ซือคงเซี่ยนเลิกคิ้วแล้วพูดว่า "อ้าว อย่างนี้หรือ เช่นนั้น เราไปกันเถอะ"จั๋วซือหรานหัวเราะ จากนั้นนางมองไปที่คนรับใช้ของจวนจั๋วที่อยู่ข้าง ๆ ด้วยสายตาที่แผ่วเบานางสั่ง“ที่นี่ไม่มีอะไรแล้ว พวกเจ้ากลับไปก่อนได้”คนรับใช้ยังอยากพูดอะไรอีก แต่พวกเขาไม่กล้าพูดอะไรเนื่องจากท่านอ๋องเซี่ยนอยู่ที่นี่เขาเพียงพูดด้วยความกลัว“ขอรับ คุณหนูจิ่ว เราจะกลับไปรายงานขอรับ พวกเราจะไม่รบกวนคุณหนูจิ่วอีกแล้วขอรับ”หลังจากคนรับใช้ออกไป จั๋วซือหรานจึงเดินตามซือคงเซี่ยน และออกจากจัวนไปยังพระราชวังซือคงเซี่ยนอดไม่ได้ที่ต้องหัวเราะแล้วพูดว่า " คุณหนูจิ่ว สรุปเจ้าจะไปพบเสด็จย่าเสียจริง หรือเจ้าไปเยี่ยมเสด็จย่าเพื่อรับของขวัญที่ข้าเตรียมให้คุณ หรือว่าเจ้าแค่จะหลบพวกคนที่น่ารำคาญในเมื่อครู่”ดวงตาของจั๋วซือหรานเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวเหมือนพระจันทร์เสี้ยว นางถามว่า "ท่านอ๋องคิดอย่างไร"ซือคงเซี่ยนมองดูนางแล้วพูดว่า "ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การแสดงของคุณหนูจิ่วในวันนี้น่าทึ่งมาก เดิมทีข้าอยากไปที่ชมที่นั่นด้วยตัวเอง แต่ข้ากลัวว่า คนอื่นจะคิดว่าแม้แต่ราชวงศ์ก็ดูถูกเจ้า ข้าจึงต้องอดทน ไม่กล้าไปที่นั่น คุณหนูจิ่วอย
ไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากได้ยินคำนี้ แม้ว่านางจะได้รับคำชมในเรื่องความหน้าตาดี แต่คำว่า ความสวยงามเต็มไปด้วยการยั่วยุ ถึงแม้จะเป็นคำชม แต่มักไม่ได้ใช้กับผู้หญิงสูงศักดิ์ในเมืองหลวง แต่ใช้กับผู้หญิงที่ทำอาชีพที่ไม่ดีทันทีที่จั๋วซือหรานได้ยินเสียงนี้ นางก็เดาได้แล้วว่าใครคือเจ้าของเสียงนั้นนางหันกลับไปมองผู้ที่เดินมา ทำท่าเคารพเล็กน้อยและพูด "ขอ คารวะอ๋องชินเพคะ"ซือคงยวี่มองใบหน้าของนาง และดวงตาของเขาก็ค่อย ๆ ร้อนขึ้นว่ากันว่าลูกสาวคนที่เก้าของตระกูลจั๋วมีหน้าตาที่โดดเด่นและมีชื่อเสียงไปทั่วเมืองหลวงแต่ซือคงยวี่ไม่เคยมีโอกาสเจอนาง จนกระทั่งเขาเห็นด้วยตาของเขาในขณะนี้ เขาจึงจะรู้ว่า จั๋วซือหรานสวยขนาดไหนและสะเทือนใจขนาดไหนซือคงเซี่ยนยืนอยู่ข้าง ๆ เขารู้ดีว่าเสด็จพี่คนที่ห้าของเขาเป็นคนเช่นใดเขาขมวดคิ้วเบา ๆ อย่างไม่เหลือร่องรอย แต่ยังคงเรียกด้วยเสียงต่ำว่า "เสด็จพี่ห้า"ซือคงยวี่เหลือบมองเขา ดวงตาของเขาเย็นชาเล็กน้อย "ทำไมเจ้าถึงมาอยู่กับคุณหนูจั๋วจิ่ว "ซือคงเซี่ยนยังไม่ทันตอบ ซือคงยวี่หัวเราะเบา ๆ แล้วพูดว่า "โอ้ เพราะต้องไปรักษาอากรให้เสด็จย่าใช่ไหม"หลังจากจั๋วซือหรานได้
