”ลั่วชิงยวน ตั้งแต่ตอนที่เจ้าฝืนเข้ามาอยู่ในตำแหน่งนี้ เจ้าก็ทำอะไรตามใจอยากมิได้แล้ว”เขาพูดอย่างเด็ดขาดชัด ๆ ทีละคำ “อยากให้ข้าเขียนหนังสือหย่ารึ? ฝันไปเถอะ”หลังจากที่ได้พูดปฏิเสธไปอย่างหนักแน่นเช่นนั้น หน้าอกของเขาก็รู้สึกเจ็บปวดบีบรัด มีกลิ่นคาวของเลือดพลุ่งขึ้นมาในปากและเขาพยายามกดข่มมันเอาไว้ลั่วชิงยวนมองแววตาเด็ดขาดของเขาและรู้สึกหนาวเหน็บในใจ เขาต้องการทรมานนางจนถึงตายเลยหรืออย่างไร?นางยิ้มเย็นชา “บางครั้งข้าก็รู้สึกว่าท่านอ๋องไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล แม้ท่านจะไม่มีเหตุผลที่จะปกป้องลั่วเยวี่ยอิง แต่ข้าก็ยังรู้สึกว่าท่านก็แค่หลงเล่ห์ของนางเท่านั้น”“เห็นชัดว่าท่านทำให้หม่อมฉันสับสนนัก ท่านมิให้หนังสือหย่าหม่อมฉัน แต่ท่านก็ยังกักขังหม่อมฉันไว้เพราะการสลับตัวแต่งงานอย่างนั้นหรือ?”“ฟู่เฉินหวน หม่อมฉันมองท่านผิดไปจริง ๆ”นางไม่ควรมีความคิดว่าจะเปลี่ยนความรู้สึกที่มีต่อเขาเลย เขาเป็นท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการของแคว้นเทียนเซวีย เป็นท่านอ๋องผู้ไร้ปรานีเมื่อพูดจบ ลั่วชิงยวนก็หันหลังจากไปอย่างฉุนเฉียวฟู่เฉินหวนอดกลั้นโทสะเอาไว้ในใจจนสุดท้ายไม่สามารถทนเก็บกักเลือดในปากต่อไปได้จนต้อ
ตอนที่เทียบถูกส่งเข้ามาที่ห้องตำราของฟู่เฉินหวน บนโต๊ะก็มีเทียบกองอยู่นับสิบใบแล้วฟู่เฉินหวนไม่ได้เปิดดู สีหน้าเขาก็มืดครึ้มซูโหยวพูดเสียงขรึม “วันนี้เจ้ากรมหลิวเพิ่งยื่นฎีการ้องเรียนพระชายาไปตอนเช้า ตอนนี้ก็มีคนมาหานางมากมาย นี่เป็นเพราะหญิงงามซีหลานหรือว่ามีเจตนาอื่นกันแน่”แววตาฟู่เฉินหวนเย็นชา เขาพูดเบา ๆ ว่า “พวกเขาหาประโยชน์จากข้ามิได้ ดังนั้นเลยมุ่งเป้าลั่วชิงยวน”“นี่ไม่ใช่เพราะว่าบุตรสาวของเขาแพ้พนันให้กับลั่วชิงยวนแล้วเกิดอับอายขึ้นมาหรอกหรือ แต่เขาบอกว่า หลิวฮุ่ยเซียงนั้นถึงกับล้มป่วยหนักเป็นตายเท่ากัน เขาทำให้เป็นเรื่องใหญ่เช่นนี้ต้องมีผู้อยู่เบื้องหลังแน่”ยิ่งได้ยินเช่นนี้ซูโหยวยิ่งร้อนใจ “พวกเขาจะทำร้ายพระชายาหรือ…”“ปฏิเสธเทียบเชิญไปให้หมด ห้ามใครเข้าพบทั้งนั้น แล้วก็ไม่ต้องรับเทียบเชิญจากใคร” แววตาฟู่เฉินหวนมืดครึ้ม เขาชำเลืองมองกองเทียบบนโต๊ะ“พ่ะย่ะค่ะ”……แม่นมเติ้งปลุกลั่วชิงยวนให้ตื่นจิ่นชูนางกำนัลของไทเฮามาขอพบ หลังจากที่ลั่วชิงยวนล้างหน้าล้างตาเสร็จ นางก็รีบออกไปที่ห้องโถงในห้องโถงรับแขก นางกำนัลจิ่นชูนั่งอยู่ที่เก้าอี้ เมื่อนางเห็นลั่วชิงยวนเข้า
