"เท่าไรนะ?!""เจ้าบอกว่าเท่าไรนะ?!"ทั้งสามคนแทบจะร้องออกมาพร้อมกันจั๋วซือหรานแหงนตามองพวกเขา "แปดเม็ด ทำไมหรือ?"ฮั่วจือโจวพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ ยื่นมือชี้ไปที่นาง สายตาตกตะลึง ครู่ต่อมา จึงพยักหน้าเอ่ยว่า "ขอตัวก่อน! จือโจวจะกลับไปหารือกับผู้อาวุโสทันที"จั๋วซือหรานขานรับอืมไปเสียงหนึ่ง นางคิดๆ เสิรมขึ้นมาว่า "มีแค่โอกาสเดียวเท่านั้นนะ""อะไรนะ?" ฮั่วจือโจวไม่ค่อยเข้าใจความหมายของจั๋วซือหรานจั๋วซือหรานเอ่ยต่อว่า "ถ้าหากเจ้าปฏิเสธครั้งนี้ จากนี้จะมาเสียใจแล้วอยากร่วมมือกับข้า ข้าก็จะไม่รับปากแล้วนะ"ฮั่วจือโจวมองรอยยิ้มบนหน้านาง และได้ยินเสียงใสของนางดังขึ้นว่า "ข้าเป็นคนนิสัยแบบนี้ล่ะ ทำอะไรก็จะขีดเส้นไว้ ต่อให้เป็นศัตรู ถ้าไม่เกินเลยมากนักข้าก็จะให้โอกาสอีกสักครั้ง"ฮั่วจือโจวตอบ "ข้าจะไปเดี๋ยวนี้แล้ว"หลังจากฮั่วจือโจวออกไป เจี่ยงเทียนซิงกับอินเจ๋ออันในที่สุดก็อดกลั้นไม่ไหว โดยเฉพาะอินเจ๋ออัน ท่าทางนั่น จั๋วซือหรานแทบอยากจะพุ่งไปบีบคอเขาจริงๆ"เจ้า! เจ้านี่จริงๆเลย""ทำไมจึงไปรับปากเงื่อนไขแบบนั้น? เจ้ารุ้ไหมว่าลูกกลอนขั้นสี่มมันมูลค่าสูงแค่ไหน?"หายากนะเนี่ย ที่เจี
อินเจ๋ออันงึมงำขึ้นมา "เจ้านี่มันสุดยอดไปเลย!"จั๋วซือหรานยิ้มยิ้ม "แต่นี่ข้าก็แค่พูดกับพวกเจ้าเท่านั้นนะ เพราะข้ากับพวกเจ้ามีความสัมพันธ์ที่อยู่ในเรือลำเดียวกันแล้ว ส่วนฮั่วจือโจวทางนั้น..."สายตาจั๋วซือหรานลึกซึ้ง "เขาดูแล้วถึงจะเหมือนว่านิสัยไม่เลวก็เถอะ แต่ข้าก็ไม่เคยชื่อใจพวกตระกูลขุนนาง ดังนั้น เรื่องนี้ยังไม่ต้องบอกพวกเขาแล้วกัน"เจี่ยงเทียนซิงกับอินเจ๋ออันเดิมทียังไม่ได้สติกลับมา แต่เห็นได้ชัด ว่าไม่ใช่เรื่องว่าจะบอกหรือไม่บอกพวกตระกูลขุนนาง แต่ว่าเรื่องนี้เดิมทีก็เพียงพอจะทำให้พวกเขาตกตะลึงไปแล้ว"หก หกสิบเม็ด?" เจี่ยงเทียนซิงงึมงำจั๋วซือหรานพยักหน้า "หกสิบแปด หลังจากนี้ถ้าพัฒนาขึ้นก็น่าจะได้มากขึ้นไปอีก"อันที่จริงนี่คือการที่นักกลั่นยาของนางเลื่อนขั้นขึ้นมา ตอนนี้นางจะกลั่นยาลูกกลอนขั้นห้าออกมาก็ไม่มีปัญหาอะไรเลย แต่ว่าเรื่องนี้ ไม่จำเป็นต้องไปบอกให้ใครรู้ส่วนที่ว่าทำไมปริมาณการผลิตถึงได้มาก นี่ก็เป็นวิธีการใหม่ที่จั๋วซือหรานค้นพบ ตนเองขอแค่กลั่นยาในมิติน้ำพุวิเศษ ถึงแม้มาตรฐานขั้นการกลั่นยาจะไม่ได้แตกต่างกับการกลั่นยาภายนอกมากนักแต่ปริมาณการผลิดกลับเปลี่ยนไปอย่าง
