึ่งด้วยในนั้น มีโสมร้อยปีอยู่ด้วย!แต่ฟู่เฉินหวน กลับนำโอสถที่มีค่ามากมายเช่นนี้ มอบให้ลั่วไห่ผิง!ลั่วไห่ผิงมันคู่ควรอย่างไรกัน!ลั่วชิงยวนหันไปมองฟู่เฉินหวนอย่างตกตะลึง ในสายตานางมีแต่การเค้นถามแต่ฟู่เฉินหวนกลับไม่มีการอธิบายใด ๆ พวกเขาต่างรู้ดี การให้ภาพอายุหมื่นปีเพื่อแสดงความกตัญญูนั้น เสแสร้งเพียงไหน!หลังงานเลี้ยงผ่านไป นางหาโอกาสลากฟู่เฉินหวนเข้าไปในสวนดอกไม้ที่ไร้ผู้คน“ท่านอ๋อง ท่านหมายความเยี่ยงไร? ท่านมอบของกำนัลเองมิพอ ท่านเตรียมให้หม่อมฉันด้วยงั้นหรือ? หม่อมฉันต้องขอบคุณความใส่ใจของท่านหรือไม่?”สายตาของฟู่เฉินหวนซับซ้อนขึ้น สองมือไคว้ไว้ด้านหลัง “บ่าวเป็นผู้เตรียม”ลั่วชิงยวนหลุดหัวเราะเบาอย่างไม่น่าเชื่อ “บ่าวเตรียมหรือ? โสมร้อยปีก็บ่าวเตรียมหรือ? หากหม่อมฉันจำมิผิด นั่นเป็นเครื่องยาสมุนไพรที่แม่นางซ่งให้หม่อมฉันไว้รักษาบาดแผล!”สายตาของฟู่เฉินหวนเยือกเย็นลง “นี่เป็นสิ่งที่ข

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 409

    ฟู่เฉินหวนตั้งใจสั่งคนเตรียมของกำนัลให้ลั่วชิงยวนโดยเฉพาะ เพราะเขารู้ว่านางเกลียดลั่วไห่ผิง นางไม่มีทางเลือกของกำนัลแน่เขาให้คนเตรียมเผื่อ เพราะอยากรับมือให้ผ่าน ๆ ไป มิคิดว่านางจะเป็นการตอบสนองเช่นนี้ กลับกลายเป็นเขาที่ตัดสินใจโดยคิดไปเอง!“ลั่วชิงยวน! ข้าเตือนเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย! อย่าได้มีความคิดเหลวไหล! เจ้าอยากตายย่อมได้ แต่อย่ากระทบถึงตำหนักอ๋อง!”โทสะฟู่เฉินหวนปะทุ จึงเอ่ยพูดคำรุนแรงอย่างควบคุมไม่ได้ขณะนี้เอง ร่างตรงทางแยก ในที่สุดก็เดินออกมาจับฟู่เฉินหวนที่กำลังโมโหไว้ และพูดปลอบเสียงเล็ก “ท่านอ๋อง ไม่ทรงกริ้วหนาเพคะ วันนี้มีแขกมากหลายเช่นนี้ หากมีผู้ประสงค์ร้ายได้ยินเข้า เกรงว่าจะซุบซิบนินทาเรื่องของท่านและท่านพี่อีกนะเพคะ”ลั่วเยวี่ยอิงท่าทีเข้าใจหัวอกผู้อื่น ทำลั่วชิงยวนที่อยู่อีกด้านดูไม่มีเหตุผลขึ้นมาฟู่เฉินหวนเห็นลั่วเยวี่ยอิง น้ำเสียงผ่อนลงในทันที “มิเป็นไร”ลั่วเยวี่ยอิงพยักหน้า นางกวาดตาลง เอ่ยพูดอย่างเป็นห่วงด้วยเสียงแผ่วเบา “ช่วงนี้หม่อมฉันมิได้ไปที่ตำหนัก มิรู้ว่าบาดแผลของท่านอ๋องเป็นเยี่ยงไรบ้างเพคะ?”ฟู่เฉินหวนเอ่ยตอบ “มิเป็นไร แค่แผลเล็ก”ลั่วเยวี่ย

