Share

บทที่ 464

Penulis: หูเทียนเสี่ยว
เวินป๋อยวนเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดด้วยน้ำเสียงต่ำว่า "ไร้สาระ หากเจ้าใช้นำเลือดของตัวเองไปใช้กับแม่กู่ของผู้อื่นอย่างบุ่มบ่าม หากมันส่งผลกระทบแก่เจ้า ผลที่ตามมาจะร้ายแรงนะ แม่กู่อาจยึดร่างของเจ้ามาเป็นรัง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงแม่กู่ของระดับนี้

จั๋วซือหรานไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับชิชาการเช่นกู่มากนัก ดังนั้นนางจึงมองเวินป๋อยวนด้วยความกระหายความรู้ในขณะนี้ "ดูเหมือนท่านมีความรู้ที่เกี่ยวกับวิชาการเล่นกู่มากนะ โปรดให้คำแนะนำแก่ข้าบ้าง "

“ไม่มากนัก” เวินป๋อยวนพูดเบา ๆ “แต่ด้วยที่ข้ามาจากดินแดนทางใต้ ดังนั้นข้าจึงทราบบ้าง ในดินแดนทางใต้ นี่เป็นความรู้พื้นฐาน เป็นความรู้ที่ทุกคนต้องทราบ”

จั๋วซือหรานเต็มใจที่จะรอฟังรายละเอียดแน่นอน"พวกมันดูไม่เป็นอันตรายมาก"

“นั่นเป็นเพียงการปลอมตัวเพื่อทำให้ผู้คนหลงตัว อาคมหนอนพิษกู่เป็นเช่นนั้น ยิ่งหนอนพิษกู่มีสีสันและมีลวดลาย หรือพวกหนอนพิษกู่ที่ยิ่งดูน่ากลัว ยิ่งดูอันตราย แต่ก็ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น แต่สำหรับพวกนี้.... …”

เวินป๋อยวนยกคางของเขาไปทางหนอนพิษกู่ที่ดูเหมือนไม่เป็นอันตรายในมือของนาง และเขาก็เอามือประสานกับหน้าอกของเขาด้วย

นี่แสดงให้เห็นว่าเขาระ
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci

Bab terkait

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 465

    “อะ อะไรนะ...!” อีกคนหนึ่งตัวสั่น ใบหน้าของเขาขาวราวกับกระดาษหากพวกเขาเล่าเรื่องของเจ้านายให้ผู้หญิงคนนี้ฟัง นั่นก็จะเป็นจุดสิ้นสุดของพวกเขา และพวกเขาจะไม่ต้องมีชีวิตอีกต่อไปเจ้าหุบเขาจะไม่มีวันให้อภัยผู้ทรยศ“ฝัน ฝันไปเถิด ข้าจะไม่บอกอะไร” ชายคนนี้อาจนึกถึงความน่าหวาดกลัวของเจ้าหุบเขาของหุบเขาหมื่นพิษ และทันใดเขาปฏิเสธด้วยอารมณ์ที่ตื่นตระหนกจั๋วซือหรานพยักหน้าเบา ๆ “ใช่ ใช่ ข้าหวังว่าถึงเวลานั้น กระดูกของพวกเจ้าจะแข็งเหมือนปากของพวกเจ้า”“แต่ตอนนี้ข้ายังไม่มีเวลามารักษาพวกเจ้า” จั๋วซือหราน พูดแล้วนั่งยอง ๆ ต่อหน้าพวกเขา นางมองดูพวกเขา“หากนักปราชญ์หญิงของพวกเจ้าช่วยอ๋องชินยวี่ก่อกวนสถานการณ์ในเมืองหลวง ต้องไม่ได้หาเรื่องตระกูลเฟิงเท่านั้น ดังนั้นต้องมีมากกว่าหนอนพิษกู่ร้อยไหมสี่ตัวนี้ ตัวอื่นล่ะ อยู่ที่ไหน” จั๋วซือหรานถามเนื่องจากจั๋วซือหรานกำลังนั่งยอง ๆ อยู่ตรงหน้าพวกเขา ทั้งสองคนนี้จึงมองเห็นสายตาของผู้หญิงคนนี้ได้อย่างชัดเจนไม่มีความกลัวอยู่ในดวงตาคู่นั้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจ พวกเขามองออก นางไม่กลัวเลย เห็นได้ชัดว่า ผู้หญิงคนนี้บ้าคลั่งอย่างมาก นางไม่กลัวเลย

