“แท่งไม้แท่งนั้น ท่านอ๋องเป็นคนวาง! เห็นได้ชัดว่า กระทั่งท่านอ๋องยังมิเชื่อในความสามารถในการวาดรูปของเจ้า! เจ้าจะวาดภาพคนงามผืนนี้ออกมาได้อเยี่ยงไร!” “อย่าว่าแต่คนอื่นเลย พวกเขาต่างก็คิดว่าข้าเป็นคนวาด! เจ้าจะวาดออกมาได้เยี่ยงไรกัน!” หลิวฮุ่ยเซียงรนจนกระทืบเท้า นางมิเชื่อว่าลั่วชิงยวนจะมีความสามารถนี้! สายตาของฟู่เฉินหวนมืดครึ้มลง เขากำลังจะเอ่ยปาก ลั่วชิงยวนกลับกระตุกยิ้มและกล่าวขึ้นก่อน “คุณหนูหลิงช่างประเมินตนสูงจริง ๆ ท่านอ๋องลงคะแนนกระบอกนั้น มิได้หมายความว่าจะลงคะแนนให้ข้า!” “แต่เพราะท่านอ๋องเชื่อในทักษะการวาดภาพของข้า และเห็นว่ามิมีคนให้คะแนนคุณหนูหลิว ท่านกลัวว่าคุณหนูหลิวจะเสียหน้า จึงให้คุณหนูหลิวด้วยความเมตตา!” “เหตุใดคุณหนูหลิวจึงมิสำนึกในความกรุณาของท่านกัน?” ลั่วชิงยวนพูดถามอย่างหนักใจ ทำสีหน้าของหลิวฮุ่ยเซียงซีดขาวขึ้นมาในทันที คนรอบ ๆ ที่ได้ยินต่างซุบซิบขึ้นมาเช่นกัน “จริงด้วย ข้าก็ว่าท่านอ๋องสำเร็จราชการสายตาไม่ดีงั้นหรือ ที่แท้เพราะเห็นมิมีคนให้คะแนน จึงให้เพื่อไว้หน้าหลิวฮุ่ยเซียง” “แต่เพียงแท่งเดียว ก็มิดีไปกว่ากระบอกไผ่ว่างเปล่านัก” ยังคงน่าอั
“หากคุณหนูหลิวจะโกงจริง ๆ ข้าก็คงทำอะไรท่านมิได้ แต่อย่างน้อยก็ควรหาเหตุผลดี ๆ มาใส่ร้ายข้า” พูดจบ หลิวฮุ่ยเซียงขาอ่อน ล้มพับลงพื้นอย่างรุนแรง ลั่วอวิ๋นสี่ตกใจ รีบขึ้นไปพยุงอย่างร้อนรน “พี่หลิว!” หลิวฮุ่ยเซียงราวกับวิญญาณถูกชักออกจากร่าง นัยน์ตาเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น ร่างกายก็สั่นระริกอย่างควบคุมไม่ได้ รอบด้านดังเป็นเสียงซุบซิบ แต่เพราะหลิวฮุ่ยเซียงเป็นฝ่ายพูดถึงเวินซีหลานขึ้นมาก่อน ในมุมจึงมีคนเอ่ยปากพูดขึ้นเสียงเบา “ข้านึกออกแล้ว ฮูหยินก่อนหน้านี้ของฉินไป๋หลี่ ชื่อเวินซีหลาน” “แต่เวินซีหลานหนีไปกับชายอื่น หลิวฮุ่ยเซียงจึงขึ้นเป็นฮูหยินเอก หากเช่นนี้ นางจะขานเวินซีหลานว่าพี่ก็มิผิด” สิ้นประโยคนี้ จึงมีคนถามขึ้นอย่างสงสัย “หนีไปกับชายอื่นหรือ? แต่ในฝันของลั่วชิงยวนบอกนางถูกคนไม่ดีใส่ร้ายมิใช่หรือ” มุมปากของลั่วชิงยวนเผยเป็นรอยยิ้มที่สังเกตเห็นได้ยากขึ้น เป้าหมายของนางสำเร็จแล้ว เพียงแต่ไม่คิดว่า หลังจากที่เวินซีหลานเกิดเรื่อง จนถูกป้ายร้ายว่าหนีไปกับชายอื่นด้วย ใครจะรู้ นางและลูกชายถูกคร่าชีวิต คุมขังอยู่ในภาพวาดและรับความทรมานจากไฟกล้าอย่างไร้ที่สิ้นสุด นางถ
