แชร์

บทที่ 450

ผู้เขียน: หูเทียนเสี่ยว
“ฮะ” จั๋วซือหรานได้ยินเสียงของเขา นางจึงเงยหน้าขึ้นและมองเขา จากนั้นนางส่ายหัวเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร ข้าแค่รู้สึกว่าในใต้หล้านี้มีสิ่งมหัศจรรย์ทุกประเภท หนอนพิษกู่ที่ดุเช่นนี้กลับชอบข้ามากจริง ๆ บางทีข้าอาจจะสามารถประสบความสำเร็จในทักษะการเล่นพิษกู่ได้นะ”

เฟิงเหยียนมองไปที่จั๋วซือหราน "หากเจ้าประสบความสำเร็จในทักษะการเล่นพิษกู่ แล้วเจ้าจะทำอย่างไรต่อ"

“แน่นอนว่าข้าต้องล้างแค้นด้วยวิธีที่อีกฝ่ายใช้สิ ใครกล้าใช้หนอนพิษกู่มาใส่ร้ายข้า ข้าก็จะไม่ยอมให้มันใส่ร้ายข้าแน่นอน แต่...หากข้าได้ใช้เรื่องที่นางถนัดมาตบหน้านาง ข้าต้องสะใจแน่ ๆ”

จั๋วซือหรานยิ้ม "เพราะนี่คือสิ่งที่ข้าทำมตลอด"

นางไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อ เพราะนางเข้าใจได้ว่า เฟิงเหยียน ซึ่งเป็นซื่อจื่อของตระกูลเฟิง ตระกูลของเขาประสบเรื่องเช่นนี้ แม้ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ระหว่างการเอาผลประโยชน์ของผู้อื่นหรือการที่ถูกผู้อื่นเอาผลประโยชน์ก็ตาม

แต่เขาไม่เหมือนจั๋วซือหราน เขาไม่ได้เลิกกับตระกูลโดยสิ้นเชิง

ดังนั้นเขากับตระกูลยังคงต้องประสบความรุ่งเรืองด้วยกันและความสูญเสียพร้อมกัน ดังนั้นในฐานะที่เป็นซื่อจื่อของตระกูล ตอนนี้เฟิงเหยียน
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 451

    จากนั้นจั๋วซือหรานออกจากจวนตระกูลเฟิงเดิมทีนางอยากเดินออกจากประตูใหญ่ แต่เฟิงเหยียนให้เดินผ่านประตูลับที่สวนของเขา“จะได้ไม่ก่อเรื่องอื่น” เฟิงเหยียนกล่าวจั๋วซือหรานเข้าใจความหวังดีและการพิจารณาของเฟิงเหยียนเพราะแม้ว่านางช่วยตระกูลเฟิงพ้นจากความเสี่ยง แต่ก็เป็นความจริงอย่างที่... จั๋วซือหรานพูดเอง หากผู้ร้ายตัวจริงไม่ปรากฏตัวหนึ่งวันความผิดคงยังต้องตกอยู่ที่นาง จั๋วซือหรานแม้ว่าเหล่าผู้อาวุโสไม่ได้หาเรื่องนาง แถมพวกเขายังให้ปฏิบัติความเคารพและพูดสุภาพกับนางอย่างมาก แต่พวกเขาอาจอยากให้นางในจวนเฟิงและอยู่ใต้จมูกของพวกเขาได้หากจั๋วซือหรานต้องการออกจากจวนเฟิง เหล่าผู้อาวุโสคงไม่ดีใจหรอกนะแม้ว่าเหล่าผู้อาวุโสที่นางช่วยไว้ไม่พูดอะไรก็จริง แต่ในตระกูลใหญ่อย่างตระกูลเฟิงมีผู้อาวุโสหลาย ๆ คนดังนั้นจั๋วซือหรานจึงต้องเดินออกจากประตูลับในลานบ้านของเฟิงเหยียนนางจากไปอย่างไม่ลังเล และมุ่งหน้าไปยังทิศทางของ หน่วยสืบสวนพิเศษโดยตรงถนนและซอยที่หน่วยสืบสวนพิเศษตั้งอยู่มักจะไม่ค่อยมีคนเดินผ่านในตอนกลางวัน ตอนกลางคืนยิ่งไม่มีผู้คนเดินผ่านแถวนี้จั๋วซือหรานเดินบนถนนที่ 'ไม่มีคนอยู่' เส

