แชร์

บทที่ 413

ผู้เขียน: หว่านชิงอิ๋น
ลั่วชิงยวนพยักหน้า “ดึกเพียงนี้แล้ว กลับห้องพักผ่อนเถิด”

“รัฐทายาทเฉิน ท่านเองก็ไปพักผ่อนเถิด ข้าขอคุยกับเชียนฉู่หน่อย”

เฉินเสี้ยวหานมิได้ถามมาก และกลับห้องไปก่อน

ลั่วชิงยวนพาซ่งเชียนฉู่เข้าห้อง ซ่งเชียนฉู่จับแขนเสื้อของนางไว้อย่างเป็นกังวล “มันใช่หรือไม่? มันมาแล้วใช่หรือไม่?”

ลั่วชิงยวนพยักหน้าด้วยสีหน้าหนักอึ้ง

ในใจซ่งเชียนฉู่เคร่งเครียดยิ่งขึ้น นางนั่งลงบนเตียงด้วยแววตามืดหม่น และสีหน้าเจ็บปวด “เหตุใด ไฉนมันยังมิปล่อยข้าไปอีก?”

“ต้องให้ข้าตายก่อนหรือจึงจะปล่อยข้าไป…”

หลังออกจากจวนนอกเมือง ซ่งเชียนฉู่จึงเริ่มชีวิตใหม่ นางมิคิดว่า สิ่งนี้จะมาพัวพันนางอีก และเกี่ยวความผวาส่วนลึกในใจของนางออกมา

ลั่วชิงยวนพูดอธิบาย “เขามิได้มาสังหารเจ้า”

“เชียนฉู่ ข้าขอดูสะบักหลังเจ้าหน่อย”

ซ่งเชียนฉู่ตะลึงเล็กน้อย “ไฉนต้องมาดูสะบักหลังข้า?”

นางรู้สึกมิเข้าใจ แต่ก็ยังเปลื้องอาภรณ์ออก

ลั่วชิงยวนดึงเสื้อที่หลังคอของนางลง ตราประทับอสรพิษสีแดงตกสู่นัยน์ตาชิงยวน!

“เหตุใดรึ? บนไหล่ข้ามีอะไรงั้นหรือ?” ซ่งเชียนฉู่หันหัวพยายามมอง แต่อย่างไรก็มองมิเห็น

“รอยประทับ นี่เป็นของที่เขาทิ้งไว้บนตัวเจ้า” น้
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 414

    ลั่วไห่ผิง!สิ่งที่นางคาดเดา มาเร็วกว่าที่คิดลั่วไห่ผิงสวมใส่อาภรณ์แพรสีหมึก มิทำตัวเป็นจุดสนใจ แต่ก็ปกปิดกลิ่นอายน่าเกรงขามของผู้อยู่ตำแหน่งสูงมิได้แต่นิดหว่างคิ้วของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนแอ ใต้ตาดำคล้ำ สีหน้าราวกับคนป่วยลั่วชิงยวนเห็นไอป่วยที่หว่างคิ้วของเขา แม้จะยังมิปรากฏอย่างแจ่มแจ้ง แต่น่าจะใกล้แล้ว“เจ้าน่ะหรืเซียนฉู่?” ลั่งไห่ผิงเดินขึ้นหน้าและนั่งลง“ขอรับ” ลั่วชิงยวนเอ่ยตอบ“เหตุใดมิเผยโฉมจริงให้ผู้อื่นเห็นเล่า?” สายตาลั่วไห่ผิงประเมินนางอย่างน่าเกรงขามลั่วชิงยวนเอ่ยตอบเบา ๆ “เคยประสบเหตุอัคคี โฉมหน้าอัปลักษณ์ กลัวจะทำผู้อื่นตกใจ”ลั่วไห่ผิงพยักหน้า จากนั้นจึงเอ่ย “ใต้เท้าหวังเป็นผู้แนะนำเจ้าให้กับข้า เขาบอกว่าเจ้าทำนายแม่นนัก ข้าจึงมาเพื่อพิสูจน์โดยเฉพาะ”เพื่อให้ข่าวนี้ส่งถึงหูลั่วไห่ผิง นางมิได้หาเพียงใต้เท้าหวังผู้เดียวเพราะช่วงนี้นางเองก็รู้จักคนในราชสำนักมามิน้อย ย่อมต้องใช้เส้นสายของนางให้เต็มที่“เช่นนั้นความเครียดของท่าน คือช่วงนี้ดวงซวยค่อนข้างหนัก มิว่าเรื่องใด ๆ ก็มิราบรื่นใช่หรือไม่?”ลั่วชิงยวนเอ่ยถามได้ยินดังนี้ดวงตาของลั่วไห่ผิงลุกวาว “เจ้าพ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 415