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 410

    ลั่วชิวยวนเงยหน้า มองเขาด้วยสายตาเยือกเย็นทีหนึ่ง ลุกขึ้นลงจากรถม้าทันทีและเดินเข้าตำหนักโดยมิหันกลับมามองฟู่เฉินหวนตะลึง เขาขมวดคิ้วแน่น ในใจเอ่อล้นไปด้วยโทสะเขาคิดมาทั้งทาง เดิมทีอยากอธิบายกับนางผู้ใดจะรู้ว่านางจะมิใส่ใจสักกระผีก ก้าวขาลงจากรถม้าเดินเข้าตำหนักไปซูโหยวรีบขึ้นหน้า “ท่านอ๋อง เมื่อครู่มีคนส่งข่าวมา งานล่าสัตว์วสันตฤดูใกล้มาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ จึงอยากเชิญท่านเข้าวังเพื่อปรึกษา”น้ำเสียงฟู่เฉินหวนรำคาญใจ “ไม่ไป”เขาเดินเข้าเรือนในก้าวใหญ่ และเอ่ยเสียงเย็น “ความคิดมิอยู่บนชาติแคว้น คิดแต่เรื่องเล่นทั้งวัน วันหนึ่งต้องเล่นจนตำแหน่งจักรพรรดิหายแน่!”ซูโหยวชะงักเล็กน้อย และมิกล้าเอ่ยตอบท่านอ๋องร่วมงานเลี้ยงที่จวนอัครมหาเสนาบดีแล้ว โมโหสิ่งใดมากัน?ไฉนราวกับทรงเสวยดินปืนมาเลยเล่า?……หลังจบงานเลี้ยงลั่วไห่ผิง แม้ลั่วชิงยวนและฟู่เฉินหวนจะอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน แต่กลับมิได้เจอหน้ากันอีกประตูเรือนของนางมักปิดไว้ ทุกวันนอกจากจือเฉาและแม่นมเติ้งที่เข้าไปส่งข้าวให้นาง ไม่มีผู้ใดอื่นเข้าออกอีกส่วนลั่วชิงยวนนั้นได้กลับไปค้าขายในร้านแต่นานแล้วตอนดึก ๆ นางจึงแอบกลับตำห

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 411

    เหนือศีรษะนางกลับเป็นเสียงอุทานเจ็บปวด “เจ้าเหยียบข้าทำไม!”เฉินเสี้ยวหานเจ็บจวนแทบยกเท้าขึ้นมากอดซ่งเชียนฉู่ได้ยินเสียงนี้จึงเงยหน้ามองเขา วินาทีที่เห็นเฉินเสี้ยวหาน หัวใจที่ลนลานของนางจึงเริ่มรู้สึกวางใจขึ้น“ท่านเองหรือ? ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” ซ่งเชียนฉู่รู้สึกคล้ายไอมืดมนรอบด้านเริ่มซาลงเล็กน้อยแต่มิรู้ว่าเป็นเพียงความรู้สึกนางหรือไม่“ข้าเห็นเจ้าแต่ไกลแล้ว เรียกเจ้าเจ้าก็มิได้ยิน เห็นเจ้าเดินเข้ามาในตรอก จึงอ้อมมารอเจ้าที่นี่ แต่กลับได้ยินเสียงกรีดร้องของเจ้า ข้าก็คิดว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นเสียอีก”เฉินเสี้ยวหานพูดไปพร้อมเดินไป และเก็บผักผลไม้ที่ร่วงกระจายเต็มพื้นเข้าในตระกร้าทีละอย่างซ่งเชียนฉู่เดินตามหลังเขาอย่างกังวลใจ นางดึงชายเสื้อเขาไว้ “ไม่มีสิ่งใดจริงหรือ?”นางมิกล้าแม้แต่ลืมตามอง“จริง ๆ เจ้าตื่นกลัวเพราะสิ่งใดกัน? เหงื่อเจ้าท่วมหัวแล้วดูสิ!” เฉินเสี้ยวหายพูดไป พร้อมซับเหงื่อบนหน้าผากของนางซ่งเชียนฉู่ตกใจจนลืมตาขึ้น ระยะใกล้เช่นนี้ นางถอยหลังก้าวหนึ่งอย่างลนลาน“เจ้าเจออันตรายใดรึ?” เฉินเสี้ยวหานถามอย่างเป็นห่วง และสำรวจรอบด้าน แต่กลับมิพบความผิดปกติใด