จั๋วซือหรานฟังคำพูดนี้แล้ว มุมปากกระตุก "มองไม่ออกเลย ว่าข้าจะมีชื่อเสียงขนาดนี้"องครักษ์เงาเอ่ยต่อ "แล้วก็ตระกูลเฟิงเหมือนคิดจะร่วมมือกับพลังแห่งราชวงศ์..."จั๋วซือหรานฟังถึงตรงนี้ ดวงตาก็ลึกซึ้งขึ้นมา "พลังของราชวงศ์หรือ...ถ้าอย่างนั้นก็คงมีแค่ซือคงอวี้เจ้าขยะนั่น ถ้าไม่พูดถึงเรื่องนี้ข้าก็เกือบจะลืมเรื่องเขาไปแล้วนะ เขาน่ะไม่ได้น่ากลัวอะไร ถ้าเขาไปสมคบคิดกับตระกูลเฟิงจริง วันไหนน่ารำคาญฆ่าทิ้งไปก็จบ"จั๋วซือหรานหลังจากได้รับข่าวนี้ จึงปล่ยอให้พวกเขาไปกินกันอย่างเอร็ดอร่อยส่วนนางหมุนตัวไปที่เรือนข้างๆคืนนี้ การคุ้มกันของตระกูลเฟิงยิ่งเข้มงวดขึ้น!ถ้าบอกว่าเมื่อคืนนี้ยังลาดตระเวนกันอยู่ล่ะก็ คืนนี้ไม่ใช่แค่ลาดตระเวน แต่กำหนดจุดยามเลยทีเดียวบนกำแพงสูงทุกช่วงของตระกูลเฟิง ล้วนมีคนคอยเฝ้าทั้งสิ้นเช่นนี้ ไม่เชื่อเลยว่านางจะยังลอบเข้ามาในจวนตระกูลเฟิงได้!แต่สิ่งที่พวกเขาคิดไม่ถึงก็คือ...ในค่ำคืนนี้ ตระกูลเฟิงยังคงมีคนตายทุกคนล้วนรู้ว่าเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลเฟิงไปผิดใจกับนังบ้าจั๋วไว้เต็มที่แล้ว นางคิดจะสังหารคนจริงๆ! ยิ่งไปกว่านั้นยังมองออกว่า นางสังหารคนแบบไม่มีทิศทางด
“เสียวจิ่ว ผู้นี้คือจวงเหยาเหยา นางมีเลือดเนื้อเชื้อไขของข้าอยู่ในท้องของนางแล้ว ในเมื่อวันนี้เป็นพิธีงานแต่งระหว่างข้าและเจ้า ข้าไม่อยากปิดบังอะไรเจ้า ข้าได้วางแผนที่จะให้นางมาเป็นนางสนม และข้าจะแต่งเจ้ากับนางเข้าเรือนในวันนี้"ฉินรุ่ยหยางไม่รู้สึกไร้ยางอายแม้แต่นิดเดียว“เจ้า...เมื่อครู่นี้เจ้าพูดอะไรนะ เจ้าพูดอีกครั้งสิ…”สีหน้าของจั๋วซือหรานดูซีดขาวมากยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับชุดแต่งงานสีแดงสดและมงกุฎหงส์นางจ้องเขม็งไปยังชายและหญิงที่อยู่ตรงหน้านางฉินรุ่ยหยาง"เสียวจิ่ว เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลไป เจ้าจะเป็นภรรยาหลวงที่มีเกียรติเสมอ ไม่มีใครมีอำนาจเหนือเจ้าได้ ในภายภาคหน้า เหยาเหยาจะเคารพเจ้าอันเป็นแท้ และลูกของนางก็จะเรียกเจ้าว่า แม่ใหญ่"จั๋วซือหรานยิ้มเยาะ "ข้าเกลียดคำเรียกนี้เสียจริง เด็กเหี้ยอะไรกันกล้ามาเรียกข้าเป็นแม่"ใบหน้าของฉินรุ่ยหยางนิ่งขรึมจวงเหยาเหยาน้ำตาเอ่อคลอ " พี่จั๋วเจ้าคะ หนูรู้ดีว่าตนเองมีฐานะต่ำต้อย แต่เด็กที่อยู่ในท้องของข้านั้น เด็กไม่ได้ทำอะไรผิดด้วย โปรดเห็นแก่เด็กคนนี้ที่เป็นสายเลือดของพี่ฉินด้วยนะ... "จั๋วซือหรานไม่มองนาง สายตาจ้องไปยังฉินรุ่ยหยางอย่