    แม่นมได้ยินจึงพยักหน้า และกล่าวอย่างปรีดา “เจ้าหนูชิงยวนเคยบอกข้า ไปกันเถิด”ตรอกฉางเล่อสามสิบสี่ ก็มีคุณยายท่านหนึ่งอาศัยอยู่เช่นกัน จวนใหญ่มาก ลั่วชิงยวนเช่าไว้ครึ่งหนึ่งแล้ว นางให้แม่นมกู้พักอยู่ในนี้และให้นางรับใช้สองคนมาดูแลแม่นมโดยเฉพาะเมื่อจัดการแม่นมกู้เสร็จ ถือว่าเรื่องในใจนางลุล่วงไปหนึ่งเรื่องซ่งเชียนฉู่กลับร้านเป็นเพื่อนนาง และเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “เจ้าช่วยลั่วไห่ผิงแก้ไขปัญหา แต่เรื่องนี้แก้ปัญหามิได้ เขาจะกลับมาหาเรื่องเจ้าหรือไม่?”“หากเป็นอย่างลั่วอวิ๋นสี่เมื่อนั้นอีก ร้านเราแบกรับมิไหวแล้วหนา”ลั่วชิงยวนตอบแผ่วเบา “ลั่วไห่ผิงร้ายเงียบ แต่ลั่วอวิ๋นสี่นั้นผ่าเผยทุกอย่าง เขาที่เป็นอัครเสนาบดี ไม่มีทางใช้วิธีอย่างลั่วอวิ๋นสี่แน่”“อีกอย่างเรื่องนี้ ควรเป็นเขามากกว่าที่ประหวั่นพะวง”ด้วยการตอบสนองของลั่วไห่ผิงในวันนี้ นางรับประกันว่าลั่วไห่ผิงต้องหวาดกลัวอยู่แน่ ๆ กลัวว่าอัครเสนาบดีลั่วจะมาพัวพันเขาเพราะตายตามิหลับดังนั้นแม้นางจะคลี่คลายปัญหาเขามิได้ เขาก็ย่อมไม่มีทางป่าวประกาศ เพื่อให้คนรู้ว่าเขากำลังระแวงใจเพราะความกลัวแน่พูดไป จู่ ๆ เบื้องหน้าตรอกก็ส่งเป็น

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 416

    สิ้นประโยคนี้ร่างของลั่วชิงยวนสั่นคลอนในใจคิดว่าหรือเขาคือคนที่ซ่งเชียนฉู่ล่อมา?ใครจะคิดซ่งเฉียนฉู่ก็ส่ายหน้าอย่างสับสน “ขอแต่งงานหรือ? แต่ข้ามิรู้จักเจ้า”คุณชายจึงเอ่ยอธิบาย “ลืมแนะนำตัวไป ข้าชื่อฟู่จิ่งหลี!”“มาขอแต่งงานให้เฉินเสี้ยวหานต่างหาก!”ฟู่จิ่งหลีดึงตั๋วเงินออกมาปึกหนึ่ง กางออก ด้านในมีโฉนดแทรกอยู่ด้วยอีกปึกหนึ่งเขายื่นให้แก่ซ่งเชียนฉู่จนหมด“นี่เป็นสินสอดที่เฉินเสี้ยวหานยืมข้า!”ลั่วชิงยวนและซ่งเชียนฉู่ที่ได้ยินต่างทำตัวไม่ถูก“สินสอด? ยืมหรือ?” ซ่งเชียนฉู่มิอยากจะเชื่อ สิ่งนี้ยืมได้ด้วยหรือ?แต่ที่ลั่วชิงยวนตะลึงกลับเป็น ฟู่จิ่งหลีคือองค์ชายเจ็ดนี่“ใช่ บ้านของเขามิอยู่ในเมืองหลวง เขาเองก็ไม่มีคนสนิทในเมืองนี้ มีเพียงข้า ที่พอฝืนเรียกว่าเป็นพี่ชายของเขาได้ แต่พี่น้องแท้ ๆ ต้องคิดเงินให้ชัด สินสอดนี้ บอกว่ายืมก็คือยืม!”“ดังนั้นวันนี้ข้าจึงมาขอแม่นางซ่งแต่งงาน ในฐานะพี่ชายเฉินเสี้ยวหาน”ฟู่จิ่งหลีค่อนข้างซื่อตรง จึงพูดออกมาอย่างชัดเจนและแจ่มแจ้งหากมิบอกว่ายืมยังว่าไป เมื่อบอกว่าสินสอดนี้ได้มาโดยการยืม ซ่งเชียนฉู่จะกล้ารับไว้ได้อย่างไรเล่า?“คุณชาย ข้าร