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 412

    หางขนาดยักษ์เส้นหนึ่งขดอยู่บนพื้น และส่งเสียงเกล็ดขูดกับหินผู้ที่ได้ยินเย็นวาบที่สันหลังทุกสรรพสิ่งมืดมิดขึ้นมาทันควัน มีเพียงปลายทางที่ทอแสงลั่วชิงยวนค่อย ๆ ก้าวฝีเท้าหนักแน่นเดินไปด้านหน้า นางรู้ว่าตนได้ก้าวสู่เขตอาคมของมันแล้วนางมองไปทางงูยักษ์ภายในแสงเบื้องหน้าอย่างหวาดระแวงงูยักษ์นั้นอ้าปากกว้าง ขู่ฟ่อด้วยความพิโรธ เสียงที่แหบพร่าปนกับความโมโหดังขึ้น “ชายหนุ่มผู้นั้นคือผู้ใด?”“ชายหนุ่มข้างกายนางคือผู้ใด!”โทสะดั่งไฟโหม ไอเข่นฆ่าพุ่งแรงกล้าลั่วชิงยวนตะลึง นี่เขาถามสิ่งนี้ขึ้นก่อนหรือ?ดูท่ามันมิอยากสังหารซ่งเชียนฉู่แต่แล้วมันกลับรับรู้ถึงความคิดนาง เสียงหัวเราะอ่อนแอดังขึ้น “เจ้าสังหารข้า นางเองก็จักตาย”ร่างของลั่วชิงยวนสั่นคลอน“เจ้าว่ากระไรนะ?”เสียงของชายหนุ่มทุ้มต่ำกลับแฝงไปด้วยความแหบพร่า “ข้าและนางได้ผูกพันธะชีวิตเสียนานแล้ว หากเจ้ามิเชื่อ สามารถดูได้ว่าที่สะบักหลังของนางมีตราพันธะหรือไม่”“เพื่อสิ่งใดกัน”ลั่วชิงยวนได้ยินแล้วมีแต่ความตะลึง คิดย้อนไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นวันนั้น ที่ซ่งเชียนฉู่ถูกมันดึงลงกลางบ่อน้ำหลังจากนั้นนางไปช่วยซ่งเฉียนฉู่กลับมาได

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 413

    ลั่วชิงยวนพยักหน้า “ดึกเพียงนี้แล้ว กลับห้องพักผ่อนเถิด”“รัฐทายาทเฉิน ท่านเองก็ไปพักผ่อนเถิด ข้าขอคุยกับเชียนฉู่หน่อย”เฉินเสี้ยวหานมิได้ถามมาก และกลับห้องไปก่อนลั่วชิงยวนพาซ่งเชียนฉู่เข้าห้อง ซ่งเชียนฉู่จับแขนเสื้อของนางไว้อย่างเป็นกังวล “มันใช่หรือไม่? มันมาแล้วใช่หรือไม่?”ลั่วชิงยวนพยักหน้าด้วยสีหน้าหนักอึ้งในใจซ่งเชียนฉู่เคร่งเครียดยิ่งขึ้น นางนั่งลงบนเตียงด้วยแววตามืดหม่น และสีหน้าเจ็บปวด “เหตุใด ไฉนมันยังมิปล่อยข้าไปอีก?”“ต้องให้ข้าตายก่อนหรือจึงจะปล่อยข้าไป…”หลังออกจากจวนนอกเมือง ซ่งเชียนฉู่จึงเริ่มชีวิตใหม่ นางมิคิดว่า สิ่งนี้จะมาพัวพันนางอีก และเกี่ยวความผวาส่วนลึกในใจของนางออกมาลั่วชิงยวนพูดอธิบาย “เขามิได้มาสังหารเจ้า”“เชียนฉู่ ข้าขอดูสะบักหลังเจ้าหน่อย”ซ่งเชียนฉู่ตะลึงเล็กน้อย “ไฉนต้องมาดูสะบักหลังข้า?”นางรู้สึกมิเข้าใจ แต่ก็ยังเปลื้องอาภรณ์ออกลั่วชิงยวนดึงเสื้อที่หลังคอของนางลง ตราประทับอสรพิษสีแดงตกสู่นัยน์ตาชิงยวน!“เหตุใดรึ? บนไหล่ข้ามีอะไรงั้นหรือ?” ซ่งเชียนฉู่หันหัวพยายามมอง แต่อย่างไรก็มองมิเห็น“รอยประทับ นี่เป็นของที่เขาทิ้งไว้บนตัวเจ้า” น้

