หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าของจั๋วซือหรานดูบริสุทธิ์และอ่อนโยน นางแต่งกายด้วยชุดสีขาวและดูสง่างาม อีกทั้งเป็นเพราะนางสวมชุดสีขาวบริสุทธิ์ ซึ่งทำให้นางดูสวยงามมาก และทำให้ตราแพทย์ที่ทำจากไม้ตะโกบนเอวของนางเด่นชัดยิ่งขึ้นแม่นางผู้นี้คือคุณหนูเจ็ดของตระกูลเหยียน เหยียนหยี่หลิงนางยืนอยู่ตรงข้ามกับจั๋วซือหราน คนหนึ่งสวมเสื้อสีแดง อีกคนหนึ่งสวมกระโปรงสีขาว ความแตกต่างนั้นชัดเจนมากเมื่อเผชิญหน้ากับสีหน้าที่น่าสงสารของเหยียนหยี่หลิง จั๋วซือหรานหรี่ตาลงเล็กน้อย นางมีท่าทีที่ไร้ระเบียบวินัย เมื่อคู่กับชุดสีแดง ทำให้นางดูมีเสน่ห์พิเศษ“ คุณหนูจั๋วจิ่วใช่ไหม” เหยียนหยี่หลิงเห็นจั๋วซือหรานไม่ตอบนาง ก็ขมวดคิ้วและเรียกนางอีกครั้งในที่สุดจั๋วซือหรานยิ้ม“คุณหนูเจ็ดเหยียน เจ้าไม่เป็นอะไรหรอกนะ”เหยียนหยี่หลิงไม่เข้าใจคำพูดนี้ นางขมวดคิ้ว "ข้าสบายดี คนที่เดือดร้อนตอนนี้คืออายามของข้า คุณหนูจั๋วจิ่ว หวังว่าเจ้าเอายาแก้พิษให้เราเดี๋ยวนี้ ครอบครัวของเราจะไม่หาเรื่องเจ้า”จั๋วซือหรานยืนตรงกอดอกและมองเหยียนหยี่หลิง นางรู้สึกตลก"เจ้าหมายถึง เหยียนชางเป็นเช่นนี้เพราะข้าวางยาพิษเขาหรือ"เหยียนหยี่หลิงขมวด
เหยียนหยี่หลิงยิ่งเห็นจั๋วซือหรานมีท่าทีเช่นนี้ นางไม่พอใจมากขึ้น นางฉวยโอกาสพูดทันที "ดูสิ เจ้าอธิบายไม่ได้ ถึงอย่างไร เจ้าก็เป็นหญิงสูงศักดิ์ในเมืองหลวงเช่นกัน และเจ้ามีชื่อเสียงอย่างมาก เจ้าจะเลวทรามขนาดนี้ได้อย่างไร ไม่น่าแปลกใจเลยที่หลังจากตระกูลเฟิงเลิกหมั้นกับเจ้าแล้ว พวกเขาไม่อยากติดต่อกับเจ้าเลย…”คำพูดของเหยียนหยี่หลิง ซึ่งฟังแล้วค่อนข้างสมเหตุสมผลเมื่อฟังแรก ๆ ทำให้หลายคนเริ่มเชื่อคำพูดของนาง และมีบางคนเริ่มพยักหน้าเห็นด้วยแล้ว"ใช่ ๆ ตระกูลเหยียนไม่แย่งอะไรกับคนอื่นมาตลอด จั๋วจิ่วนี่มันจริง ๆ เลย มาหาเรื่องกับคนดี ๆ อย่างคนของตระกูลเหยียน เสมอ"“แถมยังทำให้เหยียนชางเป็นเช่นนี้ เหยียนชางซวยจริง ๆ ต้องเสียชื่อเสียงที่เขารักษามานาน…”“นี่ แม่นางจั๋วจิ่ว อะไรที่ให้อภัยได้ ให้อภัยเถิด เจ้ารีบเอายาถอนพิษออกมาสิ อย่าทำให้สองตระกูลต้องโกรธกัน”แต่ก็ยังมีบางคนที่ยังคงรู้เรื่องอยู่และไม่ถูกคำพูดนั้นปิดบังสายตา ตัวอย่างเช่น คุณชายห้าของตระกูลฮั่ว ฮั่วชิงหยวน เขาขมวดคิ้วและพึมพำว่า "ไม่ใช่สิ ทั้ง ๆ ที่จั๋วจิ่วเป็นผู้ที่ได้รับความอยุติธรรมอย่างเห็นได้ชัด มันจะเป็นความผิดของนางได้อ