เป็นไปได้ไหมว่าฉินไป๋หลี่มาหานางหลังจากที่ได้ยินเรื่องเกี่ยวกับรูปหญิงงามซีหลาน?ฟู่อวิ๋นโจวพยักหน้าและบอกว่า “ใช่ ข้าได้ยินคนรับใช้ของข้าบอกเช่นนั้น”“ดูเหมือนว่าเขาอยากจะมาชมภาพหญิงงามซีหลานของเจ้า”ลั่วชิงยวนตกใจ นี่ไม่ผิดแน่ฟู่อวิ๋นโจวยิ้มและบอกว่า “ชิงยวน ข้าไม่รู้มาก่อนว่าทักษะการวาดภาพของเจ้าจะยอดเยี่ยมเช่นนี้ แม้ว่าข้าจะไม่ได้เห็นกับตา แต่ก็ได้ยินข่าวจากด้านนอกว่าฝีมือเจ้าไม่ธรรมดายิ่ง”ลั่วชิงยวนอึ้งไปเล็กน้อย ช่วงนี้ฟู่อวิ๋นโจวโดนกักบริเวณให้อยู่แต่ในตำหนักใต้ เขารู้ข่าวเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดที่หอเริงรมย์เมื่อวานนี้เร็วเช่นนี้ได้อย่างไร?ขณะที่นางกำลังคิดเรื่องนี้ จู่ ๆ ฟู่อวิ๋นโจวก็ถามขึ้นมาอย่างใคร่รู้ “ชิงยวน ข้าสงสัยว่าเจ้าวาดรูปหญิงงามซีหลานได้อย่างไรรึ?“เจ้าเคยเจอเวินซีหลานคนนี้หรือ? นางนั้นเป็นภรรยาคนก่อนของฉินไป๋หลี่”ลั่วชิงยวนตอบอย่างจริงจัง “ข้าไม่รู้ว่านางเป็นใคร แค่วันหนึ่งข้าฝันเห็นนาง ข้าคิดว่านางต้องเป็นนางฟ้านางสวรรค์เป็นแน่จึงได้นำมาเป็นแบบวาดภาพ”“ไม่คิดว่าท่านจะบอกข้าว่านางเป็นภรรยาของฉินไป๋หลี่่… ข้าไม่รู้จักฉินไป๋หลี่ด้วยซ้ำ”ลั่วชิงยวนพูดอย่
ชายผู้นี้ไร้เหตุผลนัก“เสด็จพี่ ชิงยวนก็แค่…” ฟู่อวิ๋นโจวกำลังจะเอ่ยปากฟู่เฉินหวนมองเขาสายตาเย็นเยียบ น้ำเสียงของเขาก็หนาวเยือกไปถึงกระดูก “ลั่วชิงยวนเองก็แต่งงานเข้าตำหนักอ๋องมานานแล้ว เหตุใดองค์ชายห้าถึงยังไม่เปลี่ยนใจ? คำว่าชายาอ๋องและคำว่าพระชายานั้น ท่านอาจารย์ลืมสอนสั่งสองคำนี้กับองค์ชายห้าหรือ?”น้ำเสียงเย็นนั้นแฝงแววข่มขู่และสีหน้าฟู่อวิ๋นโจวก็ซีดเผือดเขาก้มหน้าลงด้วยความหวาดกลัว “พ่ะย่ะค่ะ อวิ๋นโจวจะฟังคำสั่งสอนของท่านอ๋อง”ลั่วชิงดวยดูไม่มีปัญหาอะไรกับการที่องค์ชายห้าเรียกนางด้วยชื่ออย่างสนิทสนม“หากไม่มีอะไรแล้ว ข้าขอตัวไปก่อน” นางยังร้อนใจอยากจะไปหาฉินไป๋หลี่แต่ใบหน้าฟู่เฉินหวนกลับบิดเบี้ยวน่ากลัว เขาตวาดเสียงแข็ง “จากวันนี้เป็นต้นไป เจ้ามิได้รับอนุญาตให้ออกไปไหน”“ในฐานะพระชายา เจ้าเตร็ดเตร่ไปมาในเมืองทั้งวันวี่ สร้างเรื่องให้ผู้คนพูดกันไม่หยุดหย่อน จากวันนี้เป็นต้นไป เจ้าต้องอยู่แต่ในตำหนักทบทวนความผิดของตัวเจ้า เจ้ามิอาจออกไปนอกตำหนักได้โดยไม่ได้รับคำอนุญาตจากข้า”ลั่วชิงยวนตะลึง “ฟู่เฉินหวน ไยท่านถึงได้เสียสตินัก? หม่อมฉันไปยั่วโทสะท่านเมื่อใดรึ? ท่านมิได้รั
เด็กที่แทบไม่พูดเลยนั้นกลับพูดขึ้นมาเป็นครั้งแรกเมื่อได้ยินแล้วก็เศร้าโศกยิ่งนักเวินซีหลานปลอบ “ไม่หรอก ท่านพ่อไม่ลืมพวกเรา”ลั่วชิงยวนดูเคร่งขรึม หากว่าตอนนี้นางออกไปด้านนอกมิได้ ส่วนฉินไป๋หลี่เองก็เข้ามามิได้เป็นแน่สถานการณ์พลันหยุดนิ่ง ณ จุดนี้“พวกเจ้าอดทนรอสักสองสามวัน วันนี้ฉินไป๋หลี่มาแล้ว วันนี้เขารีบร้อนมา