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 414

    ลั่วไห่ผิง!สิ่งที่นางคาดเดา มาเร็วกว่าที่คิดลั่วไห่ผิงสวมใส่อาภรณ์แพรสีหมึก มิทำตัวเป็นจุดสนใจ แต่ก็ปกปิดกลิ่นอายน่าเกรงขามของผู้อยู่ตำแหน่งสูงมิได้แต่นิดหว่างคิ้วของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนแอ ใต้ตาดำคล้ำ สีหน้าราวกับคนป่วยลั่วชิงยวนเห็นไอป่วยที่หว่างคิ้วของเขา แม้จะยังมิปรากฏอย่างแจ่มแจ้ง แต่น่าจะใกล้แล้ว“เจ้าน่ะหรืเซียนฉู่?” ลั่งไห่ผิงเดินขึ้นหน้าและนั่งลง“ขอรับ” ลั่วชิงยวนเอ่ยตอบ“เหตุใดมิเผยโฉมจริงให้ผู้อื่นเห็นเล่า?” สายตาลั่วไห่ผิงประเมินนางอย่างน่าเกรงขามลั่วชิงยวนเอ่ยตอบเบา ๆ “เคยประสบเหตุอัคคี โฉมหน้าอัปลักษณ์ กลัวจะทำผู้อื่นตกใจ”ลั่วไห่ผิงพยักหน้า จากนั้นจึงเอ่ย “ใต้เท้าหวังเป็นผู้แนะนำเจ้าให้กับข้า เขาบอกว่าเจ้าทำนายแม่นนัก ข้าจึงมาเพื่อพิสูจน์โดยเฉพาะ”เพื่อให้ข่าวนี้ส่งถึงหูลั่วไห่ผิง นางมิได้หาเพียงใต้เท้าหวังผู้เดียวเพราะช่วงนี้นางเองก็รู้จักคนในราชสำนักมามิน้อย ย่อมต้องใช้เส้นสายของนางให้เต็มที่“เช่นนั้นความเครียดของท่าน คือช่วงนี้ดวงซวยค่อนข้างหนัก มิว่าเรื่องใด ๆ ก็มิราบรื่นใช่หรือไม่?”ลั่วชิงยวนเอ่ยถามได้ยินดังนี้ดวงตาของลั่วไห่ผิงลุกวาว “เจ้าพ

บทล่าสุด

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1110

    ฟู่เฉินหวนตกตะลึงเขาเงยหน้ามองนางด้วยความสงสัย “วันนี้ท่านเป็นอะไรไป? จะดื่มสุราแล้วต้องถามมากมายเช่นนี้?”“เหมือนสตรี...”“ท่านคงมิประสงค์จะดื่มสุราด้วยกันกับข้า จึงพยายามปฏิเสธทางอ้อมสินะ”ลั่วชิงยวนกินไปพลางตอบ “เพียงแค่ถามเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”“เหตุใดท่านต้องตอบโต้เสียงดังด้วย”“ท่านมาหากระหม่อมก็เพื่อพูดคุยมิใช่หรือ?”ฟู่เฉินหวนเลิกคิ้ว พูดมิออก “ก็ใช่อยู่”เขายกถ้วยสุราขึ้นมา ลั่วชิงยวนชนจอกเหล้ากับเขาแล้วดื่มหมดจอกทั้งสองดื่มสุราจนถึงยามวิกาล พูดคุยกันทั้งคืนแต่เนื่องจากฟู่เฉินหวนมีกิจราชสำนักจึงมิได้พักค้างคืน ดื่มเสร็จแล้วจึงกลับตำหนักไปลมยามค่ำคืนพัดผ่านกายฟู่เฉินหวน ทำให้ตื่นจากอาการมึนเมาเมื่อออกจากตรอกก็รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง เขาจึงหันกลับไปมองมีเงาร่างหนึ่งรีบซ่อนตัวนัยน์ตาของฟู่เฉินหวนเย็นชาขณะขมวดคิ้วฉู่ลั่วถูกจับตามองหรือ?ฟู่เฉินหวนเดินจากไป......ยามเช้าลั่วฉิงมาที่ตรอกฉางเล่ออีกครั้ง แล้วเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งติดอยู่ที่รอยแยกของกำแพงเมื่อเปิดดูปรากฏว่าเขียนไว้ว่า คืนนี้ยามเที่ยงคืน มาพูดคุยเรื่องความร่วมมือกันเถิดลั่วฉิงตกตะลึง ฉู่

