แชร์

บทที่ 229

ผู้แต่ง: หว่านชิงอิ๋น
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
"ถ้าหากท่านอ๋องแสดงท่าทีลำเอียง พระชายาคิดจะขอความช่วยเหลือจากองค์ชายห้าหรือไม่เจ้าคะ?"

เมื่อลั่วชิงยวนได้ยินเช่นนี้ นางก็รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้างแล้วรีบโบกมือปฏิเสธทันที

"เจ้าไม่ต้องไปหาองค์ชายห้าและห้ามบอกเรื่องพวกนี้กับท่านเด็ดขาด ท่านตกที่นั่งลำบากจนแทบจะปกป้องตัวเองมิได้อยู่แล้ว ท่านจะมาขอร้องแทนข้าได้อย่างไรกันเล่า? เรื่องนี้หาได้เกี่ยวข้องอะไรกับองค์ชายห้าไม่ ตัวข้าเองก็มิอยากให้ท่านต้องเอาตัวเข้ามาพัวพันด้วย"

เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกี่ยวพันกับหอชิงเฟิงและลั่วเยวี่ยอิง สถานการณ์ระหว่างพวกนางทั้งสามคนก็ยุ่งยากมากพออยู่แล้ว ถ้ามีฟู่อวิ๋นโจวเข้ามาพัวพัน เรื่องราวก็รังแต่จะเกิดปัญหาและยุ่งยากขึ้นไปอีก

แม่นมเติ้งผงกศีรษะ "เพคะ หม่อมฉันจะทำตามคำสั่งของพระชายา"

"แต่เรื่องนี้ควรจะทำเช่นไรดีหรือเจ้าคะ?"

แม่นมเติ้งเองก็รู้สึกเศร้าใจแทนพระชายาที่ต้องประสบเคราะห์ร้ายมากเสียจนแทบจะต้องเอาชีวิตไปทิ้งอยู่แล้ว

ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วพลางครุ่นคิด "ก่อนอื่นต้องพักฟื้นให้หายดี ตัวข้าเองก็อยากจะรู้ว่า ฟู่เฉินหวนจะจัดการเรื่องนี้เช่นไร"

ดังนั้นนางจึงอยู่แต่กินโอสถแล้วพักฟื้นในห้องโด
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 230

    ลั่วชิงยวนรู้สึกตกใจและต่อต้านอยู่บ้าง "บอกว่าข้าไม่ไปเพราะยังไม่หายดี" ทว่าแม่นมเติ้งกลับเอ่ยขึ้นด้วยความจนใจว่า "บ่าวเกรงว่าจะทำเช่นนั้นมิได้เจ้าค่ะ จิ่นชูมารับท่านด้วยตัวเองและรถม้าก็เตรียมเอาไว้พร้อมแล้ว แม้แต่หมอหลวงก็มาด้วย" หมอหลวงก็มาด้วยเช่นนั้นหรือ? ต่อให้ต้องตายก็ต้องพานางเข้าวังให้ได้ใช่หรือไม่? ขณะที่นางเพิ่งจะพูดจบ นางก็เห็นจิ่นชูเดินนำหน้าหมอหลวงเข้ามาในเรือน "พระชายาอาการเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ? ไทเฮารับสั่งให้ข้าพาหมอหลวงเลี่ยวมาตรวจอาการพระชายาเป็นพิเศษ และขอเชิญพระชายาเข้าวังไปสนทนากันสักครู่เจ้าค่ะ" ลั่วชิงยวนไอสองครั้งแล้วบอกว่า "ในเมื่อข้าต้องเข้าวัง เช่นนั้นก็ให้ข้าได้แต่งตัวสักหน่อยเถอะ" แต่จิ่นชูกลับพูดว่า "ไทเฮารับสั่งว่า พระชายาไม่จำเป็นต้องแต่งตัวหรอกเจ้าค่ะเมื่อไทเฮานึกได้ว่าพระชายาไม่สบาย ย่อมไม่โทษท่าน" "พระชายาเชิญทำตัวตามสบายเถิดเจ้าค่ะ" ลั่วชิงยวนไม่มีทางเลือกนอกจากพยักหน้าให้แม่นมเติ้งสวมเสื้อคลุมให้ จากนั้นนางก็ตามจิ่นชูออกไปจากตำหนัก หลังจากขึ้นรถม้าแล้ว พวกเขาก็เดินทางเข้าวัง หมอหลวงจับชีพจรให้นางอยู่ในรถม้าพลางกล่าวว่า "ถึงแม้ว่า

