“ค้นทั่วเมืองหลวงแล้วก็ยังมิพบร่องรอยของลั่วฉิง”“ยึดทรัพย์ตระกูลเหยียนแล้ว แต่มิพบตัวเหยียนหน่ายซิน ถามบ่าวไพร่ในจวน พวกเขากล่าวว่าหลังจากมหาราชาจารย์เหยียนลาออกจากราชสำนักกลับเมืองฉิน เหยียนหน่ายซินก็หายไป มิเคยกลับมาที่จวนอีกเลย”“ไม่มีใครรู้ว่านางไปอยู่ที่ใด”ลั่วชิงยวนใจหาย “ดูเหมือนเหยียนหน่ายซินจะติดต่อลั่วฉิงไว้ก่อนแล้ว มิเช่นนั้นคงมิเสี่ยงมาช่วยนาง”“แม้ตระกูลเหยียนจะล่มสลาย แต่ในเมืองหลวงต้องมีคนที่ยังจงรักภักดีต่อเหยียนหน่ายซิน พวกนางคงหนีออกจากเมืองไปแล้ว”ฟู่เฉินหวนพยักหน้า แล้วลูบไล้แก้มนาง “ข้าจะเข้าวัง เจ้าพักผ่อนเถิด”“เพคะ”จากนั้นฟู่เฉินหวนก็รีบออกไปลั่วชิงยวนกลับห้องมาคำนวณวันมงคลสำหรับซ่งเชียนฉู่กับเฉินเซี่ยวหานแต่เมื่อคำนวณแล้ว นางก็หน้าซีดเผือดชะตาเข้ากัน เพลิงเผาผลาญภัยพิบัติจะเกิดขึ้นในอีกมิกี่เดือนข้างหน้าภัยที่เห็นได้ชัดที่สุดคือเพลิงเผาผลาญจากทิศตะวันตกทิศตะวันตกที่เกี่ยวข้องกับซ่งเชียนฉู่ก็คือสำนักหุบเขาซีหลิงจี้เยวี่ยหรือว่าครอบครัวของซ่งเชียนฉู่จะมีภัย?......กลางดึกในคืนเดือนมืด ลั่วฉิงนั่งอยู่บนเตียงไม้แข็งดวงตาขวาปวดระบม มองมิ
ลั่วชิงยวนเข้าไปถวายการรักษาด้วยการฝังเข็มและถวายยาให้จักรพรรดิสูงสุดอาการประชวรของจักรพรรดิสูงสุดเริ่มดีขึ้น แต่ยังพูดและเดินมิคล่องฟู่จิ่งหานและฟู่เฉินหวนต่างก็คอยพยุงจักรพรรดิสูงสุดเดินเล่นในสวน“เหนื่อยแล้ว” จักรพรรดิสูงสุดหยุดพักฟู่จิ่งหานประคอง “หากทรงเหนื่อยก็กลับไปพักผ่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ”แต่จักรพรรดิสูงสุดมิยอมกลับ “ไม่”ฟู่จิ่งหานคุกเข่าลง “เช่นนั้นให้ลูกแบกเสด็จพ่อกลับดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”จักรพรรดิสูงสุดส่ายหน้า แล้วเงยหน้ามองดวงอาทิตย์ “แดด”ลั่วชิงยวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “จักรพรรดิสูงสุดประสงค์จะอาบแดดที่นี่ ให้คนไปนำเก้าอี้มาเถิดเพคะ”จักรพรรดิสูงสุดพยักหน้าอย่างพึงพอใจเมื่อเอนกายลงบนเก้าอี้ มินานจักรพรรดิสูงสุดก็หลับไปฟู่จิ่งหานนำผ้าห่มมาห่มให้ แล้วคอยเฝ้าอยู่มิห่างฟู่เฉินหวนจูงมือลั่วชิงยวนเดินเล่นในสวน พลางเอ่ยขึ้นว่า “ชิงยวน ขอบคุณนะ”“ขอบคุณเรื่องอันใดเพคะ?”“ขอบคุณที่รักษาเสด็จพ่อ ข้ามิเคยคิดว่าเสด็จพ่อจะกลับมาพูดได้อีกครั้ง”ลั่วชิงยวนยิ้ม “ขอบคุณแค่วาจาหรือเพคะ?”ฟู่เฉินหวนยิ้ม ก่อนจะประคองหน้านางมาจุมพิต“เจ้าต้องการสิ่งใด?”“นอกจากใต้หล้าใบนี้ ข