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 466

    “หน่วยตระเวนรักษาความปลอดภัย หน่วยป้องกันเมือง และตลาดมืด”หลังจากได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูด จั๋วซือหรานส่งเสียง'เชอะ'หนึ่งที "นี่คือคำสั่งของเจ้านายที่พวกเจ้าไม่กล้าเปิดเผยชื่อ หรือเป็นคำสั่งของนักปราชญ์หญิงของพวกเจ้า"“นี่ไม่ใช่คำสั่งของเจ้านายขอรับ” พวกเขาตอบ“ดูท่าทาง นักปราชญ์หญิงไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ …” จั๋วซือหรานส่งเสียง'เชอะ' “หน่วยตระเวนรักษาความปลอดภัย หน่วยป้องกันเมือง ตลาดมืด...ล้วนเป็นสถานที่สำคัญ”ในขณะนี้มีเสียงไอดังที่ประตูซือคงเซี่ยนยืนอยู่ที่ประตู เขากังวลเล็กน้อย "ซือหราน..."จั๋วซือหรานมองไปที่เขา "หืม? เจ้ามาที่นี่ทำไม"“ข้าเป็นห่วง ข้าได้ยินเสียงของทางนี้ เลยเข้ามาดู” ซือคงเซี่ยนพูด จากนั้นเขาก็ทำความเคารพชิ่งหมิง “ขออภัยในการรบกวนขอรับจริง ๆ ”ชิ่งหมิงไม่ได้พูดอะไรและดูเหมือนเขาไม่สนใจแม้ว่าซือคงเซี่ยนไม่ได้ฟังรายละเอียดต่าง ๆ ทั้งหมด แต่เขาก็สามารถเดาคร่าว ๆ จากชื่อสถานที่สามแห่งนี้ได้“... ซือคงยวี่ลงมือแล้วหรือ” ซือคงเซี่ยนอธิบายทีละข้อ “หากหน่วยป้องกันเมืองอยู่ในความสับสนวุ่นวาย ประตูป้องกันของเมืองหลวงที่เดิมมั่นคงมากก็จะพังทลายลงอย่างง่ายดาย”“และหาก

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 467

    ยังคงมีบรรยากาศอันเคร่งขรึมในจวนเฟิงเฟิงเหยียนนั่งอยู่ในห้องโถงด้วยสายตาอันเย็นชา เขาฟังะการพูดคุยของเหล่าผู้อาวุโสจากแต่ละครอบครัวไม่มีการแสดงออกบนใบหน้าของเขา เขาคงรู้สึกเย็นชากับสถานการณ์เช่นนี้ เพราะเขาเห็นมันหลายครั้งเหลือเกินจนกระทั่งจ้านหลูเดินเข้ามาจากประตูและเดินไปด้านข้างของเขา สีหน้าของเฟิงเหยียนก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยเขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย และมองจ้านหลูที่ยืนอยู่ข้างกาย จากนั้นเขากระซิบว่า "เป็นอย่างไรบ้าง"จ้านหลูกระซิบข้างหูของเขาว่า "หลังจากแม่นางจิ่วออกจากจวนเฟิง แม่นางก็มุ่งหน้าไปที่หน่วยสืบสวนพิเศษ ข้าติดตามห่าง ๆ กับแม่นางอยู่ขอรับ แม่นางไม่ได้สังเกตข้าขอรับ"เมื่อได้ยินคำพูดของจ้านหลู เฟิงเหยียนพยักหน้าแต่จ้านหลูยังพูดไม่จบ เขาพูดต่อ "...จากนั้นข้าสังเกตนอกจากข้า ยังมีอีกสองคนที่ติดตามแม่นางจิ่วเช่นกันขอรับ"มีสีหน้าเย็นชาในดวงตาของเฟิงเหยียน เขายังคงเงียบ แต่เขาเงยหน้าขึ้น และมองจ้านหลู การมองเช่นนี้พอที่จะให้จ้านหลูเข้าใจความหมายของเขาเขาพูดต่อทันที "ข้ามองเห็นได้ไม่ชัด เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายนั้นมีลักษณะของแคว้นชาง แต่รูปแบบของสองคนนี้ให้ความรู้สึกเห

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 468

    ตัวอย่างเช่น จั๋วซือหรานไจะไปสถานที่เหล่านี้เพียงลำพัง ปลอดภัยไหม“ช่างเอาแต่ใจจริง ๆ ”ทันใดนั้นเฟิงเหยียนก็ลุกขึ้นยืนจ้านหลูสามารถเข้าใจความกังวลที่เจ้านายของเขามีต่อแม่นางจิ่ว แต่เขาก็ยังไม่กล้าลืมหน้าที่ของเขาในฐานะที่เป็นผู้พิทักษ์เงาของเฟิงเหยียนเขาลดเสียงลงและพูดว่า "ท่าน...ท่านขอรับ อีกไม่นานก่อนรุ่งสาง ท่านออกไปเช่นนี้ ไม่ปลอดภัยนัก ท่านจะได้รับบาดเจ็บขอรับ"แต่ดูเหมือนเฟิงเหยียนไม่ได้ยินคำพูดของจ้านหลูเขาจะได้รับบาดเจ็บหรือไม่ ดูเหมือนทันใดนั้น นั่นไม่ได้อยู่ในการพิจราณาของเขา แต่จั๋วเสียวจิ่วต้องได้รับบาดเจ็บแน่ ๆนางยุ่งมาทั้งวัน ไม่ได้พักผ่อนเลยจ้านหลูเห็นเจ้านายของเขาตัดสินใจแล้ว ดังนั้นเขาจึงได้แต่กัดฟันและพูดว่า "ท่านขอรับ หากท่านไปเช่นนี้ เมื่อฟ้าสาง ท่านต้องได้รับบาดเจ็บ และแม่นางจิ่วต้องเสียแรงมารักษาท่านอีกขอรับ”ทันใดนั้นเฟิงเหยียนจ้องมองมาที่จ้านหลู จ้านหลูรู้สึกตระหนกเล็กน้อย เขารีบพูด"ข้าพูดผิด ข้ายอมรับการลงโทษขอรับ""ตอนนี้ยังไม่ต้อง เมื่อเสร็จเรื่อง เจ้าไปรับการลงโทษได้"เฟิงเหยียนกล่าวแต่จ้านหลูฟังออก อย่างน้อยเจ้านายไม่มีความตั้งใจที่จะไปตามห

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 469

    ในความเป็นจริง ก่อนหน้านี้ในตำหนักใต้ดิน เพื่อช่วยพวกเขา จั๋วซือหรานได้ดูดซับพลังวิเศษของเขาโดยตรงต่อหน้าเหล่าผู้อาวุโสและใช้พลังนั้นเป็นประโยชน์เฟิงเหยียนก็เคยคิดอยู่ว่าบางทีหลังจากผ่านวิกฤติครั้งนี้ไป ผู้เฒ่าเหล่านี้ของตระกูลเฟิงคงจะรู้ในไม่ช้าว่าสิ่งที่ จั๋วซือหรานดูดซับไปคือพลังที่ควรให้ตระกูลเฟิงใช้เดิมทีเขาคิดว่าอย่างน้อยพวกเขาควรรอจนกว่าวิกฤติจะสิ้นสุดล พวกเขาจึงกลับมากล่าวหาเรื่องนี้โดยไม่คาดคิด พวกเขารอไม่ไหว“นางช่วยชีวิตของพวกท่านไว้ แล้วพวกท่านด่านางฉลาดแกมโกงหรือ” เฟิงเหยียนเหลือบมองพวกเขาอย่างเย็นชา “นิสัยของพวกท่านสูงส่งจริง ๆ ”หลังจากเฟิงเหยียนพูดเช่นนี้ เขาก็เดินต่อไปข้างนอกโดยไม่หยุดฝีเท้าในขณะนี้ จู่ ๆ ท่านพ่อของเขาก็แวบไปข้างหลังเขาและคว้าไหล่ของเขาไว้มีพลังวิเศษที่รุนแรงอยู่ในมือของเขา หากผู้คนรู้สึกไวต่อ พลังวิเศษ ก็อาจไม่ยากที่จะสังเกตว่าพลังวิเศษที่เขาใช้อยู่ในขณะนี้นั้นเหมือนกับพลังวิเศษของเฟิงเหยียนทุกประการแค่รู้สึกว่าระดับความรุนแรงไม่สูงเท่ากับพลังวิเศษของ เฟิงเหยียน“ เฟิงเหยียน อย่าเอาแต่ใจ”เสียงของชายวัยกลางคนนั้นเข้มงวด เสียงของเขาเต็ม

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 470

    ทันทีที่ผู้อาวุโสพูดคำเหล่านี้ เขาก็ได้ยินเสียงบูดบึ้งของเฟิงยวี่ "นางเป็นผู้รักษาที่ห่วย นางดูดซับพลังของเหยียนเอ๋อร์ และบรรเทาอาการบาดเจ็บของเหยียนเอ๋อร์ได้ นางฉลาดแกมโกงมาก"“เฟิงยวี่ แม้ว่าเราจะรู้ว่าเจ้ากำลังทำเพื่อผลประโยชน์ของตระกูล แต่อย่าเพิ่งทะเลาะกับเหยียนเอ๋อร์ก่อน”“ใช่สิ เมื่อครอบครัวมีความสามัคคีเท่านั้น จึงเจริญรุ่งเรืองได้”เหล่าผู้อาวุโสชักชวนเฟิงยวี่เฟิงยวี่เหลือบมองผู้อาวุโสเหล่านี้อย่างเย็นชา เมื่อก่อนเขาเคยเป็นเหมือนกับเฟิงเหยียน ดังนั้นเขาจึงรู้ดีว่าผู้อาวุโสเหล่านี้ล้วนเป็นผู้ที่แสวงหาผลไร้ประโยชน์เท่านั้นเขาตะคอกอย่างเย็นชา "พวกเจ้ากลัวเขา แต่ข้าไม่กลัว"หลังจากเฟิงยวี่พูดจบ เขาก็รีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว เขาวิ่ง ไปในทิศทางที่เฟิงเหยียนจากไปในก่อนหน้านี้ในไม่ช้า เฟิงเหยียนสังเกตมีใครบางคนกำลังไล่ตามเขาดังนั้นเขาจึงหันกลับมาทันที และโจมตีด้วยพลังวิเศษอันทรงพลังต้องบอกเลยว่าแม้ไม่อยากยอมรับก็ตาม แต่อาจมีความเข้าใจโดยปริยายระหว่างพ่อลูกบ้างเพราะเฟิงยวี่พุ่งเข้ามาและโจมตีด้วยพลังวิเศษอันทรงพลังในการโจมตีระหว่างพ่อและลูกครั้งนี้ ไม่มีใครหยุดยั้งพล