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 231

    ไทเฮากล่าวต่อไปอีกว่า "เจ้าอยากจะตบหน้าตัวเองห้าสิบครั้งต่อหน้านางหรือไม่?" แต่ผู้ที่จิ่นชูพาเข้ามากลับไม่ใช่ลั่วเยวี่ยอิง แต่เป็น... หลิวฮุ่ยเซียง! หลิวฮุ่ยเซียงสวมอาภรณ์บางเบาพลางเดินกะโผลกกะเผลก เส้นผมของนางค่อนข้างเปียกชื้นราวกับว่าคุกเข่าอยู่ข้างนอกมาได้สักพักหนึ่งแล้ว เสื้อผ้าอาภรณ์และเส้นผมชุ่มไปด้วยน้ำค้างจนทำให้นางตัวสั่นสะท้านเพราะความหนาวเหน็บ หลิวฮุ่ยเซียงสืบเท้ามาข้างหน้าพลางคุกเข่าลงดังตุ้บ "ตัวหม่อมฉันผู้ต่ำต้อย หลิวฮุ่ยเซียง ถวายบังคมไทเฮาเพคะ" สายตาของไทเฮาพลันแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาพลางค่อย ๆ เอ่ยขึ้นมาว่า "เจ้ารู้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใดตัวข้าถึงให้เจ้าคุกเข่าถึงหนึ่งชั่วยาม?" "ตัว... ตัวหม่อมฉันผู้ต่ำต้อยหาทราบไม่เพคะ!" หลิวฮุ่ยเซียงน้ำเสียงสั่นเครือ ทั้งยังขาดความมั่นใจอีกด้วย ก่อนที่ลั่วชิงยวนจะมาถึง นางไม่รู้จริง ๆ ว่าเหตุใดตนจึงถูกลงโทษ แต่ยามนี้ลั่วชิงยวนถูกเชิญมาที่นี่แล้วนางจะไม่รู้ได้อย่างไรกัน? ทว่านี่เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย นางไม่กล้ายอมรับผิดไปส่ง ๆ แน่ ทันใดนั้นเสียงของไทเฮาก็พลันแปรเปลี่ยนเป็นเยียบเย็น "เจ้ามิรู้เช่นนั้นรึ? เจ้ารู้จักหอชิงเฟิง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 232

    "พระชายา เจ้าคิดว่าควรทำอย่างไรดี?" คำถามของไทเฮาทำให้ลั่วชิงยวนไม่ทันได้ตั้งตัว "หม่อมฉันหรือเพคะ?" ถึงเวลาที่นางต้องจัดการกับเรื่องนั้นแล้วใช่หรือไม่? หลิวฮุ่ยเซียงรีบคุกเข่าโขกหัวคำนับตรงหน้าลั่วชิงยวน "พระชายาเจ้าคะ! ก่อนหน้านี้ล้วนเป็นความผิดของข้า ข้าขอโทษท่านแล้ว!" แม้ว่าหลิวฮุ่ยเซียงจะเอ่ยขึ้นด้วยความร้อนรนกังวลใจ แต่นางก็ยังโขกหัวคำนับจนตอนนี้หน้าผากเลือดออกพลางขอร้องว่า "พระชายา ได้โปรดอภัยให้ข้าด้วยเจ้าค่ะ! ขอเพียงท่านอภัยให้ จะให้ทำกระไรข้าก็ยอม!" ตระกูลฉินไม่ปกป้องนางอีกต่อไปแล้ว นางจึงไม่มีทางเลือกนอกเสียจากคุกเข่าขอโทษลั่วชิงยวน แต่ลั่วชิงยวนกลับมองด้วยสายตาเย็นชาโดยมิพูดอะไรสักคำ ทำให้หลิวฮุ่ยเซียงโขกหัวคำนับนางมิหยุดหย่อน ถึงหลิวฮุ่ยเซียงจะโขกหัวคำนับจนหน้าผากมีเลือดหยด ทว่าลั่วชิงยวนกลับมิเอ่ยวาจาใดสักคำเดียว กระทั่งไทเฮาต้องร้องเรียกว่า "พระชายา เช่นนี้เจ้าพอใจหรือไม่?" ลั่วชิงยวนก้มหน้ามองหลิวฮุ่ยเซียงด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเย็นชาแล้วตอบเสียงเย็นว่า "ไม่เพคะ" วันที่คนพวกนั้นบังคับจับตัวนางไปทำให้นางรู้สึกอัปยศอดสูเพียงใด? นางต้องถูกก่นด่