“ข้าผิดไปแล้ว! ข้าขอขออภัย หวังว่าพระชายาจะมิถือสา และให้อภัยข้าเถิด!” สิ้นประโยคนี้ หลิวฮุ่ยเซียงแทบอยากจะเอาหัวโขกกำแพงตาย! นางกัดฟันมองลั่วชิงยวนอย่างคับแค้น! หากแค้นนี้มิชำระ นางก็อย่าเป็นคนเสียเลย! ท้ายที่สุดนางก็คุกเข่าโขกหัวคำนับขอการอภัย ในใจลั่วชิงยวนรู้สึกสะใจเป็นที่สุด จากนั้นก็ได้ยินเสียงร้องไห้แทบขาดใจของเวินซีหลาน “คุณหนูหลิวพูดจริงทำจริง” “ดังเช่นระเบียบของหอเริงรมย์ ความแค้นระหว่างเราถือว่าจบสิ้นลงแล้ว! หากหลังจากนี้คุณหนูหลิวมาหาเรื่องข้าอีก จะถือเป็นการหาเรื่องตำหนักอ๋องสำเร็จราชการ!” แววตาลั่วชิงยวนกะพริบ เห็นได้ชัดว่านางมองสิ่งที่หลิวฮุ่ยเซียงคิดในใจออก พูดจบยังมองไปทางฟู่เฉินหวนที่นั่งนิ่งอยู่อีกด้าน “ใช่หรือไม่เพคะท่านอ๋อง?“ ฟู่เฉินหวนมองลั่วชิงยวน มุมปากเขาเผยรอยยิ้มลึกซึ้ง ในใจของเขาสั่นคลอนเบา ๆ นางผู้นี้ช่างมิยอมคนเสียจริง แต่เขาก็ยังพยักหน้าอย่างไม่รู้ตัว “เช่นนั้นแล” เมื่อได้สติว่าตนพูดอะไรออกจากปากไป กระทั่งตัวฟู่เฉินหวนเองยังมิอยากจะเชื่อ เขาจึงกล่าวตามน้ำต่อ “ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในหอเริงรมย์วันนี้ จบลงในหอเริงรมย์ ที่คุณหนูหลิวดูหมิ
“ใช่ เจ้าควรคืนตำลึงแก่พวกข้า!” ”คืนเงินพวกข้า!” หลิวฮุ่ยเซียงถูกประชาชนประท้วงคืนเงิน นางรู้สึกอับอายจนอยากจะหาซอกดินมุดลงไปฉับพลัน เงินหนึ่งกล่องใหญ่ ๆ ถูกยกมาวางหน้าอ๋องสำเร็จราชการ “ท่านอ๋อง นี่คือเงินที่ท่านชนะพ่ะย่ะค่ะ” ฟู่เฉินหวนยังมิทันรับ ลั่วชิงยวนก็ตัดหน้าเสียก่อน นางกระตุกมุมปาก “ขอบใจยิ่ง!” คนใช้ผู้นั้นเผยยิ้ม “พวกข้ามากกว่าที่ควรขอบคุณพระชายา!” พูดจบก็วิ่งออกไปทันที การพนันด้านนอก แท้จริงก็จัดขึ้นโดยหอเริงรมย์ นี่เป็นหนึ่งในวิธีหาเงิน และขยายชื่อเสียงเพื่อเรียกลูกค้าของพวกเขา “ลั่วชิงยวน” จู่ ๆ เสียงทุ้มต่ำของฟู่เฉินหวนดังขึ้นเบื้องหลัง แฝงความไม่พอใจเล็กน้อย แต่กลับมิได้โมโหจริง ลั่วชิงยวนหันร่าง สบเข้ากับดวงตาลึกซึ้งคู่นั้นของฟู่เฉินหวน นางกระตุกมุมปาก “ท่านอ๋อง หม่อมฉันบอกไปแล้วว่ายืม จึงถือว่าหม่อมฉันเป็นคนพนันเงิน มิใช่ท่าน!” เงินอยู่ในมือนางแล้ว ใครก็อย่าคิดแย่งไปทั้งนั้น “อีกอย่าง ท่านคงมิถือสาเงินเล็กน้อยแค่นี้กับหม่อมฉันใช่หรือไม่?” ฟู่เฉินหวนไขว้มือไว้ด้านหลัง หัวเราะเสียงต่ำทีหนึ่ง “เงินแค่นี้รึ?” ตรงหน้าอย่างน้อย ๆ ก็เป็นหมื่นตำลึงเ