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 471

    เฟิงยวี่พูดต่อจนถึงจุดนี้ ทันใดนั้นเขาดึงดาบประจำตระกูลของเขาออก และดาบอันแหลมคมก็เสียบเข้าไปในฝักดาบจากนั้นเขาปรับเสื้อคลุมของเขาเบา ๆ สีหน้าและท่าทางของเขาก็กลับมาสง่างามและมั่นคงอีกครั้งราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน ราวกับว่ารูปลักษณ์ที่บ้าคลั่งและโกรธเคืองของเขาในก่อนหน้านี้เป็นเพียงภาพลวงตาเขาพุ่งมาอย่างกะทันหัน และจากไปอย่างสง่างามเฟิงเหยียนยืนอยู่ที่นั่นโดยไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ มือที่ถือกระบี่เสวียนเหยียนวางที่ข้างกายเขาดวงตาคู่นั้นที่สวยงามและลุ่มลึกมาโดยตลอดดูเหมือนจะไม่มีสมาธิในขณะนี้ และสายตาของพวกเขาก็ว่างเปล่าเล็กน้อยราวกับว่าเขากำลังคิดฟุ่งซ่านอยู่ และไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่จ้านหลูยืนอยู่ไม่ไกล เขาได้เห็นเหตุการณ์นี้อย่างชัดเจน เขาจึงรีบเดินเข้ามาและพูด "ท่านขอรับ"จ้านหลูโกรธเล็กน้อย เขาได้แสดงความโกรธบนใบหน้าของเขา เขาพูดว่า "เขาจะพูดเช่นนั้นกับท่านได้อย่างไร หากไม่ใช่เพราะเขา ท่านคงไม่เป็นเช่นนี้..."แม้ว่ายามใหม่จะไม่รู้เรื่องที่เกี่ยวกับเฟิงเหยียนและภูมิหลังของเฟิงเหยียน แต่ผู้พิทักษ์เงาที่อยู่กับเขามาหลายปีต่างทราบคร่าว ๆเนื่องจากความดุร้า

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 472

    และเฟิงเหยียนเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยากของตระกูลเฟิงในรอบศตวรรษเมื่อเฟิงเหยียนถึงอายุครบตามเกณฑ์ เขาไปที่สวนดาบ เพื่อเข้าร่วมกระบวนการขั้นสุดท้ายของการหลอมดาบประจำตระกูล เช่นเดียวกับสมาชิกในตระกูลของเขา แต่หลังจากเฟิงเหยียนไปที่นั่น เขาจึงตระหนักว่าการให้ดาบประจำตระกูลจำเจ้าของของมันได้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของกระบวนการเท่านั้นอีกส่วนหนึ่งคือต้องมาวัดดูว่า พลังศักดิ์สิทธิ์ของหงส์แดง สามารถบูรณาการเข้ากับเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบหรือไม่เดิมทีเขาคือผู้ที่ได้รับความคาดหวังและเป็นความหวังทั้งหมดจากตระกูลของเขาสุดท้ายเขาก็ไม่สามารถเข้ากับพลังศักดิ์สิทธิ์ของหงส์แดงอย่างสมบูรณ์แบบพลังศักดิ์สิทธิ์ของหงส์แดงอันรุนแรงนั้นเริ่มทำร้ายเขาทันทีเขาเป็นเพียง...ภาชนะที่ไม่ สมบูรณ์แบบในเวลานี้ เฟิงเหยียนจึงทราบ เพื่อรักษาพลังวิเศษที่อยู่ในสายเลือดของตระกูลเฟิง ตระกูลเฟิงทำอะไรบ้างและมีการตัดสินใจเช่นใดเขายังรู้ด้วยว่าทำไมท่านแม่ของเขาถึงต้องเสียชีวิต ตั้งแต่เด็ก เขาได้ยินเรื่องซุบซิบมากมาย นั่นเป็นคำพูดเสียดสีที่เกิดจากความอิจฉาพรสวรรค์ของเขาเช่น เจ้าภูมิใจในสิ่งใด พรสวรรค์ของเจ้าได้มาเพราะตอนที

