Share

บทที่ 1122

Author: หว่านชิงอิ๋น
ม่านรอบรถม้าถูกม้วนขึ้นเผยให้เห็นจักรพรรดิสูงสุดที่ประทับอยู่ภายใน

พร้อมด้วยจักรพรรดิและอ๋องผู้สำเร็จราชการฟู่เฉินหวน

เมื่อมาถึงลานประหาร ฟู่เฉินหวนก็กระโดดลงมายืนขวางหน้าลั่วชิงยวน

ไทเฮาจ้องเขาด้วยสายตาอาฆาต “เจ้าคิดจะทำอะไร! จักรพรรดิสูงสุดประชวรหนัก เจ้ากล้าพาพระองค์ออกจากวัง! อ๋องผู้สำเร็จราชการ คิดก่อกบฏหรือ!”

ใกล้จะประหารลั่วชิงยวนต่อหน้าต่อตานางแล้ว!

กลับมีเรื่องวุ่นวาย!

แม้แต่จักรพรรดิสูงสุดก็ถูกพวกเขาเชิญมาได้

ฝ่ายจักรพรรดิพยุงจักรพรรดิสูงสุดเข้ามา แม้จะเดินอย่างเชื่องช้า แต่ภาพนั้นก็เพียงพอจะทำให้ทุกคนตกตะลึง

เมื่อมาถึงแล้ว จักรพรรดิก็มองไทเฮาด้วยสายตาผิดหวัง “เสด็จแม่ ลูกมิคิดเลยว่าท่านจะทำเรื่องอุกอาจเช่นนี้”

ไทเฮาทรงหน้าซีด จ้องมองจักรพรรดิสูงสุด

ฝ่ามือเย็นเฉียบมีเหงื่อไหล

สิ่งที่ทำให้ผู้คนตกตะลึงยิ่งกว่าการที่จักรพรรดิสูงสุดเดินได้ คือการที่เขาพูดได้

แม้จะพูดตะกุกตะกักด้วยเสียงแหบพร่า แต่ก็ยังทรงอำนาจ

“ไทเฮาวางยาพิษข้า ใช้อำนาจในทางมิชอบ คิดก่อกบฏ บัดนี้ปลดไทเฮา แล้วคุมขังไว้ในพระตำหนักโช่วสี่ตลอดชีวิต”

เขาพูดแต่ละคำออกมาอย่างเชื่องช้า

แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยพล
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1123

    “ระวัง!”ทุกคนต่างพากันปิดปากปิดจมูกฟู่เฉินหวนรีบปกป้องลั่วชิงยวนลั่วชิงยวนโบกมือพัดด้วยความระแวดระวัง แต่ก็ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นทันใดนั้นนางก็รู้สึกใจหาย “แย่แล้ว ลั่วฉิง!”นางรีบวิ่งไปทางลั่วฉิงและแล้วก็พบเพียงรอยเลือดบนพื้นลั่วฉิงหายตัวไปแล้วซ่งเชียนฉู่ตกใจ “หนีไปแล้ว!”ลั่วชิงยวนมองไปรอบ ๆ ผู้คนพลุกพล่าน หาตัวคนร้ายมิเจอ“นางหนีไปเร็วถึงเพียงนั้นเองมิได้ ต้องมีคนช่วยไว้”ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้ว “นางมีผู้สมรู้ร่วมคิดด้วยหรือ?”ลั่วชิงยวนครุ่นคิด ลั่วฉิงมักจะอยู่คนเดียวมาตลอด ไม่มีพวกพ้องแต่เมื่อนึกถึงความลับที่ลั่วเยวี่ยอิงรู้ ก็มีคนคนหนึ่งที่เชื่อมโยงพวกนางเข้าด้วยกัน“เหยียนหน่ายซิน!”ฟู่เฉินหวนสั่งการทันที “ใครก็ได้ ไปตรวจค้นตระกูลเหยียน จับคนทั้งหมด ห้ามปล่อยให้รอดแม้แต่คนเดียว!”“พ่ะย่ะค่ะ!”ฟู่เฉินหวนมิวางใจ นำกำลังออกตามล่าด้วยตัวเองมิอาจปล่อยให้ลั่วฉิงหนีไปได้ส่วนลั่วชิงยวนก็พาซ่งเชียนฉู่กับเฉินเซี่ยวหานกลับไปก่อนเมื่อเปิดเผยตัวตนแล้ว ลั่วชิงยวนก็มิต้องปลอมตัวอีก นางพาพวกเขากลับเรือน“เชียนฉู่ การเดินทางราบรื่นหรือไม่?” ลั่วชิงยวนเห็นเฉินเซี่ยวหานดูสด