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1109

    เมื่อฟู่เฉินหวนได้ฟังดังนั้นก็พยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้ว”“แต่เหตุใดท่านเซียนฉู่จึงมิยอมรับตำแหน่งมหาปราชญ์?”ลั่วชิงยวนครุ่นคิด แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “กระหม่อมรับงานมิไหวแล้ว มิอยากให้ตำแหน่งมหาปราชญ์มาขัดขวางการทำเงินของกระหม่อม”ฟู่เฉินหวนอดหัวเราะมิได้ “ท่านขัดสนเรื่องเงินหรือ?”“ข้ามิเคยได้ยินท่านพูดถึงเรื่องนี้มาก่อน”ลั่วชิงยวนตอบว่า “มิขัดสน แต่กระหม่อมชอบหาเงินพ่ะย่ะค่ะ” “อืม ข้าเข้าใจแล้ว แต่จักรพรรดิก็ตรัสแล้วว่าตำแหน่งนี้จะถูกสงวนไว้ให้ท่าน เมื่อใดที่ท่านเปลี่ยนใจหรือเมื่อใดที่ท่านหาเงินได้มากพอแล้ว ก็สามารถกลับมาเป็นมหาปราชญ์ได้ทุกเมื่อ”แล้วฟู่เฉินหวนก็ส่งลั่วชิงยวนออกจากวังระหว่างทาง ลั่วชิงยวนอดมิได้ที่จะเตือนอีกครั้ง “เมื่อครู่กระหม่อมเห็นว่าพระพักตร์ขององค์จักรพรรดิมีความมัวหมอง ท่านอ๋องควรเตือนองค์จักรพรรดิให้ระวังพระวรกายจากคนรอบข้างไว้พ่ะย่ะค่ะ”ฟู่เฉินหวนสงสัย “หมายความว่าอย่างไร? มีผู้ใดจะลอบทำร้ายเขาหรือ?”ลั่วชิงยวนตอบว่า “ภัยพิบัติขององค์จักรพรรดิจะมาพร้อมกับภัยพิบัติของแคว้นเทียนเชวีย”เมื่อได้ยินดังนั้น ฟู่เฉินหวนก็เข้าใจ “ขอบคุณที่เตือน!”ที่จริงแ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1108

    “ทว่าหากฝ่าบาทมีสิ่งใดที่กระหม่อมสามารถช่วยได้ ฉู่ลั่วจะมิปฏิเสธพ่ะย่ะค่ะ!”“ส่วนรายละเอียดเราค่อยพูดคุยกันภายหลัง”ฟู่จิ่งหานพยักหน้า แต่ก็พูดว่า “ท่านมิต้องการเป็นมหาปราชญ์ แต่ตำแหน่งนี้ ข้ายังคงสงวนไว้ให้เป็นของท่านเสมอ! นอกจากท่านก็ไม่มีใครเหมาะสมอีกแล้ว!”ลั่วชิงยวนมิได้เอ่ยคำใดอีกผู้คนต่างก็แยกย้ายกันไปลั่วชิงยวนถูกจักรพรรดิเรียกไปยังห้องตำราจักรพรรดิถามด้วยความร้อนรน “ท่านเซียนฉู่ ภัยพิบัติที่ท่านกล่าวว่าจะเริ่มเกิดขึ้นทางทิศใต้คือ... เมืองฉินใช่หรือไม่?”ลั่วชิงยวนพยักหน้า “น่าจะเป็นเมืองฉินพ่ะย่ะค่ะ”เรื่องนี้นางได้บอกฟู่เฉินหวนแล้วเมื่อฟู่เฉินหวนที่เพิ่งเข้ามาในห้องตำราได้ยินดังนั้นก็ตกตะลึงเล็กน้อยลั่วชิงยวนก็บอกเขาเรื่องเมืองฉินเช่นกันทั้งสองทำนายว่าทางทิศใต้จะเกิดภัยพิบัติเหมือนกัน...นี่เป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่?“ดูเหมือนว่าตระกูลเหยียนจะยังมิยอมแพ้! ท่านเซียนฉู่ ภัยพิบัติครั้งนี้สามารถหลีกเลี่ยงได้หรือไม่?”ลั่วชิงยวนส่ายหน้า “ดูเหมือนว่าจะหลีกเลี่ยงมิได้พ่ะย่ะค่ะ”นี่เป็นครั้งที่สองที่นางทำนายเห็นได้ชัดว่ามีการส่งมือสังหารไปสังหารมหาราชาจารย์เหยีย