ทุกประโยคกำลังตบหน้าเหยียนหยี่หลิงและสมาชิกของตระกูลเหยียนเหยียนหยี่หลิงอ้าปาก เหมือนอยากพูดอะไรอีกแต่ชายหนุ่มของตระกูลเหยียนที่อยู่ข้าง ๆ พูดด้วยน้ำเสียงเข้มว "หยี่หลิง ไปกันเถิด อาการของอาสามไม่ดี เรากลับไปก่อน"ว่าเขาอาการไม่ดี แต่จริง ๆ แล้ว หากต้องพูดตามความจริง มันก็เหมือนครร้ายอย่างจั๋วจิ่วพูดในก่อนหน้านี้เหยียนชางเจ็บปวดอันยิ่งใหญ่ จนเขาเกือบหมดสติ... ไม่ อาจไม่สามารถพูดได้ว่าเขาหมดสติต้องยอมรับว่า ฝีมือของซือหลี่ตันติ่งโหดร้ายจริง ๆ ไม่รู้เขาใช้ยาชนิดใด เหยียนชางเจ็บปวดมากจนเกือบจะสูญเสียร่างมนุษย์ แต่เขายังคงตื่นตัวอยู่มาก มีสติอย่างมากเขายังได้ยินคำพูดของพวกเขาเขาไม่อาจเป็นลมได้ เขาทำได้เพียงตื่นตัวและทนทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวดแสนสาหัสเขาจะรู้สึกอย่างไรหลังจากการทรมานนี้จบลง เขาจะโกรธหรือจะเกลียดชัง หรือกลัวจนตัวสั่น ยากที่จะพูดแต่ในขณะนี้ อารมณ์ในใจของเหยียนชางคือความเสียใจ เขาเสียใจจริง ๆ ว่าทำไมเขาถึงยุ่งกับผู้หญิงคนนี้จากตระกูลจั๋ว ทำไมเขาถึงยุ่งกับคนบ้าคนนี้ของตระกูลจั๋วผู้หญิงคนนี้บ้าไปแล้วจริง ๆ เมื่อก่อนนางยอมถอนหมั้นกับตระกูลเฟิง และต่อต้านกับตระก
ตอนนี้เขาทำได้เพียงไปจากที่นี่ต่อหน้าทุกคนเท่านั้น ถึงแม้มันจะดูน่าอายนิดหน่อย แต่ก็ไม่มีทางอื่นแล้ว แม้ว่ามันจะน่าอายหรือต้องเสียหน้า แต่อย่างน้อยก็ยังมีตระกูลเหยียน ที่น่าอายกว่านี้อีก ตระกูลเหยียนและเหยียนชางที่กลั้นขับถ่ายไม่อยู่เสียหน้าหนักกว่าเขาเพียงแต่คุณท่านจั๋วลิ่วยังไม่ทันกัดฝันไปจากที่นี่มีคนฝูงหนึ่งรีบมาที่นี่แล้วผู้คนจำนวนมากในปัจจุบันต่างมาจากครอบครัวชนชั้นสูง ดังนั้นพวกเขาจึงจำคนฝูงนี้ได้โดยดูจากเสื้อผ้าของพวกเขา“นั่นเป็นเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลจั๋ว …ไม่ใช่หรือ”“ดูท่าทาง ข่าวจะแพร่กระจายเร็วพอเนี่ยนะ”แน่นอนว่า พวกคนที่กำลังมานั้นไม่ใช่ผู้อาวุโสของสำนักงานใหญ่ของตระกูลจั๋ว แต่เป็นคนรับใช้ของผู้อาวุโสแต่ละคน แม้ว่าพวกเขาจะเป็นเพียงคนรับใช้ แต่ฐานะของพวกเขาในตระกูลจั๋ว ก็ไม่ได้ต่ำเกินไปการที่พวกเขามาที่นี่ โดยพื้นฐานแล้วแสดงถึงเจตจำนงของผู้เฒ่าแต่ละท่านแล้วคนรับใช้สองคนเดินไปหาคุณท่านจั๋วลิ่ว ส่วนคนรับใช้อีกสองคนเดินไปหาจั๋วซือหรานคนรับใช้สองคนกำลังเดินไปหาคุณท่านจั๋วลิ่วด้วยใบหน้าบูดบึ้งและกระซิบว่า " คุณท่านลิ่ขอรับ เหล่าผู้อาวุโสอยากให้ท่านกลับไปประเดี๋