“เป็นเช่นไรหรือ?” ฟู่จิ่งหานถามอย่างสงสัย “เหมือนจะไม่ได้ไร้ประโยชน์อย่างที่ล่ำลือ” เสียงฟู่เฉินหวนต่ำทุ้ม ฟู่จิ่งหานกล่าวไตร่ตรอง “มิเหมือนในคำล่ำลือ วันนี้ทำเอาข้าเปิดโลกเสียจริง!” “วันนี้ข้าอุตส่าห์ออกจากวัง ไปหอจิ่นชุนเป็นเพื่อนข้าเร็ว!” พูดจบก็ดึงตัวฟู่เฉินหวนไปทันที สีหน้าฟู่เฉินหวนย่ำแย่ “ท่านจะไปหอนางโลมหรือ? ท่านเป็น…” “เป็นอะไรกันเล่า ไปกันเถิด” ฟู่จิ่งหานกดเสียงต่ำ และดึงตัวฟู่เฉินหวนโดยบังคับ …… ลั่วชิงยวนกอดตั๋วเงินลังใหญ่กลับตำหนักมาอย่างอารมณ์ดี มองดูพระชายาที่กลับตำหนักมาด้วยสีหน้าหยาดเยิ้ม เฉียงเวยรีบไปรายงานข่าวให้กับลั่วเยวี่ยอิงทันที ลั่วชิงยวนกลับถึงตำหนัก หยิบตั๋วเงินหนึ่งพันตำลึงออกมา ยื่นให้กับแม่นมเติ้ง “เจ้าหาเวลาเอาให้ซูโหยว” แม่นมเติ้งเห็นเงินตำลึงและตั๋วเงินมากมายเช่นนี้ก็นึ่งอึ้ง “พระชายาออกไปรอบเดียวได้เงินกลับมามากเพียงนี้เชียวหรือเจ้าคะ?” “ข้าหามาได้!” ลั่วชิงยวนแยกเงินตำลึงและตั๋วเงิน พร้อมนับอย่างละเอียด ทั้งหมดหนึ่งหมื่นสามพันหกร้อยตำลึง! สำหรับลั่วชิงยวนในตอนนี้ ถือเป็นทรัพย์ก้อนยักษ์ เพียงแต่ คิดถึงลั่วอวิ๋นสี่… นางจ
พูดจบ ลั่วชิงยวนจึงไปเยี่ยมลั่วหลางหลาง ลั่วหลางหลางรู้ว่านางจะมา รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก จึงสั่งคนให้ไปเตรียมน้ำชาและขนมหวานทันที ”ชิงยวน!” ลั่วหลางหลางเดินเข้ามาจูงมือนางด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ลั่วชิงยวนเห็นลั่วหลางหลางใบหน้าชมพูฝาดเลือด สีหน้าค่อนข้างดี เหมือนว่าใกล้จะหายดีแล้ว “ร่างกายของพี่หลางหลางดีขึ้นแล้ว ไยถึงยังอยู่แต่ในห้องเล่า?” ลั่วชิงยวนถามอย่างสงสัย ลั่วหลางหลางกวาดตาลง “ข้า… มิได้อยากออกไปนัก” มิใช่นางมิอยากออกไป แต่นางมิกล้าออกไปต่างหาก ลั่วชิงยวนรู้อยู่แก่ใจ นางจูงมืออีกฝ่ายนั่งลง “วันนี้ข้ามีเรื่องจักมาเล่าให้ท่านพี่ฟัง” จากนั้นนางก็เล่าเรื่องทั้งหมดที่ประสบในหอเริงรมย์วันนี้ ได้ยินว่าลั่วชิงยวนถูกผู้อื่นล้อขัน ลั่วหลางหลางก็ดึงแขนเสื้อไว้อย่างกังวล “พวกนางเกินไปเสียจริง!” ลั่วชิงยวนพยักหน้า “ใช่ พวกนางพูดจาน่าเกลียดมาก เจ้าลองทายดูข้าทำอย่างไร?” “ทำอย่างไรหรือ?” คิ้วของลั่วหลางหลางขมวดแน่น กังวลใจเป็นอย่างมาก ลั่วชิงยวนยิ้มกล่าว “ข้าจึงเตะหลิวฮุ่ยเซียงตกน้ำ!” ลั่วหลางหลางได้ยิน รู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก นางคิดมิถึงจริง ๆ ว่านิสัยอย่างลั่วชิงยว
เพียะ เสียงดังชัดเจน เฉียงเวยถูกตบจนอึน และยืนนิ่งอยู่กับที่ ลั่วชิงยวนมองนางด้วยสายตาดุดัน “เจ้าลองพูดอีกรอบซิ” เฉียงเวยกุมหน้าไว้อย่างอึดอัด นางร้องไห้พร้อมมองไปทางลั่วชิงยวน “พระชายารังแกผู้อื่น! เงินนี้เป็นเงินช่วยชีวิตของคุณหนูรอง! ท่านแย่งไปเช่นนี้ คุณหนูรองจะทำเช่นไร…” ลั่วชิงยวนมองลั่วเยวี่ยอิงที่ร้องไห้เสียใจอยู่อีกด้าน หัวเราะเย็นทีหนึ่ง “เงินช่วยชีวิตงั้นรึ? เจ้าก็ลองบอกมาท่านพ่อให้เจ้ามาเท่าไร