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1107

    “คิดว่าคงเป็นเพราะท่านอาจารย์นักพรตเพิ่งมาถึงเมืองหลวง ยังมิได้มีโอกาสสืบเสาะหาชื่อเสียงของข้าในเมืองหลวง หากข้าเป็นเพียงผู้หลอกลวงต้มตุ๋น คงมีผู้คนตำหนิติเตียนข้าไปนานแล้ว”เมื่ออาจารย์นักพรตเสวียนซานได้ฟังดังนั้นก็ขมวดคิ้วดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจผิดเสียแล้วเมื่อมองดูฉู่ลั่วที่วางตัวอย่างสง่าผ่าเผยและแสดงท่าทีมั่นใจเช่นนี้ ก็รู้ว่าย่อมมีฝีมือที่แท้จริง มิใช่เพียงคนหลอกลวงพูดจาโอ้อวดครู่หนึ่งก็รู้สึกเสียใจที่มิได้สืบเสาะหาชื่อเสียงของฉู่ลั่วเสียก่อน“ที่แท้ข้าเข้าใจผิดไป ขออภัยต่อท่านเซียนฉู่ด้วย”“แต่ข้าเห็นว่าท่านเซียนฉู่มีฝีมือที่แท้จริง มิทราบว่าเรียนวิชาจากสำนักใด? เหตุใดจึงต้องใช้ชื่อของศิษย์เสวียนซานด้วยหรือ?”ลั่วชิงยวนยกยิ้มจาง แล้วกล่าวว่า “ไร้สำนักไร้พรรค”อาจารย์นักพรตเสวียนซานขมวดคิ้วแน่นด้วยความตกตะลึง แล้วกล่าวอย่างเสียดายว่า “ไร้สำนักไร้พรรค นั่นหมายความว่าเรียนวิชาลับใช่หรือไม่? ท่านเซียนฉู่ควรเข้ามาเป็นศิษย์ในสำนักเสวียนซาน วันนี้ได้พบกันโดยบังเอิญ ข้าปรารถนาจะรับท่านเป็นศิษย์เอก!”ผู้คนโดยรอบต่างตกตะลึง เมื่อครู่ยังหาเรื่อง บัดนี้กลับจะรับฉู่ลั่วเป็นศิษย์แล

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1106

    ทุกคนต่างพากันเหลียวมองไปตามเสียงแล้วเห็นนักพรตผู้สง่างามก้าวเดินเข้ามาอย่างช้าๆรัศมีอันบริสุทธิ์ปราศจากมลทินของโลกมนุษย์แผ่พลังอำนาจอันน่าเกรงขามลั่วชิงยวนตกตะลึงเล็กน้อย เมื่อเห็นเครื่องหมายบนคอเสื้อของนักพรตแล้วพูดขึ้นว่า “อาจารย์นักพรตเสวียนซาน”เครื่องหมายบนเสื้อผ้าของศิษย์แต่ละระดับของสำนักเสวียนซานจะมีสีแตกต่างกันเครื่องหมายบนคอเสื้อของคนผู้นี้เป็นสีทอง มีเพียงอาจารย์นักพรตเสวียนซานเท่านั้นที่มีสิทธิ์สวมใส่สำนักเสวียนซานที่มีระดับสูงกว่าสีม่วง ล้วนเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ มิค่อยลงจากเขาใครกันที่สามารถเชิญอาจารย์นักพรตเสวียนซานมาที่นี่ได้อาจารย์นักพรตเสวียนซานฮึดฮัด “เจ้ารู้จักข้าบ้างก็ถือว่ายังดี!”“เจ้าดูมิเหมือนคนร้ายกาจ เหตุใดจึงแอบอ้างเป็นศิษย์ของสำนักข้า มาหลอกลวงในวังหลวงแคว้นเทียนเชวีย!”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็เข้าใจทันทีนี่เป็นฝีมือของลั่วฉิงเหล่าขุนนางและข้าราชบริพารต่างตกตะลึง“หลอกลวงหรือ? คงมิใช่กระมัง?”“ความสามารถในการทำนายของท่านเซียนฉู่คงมิใช่ของปลอมกระมัง?”ผู้คนต่างเกิดความสงสัยจักรพรรดิกล่าวว่า “ท่านนักพรต ท่านพูดเช่นนั้นได้อย่างไร!”