ถังหยวนมีนิสัยเช่นเดียวกันกับผู้อาวุโสใหญ่ เป็นคนที่พูดไม่มาก หลังจากได้เขายินคำพูดของจั๋วซือหราน เขาก็เงียบไปสองสามวินาทีแล้วพยักหน้า“ข้าน้อยเข้าใจขอรับ ข้าจะถ่ายทอดคำพูดของคุณหนูแก่ผู้อาวุโสใหญ่ขอรับ ”ถังหยวนคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามอีก"ข้าน้อยอยากจะถามคุณหนูอีกครั้ง พลังแห่งสายเลือดของตระกูลจั๋วตื่นตัวจริง ๆ หรือขอรับ"จั๋วซือหรานยิ้มอย่างเดียว แต่นางไม่ได้ตอบคำถามนี้ นางเพียงแค่พูดว่า " ท่านลุงถัง สรุปข้าต้องให้พลังแห่งสายเลือดของตระกูลจั๋วตื่นตัวก่อน ถึงจะได้รับความยุติธรรม หรือความยุติธรรมจะมีอยู่เสมอเจ้าคะ"ถังหยวนได้ยินคำพูดนี้ เขาไม่พูดอะไร ในที่สุดก็หันหลังกลับไปกับคนรับใช้อีกคนความตื่นเต้นเกือบจะสิ้นสุดลงแล้ว จั๋วซือหรานไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป นางมองไปที่ผู้คนรอบตัวนางที่กำลังรอดูเรื่องตลกของนางนางพูดเสียงดัง"วันนี้ทุกคนมาที่นี่เพื่อดูเรื่องตลกของข้า ข้าขอโทษที่ข้าทำให้ทุกคนดูเรื่องตลกไม่ได้ แต่วันนี้มีการแสดงที่ดีให้ทุกคนชม ดังนั้นทุกคนไม่ได้มาเสียเปล่า ๆ ""การแข่งขันที่ตระกูลเหยียนประกาศในอีกไม่กี่วัน ราวกับว่าชัยชนะอยู่ในมือของพวกเขาแล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือ
“ใช่ คุณหนูจิ่ว บ้าของข้าจะจัดงานเลี้ยงน้ำชาในอีกสองวันข้างหน้า มิทราบว่าคุณหนูจิ่วโปรดให้เกียรติข้าไหม”ไม่น่าแปลกทำไมคนเหล่านี้จึงเปลี่ยนทัศนคติต่อจั๋วซือหรานทันที เพราะแพทย์กลั่นยาในเมืองหลวงไม่ได้มีฐานะสูงส่งสักเท่าไร ก็เพียงพอที่จะให้เหล่าตระกูลที่พอมีฐานะไปตีสนิทยิ่งไปกว่านั้น แพทย์กลั่นยาคนนี้เป็นลูกหลานของตระกูลจั๋ว ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าตระกูลชนชั้นสูงขุนนางธรรมดา ๆ อย่างพวกเขาสามารถส้างโอกาสกับผู้ที่มีพรสวรรค์อย่างจั๋วซือหราน และไม่ต้องสงสัยเลยว่า พวกเขาจะมีชื่อเสียงที่ดีโดยไม่มีวันเสียหน้าแต่จั๋วซือหรานไม่สนใจการพยายามสร้างความสัมพันธ์ของคนเหล่านี้ ดังนั้นนางจึงจากไปและกลับไปที่จวนของนางโดยตรงฝูซูเห็นคุณหนูของเขาสอบติดแพทย์กลั่นยาอย่างราบรื่น เขาดีใจอย่างมากเขาตื่นเต้นจนนั่งไม่ลงและวนเวียนอยู่ในสนามต่อไป เพื่อแสดงความดีใจของเขา“คุณหนู คุณหนูเก่งมากจริง ๆ เราควรไปบอกเรื่องนี้กับฮูหยิน ฮูหยินจะได้มีความสุขดีไหมขอรับ” ฝูซูเสนอความคิดเห็นจั๋วซือหรานส่ายหัว "ไม่จำเป็นต้องบอกแม่อย่างจงใจ จวนจั๋วต้องรู้เรื่องของวันแล้วแน่ ๆ และแน่นอนว่าเรื่องนี้จะแพร่กระจายไปสู่หูของแม่"