“เจ้าอย่ากังวล แม้ว่าตอนนี้เจ้าไม่สามารถรับทรัพยากรที่ดีของ ตระกูลจั๋วได้อีกต่อไป แต่เจ้าเป็นแพทย์กลั่นยา และเจ้าได้รักษาเสด็จย่า ซึ่งถือได้ว่าเป็นความกรุณาต่อราชวงศ์ ในอนาคต ข้าจะหนุนหลังให้เจ้าเอง"“หม่อมฉันขอบพระคุณท่านอ๋องชินเพคะ” จั๋วซือหรานกล่าวขอบคุณอย่างแผ่วเบา “เช่นนั้นหม่อมฉันขอตัวไปรักษาไทเฮากับท่านอ๋องก่อนเพคะ ดังนั้นหม่อมฉันขอไม่รบกวนท่านอ๋องชินอีกเพคะ”“เอาล่ะ เจ้ากับน้องเจ็ดรีบไปกันเถิด เดี๋ยวข้าจะให้คนเอาของขวัญเหล่านั้นไปที่จวนของเจ้าเอง”ซือคงยวี่พูดไป ดูเหมือนเขานึกถึงอะไรบางอย่าง เขาพูดเสริม"อ้าว ใช่แล้ว อีกไม่กี่วันจะมีงานเลี้ยงในสวนบ้านข้า เจ้ามาร่วมงานด้วยเลย"จั๋วซือหรานไม่รับปากทันที แต่นางพูดแบบขอไปที "หากหม่อมฉันไม่ติดธุระใด ๆ หม่อมฉันจะไปร่วมงานแน่ ๆ เพคะ"หลังจากบอกลาซือคงยวี่แล้ว นางและซือคงเซี่ยนก็เดินไปที่พระราชวังรอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าของจั๋วซือหรานในเมื่อก่อนจางหายไปทันที ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความเย็นชา และดูเหมือนนางอารมณ์ไม่ดีซือคงเซี่ยนสังเกตการเปลี่ยนแปลงในชั่วขณะของนาง เขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาอดไม่ได้ที่ต้องถาม"เป็นอะไรหรือ แม่น
เป็นงานดอกไม้ที่จัดขึ้นเพื่อซือคงยวี่ ความหมายยังไม่ชัดเจนอีกหรือนั่นเป็นงานที่ถูกจัดขึ้นมาเพื่อให้เขาเลือกแม่นางที่สวยงามเขายังไม่ได้เป็นฮ่องเต้เลย แต่ตอนนี้ ลักษณะของงานดอกไม้ดูเหมือนฮ่องเต้คัดนางงามมันน่าหมั่นไส้จริง ๆจั๋วซือหรานขมวดคิ้วแน่น นางไม่ได้พูดอยู่พักหนึ่งซือคงเซี่ยนคิดว่านางโกรธ ดังนั้นเขาจึงแนะนำว่า "ไม่เป็นไร หากเจ้าไม่อยากร่วมงานเช่นนี้ เจ้าไม่ไปก็ได้ ข้าจะหนุนหลังนางเอง"เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง จั๋วซือหรานจึงกัดฟันและพูดด้วยความโการธ"ข้าต้องวิจัยสูตรยาเม็ดของซือหลี่ตันติ่งให้เร็วที่สุด"เมื่อซือคงเซี่ยนได้ยินคำพูดนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่ต้องตัวสั่น เขาถามอย่างระมัดระวัง “แล้วอย่างไรต่อล่ะ”จากนั้นเขาก็ได้ยินจั๋วซือหรานพูดอย่างโกรธ "อย่างไรต่อหรือ แน่นอนว่ามันจะใช้กับคนที่ควรใช้"จั๋วซือหรานอยากรู้ว่า ถึงเวลานั้น ซือคงยวี่จะยิ้มอย่างลามกเหมือนเมื่อครู่นี้ได้หรือไม่ใกล้จะถึงตำหนักหย่งโซ่วแล้ว จั๋วซือหรานรีบปรับสีหน้าของนางนางทราบดี ทั้งท่านอ๋องเซี่ยนและนางต่างไม่อยากไทเฮารู้เมื่อครู่นี้ ข้างนอกเกิดอะไรขึ้นพระวรกายของไทเฮายังไม่ฟื้น และพลังชีวิตของนางได้รับค