ตรงกับยอดของเงินในกล่องหรือไม่?” ลั่วเยวี่ยอิงมิโง่อยู่แล้ว นางเพียงพูดสะอื้น “ข้ารู้ว่าท่านพี่ต้องการเงิน ข้าสามารถแบ่งท่านพี่ได้ครึ่งหนึ่ง แต่ท่านพี่ช่วยเหลือให้ข้าสักนิดได้หรือไม่ ข้ายังต้องรักษาหน้า” การเอาแต่ใจที่ร้องไห้เป็นอย่างเดียว ลั่วชิงยวนเห็นจนชินแล้ว บัดนี้นางรู้สึก คนอย่างหลิวฮุ่ยเซียงยังรู้จักการถกเถียง แต่ลั่วเยวี่ยอิงนั้น เอะอะก็เอาแต่ร้องไห้ ไม่มีเหตุผลแม้แต่นิด! ลั่วชิงยวนแค่เห็นท่าทีร้องไห้ของนางก็รู้สึกขยะแขยง เสียงร้องไห้นางทำแก้วหูลั่วชิงยวนแสบไปหมด นางรำคาญจนสะบัดฝ่ามือใส่หน้านาง และตบนางล้มลงบนพื้น เฉียงเวยกระโจนขึ้นไป พร้อมตะโกนสุดเสียง
ในสมองของนางสามารถนึกภาพที่เขาโมโหนาง ตักเตือนนาง เค้นถามนาง และข่มขู่นางมิให้ไปทำร้ายลั่วเยวี่ยอิงออกเลย กระทั่งบางครั้งเขาอาจลงโทษนาง เพื่อเอาคืนให้กับลั่วเยวี่ยอิง ภายในห้องตำรา ฟู่เฉินหวนหลับตานึกคิด เรื่องบางเรื่อง เขาจำเป็นต้องถามให้ชัดแล้ว ท่าทีไร้ประโยชน์ของลั่วชิงยวนก่อนหน้านี้ นางแกล้งทำงั้นหรือ? ภาพวาดในวันนี้ นางวาดออกมาได้เช่นไร แล้ววันนั้นที่จู่ ๆ ลั่วเยวี่ยอิงก็เสียสติ เป็นฝีมือของนางหรือไม่? บนตัวลั่วชิงยวน มีความลับอะไรซ่อนอยู่กันแน่ ทั้งคู่คิดเรื่องที่แตกต่างจนสติหลุด จนลั่วชิงยวนมาถึงในห้องตำรา รอบด้านเต็มไปด้วยความเงียบ ลั่วชิงยวนมองเขานิ่ง ๆ “ฟู่เฉินหวน” ฟู่เฉินหวนกำลังจะเอ่ยปาก มิคิดว่าลั่วชิงยวนจะพูดขึ้นเสียก่อน ใบหน้าที่แสนนิ่งสงบของนาง พูดกับเขาด้วยน้ำเสียงไม่แฝงความรู้สึก และชัดถ้อยชัดคำ “หย่าหม่อมฉันเถิด” เมื่อพูดจบ หัวใจของฟู่เฉินหวนกระตุก ราวกับมีสายฟ้าระเบิดที่กลางหัวของเขา สีหน้าของลั่วชิงยวนมิเหมือนวันก่อน ๆ นางในวันนี้ นัยน์ตามิมีโทสะ และมิมีความเจ็บใจ มีเพียงความสงบ ความสงบที่ล้ำลึก ทำคนมองอารมณ์ของนางตอนนี้ไม่ออก แต่กลับจ
ใจของลั่วชิงยวนร้อนรุ่มดั่งไฟสุม นางพยายามดิ้นรนสุดแรง “ปล่อยข้านะ!”“ฟู่เฉินหวน ท่านช่างไร้หัวใจอะไรเยี่ยงนี้!”ทว่าฟู่เฉินหวนยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย มิสะทกสะท้านแม้แต่น้อยเมื่อเห็นแม่นมเติ้งใกล้จะทนมิไหวแล้ว น้ำตาลั่วชิงยวนก็เอ่อคลอ“หม่อมฉันจะมิออกจากเรือนแล้ว หม่อมฉันจะมิออกจากห้องแล้ว ได้หรือไม่!”นางมองฟู่เฉินหวนด้วยดวงตาแดงก่ำ พยายามวิงวอนขอร้องในที่สุดนางก็ยอมก้มหน้าลง“ขอท่านไว้ชีวิตนางด้วยเถิดเพคะ!” ลั่วชิงยวนคุกเข่าลงอย่างอ่อนแรงแววตาฟู่เฉินหวนมืดมนเดิมทีลั่วชิงยวนคิดว่าเมื่อนางขอร้องแล้ว ฟู่เฉินหวนคงจะไว้ชีวิตแม่นมเติ้งแต่ฟู่เฉินหวนกลับมีแววตาเย็นชา “นางเป็นบ่าวของตำหนัก มิใช่บ่าวของเจ้า นางขัดคำสั่งข้า สำหรับข้าแล้ว ไม่มีคำว่ายกโทษ”น้ำเสียงเย็นเยียบของเขาเป็นดั่งหนามแหลมทิ่มแทงหัวใจของลั่วชิงยวนลั่วชิงยวนตกตะลึงนางโกรธจนตะโกนลั่น “ฟู่เฉินหวน!”ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้ว นัยน์ตาฉายแววหงุดหงิดขณะกล่าวเสียงเย็น “พาตัวนางไป”องครักษ์จับตัวลั่วชิงยวนแล้วลากออกไปฟู่เฉินหวนมองนางเป็นครั้งสุดท้ายด้วยสายตาเย็นชา “หากเจ้ายังท้าทายข้าอีก จะต้องมีคนตายมา่กกว่านี้แน่”แ
ครั้นลั่วชิงยวนถูกพากลับมายังเรือนพวกองครักษ์ก็ปล่อยตัวนาง นางจึงทรุดกายลงคุกเข่ากับพื้นด้วยความอ่อนล้า“พระชายา! พระชายา!”จือเฉารีบรุดเข้ามาประคอง แต่พลั้งมือไปโดนแขนนางเข้า จึงสะดุ้งโหยงรีบชักมือกลับ “พระชายา แขนของท่าน...”ลั่วชิงยวนยันกายลุกขึ้นโดยอาศัยจือเฉาพยุงเดินเข้าห้องไปอย่างเชื่องช้าเมื่อนั่งลงบนเก้าอี้ นางก็จับแขนข้างที่หักนั้นไว้พลางกัดฟันแน่นก่อนจะออกแรงดันกระดูกให้เข้าที่ความเจ็บปวดแล่นริ้วราวกับจะขาดใจ น้ำตาของนางแทบไหลรินจือเฉากลั้นน้ำตาไว้มิอยู่ “พระชายา... เหตุใดท่านอ๋องจึงโหดเหี้ยมเช่นนี้ ลงพระหัตถ์หนักหนาเกินไปแล้ว...”ทันใดนั้นลั่วชิงยวนก็รู้สึกเจ็บแปลบที่อกพลันไอออกมามิหยุด จือเฉารีบยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ เมื่อไอเสร็จ ลั่วชิงยวนก็พบว่าผ้าเช็ดหน้าเต็มไปด้วยเลือด...จือเฉาตกใจมาก “บ่าวจะไปตามซูโหยวให้ไปเชิญหมอหลวงมาเจ้าค่ะ”แต่ลั่วชิงยวนกลับบอกว่า “มิต้อง อย่าทำให้เขาเดือดร้อนเลย”หากฟู่เฉินหวนรู้ว่าซูโหยวช่วยนางคงจะโกรธมากเป็นแน่“แล้วแผลของพระชายาเล่าเจ้าคะ?”ลั่วชิงยวนรินน้ำชา “ยังมีสมุนไพรเหลืออยู่มิใช่หรือ แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว”จากนั้นนางก็หยิบส
ในชั่วพริบตา ลั่วชิงยวนก็รู้สึกเจ็บแปลบที่หลังเพราะถูกกดลงบนกำแพงเท้าของนางลอยขึ้นจากพื้นความรู้สึกหายใจมิออกทำให้นางดิ้นรนสุดกำลัง“ใครอนุญาตให้เจ้าเข้ามา! ใครอนุญาตให้เจ้าแตะต้องของของข้า!”ลั่วชิงยวนพยายามพูด “ฟู่เฉินหวน...”นางหายใจมิออกแล้วนัยน์ตาของฟู่เฉินหวนฉายแววเย็นชาขณะจับนางเหวี่ยงออกไปร่างลั่วชิงยวนตกกระแทกพื้นเสียงดังสนั่นกลิ้งไปหลายตลบแล้วกระอักเลือดออกมาอวัยวะภายในสั่นสะเทือน ปวดร้าวไปทั่วร่าง“ฟู่เฉินหวน ลั่วฉิงกับไทเฮาร่วมมือกัน สิ่งที่ไทเฮาให้ท่านอาจถูกลั่วฉิงปลอมแปลง จดหมายนั้นอาจเป็นของปลอมก็ได้!”ลั่วชิงยวนรีบอธิบายความคิดของตนเองฟู่เฉินหวนเดินเข้ามาด้วยความโกรธ เขาจับนางขึ้นมาแล้วมองนางด้วยสายตาเหี้ยมโหด “ถึงตอนนี้แล้วยังจะมาหลอกลวงข้าอีกรึ?”“ลายมือท่านแม่ของข้า ข้าจะจำมิได้เชียวหรือ!”พูดจบ ลั่วชิงยวนก็ถูกเหวี่ยงออกจากห้องร่างกระแทกพื้นหิมะแขนข้างหนึ่งถูกทับจนเกิดเสียงดังกร๊อบแขนหลุดจากข้อต่อแล้ว“โอ๊ย...” ลั่วชิงยวนร้องเสียงหลง หน้าซีดเผือดด้วยความเจ็บปวด เหงื่อเย็นผุดขึ้นเต็มไปหน้านางใช้มือข้างเดียวพยุงตัว พยายามลุกขึ้นอย่างยากล