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 417

    บางครั้งพูดถึงท่านอัตรเสนาบดี อีกฝ่ายก็จะคุยกับนางสักประโยคสองประโยคอย่างสนใจ“ท่านอัครเสนาบดีลั่วหรือ ปัญหาที่เขาสร้างมิน้อยแต่นิด กระทั่งเจ้ายังคลี่คลายมิได้ หลายวันมานี้เขาเข้าประชุมด้วยสภาพอ่อนล้า กระทั่งจักรพรรดิยังให้เขาพักรักษาตัว”“พวกเขาบอกว่าเป็นเพราะการตายของมหาราชครูลั่ว แต่ข้าว่าเป็นเพราะฮูหยินของเขากลับมาเสียมากกว่า”ใต้เท้าหวังกินถั่วลิสงไป ไขว้ขาและเอ่ยพูดอย่างช้า ๆ ไปลั่วชิงยวนได้ยินจึงตะลึง “ฮูหยินท่านนั้นของเขา? มิทราบว่าท่านใดกันหรือ?”ใต้เท้าหวังเห็นว่านางสนใจ จึงยันศอกและเข้าใกล้ พร้อมพูดอย่างลึกลับ “เจ้าคงยังมิรู้สินะ ก่อนหน้านี้เขาได้แต่งภรรยาคนหนึ่งที่งดงามดุจนางฟ้า”“หลังเกิดเรื่องเหล่านั้นในวัง ฮูหยินท่านนั้นของเขาก็ตายอย่างปริศนา”“ได้ยินว่าป่วยตาย แต่ข้าคิดว่ามิใช่” ใต้เท้าหวังพูดพร้อมส่ายหน้าอย่างเสียดายหัวใจของลั่วชิงยวนบีบรัดใช่แม่ของลั่วชิงยวนหรือไม่?“เช่นนั้นใต้เท้าหวังคิดว่าตายอย่างไร? เรื่องนี้มีจุดน่าสงสัยใดกัน?” ลั่วชิงยวนพยายามถามอย่างสงบใต้เท้าหวังขมวดคิ้วไตร่ตรอง และเอ่ย “ด้านนอกลือกันว่าเป็นเพราะการทะเลาะกันของภรรยาและอนุภรรยา เ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 418

    สัมผัสนักบวชหญิงแต่ละสมัยหากทำนายไม่ผิด เจ้าของปิ่นบุหงาชาดนี้เป็นอาจารย์ของนางจริง ๆ !นักบวชหญิงรุ่นที่แล้ว ลั่วอิง!นางจริง ๆ ! เป็นนางจริง ๆ !เหตุใดอาจารย์จึงแต่งงานกับลั่วไห่ผิง? เหตุใดท่านจึงให้กำเนิดลูกสาวเพื่อเขา? และเหตุใดท่านจึงตาย?ด้วยความสามารถของอาจารย์ ไม่มีทางสู้ไม่ไหวกระทั่งอนุภรรยาคนหนึ่ง และตายในมืออนุภรรยา!ลั่วไห่ผิงทำลายของทุกอย่างที่แม่นางทิ้งเอาไว้ก่อนตายจนสิ้น เขากลัวอะไรอยู่กันแน่?”ถุงหอมนั่น น่าจะเป็นของลับที่แม่นางทิ้งให้แม่นมซ่อนไว้ แต่กล่องในถุงหอมกลับเป็นสัญลักษณ์สุริยันจันทรา ซึ่งเปิดมิได้ง่าย ๆ นางถือไว้ก็ไม่มีอาการใดมิเหมือนปิ่นบุหงาชาดนี้ เพียงแค่กำไว้ในมือก็สามารถรู้สึกถึงพลัง ในสมองฉายภาพบางอย่างผ่านต่อเนื่องนางกลับร้านด้วยความเร็วสูงสุดหยิบเข็มทิศออกมา หายใจเข้าลึก ๆ และหลับตาลงภาพที่นางเห็นชัดเจนมากยิ่งขึ้นนั่นเป็นงานเลี้ยงชมบุปผาหนึ่ง ครึกครื้นยิ่ง กลางสวนดอกไม้มีนางรำระบำฟ้อนได้ยินเพียงคนข้าง ๆ เอ่ย “นางรำอันดับหนึ่งของหอสมุทรมรกตงดงามอย่างหาเปรียบมิได้ดั่งคำร่ำลือแท้!”นางเห็นนางรำผู้นั้นมองมาบ่อยครั้ง เพราะความดื่มด่ำ ทุ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 419

    “นั่นเป็นเรื่องเมื่อสิบยี่สิบปีแล้วกระมัง ล่มไปเสียนานแล้ว”ได้ยินดังนี้ หัวใจของลั่วชิงยวนหนักอึ้งหอสมุทรมรกตล่มแล้วหรือ?เช่นนั้นข้อมูลเส้นนี้ของนาง ก็ขาดแล้วน่ะสิ“เช่นนั้นเถ้าแก่รู้หรือไม่ว่านี่คือคฤหาสน์ของผู้ใด” ลั่วชิงยวนยังคงอยากสืบเรื่องเกี่ยวกับหอสมุทรมรกตต่อเถ้าแก่นอนพิงบนเก้าอี้ไม่ค่อยอยากลุกนัก และเอ่ยพูดช้า ๆ “เจ้าของคฤหาสน์มิได้อยู่ที่นี่เหตุใดรึ? เจ้าอยากได้คฤหาสน์นี้รึ? ซื้อหรือไม่? สองร้อยตำลึงเท่านั้น”สองร้อยตำลึงซื้อคฤหาสน์หรือ?นางหันไปมองทีหนึ่ง จากนั้นรับปากตอบรับ “ซื้อ!”เถ้าแก่ตะลึง ทั้งคนเปี่ยมไปด้วยเรี่ยวแรงในทันที เขานั่งตัวตรง “เจ้าจักซื้อจริงหรือ?”ลั่วชิงยวนยื่นเงินสองร้อยตำลึงให้ทันทีเถ้าแก่รับเงิน และรีบไปเอาโฉนดมายื่นให้นาง “แม่นางช่างเป็นคนเด็ดขาดเสียจริง! เช่นนั้นค้าขายสำเร็จ ห้ามถอนคำพูดเด็ดขาด!”เห็นท่าทีเถ้าแก่ ลั่วชิงยวนก็รู้ได้เลยว่าคฤหาสน์นี้ต้องมีปัญหาอะไรแน่ ขายถูกเช่นนี้ หนำซ้ำยังกลัวนางถอนคำพูดอีกนางยิ้มและเอ่ยถาม “ข้าขอเจอเจ้าของเก่าคฤหาสน์นี้ได้หรือไม่?”เถ้าแก่เอ่ย “เรื่องนี้ข้ามิรู้จริง ๆ น่าจะย้ายออกไปตั้งแต่ครึ่งปีที