ฉินตวนหยางงและจวงเหยาเหยาถูกมัดอย่างแน่นจั๋วซือหรานก้าวขาเดินออกจากห้องด้วยความมั่นใจนางสวมชุดแต่งงานสีแดงอันสดใสและงดงาม เสมือนนางกำลังสวมชุดสู้รบ นางดูทรงมีพลังและองอาจหลังจากที่คุณหนูและคนใช้ทั้งสามเดินออกจากห้องไป บนหลังคามีเสียงหัวเราะดังขึ้นแผ่นกระเบื้องที่มุมหลังคาที่มิอาจได้รู้ว่า ถูกเปิดออกมาเมื่อใดเวลานี้กำลังถูกค่อย ๆ เคลื่อนกลับไปอยู่ที่เดิมร่างของสองคนค่อย ๆ ปรากฏขึ้นบนหลังคาชายหนุ่มทางด้านซ้ายแต่งกายด้วยชุดสีดำ เขามีใบหน้าเรียวงามส่วนชายหนุ่มทางด้านขวา เขายิ้มและมองเฟิงเหยียนที่อันหล่อเหลา บัดนี้เฟิงเหยียนกำลังเมินเฉยชายหนุ่มทางด้านขวาหัวเราะและพูด"เดิมทีข้าแค่อยากรู้ว่าจั๋วซือหรานที่ถอนหมั้นกับเจ้าจะงามเช่นใด ไม่คิดเลยว่า ภรรยาในอนาคตของเจ้าจะน่าสนใจขเช่นนี้หรอกนะ"ใบหน้าของเฟิงเหยียนนิ่งเฉย “เหยียนฉี เจ้าลากข้ามาที่นี่เพื่อปีนหลังคาของบ้านคนอื่นหรือ”แววตาของเฟิงเหยียนเย็นชา บุคคลิกของเขาประกายอารมณ์ที่ปฏิเสธผู้อื่นเข้าใกล้ชิดอย่างหนักแน่น "อีกอย่าง นางไม่ใช่คู่หมั้นของข้า"“เชอะ อย่าเย็นชาขนาดนี้สิ” ดวงตากลมโตของเหยียนฉีหรี่ลง “จั๋วจิ่วเพิ่งพูดไปเมื่
แววตาของจั๋วซือหรานเต็มไปด้วยความสับสน มีพลังที่มองไม่เห็นกำลังล่อลวงหัวใจของนาง เพื่อให้นางทำตามคำพูดของฉินตวนหยางนางพยายามทรงตัวไว้และอดความเจ็บปวดไว้ไม่แปลกเลย ชะตากรรมอันเดิมของเจ้าของร่างคนนี้ราวกับคนตาบอด นางรักคนไร้ความสามารถอย่างฉินตวนหยางขนาดนี้ แท้จริงแล้ว นางถูกอาคมหนอนพิษกู่ควบคุมสติไว้พิษแปลก ๆ ดังกล่าวแปลกอย่างมากจนทำให้เจ้าของร่างเดิมโดนอาคมหนอนพิษกู่โดยไม่รู้ตัว แม้ตายไปก็ไม่ทราบว่าตัวเองโดนหนอนพิษกู่ หากจั๋วซือหรานไม่ได้เดินทางข้ามเวลามา ร่างเดิมคงใช้ชีวิตอันน่าสงเวชอย่างชะตากรรมอันเดิมที่กำหนดไว้แต่ในเมื่อจั๋วซือหรานมาแล้ว นางจะไม่มีวันฉินตวนหยางสมหวังฉินตวนหยางเห็นนางไม่ตอบ จึงเสกเป่าอีกที "เสี่ยวจิ่ว เจ้าเชื่อข้าไหมขอรับ"จั๋วซือหรานมองไปที่ฉินตวนหยาง นางค่อย ๆ อ้าริมฝีปากอันสีแดงให้กว้างขึ้น“เจ้าฝันไปเสียเถิด”เสียง 'คลิก'ดังขึ้น“อา”ขาของฉินตวนหยางถูกคนหัก และเขากรีดร้องด้วยความเจ็บปวดเขาตกใจด้วยความเจ็บปวดทรมาน ผู้นั้นได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า ตราบใดเสน่ห์หนอนพิษกู่นี้ยังคงอยู่ จั๋วซือหรานก็สามารถเชื่อฟังเขาไปตลอดชีวิต ทำไมหนอนพิษกู่จึงใช้งานไม่ไ
น้ำเสียงทุ้มต่ำของเฟิงเหยียนเต็มไปด้วยความเย็นชาและเสน่ห์"น่าอับอายเสียจริง เรื่องไร้สาระสิ้นดี"จั๋วซือหรานเงยหน้ามองชายผู้นี้ด้วยความเจ็บปวดอย่างมากใต้หล้ามีคนหน้าตาดีตั้งมากมายเฟิงเหยีนกลับมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร ความหล่อเหลาของเขาผสมด้วยความกล้าหาญที่ฮึกเหิมทันทีที่จั๋วซือหรานเห็นใบหน้านี้ นางหายความเจ็บปวดทันทีแต่จั๋วซือหรานหายเจ็บปวด ไม่ใช่เป็นเพราะนางเห็นหน้าตาอันหล่อเหลาแต่เป็นเพราะวินาทีที่ชายผู้นี้ปรากฏตัวอย่างรวดเร็ว เขาวางมือบนไหล่ฉินตวนหยาง"อ๊าก ๆ——!“ฉินตวนหยางกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง เสียงร้องนั้นดังเป็นสิบ ๆ เท่าเมื่อเทียบกับตอนที่เขาถูกหักขาในก่อนหน้านี้ และบัดนี้เขากำลังล้มบนพื้นและกระตุกไปทั้งตัวสายเลือดของตระกูลเฟิงเป็นเช่นนี้ สายเลือดนี้เป็นธาตุไฟที่รุนแรงที่สุด ยิ่งเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์อันยอดเยี่ยม พลังทางจิตวิญญาณก็ยิ่งเผด็จการมาขึ้นเท่านั้นหากถูกพลังทางจิตวิญญาณนั้นรุกราน จะมีความรู้สึกอย่างร่างกายกำลังถูกไฟเผา ซึ่งความเจ็บปวดนั้นพอ ๆ กันกับความเจ็บปวดที่เสน่ห์หนอนพิษกู่นำมาในขณะเดียวกัน ฉินตวนหยางหลั่งน้ำอย่างหนัก เขาดูน่าเกลียดอย่า
ทันทีที่เฟิงเหยียนเดินออกจากจวนของจั๋วซือหราน หลังจากนั้นไม่นาน ข้างเฟิงเหยียนมีร่างสีดำสองร่างปรากฏตัวอย่างเงียบ ๆ“ท่านอ๋องขอรับ” ชายที่สวมชุดดำทั้งสองแสดงความเคารพเฟิงเหยียนมีสีหน้าอย่างไม่มีอารมณ์ "ไปสืบมา ข้าต้องการรู้เสน่ห์หนอนพิษกู่ที่จั๋วจิ่วถูกวาง ใครเป็นคนสั่งการเบื้อหลัง"ไม่มีใครเชื่อหรอกว่าบัณฑิตที่ไร้ประโยชน์ผู้นั้นจะเป็นผู้กระทำความผิดนี้*จั๋วซือหรานกำลังนั่งอยู่ในห้อง ฝูซางกังวลอย่างมาก และรีบเช็ดเลือดที่ริมฝีปากของคุณหนูของนาง "คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูจะปล่อยเป็นเช่นนี้อีกต่อไปมิได้หรอกนะ ข้าน้อยว่า เราควรรีบไปตามคุณหมอมาตรวจเถิดนะ"“ข้าแค่อาเจียนออกมาเป็นเลือดเพียงเท่านั้น กังวลอะไรล่ะ” จั๋วซือหรานดึงเข็มเงินที่นางสอดไว้ก่อนหน้านี้ออกมาอย่างใจเย็น “หากไม่บีบเลือดที่ติดพิษกู่ออกไป อาการบาดเจ็บภายในจะไม่มีทางหายหรอก”ฝูซาง: “ว่าแต่คุณหนูไปเรียนทักษะการรักษามาโรคตั้งแต่เมื่อไรกัน"จั๋วซือหรานยิ้มเบา ๆ และไม่ตอบ ”ยิ่งไปกว่านี้ ข้าอยากรู้ว่าใครกันแน่ที่เกลียดข้ามากจนใช้เสน่ห์หนอนพิษกู่ มิฉะนั้น ต่อให้ฉินตวนหยางมีความกล้าหาญมากเท่าไร เขาก็ไม่กล้าำเช่นนี้กับข้าหรอก แม้
จั๋วซือหรานฟังคำพูดนี้แล้ว มุมปากกระตุก "มองไม่ออกเลย ว่าข้าจะมีชื่อเสียงขนาดนี้"องครักษ์เงาเอ่ยต่อ "แล้วก็ตระกูลเฟิงเหมือนคิดจะร่วมมือกับพลังแห่งราชวงศ์..."จั๋วซือหรานฟังถึงตรงนี้ ดวงตาก็ลึกซึ้งขึ้นมา "พลังของราชวงศ์หรือ...ถ้าอย่างนั้นก็คงมีแค่ซือคงอวี้เจ้าขยะนั่น ถ้าไม่พูดถึงเรื่องนี้ข้าก็เกือบจะลืมเรื่องเขาไปแล้วนะ เขาน่ะไม่ได้น่ากลัวอะไร ถ้าเขาไปสมคบคิดกับตระกูลเฟิงจริง วันไหนน่ารำคาญฆ่าทิ้งไปก็จบ"จั๋วซือหรานหลังจากได้รับข่าวนี้ จึงปล่ยอให้พวกเขาไปกินกันอย่างเอร็ดอร่อยส่วนนางหมุนตัวไปที่เรือนข้างๆคืนนี้ การคุ้มกันของตระกูลเฟิงยิ่งเข้มงวดขึ้น!