“เมืองฉินสามารถรวบรวมกองกำลังกบฏได้สามหมื่นนาย โดยไม่มีวี่แววมาก่อน แสดงว่าทหารสามหมื่นนายนี้ก็คือชาวเมืองเมืองฉิน ตระกูลเหยียนเปลี่ยนเมืองฉินเป็นฐานที่มั่นของกองทัพแล้ว”“ดังนั้นที่นั่นย่อมแข็งแกร่งที่สุด แม้แม่ทัพใหญ่จะมิอยู่ เมืองฉินก็ยังยากจะโจมตี”“ควรให้ท่านอ๋องนำทัพไปปราบด้วยพระองค์เอง”“ส่วนเป่ยตี้นั้นผู้คนกระจัดกระจายกันไปในแต่ละพื้นที่ ดูจากภูมิแคว้นแล้ว ที่นั่นน่าจะมีทหารฝีมือดีประจำการ และรอบ ๆ ล้วนเป็นที่อยู่อาศัยของชาวบ้าน เหมาะกับแม่ทัพใหญ่ที่มีไหวพริบ เชี่ยวชาญการซุ่มโจมตีแบบมิให้ตั้งตัว”“และปกป้องชาวบ้านให้มากที่สุด”“องค์ชายห้าเหมาะสมที่สุด”“...”ลั่วชิงยวนวิเคราะห์และจัดการทุกอย่างขุนนางทั้งหลายต่างตกตะลึงพวกเขามิคิดว่า สตรีคนหนึ่งจะมีความสามารถในการวางแผนการรบ มิแพ้แม่ทัพใหญ่ผู้มากประสบการณ์เลยฟู่เฉินหวนยืนกอดอกมองลั่วชิงยวนด้วยสายตาลึกซึ้งมุมปากเผยรอยยิ้มจางเหล่าขุนนางต่างมองลั่วชิงยวนด้วยความชื่นชมเมื่อนางกล่าวจบ ก็มีขุนนางถามด้วยความสงสัย “แล้วซีหลิงเล่าขอรับ?”“หากเป็นเช่นนี้ แม่ทัพใหญ่ก็ออกไปหมด ไม่มีใครไปซีหลิงเลยหรือขอรับ? คงจะมิส่งทหารอ
ในคืนวันที่สาม ขณะเดินทางผ่านเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งก็พบว่าชาวเมืองต่างสวมผ้าปิดหน้า เสียงไอดังระงม มีคนนอนอยู่ตามมุมต่าง ๆลั่วชิงยวนเห็นแล้วก็รู้ทันทีว่าน่าจะมีโรคระบาดจึงสั่งเซียวชู “ส่งคำสั่งลงไป ให้กองทัพถอยไปสามลี้ อ้อมไปทางอื่น หากพบเมืองลักษณะเดียวกันให้ถอยอีก ห้ามผ่านเด็ดขาด”เซียวชูรับคำ “ขอรับ!”กองทัพจึงถอยทัพ อ้อมไปทางอื่นมุ่งหน้าสู่ซีหลิงเซียวชูสั่งการแล้วก็กลับมา “พระชายา แล้วท่านเล่าขอรับ?”“ข้าจะเข้าไปดู” ลั่วชิงยวนลงจากม้า“ระวังด้วยนะขอรับ” เซียวชูรีบลงจากม้าตามลั่วชิงยวนเข้าเมืองเสียงไอจากรอบด้านทำให้เมืองนี้ดูหดหู่ เซียวชูยกมือปิดปากปิดจมูกลั่วชิงยวนเดินสำรวจ ดูแล้วก็เป็นโรคระบาดจริง ๆ“ชิงยวน!”จู่ ๆ ก็มีเสียงเรียกดังมาจากมิไกลลั่วชิงยวนหันไปมองจึงเห็นซ่งเชียนฉู่กับเฉินเซี่ยวหานซ่งเชียนฉู่ส่งชามยาให้เฉินเซี่ยวหาน แล้ววิ่งเข้ามาหาลั่วชิงยวนตกใจ “เชียนฉู่ เหตุใดเจ้าจึงอยู่ที่นี่?”ซ่งเชียนฉู่มองชาวบ้านที่นอนอยู่ แล้วกล่าวว่า “พวกเราเดินทางผ่านมา พบว่าที่นี่มีโรคระบาด มีคนตายไปมากแล้ว หากมิควบคุมจะลุกลามไปทั่ว”“จึงหยุดพัก ทำให้เสียเวลาไปบ้าง มิค
ดวงตาของลั่วชิงยวนก็แดงก่ำเช่นกัน นางนั่งลงกอดซ่งเชียนฉู่“เจ้าทำดีที่สุดแล้ว”“เจ้ามิอาจช่วยทุกคนได้หรอก”แม้จะนำยามาให้แล้ว แต่ก็มีหลายคนที่รอมิไหวทำให้ต้องเห็นพวกเขาสิ้นใจ ความรู้สึกไร้พลังนี้ช่างน่าหดหู่ยิ่งนักซ่งเชียนฉู่เสียใจมาก นางพูดด้วยเสียงสะอื้น“หากข้ามาเร็วกว่านี้ เร็วกว่านี้อีกนิด พวกนางก็คงมิตาย”ลั่วชิงยวนกอดปลอบ “เจ้ามาเร็วมากแล้ว หากเจ้ามิได้แวะดูที่นี่ เมืองเล็ก ๆ แห่งนี้คงไม่มีใครรอดแล้ว”“เจ้าช่วยคนไว้มากมายแล้ว”แม้จะเสียใจ แต่ซ่งเชียนฉู่ก็เรียกกำลังใจกลับมาได้อย่างรวดเร็วทั้งสองกลับไปโรงหมอแล้วต้มยาต่อ จากนั้นก็นำไปแจกจ่ายให้คนไข้ที่เหลือแจกยาเสร็จก็มืดค่ำพอดีซ่งเชียนฉู่กับเฉินเซี่ยวหานเหนื่อยล้า และพิงกำแพงหลับไปลั่วชิงยวนนั่งสมาธิบนหลังคา เซียวชูยืนเฝ้าอยู่ข้าง ๆ มิกล้าห่างออกไปแม้แต่นิ้วเดียวรุ่งเช้าซ่งเชียนฉู่กับลั่วชิงยวนไปดูในเมือง หลายคนอาการดีขึ้นมากทั้งสี่คนจึงช่วยกันขุดหลุมและเผาศพเผาทำลายข้าวของที่เกี่ยวข้องกับโรคระบาดหลังจากจัดการทุกอย่างก็เสียเวลาในเมืองนี้ไปสองวันทั้งสี่คนรีบออกเดินทางไปซีหลิงลั่วชิงยวนถาม “เซียวชู คนของ
มีร่องรอยบางสิ่งที่ถูกลากไปบนพื้นนางเดินตามรอยนั้นไปในป่าตรงจุดที่พุ่มไม้หนาทึบที่สุด ลั่วชิงยวนเห็นคนนอนอยู่บนพื้นนางรีบวิ่งเข้าไปดู ชายคนนั้นมีรอยไหม้ทั่วร่าง เสื้อผ้าไหม้เกรียมจนมองมิออกว่าเป็นใครมีเสียงเหมือนสัตว์กำลังเลื้อยคลานดังมาจากด้านข้างลั่วชิงยวนมองไปตามเสียงในความมืดมีงูเลื้อยเข้าไปในพุ่มไม้ มีรอยไหม้ทั่วตัวจนเผยให้เห็นเนื้อหนังพุพอง น่าสยดสยองลั่วชิงยวนตกตะลึง“ฉู่จิ้ง!”แต่เขามิตอบ เลื้อยหายไปในพุ่มไม้เป็นแผลไฟไหม้ทั้งตัวไฟที่ไหม้สำนักหุบเขาซีหลิงจี้เยวี่ยคือเพลิงประกายแก้วเมื่อติดไฟแล้วจะดับมิได้ เป็นไฟที่ร้อนแรงที่สุด ผู้ขับไล่สิ่งชั่วร้ายหลายคนใช้ไฟนี้ปราบสิ่งชั่วร้ายและภูตผีปีศาจฉู่จิ้งเข้าไปช่วยคนโดยยอมเสี่ยงชีวิตตัวเองคงบาดเจ็บหนักและสูญเสียพลังไปมากแน่นอนลั่วชิงยวนนั่งลงตรวจชีพจรให้ชายคนนั้น ปรากฏว่ายังมีชีวิตอยู่นางรีบร้องเรียก “เชียนฉู่!”เมื่อได้ยินเสียงนาง เซียวชูก็หน้าซีด รีบวิ่งเข้าไปในป่าเพราะกลัวว่าพระชายาจะเป็นอันตรายซ่งเชียนฉู่กับเฉินเซี่ยวหานก็รีบตามมาเมื่อเห็นคนนอนอยู่ที่พื้น ซ่งเชียนฉู่ก็โผเข้าไปหา “ท่านพ่อ!”ลั่วชิ
ทุกคนต่างหน้าซีด“ท่านพ่อ ท่านบาดเจ็บสาหัส อย่าเพิ่งร้อนใจ ค่อย ๆ พูดเถิดเจ้าค่ะ” ซ่งเชียนฉู่ร้อนใจพ่อของซ่งเชียนฉู่พยายามพยุงตัวนั่ง แล้วจับมือซ่งเชียนฉู่ “เชียนฉู่ เจ้ามิน่ากลับมาเลย”“พวกเจ้ารีบไปเถิด หากมิไปตอนนี้จะมิทันแล้ว!”ซ่งอวี่ร้อนรน และผลักซ่งเชียนฉู่ “ไปเถิด มิต้องสนใจพ่อ รีบลงเขาไป ออกไปจากซีหลิงเสีย!”“ท่านพ่อ ข้าจะทิ้งท่านไปได้อย่างไร หากจะลงเขาก็ต้องลงไปด้วยกัน!”เฉินเซี่ยวหานเข้ามาแบกซ่งอวี่ขึ้นหลัง “ขอรับท่านลุง พวกเราจะทิ้งท่านได้อย่างไร จะไปก็ต้องไปด้วยกัน”ลั่วชิงยวนเห็นซ่งอวี่ร้อนรนเช่นนั้น ก็เดาว่าเขาน่าจะรู้อะไรบางอย่างแต่ไม่มีเวลาถาม พวกเขาจึงตัดสินใจลงเขาก่อนเพราะท่าทางของซ่งอวี่แสดงว่าบนเขามีอันตรายทุกคนระแวดระวัง เดินกลับทางเดิมแล้วลงเขาไปภูเขาลูกนี้สูงชัน ทางขึ้นลงมีเพียงทางเดียวกลางคืนน้ำค้างลงหนัก การเดินทางจึงล่าช้าเพราะต้องระวังลื่นตกจากบันไดหินแต่เมื่อเดินมาถึงกลางเขาก็มีเหยี่ยวตัวหนึ่งบินโฉบลงมา ทำให้ทุกคนตกใจ“อาเสิน...”แล้วก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากข้างล่างทุกคนหยุดเดินมินานก็เห็นหล่างมู่วิ่งขึ้นมาอย่างเหนื่อยหอบ“พี่หญิง ท