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1124

    “ค้นทั่วเมืองหลวงแล้วก็ยังมิพบร่องรอยของลั่วฉิง”“ยึดทรัพย์ตระกูลเหยียนแล้ว แต่มิพบตัวเหยียนหน่ายซิน ถามบ่าวไพร่ในจวน พวกเขากล่าวว่าหลังจากมหาราชาจารย์เหยียนลาออกจากราชสำนักกลับเมืองฉิน เหยียนหน่ายซินก็หายไป มิเคยกลับมาที่จวนอีกเลย”“ไม่มีใครรู้ว่านางไปอยู่ที่ใด”ลั่วชิงยวนใจหาย “ดูเหมือนเหยียนหน่ายซินจะติดต่อลั่วฉิงไว้ก่อนแล้ว มิเช่นนั้นคงมิเสี่ยงมาช่วยนาง”“แม้ตระกูลเหยียนจะล่มสลาย แต่ในเมืองหลวงต้องมีคนที่ยังจงรักภักดีต่อเหยียนหน่ายซิน พวกนางคงหนีออกจากเมืองไปแล้ว”ฟู่เฉินหวนพยักหน้า แล้วลูบไล้แก้มนาง “ข้าจะเข้าวัง เจ้าพักผ่อนเถิด”“เพคะ”จากนั้นฟู่เฉินหวนก็รีบออกไปลั่วชิงยวนกลับห้องมาคำนวณวันมงคลสำหรับซ่งเชียนฉู่กับเฉินเซี่ยวหานแต่เมื่อคำนวณแล้ว นางก็หน้าซีดเผือดชะตาเข้ากัน เพลิงเผาผลาญภัยพิบัติจะเกิดขึ้นในอีกมิกี่เดือนข้างหน้าภัยที่เห็นได้ชัดที่สุดคือเพลิงเผาผลาญจากทิศตะวันตกทิศตะวันตกที่เกี่ยวข้องกับซ่งเชียนฉู่ก็คือสำนักหุบเขาซีหลิงจี้เยวี่ยหรือว่าครอบครัวของซ่งเชียนฉู่จะมีภัย?......กลางดึกในคืนเดือนมืด ลั่วฉิงนั่งอยู่บนเตียงไม้แข็งดวงตาขวาปวดระบม มองมิ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1125

    ลั่วชิงยวนเข้าไปถวายการรักษาด้วยการฝังเข็มและถวายยาให้จักรพรรดิสูงสุดอาการประชวรของจักรพรรดิสูงสุดเริ่มดีขึ้น แต่ยังพูดและเดินมิคล่องฟู่จิ่งหานและฟู่เฉินหวนต่างก็คอยพยุงจักรพรรดิสูงสุดเดินเล่นในสวน“เหนื่อยแล้ว” จักรพรรดิสูงสุดหยุดพักฟู่จิ่งหานประคอง “หากทรงเหนื่อยก็กลับไปพักผ่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ”แต่จักรพรรดิสูงสุดมิยอมกลับ “ไม่”ฟู่จิ่งหานคุกเข่าลง “เช่นนั้นให้ลูกแบกเสด็จพ่อกลับดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”จักรพรรดิสูงสุดส่ายหน้า แล้วเงยหน้ามองดวงอาทิตย์ “แดด”ลั่วชิงยวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “จักรพรรดิสูงสุดประสงค์จะอาบแดดที่นี่ ให้คนไปนำเก้าอี้มาเถิดเพคะ”จักรพรรดิสูงสุดพยักหน้าอย่างพึงพอใจเมื่อเอนกายลงบนเก้าอี้ มินานจักรพรรดิสูงสุดก็หลับไปฟู่จิ่งหานนำผ้าห่มมาห่มให้ แล้วคอยเฝ้าอยู่มิห่างฟู่เฉินหวนจูงมือลั่วชิงยวนเดินเล่นในสวน พลางเอ่ยขึ้นว่า “ชิงยวน ขอบคุณนะ”“ขอบคุณเรื่องอันใดเพคะ?”“ขอบคุณที่รักษาเสด็จพ่อ ข้ามิเคยคิดว่าเสด็จพ่อจะกลับมาพูดได้อีกครั้ง”ลั่วชิงยวนยิ้ม “ขอบคุณแค่วาจาหรือเพคะ?”ฟู่เฉินหวนยิ้ม ก่อนจะประคองหน้านางมาจุมพิต“เจ้าต้องการสิ่งใด?”“นอกจากใต้หล้าใบนี้ ข