ถึงจะพูดเช่นนั้น ฝูซูยังคงหวาดกลัวเรื่องที่หลิ่วเย่ก่อมา และเขายังคงกลัวคนรับใช้ใหม่ที่มาในช่วงนี้ดังนั้นเขาจึงโน้มน้าวตลอด "จริงสิขอรับ คุณหนู อย่าใช้คนพวกนั้นเลย เท่าที่ข้าเห็นมา มีหลายคนถูกผู้ใหญ่ในจวนจั๋วส่งมา"“คนที่เดิมทีควรจะเป็นพ่อดูแลบ้านของเรานั้นเป็นคนของคุณท่านจั๋วลิ่ว อีกสองคนที่ต้องดูแลชีวิตประจำวันของคุณหนูนั้นเป็นคนของฮูหยินสี่า เท่าที่ข้าเห็น มีคนเหล่านี้แล้ว ขนาดข้ายังโง่มากเลยนะขอรับ และอาจมีอีกหลาย ๆ คน ซึ่งข้ามองไม่ออก”ฝูซูถามอีกครั้ง “คุณหนู เราจำเป็นต้องใช้พวกเขาหรือ”จั๋วซือหรานหัวเราะเมื่อได้ยินสิ่งนี้ "เจ้าเก่งสินะ ตอนนี้ฝูซูฉลาดขึ้นเรื่อย ๆ และเขาสามารถดูแลงานต่าง ๆ ด้วยตัวเองได้แล้วสินะ"ฝูซูไม่มีความสุขเลยหลังจากได้รับคำชมจากนางเช่นนี้ และยังดูเศร้าใจมาก“คุณหนู คุณหนูอย่าล้อข้าสิขอรับ ข้ากังวลแทบตาย”จั๋วซือหรานกล่าวว่า "มีอะไรต้องกังวล ในเมื่อพวกเขาส่งคนมาที่นี่ เราใช้พวกเขากันเถอะ ทำไมจะไม่ใช้ล่ะ นอกจากรับใช้ข้า ในบ้านเรา ยังมีงานบ้านอีกมากมาย ไม่มีใครทำเลย”“หากเจ้าไม่ให้พวกเขาทำ เจ้าอยากทำเองหรือ เมื่อก่อนหลิ่วเย่ สั่งพวกเจ้าพี่น้องสองคนไปที่
ทันทีที่คุณท่านจั๋วลิ่วและผู้อาวุโสสามกลับมาที่จวนจั๋วพวกเขา พวกเขาถูกสั่งให้ไปที่ห้องโถงใหญ่ทันที บรรยากาศในห้องโถงใหญ่เคร่งเครียดมากผู้อาวุโสหลายคนที่ไม่ค่อยปรากฏตัวในอดีตก็ปรากฏตัวในปัจจุบันทั้งหมดผู้อาวุโสสองมีสีหน้าที่ค่อนข้างโหดร้าย ปกติเขาไม่ค่อยปรากฏบ่อยนัก แต่เมื่อปรากฏตัวในตอนนี้ ก็เริ่มสอบสวนแล้วเขามองคุณท่านจั๋วลิ่วอย่างเฉียบแหลมเขาพูดเข้มงวดมาก "จั๋วเห้อหรง คุกเข่าลงเดี๋ยวนี้"ใบหน้าของคุณท่านจั๋วลิ่วซีดลง แต่เขาไม่กล้าพูดอะไรสักคำและคุกเข่าลงและยืดหลังตรงในหน้าห้องโถงผู้อาวุโสสามพยายามช่วยพูด "อ้าว ไม่ต้องเข้มงวดขนาดนี้ก็ได้ จั๋วหกทำเพื่อตระกูลเราเอง อีกอย่าง จั๋วซือหรานนางแยกตัวออกจากสำนักงานใหญ่ของตระกูล นั่นเป็นการตัดสินใจของนางด้วย"ผู้อาวุโสทีสองตะโกนด้วยความโกรธจากด้านข้าง "หุบปาก มันเป็นเพราะเจ้าหนุนหลังจั๋วหกตลอด จึงทำให้เขาไม่กลัวอะไร อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าในเรื่องของครั้งนี้ มีการยินยอมของเจ้า ไม่อย่างนั้น สถานการณ์จะไม่แย่ถึงขนาดนี้”ใบหน้าของผู้อาวุโสสามดูน่าเกลียดเล็กน้อย แต่เขาโต้เถียงคำพูดของผู้อาวุโสสองไม่ได้แต่สุดท้ายเขารับคำกล่าวหานั้นไม่
ถามขึ้นว่า “ตาข้าแล้วหรือยัง?”สายตาของซางถิงจ้องนางเขม็ง เขากุมมือในแส้แน่น สะบัดข้อมือแส้ยาวในมือดีดตึง ปลายแหลมสะบัดไปทางจั๋วซือหราน“วูม...!” เสียงผ่าอากาศดังขึ้นจากนั้นแส้ก็ส่งเสียงเผียะขึ้นกลางอากาศ ราวกับตัดอากาศจนขาดเป็นท่อนอย่างไรอย่างนั้นและร่างของจั๋วซือหรานก็ไหววูบ ดูแล้วไม่มีอาการซมซานหรือโซซัดโซเซตอนที่หลบหลีกก่อนหน้านี้เลยความเร็วการเคลื่อนไหวของนางสูงมาก แต่ในสายตาของทุกคน