ลั่วฉิงใช้เข็มทิศอาณัติสวรรค์มิเป็นด้วยฐานะของนาง เป็นไปมิได้ที่จะใช้มิเป็นลั่วชิงยวนเบิกตากว้างลั่วฉิงมิได้ใช้มิเป็น แต่ใช้มิได้ต่างหาก!นางพกเข็มทิศนี้ติดตัวมาตั้งแต่เด็ก อาจารย์บอกว่าเป็นของที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษของนางหลังจากที่นางตายแล้วเกิดใหม่เข็มทิศนี้ก็ยังคงติดตัวนางมา ย่อมมิใช่ของธรรมดาสามัญแน่นอนดังนั้น เข็มทิศนี้อาจจะยอมรับนางเป็นเจ้าของแล้ว คนอื่นจึงใช้มิได้เมื่อคิดได้ดังนั้น ลั่วชิงยวนก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้างลั่วฉิงได้เข็มทิศไปก็ไร้ประโยชน์ฟู่เฉินหวนถาม “หากไม่มีเข็มทิศนี้ เจ้าก็ทำนายอะไรมิได้เลยหรือ?”ลั่วฉิงยกยิ้ม “แน่นอนว่ามิใช่เช่นนั้น”“เช่นนั้นก็มิเห็นเป็นอะไร เจ้าแค่ทำนายสิ่งที่เจ้าทำนายได้ แล้วก็จะค่อย ๆ ได้รับความไว้วางใจเอง”ฟู่เฉินหวนมีสีหน้าเคร่งขรึม ขณะกล่าวเสียงเย็น “ข้าทะเลาะกับนางไปแล้ว หากจะหลอกลวงนางอีกก็ต้องแสร้งทำดีด้วย”“ข้ามิอยากทำเรื่องน่ารังเกียจเช่นนั้น”หัวใจของลั่วชิงยวนพลันเจ็บแปลบเขาบอกว่าการทำดีกับนางเป็นเรื่องน่ารังเกียจ...ลั่วชิงยวนรู้สึกเจ็บปวด นางกำเสื้อแน่น มิกล้าส่งเสียงแล้วค่อย ๆ เดินจากไปคำพูดเหล่านั้นดังก้อ
ลั่วชิงยวนที่ถูกขังไว้สองวันเริ่มรู้สึกอึดอัดราวกับถูกจองจำในคุกหิมะตกหนักติดต่อกันหลายวันยิ่งทำให้นางรู้สึกหดหู่เมื่อหิมะเริ่มเบาบางลงนางจึงออกมานั่งที่เก้าอี้ในเรือนสัมผัสกับความเย็นยะเยือกที่โปรยปรายลงบนใบหน้า“พระชายา ระวังจะเป็นหวัดนะเจ้าคะ”จือเฉานำกาน้ำชาอุ่นมาวางไว้บนโต๊ะข้าง ๆ แล้วรินใส่ถ้วยให้นางไอร้อนจากน้ำชาช่วยเพิ่มความอบอุ่นในวันหิมะตกอันหนาวเหน็บจือเฉานั่งอยู่ข้าง ๆ เหม่อมองท้องฟ้าด้วยความกังวล “พระชายา เหตุใดท่านอ๋องจึงใจร้ายกับท่านเช่นนี้เจ้าคะ”“ก่อนหน้านี้เป็นเพราะมีลั่วเยวี่ยอิงที่คอยยุแยง บัดนี้ลั่วเยวี่ยอิงก็ตายไปแล้ว เหตุใดท่านอ๋องจึงยังเป็นเช่นนี้ ระหว่างท่านอ๋องกับพระชายามีเรื่องเข้าใจผิดกันหรือเจ้าคะ?”ลั่วชิงยวนก็มิอาจเข้าใจได้เริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อใดกันตั้งแต่ที่นางถูกเฉินชีจับตัวไปบนเขาหรือไม่สิ น่าจะเริ่มตั้งแต่เรื่องของฟู่จิ่งหานตอนที่ฟู่เฉินหวนตัดสินใจจัดการกับฟู่อวิ๋นโจว เขาเข้าวังไปหลายวันแล้วเมื่อกลับมาก็หย่ากับนางแต่เกิดเรื่องอะไรขึ้นในวัง แม้แต่จักรพรรดิสูงสุดก็มิยอมบอกนางหรือบางทีอาจจะมิรู้เหมือนกันวันนี้แม่นมเติ้งเป