ซ่งอวี่ก็ตกใจ“ว่ากระไรนะ?”“หากเป็นเช่นนั้นก็ต้องหยุดพวกมัน!”กล่าวจบ ซ่งอวี่ก็พูดว่า “สมุนไพรในสำนักมิได้ถูกเผาหมด! ยังมีเก็บไว้ในห้องใต้ดินอีกมากหลาย อยู่ติดกับห้องเก็บน้ำแข็ง ไฟไหม้เข้าไปมิถึง”“เชียนฉู่ เจ้ารู้วิธีเปิดกุญแจ”“เมื่อปลอดภัยแล้วให้นำสมุนไพรทั้งหมดออกไปช่วยเหลือผู้คน อย่าให้ตกอยู่ในมือโจร!”ซ่งเชียนฉู่พยักหน้า “เจ้าค่ะ”ทันใดนั้นอาเสินก็บินมาบนฟ้า แล้วส่งเสียงร้องเตือนลั่วชิงยวนหน้าซีด “พวกมันกำลังมาแล้ว”หล่างมู่รีบวิ่งกลับมา “พี่สาว พวกมันใกล้มาถึงแล้ว พวกเราอ้อมไปหลบหลังสำนักก่อนเถิด”“บางทีพวกมันค้นหามิพบก็อาจจะถอนกำลัง”ทุกคนจึงออกเดินทางอีกครั้ง อ้อมไปหลบหลังสำนักหลบกลุ่มโจรที่กำลังขึ้นเขาซ่อนตัวในป่าทึบหลังสำนัก มองเห็นไฟในสำนักยังมิมอดดับลั่วชิงยวนครุ่นคิดสักพักก็มองหาพื้นที่ราบเรียบ จากนั้นหยิบกระดาษยันต์ออกมาหลายแผ่น ก่อนกรีดฝ่ามือวาดยันต์ด้วยเลือด“พี่หญิง ท่านทำอะไร?”ลั่วชิงยวนวาดยันต์ไปพลางตอบ “วงเวทสะกดวิญญาณ”“หากพวกมันค้นมาถึงที่นี่ก่อนฟ้าสางจะได้หลอกล่อพวกมันได้”วาดเสร็จ นางก็แบ่งให้หล่างมู่ “เจ้าไปทางนั้น แปะไว้บนต้นไม้”“ขอร
นางสะบัดมือ ผงยาพุ่งเข้าใส่ใบหน้าของฉู่จิ้งฉู่จิ้งมึนหัวทันที“เป็นเจ้านี่เอง!” ฉู่จิ้งโยนคนที่อยู่ในอ้อมแขนออกไปลั่วฉิงตีลังกาลงพื้นอย่างมั่นคง แล้วมองฉู่จิ้งด้วยสายตาเย็นชา “ที่แท้ก็ต้องปลอมตัวเป็นเด็กคนนี้จริง ๆ ถึงจะหลอกเจ้าได้สินะ”“ตอนนั้นเฉินเซี่ยวหานมีโอกาสใช้ซ่งเชียนฉู่มาข่มขู่เจ้า แต่เขากลับมิทำ ทำให้แผนของข้าล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า ช่างโง่เขลาสิ้นดี!”“วันนี้ข้าจะควักดีงูของเจ้าด้วยตัวเอง!”“จัดการเจ้าแล้วข้าค่อยไปจัดการลั่วชิงยวน!”เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของฉู่จิ้งก็เปลี่ยนไปลั่วชิงยวนคงจะตกอยู่ในอันตรายเขามิอยากต่อสู้กับนาง ตัดสินใจรีบหันหลังวิ่งหนีแต่บนพื้นกลับมีแสงสีทองส่องประกายวงเวทสีทองอยู่ใต้เท้าของเขาเขาออกไปมิได้!ลั่วฉิงเดินเข้ามาหาช้า ๆ พลางหัวเราะอย่างเย็นชา “เจ้าคิดว่าข้ามิได้เตรียมตัวเลยงั้นรึ?”“มีโอกาสล่อเจ้าออกมาได้เช่นนี้ ข้าจะปล่อยให้เจ้าหนีไปได้อย่างไรเล่า”ลั่วฉิงถือกระบี่ยาวเข้ามา แววตาเต็มไปด้วยความกระหายเลือดนางจะควักดีของเขาทั้งเป็น!ถึงตอนนั้น มิเพียงแต่อาการบาดเจ็บของนางจะหายเท่านั้น แต่ยังจะทำให้พลังเพิ่มขึ้นอีกด้วย!