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 420

    หน้าคฤหาสน์จุดโคมไว้ ทั้งคฤหาสน์ดูสะอาดและอลังเป็นอย่างมาก“ไปสิ ท่านเหม่อหาปะไรเล่า?” ซ่งเชียนฉู่มิรับรู้ถึงความผิดปกติ นางดึงลั่วชิงยวนขึ้นหน้าลั่วชิงยวนมิได้เอ่ยอันใด นางจะดูว่าในคฤหาสน์นี้มีสิ่งใดกันแน่ ทำให้ขายออกไปได้ด้วยเงินเพียงสองร้อยตำลึงทั้งคู่ผลักประตูคฤหาสน์ออกในคฤหาสน์สว่างไสว พื้นดินสะอาดสะอ้าน โคมใต้ชายคาเจิดจ้าเป็นพิเศษพืชพันธุ์นานาเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา“ข้าคิดว่าท่านเสียเงินสองร้อยตำลึงซื้อคฤหาสน์เก่ากึ้กกลับมา มิคิดว่าดีเช่นนี้! ไม่เลวเลยหนา!”“ในเมืองหลวง คฤหาสน์เช่นนี้คงต้องขายราคาเป็นพันตำลึงแน่!”ซ่งเชียนฉู่พูดไป พร้อมเดินไปทางเรือนใน“เช่นนั้นคฤหาสน์นี้จึงมีปัญหาไงเล่า เจ้าเดินช้าหน่อย” ลั่งชิงยวนตะโกนตามหลังนางจู่ ๆ กลับพบว่าซ่งเชียนฉู่มิตอบนางแล้วนางเดินเข้าไปในเรือนราวกับถูกสะกดลั่วชิงยวนรีบขึ้นหน้าไปดึงนางไว้ กลับพบว่าซ่งเชียนฉู่จดจ้องภายในเรือนอย่างหลงใหล นัยน์ตาเต็มไปด้วยแสงจากโคมบุปผาที่เจิดจรัสคนทั้งคนราวกับต้องมนตร์ลั่วชิงยวนเองก็จดจ้องไปที่กลางคฤหาสน์ข้างหูค่อย ๆ มีเสียงร้องเพลงส่งมากลางเรือนตั้งเวทีทรงกลมไว้ ใต้เวทีมีเก้าอี้

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 421

    เมื่อคนที่อยู่บนเวทีโดนบังคับให้หยุดร่ายระบำ ใบหน้ายิ้มแย้มของพวกเขากลับเย็นชาขึ้นทีละนิด ๆ สายตาไม่เป็นมิตรเผยให้เห็นแววขุ่นเคืองอยู่บ้าง เมื่อลั่วชิงยวนวิ่งมาถึง นางก็อดมิได้ที่จะเหลียวกลับไปมอง แต่บนเวทีกลับว่างเปล่า! ทันใดนั้นนางก็รู้สึกว่ามือที่กอดแขนนางไว้กลับเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็ง ชวนให้หนาวเหน็บจนรู้สึกเจ็บปวด นางจึงหันกลับไปทันที ในสายตาของนาง มือที่กอดแขนของนางเอาไว้ช่างซีดขาวไร้สีเลือด อาภรณ์ขาวผืนหนึ่งปลิวสะบัดท่ามกลางสายลมแล้วล่องลอยอยู่ตรงหน้านาง “คุณชาย ท่านจะไปที่ใดหรือเจ้าคะ? ไยจึงไม่ฟังข้าร้องเพลงให้จบเสียก่อนเล่า?” น้ำเสียงอ่อนโยนค่อย ๆ ดังขึ้น ลมหายใจที่พ่นออกมากลับเต็มไปด้วยไอเยียบเย็น เมื่อลั่วชิงยวนเงยหน้าขึ้นก็เห็นสตรีใบหน้าซีดขาวค่อย ๆ คลี่ยิ้มออกมาทีละนิด ๆ ริมฝีปากของนางแดงฉานมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ทั้ง ๆ ที่นางกำลังแย้มยิ้ม กลับมีโลหิตไหลทะลักออกมาจากมุมปากอย่างน่าประหลาด ผิวซีดขาวที่ปะปนไปด้วยโลหิตข้นเหนียวหย่อมหนึ่งก็ร่วงหล่นลงมาด้วย ดวงตาของนางหดเหลือเพียงตาขาวเท่านั้น เมื่อมีลมกระโชกแรงหอบหนึ่ง ก็ราวกับจะแหลกสลายลงได้ทุกเมื่อ ลั่วชิงยวนสีหน้าสงบนิ่งพลา