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1105

    ดีงูที่ทำให้ฝีมือของนางเพิ่มพูนขึ้นอย่างมากนั้น นางยังคงจำได้มิลืมเลือนน่าเสียดายที่ข้างกายซ่งเชียนฉู่มีคนผู้ทรงอานุภาพคอยคุ้มครอง นางจึงพยายามด้วยวิธีการต่างๆ แต่ก็ยังล้มเหลวการใช้ความสัมพันธ์ระหว่างฉู่ลั่วกับซ่งเชียนฉู่อาจจะประสบความสำเร็จ แต่ฉู่ลั่วกลับดื้อดึงมิยอมร่วมมือกับนาง!เมื่อมิสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ก็จำต้องทำลายเขาเสีย!ลั่วชิงยวนกลับไปยังลานหลังร้านซ่งเชียนฉู่ถามด้วยความสงสัยว่า “ท่านมิได้ไปแล้วหรอกหรือ? เหตุใดจึงกลับมาอีก?”ลั่วชิงยวนทำท่าให้เงียบแล้วพาส่งเฉียนฉู่กลับไปยังห้อง จากนั้นบอกเล่าเรื่องราวให้ฟังเมื่อซ่งเชียนฉู่ฟังจบก็รีบกล่าวว่า “ดูเหมือนว่านางผู้นี้จะมิปล่อยท่านไป หรือว่าท่านจะเข้าวังไปดำรงตำแหน่งมหาปราชญ์ เมื่อมีตำแหน่งนี้แล้ว นางก็จะต้องเกรงใจบ้าง”ลั่วชิงยวนไตร่ตรอง แล้วพูดว่า “มหาปราชญ์ อืม... ค่อยว่ากันอีกที”จนกระทั่งล่วงเข้ายามดึก เมื่อแน่ใจแล้วว่าลั่วฉิงจากไปแล้ว ลั่วชิงยวนจึงกลับตำหนักอ๋องอย่างเงียบเชียบเมื่อกลับแล้วก็ถูกหล่างมู่ขวางทาง “พี่หญิง ท่านไปที่ใดมาขอรับ? ฟู่เฉินหวนมาหาท่านตอนค่ำ”“แล้วเจ้าบอกเขาว่าอย่างไร?”“ข้าบอกว่าพ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1104

    ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วมองหล่างมู่อย่างช่วยมิได้“หล่างมู่ เจ้ากลับไปก่อนเถิด ข้าจะไปทำธุระก่อน” ลั่วชิงยวนหันหลังวิ่งไปหล่างมู่ถือลูกถังหูลู่สองไม้วิ่งตามไปสองสามก้าว “พี่หญิง ท่านจะไปที่ใด? ไฉนมิพาข้าไปด้วยเล่า?”ลั่วชิงยวนมิได้ใส่ใจ รีบวิ่งออกจากถนนไปแล้วเมื่อไปเปลี่ยนอาภรณ์ที่หอฝูเสวี่ยแล้ว นางจึงไปที่ร้านอย่างเงียบเชียบเมื่อไปถึงลานด้านหลังก็พบกับซ่งเชียนฉู่ที่กำลังแบกตะกร้ากลับมาจากประตูหน้า ท่าทางดูรีบร้อนนัก“ท่านมาพอดี ท่านเห็นประกาศบนถนนหรือไม่? องค์จักรพรรดิจะเชิญท่านเข้าวังเพื่อแต่งตั้งท่านเป็นมหาปราชญ์!” ซ่งเชียนฉู่ส่งประกาศให้“นี่เป็นประกาศที่ติดอยู่ที่ประตูร้านเรา”“มิกี่วันที่ผ่านมา ข้าออกไปเก็บสมุนไพร พวกเขาคงจะมาหาท่าน แต่ไม่มีใครอยู่จึงติดประกาศไว้”“จะทำอย่างไรดี?”ซ่งเชียนฉู่ก็ตกตะลึงเช่นกันลั่วชิงยวนรับประกาศมาดูอีกครั้ง ในนั้นยังเขียนด้วยว่าให้นางเข้าวังหลวงเพื่อทำนายชะตาของแคว้นเทียนเชวียแล้วแต่งตั้งเป็นมหาปราชญ์ซ่งเชียนฉู่ถอนหายใจ “ข้าคิดว่าครั้งนี้ ตัวตนของท่านคงจะปกปิดมิได้แล้ว”“คอยดูกันต่อไปเถิด” ลั่วชิงยวนยังมิรู้ว่าจะบอกฟู่เฉินหวนอย่างไร