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1126

    “เมืองฉินสามารถรวบรวมกองกำลังกบฏได้สามหมื่นนาย โดยไม่มีวี่แววมาก่อน แสดงว่าทหารสามหมื่นนายนี้ก็คือชาวเมืองเมืองฉิน ตระกูลเหยียนเปลี่ยนเมืองฉินเป็นฐานที่มั่นของกองทัพแล้ว”“ดังนั้นที่นั่นย่อมแข็งแกร่งที่สุด แม้แม่ทัพใหญ่จะมิอยู่ เมืองฉินก็ยังยากจะโจมตี”“ควรให้ท่านอ๋องนำทัพไปปราบด้วยพระองค์เอง”“ส่วนเป่ยตี้นั้นผู้คนกระจัดกระจายกันไปในแต่ละพื้นที่ ดูจากภูมิแคว้นแล้ว ที่นั่นน่าจะมีทหารฝีมือดีประจำการ และรอบ ๆ ล้วนเป็นที่อยู่อาศัยของชาวบ้าน เหมาะกับแม่ทัพใหญ่ที่มีไหวพริบ เชี่ยวชาญการซุ่มโจมตีแบบมิให้ตั้งตัว”“และปกป้องชาวบ้านให้มากที่สุด”“องค์ชายห้าเหมาะสมที่สุด”“...”ลั่วชิงยวนวิเคราะห์และจัดการทุกอย่างขุนนางทั้งหลายต่างตกตะลึงพวกเขามิคิดว่า สตรีคนหนึ่งจะมีความสามารถในการวางแผนการรบ มิแพ้แม่ทัพใหญ่ผู้มากประสบการณ์เลยฟู่เฉินหวนยืนกอดอกมองลั่วชิงยวนด้วยสายตาลึกซึ้งมุมปากเผยรอยยิ้มจางเหล่าขุนนางต่างมองลั่วชิงยวนด้วยความชื่นชมเมื่อนางกล่าวจบ ก็มีขุนนางถามด้วยความสงสัย “แล้วซีหลิงเล่าขอรับ?”“หากเป็นเช่นนี้ แม่ทัพใหญ่ก็ออกไปหมด ไม่มีใครไปซีหลิงเลยหรือขอรับ? คงจะมิส่งทหารอ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1127

    ในคืนวันที่สาม ขณะเดินทางผ่านเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งก็พบว่าชาวเมืองต่างสวมผ้าปิดหน้า เสียงไอดังระงม มีคนนอนอยู่ตามมุมต่าง ๆลั่วชิงยวนเห็นแล้วก็รู้ทันทีว่าน่าจะมีโรคระบาดจึงสั่งเซียวชู “ส่งคำสั่งลงไป ให้กองทัพถอยไปสามลี้ อ้อมไปทางอื่น หากพบเมืองลักษณะเดียวกันให้ถอยอีก ห้ามผ่านเด็ดขาด”เซียวชูรับคำ “ขอรับ!”กองทัพจึงถอยทัพ อ้อมไปทางอื่นมุ่งหน้าสู่ซีหลิงเซียวชูสั่งการแล้วก็กลับมา “พระชายา แล้วท่านเล่าขอรับ?”“ข้าจะเข้าไปดู” ลั่วชิงยวนลงจากม้า“ระวังด้วยนะขอรับ” เซียวชูรีบลงจากม้าตามลั่วชิงยวนเข้าเมืองเสียงไอจากรอบด้านทำให้เมืองนี้ดูหดหู่ เซียวชูยกมือปิดปากปิดจมูกลั่วชิงยวนเดินสำรวจ ดูแล้วก็เป็นโรคระบาดจริง ๆ“ชิงยวน!”จู่ ๆ ก็มีเสียงเรียกดังมาจากมิไกลลั่วชิงยวนหันไปมองจึงเห็นซ่งเชียนฉู่กับเฉินเซี่ยวหานซ่งเชียนฉู่ส่งชามยาให้เฉินเซี่ยวหาน แล้ววิ่งเข้ามาหาลั่วชิงยวนตกใจ “เชียนฉู่ เหตุใดเจ้าจึงอยู่ที่นี่?”ซ่งเชียนฉู่มองชาวบ้านที่นอนอยู่ แล้วกล่าวว่า “พวกเราเดินทางผ่านมา พบว่าที่นี่มีโรคระบาด มีคนตายไปมากแล้ว หากมิควบคุมจะลุกลามไปทั่ว”“จึงหยุดพัก ทำให้เสียเวลาไปบ้าง มิค

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1128

    ดวงตาของลั่วชิงยวนก็แดงก่ำเช่นกัน นางนั่งลงกอดซ่งเชียนฉู่“เจ้าทำดีที่สุดแล้ว”“เจ้ามิอาจช่วยทุกคนได้หรอก”แม้จะนำยามาให้แล้ว แต่ก็มีหลายคนที่รอมิไหวทำให้ต้องเห็นพวกเขาสิ้นใจ ความรู้สึกไร้พลังนี้ช่างน่าหดหู่ยิ่งนักซ่งเชียนฉู่เสียใจมาก นางพูดด้วยเสียงสะอื้น“หากข้ามาเร็วกว่านี้ เร็วกว่านี้อีกนิด พวกนางก็คงมิตาย”ลั่วชิงยวนกอดปลอบ “เจ้ามาเร็วมากแล้ว หากเจ้ามิได้แวะดูที่นี่ เมืองเล็ก ๆ แห่งนี้คงไม่มีใครรอดแล้ว”“เจ้าช่วยคนไว้มากมายแล้ว”แม้จะเสียใจ แต่ซ่งเชียนฉู่ก็เรียกกำลังใจกลับมาได้อย่างรวดเร็วทั้งสองกลับไปโรงหมอแล้วต้มยาต่อ จากนั้นก็นำไปแจกจ่ายให้คนไข้ที่เหลือแจกยาเสร็จก็มืดค่ำพอดีซ่งเชียนฉู่กับเฉินเซี่ยวหานเหนื่อยล้า และพิงกำแพงหลับไปลั่วชิงยวนนั่งสมาธิบนหลังคา เซียวชูยืนเฝ้าอยู่ข้าง ๆ มิกล้าห่างออกไปแม้แต่นิ้วเดียวรุ่งเช้าซ่งเชียนฉู่กับลั่วชิงยวนไปดูในเมือง หลายคนอาการดีขึ้นมากทั้งสี่คนจึงช่วยกันขุดหลุมและเผาศพเผาทำลายข้าวของที่เกี่ยวข้องกับโรคระบาดหลังจากจัดการทุกอย่างก็เสียเวลาในเมืองนี้ไปสองวันทั้งสี่คนรีบออกเดินทางไปซีหลิงลั่วชิงยวนถาม “เซียวชู คนของ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1129