บทล่าสุด

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1294

    ชายหลายคนก้าวเข้ามารุมทำร้ายอวี๋โหรวในทันทีจั๋วฉ่างตงเปิดกล่องใบหนึ่งออก หมอกดำทมิฬพลันลอยออกมาแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “เจ้ายังกล้าสอดมือเข้ามายุ่งเรื่องของลั่วชิงยวนอีก เห็นทีจะยังมีเรี่ยวแรงอยู่ ข้าคงทรมานเจ้ายังมิพอ”“วันนี้เจ้าจงลิ้มรสภูตผีร้ายแห่งหุบเขาฝังศพให้สาสม”จั๋วฉ่างตงใช้ยันต์แผ่นหนึ่งควบคุมหมอกดำทมิฬให้รวมตัวกันกลางอากาศ แล้วพุ่งเข้าโจมตีอวี๋โหรวอย่างรุนแรงอวี๋โหรวกำลังต้านทานการโจมตีของบุรุษเหล่านั้นอยู่ในชั่วขณะต่อมา หมอกดำทมิฬก็พุ่งเข้าใส่ กระแทกเข้าที่ท้องของนางราวกับจะฉีกร่างนางออกเป็นชิ้น ๆ ความเจ็บปวดรุนแรงแล่นปราดเข้าจู่โจมหมอกดำทมิฬนั้นทะลุผ่านร่างของนางไปอวี๋โหรวร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ล้มลงกระแทกพื้นอย่างแรง เจ็บปวดจนร่างกายสั่นเทา มิอาจลุกขึ้นได้บุรุษเหล่านั้นจับแขนของนางแล้วกระชากให้นางลุกขึ้นหมอกดำทมิฬนั้นพุ่งเข้ากระแทกท้องของนางอีกครั้ง แล้วทะลุผ่านไปอย่างรุนแรงอวัยวะภายในสั่นสะท้านก่อให้เกิดความเจ็บปวดรุนแรง ทำให้อวี๋โหรวสั่นไปทั้งร่าง เจ็บปวดจนริมฝีปากสั่นระริก ใบหน้าซีดเผือดนางไม่มีเรี่ยวแรงที่จะตอบโต้ได้เลยเป็นเช่นนี้ซ้

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1293

    นางมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความมิพอใจนางเป็นถึงองค์หญิง ความรักของนางนั้นสูงส่งยิ่งนัก เฉินชีควรจะคุกเข่ารับมันไว้ แต่น่าเสียดายที่เขาปฏิเสธนางอย่างเย็นชา! มิหนำซ้ำยังทำให้นางอับอายขายหน้าอีกด้วย!นางมิพอใจและมิเต็มใจอย่างยิ่งเฉินชียิ่งเป็นแบบนี้ นางก็ยิ่งอยากเอาชนะเขาให้ได้!เฉินชีมองนางด้วยความประหลาดใจ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจแต่เขาก็ยังคงแย่งกระบี่ในมือเกาเหมียวเหมี่ยวมา แล้วกดศีรษะของนางลง ก่อนจะจุมพิตลงบนริมฝีปากของนางอย่างมิลังเลหัวใจของเกาเหมียวเหมี่ยวเต้นแรงราวกับจะกระโดดออกมาจากอกของนางจูบของเฉินชีนั้นเร่าร้อนและรุนแรงอย่างมิอาจต้านทานได้เกาเหมียวเหมี่ยวถูกจูบจนหมดแรง แทบจะทรุดตัวลงแต่ในขณะที่นางคิดว่าเฉินชีจะทำอะไรต่อไป เฉินชีกลับผลักนางออกอย่างแรงไร้ซึ่งความปรานีก่อนเดินจากไปอย่างสง่างามโดยมิแม้แต่จะหันมามองนางด้วยซ้ำเกาเหมียวเหมี่ยวล้มลงนั่งกับพื้นพลางมองแผ่นหลังของเฉินชีด้วยความตกตะลึงเสียงเย็นชาของเฉินชีดังขึ้นว่า “สิ่งที่ท่านให้ข้าทำ ข้าทำแล้ว เรื่องนี้จบแค่นี้”“หากท่านยังคงใช้เรื่องนี้มาขู่ข้าอีก ข้าจะมิเกรงใจท่านแน่”เฉินชีเดิ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1292