กลับดูเชื่องช้าความรู้สึกแตกต่างระหว่างความเร็วและช้าที่สลับไปมานี้ ทำให้คนรู้สึกเริ่มปวดตาขึ้นมาทุกคนเห็นเห็นว่านางอยู่ต่อหน้าต่อตาชัดๆ นางเพียงแค่ก้าวอย่างสงบไม่กี่ก้าวราวกับเดินเล่นในสวนหลังบ้านเท่านั้นกระทั่งความตึงเครียดสักนิดก็ไม่มีแต่การโจมตีของแส้ที่น่าตกตะลึงนั่น ก็ถูกนางเบี่ยงหลบไปได้อย่างสมบูรณ์ ไม่ถูกกระทั่งชายเสื้อของนางด้วยซ้ำ!ส่วนการโจมตีจากแส้ของซางถิงก็ยังไม่หยุด กระหน่ำเข้ามาราวกับห่าฝน เหมือนไม่ต้องการให้มีเวลาหยุดพักทั้งที่ซัดแส้ออกไปแท้ๆ มันควรจะมีช่วงจังหวะที่ค้างกลางอากาศกับจังหวะดึงแส้กลับมารวมพลังตวัดออกไปอีกจึงจะถูกแต่นั่นแทบจะไม่มีเลยการโจมตีแส้ของซ
ฝูซูกับเฮยหลิงอยู่ระหว่างทางขึ้นไปห้องหรูบนหอ ก็ได้ยินเสียงโหร้องกึกก้องขึ้นมาจากอัฒจันทร์คนดูตอนที่พวกเขาเข้าไปในห้องหรู ก็เห็นเฟิงหร่านคุณหนูสิบตระกูลเฟิงเข้าสภาพในตอนนี้ ไม่สนใจว่าเป็นหญิงสาวชั้นสูง หรือว่าจะเป็นคุณหนู หรือกระทั่งเป็นสตรีอ่อนหวานอีกแล้วนางยืนอยู่บนเก้าอี้ สายตาจ้องมองเวทีประลองเป็นประกายสองมือกำหมัดแน่น ดูจดจ่อเอามากๆฝูซูรีบถามขึ้น “เป็นอย่างไรบ้างเป็นอย่างไรบ้าง? สู้เสร็จแล้วหรือยัง? คุณหนูชนะไหม?”ตาของเฟิงหร่านยังไม่ย้ายไปไหน ยังคงจับจ้องที่เบื้องล่างไม่วางตา แต่ตอบฝูซูกลับมาเสียงต่ำ ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความทึ่ง “ยังไม่จบ แต่คุณหนูจั๋ว...นางร้ายกาจมาก!”ฝูซูรีบเดินไปมองสถานการณ์บนเวทีประลองสภาพของเจี่ยงเทียนซิงดูหนักแน่นกว่าเฟิงหร่านพอควร จึงเล่าสถานการณ์ที่พวกเขาพลาดไปตอนไปลงเดิมพันออกมารอบหนึ่งที่แท้ พวกเขาก็พุ่งกันไปลงเดิมพันจั๋วซือหรานพอส่งสัญญาณเสร็จ ก็ไม่คิดจะทำเป็นอ่อนแอในการต่อสู้แล้วภายใต้การจับตาของทุกคน บาดแผลเหล่านั้นบนตัวนาง ก็เริ่มฟื้นตัวกลับอย่างเห็นได้ด้วยตาเปล่าและการเคลื่อนไหวที่เชื่องช้าเหมือนนางโดนผลกระทบความเป็นพิษจากนาก
หนึ่งคือสัญลักษณ์ของตระกูลซาง อีกหนึ่งเป็นสัญลักษณ์รูปอีกา (เชวี่ย)แสดงถึงตัวตนฐานะของนาง ว่าคือซางเชวี่ยคุณหนูสี่แห่งตระกูลซางคนรับใช้ข้างๆ นอบน้อมกับนางอย่างมาก“คุณหนู ท่านว่าไหม?” คนรับใช้เอ่ยขึ้น “แม้จะไม่รู้ว่าเป็นใครกันแน่ แต่ว่าเป็นสายเลือดตระกูลซางจริงๆ ทว่า จากการควบคุมสัตว์ของเขา ดูไม่มีอะไรน่าสงสัยเลย เสือเขี้ยวดาบแม้จะไม่ค่อยพบเห็นแต่ก็ไม่ได้มหัศจรรย์ขนาดนั้น นากเขาพิษยังกลับดูพิเศษขึ้นหน่อย”“ข้ารู้สึกว่า...” เสียงของหญิงสาวแจ่มชัดกังวาล แต่เส้นเสียงดูเย็นชาหน่อยๆ “สองคนนี้ยังไม่สู้กันจริงจังเลย”“ไม่จริงจัง?” คนรับใช้ไม่เข้าใจ “จั๋วซือหรานแม้ช่วงนี้จะถูกลือกันอย่างกับเป็นเทพเจ้า แต่จะอย่างไรก็ยังเป็นแค่แพทย์เท่านั้น แพทย์จะมีทักษะต่อสู้ได้แค่ไหนกัน...