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 233

    นางเอ่ยมาขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "คราวนี้เพื่อเห็นแก่ไทเฮา ข้าจะไม่ติดใจเอาความ แต่ถ้ามีครั้งหน้าอีกล่ะก็ ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่!" หลิวฮุ่ยเซียงก้มหน้าแล้วให้สัญญาว่า "ข้ามิกล้าทำอีกแล้วเจ้าค่ะ!" เมื่อหลิวฮุ่ยเซียงพูดจบก็เงยหน้าขึ้นมาพร้อมสายตาจองหอง ทันใดนั้นหลิวฮุ่ยเซียงก็เผยสีหน้าเจ็บปวดและกุมหน้าอกเอาไว้ทันที เพราะรู้สึกปวดช่องท้องขึ้นมากะทันหัน นางเริ่มทรงตัวได้ไม่มั่นคงแล้วล้มลงกับพื้น ลั่วชิงยวนรู้สึกตกใจจนลุกพรวดขึ้นมาทันที "ไทเฮา..." หลิวฮุ่ยเซียงดิ้นรนกระเสือกกระสนแล้วกระตุกไปสองครั้ง นางเงยหน้าแล้วยื่นมือมาทางไทเฮาราวกับว่ากำลังขอความช่วยเหลือ แต่ไทเฮากลับนั่งตัวตรงบนเก้าอี้ พลางหยิบถ้วยชาขึ้นมาด้วยท่าทีสงบนิ่งและไม่ใส่ใจ หลิวฮุ่ยเซียงกระตุกไปสองครั้งทั้งอย่างนั้น จากนั้นก็กระอักเลือดแล้วสิ้นชีพลง ลั่วชิงยวนรู้สึกตื่นตกใจมากเสียจนขมวดคิ้วขึ้นมาทันที ไทเฮาประทานสุราพิษให้แก่หลิวฮุ่ยเซียง! ไทเฮาบอกว่าพระนางอยากให้ลั่วชิงยวนเลิกแล้วต่อกันไปเพื่อเห็นแก่พระนาง แต่พระนางกลับประทานพิษให้แก่หลิวฮุ่ยเซียง "ไทเฮาเพคะ นี่มัน..." ตอนนี้สีหน้าซีดขาวของลั่วชิงยวน

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 234

    ลมหนาวเสียดกระดูก กลุ่มคนชุดดำกำลังหลบหนีอยู่ในท้องถนนอันเงียบสงัด บุรุษผู้มีแผลเป็นกำลังวิ่งไปทั่ว เมื่อเห็นว่าตนถูกล้อมกระหนาบไว้จากทั้งสองด้าน เขาก็กระโดดขึ้นรถม้าแล้วพยายามที่จะปีนขึ้นหลังคาเพื่อหนีไป แต่ทันทีที่เขากระโดดขึ้นมาบนหลังคาเพื่อจะหนีไป จู่ ๆ ก็มีคนชุดดำปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเขา ก่อนที่บุรุษผู้มีแผลเป็นจะทันได้มองให้ชัด ๆ เขาก็โดนถีบเข้าที่หน้าอก เขาโดนถีบจนร่วงตกลงมาจากหลังคาทันที เขาหล่นลงมาที่พื้นอย่างแรงแล้วคนชุดดำก็เข้ามารุมเล่นงานเขา กระบี่เยียบเย็นกลับยิ่งเฉียบคมในสายลมหนาวแล้วกดลงมาที่ลำคอของเขา “กราบทูลท่านอ๋อง! จับตัวได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ!" องครักษ์ชุดดำรายงานด้วยความเคารพนบนอบ ฟู่เฉินหวนยืนเอามือไพล่หลังอยู่บนหลังคาด้วยสายตาเฉียบขาดและเย็นชา "รีบเอาตัวมันไปไต่สวน" หลังจากไล่ตามไม่หยุดหย่อนมาหลายวัน ในที่สุดจับปลาไม่กี่ตัวที่หลุดลอดแหไปได้สักที คนพวกนี้คือไม่กี่คนที่สืบหาได้จากเงื่อนงำที่คนในหอชิงเฟิงเคยให้ไว้ คราวนี้พวกเขาจะต้องไต่สวนหาผู้บงการอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ได้แน่! …… เมื่อรถม้าในวังหลวงหยุดลงตรงหน้าตำหนักอ๋อง จิ่นชูก็ส่งนางแล้วกลับไป

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 235

    …… เมื่อลั่วชิงยวนกลับมาที่เรือน นางก็ยังครุ่นคิดเรื่องคนที่ฟู่เฉินหวนจับตัวมาได้ เขาไม่ได้พักฟื้นอยู่ในห้องหรอกหรือ? เขาออกไปตั้งแต่เมื่อใดกัน? คนพวกนั้นที่ถูกจับตัวมาเป็นผู้ใดกัน? สายลมหนาวหอบหนึ่งปะทะใส่นางจนไอขึ้นมาทันที แม่นมเติ้งรีบช่วยพานางเข้าห้องไป "วันนี้อากาศหนาวมากทีเดียว ขอพระชายาโปรดเข้าไปข้างในแล้วรีบนอนลงเถิดเจ้าค่ะ" หลังจากนางพูดจบก็รีบสั่งจือเฉาให้เติมถ่านหินลงไปในกองไฟ ทั้ง ๆ ที่ห้องอบอุ่น แต่ลั่วชิงยวนกลับรู้สึกหนาวเหน็บไปทั้งจิตใจแล้วค่อยล้มตัวลงนอน กว่าจะหายป่วยต้องใช้เวลากี่วันกันนะ? ตอนที่นางไม่มีอะไรจะทำนางจะสั่งให้แม่นมเติ้งกักตุนเครื่องยาสมุนไพรส่วนที่เหลือ นางอยากจะรักษาโรคอ้วนและไม่อาจหยุดยาได้ เนื่องจากแม่นมเติ้งคำนวณดูแล้วพบว่ามีเหลือไม่มากนัก "พรุ่งนี้เจ้าเอาเงินไปซื้อเครื่องยาสมุนไพรเสียเถอะ" "เจ้าค่ะ" เมื่อนางนึกขึ้นได้ว่าทำเงินรางวัลหนึ่งพันตำลึงที่ได้จากแม่ทัพใหญ่ฉินสูญหายไปท่ามกลางความโกลาหล นางก็รู้สึกปวดใจมากเสียจนไม่อาจปล่อยให้เรื่องราวเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้ …… ในคุกแห่งหนึ่ง มีเสียงแผดร้องดังขึ้น ทว่าก็มาพร้