ลั่วชิงยวนหยิบยันต์ออกมาจากแขนเสื้อ แล้วถือไว้ในมือ วินาทีต่อมายันต์นั้นลุกไหม้เป็นเถ้าถ่าน พลังหยินอันรุนแรงพวยพุ่งออกมาลั่วฉิงตกใจมากนางเห็นยันต์ลุกไหม้ก่อนที่มิติจะเปิดออก ทันใดนั้นงูยักษ์ก็พุ่งทะยานออกมาจากมิติมันอ้าปากเปื้อนเลือดขนาดใหญ่พุ่งเข้าหาลั่วฉิงเสียงคำรามดังกึกก้องลั่วฉิงรีบหยิบเข็มทิศอาณัติสวรรค์ออกมา แต่กลับไร้ประโยชน์ นางถูกเสียงคำรามผลักจนกระเด็นออกจากห้อง เข็มทิศอาณัติสวรรค์ในมือหล่นลงพื้นนางตกลงไปที่ห้องโถงชั้นล่าง ได้แต่ลุกขึ้นยืนโซซัดโซเซ และเงยหน้ามองห้องนั้นด้วยความโกรธนางกัดฟันแล้วหันหลังเดินออกไปข้างกายลั่วชิงยวนมีงูยักษ์คอยปกป้อง!แต่ก็ดี ทั้งเข็มทิศอาณัติสวรรค์และดีงู นางต้องการทั้งหมด!ประตูห้องถูกปิดลงอีกครั้งลั่วชิงยวนก้มลงเก็บเข็มทิศอาณัติสวรรค์ที่ตกอยู่บนพื้น ในที่สุดก็วางใจได้เสียทีของอย่างอื่นจะหายไปก็ได้แต่เข็มทิศอาณัติสวรรค์จะหายไปมิได้นางรู้ว่าลั่วฉิงต้องสะกดรอยตามมาแน่นอน จึงจงใจแวะพักที่นี่เพื่อให้ลั่วฉิงมีโอกาสลงมือครู่หนึ่งจือเฉาและฉู่จิ้งก็กลับมา ลั่วชิงยวนรีบพาพวกเขาเดินทางไปซีหลิงในทันทีมิกล้าเสียเวลาอีกบนรถม้า
พระชายาใช้ชีวิตอย่างไรในตอนที่ถูกขังอยู่หลังจากกินข้าวเสร็จลั่วชิงยวนก็มอบสมุนไพรให้จือเฉา ให้นางไปต้มที่ห้องครัวส่วนลั่วชิงยวนนอนพักบนเตียง ขณะสะลึมสะลือ นางได้ยินเสียงบุรุษหลายคนกำลังพูดคุยเรื่องสงครามอยู่ชั้นล่างลั่วชิงยวนได้ยินเรื่องกองทัพแคว้นหลีและซีหลิงนางจึงลุกไปเปิดประตูแล้วยืนฟังที่มาจากทางเดิน“สู้รบกันมาตั้งนานแล้ว ยังมิรู้ผลแพ้ชนะ ครั้งนี้ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการคงจะแพ้กระมัง”“เป็นไปมิได้ นี่เป็นสิ่งที่ท่านมหาปราชญ์ทำนาย บอกว่าท่านอ๋องไปแล้วจะชนะอย่างแน่นอน!”“แต่ก็มิรู้ว่าต้องรอนานเท่าใด”“จะว่าไปแล้ว ท่านมหาปราชญ์ผู้นี้มีความสามารถจริงหรือ? เทียบกับพระชายาอ๋องคนก่อนแล้ว ความสามารถช่างห่างไกล”ลั่วชิงยวนกลับเข้าห้องปรากฏว่ากองทัพแคว้นหลียังมิถอยทัพฟู่เฉินหวนถึงกับไปซีหลิงเพื่อต่อสู้กับกองทัพแคว้นหลี ดูเหมือนว่าอยากจะช่วยลั่วฉิงรักษาสถานะในราชสำนักจริง ๆมิรู้ว่าทั้งสองกลายเป็นมิตรกันได้อย่างไรหรือเป็นเพราะมีศัตรูร่วมกันก็คือนาง?จือเฉาต้มยาเสร็จแล้วนำมาให้ หลังจากที่ลั่วชิงยวนกินยาแล้วก็นั่งลงบนเก้าอี้ข้างหน้าต่างพลางสัมผัสแสงแดดภายนอกจือเฉานำผ้าห่ม