เมื่อครู่นางก็เอาแต่หนีนี่นา”หญิงสาวพอได้ยินก็หัวเราะขึ้นเบาๆ “เจ้าไม่เข้าใจ ถ้าหากไม่เป็นเช่นนี้แล้วจะหาเงินได้อย่างไรกัน?”คนรับใช้ไม่เข้าใจ “หาเงิน?”แต่ซางเชวี่ยกลับไม่คิดจะพูดอะไรมาก ทำเพียงจดจ้องสถานการณ์ที่เวทีด้านล่างเท่านั้นจั๋วจิ่วคนนั้นยังไม่สู้จริงจัง นางเองก็ไม่ใช่จะไม่เข้าใจ แค่จากการเปลี่ยนแปลงขอ
จั๋วซือหรานเดินไปทางเวทีแม้จะบอกว่าอยู่ในห้องเตรียมตัว ก็ญังสามารถได้ยินเสียงเอะอะภายนอกได้ตอนนี้พอเดินออกมา คลื่นเสียงที่โถมเข้ามาก็ยิ่งเพิ่มความสั่นสะเทือนขึ้นไปอีกเสียงโหร้อง เสียงก่นด่าของผู้คน เสียงตะโกนลงเดิมพัน และยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ล้วนดังขึ้นไม่หยุดหย่อนอินเจ๋ออันยืนอยู่ริมเวที สีหน้ายังคงปั้นยากอยู่สายตาของเขาจ้องมองจั๋วซือหรานอย่างสงสัยระแวดระวังสองมือจั๋วซือหรานยังกดอยู่ที่หน้าอก เส้นผมหลังหัวรวบสูงเป็นช่อ กลางหลังสะพายดาบคู่อินเจ๋ออันจ้องมองนางอยู่ครู่หนึ่ง ในใจคิด ไม่ว่านางจะมีแผนร้ายอะไร ถึงอย่างไรก็มาถึงที่นี่แล้ว พอขี่หลังเสือแล้วมันลงยากก็คงต้องไปต่อยิ่งไปกว่านั้น ซางถิงเองก็ไม่ใช่พวกรับมือง่ายด้วยเสียงระฆังดังขึ้นทั้งสองคนขึ้นเวทีอีกครั้ง จั๋วซือหรานมองคู่มืออีกด้านของเวทีดวงตาสีน้ำเงินคู่นั้นของอีกฝ่าย ก็กระพริบปริบๆ มองนางการทดสอบยกที่สองเริ่มขึ้นซางถึงตอนนี้ไม่ได้ใช้เสือเขี้ยวดาบเมื่อครู่ต่อแล้วบนอัฒจันทร์คนดูมีแขกไม่น้อยไม่ค่อยเข้าใจ“เมื่อครู่ใช้เสือเขี้ยวดาบก็ไม่ใช่ว่าชนะมาได้หรือ? ทำไมไม่ใช้ต่อ?!”“นั่นสิ! เสื้อเขี้ยวดาบเมื่อ
การยั่วยุเช่นนี้ดูหยาบมาก แต่จั๋วซือหรานกระทั่งไม่คิดจะกลบเกลื่อนเลยสักนิด จนแทบจะเขียนคำว่าข้ากำลังยั่วเจ้าสี่คำนี้ไว้บนหน้าโต้งๆ เลยด้วยซ้ำสถานการณ์ตอนนี้ ถ้าจะบอกว่าอินเจ๋ออันขึ้นหลังเสือจนลงมายากแล้วก็ไม่ได้เกินเลยอะไรพอได้ยินคำพูดจั๋วซือหราน เขากัดฟันเอ่ยขึ้น “พูดจาใหญ่โตเหลือเกิน! ยกนี้เจ้ายังไม่ชนะเลย แล้วทำไมข้าจะต้องกลัวด้วย?!”อินเจ๋ออันพูดจบ ก็เคาะระฆังทันที ประกาศชัยชนะของซางถิงและให้ทุกคนเฝ้ารอยกที่สองตามหลักการแล้วระหว่างยก จะต้องมีแพทย์เข้ามารักษาบาดแผลให้แต่จั๋วซือหรานตนเองก็เป็นแพทย์ ทำให้แพทย์ที่เจี่ยงเทียนซิงจัดมาจึงยืนกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ตรงนั้น“แม่...แม่นางจิ่ว”จั๋วซือหรานหันไปมองเขา “แพทย์หรือ?”