เขามีสีหน้าเย็นชาขณะกล่าวเสียงเรียบ “กลับตำหนักกับข้า”ลั่วชิงยวนนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งแล้วจึงให้จือเฉาเก็บข้าวของตามฟู่เฉินหวนออกจากวังเมื่อขึ้นรถม้า ฟู่เฉินหวนก็สั่งสารถีให้กลับตำหนักทันทีทั้งยังเร่งให้รีบกลับด้วยคิ้วที่ขมวดเข้าหากันเล็กน้อยดูเหมือนจะหงุดหงิดอยู่รถม้าแล่นไปอย่างรวดเร็ว ลั่วชิงยวนถูกเขย่าโคลงเคลงจนตัวแทบปลิว แต่ก็ยังพยายามทรงตัว มิเอ่ยคำใดจนกระทั่งรถม้ามาถึงหน้าตำหนักลั่วชิงยวนจึงสังเกตเห็นรอยแดงบนใบหน้าของฟู่เฉินหวนนางยกมือขึ้น แตะใบหน้าเขาเบา ๆ “ใบหน้าของท่านเป็นอะไรไป?”ฟู่เฉินหวนคว้าข้อมือของนางไว้แล้วจ้องมองด้วยสายตาคมกริบ “มิใช่เพราะเจ้าหรอกรึ!”ลั่วชิงยวนชะงักไปชั่วพริบตานั้น ฟู่เฉินหวนก็กระชากนางลงจากรถม้าอย่างแรง ทำให้นางเกือบล้มนางเดินเซ แต่ก็ยังถูกฟู่เฉินหวนลากเข้าไปในตำหนักฟู่เฉินหวนเดินอย่างรวดเร็ว ทั้งร่างเต็มไปด้วยโทสะราวกับพยายามอดกลั้นมานานลั่วชิงยวนจึงตระหนักได้ว่าเขาคงถูกจักรพรรดิสูงสุดลงโทษมิเช่นนั้นรอยแดงบนใบหน้าเขาจะมาจากไหนเมื่อมาถึงลานด้านใน นางก็สะบัดตัวหลุดจากฟู่เฉินหวน“ท่านจะทำอะไร!”ทันใดนั้น ฟู่เฉินหวนก็บีบคางน
ผ่านไปครู่หนึ่ง เซิ่งไป่ชวนก็มาถึงลั่วชิงยวนพยุงตัวลุกขึ้นนั่งเซิ่งไป่ชวนเห็นเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ บนหน้าผากนาง จึงเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “พระชายารู้สึกหนาวหรือไม่ขอรับ?”ลั่วชิงยวนกล่าวอย่างแผ่วเบา “ข้ามิเป็นอะไร มิต้องตรวจชีพจรแล้ว ข้าจะเขียนใบเทียบยาให้ เจ้าช่วยไปหยิบยาให้หน่อย”เซิ่งไป่ชวนพยักหน้า เขาย่อมเชื่อมั่นในฝีมือแพทย์ของลั่วชิงยวนจึงมิฝืนใจเพียงแต่กล่าวว่า “เห็นอาการของพระชายาทรงทรุดลงทุกวัน เกรงว่าจะเป็นเพราะความวิตกกังวล พระชายาควรปล่อยวางบ้าง”“เพื่อรักษาพระวรกายให้แข็งแรงขอรับ”ลั่วชิงยวนพยักหน้า “ขอบคุณหมอหลวงเซิ่ง”“ข้าจะระมัดระวัง”ขณะที่กำลังสนทนากัน ก็พลันได้ยินเสียงตวาดดังมาจากด้านนอก“ว่ากระไรนะ! สั่งลงไป ผู้ใดกล้าพูดถึงเรื่องนี้อีกให้ตัดหัวได้เลย!”ลั่วชิงยวนตกใจเล็กน้อยด้วยความสงสัย นางจึงสวมรองเท้าเดินออกไปจือเฉานำผ้าคลุมมาสวมให้นางเห็นจักรพรรดิสูงสุดกำลังโมโหอยู่ใต้ชายคา“เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือเพคะ?” ลั่วชิงยวนถามด้วยความอยากรู้จักรพรรดิสูงสุดกล่าวว่า “ไม่มีอะไร เจ้าไปพักผ่อนเถิด ข้ามิได้ดุใครมานานแล้วเลยลองฝึกฝนดู”จากนั้นจักรพรรดิสูงสุด