ความเจ็บปวดถาโถมเข้ามาดุจสายน้ำ เลือดเอ่อล้นขึ้นมาในลำคอ“เป็นอย่างไรบ้าง?” ฉู่จิ้งขมวดคิ้ว“มิเป็นอะไร” ลั่วชิงยวนพยายามพยุงตัวเองขึ้น สิ่งที่ทรมานยิ่งกว่าคือแสงแดดที่แยงตาในขณะนี้แสบตามากจนน้ำตาไหลมิหยุด“พระชายา พระชายา!” จือเฉาโผเข้ามาหาพลางร้องไห้โฮ “พระชายา โชคดีเหลือเกินที่ท่านปลอดภัย”“ตอนที่ยังวุ่นวาย พวกเราหนีไปตอนนี้กันเถิดเจ้าค่ะ ” จือเฉาจูงมือลั่วชิงยวน แล้วรีบหนีออกจากประตูหลังนางยังจำคำพูดของซูโหยวได้ ทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้แล้ว ต้องพาพระชายาออกไปก่อนที่จะเกิดเรื่องใหญ่โตมิเช่นนั้นหากทุกคนรู้ว่าพระชายายังมิตาย พระชายาอาจจะออกไปมิได้แล้วลั่วชิงยวนถูกพาตัวออกจากประตูหลัง แสงแดดแยงตาจนมองมิเห็นทางข้างหน้าเมื่อขึ้นรถม้าได้จึงรู้สึกดีขึ้นบ้าง“พระชายา เหตุใดท่านจึงร้องไห้หรือเจ้าคะ” จือเฉารีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาสักพักฉู่จิ้งก็ขึ้นรถม้าตามมา “พระชายาของเจ้าถูกขังอยู่ในห้องลับที่มืดมิดนานเกินไป ยังปรับตัวเข้ากับแสงภายนอกมิได้”ได้ยินดังนั้น จือเฉาก็รีบหยิบห่อผ้ามาจากกล่อง แล้วหยิบเสื้อคลุมสีดำตัวใหญ่ออกมาแล้วคลุมศีรษะให้ลั่วชิงยวนร่างผอมบางถูกคลุมด้วยเสื้อ
หัวใจของลั่วชิงยวนกระตุก แต่มิส่งเสียง ได้ยินลั่วฉิงยืนอยู่ข้างนอกครู่หนึ่งก็จากไปแต่ประตูห้องเปิดอยู่ ลั่วชิงยวนมองเห็นแสงสว่างจากด้านนอก ในที่สุดก็ได้เห็นแสงที่แตกต่างจากแสงเทียนแต่ทันใดนั้น นางก็ได้กลิ่นไหม้และเห็นไฟลุกไหม้จากด้านนอกบ้านไฟลุกลามอย่างรวดเร็ว มินานลั่วชิงยวนก็ได้กลิ่นควันไฟเปลวเพลิงกำลังแผดเผาเรือนหลังนี้ลั่วชิงยวนรีบนำน้ำมาชุบผ้าห่มแล้วอุดช่องว่างเพื่อป้องกันมิให้ควันลอยเข้ามาฟู่เฉินหวนอาจจะมิสนใจชีวิตของนาง แต่เมื่อเรือนไฟไหม้ก็ต้องให้คนมาช่วยดับไฟเพียงแค่นางยืนหยัดต่อไป ไฟก็จะมิลามเข้ามา อีกสักพักก็คงจะดับแล้วแต่ไฟกลับยิ่งลุกไหม้รุนแรงขึ้นผู้คนในตำหนักพบเห็นเข้าจึงรีบมาช่วยกันดับไฟจือเฉาได้ยินข่าวจึงรีบมา แล้วเห็นไฟไหม้ในเรือนนั้นเหมือนกับครั้งก่อนไม่มีผิดนางร้อนใจมากพระชายายังอยู่ข้างใน!นางรีบไปตักน้ำดับไฟกับคนอื่น ๆท่ามกลางความวุ่นวาย ลั่วฉิงแอบซ่อนตัวอยู่ในที่มืด ไม่มีใครสังเกตเห็นนางแน่นอนว่านางต้องรอ รอลั่วชิงยวนออกมาครั้งนี้มิว่าอย่างไรก็จะมิปล่อยให้ลั่วชิงยวนหนีไปได้!“แค่ก แค่ก แค่ก แค่ก...” ลั่วชิงยวนพิงกำแพง ควันที่ลอยเข