จั๋วซือหรานเหลือบมองซือคงเซี่ยน ซึ่งอยู่ไม่ไกล แล้วกระซิบกับ ไทเฮา ว่า "ไทเฮาอย่ากังวล หม่อมฉันจะช่วยท่านอ๋องเซี่ยนเพคะ"ไทเฮาหัวเราะและค่อย ๆ โบกมือเรียกจั๋วซือหรานจั๋วซือหรานสับสนเล็กน้อย แต่นางก็ยังเข้าไปข้างหน้าไทเฮาโน้มตัวเข้าหูนางแล้วกระซิบว่า " แม่นางจิ่ว เจ้าชอบทายาทของตระกูลเฟิงจริง ๆ ขนาดนั้นหรือ หากเพียงเพราะสัญญาการแต่งงานระหว่างตระกูลต่าง ข้าสามารถออกหน้าออกตาให้"จั๋วซือหรานได้ยินคำพูดนี้ นางรู้สึกสับสนเล็กน้อย ออกหน้าออกตาหรือ ออกหน้าออกตาอะไร นางคิดในเอง เป็นไปได้ไหมว่า ออดหน้าออกตาเพื่อให้นางหมั้นกับเฟิงเหยียนอีกครั้งจั๋วซือหรานไม่ทันพูดต่อ ไทเฮาพูดต่อ“ออกหน้าออกตาเพื่อยกเลิกการหมั้นระหว่างเจ้ากับเฟิงเหยียน จากนั้นเจ้าจะได้อยู่กับเซี่ยนเอ๋อร์ของเรา”จั๋วซือหรานตกตะลึง นางไม่เคยคิดว่า ไทเฮาจะมีความคิดเช่นนี้ แต่ก็ไม่น่าแปลกใจเลยโดยทั่วไป ราชสำนักจะไม่อยู่ร่วมกับตระกูลขุนนางประการแรก ราชวงศ์กลัวตระกูลขุนนางจะมีอำนาจมากเกินไป หากสายเลือดของตระกูลขุนนางแทรกซึมเข้าสู่สายเลือดราชวงศ์ นั่นจะทำให้ราชวงศ์ยิ่งหวาดกลัวมากขึ้นแต่จั๋วซือหรานไม่เหมือนคนอื่น มองจาก
ใบหน้าหล่อเหลาที่ปกคลุมไปด้วยหน้ากากรูปแบบเปลวไฟกำลังขมวดคิ้วอยู่ในขณะนี้ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงวุ่นวายราชวงศ์อยู่เสมอ ตระกูลชนชั้นสูงมีความห่างเหินโดยธรรมชาติและไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการแย่งชิงของราชวงศ์ เพื่ือจะไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อนโดยพื้นฐานแล้วทุกคนในตระกูลชนชั้นสูงต่างก็ตระหนักดีถึงเรื่องนี้ ดังนั้นแม้ว่าพวกเขาได้ติดต่อกับราชวงศ์อย่างลับ ๆ พวกเขาก็ต้องรักษาระยะห่างและความเหมาะสมภายนอกแต่นางกลับเปิดให้คนอื่นเห็นในเวลากลางวันแสกๆ เดินเข้าออกวังแทบจะพักในนั้นเลยในความเป็นจริง หากต้องหาเหตุผลที่ทำไมจั๋วซือหรานถึงเข้าไปเกี่ยวข้องกับราชวงศ์ตั้งแต่แรก นั่นจะเป็น'ผลงาน'ที่จั๋วหรูซินสร้างมาในงานดอกไม้ของพระราชวังเรื่องนี้ไม่ได้เป็นความลับดังนั้นเฟิงเหยียนอาจไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกหงุดหงิดอย่างอธิบายไม่ถูกเมื่อรู้ว่านางมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับราชวงศ์เจ้าหน้าที่ของหน่วยสืบสวนพิเศษมีหน้าที่รับผิดชอบในการติดตามจั๋วซือหรานเท่านั้นและรายงานที่อยู่และการเคลื่อนไหวของนาง พวกเขาไม่ทราบเรื่องต่าง ๆ ของจั๋วซือหรานเพียงแต่เขาสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงรัศมีของใต้เท้าได้อย่างชัดเจน