    ลั่วชิงยวนมองอวี๋โหรวด้วยความประหลาดใจ อวี๋โหรวกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “คราวก่อนเจ้ามิได้ถามข้าหรอกหรือว่ามีสิ่งนี้หรือไม่ นี่เป็นดอกสุดท้ายที่ข้าเหลืออยู่”“คราวนี้เจ้าถูกฮองเฮาทำร้ายบาดเจ็บสาหัส ข้าคิดว่าเจ้าย่อมต้องการสิ่งนี้เป็นแน่ จึงได้นำมาให้”ลั่วชิงยวนได้ฟังก็รู้สึกตื้นตันใจยิ่งนัก นางมิคาดคิดว่าอวี๋โหรวจะมอบสิ่งนี้แก่นางด้วยว่ายามนี้ ต่อให้หาทั่วทั้งเมืองหลวงก็หาสิ่งนี้มิได้แล้ว“ขอบคุณ” ลั่วชิงยวนกล่าวอย่างซาบซึ้งใจยามนี้นางต้องการสิ่งนี้ยิ่งนัก“มิต้องเกรงใจ” อวี๋โหรวแย้มยิ้มจากนั้นทั้งสองก็เข้าวังไปด้วยกัน กลับไปยังที่พำนักของสำนักนักบวชของพวกนางการใช้บัวถวายนั้นจำต้องใช้สมุนไพรอื่นร่วมด้วย อวี๋โหรวจึงไปยังคลังโอสถเพื่อนำสมุนไพรมามากมายลั่วชิงยวนจึงก่อไฟต้มยาในลานหลังจากกินยาเข้าไป ลั่วชิงยวนก็รู้สึกถึงกระแสความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วร่างสิ่งนี้มีสรรพคุณหลักในการรักษาบาดแผลภายในและฟื้นฟูลมปราณ แต่เมื่อบาดแผลภายในหายดีแล้วย่อมส่งผลดีต่อบาดแผลภายนอกด้วยเช่นกันอวี๋โหรวเห็นว่าหลังจากนางกินยาแล้วสีหน้าของนางก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด“ดูเหมือนว่ายานี้จะได้ผลดีกับเจ้าย

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1291

    นางจ้องมองไปยังเฉินชีพลางเอ่ยว่า “โอสถนี้ก็แค่บำรุงรักษาร่างกายทั่วไป มิได้มีผลอะไรต่อข้าในยามนี้”เฉินชีกลับกล่าวตอบ “ร่างกายของเจ้าในยามนี้มิอาจกินยาแรงได้ ตำรับยานี้สามารถรักษาบาดแผลภายนอกของเจ้าได้”ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วมุ่นมองเขา “แต่ยามนี้ข้าต้องการโอสถรักษาบาดแผลภายใน”“โอสถของเจ้าเพียงรักษาที่ปลายเหตุ มิได้รักษาที่ต้นเหตุ!” เฉินชียังคงยืนกรานในความคิดของตน “วางใจเถิดอาเหลา โอสถที่ข้าให้เจ้ากินนั้นย่อมเหมาะสมแก่เจ้าที่สุด”“เจ้าพักผ่อนให้ดี ข้ายังต้องเข้าวังไปอีกครั้ง”“เรื่องของเกาเหมียวเหมี่ยวยังมิได้สะสาง”“เจ้าพักอยู่ที่นี่ให้สบายใจ ไม่มีผู้ใดกล้าทำร้ายเจ้าหรอก”กล่าวจบ เฉินชีก็จากไปอีกทั้งยังจัดแจงให้คนมาส่งโอสถแก่ลั่วชิงยวนด้วยลั่วชิงยวนพักรักษาตัวอยู่ที่เรือนของเฉินชีสองวันแล้ว ทุกวันจะมีนางรับใช้มาเปลี่ยนผ้าพันแผลและเสื้อผ้าให้ตรงเวลาโอสถที่นำมาให้ก็ล้วนเป็นไปตามตำรับของเฉินชีทว่าลั่วชิงยวนรู้ซึ้งถึงอาการของตนดีว่า ร่างกายของตนนั้นจำต้องได้รับการรักษาด้วยโอสถใดตำรับยาของเฉินชีนั้นเป็นเพียงยาบำรุงร่างกายและให้สารอาหารแก่ร่างกายนี้ แต่การบำรุงเพียงอย่างเดีย