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 236

    "ท่านอ๋อง ใต้เท้าเฝิงแห่งจวนผู้ว่าราชการมณฑลมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ" เมื่อฟู่เฉินหวนได้ยินเช่นนี้เข้าก็หน้าเปลี่ยนสี ซูโหยวเองก็ขมวดคิ้ว "ใต้เท้าเฝิงมาที่นี่ด้วยเหตุใดกัน..." ฟู่เฉินหวนก้าวเท้าเดินออกไป จากนั้นก็เห็นใต้เท้าเฝิงอยู่หน้าห้องโถง ใต้เท้าเฝิงตลบแขนเสื้อแล้วเดินยิ้มเข้ามาหา "ท่านอ๋อง พักนี้เป็นอย่างไรบ้าง? อาการของท่านเป็นอย่างไรบ้างแล้วพ่ะย่ะค่ะ?" ฟู่เฉินหวนค่อย ๆ นั่งลงแล้วเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีสงบนิ่ง "ใต้เท้าเฝิงมาถึงที่นี่คงไม่ใช่เพราะเป็นห่วงอาการของข้ากระมัง?" ใต้เท้าเฝิงยืนอยู่ตรงหน้าฟู่เฉินหวนด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแล้วเอ่ยพลางยิ้ม "่ท่านอ๋อง กระหม่อมมิได้ปิดบังท่านเลย!" "กระหม่อมหาได้เอ่ยวาจาอ้อมค้อมแต่อย่างใดไม่ กระหม่อมมาคราวนี้เพราะท่านอ๋องจับคนไป" ฟู่เฉินหวนนั่งนิ่งด้วยสีหน้าเย็นชา ใต้เท้าเฝิงกล่าวต่อไปอีกว่า "คนในครอบครัวของพวกเขามาแจ้งกับทางการว่า พวกเขาโดนจับตัวไปโดยไร้เหตุผล" "อีกอย่าง... ก็มีข่าวจากวังหลวงว่าคดีฆาตกรรมของพระชายาปิดลงแล้ว ไม่อนุญาตให้มีการไต่สวนอีกต่อไป เพราะฉะนั้นขอท่านอ๋องได้โปรดปล่อยคนพวกนี้ไปด้วยพ่ะย่ะค่ะ" น้ำเสียงของใต้เท้าเฝิงออกจ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 237

    มีแววอำมหิตผุดขึ้นในดวงตาแดงฉานของลั่วเยวี่ยอิง ใช่! ถูกต้องแล้ว! ลั่วชิงยวนต่างหากที่เป็นตัวต้นเหตุ! ลั่วเยวี่ยอิงโกรธมากเสียจนเปิดตู้มีลิ้นชักใบเล็ก จากนั้นก็หยิบถุงหอมที่อยู่ในนั้นปาลงพื้นแล้วกระทืบลงไป ทำราวกับว่ามันคือลั่วชิงยวนแล้วระบายโทสะออกมา "ล้วนเป็นความผิดของลั่วชิงยวน! นังแพศยาผู้นี้!" เฉียงเวยเจตนาสุมไฟจึงเอ่ยขึ้นมาว่า "คงไม่มีใครเห็นคุณหนูรองอาละวาดที่นี่หรอกเจ้าค่ะ เช่นนั้นไฉนเลยไม่เหยียบมันต่อหน้าพระชายาเล่าเจ้าคะ?" เมื่อลั่วเยวี่ยอิงได้ยินเช่นนี้ นางก็พลันตื่นตกใจขึ้นมาทันที พอนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในงานฉลองไหว้พระจันทร์ในวังหลวง ตอนนั้นท่านอ๋องตั้งใจปกป้องนาง ลองดูอีกครั้งดีกว่า ถ้าหากท่านอ๋องเปลี่ยนท่าทีที่มีต่อนางแล้วจริง ๆ นางก็จะออกจากตำหนักอ๋อง! จากนั้นค่อยคิดหาแผนการอื่น! ดังนั้นลั่วเยวี่ยอิงจึงหยิบถุงหอมขึ้นมาแล้วไปหาลั่วชิงยวน …… ลั่วชิงยวนที่นอนหลับอยู่ ได้ยินเสียงดังขึ้นในเรือน "ท่านพี่ ข้ามาหาท่าน ท่านคิดว่าข้าจะหายหน้าหายตาไปจริง ๆ หรือ? คราวนี้น้องสาวเอาถุงหอมมาส่งให้ท่านเชียวนะ ท่านอยากได้หรือไม่เล่า?" ลั่วเยวี่ยอิงถูกแม่นมเ