จ้านหลูคิดอยู่พักหนึ่ง เขาอดไม่ได้ที่ต้องถามอีกครั้งว่า "เช่นนั้น... มันเป็นในนามของใต้เท้าหรือในนามของซื่อจื่อขอรับ"หากส่งของขัวญไปในนามของหน่วยสืบสวนพิเศษ ก็ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ เพราะ จั๋วซือหรานสอบติดแพทย์กลั่นยาในหน่วยสืบสวนพิเศษแต่ชายบนเบาะนั่งคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกว่า "ตัวเลือกอันหลัง"“รับทราบ“......จั๋วซือหรานออกมาวัง เมื่อนางกลับมาที่จวนของนางนางเห็นฝูซูกำลังทำหน้าเคร่งขรึมที่ห้องโถงด้านหน้า“เป็นอะไร” จั๋วซือหรานเดินเข้ามาเมื่อนางเดินเข้าไป นางจึงสั่งเกตนอกจากฝูซู ยังมีคนอีกสองคนยืนอยู่ที่ห้องโถงด้านหน้าจั๋วซือหรานเลิกคิ้ว นางทราบตัวตนของพวกเขาคนหนึ่งสวมเสื้อผ้าของคนรับใช้ของจวนอ๋องชินยวี่ และส่วนอีกคนสวมเสื้อผ้าของคนรับใช้ของจวนเฟิงฃคนรับใช้ของจวนอ๋องชินยวี่มาเยี่ยมบ้าน จั๋วซือหรานรู้สึกไม่แปลกใจแต่จวนเฟิงหรือสีหน้าของจั๋วซือหรานไม่มีการเปลี่ยนแปลง นางมองพวกเขาอย่างสงบคนรับใช้ขอจวนอ๋องชินยวี่ทำความเคารพแก่จั๋วซือหรานและกล่าวว่า " ขอแม่นางจิ่วมีสุขภาพที่ดี ข้าได้รับคำสั่งจากอ๋องชิน อ๋องชินให้ข้านำของขวัญมาส่งถึงจวนของแม่นางจิ่ว เพื่
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าคนรับใช้ของจวนเฟิงจะเป็นคนรับใช้ในบ้าน พวกเขายังคงมีความภาคภูมิใจในตัวเอง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่พูดอะไรสักคำ และเพียงกล่าวคำอำลาจั๋วซือหรานบังเอิญฝูซูเพิ่งส่งคนรับใช้ของจวนอ๋องชินเส็จและเดินกลับมา เมื่อเขาเห็นคนรับใช้ของตระกูลเฟิงเดินออกไป เขาก็แปลกใจเล็กน้อย "คุณหนูขอรับ ทำไมไม่ให้ข้าส่งแขกล่ะขอรับ เขาไปเองหรือขอรับ"จั๋วซือหรานะยิ้ม "คนของตระกูลเฟิง แม้แต่คนรับใช้ของตระกูลเฟิงก็มีความเย่อหยิ่งของตัวเอง พวกเขาอาจเห็นเมื่อครู่นี้ ข้าพูดอย่างไรกับคนรับใช้ของจวนอ๋องชิน พวกเขาจึงไม่ยอมทนคำพูดของข้า บางทีพวกเขาอาจจะกลับไปฟ้องข้าก็ได้นะ”ฝูซูตกตะลึง “ฟ้องหรือ นั่นจะไม่แย่หรือขอรับ” ฝูซูเกาหัว “เมื่อครู่นี้ข้าอ่านใบรายการของขวัญที่เฟิงซื่อจื่อส่งมา มีของดี ๆ มากมาย”ก่อนหน้านี้ คุณหนูยังไม่โวยวายต้องแต่งงานกับฉินตวนหยาง ตอนนั้นตระกูลยังเอ็นดูนางอย่างมากฝูซูรับใช้จั๋วซือหราน ดังนั้นเขามีโอกาสเห็นของดี ๆ มากมาย เขาไม่ใช่คนที่มีสายตาสั้น ดังนั้นหากฝูซูยอมรับว่ามีของดี ๆ มากมาย แสดงว่ามีของดีเยอะจริง ๆจั๋วซือหรานได้ยินคำพูดของฝูซู นางหัวเราะ “มันไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นข้าต