ถ้าบอกว่าเมื่อคืนนี้ยังลาดตระเวนกันอยู่ล่ะก็ คืนนี้ไม่ใช่แค่ลาดตระเวน แต่กำหนดจุดยามเลยทีเดียวบนกำแพงสูงทุกช่วงของตระกูลเฟิง ล้วนมีคนคอยเฝ้าทั้งสิ้นเช่นนี้ ไม่เชื่อเลยว่านางจะยังลอบเข้ามาในจวนตระกูลเฟิงได้!แต่สิ่งที่พวกเขาคิดไม่ถึงก็คือ...ในค่ำคืนนี้ ตระกูลเฟิงยังคงมีคนตายทุกคนล้วนรู้ว่าเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลเฟิงไปผิดใจกับนังบ้าจั๋วไว้เต็มที่แล้ว นางคิดจะสังหารคนจริงๆ! ยิ่งไปกว่านั้นยังมองออกว่า นางสังหารคนแบบไม่มีทิศทางด
อินเจ๋ออันงึมงำขึ้นมา "เจ้านี่มันสุดยอดไปเลย!"จั๋วซือหรานยิ้มยิ้ม "แต่นี่ข้าก็แค่พูดกับพวกเจ้าเท่านั้นนะ เพราะข้ากับพวกเจ้ามีความสัมพันธ์ที่อยู่ในเรือลำเดียวกันแล้ว ส่วนฮั่วจือโจวทางนั้น..."สายตาจั๋วซือหรานลึกซึ้ง "เขาดูแล้วถึงจะเหมือนว่านิสัยไม่เลวก็เถอะ แต่ข้าก็ไม่เคยชื่อใจพวกตระกูลขุนนาง ดังนั้น เรื่องนี้ยังไม่ต้องบอกพวกเขาแล้วกัน"เจี่ยงเทียนซิงกับอินเจ๋ออันเดิมทียังไม่ได้สติกลับมา แต่เห็นได้ชัด ว่าไม่ใช่เรื่องว่าจะบอกหรือไม่บอกพวกตระกูลขุนนาง แต่ว่าเรื่องนี้เดิมทีก็เพียงพอจะทำให้พวกเขาตกตะลึงไปแล้ว"หก หกสิบเม็ด?" เจี่ยงเทียนซิงงึมงำจั๋วซือหรานพยักหน้า "หกสิบแปด หลังจากนี้ถ้าพัฒนาขึ้นก็น่าจะได้มากขึ้นไปอีก"อันที่จริงนี่คือการที่นักกลั่นยาของนางเลื่อนขั้นขึ้นมา ตอนนี้นางจะกลั่นยาลูกกลอนขั้นห้าออกมาก็ไม่มีปัญหาอะไรเลย แต่ว่าเรื่องนี้ ไม่จำเป็นต้องไปบอกให้ใครรู้ส่วนที่ว่าทำไมปริมาณการผลิตถึงได้มาก นี่ก็เป็นวิธีการใหม่ที่จั๋วซือหรานค้นพบ ตนเองขอแค่กลั่นยาในมิติน้ำพุวิเศษ ถึงแม้มาตรฐานขั้นการกลั่นยาจะไม่ได้แตกต่างกับการกลั่นยาภายนอกมากนักแต่ปริมาณการผลิดกลับเปลี่ยนไปอย่าง
"เท่าไรนะ?!""เจ้าบอกว่าเท่าไรนะ?!"ทั้งสามคนแทบจะร้องออกมาพร้อมกันจั๋วซือหรานแหงนตามองพวกเขา "แปดเม็ด ทำไมหรือ?"ฮั่วจือโจวพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ ยื่นมือชี้ไปที่นาง สายตาตกตะลึง ครู่ต่อมา จึงพยักหน้าเอ่ยว่า "ขอตัวก่อน! จือโจวจะกลับไปหารือกับผู้อาวุโสทันที"จั๋วซือหรานขานรับอืมไปเสียงหนึ่ง นางคิดๆ เสิรมขึ้นมาว่า "มีแค่โอกาสเดียวเท่านั้นนะ""อะไรนะ?" ฮั่วจือโจวไม่ค่อยเข้าใจความหมายของจั๋วซือหรานจั๋วซือหรานเอ่ยต่อว่า "ถ้าหากเจ้าปฏิเสธครั้งนี้ จากนี้จะมาเสียใจแล้วอยากร่วมมือกับข้า ข้าก็จะไม่รับปากแล้วนะ"ฮั่วจือโจวมองรอยยิ้มบนหน้านาง