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1103

    น้ำเสียงของฟู่เฉินหวนนั้นบ่งบอกชัดเจนว่ากำลังหึงหวงอยู่ลั่วชิงยวนปอกส้มแล้วป้อนให้ฟู่เฉินหวนพลางพูดอย่างอารมณ์ดีว่า “หล่างมู่มองหม่อมฉันเป็นเพียงพี่หญิงจริง ๆ เพคะ”“เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับพี่หญิงมาตั้งแต่เด็ก แต่พี่หญิงของเขาเสียชีวิตเพราะเขา จึงเป็นบ่วงกรรมและความเสียใจตลอดชีวิตของเขา”“ต่อมาหล่างชิ่นกลายเป็นพี่หญิงของเขา เขาเชื่อฟังหล่างชิ่นทุกอย่าง แต่สุดท้ายหล่างชิ่นกลับต้องการให้เขาตาย”“หลังจากนั้นเมื่อหม่อมฉันไปยังเผ่านอกด่าน ราชาเผ่านอกด่านบอกว่าหม่อมฉันเป็นพี่หญิงของเขา ดังนั้นเขาจึงมองหม่อมฉันเป็นพี่หญิงแท้ ๆ มาโดยตลอด”เมื่อฟู่เฉินหวนได้ยินเช่นนั้นก็สงสัยยิ่งนัก “พูดตามตรงคือข้ายังคงมิเข้าใจเลยว่าเหตุใดราชาเผ่านอกด่านจึงมั่นใจว่าเจ้าเป็นลูกสาวของเขา”ลั่วชิงยวนพูดเสียงเบาว่า “ราชาเผ่านอกด่านกับลั่วไห่ผิงมีใบหน้าเหมือนกันราวกับแกะ! พวกเขาเป็นพี่น้องกันเพคะ!”“ก่อนที่ท่านแม่ของหม่อมฉันจะมาเมืองหลวงแล้วแต่งงานกับลั่วไห่ผิง นางเคยมีความสัมพันธ์กับราชาเผ่านอกด่าน แต่สุดท้ายก็มิได้ลงเอยกันจึงมาเมืองหลวงและแต่งงานกับลั่วไห่ผิงเพคะ”ฟู่เฉินหวนตกตะลึงยิ่งนักเมื่อได้ฟัง“

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1102

    หล่างมู่ชกเข้าที่ใบหน้าของฟู่เฉินหวนจนฟู่เฉินหวนถอยหลังไปหลายก้าวหล่างมู่แสดงสีหน้าโกรธแค้น “ข้าขอเตือนท่านเลยว่าถ้าท่านทำเช่นนี้กับพี่หญิงของข้าอีก ข้าจะฆ่าท่านเสีย!”ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้วพลางเช็ดเลือดที่มุมปาก “ลั่วชิงยวนอยู่ที่ใด ข้าจะพบกับนาง”“นางอยู่ที่ใด แล้วท่านเกี่ยวอะไรด้วย!” หล่างมู่แสดงสีหน้ามิพอใจ เขายังคงจำได้ว่าในวันคล้ายวันพระราชสมภพของจักรพรรดิ อ๋องผู้สำเร็จราชการยินดีที่จะมอบลั่วชิงยวนให้เขาชายคนนี้ช่างน่ารังเกียจ!เขามิเข้าใจว่าเหตุใดพี่หญิงจึงยังคงอยู่กับชายผู้นี้วันนี้กลับนิ่งเฉยมองดูคนอื่นทำร้ายพี่หญิงอย่างมิแยแสอีก!หล่างมู่มิพอใจอย่างยิ่งเมื่อทั้งสองสบตากัน ความเป็นปรปักษ์ก็ปะทุขึ้นบรรยากาศตึงเครียด ในวินาทีต่อมาดูเหมือนว่าจะต้องต่อสู้กันแน่แล้วลั่วชิงยวนเพิ่งเข้ามาในลานก็เห็นเหตุการณ์นี้ จึงรีบเข้าไปขวางไว้“พวกท่านกำลังทำอะไรกัน!”“แค่ก แค่ก แค่ก...” เมื่อนางร้อนใจก็กุมอกด้วยความเจ็บปวดสีหน้าของทั้งสองเปลี่ยนไปอย่างมากแล้วเข้าไปพยุงนางพร้อมกัน ลั่วชิงยวนปัดมือของทั้งสองออก แล้วหันไปมองหล่างมู่ “พี่บอกเจ้าว่าอย่างไร!”ความโกรธของหล่างมู่หา

DMCA.com Protection Status