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1290

    ขณะพูด เฉินชีก็รีบหยิบขวดโอสถขวดหนึ่งออกมา พลางเทโอสถลูกกลอนหนึ่งเม็ดส่งให้ลั่วชิงยวนกินมันสามารถปกป้องหัวใจของนางได้รถม้าโคลงเคลงไปตลอดทาง เร่งมุ่งหน้าไปยังจวนของเฉินซีอย่างรวดเร็วหลานจีได้ยินเสียงจึงเดินมาที่ลาน นางสงสัยมากว่ามีเรื่องอะไรที่ทำให้ท่านแม่ทัพต้องรีบร้อนออกไปอย่างกะทันหันทว่านางกลับเห็นเฉินชีลงจากรถม้าพร้อมกับอุ้มลั่วชิงยวนที่ได้รับบาดเจ็บ“ท่านแม่ทัพ… นางคือ...” หลานจีรีบสาวเท้าเข้ามาแต่นางกลับถูกเฉินชีผลักออกไปอย่างไร้ความเมตตา “อย่ามาขวางข้า!”หลานจีต้องถอยหลังไปสองก้าวถึงจะทรงตัวไว้ได้เมื่อได้สติ เฉินชีก็เดินไปไกลพร้อมกับสตรีในอ้อมแขนแล้วหลานจีตกตะลึงเหตุใดท่านแม่ทัพถึงต้องเป็นห่วงสตรีนางนั้นถึงเพียงนี้?นางเป็นใครกัน?หลานจีเกิดอาการตื่นตระหนกขึ้นมาอย่างกะทันหันนางตามไปดูด้วยความมิพอใจเฉินชีอุ้มลั่วชิงยวนเข้ามาที่ห้องของตน เขาวางนางลงบนเตียงแล้วเรียกนางรับใช้มาเปลี่ยนอาภรณ์ให้ลั่วชิงยวนนางรับใช้พากันสาละวนเข้า ๆ ออก ๆ เรือนกันยกใหญ่ยามนี้หลั่วชิงยวนหลับไปแล้วจากนั้นเฉินชีก็ออกจากห้องไป และมิรู้ว่าเขาไปที่ใดหลังจากที่นางรับใช้เปลี่ยนอา

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1289

    "ตอนนี้มิว่าท่านจะตรัสอะไรไปก็ไร้ประโยชน์”“ไม่มีใครสนใจหรอกเพคะ”ทันทีที่พูดคำเหล่านี้ออกมา สีหน้าของฉินอี้และฮองเฮาเกาก็เปลี่ยนไปฮองเฮาเกาจ้องนางด้วยสายตาดุร้ายนางยิ้มเยาะ “ในที่สุดก็ยอมเอ่ยปากแล้วรึ? อย่าลืมที่ข้าพูดไว้สิว่า หากเจ้าพูดข้าจะตัดลิ้นเจ้าทิ้งเสีย!”จากนั้นนางก็ส่งสายตาเป็นนัยให้องครักษ์องครักษ์สองคนก้าวไปข้างหน้า คนหนึ่งจับไหล่ของลั่วชิงยวน อีกคนหยิบมีดขึ้นมาเตรียมตัวพร้อมลงมือฉินอี้ตกใจและครุ่นคิดอย่างรวดเร็วว่าจะทำอย่างไรดีลั่วชิงยวนยังมิยอมแพ้ รอยยิ้มเย็นชาผุดขึ้นบนใบหน้าของนาง “องค์ชายใหญ่ทรงเคยคิดหรือไม่เพคะว่าเหตุใดวรยุทธ์ของท่านถึงหยุดนิ่งมิพัฒนาไปไหน?”“เหตุใดถึงเรียนรู้ได้ช้า แม้จะทุ่มเทความพยายามมากกว่าคนทั่วไปหลายสิบเท่า แต่ก็ยังมิสามารถเรียนรู้ได้เท่ากับที่คนอื่นทำได้”“นั่นมีเหตุผลอยู่เพคะ”“ที่จริงแล้ว ทั้งหมดมิใช่เป็นเพราะพรสวรรค์ที่ธรรมดาเพคะ”“แต่มีพิษชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า…”เมื่อเขาได้ยินเช่นนั้น ฉินอี้ก็ตกใจเป็นอย่างมากฮองเฮาเการีบกระชับเสื้อของนางด้วยความกังวล สีหน้าของนางเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงและขณะที่ลั่วชิงยวนกำลังจะพูดออกมาน

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1288

    ทันทีที่คำกล่าวเหล่านี้หลุดออกมาร่างกายของฟู่เฉินหวนก็แข็งทื่อดวงตาของฉินอี้เต็มไปด้วยความคาดหวังอันร้อนแรงตั้งแต่เล็กจนโต แม้เขาจะเป็นองค์ชาย แต่ก็มีเพียงมิกี่คนที่ให้ความเคารพเขาแม้กระทั่งน้องสาวของเขาเองก็มักจะลงมือทำร้ายเขาบ่อย ๆ โดยมิไว้หน้ากันเลยแม้แต่น้อยส่วนคนที่อยู่ตรงหน้าเขาคืออ๋องผู้เป็นเทพสงครามเทพแห่งแคว้นเทียนเชวียและผู้สำเร็จราชการผู้ยิ่งใหญ่ในใต้หล้าเขาจึงตั้งตารอที่จะได้เห็นฟู่เฉินหวนคุกเข่าด้วยความเคารพฟู่เฉินหวนกำหมัดแน่นซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่จริงเขาสามารถเจรจากับฉินอี้ได้ และมีเงื่อนไขต่าง ๆ มากมายที่เขาสามารถพูดคุยกับอีกฝ่ายได้ทว่าการเจรจาต้องอาศัยยุทธวิธีและที่สำคัญกว่านั้นคือ ต้องมีจิตใจที่สงบมั่นคงแต่ในเวลานี้ ฟู่เฉินหวนมิสามารถทำเช่นนั้นได้เขาแทบจะรอมิไหวแล้วดวงตาของเขาขรึมลง พลางยกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลงเสียงดังตึงเมื่อเข่ากระทบพื้นนั้นเจือไปด้วยความอึดอัดกลัดกลุ้ม แต่เป็นเสียงที่ฉินอี้ฟังแล้วรู้สึกสบายหูเป็นอย่างยิ่งมิอาจปฏิเสธได้ว่าตอนนี้เขาพอใจอย่างถึงที่สุดนี่เป็นความรู้สึกที่เขาพยายามเสาะหามาตลอดหลายปีแต่ก็มิเคยได้มันมาโดยเฉพา