เขาต้องคิดถึงพวกเจ้าแล้วอยากหาความจริงเป็นแน่”“เขาจะมาอีกแน่ ข้าจะให้พวกเจ้าได้พบ”ลั่วชิงยวนพูดอย่างมุ่งมั่นเวินซีหลายพยักหน้า “ขอบคุณมากเจ้าค่ะ”เมื่อพูดไปเช่นนี้ลั่วชิงยวนก็ไม่กล้าฝากความหวังไว้กับความกระตือรือร้นของฉินไป๋หลี่ว่าจะมาที่หน้าตำหนักเอง นางจะพยายามโน้มน้าวให้แม่นมเติ้งมาร่วมมือกับนางเพื่อหนีไปจากตำหนักแอบออกทางประตูหลังปีนกำแพงสวนออกไปกลางดึกนางลองทำทุกทางแต่ไม่ว่าวิธีไหนก็ล้มเหลวเพราะว่าเซียวชูนั้นลอบจับตามองนางอยู่ และทุกครั้งที่นางต้องการหนี องครักษ์ของตำหนักก็จะมาพาตัวนางกลับไปเพราะแบบนี้ ลั่วชิงยวนจึงล้มเลิกความคิดที่จะหนีออกจากตำหนักนางนั้นเบื่อมาก แล้วทำได้เพียงขอให้องครักษ์ในตำหนักอ๋องนำหุ่นไม้มาตั้งไว้ให้นางในเรือนสองสามตั
”หุบปาก” ฉินไป๋หลี่ตะโกนอย่างโมโหแต่เสียงตวาดของเขาไม่อาจหยุดหลิวฮุ่ยเซียงได้ตอนนั้นเองก็มีเสียงเย็นเยียบดังขึ้น…“หลิวฮุ่ยเซียง ข้าคิดว่าเจ้าช่างไม่รู้ตัวเองเลย เจ้าต่างหากที่ตายแล้วต้องโดนดึงลิ้นแล้วลงกระทะทองแดงมิใช่รึ?”ลั่วชิงยวนเปิดประตูและเดินออกมาอย่างไม่หวั่นกลัว ความสงบนิ่งของนางยามที่เผชิญเรื่องอันตรายนั้นมั่นคงดุจเขาไท่ซานหลิวฮุ่ยเซียงตะลึงไป นางโมโหมากและรีบพุ่งเข้าไป “ลั่วชิงยวน เจ้าใช้อาคมอะไรล่อลวงสามีข้า ข้าจะสู้ตายกับเจ้า”ฉินไป๋หลี่หยุดนางไว้ เส้นเลือดบนหน้าผากของเขาปูดโปนพร้อมคำรามว่า “หลิวฮุ่ยเซียง ข้าบอกว่าให้พอ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพระชายา เจ้าบ้าหรือไร?”หลิวฮุ่ยเซียงทรุดฮวบพร้อมคร่ำครวญอย่างสิ้นหวัง ผมเผ้าของนางยุ่งเหยิงและนางก็ตื่นตระหนกมาก“จักไม่เกี่ยวกับนางได้อย่างไร? แล้วข้าล่ะ? ข้านั้นเจ็บหนักเจียนตายแต่ท่านกลับมาหานางทุกวัน ท่านมิได้โดนนางแย่งไปแล้วหรอกหรือ? นี่มันเรื่องอันใดกัน ข้าเป็นภรรยาของท่านมิใช่รึ”หลิวฮุ่ยเซียงหวาดกลัว นางกลัวมากนางกลัวว่าฉินไป๋หลี่จะรู้เรื่องการตายของเวินซีหลาน หลังจากที่พบกับลั่วชิงยวนเขาจะเริ่มสืบหาเรื่องเกี่ยวก
เสียงนั้นมาจากชายวัยกลางคนที่สวมชุดเกราะอ่อนเดินช้า ๆ เข้ามาหา ใบหน้าของเขาดูสูงส่งและหนักแน่น“ท่านพ่อ เหตุใดท่านมาอยู่ที่นี่?” ฉินไป๋หลี่ตกใจกลายเป็นว่าคนผู้นี้ก็คือแม่ทัพใหญ่ฉินบิดาแท้ ๆ ของฉินไป๋หลี่แม่ทัพฉินมองฉินไป๋หลี่ด้วยสีหน้ามืดครึ้ม “เจ้าเสียเวลาตามหาสตรีผู้นั้นอยู่นานหลายปี แล้วตอนนี้เจ้าก็มีเสียสติไปเพราะคำพูดไม่กี่คำของลั่วชิงยวน เจ้ามันไร้ประโยชน์นัก”“เจ้าจะมัวติดอยู่กับอดีตมิได้ เจ้าต้องเดินหน้าต่อไป บัดนี้ฮุ่ยเซียงคือภรรยาของเจ้า ภรรยาเพียงคนเดียว”“เจ้าถึงกับทิ้งนางที่ป่วยหนักเพื่อมาหาลั่วชิงยวน สตรีผู้นี้ป้อนเรื่องไร้สาระอันใดให้เจ้ากัน?”