และได้ยินเสียงใสของนางดังขึ้นว่า "ข้าเป็นคนนิสัยแบบนี้ล่ะ ทำอะไรก็จะขีดเส้นไว้ ต่อให้เป็นศัตรู ถ้าไม่เกินเลยมากนักข้าก็จะให้โอกาสอีกสักครั้ง"ฮั่วจือโจวตอบ "ข้าจะไปเดี๋ยวนี้แล้ว"หลังจากฮั่วจือโจวออกไป เจี่ยงเทียนซิงกับอินเจ๋ออันในที่สุดก็อดกลั้นไม่ไหว โดยเฉพาะอินเจ๋ออัน ท่าทางนั่น จั๋วซือหรานแทบอยากจะพุ่งไปบีบคอเขาจริงๆ"เจ้า! เจ้านี่จริงๆเลย""ทำไมจึงไปรับปากเงื่อนไขแบบนั้น? เจ้ารุ้ไหมว่าลูกกลอนขั้นสี่มมันมูลค่าสูงแค่ไหน?"หายากนะเนี่ย ที่เจี
จั๋วซือหรานยิ้มตาโค้ง "มาก็มาแล้ว ทุกครั้งไม่เคยจะเข้ามาเสียที เอาแต่แอบฟังอยู่ข้างๆ มันใช่เรื่องไหม?"ฮั่วจือโจวเดินเข้ามา มองนางอย่างจำใจ "แม่นางจิ่วไม่รู้จริงหรือว่าตัวเองเป็นตัวยุ่งยากระดับไหน? ที่ข้าเข้ามา ก็ถือว่าเสี่ยงอันตรายมากแล้วนะ"จั๋วซือหรานฟังคำพูดเขา หัวเราะพยักหน้า "ข้ารู้อยู่แล้วว่าข้าเป็นตัวยุ่งยาก เป็นความเสี่ยง"ฮั่วจือโจวคิดจะพูดต่อ แต่จั๋วซือหรานก็ชิงพูดมาก่อน "แต่ว่านะ ถึงแม้ข้าจะเป็นความเสี่ยง แต่ว่ากำไรกับความเสี่ยงมันก็ของคู่กันไม่ใช่หรือ?""ดังนั้นข้าถึงคอยฟังอยู่นี่ไง อยากจะฟังว่าเจ้าจะให้ผลกำไรอะไรกับข้า" ฮั่วจือโจวเอ่ยขึ้น "ถึงอย่างไรจากสถานการณ์ของเจ้าในตอนนี้ ตระกูลเฟิงถ้าเจ้าคิดจะผิดใจให้ถึงที่สุด แล้วถ้าตะรกูลเฟิงไปจับมือกับตระกูลขุนนางอื่นล่ะก็..."ฮั่วจือโจวพูด ส่ายหัวเบาๆ "แม่นางจิ่ว ถึงตอนนั้นต่อให้ข้าอยากจะร่วมมือกับเจ้าแค่ไหน แต่ที่ตระกูลก็คงสร้างแรงกดดันกับข้าอย่างมาก ไม่ยอมให้ข้าทำเรื่องเช่นนี้แน่นอน ""ถึงแม้จะไม่อยากยอมรับ แต่มันก็เป็นอย่างที่เจ้าพูดนั่นล่ะ ตระกูลขุนนางก็เป็นกันเช่นนี้ เหนื่อสิ่งอื่นใดทั้งหมด สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือผลปร
"ก็คงไม่บีบคั้นนาง! แล้วนางก็ไม่ต้องมาฆ่าคนด้วย!""มีคนไปผิดใจนางมาตั้งเยอะ ก็ยังไม่เคยเห็นนางคลั่งจนฆ่าคนแบบนี้เลย!""พวกท่านทำไมต้องทำแบบนี้? งานหมั้นหมายก่อนหน้านี้ก็เป็นพวกท่านที่กำหนด แล้วตอนนี้ทำไมถึงไปขับไล่พวกเขา""ทำไมคนที่ตายไม่ใช่พวกท่านกัน?"เหล่าผู้อาวุโสถลึงตาโต มองหน้ากันไปมา เบิกตาอ้าปากค้างตามหลักการที่พวกเขาพูดกับเหล่าอาวุโสแบบบี้ถือว่ากำเริบเสิบสาน แต่ชั่วขณะหนึ่ง เหล่าผู้อาวุโสกระทั่งลืมที่จะตะคอกออกไปด้วยซ้ำเพราะวพกเขาก็รู้อยู่รางๆ ว่าเรื่องราวมันค่อยๆ ควบคุมไม่อยู่แล้วมีเรื่องบางอย่างเหมือนกำลังพัฒนาไปในทิศทางที่พวกเขาควบคุมไม่ได้...อีกด้านหนึ่ง จั๋วซือหรานนั่งดื่มชาอยู่ในโรงน้ำชา ดื่มไปคำหนึ่งก็ขมวดคิ้วไม่อร่อยเลยกินกับข้าวไปคำหนึ่ง ก็ขมวดคิ้วอีกห่วยแตกเจี่ยงเทียนซิงรู้สึกจนใจ หัวเราะเอ่ยขึ้นว่า "พวกเรารีบมารับช่วงต่อ ก็ไม่ห่วยแตกแบบนี้แล้ว"จากนั้น ที่ประตูก็มีเงาคนลับๆ ล่อๆ เดินเข้ามาบนหัวสวมหมวกปิดหัว เดินไปมาอย่างรีบร้อน ปิดบังหน้าส่วนใหญ่ไว้ แต่ตราประทับจันทร์เสี้ยวบนหน้าผากนั่นก็ยังเผยออกมาอย่างชัดเจนจั๋วซือหรานมองแล้วก็พูดไม่ออก เจ