    มีร่องรอยบางสิ่งที่ถูกลากไปบนพื้นนางเดินตามรอยนั้นไปในป่าตรงจุดที่พุ่มไม้หนาทึบที่สุด ลั่วชิงยวนเห็นคนนอนอยู่บนพื้นนางรีบวิ่งเข้าไปดู ชายคนนั้นมีรอยไหม้ทั่วร่าง เสื้อผ้าไหม้เกรียมจนมองมิออกว่าเป็นใครมีเสียงเหมือนสัตว์กำลังเลื้อยคลานดังมาจากด้านข้างลั่วชิงยวนมองไปตามเสียงในความมืดมีงูเลื้อยเข้าไปในพุ่มไม้ มีรอยไหม้ทั่วตัวจนเผยให้เห็นเนื้อหนังพุพอง น่าสยดสยองลั่วชิงยวนตกตะลึง“ฉู่จิ้ง!”แต่เขามิตอบ เลื้อยหายไปในพุ่มไม้เป็นแผลไฟไหม้ทั้งตัวไฟที่ไหม้สำนักหุบเขาซีหลิงจี้เยวี่ยคือเพลิงประกายแก้วเมื่อติดไฟแล้วจะดับมิได้ เป็นไฟที่ร้อนแรงที่สุด ผู้ขับไล่สิ่งชั่วร้ายหลายคนใช้ไฟนี้ปราบสิ่งชั่วร้ายและภูตผีปีศาจฉู่จิ้งเข้าไปช่วยคนโดยยอมเสี่ยงชีวิตตัวเองคงบาดเจ็บหนักและสูญเสียพลังไปมากแน่นอนลั่วชิงยวนนั่งลงตรวจชีพจรให้ชายคนนั้น ปรากฏว่ายังมีชีวิตอยู่นางรีบร้องเรียก “เชียนฉู่!”เมื่อได้ยินเสียงนาง เซียวชูก็หน้าซีด รีบวิ่งเข้าไปในป่าเพราะกลัวว่าพระชายาจะเป็นอันตรายซ่งเชียนฉู่กับเฉินเซี่ยวหานก็รีบตามมาเมื่อเห็นคนนอนอยู่ที่พื้น ซ่งเชียนฉู่ก็โผเข้าไปหา “ท่านพ่อ!”ลั่วชิ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1130

    ทุกคนต่างหน้าซีด“ท่านพ่อ ท่านบาดเจ็บสาหัส อย่าเพิ่งร้อนใจ ค่อย ๆ พูดเถิดเจ้าค่ะ” ซ่งเชียนฉู่ร้อนใจพ่อของซ่งเชียนฉู่พยายามพยุงตัวนั่ง แล้วจับมือซ่งเชียนฉู่ “เชียนฉู่ เจ้ามิน่ากลับมาเลย”“พวกเจ้ารีบไปเถิด หากมิไปตอนนี้จะมิทันแล้ว!”ซ่งอวี่ร้อนรน และผลักซ่งเชียนฉู่ “ไปเถิด มิต้องสนใจพ่อ รีบลงเขาไป ออกไปจากซีหลิงเสีย!”“ท่านพ่อ ข้าจะทิ้งท่านไปได้อย่างไร หากจะลงเขาก็ต้องลงไปด้วยกัน!”เฉินเซี่ยวหานเข้ามาแบกซ่งอวี่ขึ้นหลัง “ขอรับท่านลุง พวกเราจะทิ้งท่านได้อย่างไร จะไปก็ต้องไปด้วยกัน”ลั่วชิงยวนเห็นซ่งอวี่ร้อนรนเช่นนั้น ก็เดาว่าเขาน่าจะรู้อะไรบางอย่างแต่ไม่มีเวลาถาม พวกเขาจึงตัดสินใจลงเขาก่อนเพราะท่าทางของซ่งอวี่แสดงว่าบนเขามีอันตรายทุกคนระแวดระวัง เดินกลับทางเดิมแล้วลงเขาไปภูเขาลูกนี้สูงชัน ทางขึ้นลงมีเพียงทางเดียวกลางคืนน้ำค้างลงหนัก การเดินทางจึงล่าช้าเพราะต้องระวังลื่นตกจากบันไดหินแต่เมื่อเดินมาถึงกลางเขาก็มีเหยี่ยวตัวหนึ่งบินโฉบลงมา ทำให้ทุกคนตกใจ“อาเสิน...”แล้วก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากข้างล่างทุกคนหยุดเดินมินานก็เห็นหล่างมู่วิ่งขึ้นมาอย่างเหนื่อยหอบ“พี่หญิง ท