เมื่อได้ยินคำพูดของแม่ทัพใหญ่ฉิน ลั่วชิงยวนก็อดนิ่วหน้ามิได้ฉินไป๋หลี่เถียง “ท่านพ่อ ข้าก็แค่อยากรู้ความจริงเรื่องการจากไปของซีหลาน หากว่านางโดนคนที่นางหนีตามไปทำร้ายแล้วข้าจะปล่อยเรื่องนี้ไปได้อย่างไร”“ถึงนางจะตายแล้ว ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า” แม่ทัพใหญ่ฉินตวาดเสียวเข้มจากนั้นเขาก็มองลั่วชิงยวนและพูดอย่างไม่พอใจว่า “ในเมื่อพระชายาสมรสกับท่านอ๋องแล้ว นางก็ต้องทำตามจรรยาสตรี มิอาจเที่ยวเตร่ไปมาข้างนอกได้ เพราะอาจจะทำให
ลั่วชิงยวนอยากจะนำมาให้เขาดู เพราะอย่างไรนางก็นำภาพหญิงงามซีหลานมาด้วยแต่ว่า….บนร่างฉินไป๋หลี่มียันต์อยู่ ฉินชิงไห่เองก็เช่นกัน ดังนั้นเวินซีหลานจึงออกไปจากรูปสาวงามนานแล้วและอยู่ที่เรือนห่างออกไป มิกล้าที่จะเข้ามาใกล้สักนิดหากนำรูปนี้ออกมาให้ฉินไป๋หลี่ได้ชมแล้วมันดูไม่เหมือนตัวจริง เขาต้องผิดหวังอย่างมากและตัดใจไม่กลับมาอีกดังนั้นจึงไม่อาจเอารูปออกมาให้เขาดูได้ตอนนั้นเองก็มีคนอีกผู้หนึ่งที่ร้อนใจยิ่งกว่านาง หลิวฮุ่ยเซียงรีบพุ่งเข้ามาหาอย่างคลุ้มคลั่ง “ลั่วชิงยวน เจ้าวางยาสามีข้าใช่หรือไม่?”หลิวฮุ่ยเซียงเสียสติไปแล้ว นางพุ่งเข้าไปหมายคว้าคอเสื้อลั่วชิงยวนฟู่เฉินหวนดวงตาเย็นเฉียบ เขาคว้าแขนหลิวฮุ่ยเซียงและเหวี่ยงนางออกไปเขามองแม่ทัพใหญ่ฉินสายตาคมปลาบ “แม่ทัพใหญ่ฉินตั้งใจจะให้สตรีบ้าผู้นี้มาสร้างความร้าวฉานระหว่างเราทั้งสองจวนรึ?”แม่ทัพฉินโมโหลั่วชิงยวนและฟู่เฉินหวนมาก เขามองสภาพคลุ้มคลั่งของหลิวฮุ่ยเซียงและรู้สึกอับอายเขาตวาดเสียงดังว่า “หากอยากก่อเรื่องก็ไปทำที่จวน เจ้าจะสร้างปัญหาที่นี่อีกแค่ไหนถึงจะหยุด?”หลิวฮุ่ยเซียงทรุดฮวบลงคุกเข่า นางโขกหัวคำนับให้ลั่วชิงยวนอ
ดีงูที่ทำให้ฝีมือของนางเพิ่มพูนขึ้นอย่างมากนั้น นางยังคงจำได้มิลืมเลือนน่าเสียดายที่ข้างกายซ่งเชียนฉู่มีคนผู้ทรงอานุภาพคอยคุ้มครอง นางจึงพยายามด้วยวิธีการต่างๆ แต่ก็ยังล้มเหลวการใช้ความสัมพันธ์ระหว่างฉู่ลั่วกับซ่งเชียนฉู่อาจจะประสบความสำเร็จ แต่ฉู่ลั่วกลับดื้อดึงมิยอมร่วมมือกับนาง!เมื่อมิสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ก็จำต้องทำลายเขาเสีย!ลั่วชิงยวนกลับไปยังลานหลังร้านซ่งเชียนฉู่ถามด้วยความสงสัยว่า “ท่านมิได้ไปแล้วหรอกหรือ? เหตุใดจึงกลับมาอีก?”ลั่วชิงยวนทำท่าให้เงียบแล้วพาส่งเฉียนฉู่กลับไปยังห้อง จากนั้นบอกเล่าเรื่องราวให้ฟังเมื่อซ่งเชียนฉู่ฟังจบก็รีบกล่าวว่า “ดูเหมือนว่านางผู้นี้จะมิปล่อยท่านไป หรือว่าท่านจะเข้าวังไปดำรงตำแหน่งมหาปราชญ์ เมื่อมีตำแหน่งนี้แล้ว นางก็จะต้องเกรงใจบ้าง”ลั่วชิงยวนไตร่ตรอง แล้วพูดว่า “มหาปราชญ์ อืม... ค่อยว่ากันอีกที”จนกระทั่งล่วงเข้ายามดึก เมื่อแน่ใจแล้วว่าลั่วฉิงจากไปแล้ว ลั่วชิงยวนจึงกลับตำหนักอ๋องอย่างเงียบเชียบเมื่อกลับแล้วก็ถูกหล่างมู่ขวางทาง “พี่หญิง ท่านไปที่ใดมาขอรับ? ฟู่เฉินหวนมาหาท่านตอนค่ำ”“แล้วเจ้าบอกเขาว่าอย่างไร?”“ข้าบอกว่าพ
ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วมองหล่างมู่อย่างช่วยมิได้“หล่างมู่ เจ้ากลับไปก่อนเถิด ข้าจะไปทำธุระก่อน” ลั่วชิงยวนหันหลังวิ่งไปหล่างมู่ถือลูกถังหูลู่สองไม้วิ่งตามไปสองสามก้าว “พี่หญิง ท่านจะไปที่ใด? ไฉนมิพาข้าไปด้วยเล่า?”ลั่วชิงยวนมิได้ใส่ใจ รีบวิ่งออกจากถนนไปแล้วเมื่อไปเปลี่ยนอาภรณ์ที่หอฝูเสวี่ยแล้ว นางจึงไปที่ร้านอย่างเงียบเชียบเมื่อไปถึงลานด้านหลังก็พบกับซ่งเชียนฉู่ที่กำลังแบกตะกร้ากลับมาจากประตูหน้า ท่าทางดูรีบร้อนนัก“ท่านมาพอดี ท่านเห็นประกาศบนถนนหรือไม่? องค์จักรพรรดิจะเชิญท่านเข้าวังเพื่อแต่งตั้งท่านเป็นมหาปราชญ์!” ซ่งเชียนฉู่ส่งประกาศให้“นี่เป็นประกาศที่ติดอยู่ที่ประตูร้านเรา”“มิกี่วันที่ผ่านมา ข้าออกไปเก็บสมุนไพร พวกเขาคงจะมาหาท่าน แต่ไม่มีใครอยู่จึงติดประกาศไว้”“จะทำอย่างไรดี?”ซ่งเชียนฉู่ก็ตกตะลึงเช่นกันลั่วชิงยวนรับประกาศมาดูอีกครั้ง ในนั้นยังเขียนด้วยว่าให้นางเข้าวังหลวงเพื่อทำนายชะตาของแคว้นเทียนเชวียแล้วแต่งตั้งเป็นมหาปราชญ์ซ่งเชียนฉู่ถอนหายใจ “ข้าคิดว่าครั้งนี้ ตัวตนของท่านคงจะปกปิดมิได้แล้ว”“คอยดูกันต่อไปเถิด” ลั่วชิงยวนยังมิรู้ว่าจะบอกฟู่เฉินหวนอย่างไร
น้ำเสียงของฟู่เฉินหวนนั้นบ่งบอกชัดเจนว่ากำลังหึงหวงอยู่ลั่วชิงยวนปอกส้มแล้วป้อนให้ฟู่เฉินหวนพลางพูดอย่างอารมณ์ดีว่า “หล่างมู่มองหม่อมฉันเป็นเพียงพี่หญิงจริง ๆ เพคะ”“เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับพี่หญิงมาตั้งแต่เด็ก แต่พี่หญิงของเขาเสียชีวิตเพราะเขา จึงเป็นบ่วงกรรมและความเสียใจตลอดชีวิตของเขา”“ต่อมาหล่างชิ่นกลายเป็นพี่หญิงของเขา เขาเชื่อฟังหล่างชิ่นทุกอย่าง แต่สุดท้ายหล่างชิ่นกลับต้องการให้เขาตาย”“หลังจากนั้นเมื่อหม่อมฉันไปยังเผ่านอกด่าน ราชาเผ่านอกด่านบอกว่าหม่อมฉันเป็นพี่หญิงของเขา ดังนั้นเขาจึงมองหม่อมฉันเป็นพี่หญิงแท้ ๆ มาโดยตลอด”เมื่อฟู่เฉินหวนได้ยินเช่นนั้นก็สงสัยยิ่งนัก “พูดตามตรงคือข้ายังคงมิเข้าใจเลยว่าเหตุใดราชาเผ่านอกด่านจึงมั่นใจว่าเจ้าเป็นลูกสาวของเขา”ลั่วชิงยวนพูดเสียงเบาว่า “ราชาเผ่านอกด่านกับลั่วไห่ผิงมีใบหน้าเหมือนกันราวกับแกะ! พวกเขาเป็นพี่น้องกันเพคะ!”“ก่อนที่ท่านแม่ของหม่อมฉันจะมาเมืองหลวงแล้วแต่งงานกับลั่วไห่ผิง นางเคยมีความสัมพันธ์กับราชาเผ่านอกด่าน แต่สุดท้ายก็มิได้ลงเอยกันจึงมาเมืองหลวงและแต่งงานกับลั่วไห่ผิงเพคะ”ฟู่เฉินหวนตกตะลึงยิ่งนักเมื่อได้ฟัง“