“ใช่ ใช่แล้ว เจ้าสำนักให้ข้าเข้ามา...” แพทย์ยังไม่ทันพูดจบ ก็เห็นว่าแผลบนตัวจั๋วซือหรานเหล่านั้นสมานเสร็จเรียบร้อยแล้วจั๋วซือหรานเลิกคิ้ว เอ่ยว่า “เรื่องรักษาก็ไม่ต้องแล้วล่ะ เขายังมีอะไรจะมาบอกข้าอีกไหม?”“มี” แพทย์ถอนหายใจโล่ง เอ่ยต่อว่า “เจ้าสำนักให้ข้ามาบอกท่านว่า คนของตระกูลซางที่มา คือซางเชวี่ยคุณหนูสี่ที่ถูกคนในตระกูลให้ความสำคัญมากในปัจจุบันค
เสียงดังชิ้ง!สองดาบเก็บเข้าฝักเสียงนี้ก็ราวกับทำให้คนทุกคนในอัฒจันทร์คนดูได้สติกลับมาและได้เห็นหญิงสาวชุดแดงจัดระเบียบเสื้อผ้าบนตัว รอยขาดเหล่านั้นบนชุดแดง เผยให้เห็นผิวขาวนวลของนาง กับรอยแผลที่อยู่บนผิวนั้น...เพียงแต่ไม่รู้ว่าเข้าใจผิดหรือเปล่า หลังจากที่นางร่วงลงมาจากเวที บาดแผลบนตัวนางที่มาจากเสือเขี้ยวดาบนั้น เลือดหยุดไหลไปแล้ว ความรู้สึกบอบช้ำทั้งตัวก่อนหน้านี้ ตอนนี้ค่อยๆ สลายไปแล้วนางกระทั่งเดินมาตรงหน้าผู้ดูแลการตัดสินไกล่เกลี่ยอินเจ๋ออันที่อยู่ข้างๆเอ่ยขึ้นว่า “คนของเจ้าชนะแล้ว ยังไม่ประกาศอีกหรือ?”อิ๋นเจ๋ออันได้สติกลับมา เขาจ้องเขม็งที่จั๋วซือหราน ตระหนักขึ้นมาได้ถึงความผิดปกติแต่กลับพูดไม่ออกว่าตรงไหนที่ผิดปกติซางถิงชนะได้อย่างเป็นธรรมชาติ นางเองก็แพ้อย่างเป็นธรรมชาติ...แต่ยิ่งดูธรรมชาติเช่นนี้ ก็ยิ่งทำให้คนรู้สึกผิดปกติเพราะแพ้ชนะเดิมทีไม่ใช่เรื่องที่ให้คำใช้คำว่าเป็นธรรมชาติมาพรรณนาแล้วหญิงสาวคนนี้เดิมทีก็ฉลาดเป็นกรด ถ้าหากเขาสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ เช่นนั้นก็จะต้องผิดปกติอย่างแน่นอนอินเจ๋ออันเงยขึ้นมองซางถิงบนเวทีผาดหนึ่งซางถิงถึงแม้จะสวมหน้า
ตอนที่มันกระโจนไปถึงขอบเวที จั๋วซือหรานกำลังหันหลังให้มัน ปลายเท้าเพิ่งจะแตะพื้นต้องรู้ด้วย ว่าคนคนเราตอนที่ค้างอยู่กลางอากาศ ในจังหวะนี้ หากคิดจะทำอะไรเพื่อเปลี่ยนทิศทางร่างกาย จะต้องมีจุดเป็นแรงส่งด้วยแต่ตำแหน่งนี้ จั๋วซือหรานไม่มีจุดแรงส่งอะไรแล้วดังนั้น ทุกคนจึงมองเห็นว่าพอเท้านางแตะพื้น เสือเขี้ยวดาบก็จะกระโจนไปถึง ก่อนหน้าที่นางจะกระโจนหลบ ก็สามารถพุ่งเข้าขย้ำนางได้แล้ว!สายตาคนทั้งหมดล้วนจ้องเขม็ง ราวกับว่าการเคลื่อนไหวทั้งหมดเปลี่ยนเป็นช้าลงสายตาทุกคนจับจ้องไม่วางตา ล้วนรอให้ฉากที่เลือดของนางซ่านกระเซ็นปรากฏขึ้นมา!แต่ทว่า สถานการณ์ที่ทำให้คนทั้งหมดคาดไม่ถึง กลับปรากฏขึ้นแล้ว!ปลายเท้าของจั๋วซือหรานพอแตะบนเวทีที่ทำจากหินต้องห้ามตอนนั้นเอง เสือเขี้ยวดาบก็กัดไปทางด้านหลังคอนาง จังหวะนั้น บนเวทีกลับนิ่งเงียบไม่มีเสียงกระทั่งมีคนกลั้นหายใจ!“ฉูด...!” มีเสียงเลือดสดสาดกระเซ็นดังขึ้นเลือดสดสีแดง ย้อมเข้าที่ข้างคอและคอเสื้อนาง...“นาง...” มีคนงึมงำขึ้นมา ในสายตามีสีหน้าไม่อยากเชื่อ“...แพ้แล้ว” มีคนเอ่ยขึ้น“แต่ว่า...”ถ้าไม่นับบาดแผลเหล่านั้นที่นางได้มาจากการห