Bab terbaru

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1273

    แม้จะบอกว่าเป็นความฝัน แต่อันที่จริงจั๋วซือหรานก็ค่อยๆ เข้าใจแล้ว ว่าเพราะอะไรหลังจากฝันถึงเขาครั้งที่แล้วจนมาถึงครั้งนี้ นานมากแล้วที่ไม่ได้ฝันถึงเขาอีกพอมาคิดอย่างละเอียด เหมือนว่าตอนฝันถึงเขาครั้งที่แล้ว จะเป็นหลังจากที่นางมีสัมพันธ์ทางกายกับเขาดังนั้นจั๋วซือหรานจึงค่อยๆ เข้าใจ บางทีน่าจะเป็นเพราะสาเหตุนี้การดูดหยางบำรุงหยินของนางก็ดูดซับมาจนพอเข้าใจแล้ว เหมือนว่าพอดูดซับมาถึงระดับหนึ่ง ก็จะเกิด...ถ้าจะพูดว่าเป็นความฝัน สู้บอกว่าเป็นการสื่อสารทางจิตใต้สำนึกกับความทรงจำของเฟิงเหยียนส่วนที่ถูกผนึกไปจะดีกว่า?และไม่ว่าจะ 'ความฝัน' ครั้งที่แล้ว หรือว่าครั้งนี้ก็มองออกได้ไม่ยากเฟิงเหยียนน่าจะเข้าใจต่อสถานการณ์อยู่ ดังนั้นบางทีจิตใต้สำนึกเขายังคงอยู่มาตลอด เพียงแต่ถูกสมองทื่อๆ นี่กดเอาไว้ หรือบางทีคงถูกสภาผู้อาวุโสลงมือสะกดเอาไว้ไม่แน่ว่า อาจจะต้องมีชนวนเหตุบางอย่าง ถึงจะสามารถปลุกขึ้นมาได้จั๋วซือหรานอยากจะรู้ชนวนเหตุนั้นว่าคืออะไรกันแน่"ต้องทำยังไงเจ้าถึงจะดีขึ้นมา?" จั๋วซือหรานถามแต่เฟิงเหยียนกลับเหมือนจะจำจุดสำคัญนั้นไม่ได้แล้ว ขมวดคิ้ว สีหน้าดูเหมือนขมขื่น เหมือนว

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1272

    ในห้วงฝันนางมองมือตัวเอง สับสนไปหมดทั้งตัว เหมือนยังตั้งตัวกลับมาไม่ได้เพราะนางถ้าไม่หลับลึก ก็จะเอาจิตใต้สำนึกส่งเข้าไปในมิติ จึงฝันน้อยครั้งมากดังนั้นตอนที่ดำดิ่งสู่ห้วงฝัน นางยังรู้สึกไม่คุ้นอยู่หน่อยๆ มองมือตนเอง รู้สึกไม่คอ่ยเป็นจริงสักเท่าไรวินาทีต่อมา มือข้างหนึ่งก็ทาบมาบนมือของนางมือข้างนั้น ข้อต่อกระดูกชัดเจน นิ้วเรียวยาว เล็บตัดมาดูสะอาดสะอ้าน ผิวหนังขาวซีดเย็นเหมือนไม่โดนแดดมานานสายตาของจั๋วซือหรานจ้องนิ่งอยู่บนมือข้างนี้ จากนั้นจึงค่อยๆ ยกขึ้นมามองไปยังเจ้าของมือนี้ ใบหน้าหล่อเหลาไม่มีที่ตินั่นทั้งที่เป็นใบหน้าที่เพิ่งเห็นไปก่อนหลับตาลงเมื่อครู่แท้ๆ แต่ตอนนี้พอมอง กลับยังคงทำให้นางรู้สึกเหมือนไม่เจอกันเสียนานสายตาของชายหนุ่มอบอุ่น ด้านในมีความรู้สึกอารมณ์เหมือนความเจ็บปวดแฝงอยู่"จั๋วเสียวจิ่ว..." เขาก้มหน้าลงเรียกนางจั๋วซือหรานมองเขา จากนั้นจึงออกแรงบีบมือเขา และน่าจะเพราะออกแรงมากเกินไปปลายเล็บจึงเหมือนจิกลงไปในเนื้อเขาฝันถึงเขาอีกแล้วจั๋วซือหรานมีปฏิกิริยาขึ้นมา ครั้งนี้เหมือนกับครั้งนั้นเลย ฝันถึงเฟิงเหยียนยิ่งไปกว่านั้นยังดูเหมือนจริงเป็นพิ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1271