ถามขึ้นว่า “ตาข้าแล้วหรือยัง?”สายตาของซางถิงจ้องนางเขม็ง เขากุมมือในแส้แน่น สะบัดข้อมือแส้ยาวในมือดีดตึง ปลายแหลมสะบัดไปทางจั๋วซือหราน“วูม...!” เสียงผ่าอากาศดังขึ้นจากนั้นแส้ก็ส่งเสียงเผียะขึ้นกลางอากาศ ราวกับตัดอากาศจนขาดเป็นท่อนอย่างไรอย่างนั้นและร่างของจั๋วซือหรานก็ไหววูบ ดูแล้วไม่มีอาการซมซานหรือโซซัดโซเซตอนที่หลบหลีกก่อนหน้านี้เลยความเร็วการเคลื่อนไหวของนางสูงมาก แต่ในสายตาของทุกคน กลับดูเชื่องช้าความรู้สึกแตกต่างระหว่างความเร็วและช้าที่สลับไปมานี้ ทำให้คนรู้สึกเริ่มปวดตาขึ้นมาทุกคนเห็นเห็นว่านางอยู่ต่อหน้าต่อตาชัดๆ นางเพียงแค่ก้าวอย่างสงบไม่กี่ก้าวราวกับเดินเล่นในสวนหลังบ้านเท่านั้นกระทั่งความตึงเครียดสักนิดก็ไม่มีแต่การโจมตีของแส้ที่น่าตกตะลึงนั่น ก็ถูกนางเบี่ยงหลบไปได้อย่างสมบูรณ์ ไม่ถูกกระทั่งชายเสื้อของนางด้วยซ้ำ!ส่วนการโจมตีจากแส้ของซางถิงก็ยังไม่หยุด กระหน่ำเข้ามาราวกับห่าฝน เหมือนไม่ต้องการให้มีเวลาหยุดพักทั้งที่ซัดแส้ออกไปแท้ๆ มันควรจะมีช่วงจังหวะที่ค้างกลางอากาศกับจังหวะดึงแส้กลับมารวมพลังตวัดออกไปอีกจึงจะถูกแต่นั่นแทบจะไม่มีเลยการโจมตีแส้ของซ
ฝูซูกับเฮยหลิงอยู่ระหว่างทางขึ้นไปห้องหรูบนหอ ก็ได้ยินเสียงโหร้องกึกก้องขึ้นมาจากอัฒจันทร์คนดูตอนที่พวกเขาเข้าไปในห้องหรู ก็เห็นเฟิงหร่านคุณหนูสิบตระกูลเฟิงเข้าสภาพในตอนนี้ ไม่สนใจว่าเป็นหญิงสาวชั้นสูง หรือว่าจะเป็นคุณหนู หรือกระทั่งเป็นสตรีอ่อนหวานอีกแล้วนางยืนอยู่บนเก้าอี้ สายตาจ้องมองเวทีประลองเป็นประกายสองมือกำหมัดแน่น ดูจดจ่อเอามากๆฝูซูรีบถามขึ้น “เป็นอย่างไรบ้างเป็นอย่างไรบ้าง? สู้เสร็จแล้วหรือยัง? คุณหนูชนะไหม?”ตาของเฟิงหร่านยังไม่ย้ายไปไหน ยังคงจับจ้องที่เบื้องล่างไม่วางตา แต่ตอบฝูซูกลับมาเสียงต่ำ ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความทึ่ง “ยังไม่จบ แต่คุณหนูจั๋ว...นางร้ายกาจมาก!”ฝูซูรีบเดินไปมองสถานการณ์บนเวทีประลองสภาพของเจี่ยงเทียนซิงดูหนักแน่นกว่าเฟิงหร่านพอควร จึงเล่าสถานการณ์ที่พวกเขาพลาดไปตอนไปลงเดิมพันออกมารอบหนึ่งที่แท้ พวกเขาก็พุ่งกันไปลงเดิมพันจั๋วซือหรานพอส่งสัญญาณเสร็จ ก็ไม่คิดจะทำเป็นอ่อนแอในการต่อสู้แล้วภายใต้การจับตาของทุกคน บาดแผลเหล่านั้นบนตัวนาง ก็เริ่มฟื้นตัวกลับอย่างเห็นได้ด้วยตาเปล่าและการเคลื่อนไหวที่เชื่องช้าเหมือนนางโดนผลกระทบความเป็นพิษจากนาก
หนึ่งคือสัญลักษณ์ของตระกูลซาง อีกหนึ่งเป็นสัญลักษณ์รูปอีกา (เชวี่ย)แสดงถึงตัวตนฐานะของนาง ว่าคือซางเชวี่ยคุณหนูสี่แห่งตระกูลซางคนรับใช้ข้างๆ นอบน้อมกับนางอย่างมาก“คุณหนู ท่านว่าไหม?” คนรับใช้เอ่ยขึ้น “แม้จะไม่รู้ว่าเป็นใครกันแน่ แต่ว่าเป็นสายเลือดตระกูลซางจริงๆ ทว่า จากการควบคุมสัตว์ของเขา ดูไม่มีอะไรน่าสงสัยเลย เสือเขี้ยวดาบแม้จะไม่ค่อยพบเห็นแต่ก็ไม่ได้มหัศจรรย์ขนาดนั้น นากเขาพิษยังกลับดูพิเศษขึ้นหน่อย”“ข้ารู้สึกว่า...” เสียงของหญิงสาวแจ่มชัดกังวาล แต่เส้นเสียงดูเย็นชาหน่อยๆ “สองคนนี้ยังไม่สู้กันจริงจังเลย”“ไม่จริงจัง?” คนรับใช้ไม่เข้าใจ “จั๋วซือหรานแม้ช่วงนี้จะถูกลือกันอย่างกับเป็นเทพเจ้า แต่จะอย่างไรก็ยังเป็นแค่แพทย์เท่านั้น แพทย์จะมีทักษะต่อสู้ได้แค่ไหนกัน...