Latest chapter

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1284

    ลั่วชิงยวนตกตะลึง อารมณ์ความรู้สึกของนางดำดิ่งเป็นไปตามที่นางคาดเดาเอาไว้ว่ามิเหลือแม้แต่ศพอย่างนั้นหรือ?“มิพบศพด้วยซ้ำ” อวี๋โหรวกล่าวเสียงขรึมดวงตาของลั่วชิงยวนหม่นลง ดูเหมือนว่าร่างนั้นจะถูกกำจัดไปแล้วจริง ๆ ส่วนจะกำจัดอย่างไรและทิ้งไว้ที่ไหน บางทีอาจมีเพียงฆาตกรเท่านั้นที่รู้“น่าเสียดายจริง ๆ” ลั่วชิงยวนทอดถอนใจด้วยความเสียดายอวี๋โหรวจ้องนางด้วยสายตาจริงจังและพูดอย่างหนักแน่น “มิน่าเสียดายหรอก ข้าเชื่อว่าเจ้าจะกลายเป็นนางคนต่อไป!”ทันใดนั้น สายตาที่จริงจังของอวี๋โหรวก็ทำให้ลั่วชิงยวนรู้สึกเย็นวาบไปถึงสันหลังและยังสงสัยด้วยว่าอวี๋โหรวจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่างหรือไม่ทว่าแม้แต่ศิษย์น้องหญิงก็จำนางมิได้ อีกทั้งอวี๋โหรวก็มิได้สนิทสนมกับนาง แล้วจะจำนางได้อย่างไรลั่วชิงยวนยิ้มและกล่าวว่า “ข้าจะถือว่านั่นคือคำปลอบใจก็แล้วกัน”อวี๋โหรวพูดอย่างจริงจัง “ข้ามิได้ปลอบใจเจ้า ข้าพูดจริง”หลังจากนั้น อวี๋โหรวก็ยิ้มอีกครั้งและพูดว่า “ทางข้ายังพอมียาอยู่บ้าง หากเจ้าต้องการอะไรก็บอกข้าได้เลย”ลั่วชิงยวนมิค่อยเข้าใจว่า เหตุใดอวี๋โหรวถึงทำดีกับนางนางมิค่อยรู้จักอวี๋โหรวมากนัก ในภาพจ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1283

    หรือเป็นเพราะเขาเชื่อมั่นในพลังความแข็งแกร่งของลั่วชิงยวน?แต่เมื่อมาครุ่นคิดดูตอนนี้ สตรีที่สามารถทำให้เซินฉีหลงใหลได้ถึงเพียงนี้คงไม่มีทางที่จะเป็นขยะไร้ค่าแม้จะมิได้แข็งแกร่งกว่าเฉินชี แต่ก็เป็นคนที่สามารถต่อกรกับเขาได้อย่างสูสีเพราะเช่นนี้เขาจึงมิแลเกาเหมียวเหมี่ยวเลยด้วยซ้ำ……เมื่อกลับมาถึงห้องลั่วชิงยวนก็นั่งลงพักผ่อนเฉินชีเดินตามเข้ามาและนั่งลงข้าง ๆ นาง พร้อมกับรินชาสองจอก“สมแล้วที่เป็นอาเหลา มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่กล้าทำให้เกาเหมียวเหมี่ยวตกอยู่ในสภาพเช่นนั้น! ข้าชอบ!” มีแสงประกายเจิดจ้าส่องสว่างในดวงตาของเฉินชีสายตาของเขาดูเหมือนอยากจะกลืนกินลั่วชิงยวนเข้าไปทั้งตัวลั่วชิงยวนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เกาเหมียวเหมี่ยวได้รับบาดเจ็บสาหัส ฝ่าบาทกับฮองเฮาคงมิยอมปล่อยข้าไปแน่ คงต้องให้เจ้าช่วยออกหน้าให้แล้ว”เฉินชียิ้มมุมปาก “วางใจได้ มีข้าอยู่ทั้งคน”ลั่วชิงยวนที่ยังกังวลอยู่เล็กน้อยกำชับด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เฉินชี ครั้งนี้เจ้าจะยืนนิ่งดูดายอีกมิได้แล้ว เพราะหากข้าตาย แผนทั้งหมดของเจ้าก็จะสูญเปล่า”“ใต้หล้านี้ไม่มีลั่วเหลาคนที่สองหรอกนะ”เฉินชีพยักหน้าอย่างจริงจ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1282