เดิมทีนางตั้งใจจะบอกข่าวดีนี้แก่เขาในยามที่เขากับนางคืนดีกันแล้วทว่าสิ่งที่รอคอยกลับเป็นการหลอกลวง เขาชิงเอาเข็มทิศอาณัติสวรรค์ของนางไปบัดนี้เขาใจแข็งเช่นนี้ ลั่วชิงยวนจึงจำต้องบอกเรื่องนี้แก่เขาในใจนางยังคงมีความหวัง หวังว่าเพื่อลูกในครรภ์ ฟู่เฉินหวนอาจจะใจอ่อนลงบ้างทว่าประตูบานนั้นยังคงปิดสนิทนอกจากเสียงลมหวีดหวิวที่พัดผ่านก็ไม่มีเสียงตอบรับใดสายลมหนาวราวกับจะพัดพาความอบอุ่นสุดท้ายในใจนางให้หายไปน้ำตาใสไหลรินอาบแก้มซีดเผือดลั่วชิงยวนหันหลังเดินจากไปอย่างเงียบงันเหล่าบ่าวไพร่ในตำหนักเห็นนางแล้วอยากจะทักทาย แต่ก็ลังเล มิกล้าเอ่ยปากบัดนี้ลั่วชิงยวนราวกับคนไร้วิญญาณ เดินออกจากตำหนักไปอย่างไร้จุดหมายนางเดินไปเรื่อย ๆ รู้สึกราวกับว่าสายลมหนาวจะพัดพาร่างนางให้แหลกสลายไป ความหนาวเหน็บกัดกร่อนกระดูก......ภายในห้องตำรา ฟู่เฉินหวนทรุดลงนอนสลบแน่นิ่งกองอยู่ที่มุมห้อง พื้นเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดจนกระทั่งซูโหยวกลับมาพบเข้า จึงรีบให้คนไปตามหมอหลวงมู่มาโดยด่วนหมอหลวงมู่ตรวจอาการแล้วก็ตกใจยิ่งนัก รีบปรุงยาให้ทันทีและยังนำโสมมังกรที่ตกทอดกันมาในตระกูลออกมาตัดแบ่งส่วนเล็ก
เขามิอยากแตะต้องนางแม้เพียงปลายเล็บฟู่เฉินหวนรีบส่งคนออกไปตามล่าเฉินชี แล้วจึงกวาดสายตามองลั่วชิงยวนที่นอนอยู่บนพื้นหิมะอย่างเย็นชาก่อนเอ่ยเสียงเรียบ “พากลับไป”องครักษ์สองนายเข้ามาพยุงลั่วชิงยวน แล้วพานางออกไปจากศาลาลั่วชิงยวนจ้องมองฟู่เฉินหวนด้วยดวงตาแดงก่ำ เมื่อสบเข้ากับสายตาเย็นชาของเขา หัวใจนางก็พลันเหมือนถูกบีบขณะที่นางถูกพาตัวออกไป เสียงซุบซิบนินทาดังขึ้นทั่วศาลาเสียดแทงโสตประสาทยิ่งนักเมื่อกลับถึงตำหนัก ฟู่เฉินหวนก็รีบจัดการวางกำลังคนไปจับตัวเฉินชีลั่วชิงยวนยืนรออยู่ท่ามกลางหิมะ จนกระทั่งเขาจัดการทุกอย่างเสร็จจึงเดินเข้าไปหา“ฟู่เฉินหวน...”ทว่าฟู่เฉินหวนกลับมองนางด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องตำรา แล้วปิดประตูใส่หน้าเสียงปิดประตูดังสนั่น ทำให้ลั่วชิงยวนสะดุ้งตกใจนางมิยอมแพ้ เดินไปเคาะประตู “ฟู่เฉินหวน ท่านรังเกียจหม่อมฉันแล้วใช่หรือไม่!”“เฉินชีกับลั่วฉิงร่วมมือกัน! เหตุใดท่านจึงหลอกเอาเข็มทิศของหม่อมฉันไป! ทั้งหมดนี้เป็นแผนของพวกเขา!”นางทุบประตูเรียก “ฟู่เฉินหวน ท่านต้องอธิบายให้หม่อมฉันฟัง!”ประตูเปิดออกกะทันหันฟู่เฉินหวนก้าวออกมาด้วยความโกรธ