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1287

    ในห้องขังอันเงียบงัน เสียงเฆี่ยนตีดังชัดเจนจนเหมือนได้ยินเสียงผิวหนังฉีกออกเป็นชิ้น ๆทำเอาคนที่ได้ยินรู้สึกใจสั่นที่มุมตรงทางเดิน บุรุษสวมหน้ากากที่อยู่ข้างหลังฉินอี้กำหมัดแน่นในทันทีฝ่ามือถูกจิกจนเกือบจะเลือดออกฟู่เฉินหวนที่ได้ยินเสียงนั้นก็รู้สึกเป็นห่วงและอดมิได้ที่จะพุ่งไปหาแต่ฉินอี้คว้าข้อมือของเขาเอาไว้“เฉินชีจะมาช่วยนางเอง”“หากตอนนี้เจ้าถูกจับได้ก็ช่วยนางออกไปมิได้ แล้วพวกเจ้าก็จะต้องตายอยู่ที่นี่”“ด้วยตัวตนของเจ้า มีแต่จะต้องเผชิญกับจุดจบที่น่าอนาถยิ่งกว่าเดิม”ฟู่เฉินหวนกำหมัดแน่น เขาก้าวถอยหลังมาหนึ่งก้าวและอดทนต่อไปฝ่ามือของเขาเหงื่อออกเมื่อได้ยินเสียงเฆี่ยนตีอย่างต่อเนื่องแต่ไม่มีเสียงร้องของความเจ็บปวด ก็สามารถบอกได้ว่า ลั่วชิงยวนกำลังทุกข์ทรมานกับความเจ็บปวดมากเพียงใดนั่นทำให้ฟู่เฉินหวนรู้สึกปวดใจเป็นอย่างมากทว่าเขาทำได้เพียงเฝ้ามองจากที่ไกล ๆ มิสามารถเข้าไปใกล้หรือช่วยนางได้เสียงแส้ดังขึ้นอย่างมิหยุดหย่อน และเสียงแส้ในแต่ละครั้งนั้นดูเหมือนจะฟาดลงไปที่หัวใจของฟู่เฉินหวนจนเลือดสด ๆ ไหลออกมาเป็นทางเวลาเหมือนจะผ่านไปอย่างเชื่องช้า และเสียงแส้น

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1286

    ภายในห้องบรรทมอันโอ่อ่าฉินอี้เดินมาที่ข้างเตียงด้วยร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลยามนี้เกาเหมียวเหมี่ยวได้ทำแผลและกินโอสถเรียบร้อยแล้ว แต่ใบหน้าของนางยังคงซีดอยู่เล็กน้อยเมื่อเห็นฉินอี้เดินมาหาด้วยใบหน้าฟกช้ำและเปื้อนเลือด เกาเหมียวเหมี่ยวจึงมองเขาด้วยความมิอยากเชื่อ“ท่านแพ้ลั่วชิงยวนรึ?”ฉินอี้ขมวดคิ้วเป็นปม พลางมองบาดแผลของเกาเหมียวเหมี่ยวด้วยความกังวลและพูดว่า “เหมียวเหมี่ยว บาดแผลเจ้าสาหัสมาก ช่วงสองวันนี้เจ้าควรพักผ่อนให้ดีก่อน อย่าเพิ่งเดินไปไหนมาไหนเลย”ทว่าเกาเหมียวเหมี่ยวกลับมิได้สนใจในความห่วงใยของฉินอี้นางจ้องมองฉินอี้ด้วยความโมโหแล้วยกฝ่ามือฟาดไปหนึ่งฉาดฉินอี้มิประหลาดใจแม้แต่น้อย แต่กลับมองเกาเหมียวเหมี่ยวด้วยสีหน้าจริงจังและเป็นห่วง“เหมียวเหมี่ยว...”เกาเหมียวเหมี่ยวโมโหมากจนเอามือฟาดเขาสองครั้งติดต่อกันและแสดงความเกรี้ยวกราดออกมา “ขยะไร้ค่า! ขยะไร้ค่า!”“ท่านเป็นถึงองค์ชายผู้สูงส่ง แต่กลับถูกลั่วชิงยวนจัดการจนมีสภาพเช่นนี้ อับอายจนมิรู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ใด!”เกาเหมียวเหมี่ยวโกรธจนแทบอยากจะฉีกลั่วชิงยวนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยดวงตาของฉินอี้หรี่ลง แต่กลับมิได

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status