    เลือดสด ๆ ยังคงไหลมิหยุด ไหลนองไปตามร่องลึกของลวดลายวงเวทบนพื้นดินคาดมิถึงว่ามันจะค่อย ๆ ทำให้อักษรเวทของวงเวทส่องแสงขึ้นจากนั้นหมอกสีเขียวจาง ๆ ก็กระจายฟุ้งอยู่รอบตัวลั่วชิงยวนสิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นไอโอสถทั้งสิ้นหอรักษ์ดาราแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ที่สามารถกลั่นไอโอสถจากเลือดได้ และไอโอสถเหล่านี้ก็สามารถรักษาร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสได้ลั่วชิงยวนหลับตาและสูดลมหายใจด้วยความเพลิดเพลิน ทำให้ร่างกายที่ปวดร้าวของนางดูเหมือนจะผ่อนคลายลงนี่อาจจะเป็นความหมายของการมีอยู่ของแท่นประลองหอรักษ์ดาราแต่ไอโอสถนี้ก็จางลงอย่างรวดเร็วลั่วชิงยวนปล่อยเกาเหมียวเหมี่ยว นางยืนขึ้นพร้อมกับยืดเส้นยืดสาย และเดินลงจากแท่นประลองคนอื่นที่อยู่รอบ ๆ ต่างมองมาที่นางด้วยสายตาที่หวาดกลัวมากขึ้น และพวกเขาก็มิกล้าพูดจาดูถูกเหยียดหยามนางเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไปแล้วลั่วชิงยวนกวาดตามองอย่างเรียบเฉย จากนั้นก็มองไปที่เฉินชีด้วยสายตาลึกซึ้งแล้วเดินจากไปเกาเหมียวเหมี่ยวที่ได้รับบาดเจ็บถูกปลดแส้ออกอย่างรวดเร็วและถูกช่วยลงจากแท่นประลอง นางกัดฟันแน่นพลางจ้องตามหลังลั่วชิงยวนที่กำลังเดินออกไปครู่ต่อมา นางก็เห

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1281

    “โอ้สวรรค์ ข้าคงมิได้ตาลายใช่หรือไม่?”“นางไปเอาความกล้ามาจากที่ใดกัน!”ทุกคนในเมืองหลวงต่างรู้ดีว่าเกาเหมียวเหมี่ยวคือใครนางมิเพียงมีสถานะองค์หญิงที่สูงส่งเท่านั้น แต่ยังมีโอกาสที่จะได้สืบราชบัลลังก์ในภายภาคหน้าอีกด้วยเนื่องจากองค์ชายใหญ่มีความสามารถปานกลาง จึงมิเป็นที่โปรดปรานขององค์จักรพรรดิและฮองเฮา ทว่าองค์หญิงผู้นี้กลับแข็งแกร่งและไร้ความปรานี จึงได้รับความโปรดปรานจากพวกเขาไม่มีใครในเมืองหลวงกล้าขัดใจนางเว้นเสียแต่ เฉินชีเพราะนางชอบเขาทว่าแม้จะเป็นเฉินชี แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นเขาก็ให้เกียรตินางมากลั่วชิงยวนผู้นี้กล้ามากถึงขั้นเหยียบย่ำองค์หญิงต่อหน้าธารกำนัลมากมายเช่นนี้!เกาเหมียวเหมี่ยวพยายามดิ้นพร้อมกับก่นด่าไปด้วย “ลั่วชิงยวน ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้! หากเจ้ามิปล่อยข้า ข้าจะทำให้เจ้าตายจนหาที่ฝังมิได้เลยคอยดู!”“ท่านนี่พูดมากนัก เงียบเสีย!”ลั่วชิงยวนมองนางด้วยสายตาเย็นชา พลางคว้าแส้แล้วดึงมันอย่างแรงทันใดนั้นแส้ที่คอของเกาเหมียวเหมี่ยวก็รัดแน่นขึ้นบังคับให้เกาเหมียวเหมี่ยวต้องเชิดหน้าขึ้นสูงแต่ยังคงถูกแส้รั้งไว้จนหน้าแดงนางหายใจมิออกจนเส้นเลือดแตกและตา