“ตามข้ามา” ซูโหยวสั่งจือเฉาลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงตามซูโหยวไปเมื่อมาถึงห้องของซูโหยว ซูโหยวก็หยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมายื่นให้จือเฉาจือเฉางุนงง “นี่คือ...”“นี่คือสิ่งที่ท่านอ๋องให้เจ้าทำก่อนหน้านี้ จดหมายฉบับนี้เป็นจดหมายที่ท่านอ๋องเขียนถึงพระชายา”จือเฉารับจดหมายมาอ่าน แล้วก็ต้องตกใจสุดขีด “พระชายามิได้...”ซูโหยวยกนิ้วชี้แตะริมฝีปาก แล้วกล่าวว่า “พระชายายังมิตาย”“ทั้งหมดนี้เป็นแผนการของท่านอ๋อง”“ข้าเตรียมทุกอย่างให้เจ้าแล้ว เช้าวันพรุ่ง เจ้าก็พาพระชายาออกจากตำหนัก ออกจากเมืองหลวง แล้วอย่าได้กลับมาอีก”“ส่วนจดหมายฉบับนี้ค่อยมอบให้พระชายาหลังจากผ่านไปครึ่งปี”“เจ้าทำได้หรือไม่?”จือเฉาตกใจมากและรู้สึกสับสน “แผนการของท่านอ๋องคืออะไรกันแน่”“เจ้าอย่าสนใจมาก ทำตามที่ท่านอ๋องสั่งก็พอ เจ้าแค่ต้องรู้ว่าทำเช่นนี้จึงจะรักษาชีวิตของพระชายาได้”“เรื่องที่ข้าบอกเจ้า ห้ามบอกพระชายา แค่ส่งจดหมายฉบับนี้ให้พระชายาหลังจากผ่านไปครึ่งปีก็พอ”“นี่เป็นโอกาสที่เจ้าทั้งสองจะมีชีวิตรอด เข้าใจหรือไม่?”จือเฉาตั้งใจฟัง พยักหน้า แล้วเก็บจดหมายไว้ในอกเสื้อ“แล้วตอนนี้พระชายาอยู่ที่ใด? วันพร
ลั่วชิงยวนตกใจเล็กน้อยแล้วยื่นมือออกไปนอกช่อง พยายามดึงถุงเข้ามาแล้วหยิบขวดยาออกมาทีละขวดหลังจากตรวจสอบดูว่ามียาอะไรบ้าง ลั่วชิงยวนก็กินยาเม็ดหนึ่งนางกำลังจะถามฉู่จิ้งว่าหายาพวกนี้มาจากที่ใด แต่เมื่อมองไปที่มุมห้องก็กลายเป็นว่าฉู่จิ้งขดตัวหลับไปเสียแล้วลั่วชิงยวนลากผ้าห่มมาห่มให้เขาเมื่อเข้าเหมันตฤดู พลังของฉู่จิ้งจะอ่อนแอลง ทำให้เขาง่วงนอนและต้องจำศีล ปกติแล้วจะมิค่อยตื่นขึ้นมาการออกไปหายาคงจะต้องใช้พลังทั้งหมดที่มียาที่นำมาเพียงพอสำหรับพวกเขาใช้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ได้แต่หวังว่าเหมันตฤดูจะผ่านพ้นไปโดยเร็วในห้องลับที่มืดมิด ลั่วชิงยวนได้แต่นอนและกินเท่านั้น มองมิเห็นแสงตะวัน มีเพียงความมืดมิดมิรู้จบห้วงเวลาแห่งความทุกข์ทรมานช่างยาวนานเหลือเกินเสบียงแห้งแข็งราวกับหิน ทั้งแห้งและแข็งจนกลืนลำบาก กลืนลงไปแล้วก็เหมือนกินใบมีด เจ็บคอมากบาดแผลทั่วร่างก็มิสามารถล้างทำความสะอาดได้ ได้แต่ใช้ผ้าสะอาดเช็ดรอบแผล ทายาและพันแผลใหม่ทุกวันถึงแม้ว่าบาดแผลส่วนใหญ่จะมิแย่ลง แต่ก็มิได้ดีขึ้นเลยในห้องลับนั้นหนาวเหน็บ หนาวจนต้องห่มผ้าห่มสองผืนแต่ก็ยังคงรู้สึกหนาวผิวแห้งแตกไปหมด บางค