บทล่าสุด

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1105

    ดีงูที่ทำให้ฝีมือของนางเพิ่มพูนขึ้นอย่างมากนั้น นางยังคงจำได้มิลืมเลือนน่าเสียดายที่ข้างกายซ่งเชียนฉู่มีคนผู้ทรงอานุภาพคอยคุ้มครอง นางจึงพยายามด้วยวิธีการต่างๆ แต่ก็ยังล้มเหลวการใช้ความสัมพันธ์ระหว่างฉู่ลั่วกับซ่งเชียนฉู่อาจจะประสบความสำเร็จ แต่ฉู่ลั่วกลับดื้อดึงมิยอมร่วมมือกับนาง!เมื่อมิสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ก็จำต้องทำลายเขาเสีย!ลั่วชิงยวนกลับไปยังลานหลังร้านซ่งเชียนฉู่ถามด้วยความสงสัยว่า “ท่านมิได้ไปแล้วหรอกหรือ? เหตุใดจึงกลับมาอีก?”ลั่วชิงยวนทำท่าให้เงียบแล้วพาส่งเฉียนฉู่กลับไปยังห้อง จากนั้นบอกเล่าเรื่องราวให้ฟังเมื่อซ่งเชียนฉู่ฟังจบก็รีบกล่าวว่า “ดูเหมือนว่านางผู้นี้จะมิปล่อยท่านไป หรือว่าท่านจะเข้าวังไปดำรงตำแหน่งมหาปราชญ์ เมื่อมีตำแหน่งนี้แล้ว นางก็จะต้องเกรงใจบ้าง”ลั่วชิงยวนไตร่ตรอง แล้วพูดว่า “มหาปราชญ์ อืม... ค่อยว่ากันอีกที”จนกระทั่งล่วงเข้ายามดึก เมื่อแน่ใจแล้วว่าลั่วฉิงจากไปแล้ว ลั่วชิงยวนจึงกลับตำหนักอ๋องอย่างเงียบเชียบเมื่อกลับแล้วก็ถูกหล่างมู่ขวางทาง “พี่หญิง ท่านไปที่ใดมาขอรับ? ฟู่เฉินหวนมาหาท่านตอนค่ำ”“แล้วเจ้าบอกเขาว่าอย่างไร?”“ข้าบอกว่าพ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1104

    ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วมองหล่างมู่อย่างช่วยมิได้“หล่างมู่ เจ้ากลับไปก่อนเถิด ข้าจะไปทำธุระก่อน” ลั่วชิงยวนหันหลังวิ่งไปหล่างมู่ถือลูกถังหูลู่สองไม้วิ่งตามไปสองสามก้าว “พี่หญิง ท่านจะไปที่ใด? ไฉนมิพาข้าไปด้วยเล่า?”ลั่วชิงยวนมิได้ใส่ใจ รีบวิ่งออกจากถนนไปแล้วเมื่อไปเปลี่ยนอาภรณ์ที่หอฝูเสวี่ยแล้ว นางจึงไปที่ร้านอย่างเงียบเชียบเมื่อไปถึงลานด้านหลังก็พบกับซ่งเชียนฉู่ที่กำลังแบกตะกร้ากลับมาจากประตูหน้า ท่าทางดูรีบร้อนนัก“ท่านมาพอดี ท่านเห็นประกาศบนถนนหรือไม่? องค์จักรพรรดิจะเชิญท่านเข้าวังเพื่อแต่งตั้งท่านเป็นมหาปราชญ์!” ซ่งเชียนฉู่ส่งประกาศให้“นี่เป็นประกาศที่ติดอยู่ที่ประตูร้านเรา”“มิกี่วันที่ผ่านมา ข้าออกไปเก็บสมุนไพร พวกเขาคงจะมาหาท่าน แต่ไม่มีใครอยู่จึงติดประกาศไว้”“จะทำอย่างไรดี?”ซ่งเชียนฉู่ก็ตกตะลึงเช่นกันลั่วชิงยวนรับประกาศมาดูอีกครั้ง ในนั้นยังเขียนด้วยว่าให้นางเข้าวังหลวงเพื่อทำนายชะตาของแคว้นเทียนเชวียแล้วแต่งตั้งเป็นมหาปราชญ์ซ่งเชียนฉู่ถอนหายใจ “ข้าคิดว่าครั้งนี้ ตัวตนของท่านคงจะปกปิดมิได้แล้ว”“คอยดูกันต่อไปเถิด” ลั่วชิงยวนยังมิรู้ว่าจะบอกฟู่เฉินหวนอย่างไร