หล่างมู่ชกเข้าที่ใบหน้าของฟู่เฉินหวนจนฟู่เฉินหวนถอยหลังไปหลายก้าวหล่างมู่แสดงสีหน้าโกรธแค้น “ข้าขอเตือนท่านเลยว่าถ้าท่านทำเช่นนี้กับพี่หญิงของข้าอีก ข้าจะฆ่าท่านเสีย!”ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้วพลางเช็ดเลือดที่มุมปาก “ลั่วชิงยวนอยู่ที่ใด ข้าจะพบกับนาง”“นางอยู่ที่ใด แล้วท่านเกี่ยวอะไรด้วย!” หล่างมู่แสดงสีหน้ามิพอใจ เขายังคงจำได้ว่าในวันคล้ายวันพระราชสมภพของจักรพรรดิ อ๋องผู้สำเร็จราชการยินดีที่จะมอบลั่วชิงยวนให้เขาชายคนนี้ช่างน่ารังเกียจ!เขามิเข้าใจว่าเหตุใดพี่หญิงจึงยังคงอยู่กับชายผู้นี้วันนี้กลับนิ่งเฉยมองดูคนอื่นทำร้ายพี่หญิงอย่างมิแยแสอีก!หล่างมู่มิพอใจอย่างยิ่งเมื่อทั้งสองสบตากัน ความเป็นปรปักษ์ก็ปะทุขึ้นบรรยากาศตึงเครียด ในวินาทีต่อมาดูเหมือนว่าจะต้องต่อสู้กันแน่แล้วลั่วชิงยวนเพิ่งเข้ามาในลานก็เห็นเหตุการณ์นี้ จึงรีบเข้าไปขวางไว้“พวกท่านกำลังทำอะไรกัน!”“แค่ก แค่ก แค่ก...” เมื่อนางร้อนใจก็กุมอกด้วยความเจ็บปวดสีหน้าของทั้งสองเปลี่ยนไปอย่างมากแล้วเข้าไปพยุงนางพร้อมกัน ลั่วชิงยวนปัดมือของทั้งสองออก แล้วหันไปมองหล่างมู่ “พี่บอกเจ้าว่าอย่างไร!”ความโกรธของหล่างมู่หา
ฟู่จิ่งหานมิได้ใส่ใจเรื่องนี้ แต่กลับรู้สึกผิดเล็กน้อยที่พระราชโองการนั้นทำให้ลั่วชิงยวนได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ จึงพูดว่า “มิเป็นอะไร การประลองครั้งนี้ก็มิได้ห้ามมิให้แคว้นเพื่อนเรือนเคียงเข้าร่วม”“พระชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการสามารถเอาชนะองค์ชายเผ่านอกด่าน แล้วยกให้เป็นน้องชายได้ นับว่าความสามารถเป็นที่ประจักษ์แก่ข้าแล้ว!”“พระชายามีบาดแผล อนุญาตให้พระชายาและองค์ชายหล่างมู่ออกไปก่อนได้”ลั่วชิงยวนก้มหน้าลงเล็กน้อย “ขอบพระทัยฝ่าบาทเพคะ”แล้วหล่างมู่ก็พยุงลั่วชิงยวนออกไปเนื่องจากหอฝูเสวี่ยอยู่มิไกลและสามารถมองเห็นการประลองจากชั้นสามได้ ลั่วชิงยวนจึงพาหล่างมู่ไปพักผ่อนที่หอฝูเสวี่ยก่อนซิ่งอวี่ต้มยามาให้นางกินลั่วชิงยวนนั่งข้างหน้าต่าง มองดูการประลองที่ยังคงดำเนินต่อไป เมื่อเห็นฟู่อวิ๋นโจวเอาชนะทุกคนได้ นางก็รู้ว่าเขากำลังจะเข้าสู่ราชสำนักแล้ว“พี่หญิง ยังเจ็บบาดแผลอยู่หรือไม่ขอรับ?” หล่างมู่ยกชามาให้หนึ่งถ้วยลั่วชิงยวนส่ายหน้า “มิเป็นอะไรแล้ว บาดแผลมิสาหัส พักสักสองสามวันก็หาย”“หล่างมู่ เจ้ามาเมืองหลวงได้อย่างไร? ในเผ่านอกด่านเกิดเรื่องใหญ่อันใดหรือไม่? รีบร้อนมาเช่นนี้เลยหรือ?