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1280

    ลั่วชิงยวนถูกแส้ฟาดจนกระอักเลือด ทำให้อาภรณ์ชุดขาวของนางมีรอยเปื้อนสีแดงมีรอยแส้ที่น่าสะเทือนใจพาดอยู่บนหลังของนางเป็นเส้น ๆทุกคนที่อยู่รอบนอกต่างรู้สึกหวาดกลัวมีคนที่อดมิได้ที่จะกระซิบขึ้นว่า “มิยุติธรรมเลย คนหนึ่งมีอาวุธ แต่อีกคนไม่มี นี่มันจงใจแกล้งกันชัด ๆ มิใช่หรือ”“ชู่! พระนางเป็นองค์หญิง ถึงพระนางจะจงใจฆ่าลั่วชิงยวน แล้วใครจะพูดอะไรได้ ระวังไว้เถิด หากนางจับได้ เจ้าได้เดือดร้อนแน่”ทุกทิศมีแต่ความเงียบงันไม่มีใครกล้าพูดอะไรใครใช้ให้เกาเหมียวเหมี่ยวเป็นองค์หญิงเล่า?นางคือองค์หญิงที่ได้รับความโปรดปรานมาตั้งแต่ยังเล็กนางกลายเป็นคนเย่อหยิ่งบ้าอำนาจ และวิธีการของนางเลวทรามมิน้อยไปกว่าเฉินชีเลยทุกคนในที่นี้ล้วนไม่มีใครกล้าขัดทว่ามีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถช่วยลั่วชิงยวนได้ แต่คนผู้นั้นกลับนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ พลางมองลั่วชิงยวนที่ถูกฟาดบนพื้นจนร่างกายเต็มไปด้วยเลือดมีแสงประกายเจิดจ้าอยู่ในดวงตาของเขาและเจือไปด้วยความยินดีปรีดาลั่วชิงยวนกลิ้งไปบนพื้นและทันใดนั้นก็กระอักเลือดออกมาเต็มปากนางเงยหน้าขึ้นมาและเห็นสายตาที่แสดงถึงความตื่นเต้นดีใจของเฉินชี เขาม

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1279

    “สตรีนางนี้ตอบสนองได้รวดเร็วยิ่งนัก”“การตอบสนองเร็วเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การเอาชนะคู่ต่อสู้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”“พลังความสามารถของจั๋วฉ่างตงนั้นสูงมาก แม้แต่บรรดาคนที่อยู่ที่นี่ก็ยังมีเพียงมิกี่คนเท่านั้นที่สามารถเอาชนะนางได้”ผลลัพธ์ของการประลองครั้งนี้ ไม่มีอะไรให้ต้องลุ้นแล้วทว่าขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกัน ทันใดนั้นจั๋วฉ่างตงก็ล้มลงอย่างแรงเมื่อทุกคนจ้องมองไปและแน่ใจว่าคนที่ลอยตกลงมาคือจั๋วฉ่างตง พวกเขาก็พากันตกตะลึงงัน“ข้าเห็นมิชัดเลย จั๋วฉ่างตงกระเด็นออกไปได้อย่างไรกัน?”ทุกคนต่างสงสัยจั๋วฉ่างตงกระอักเลือดและเงยหน้ามองคนผู้นั้นด้วยความตกตะลึง ดวงตาของนางเยือกเย็นจนน่าหวาดกลัวเป็นไปได้อย่างไรกันนางเป็นขยะไร้ค่ามิใช่รึคราวก่อนที่ส่งคนไปทดสอบ ก็เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าไม่มีพลังที่จะรับมือได้เลย เป็นไปมิได้ที่จู่ ๆ นางจะเปลี่ยนมาร้ายกาจถึงเพียงนี้!จั๋วฉ่างตงมิยอมรับ นางดีดตัวขึ้นและพุ่งไปหาลั่วชิงยวนอีกครั้งดวงตาของลั่วชิงยวนเปลี่ยนเป็นเย็นชา ร่างกายของนางเคลื่อนไหวรวดเร็วจนกลายเป็นภาพลวงตา พลางปล่อยหมัดออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าลั่วชิงยวนต่อยจั๋วฉ่างตงอย่างรุนแรงจนกระเด็น จากน

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1278

    “ได้ยินมาว่านางจะประลองกับจั๋วฉ่างตงที่หอรักษ์ดาราในวันพรุ่ง”แม้หลายปีมานี้จั๋วฉ่างตงจะมิได้ดำรงตำแหน่งขุนนางใด ๆ แต่กำลังความสามารถของนางก็ถือว่าโดดเด่นที่สุดในบรรดาคนรุ่นเดียวกันอย่างแน่นอน“แล้วเจ้ามิช่วยนางเล่า? เหตุใดจึงปล่อยให้นางขโมยโอสถทะลวงปราณไป?”ขณะนี้ เฉินชีที่อยู่ในห้องเดินออกมาอย่างช้า ๆ พร้อมมองไปยังทิศทางที่ลั่วชิงยวนหนีไปด้วยดวงตาที่เป็นประกายริมฝีปากของเขาเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา“ข้าชอบที่เห็นนางอยู่ในสภาพบาดเจ็บเลือดตกยางออก”“ยิ่งนางจนมุมข้าก็ยิ่งปรีดา”เฒ่าโอสถขมวดคิ้วและส่ายหัวด้วยอารมณ์ซับซ้อน “สตรีบ้านไหนได้เจอเจ้า ถือว่าโชคร้ายที่สุดจริง ๆ”……หลังจากกลับมาถึงห้องอย่างปลอดภัยแล้ว ลั่วชิงยวนก็รีบเปลี่ยนอาภรณ์และนั่งขัดสมาธิบนตั่งนุ่มข้างหน้าต่างนางหยิบโอสถทะลวงปราณ และนำเข็มทิศอาณัติแห่งสวรรค์ออกมาทำการบำเพ็ญตนแค่คืนเดียวก็เพียงพอที่จะนำเอาประสิทธิภาพสูงสุดของโอสถทะลวงปราณออกมาได้แม้จะมิสามารถฟื้นฟูพลังยุทธได้อย่างสมบูรณ์ แต่ก็สามารถฟื้นคืนมาได้อย่างน้อยเจ็ดถึงแปดในสิบส่วนเพียงแค่จัดการกับจั๋วฉ่างตงได้ก็พอแล้ว……วันต่อมาเวลารุ่งสางบริเวณร