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1103

    น้ำเสียงของฟู่เฉินหวนนั้นบ่งบอกชัดเจนว่ากำลังหึงหวงอยู่ลั่วชิงยวนปอกส้มแล้วป้อนให้ฟู่เฉินหวนพลางพูดอย่างอารมณ์ดีว่า “หล่างมู่มองหม่อมฉันเป็นเพียงพี่หญิงจริง ๆ เพคะ”“เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับพี่หญิงมาตั้งแต่เด็ก แต่พี่หญิงของเขาเสียชีวิตเพราะเขา จึงเป็นบ่วงกรรมและความเสียใจตลอดชีวิตของเขา”“ต่อมาหล่างชิ่นกลายเป็นพี่หญิงของเขา เขาเชื่อฟังหล่างชิ่นทุกอย่าง แต่สุดท้ายหล่างชิ่นกลับต้องการให้เขาตาย”“หลังจากนั้นเมื่อหม่อมฉันไปยังเผ่านอกด่าน ราชาเผ่านอกด่านบอกว่าหม่อมฉันเป็นพี่หญิงของเขา ดังนั้นเขาจึงมองหม่อมฉันเป็นพี่หญิงแท้ ๆ มาโดยตลอด”เมื่อฟู่เฉินหวนได้ยินเช่นนั้นก็สงสัยยิ่งนัก “พูดตามตรงคือข้ายังคงมิเข้าใจเลยว่าเหตุใดราชาเผ่านอกด่านจึงมั่นใจว่าเจ้าเป็นลูกสาวของเขา”ลั่วชิงยวนพูดเสียงเบาว่า “ราชาเผ่านอกด่านกับลั่วไห่ผิงมีใบหน้าเหมือนกันราวกับแกะ! พวกเขาเป็นพี่น้องกันเพคะ!”“ก่อนที่ท่านแม่ของหม่อมฉันจะมาเมืองหลวงแล้วแต่งงานกับลั่วไห่ผิง นางเคยมีความสัมพันธ์กับราชาเผ่านอกด่าน แต่สุดท้ายก็มิได้ลงเอยกันจึงมาเมืองหลวงและแต่งงานกับลั่วไห่ผิงเพคะ”ฟู่เฉินหวนตกตะลึงยิ่งนักเมื่อได้ฟัง“

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1102

    หล่างมู่ชกเข้าที่ใบหน้าของฟู่เฉินหวนจนฟู่เฉินหวนถอยหลังไปหลายก้าวหล่างมู่แสดงสีหน้าโกรธแค้น “ข้าขอเตือนท่านเลยว่าถ้าท่านทำเช่นนี้กับพี่หญิงของข้าอีก ข้าจะฆ่าท่านเสีย!”ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้วพลางเช็ดเลือดที่มุมปาก “ลั่วชิงยวนอยู่ที่ใด ข้าจะพบกับนาง”“นางอยู่ที่ใด แล้วท่านเกี่ยวอะไรด้วย!” หล่างมู่แสดงสีหน้ามิพอใจ เขายังคงจำได้ว่าในวันคล้ายวันพระราชสมภพของจักรพรรดิ อ๋องผู้สำเร็จราชการยินดีที่จะมอบลั่วชิงยวนให้เขาชายคนนี้ช่างน่ารังเกียจ!เขามิเข้าใจว่าเหตุใดพี่หญิงจึงยังคงอยู่กับชายผู้นี้วันนี้กลับนิ่งเฉยมองดูคนอื่นทำร้ายพี่หญิงอย่างมิแยแสอีก!หล่างมู่มิพอใจอย่างยิ่งเมื่อทั้งสองสบตากัน ความเป็นปรปักษ์ก็ปะทุขึ้นบรรยากาศตึงเครียด ในวินาทีต่อมาดูเหมือนว่าจะต้องต่อสู้กันแน่แล้วลั่วชิงยวนเพิ่งเข้ามาในลานก็เห็นเหตุการณ์นี้ จึงรีบเข้าไปขวางไว้“พวกท่านกำลังทำอะไรกัน!”“แค่ก แค่ก แค่ก...” เมื่อนางร้อนใจก็กุมอกด้วยความเจ็บปวดสีหน้าของทั้งสองเปลี่ยนไปอย่างมากแล้วเข้าไปพยุงนางพร้อมกัน ลั่วชิงยวนปัดมือของทั้งสองออก แล้วหันไปมองหล่างมู่ “พี่บอกเจ้าว่าอย่างไร!”ความโกรธของหล่างมู่หา