เมื่อครู่นางก็เอาแต่หนีนี่นา”หญิงสาวพอได้ยินก็หัวเราะขึ้นเบาๆ “เจ้าไม่เข้าใจ ถ้าหากไม่เป็นเช่นนี้แล้วจะหาเงินได้อย่างไรกัน?”คนรับใช้ไม่เข้าใจ “หาเงิน?”แต่ซางเชวี่ยกลับไม่คิดจะพูดอะไรมาก ทำเพียงจดจ้องสถานการณ์ที่เวทีด้านล่างเท่านั้นจั๋วจิ่วคนนั้นยังไม่สู้จริงจัง นางเองก็ไม่ใช่จะไม่เข้าใจ แค่จากการเปลี่ยนแปลงขอ
จั๋วซือหรานเดินไปทางเวทีแม้จะบอกว่าอยู่ในห้องเตรียมตัว ก็ญังสามารถได้ยินเสียงเอะอะภายนอกได้ตอนนี้พอเดินออกมา คลื่นเสียงที่โถมเข้ามาก็ยิ่งเพิ่มความสั่นสะเทือนขึ้นไปอีกเสียงโหร้อง เสียงก่นด่าของผู้คน เสียงตะโกนลงเดิมพัน และยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ล้วนดังขึ้นไม่หยุดหย่อนอินเจ๋ออันยืนอยู่ริมเวที สีหน้ายังคงปั้นยากอยู่สายตาของเขาจ้องมองจั๋วซือหรานอย่างสงสัยระแวดระวังสองมือจั๋วซือหรานยังกดอยู่ที่หน้าอก เส้นผมหลังหัวรวบสูงเป็นช่อ กลางหลังสะพายดาบคู่อินเจ๋ออันจ้องมองนางอยู่ครู่หนึ่ง ในใจคิด ไม่ว่านางจะมีแผนร้ายอะไร ถึงอย่างไรก็มาถึงที่นี่แล้ว พอขี่หลังเสือแล้วมันลงยากก็คงต้องไปต่อยิ่งไปกว่านั้น ซางถิงเองก็ไม่ใช่พวกรับมือง่ายด้วยเสียงระฆังดังขึ้นทั้งสองคนขึ้นเวทีอีกครั้ง จั๋วซือหรานมองคู่มืออีกด้านของเวทีดวงตาสีน้ำเงินคู่นั้นของอีกฝ่าย ก็กระพริบปริบๆ มองนางการทดสอบยกที่สองเริ่มขึ้นซางถึงตอนนี้ไม่ได้ใช้เสือเขี้ยวดาบเมื่อครู่ต่อแล้วบนอัฒจันทร์คนดูมีแขกไม่น้อยไม่ค่อยเข้าใจ“เมื่อครู่ใช้เสือเขี้ยวดาบก็ไม่ใช่ว่าชนะมาได้หรือ? ทำไมไม่ใช้ต่อ?!”“นั่นสิ! เสื้อเขี้ยวดาบเมื่อ
การยั่วยุเช่นนี้ดูหยาบมาก แต่จั๋วซือหรานกระทั่งไม่คิดจะกลบเกลื่อนเลยสักนิด จนแทบจะเขียนคำว่าข้ากำลังยั่วเจ้าสี่คำนี้ไว้บนหน้าโต้งๆ เลยด้วยซ้ำสถานการณ์ตอนนี้ ถ้าจะบอกว่าอินเจ๋ออันขึ้นหลังเสือจนลงมายากแล้วก็ไม่ได้เกินเลยอะไรพอได้ยินคำพูดจั๋วซือหราน เขากัดฟันเอ่ยขึ้น “พูดจาใหญ่โตเหลือเกิน! ยกนี้เจ้ายังไม่ชนะเลย แล้วทำไมข้าจะต้องกลัวด้วย?!”อินเจ๋ออันพูดจบ ก็เคาะระฆังทันที ประกาศชัยชนะของซางถิงและให้ทุกคนเฝ้ารอยกที่สองตามหลักการแล้วระหว่างยก จะต้องมีแพทย์เข้ามารักษาบาดแผลให้แต่จั๋วซือหรานตนเองก็เป็นแพทย์ ทำให้แพทย์ที่เจี่ยงเทียนซิงจัดมาจึงยืนกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ตรงนั้น“แม่...