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1277

    เกาเหมียวเหมี่ยวกำหมัดแน่น รู้สึกโมโหมากจนแทบจะปรี๊ดแตกออกมาความรู้สึกอับอายถาโถมเข้ามาหานางเหมือนกับคลื่นยักษ์“เฉินชี คอยดูเถอะ!” เกาเหมียวเหมี่ยวจ้องมองเขาด้วยความโกรธเกรี้ยวนางสวมอาภรณ์แล้วหนีไปทันที……คืนก่อนวันประลองที่หอรักษ์ดาราทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในความเงียบสงบหลังจากลั่วชิงยวนพักผ่อนได้หนึ่งวัน นางก็เปลี่ยนอาภรณ์เป็นชุดท่องราตรีนางแอบเปิดประตูห้องแล้วอาศัยจังหวะที่บริเวณรอบ ๆ ไม่มีคน มุ่งหน้าไปยังหอปรุงโอสถทั้งยังปล่อยเตี่ยฉุยออกมาเพื่อช่วยนางดูคนที่ผ่านไปมาให้อีกแรงหอปรุงโอสถเป็นสถานที่สำคัญของสำนักนักบวช บุคคลทั่วไปมิได้รับอนุญาตให้เข้าไปตามใจชอบ หากนางถูกจับได้ จะต้องตายสถานเดียวทว่าหากมิขโมยโอสถ วันพรุ่งก็ต้องตายในการประลองที่หอรักษ์ดาราอยู่ดีดังนั้นนางจึงทำได้เพียงยอมเสี่ยงดูสักครั้งลั่วชิงยวนอาศัยความที่คุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้ได้อย่างรวดเร็ว ทำการหลบเลี่ยงจุดที่อาจจะมีคนและมาถึงด้านนอกของหอปรุงโอสถขณะนี้ หอปรุงโอสถเงียบสงบและไม่มีใครเฝ้ายามลั่วชิงยวนเดินเข้ามาในลานจนถึงประตูที่ลงกลอนเอาไว้นางดึงปิ่นปักผมออกมาปลดกลอนประตูอย่างชำนาญจากนั้นก

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1276

    “ใครให้เจ้าใช้กลิ่นกล้วยไม้? คิดว่าตัวเองคู่ควรกับมันรึ?”แววตาอันชั่วร้ายและกลิ่นอายสังหารทั่วร่างที่แผ่ออกมาทำให้หลานจีหวาดกลัวจนต้องดิ้นรนอย่างสุดชีวิต“ท่าน… ท่านแม่ทัพ ท่านเป็นให้ข้าใช้มันเองนะเจ้าคะ”ดวงตาของเฉินชีเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น เขาโยนหลานจีออกจากห้องอย่างโหดร้าย“นับตั้งแต่วันนี้ห้ามใช้น้ำหอมกลิ่นกล้วยไม้อีก ไสหัวไป!”หลานจีล้มออกมานอกห้องอย่างแรงจนกลิ้งตกขั้นบันไดและกระอักเลือดออกมา ทำให้ตกอยู่ในสภาพที่ดูมิได้อย่างยิ่งนางเงยหน้าขึ้นด้วยความมิอยากเชื่อ มิเข้าใจว่าเหตุใดอารมณ์ของท่านแม่ทัพถึงเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันเมื่อก่อนเขาชอบดูนางร่ายรำเป็นที่สุด และชอบกลิ่นหอมของกล้วยไม้บนตัวของนางด้วยเช่นกันเหตุใดจู่ ๆ ถึง…หลานจีพยายามลุกขึ้นจากพื้นพลางมองไปที่เฉินชีที่ยังคงดื่มอยู่ในห้อง “ท่านแม่ทัพมีเรื่องอันใดมิสบายใจใช่หรือไม่เจ้าคะ หลานจียินดีช่วยแบ่งเบาความกังวลให้ท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ!”ทันใดนั้นก็มีบุคคลหนึ่งก้าวออกมาจากด้านหลัง ร่างนั้นเดินผ่านหน้านาง และได้ตบนางอย่างแรงทำให้หลานจีล้มลงกับพื้นอีกครั้ง“ไล่ให้เจ้าไสหัวไปแต่กลับมิทำ จะรอข้ามาถลกหนังรึไร?” ดวงตาของเก

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status