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1101

    ฟู่จิ่งหานมิได้ใส่ใจเรื่องนี้ แต่กลับรู้สึกผิดเล็กน้อยที่พระราชโองการนั้นทำให้ลั่วชิงยวนได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ จึงพูดว่า “มิเป็นอะไร การประลองครั้งนี้ก็มิได้ห้ามมิให้แคว้นเพื่อนเรือนเคียงเข้าร่วม”“พระชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการสามารถเอาชนะองค์ชายเผ่านอกด่าน แล้วยกให้เป็นน้องชายได้ นับว่าความสามารถเป็นที่ประจักษ์แก่ข้าแล้ว!”“พระชายามีบาดแผล อนุญาตให้พระชายาและองค์ชายหล่างมู่ออกไปก่อนได้”ลั่วชิงยวนก้มหน้าลงเล็กน้อย “ขอบพระทัยฝ่าบาทเพคะ”แล้วหล่างมู่ก็พยุงลั่วชิงยวนออกไปเนื่องจากหอฝูเสวี่ยอยู่มิไกลและสามารถมองเห็นการประลองจากชั้นสามได้ ลั่วชิงยวนจึงพาหล่างมู่ไปพักผ่อนที่หอฝูเสวี่ยก่อนซิ่งอวี่ต้มยามาให้นางกินลั่วชิงยวนนั่งข้างหน้าต่าง มองดูการประลองที่ยังคงดำเนินต่อไป เมื่อเห็นฟู่อวิ๋นโจวเอาชนะทุกคนได้ นางก็รู้ว่าเขากำลังจะเข้าสู่ราชสำนักแล้ว“พี่หญิง ยังเจ็บบาดแผลอยู่หรือไม่ขอรับ?” หล่างมู่ยกชามาให้หนึ่งถ้วยลั่วชิงยวนส่ายหน้า “มิเป็นอะไรแล้ว บาดแผลมิสาหัส พักสักสองสามวันก็หาย”“หล่างมู่ เจ้ามาเมืองหลวงได้อย่างไร? ในเผ่านอกด่านเกิดเรื่องใหญ่อันใดหรือไม่? รีบร้อนมาเช่นนี้เลยหรือ?

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1100

    ฟู่อวิ๋นโจว!หล่างมู่กำหมัดแน่น แล้วกระโจนเข้าไปอีกครั้งผู้คนมากมายต่างเป็นห่วงฟู่อวิ๋นโจว หล่างมู่เป็นคนเผ่านอกด่าน ฝีมือของเขาเป็นที่ประจักษ์ของทุกคนแล้วร่างกายที่อ่อนแอของฟู่อวิ๋นโจวจะรับมือได้อย่างไรแต่ลั่วชิงยวนรู้ดีว่าเวลาที่ฟู่อวิ๋นโจวปรากฏตัวนั้นเหมาะสม นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับเขาที่จะแสดงความสามารถฟู่อวิ๋นโจวรับหมัดของหล่างมู่ได้อย่างแน่นอนจากนั้นทั้งสองก็ต่อสู้กันอย่างดุเดือดหลายสิบกระบวนท่าทำให้ผู้คนในที่นั้นต่างตกตะลึง“นี่คือองค์ชายห้าหรือ?”“ฝีมือของเขาแข็งแกร่งเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด?”“ใช่แล้ว มิใช่ว่าเขาป่วยอยู่หรอกหรือ?”ขณะที่ผู้คนต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ ฟู่อวิ๋นโจวก็พบจุดอ่อนของหล่างมู่แล้ว จึงเหวี่ยงหล่างมู่ลงไปกับพื้น แล้วชกเข้าที่ใบหน้าของหล่างมู่ลั่วชิงยวนรีบวิ่งเข้าไปห้าม “หยุดนะ!”ฟู่อวิ๋นโจวสะดุ้งแล้วลดมือลงหล่างมู่ลุกขึ้นยืนและกำลังจะตอบโต้ แต่ถูกลั่วชิงยวนดึงไว้“หล่างมู่แพ้แล้ว” ลั่วชิงยวนประกาศผลทันทีสายตาของนางมองฟู่อวิ๋นโจวด้วยอารมณ์ซับซ้อน “ขอแสดงความยินดีกับองค์ชายห้าเพคะ”เขายังคงมิได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระและเรียบง่าย แต่กลั

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1099

    ฟู่เฉินหวนใจตึงเครียดจนฝ่ามือชุ่มไปด้วยเหงื่อลั่วชิงยวนพยายามยันตัวลุกขึ้น แต่กลับไร้เรี่ยวแรงที่จะตอบโต้เหยียนผิงเซียวชกเข้าที่ท้องของลั่วชิงยวนอีกครั้ง เลือดสีแดงฉานพุ่งออกมาจากปากนางเหยียนผิงเซียวจิกผมของนางแล้วกระซิบข้างหูอย่างร้ายกาจว่า “เจ้าเก่งนักมิใช่หรือ! ทำให้ท่านพ่อของข้าต้องลาออกจากตำแหน่งกลับไปยังเมืองฉิน เจ้าเป็นผู้มีพระคุณใหญ่หลวงของตำหนักอ๋องนี่!”“เจ้าลองเดาดูสิว่าฟู่เฉินหวนจะช่วยเจ้าหรือไม่?”“แต่มิสำคัญแล้ว เพราะข้าต้องการเพียงให้เจ้าตายเท่านั้น!”เหยียนผิงเซียวใช้ร่างของลั่วชิงยวนบังสายตาของผู้คนส่วนมืออีกข้างที่กำหมัดแน่นมีแผ่นเหล็กแหลมคมติดอยู่ แล้วกระแทกลงไปที่ท้องของลั่วชิงยวนอย่างแรงลั่วชิงยวนเห็นอาวุธลับนั้นแล้วก็ตึงเครียดมากฟู่เฉินหวนแทบขาดใจ ความรู้สึกมิสบายใจอย่างรุนแรงถาโถมเข้ามาฟู่อวิ๋นโจวผู้นั่งอยู่มุมห้องใต้หลังคาก็กำมือแน่นด้วยความตึงเครียดเช่นกันแม้ว่าฝีมือของลั่วชิงยวนจะสู้เหยียนผิงเซียวมิได้ แต่ก็มิควรจะไร้เรี่ยวแรงที่จะตอบโต้เช่นนี้จะลงมือช่วยนางตอนนี้เลยดีหรือไม่!ฟู่อวิ๋นโจวลังเลอยู่ครู่หนึ่งแต่แล้วในวินาทีนั้นเองเงาร่