แม่นางจิ่ว”จั๋วซือหรานหันไปมองเขา “แพทย์หรือ?”“ใช่ ใช่แล้ว เจ้าสำนักให้ข้าเข้ามา...” แพทย์ยังไม่ทันพูดจบ ก็เห็นว่าแผลบนตัวจั๋วซือหรานเหล่านั้นสมานเสร็จเรียบร้อยแล้วจั๋วซือหรานเลิกคิ้ว เอ่ยว่า “เรื่องรักษาก็ไม่ต้องแล้วล่ะ เขายังมีอะไรจะมาบอกข้าอีกไหม?”“มี” แพทย์ถอนหายใจโล่ง เอ่ยต่อว่า “เจ้าสำนักให้ข้ามาบอกท่านว่า คนของตระกูลซางที่มา คือซางเชวี่ยคุณหนูสี่ที่ถูกคนในตระกูลให้ความสำคัญมากในปัจจุบันค
เสียงดังชิ้ง!สองดาบเก็บเข้าฝักเสียงนี้ก็ราวกับทำให้คนทุกคนในอัฒจันทร์คนดูได้สติกลับมาและได้เห็นหญิงสาวชุดแดงจัดระเบียบเสื้อผ้าบนตัว รอยขาดเหล่านั้นบนชุดแดง เผยให้เห็นผิวขาวนวลของนาง กับรอยแผลที่อยู่บนผิวนั้น...เพียงแต่ไม่รู้ว่าเข้าใจผิดหรือเปล่า หลังจากที่นางร่วงลงมาจากเวที บาดแผลบนตัวนางที่มาจากเสือเขี้ยวดาบนั้น เลือดหยุดไหลไปแล้ว ความรู้สึกบอบช้ำทั้งตัวก่อนหน้านี้ ตอนนี้ค่อยๆ สลายไปแล้วนางกระทั่งเดินมาตรงหน้าผู้ดูแลการตัดสินไกล่เกลี่ยอินเจ๋ออันที่อยู่ข้างๆเอ่ยขึ้นว่า “คนของเจ้าชนะแล้ว ยังไม่ประกาศอีกหรือ?”อิ๋นเจ๋ออันได้สติกลับมา เขาจ้องเขม็งที่จั๋วซือหราน ตระหนักขึ้นมาได้ถึงความผิดปกติแต่กลับพูดไม่ออกว่าตรงไหนที่ผิดปกติซางถิงชนะได้อย่างเป็นธรรมชาติ นางเองก็แพ้อย่างเป็นธรรมชาติ...แต่ยิ่งดูธรรมชาติเช่นนี้ ก็ยิ่งทำให้คนรู้สึกผิดปกติเพราะแพ้ชนะเดิมทีไม่ใช่เรื่องที่ให้คำใช้คำว่าเป็นธรรมชาติมาพรรณนาแล้วหญิงสาวคนนี้เดิมทีก็ฉลาดเป็นกรด ถ้าหากเขาสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ เช่นนั้นก็จะต้องผิดปกติอย่างแน่นอนอินเจ๋ออันเงยขึ้นมองซางถิงบนเวทีผาดหนึ่งซางถิงถึงแม้จะสวมหน้า
ตอนที่มันกระโจนไปถึงขอบเวที จั๋วซือหรานกำลังหันหลังให้มัน ปลายเท้าเพิ่งจะแตะพื้นต้องรู้ด้วย ว่าคนคนเราตอนที่ค้างอยู่กลางอากาศ ในจังหวะนี้ หากคิดจะทำอะไรเพื่อเปลี่ยนทิศทางร่างกาย จะต้องมีจุดเป็นแรงส่งด้วยแต่ตำแหน่งนี้ จั๋วซือหรานไม่มีจุดแรงส่งอะไรแล้วดังนั้น ทุกคนจึงมองเห็นว่าพอเท้านางแตะพื้น เสือเขี้ยวดาบก็จะกระโจนไปถึง ก่อนหน้าที่นางจะกระโจนหลบ ก็สามารถพุ่งเข้าขย้ำนางได้แล้ว!สายตาคนทั้งหมดล้วนจ้องเขม็ง ราวกับว่าการเคลื่อนไหวทั้งหมดเปลี่ยนเป็นช้าลงสายตาทุกคนจับจ้องไม่วางตา ล้วนรอให้ฉากที่เลือดของนางซ่านกระเซ็นปรากฏขึ้นมา!แต่ทว่า สถานการณ์ที่ทำให้คนทั้งหมดคาดไม่ถึง กลับปรากฏขึ้นแล้ว!ปลายเท้าของจั๋วซือหรานพอแตะบนเวทีที่ทำจากหินต้องห้ามตอนนั้นเอง เสือเขี้ยวดาบก็กัดไปทางด้านหลังคอนาง จังหวะนั้น บนเวทีกลับนิ่งเงียบไม่มีเสียงกระทั่งมีคนกลั้นหายใจ!“ฉูด...!” มีเสียงเลือดสดสาดกระเซ็นดังขึ้นเลือดสดสีแดง ย้อมเข้าที่ข้างคอและคอเสื้อนาง...“นาง...” มีคนงึมงำขึ้นมา ในสายตามีสีหน้าไม่อยากเชื่อ“...แพ้แล้ว” มีคนเอ่ยขึ้น“แต่ว่า...”ถ้าไม่นับบาดแผลเหล่านั้นที่นางได้มาจากการห