ฟู่อวิ๋นโจว!หล่างมู่กำหมัดแน่น แล้วกระโจนเข้าไปอีกครั้งผู้คนมากมายต่างเป็นห่วงฟู่อวิ๋นโจว หล่างมู่เป็นคนเผ่านอกด่าน ฝีมือของเขาเป็นที่ประจักษ์ของทุกคนแล้วร่างกายที่อ่อนแอของฟู่อวิ๋นโจวจะรับมือได้อย่างไรแต่ลั่วชิงยวนรู้ดีว่าเวลาที่ฟู่อวิ๋นโจวปรากฏตัวนั้นเหมาะสม นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับเขาที่จะแสดงความสามารถฟู่อวิ๋นโจวรับหมัดของหล่างมู่ได้อย่างแน่นอนจากนั้นทั้งสองก็ต่อสู้กันอย่างดุเดือดหลายสิบกระบวนท่าทำให้ผู้คนในที่นั้นต่างตกตะลึง“นี่คือองค์ชายห้าหรือ?”“ฝีมือของเขาแข็งแกร่งเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด?”“ใช่แล้ว มิใช่ว่าเขาป่วยอยู่หรอกหรือ?”ขณะที่ผู้คนต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ ฟู่อวิ๋นโจวก็พบจุดอ่อนของหล่างมู่แล้ว จึงเหวี่ยงหล่างมู่ลงไปกับพื้น แล้วชกเข้าที่ใบหน้าของหล่างมู่ลั่วชิงยวนรีบวิ่งเข้าไปห้าม “หยุดนะ!”ฟู่อวิ๋นโจวสะดุ้งแล้วลดมือลงหล่างมู่ลุกขึ้นยืนและกำลังจะตอบโต้ แต่ถูกลั่วชิงยวนดึงไว้“หล่างมู่แพ้แล้ว” ลั่วชิงยวนประกาศผลทันทีสายตาของนางมองฟู่อวิ๋นโจวด้วยอารมณ์ซับซ้อน “ขอแสดงความยินดีกับองค์ชายห้าเพคะ”เขายังคงมิได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระและเรียบง่าย แต่กลั
ฟู่เฉินหวนใจตึงเครียดจนฝ่ามือชุ่มไปด้วยเหงื่อลั่วชิงยวนพยายามยันตัวลุกขึ้น แต่กลับไร้เรี่ยวแรงที่จะตอบโต้เหยียนผิงเซียวชกเข้าที่ท้องของลั่วชิงยวนอีกครั้ง เลือดสีแดงฉานพุ่งออกมาจากปากนางเหยียนผิงเซียวจิกผมของนางแล้วกระซิบข้างหูอย่างร้ายกาจว่า “เจ้าเก่งนักมิใช่หรือ! ทำให้ท่านพ่อของข้าต้องลาออกจากตำแหน่งกลับไปยังเมืองฉิน เจ้าเป็นผู้มีพระคุณใหญ่หลวงของตำหนักอ๋องนี่!”“เจ้าลองเดาดูสิว่าฟู่เฉินหวนจะช่วยเจ้าหรือไม่?”“แต่มิสำคัญแล้ว เพราะข้าต้องการเพียงให้เจ้าตายเท่านั้น!”เหยียนผิงเซียวใช้ร่างของลั่วชิงยวนบังสายตาของผู้คนส่วนมืออีกข้างที่กำหมัดแน่นมีแผ่นเหล็กแหลมคมติดอยู่ แล้วกระแทกลงไปที่ท้องของลั่วชิงยวนอย่างแรงลั่วชิงยวนเห็นอาวุธลับนั้นแล้วก็ตึงเครียดมากฟู่เฉินหวนแทบขาดใจ ความรู้สึกมิสบายใจอย่างรุนแรงถาโถมเข้ามาฟู่อวิ๋นโจวผู้นั่งอยู่มุมห้องใต้หลังคาก็กำมือแน่นด้วยความตึงเครียดเช่นกันแม้ว่าฝีมือของลั่วชิงยวนจะสู้เหยียนผิงเซียวมิได้ แต่ก็มิควรจะไร้เรี่ยวแรงที่จะตอบโต้เช่นนี้จะลงมือช่วยนางตอนนี้เลยดีหรือไม่!ฟู่อวิ๋นโจวลังเลอยู่ครู่หนึ่งแต่แล้วในวินาทีนั้นเองเงาร่