ฝูซูไม่เข้าใจคำพูดของเจี่ยงเทียนซิง “เจ้าสำนัก...หมายความว่าอย่างไร?”“คุณหนูของเจ้าพอบาดเจ็บ เจ้าก็กระวนกระวายขึ้นมาเลยสินะ” เจี่ยงเทียนซิงเอ่ยขึ้น “เจ้าลืมแผนการคุณหนูของเจ้าไปแล้วหรือ?”“แผนของคุณหนู...” ฝูซูงึมงำขึ้นมาครึ่งคำ จู่ๆ ก็มีปฏิกิริยาขึ้นมาแผนของคุณหนูคือ ยกแรกคุณหนูจะแพ้ ยกที่สองชนะแบบหวุดหวิด และยกที่สามค่อยเอาชนะดังนั้นยกแรก นางจึงตั้งใจจะแพ้นางตอนนี้ทำตัวอ่อนแอ ก็เพื่อให้คนอื่นคิดว่านางไม่ไหว รู้สึกว่านางต้องแพ้แน่พอยิ่งเดิมพันทางนางน้อยลงแค่ไหน อัตราต่อรองของนางก็จะยิ่งสูงขึ้นเจี่ยงเทียนซิงเอ่ยต่อ “บนตัวนางล้วนมีแต่แผลถลอกทั้งนั้น ด้วยฝีมือพลังวิญญาณวิชาแพทย์ของนาง ถ้านางไม่จงใจคุมพลังตนเองไว้ แผลแค่นี้เพียงไม่นานก็สมานหายดีแล้ว”“เอ่อ...” ปฏิกิริยาของฝูซูเองก็เป็นเช่นนี้ กระทั่งความกังวลก็ยังแขวนเติ่งอยู่ตรงนั้นไม่มีที่ลง พอกังวลก็เหมือนจะเกินเหตุ แต่ถ้าไม่กังวลก็เหมือนไม่ซื่อสัตย์พอ“นั่นมันเสือเขี้ยวดาบเลยนะ สัตว์ประหลาดแบบนี้ สามารถหลบหนีแบบนี้ภายใต้การต่อสู้กับมัน อันที่จริงแค่นี้ก็พิสูจน์ได้แล้ว ว่านางเก่งกาจกว่าเสื้อเขี้ยวดาบเยอะเลย เจ้าไม่รู้สึ
“ใช่เลย แส้นี้ฟาดจนทำให้จั๋วจิ่วต้องมุ่งไปทางปากสัตว์ประหลาดของเขาเลยทีเดียว!”เมื่อครู่ คนทั้งหมดล้วนมองเห็น ซางถิงที่อยู่บนเวที พอเริ่มต้นก็ทำเอาจั๋วซือหรานประหลาดใจไปเลยทีเดียวพอฟาดแส้เข้ามา จั๋วซือหรานก็จำต้องหลบไปยังตำแหน่งที่แส้โจมตีไม่ถึงและซางถิงเองก็อัญเชิญสัตว์ประหลาดออกมาทันที ปรากฏตัวรอในทิศทางนั้นอยู่แล้วในสายตาของผู้ชม นั่นจึงเป็นการที่จั๋วซือหรานถูกซางถิงต้อนไปยังปากของสัตว์ประหลาดของตนเอง!แต่ไม่นานนัก ท่ามกลางสายตาของคนทั้งหมด หญิงสาวในสนาม ก็มีปฏิกิริยาขึ้นฉับพลันในจังหวะสะเก็ดไฟกระทั่งไม่มีใครมองเห็น ว่าสองดาบที่หลังนางปรากฏขึ้นมาเมื่อไร!แต่ก็ปรากฏขึ้นมาแล้ว ดาบยาวสองเล่มนั้น ถูกนางแบกไขว้ไว้ที่หลัง ตอนนี้ก็ล้วนทยอยกันออกจากฝัก ถูกนางกุมมั่นเอาไว้ในมือสัตว์ประหลาดที่ซางถิงเรียกออกมาคือเสือเขี้ยวดาบตัวหนึ่งสัตว์ประหลาดที่ดุดันเช่นนี้ แล้วยังเป็นพวกตระกูลแมว พอมาอยู่บนเวทีประลอง อันที่จริงก็ได้เปรียบพอควรเพราะไม่เพียงแต่ดุร้าย แต่ยังคล่องตัวอีกด้วย!ถ้าหากจะพูดว่าสัตว์ประหลาดนี้มีจุดบกพร่องอะไร จุดบกพร่องนั้นจะต้องเป็นเพราะความยอดเยี่ยมเกินไป ความยาก