    กลางดึก จั๋วซือหรานกัดริมฝีปาก กอดหมอน เดินเท้าเปล่าจากห้องด้านนอกเข้าไปยังห้องด้านใน!คิ้วงามของนางขมวดแน่น สีหน้าที่มีสีเลือดฟื้นมาบ้างแล้ว ตอนนี้กลับขาวซีดขึ้นมาในใจนางเองก็พูดไม่ออก เดิมทีตอนที่หลับก็ยังดีอยู่ พอกลางดึกจู่ๆ ก็ไม่ไหวขึ้นมาเสียแล้วหน้าอกปั่นป่วนอย่างรุนแรง เป็นความรู้สึกทรมานแบบที่นางผ่านมาก่อนหน้าไม่ผิดเพี้ยนถ้าบอกว่าคนคนนี้ไม่เข้ามาก็ว่าไปอย่าง แต่นี่ก็เข้ามาแล้วว่ากันว่าพอเคยสบายแล้ว จะยากที่จะกลับไปลำบากตอนนี้จะให้นางปล่อยชายหนุ่มที่เหมือนกับ 'ยาบำรุงครรภ์' นี้ไว้ข้างในเฉยๆ โดยไม่ใช้ แล้วต้องมานั่งทนกระอักเลือดต่อล่ะก็...ขอโทษด้วย สกุลจั๋วอย่างนางไม่ใช่คนประเภทนั้นนางเข้าใจแล้ว ก่อนที่จะหลับไปเมื่อคืนนี้ ตอนที่เฟิงเหยียนบอกว่าจะนอนด้านนอก ริมฝีปากที่เม้มแน่นนั้นกำลังอดกลั้นเรื่องอะไรน่าจะคิดไว้แล้วว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้สารเลว!จั๋วซือหรานครั่นเนื้อครั่นตัวตื่นมากลางดึก ต่อให้เป็นคนที่มีสติเยือกเย็นแค่ไหน ก็ยังมีอาการหงุดหงิดงัวเงียหลังตื่นนอนนางเดินเท้าเปล่าเข้าไปห้องด้านใน อากาศในหุบเขาตอนกลางคืนเย็นมากนางสวมแค่เสื้อบางๆ ชุดหนึ่ง ทั้งตัวเย

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1270

    แต่กลับรู้ตัวตนฐานะผู้ชายทรยศของเฟิงเหยียนได้ ไม่ต้องคิดเลยว่าคงเป็นจั๋วหวายพล่ามออกมาแน่"จั๋วหวายมาบอกเจ้าหรือ?" ปันอวิ๋นถามขึ้นคำหนึ่งจวงอี๋ไห่ พยักหน้าอย่างระมัดระวัง "คุณชายเสี่ยวหวายไม่หลอกข้าหรอก คุณชายเสี่ยวหวายบอกว่าเป็นผู้ชายทรยศ เช่นนั้นกว่าครึ่งก็ต้องเป็นผู้ชายทรยศแล้ว"ปันอวิ๋นถอนหายใจแผ่วเบาในห้อง จั๋วซือหรานนั่งลงข้างโต๊ะเฟิงเหยียนไม่พูดอะไร รินน้ำชาให้นางถ้วยหนึ่งจั๋วซือหรานกำถ้วยไว้ ใช้นิ้วมือลูบไล้ขอบถ้วยเบาๆ"อีกเดี๋ยวพออาหารส่งเข้ามา ก็กินสักหน่อยแล้วค่อยนอนพัก" เฟิงเหยียนเอ่ยขึ้นแต่ในน้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความหนักแน่นที่ห้ามปฏิเสธจั๋วซือหรานแหงนตามองเขา กำลังจะบอกว่ายังไม่หิวก็เห็นริมฝีปากบางของชายคนนี้เม้มเบาๆ เอ่ยเสียงต่ำว่า "ข้าไม่มีสิทธิ์จะมาหารือกับเจ้าจริงๆ นั่นล่ะ..." สายตาเขาทอดลงไปที่ท้องน้อยนาง แววตาลึกซึ้งจากนั้นจึงเอ่ยต่อว่า "แต่การจะเตือนให้เจ้ากินอะไรดีดีก็ยังพอมีสิทธิ์อยู่" สายตาเขายกขึ้นมาจากท้องน้อยจั๋วซือหรานเลื่อนมาที่ดวงตานาง จ้องมองดวงตานาง เอ่ยต่อว่า "ถึงอย่างไรเมื่อครู่ก็เพิ่งช่วยเจ้ากลับมา ยิ่งไปกว่นั้นเรื่องถูกพลังศักดิ์สิท

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1269

    เขาไม่เพียงแต่ไม่ใช่สามีของนาง เขายังเป็นคู่หมั้นในนามของหญิงสาวคนอื่นอีกด้วยสีหน้าของเฟิงเหยียนแข็งทื่อไปแล้ว แต่ท้ายสุดก็ยังพูดอะไรไม่ออกเพราะในคำพูดจั๋วซือหราน ไม่มีส่วนที่ผิดเลยแม้แต่น้อยแม้จะบอกว่าเด็กคนนี้ ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาก็ตามแต่ครั้งก่อนหน้านั้น เป็นเพราะจั๋วซือหรานถูกวางแผนร้ายใส่ ถึงทำให้นางสับสนหลงใหลจนมีสัมพันธ์กับเขาถ้าจะบอกว่า เขาเอาเปรียบหญิงสาวไป ก็ไมไ่ด้พูดเกินเลยนักเอาเปรียบหญิงสาว จนทำนางตั้งท้อง ไม่เคยจะมารับผิดชอบอะไรตอนนี้กลับจะมาชี้มือชี้ไม้เรื่องของนางพอสรุปมาแบบนี้ มันก็ช่าง...แย่มากจริงๆเฟิงเหยียนเองก็รู้ว่าตนเองนั้นแย่มาก พูดอะไรออกมาไม่ได้ไปชั่วขณะปันอวิ๋นรู้สึกกระอักกระอ่วนแทนสหายเก่า เขากระแอมออกมาเบาๆ ทีหนึ่ง ไกล่เกลี่ยขึ้นว่า "เอาล่ะเอาล่ะ..."เขาเองก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร ถึงอย่างไร ทั้งสองคนตอนนี้จะไม่ได้เป็นคู่รัก แต่ความสัมพันธ์แบบนี้...มันก็ดูคลุมเครือ กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ นี่มันช่าง...ดังนั้นปันอวิ๋นเลยเปิดประเด็นขึ้น อึกอักในปากอยู่พักหนึ่ง กว่าจะพูดออกมาได้ "...พวกเจ้าหิวหรือยัง? ให้เหล่าจวนทำอะไรให้กินหน่อยดีไหม?"