ในมิช้าการประลองก็เริ่มขึ้นโชคดีที่ลั่วเยวี่ยอิงมิได้ก่อเรื่องวุ่นวายอีก นางเฝ้าดูการประลองอย่างสงบลั่วชิงยวนใช้โอกาสนี้ทำความเข้าใจกฎเกณฑ์ ดาบและกระบี่นั้นไร้ตา ดังนั้นการประลองครั้งนี้จึงห้ามใช้ดาบและอาวุธลับแต่เมื่อปรมาจารย์ต่อสู้กันก็อาจจะควบคุมมือมิทัน เพื่อให้ทุกคนได้ทุ่มเทอย่างเต็มที่ การประลองครั้งนี้ ความเป็นความตายจึงเป็นเรื่องของชะตาฟ้าลิขิตชัยชนะครั้งสุดท้ายมิใช่ผลลัพธ์ที่สำคัญที่สุดสิ่งสำคัญคือการแสดงผลงานในระหว่างการประลอง ฟู่เฉินหวนจะคัดเลือกผู้ที่มีความสามารถโดดเด่นบางคนสำหรับฟู่จิ่งหาน การประลองครั้งนี้มิใช่เพียงการคัดเลือกผู้ที่มีความสามารถโดดเด่นเท่านั้น แต่ยังเป็นการชมการประลองที่น่าตื่นเต้นด้วย ดังนั้นจึงมีความอิสระสูงทุกคนสามารถขึ้นไปท้าทายได้ หนึ่งรอบมีผู้แข่งขันสิบคน ผู้ชนะจะได้พักแล้วเข้าสู่รอบที่สองดังนั้นผู้ชนะในแต่ละรอบจะสามารถท้าทายคู่ต่อสู้ที่ตนคิดว่าแข็งแกร่งกว่าได้อย่างอิสระการประลองรอบแรกจบลงอย่างรวดเร็ว ฟู่เฉินหวนกับฟู่จิ่งหานวิเคราะห์ผู้ที่เหมาะสมในรอบนี้อย่างจริงจังฟู่จิ่งหานพยักหน้าให้ขันทีที่ยืนอยู่ด้านข้างจดบันทึกชื่อทุกอย่าง
“พระชายา เหตุใดมิลงไปหามาให้ข้าเล่า? หากขุดพบรากบัวได้สองหัว ข้าจะเมตตาตกรางวัลให้อย่างงาม!”น้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความเยาะเย้ยและหยิ่งผยองนั้น มิใช่ปฏิบัติต่อลั่วชิงยวนดุจพระชายา หากแต่ปฏิบัติเสมือนทาสบริวารเหล่าผู้คนโดยรอบต่างตกตะลึงพรึงเพริดตำแหน่งของลั่วชิงยวนในตำหนักอ๋องนั้นต่ำต้อยถึงเพียงนี้เชียวหรือ?ฟู่เฉินหวนอดรนทนมิไหวอีกต่อไป จึงพูดเสียงเย็นเยียบว่า “ฤดูกาลนี้จะมีรากบัวอยู่ได้อย่างไร มิต้องลำบากเช่นนั้นเลย”ลั่วเยวี่ยอิงกลับคว้าแขนฟู่เฉินหวนพลางทำท่าทางออดอ้อน“ไม่เพคะ ท่านอ๋อง เผื่อว่าจะมีก็ได้! โปรดให้พระชายาลงไปค้นหาดูเถิดเพคะ!”นางกล่าวจบก็ถอดกำไลหยกที่ข้อมือ แล้วขว้างลงไปในบึงจากนั้นเชิดหน้าพูดกับลั่วชิงยวนว่า “ไปสิ กำไลหยกวงนี้เป็นรางวัลของเจ้า!”ท่าทางเช่นนี้ประหนึ่งว่ากำลังสั่งการสุนัขตัวหนึ่งฟู่เฉินหวนกำมือแน่น รู้สึกปวดร้าวที่ศีรษะอย่างยิ่งลั่วชิงยวนเห็นดังนั้นก็กังวลเพราะอาการของฟู่เฉินหวน นัยน์ตานางฉายแววเย็นชาขณะมองหน้าลั่วเยวี่ยอิง แล้วหันหลังกระโดดลงไปในสระน้ำเมื่อเสียงน้ำกระเพื่อมดังขึ้น เสียงฮือฮาต่างก็ดังมาจากทั่วบริเวณ“นางกระโดดลงไปจริง ๆ