พวกเขาจึงมองหน้ากันไปมาอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงไปทำงานกัน จากนั้นจึงกินกันอย่างมีความสุขตอนนี้ ไม่มีใครสนใจแล้วว่าก่อนหน้านี้ที่จั๋วซือหรานปิดตัวทำอะไรอยู่ในห้องแล้วจั๋วซือหรานมองเหล่าองครักษ์เงาที่กินกันอย่างมีความสุขในเรือน นางยกปากขึ้นยิ้มๆ จากนั้นจึงหมุนตัวไปที่ข้างเรือน......กลางดึกในจวนตระกูลเฟิงหวาดระแวงกันมาก แค่ลมพัดใบไม้ไหวก็คิดว่าศัตรูบุกไม่เคยมีใครมาสร้างแรงกดดันมากขนาดนี้กับตระกูลเฟิงมาก่อนนี่ทำเอาเหล่าผู้อาวุโสตระกูลเฟิง ทั้งรู้สึกอัปยศและรู้สึกโกรธเคืองมากแต่กลับยังต้องให้ความสำคัญขึ้นมา!ไม่เพียงแต่หน่วยลาดตระเวน มีอัตรารอบสูงขึ้นกว่าแต่ก่อนเท่านั้นแต่เหล่าผู้อาวุโสก็ไม่กล้าที่จะหลับตากัน"นางปีศาจสาวนั่น! ทำไมถึงได้มีพลังขนาดนี้!""ไม่รู้ว่าเจ้าคนไร้ค่าเฟิงเหยียน ให้กำลังกับนางไปมากน้อยแค่ไหน!""เจ้าว่าคืนนี้นางจะมาจริงไหม?""ใครจะรู้เล่า? น่าอับอายเสียจริง แค่คำพูดเดียวของนาง...!"ตอนนี้ก็ยังไม่ได้หลับไม่ได้นอนไม่มีคนสังเกตเห็น ว่ามีร่างปราดเปรียวราวกับแมวราตรีร่างหนึ่ง แฝงตัวเข้ามาในเรือนตระกูลเฟิงแล้วแล้วเหล่าผู้อาวุโสที่จุดโคมกันสว่างไสว กล
เรื่องนี้ จะปิดไว้ก็ไม่ใช่ว่าจะปิดได้ง่ายๆ ดังนั้นเพียงไม่นาน ในเมืองหลวงก็มีข่าวแพร่ออกมาตระกูลซางทำอะไรจั๋วซือหรานไม่ได้ ขนาดตระกูลเฟิงก็ยังถูกแม่นางจั๋วจิ่วควบคุมไว้แล้ว!แต่ว่าจั๋วซือหรานไม่มีเวลาไปสนใจเสียงของโลกภายนอกพวกนี้ นางรีบกลับมารักษาแผลที่ขาของหานกวง ต่อเอ็นที่เท้าหานกวงรู้สึกมหัศจรรย์อย่างมาก เพราะว่า นางเดิมทีคิดว่าไม่เหลือความหวังใดๆ แล้วแต่วา่จั๋วซือหรานหลังจากรักษาจนเสร็จ หานกวงยังคิดว่าตนเองเข้าใจผิด แต่ไม่ใช่เล่ย ความรู้สึกที่เท้าค่อยๆ แจ่มชัดขึ้นแล้ว! กระทั่งเท้ายังขยับได้อีกด้วย"แม่นางจิ่ว! ท่านรักษาให้หายได้จริงด้วย!"จั๋วซือหรานก้มลงมองนางแบบแปลกๆ "คิดว่าข้าล้อเจ้าเล่นหรือ?"ฉุนจวินเขียนเนื้อหามาไม่น้อย ยังไม่ได้ให้จั๋วซือหรานอ่าน เหล่าองครักษ์เงาก็ทยอยกันเล่าเรื่อง จึงได้พอเข้าใจถึงเรื่องราวคร่าวๆในใจโมโหอย่างมาก ต่อตระกูลเฟิงและอี้ชิงคนทรยศนั่นเจี่ยงเทียนซิงเองเข้ามาเช่นกัน ดูกังวลอย่างหนัก ถ้าเป็นแต่ก่อน เขาอาจจะทำเป็นไม่สนใจ หรือแค่ให้อิ๋นไห่นำคำพูดมาแล้วก็แล้วกันไปแต่ว่าตอนนี้...เขาทนไม่ไหวแล้ว"ซือหราน หลังจากนี้เจ้าคิดจะทำอย่างไรกัน? เจ