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1268

    นางยืนเงียบๆ อยู่ตรงนั้น แหงนตาขึ้นมองพวกเขาสายตาของเฟิงเหยียนอึ้งไปเล็กน้อย เห็นนางยืนอยู่ในประตูด้วยสีหน้านิ่งขรึมเขารู้สึกลำคอแห้งผากอย่างประหลาด ความรู้สึกนั้น บางทีควรจะเรียกว่า...ตึงเครียดไหม?"เจ้า...ตื่นขึ้นมาตอนไหนน่ะ?" เฟิงเหยียนถามจั๋วซือหรานมองเขา "ไม่นานเท่าไร"เหมือจะมองออกถึงความกระอักกระอ่วนของเขา หรืออาจจะไม่สรุปคือ มุมปากจั๋วซือหรานยกขึ้นบางๆ พูดมาคำหนึ่ง "ท่านอ๋องน้อย ไม่เจอกันเสียนาน"นางทำแบบนี้โดยไม่เอ่ยถึงคำพูดก่อนหน้านั้นแม้แต่น้อยเฟิงเหยียนอ้าปากพะงาบ ต่อให้คิดจะพูดอะไร แต่ชั่วขณะหนึ่งก็เหมือนจะพูดออกมาไม่ได้จึงแค่ถามขึ้นอย่างเป็นห่วง "ดีขึ้นบ้างหรือยัง?"จั๋วซือหรานพยักหน้า "ดีขึ้นมากแล้ว"กระทั่งปันอวิ๋นก็ยังมองออกถึงเรื่องระหว่างพวกเขา ไม่รู้เพราะเจ้าสมองกลับนี่ไปแตะเนื้อต้องตัวทำอะไรนาง หรือเป็นเพราะคำพูดเมื่อครู่นางได้ยินคำพูดของเฟิงเหยียน...สรุปคือ ปันอวิ๋นมองพวกเขาทั้งสองคน แล้วก็รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแทนพวกเขาทั้งสองคนปันอวิ๋นคิดๆ ดู ตอนที่ตนเองอยู่กับจั๋วซือหรานก็ยังไม่ได้กลืนไม่เข้าคายไม่ออกขนาดนี้รู้สึกร้อนใจแทนเจ้าบ้านี่จร

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1267

    เพราะเป็นเพื่อนสนิท ปันอวิ๋นจึงเข้าใจความหมายที่เขาคิดจะแสดงออกมาหรือก็คือ ปันอวิ๋นเดาได้นานแล้วบางทีตอนนั้นเพื่อจะให้จั๋วซือหรานหลีกเลี่ยงโชคชะตาเช่นนี้ ตนเองจึงเลือกที่จะลืมเลือนแต่สุดท้ายพอวกไปวนมา ก็กลับมาเดินอยู่บนเส้นทางเดิมเจ้าสิ่งที่เรียกว่าโชคชะตานี่ ลึกลับเอามากๆบางครั้งเหมือนจะมีเมตตา แต่บางครั้งก็เหมือนไม่เคยปราณีใครผู้ใด"แล้วเจ้าตอนนี้...คิดจะทำอย่างไร?" ปันอวิ๋นถามเขาจ้องเฟิงเหยียนตาไม่กระพริบเอาจริงๆ ปันอวิ๋นใช้มองจากมุมมองคนนอกอย่างมีเหตุมีผล ยังหวังว่าจั๋วซือหรานจะสามารถปล่อยวางได้แต่พอคิดถึงว่าถ้าหากจั๋วซือหรานปล่อยวางแล้วล่ะก็ ด้วยโชคชะตาภาชนะพลังศักดิ์สิทธิ์หงส์แดงของเฟิงเหยียน ผลสรุปสุดท้าย ก็คือตายก่อนวัยอันควรอยู่ดีและเพราะรู้เรื่องนี้ ดังนั้นปันอวิ๋นจึงหยุดไปครู่หนึ่ง เอ่ยเสริมมาคำนึง "ถังฉือเคยบอกข้าไว้ ในโถงวิญญาณอสูร พวกสัตว์เทพที่ถูกเก็บกลับมาเหล่านั้น..."ปันอวิ๋นขมวดคิ้ว คิดถึงคำพูดของถังฉือถังฉือมีบาปหนาจากการฆ่าฟันคนมากมาย กลายเป็นคนเย็นชาไร้หัวใจไปแล้ว ถ้าหากไม่เย็นชาไร้หัวใจ ป่านนี้คงเป็นบ้าไปแล้วดังนั้นตอนที่เขาพูดถึงเรื่องเห