ลั่วฉิงรีบกลับไปที่ตำหนัก ค้นหาทั่วทุกซอกทุกมุมแต่ก็มิพบลั่วชิงยวนนางขมวดคิ้ว ลั่วชิงยวนถูกซ่อนไว้ที่ใดกันแน่!กลยุทธ์จักจั่นลอกคราบนี้เป็นฝีมือของลั่วชิงยวนเอง หรือฟู่เฉินหวนเป็นผู้บงการ?หากเป็นฟู่เฉินหวน แล้วเขาคิดจะทำอะไร!ลั่วฉิงออกจากตำหนักอ๋องด้วยความโกรธ และส่งคนไปเฝ้าประตูหน้าและประตูหลังของตำหนักอ๋องไว้หากลั่วชิงยวนปรากฏตัว ต้องจับนางให้ได้ในทันที!ในเมื่อเฉินชีไปซีหลิงแล้ว ก็ต้องสู้กับฟู่เฉินหวนจนตายไปข้างหนึ่ง มีเพียงช่วงเวลานี้เท่านั้นที่สามารถจับลั่วชิงยวนได้ มิเช่นนั้นก็จะไม่มีโอกาสอีก!......ลั่วชิงยวนถูกกัดจนสะดุ้งตื่นความเจ็บปวดที่ข้อเท้าทำให้นางสะดุ้งตื่น นางลืมตาขึ้นอย่างงุนงง เมื่อพยุงตัวเองลุกขึ้นนั่งก็เห็นงูนอนขดอยู่ข้างเท้าของนาง และกัดนางเข้าทันทีที่รู้สึกตัว นางก็รู้สึกเจ็บปวดที่ท้องอย่างรุนแรงนางก้มลงมองใต้แสงสลัว เมื่อเห็นเลือดไหลนองพื้นใต้ชายกระโปรงก็ตกใจสุดขีดขณะที่ลูบท้อง น้ำตาของลั่วชิงยวนก็ไหลรินไม่มีแล้ว!ไม่มีลูกแล้ว!เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?ลั่วชิงยวนมิรู้ว่าตัวเองสลบไปนานเท่าใด แต่นึกถึงคืนที่ถูกขังไว้ ยาที่ฟู่เฉินหวนกรอกให้นา
“แต่ก่อนหน้านี้ท่านอ๋องก็เคยรับลั่วเยวี่ยอิงเป็นพระชายารองมาก่อน เรื่องของลั่วเยวี่ยอิงกับเหยียนผิงเซียวก็ดังไปทั่ว ท่านอ๋องยังแต่งงานกับลั่วเยวี่ยอิง”“ตอนนั้นท่านยังมิรู้สึกเสียหน้า เหตุใดจึงมารู้สึกตอนที่พระชายาอ๋องทำให้ท่านเสียหน้าเล่า!”“ใช่ นี่มันมากเกินไปแล้ว!”“ก่อนหน้านี้พระชายาอ๋องยังเป็นถึงมหาปราชญ์ ทั้งยังได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงด้วย! ท่านอ๋องช่างอาจหาญนัก บอกว่าจะฆ่าก็ฆ่า!”“ท่านก็มิได้ฆ่าอย่างเปิดเผย แค่ไฟไหม้ พระชายาจึงสิ้นใจไป ใครจะมีหลักฐานว่าท่านเป็นคนฆ่า เฮ้อ...”“น่าสงสารพระชายา ต้องอดทนมาตลอดชีวิต”เพียงวันเดียว ชื่อเสียงของฟู่เฉินหวนก็เสื่อมเสียลงอย่างมากจือเฉาคุกเข่าร้องไห้อยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังครึ่งวัน เดิมทีอยากจะออกจากตำหนักอ๋องไปแต่กลับถูกองครักษ์ขวางไว้ “เจ้าออกจากตำหนักมิได้”“เหตุใด? พระชายาจากไปแล้ว ข้ามิอยากอยู่ในที่แห่งนี้แล้ว!” จือเฉาพูดพลางน้ำตาไหล“ไม่มีเหตุผล เจ้าไปมิได้”กล่าวจบ องครักษ์สองคนก็ลากจือเฉาไปขังไว้ในเรือนอีกแห่ง“ปล่อยข้า! ปล่อยข้า!”“พวกเจ้าจะทำอะไร!”ประตูลั่นดาล จือเฉาทุบประตูอย่างสุดกำลังแต่ก็ไร้ผลสุดท้ายก