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1098

    ในมิช้าการประลองก็เริ่มขึ้นโชคดีที่ลั่วเยวี่ยอิงมิได้ก่อเรื่องวุ่นวายอีก นางเฝ้าดูการประลองอย่างสงบลั่วชิงยวนใช้โอกาสนี้ทำความเข้าใจกฎเกณฑ์ ดาบและกระบี่นั้นไร้ตา ดังนั้นการประลองครั้งนี้จึงห้ามใช้ดาบและอาวุธลับแต่เมื่อปรมาจารย์ต่อสู้กันก็อาจจะควบคุมมือมิทัน เพื่อให้ทุกคนได้ทุ่มเทอย่างเต็มที่ การประลองครั้งนี้ ความเป็นความตายจึงเป็นเรื่องของชะตาฟ้าลิขิตชัยชนะครั้งสุดท้ายมิใช่ผลลัพธ์ที่สำคัญที่สุดสิ่งสำคัญคือการแสดงผลงานในระหว่างการประลอง ฟู่เฉินหวนจะคัดเลือกผู้ที่มีความสามารถโดดเด่นบางคนสำหรับฟู่จิ่งหาน การประลองครั้งนี้มิใช่เพียงการคัดเลือกผู้ที่มีความสามารถโดดเด่นเท่านั้น แต่ยังเป็นการชมการประลองที่น่าตื่นเต้นด้วย ดังนั้นจึงมีความอิสระสูงทุกคนสามารถขึ้นไปท้าทายได้ หนึ่งรอบมีผู้แข่งขันสิบคน ผู้ชนะจะได้พักแล้วเข้าสู่รอบที่สองดังนั้นผู้ชนะในแต่ละรอบจะสามารถท้าทายคู่ต่อสู้ที่ตนคิดว่าแข็งแกร่งกว่าได้อย่างอิสระการประลองรอบแรกจบลงอย่างรวดเร็ว ฟู่เฉินหวนกับฟู่จิ่งหานวิเคราะห์ผู้ที่เหมาะสมในรอบนี้อย่างจริงจังฟู่จิ่งหานพยักหน้าให้ขันทีที่ยืนอยู่ด้านข้างจดบันทึกชื่อทุกอย่าง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1097

    “พระชายา เหตุใดมิลงไปหามาให้ข้าเล่า? หากขุดพบรากบัวได้สองหัว ข้าจะเมตตาตกรางวัลให้อย่างงาม!”น้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความเยาะเย้ยและหยิ่งผยองนั้น มิใช่ปฏิบัติต่อลั่วชิงยวนดุจพระชายา หากแต่ปฏิบัติเสมือนทาสบริวารเหล่าผู้คนโดยรอบต่างตกตะลึงพรึงเพริดตำแหน่งของลั่วชิงยวนในตำหนักอ๋องนั้นต่ำต้อยถึงเพียงนี้เชียวหรือ?ฟู่เฉินหวนอดรนทนมิไหวอีกต่อไป จึงพูดเสียงเย็นเยียบว่า “ฤดูกาลนี้จะมีรากบัวอยู่ได้อย่างไร มิต้องลำบากเช่นนั้นเลย”ลั่วเยวี่ยอิงกลับคว้าแขนฟู่เฉินหวนพลางทำท่าทางออดอ้อน“ไม่เพคะ ท่านอ๋อง เผื่อว่าจะมีก็ได้! โปรดให้พระชายาลงไปค้นหาดูเถิดเพคะ!”นางกล่าวจบก็ถอดกำไลหยกที่ข้อมือ แล้วขว้างลงไปในบึงจากนั้นเชิดหน้าพูดกับลั่วชิงยวนว่า “ไปสิ กำไลหยกวงนี้เป็นรางวัลของเจ้า!”ท่าทางเช่นนี้ประหนึ่งว่ากำลังสั่งการสุนัขตัวหนึ่งฟู่เฉินหวนกำมือแน่น รู้สึกปวดร้าวที่ศีรษะอย่างยิ่งลั่วชิงยวนเห็นดังนั้นก็กังวลเพราะอาการของฟู่เฉินหวน นัยน์ตานางฉายแววเย็นชาขณะมองหน้าลั่วเยวี่ยอิง แล้วหันหลังกระโดดลงไปในสระน้ำเมื่อเสียงน้ำกระเพื่อมดังขึ้น เสียงฮือฮาต่างก็ดังมาจากทั่วบริเวณ“นางกระโดดลงไปจริง ๆ

DMCA.com Protection Status