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1266

    ปันอวิ๋นส่งให้เขาชามหนึ่ง ตนเองก็ด้วยทั้งสองคนไม่พูดพล่ามทำเพลง กระดกรวดเดียวจนหมดราวกับว่า สุราที่มาช้าไปหลายปีนี้ ในที่สุดก็ได้ดื่มเสียทีราวกับว่าภาพเด็กน้อยที่แอบขโมยสุราพวกนั้นมาดื่ม ซ้อนทับเข้ามากับพวกเขาในเวลานี้"ช่วงนี้เจ้า ไม่ได้ติดต่อกับพวกเขาเลยหรือ?"หลังจากร่ำสุราลงท้องไปสองชาม จิตใจก็เหมือนจะผ่อนคลายลงมาไม่น้อย ปันอวิ๋นถามขึ้นอย่างสบายๆ เป็นกันเองเฟิงเหยียนฟังออก ว่าเขาถามถึงเหล่าพี่น้องพวกนั้นเขาตอบอืมไปคำหนึ่ง "ไม่ได้ติดต่อกันเลย""เช่นนั้นก็คงไม่รู้สถานการณ์ของพวกเขาเลยสินะ" ปันอวิ๋นเอ่ยขึ้นเฟิงเหยียนไม่ยอมรับหรือปฏิเสธกับสิ่งนี้ ถือว่ายอมรับไปกลายๆปันอวิ๋นยิ้มๆ เหมือนจะเย้ยหยันตนเอง "แต่ก็ไม่โทษพวกเขาที่ไม่ติดต่อเจ้า ด้วยสถานการณ์ของพวกเขาตอนนี้ ก็ไม่มีหน้ามาติดต่อเจ้าจริงๆ นั่นล่ะ"ได้ยินคำนี้ของปันอวิ๋น เฟิงเหยียนก็ไม่พูดอะไรอีกปันอวิ๋นเอ่ยต่อว่า "ซงซีตอนนี้ทุกวันเหมือนขลุกอยู่แต่ในห้องหลอมสกัด หลอมสกัดอยู่ทุกวันไม่ได้พักเลย"เฟิงเหยียนพอได้ยินคำนี้ คิ้วก็ขมวดขึ้นบางๆ"เยี่ยนเหวย...ก็สูบเลือดออกมาทุกวัน อยู่แบบไม่เหมือนผู้เหมือนคน ผู้อาวุโสหวงจ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1265

    บางทีคงเป็นเพราะการคุยแบบเปิดอกก่อนหน้านี้ ทำให้ระยะทางขอเพื่อนสนิทสองคนที่เคยห่างไปตามกาลเวลา ย่อหดลงไปไม่น้อยเลยกระมังดังนั้นพอได้ยินปันอวิ๋นบอกว่าไม่ต้องขอบคุณ เฟิงเหยียนจึงเหลือบมองเขา น้ำเสียงเปลี่ยนไป "ก็ได้ เช่นนั้นก็ไม่ขอบคุณแล้วกัน"เฟิงเหยียนสั่งขึ้นมา "ไป ไปเอาสุรามาให้ข้าหน่อย"แม้จะพูดเช่นนี้ แต่ในเสียงกลับไม่ได้ออกคำสั่งอะไร ฟังแล้วเหมือนการใช้งานระหว่างเพื่อนกันมากกว่าปันอวิ๋นชะงักไปเล้กน้อย เพราะตอนพวกเขายังเด็ก ก็เคยใช้งานกันและกันแบบนี้ไป ไปเอาสุรามาหน่อยได้ งั้นเจ้าก็เอาปลาไปย่างซะข้าเห็นว่าเจ้าหน้าตาเหมือนปลาถ้าเจ้ายังพูดอีกรอบ จะโดนข้ากดจนจมถังสุราตายไปเลยเพราะคำพูดนี้ของเฟิงเหยียน ทั้งสองคนก็เหมือนกลับไปสมัยยังเด็กในชั่วพริบตาปันอวิ๋นยกมุมปากขึ้นบางๆ ลุกขึ้นไปให้คนรับใช้ส่งสุราเข้ามาคือสุราห้าพิษที่เขาจะหมักอยู่ทุกปี และใช้แมลงพิษมาหลอมจริงๆ แต่ตัวสุรากลับไม่มีพิษใดๆ กระทั่งยังหอมอบอวลเข้มข้นเป็นพิเศษ เป็นสุราที่หาได้ยากยิ่งและเป็นความลับที่ไม่เผยแพร่สู่ภายนอกของหุบเขาหมื่นพิษ ปกติมีแค่เจ้าหุบเขาที่รู้แต่ปันอวิ๋น หลังจากออกสำนักมา ก็ไม่ได้ด

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status