ฝูซูไม่เข้าใจคำพูดของเจี่ยงเทียนซิง “เจ้าสำนัก...หมายความว่าอย่างไร?”“คุณหนูของเจ้าพอบาดเจ็บ เจ้าก็กระวนกระวายขึ้นมาเลยสินะ” เจี่ยงเทียนซิงเอ่ยขึ้น “เจ้าลืมแผนการคุณหนูของเจ้าไปแล้วหรือ?”“แผนของคุณหนู...” ฝูซูงึมงำขึ้นมาครึ่งคำ จู่ๆ ก็มีปฏิกิริยาขึ้นมาแผนของคุณหนูคือ ยกแรกคุณหนูจะแพ้ ยกที่สองชนะแบบหวุดหวิด และยกที่สามค่อยเอาชนะดังนั้นยกแรก นางจึงตั้งใจจะแพ้นางตอนนี้ทำตัวอ่อนแอ ก็เพื่อให้คนอื่นคิดว่านางไม่ไหว รู้สึกว่านางต้องแพ้แน่พอยิ่งเดิมพันทางนางน้อยลงแค่ไหน อัตราต่อรองของนางก็จะยิ่งสูงขึ้นเจี่ยงเทียนซิงเอ่ยต่อ “บนตัวนางล้วนมีแต่แผลถลอกทั้งนั้น ด้วยฝีมือพลังวิญญาณวิชาแพทย์ของนาง ถ้านางไม่จงใจคุมพลังตนเองไว้ แผลแค่นี้เพียงไม่นานก็สมานหายดีแล้ว”“เอ่อ...” ปฏิกิริยาของฝูซูเองก็เป็นเช่นนี้ กระทั่งความกังวลก็ยังแขวนเติ่งอยู่ตรงนั้นไม่มีที่ลง พอกังวลก็เหมือนจะเกินเหตุ แต่ถ้าไม่กังวลก็เหมือนไม่ซื่อสัตย์พอ“นั่นมันเสือเขี้ยวดาบเลยนะ สัตว์ประหลาดแบบนี้ สามารถหลบหนีแบบนี้ภายใต้การต่อสู้กับมัน อันที่จริงแค่นี้ก็พิสูจน์ได้แล้ว ว่านางเก่งกาจกว่าเสื้อเขี้ยวดาบเยอะเลย เจ้าไม่รู้สึ
“ใช่เลย แส้นี้ฟาดจนทำให้จั๋วจิ่วต้องมุ่งไปทางปากสัตว์ประหลาดของเขาเลยทีเดียว!”เมื่อครู่ คนทั้งหมดล้วนมองเห็น ซางถิงที่อยู่บนเวที พอเริ่มต้นก็ทำเอาจั๋วซือหรานประหลาดใจไปเลยทีเดียวพอฟาดแส้เข้ามา จั๋วซือหรานก็จำต้องหลบไปยังตำแหน่งที่แส้โจมตีไม่ถึงและซางถิงเองก็อัญเชิญสัตว์ประหลาดออกมาทันที ปรากฏตัวรอในทิศทางนั้นอยู่แล้วในสายตาของผู้ชม นั่นจึงเป็นการที่จั๋วซือหรานถูกซางถิงต้อนไปยังปากของสัตว์ประหลาดของตนเอง!แต่ไม่นานนัก ท่ามกลางสายตาของคนทั้งหมด หญิงสาวในสนาม ก็มีปฏิกิริยาขึ้นฉับพลันในจังหวะสะเก็ดไฟกระทั่งไม่มีใครมองเห็น ว่าสองดาบที่หลังนางปรากฏขึ้นมาเมื่อไร!แต่ก็ปรากฏขึ้นมาแล้ว ดาบยาวสองเล่มนั้น ถูกนางแบกไขว้ไว้ที่หลัง ตอนนี้ก็ล้วนทยอยกันออกจากฝัก ถูกนางกุมมั่นเอาไว้ในมือสัตว์ประหลาดที่ซางถิงเรียกออกมาคือเสือเขี้ยวดาบตัวหนึ่งสัตว์ประหลาดที่ดุดันเช่นนี้ แล้วยังเป็นพวกตระกูลแมว พอมาอยู่บนเวทีประลอง อันที่จริงก็ได้เปรียบพอควรเพราะไม่เพียงแต่ดุร้าย แต่ยังคล่องตัวอีกด้วย!ถ้าหากจะพูดว่าสัตว์ประหลาดนี้มีจุดบกพร่องอะไร จุดบกพร่องนั้นจะต้องเป็นเพราะความยอดเยี่ยมเกินไป ความยาก