จั๋วซือหรานพอพูดคำนี้ออกไป ผู้อาวุโสตระกูลเฟิงสีหน้าก็ปั้นยากเสียแล้ว!เพราะจั๋วซือหรานพูดไว้ไม่ผิด คนของพวกเขาล้วนเอาออกไปจัดการเฟิงเหยียนหมดแล้ว ต่อให้เฟิงเหยียนจะถูกพวกเขาวางแผนใส่ จนพลังที่แท้จริงอ่อนแอลงมาแล้วก็ตามแต่สำหรับพวกเขา ก็ยังประมาทไม่ได้ปฏิบัติการครั้งนี้จะพลาดไม่ได้ เพราะตัวตนของจั๋วซือหราน รวมถึงความสัมพันธระหว่างเฟิงเหยียนกับจั๋วซือหรานที่ลึกซึ้งขึ้นทุกวันสำหรับพวกเขาแล้ว นี่เป็นปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ดังนั้นก่อนที่พวกเขาจะรักลึกซึ้งไปยิ่งกว่านี้ แล้วทำเรื่องให้ยุ่งยากกว่าเดิม พวกเขาก็จะลงมือเสีย!จึงได้มีปฏิบัติการในครั้งนี้ อดพูดไม่ได้เลย ว่าค่อนข้างจะสำเร็จอยู่ความสามารถของเฟิงเหยียนถูกลดทอนลงไปอย่างมาก พวกเขาถึงจัดการได้ไม่เช่นนั้น ภายใต้สถานการณ์ที่พวกเขาไม่กล้าสังหารเขาจริงๆ อย่างมากก็ทำได้แค่ลงโทษเขาแบบนี้ หากเขาคิดจะทำการขัดขืนขึ้นมา ตระกูลเฟิงก็ยากที่จะรับไหวเช่นกันปฏิบัติการนี้สำเร็จอย่างมากแล้วแท้ๆเพียงแต่ว่า พวกเขาคิดพลาดไป หรือก็คือพวกเขาคิดไม่ถึง ว่าเรื่องนี้จั๋วซือหรานจะมีปฏิกิริยาอย่างไรตอนนี้พวกเขาก็เพิ่งเข้าใจว่าทำอะไรผิดพลาด แต่ก็เ
ตอนนั้นก็รู้สึกว่าน่าตกตะลึงแล้ว พอมาได้ยินใกล้ๆ แบบนี้ ก็น่าตกใจจริงๆที่น่าตกใจกว่าคือ พริบตาต่อมา คนที่เตรียมจะไปขวางคนนั้น มือของเขา...ขาดไปแล้วมือของเขาเหมือนถูกอะไรที่น่ากลัวฟาดออกไป จากตำแหน่งที่สูงขึ้นมาจากข้อมือเล็กน้อย เลือดเนื้อเละเทะไปหมดข้อมือที่ขาดร่วงลงบนพื้น นิ้วยังคงกระดิกอยู่จั๋วซือหรานมองเขา เอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา "ครั้งต่อไปจะเป็นหัว ไม่ใช่หัวข้างบนนะ แต่เป็นไอ้หัวข้างล่างนั่น"คนผู้นี้เหงื่อแตกพลั่ก กุมข้อมือ ถอยไปอยู่ข้างๆ ไม่กล้าทำอะไรอีกจั๋วซือหรานตอนนี้จึงเดินนวยนวดไปตรงหน้าผู้อาวุโสคนนั้น ยื่นมือไปรับสัญญาทาสจากในมือเขา เก็บเข้าไปในมิตะพริบตานี้เอง ผู้อาวุโสคนนี้จู่ๆ ก็จะโจมตีเข้ามา ชักกระบี่ประจำตระกูลทันทีอากาศรอบๆ มีคลื่นความร้อนหลั่งทะลัก!โจมตีไปทางจั๋วซือหราน!จั๋วซือหรานแหงนตาขึ้นมอง ไม่มีใครเห็นว่าในมือนางมีมีดสั้นปรากฏขึ้นตอนไหนแค่ในชั่วจังหวะหายใจนี้ผู้อาวุโสก็ใส่ไปหลายกระบวนท่าจังหวะที่กระบวนท่าสุดท้ายเข้าปะทะ ผู้อาวุโสก็โซซัดโซเซถอยไปหลายก้าว ทานกำลังของจั๋วซือหรานไม่ไหวตอนนี้เอง ร่างหนึ่งก็กะเผลกตรงเข้ามาทางนี้ดูแล้วซมซานอย่าง