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 452

    “โห--!” คนคนหนึ่งส่งเสียงการหายใจไม่คล่องจากลำคอ ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความตกใจ เหมือนเขาไม่คาดคิดว่าจั๋วซือหรานจะทำเช่นนี้ส่วนอีกคนหนึ่งถูกบีบจนหายใจไม่คล่อง บัดนี้ใบหน้าของเขาแดงก่ำและคอเริ่มหนาการกระทำของคนทั้งสองคือการเอื้อมมือไปแงะมือของ จั๋วซือหรานออกจากคอของพวกเขา เพื่อให้นางไม่บีบคอพวกเขาเช่นนี้ต่อแต่พวกเขาไม่สามารถหลุดพ้นจากความแข็งแกร่งของ จั๋วซือหรานเลยและพวกเขารู้สึกว่าเมื่อเล็บของพวกเขากำลังเจาะเข้าไปในมือของจั๋วซือหราน มันเหมือนกับว่าพวกเขากำลังขุดเข้าไปในหยกหรือเครื่องลายครามบางชนิด เรียบและแข็งพวกเขาไม่สามารถทำให้มือของนางรับบาดเจ็บใด ๆจั๋วซือหรานกดคนสองคนเข้ากับกำแพง จากนั้นนางเอียงหัวและมองดูคนสองคนที่อยู่ข้างหน้านางแม้ว่าพวกเขาสวมเสื้อผ้าของแคว้นชาง แต่รูปร่างหน้าตาของพวกเขาก็มีลักษระต่างแดนอย่างเห็นได้ชัดจั๋วซือหรานเลิกคิ้ว "พวกเจ้าเอง"พวกเขาทั้งสองตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เหมือนพวกเขากำลังสับสนอย่างสิ้นเชิง พวกเขาไม่ได้คาดคิดว่า จั๋วซือหราน จะพูดเช่นนี้ ฟังดูเหมือน...นางรู้จักพวกเขาเช่นนั้นหรือ“เจ้า... รู้จักเราหรือ” หนึ่งในนั้นอาจจะสับสนเล็กน้อย

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 453

    ดวงตาของพวกเขาหดลง พวกเขาไม่กล้ามองเข้าไปในดวงตาของจั๋วซือหรานจั๋วซือหรานดูดวงตาที่หดตัวของพวกเขา นางยิ้มจาง ๆ ไม่มีความอบอุ่นในรอยยิ้มของนางร้อยยิ้มนี้ทำให้พวกเขาทั้งสองรู้สึกพวกเขากำลังตกเป็นเป้าหมายของนักล่าที่กระหายเลือดมันน่าทึ่งมาก เด็กผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าของพวกเขาดูอ่อนโยนและไม่เป็นอันตรายเหมือนกับสัตว์กินพืชตัวเล็ก ๆแต่รัศมีที่เล็ดลอดออกมาจากร่างกายของนางทำให้ผู้คนรู้สึกดุร้ายและน่ากลัวยิ่งกว่าสัตว์ร้ายจั๋วซือหรานมองไปที่พวกเขาครู่หนึ่ง นางไม่รอคำตอบของพวกเขา นางพยักหน้าและพูดว่า "หากพวกเจ้าไม่ปฏิเสธ ข้าก็ถือว่าพวกเจ้ายอมแล้ว"ทันทีที่นางพูดเช่นนี้ หนึ่งในนั้นก็มีปฏิกิริยาและรู้ทันที บางทีพวกเขาปฏิเสธก็ได้เขารีบถาม “แล้วหากข้าปฏิเสธล่ะ”จั๋วซือหรานยกริมฝีปากขึ้นและยิ้ม เห็นได้ชัดว่านั่นเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เล็กน้อย เหมือน... นางจงใจล้อเลียนพวกเขานางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และพูดว่า "ข้าจะทำตัวเหมือนไม่ได้ยินคำปฏิเสธของเจ้า"ดวงตาของชายคนนี้ก็นูนขึ้นทันที อาจเป็นเพราะเขาไม่คิดว่าจะมีคนไร้เหตุผลขนาดนี้จั๋วซือหรานปล่อยคนคนหนึ่ง จากนั้นบุคคลนั้นก็กลอกตา เขาอาจคิดจะหนี

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 454

    การแสดงความกลัวที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อนเมื่อเผชิญหน้ากับจั๋วซือหราน ตอนนี้มองเห็นได้ชัดเจนบนใบหน้าของพวกเขาจั๋วซือหรานรู้สึก... ดูเหมือนพวกเขาจะกลัวจนฉี่ราดนางเลิกคิ้วและยื่น 'ขนมชาม' ไปที่ข้างหน้าพวกเขา “พวกเจ้ากลัวมันขนาดนี้หรือ”หนอนตัวเล็กที่น่าสมเพชนี้อยู่ในมือของนาง ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ นางชอบบีบมันมาก ในสายตาของพวกเขา ดูเหมือนมันเป็นนักฆ่าที่โหดเหี้ยม“เอาไป...เอาไปให้ไกล...เอาไปไกล ๆ ...ไปไกล ๆ ” หนึ่งในนั้นถึงกับหวาดกลัวอย่างมาก เขาทำเสียงแหลมเหมือนไก่กาส่วนอีกคนหนึ่งพูดไม่ได้และดูซีดเซียวเมื่อเห็นสภาพของพวกเขา จั๋วซือหรานก็อดไม่ได้ที่ต้องเลิกคิ้ว "ในเมื่อพวกเจ้ากลัวมาก..."แล้วเรื่องต่าง ๆ จะจัดการได้ง่ายจั๋วซือหรานถาม "บอกฉันได้ไหมว่าหนอนตัวนี้คืออะไร มันชื่ออะไร องค์หญิงของพวกเจ้าเอาหนอนตัวนี้มา นางอยากทำอะไรกันแน่ นางแค่สมรู้ร่วมคิดกับซือคงยวี่ เพื่อทำให้สถานการณ์ในเมืองหลวงวุ่นวา.....หรือมีแผนใหญ่กว่านี้"แม้ว่าหนึ่งในนั้นจะมีสีหน้าซีดเซียว แต่ดูเหมือนว่าเขายังไม่หวาดกลัวถึงขั้นที่พังสลาย ดังนั้นเขายังสามารถอดกลั้นและไม่พูดอะไรได้เขาแค่กัดฟันแล้วพู

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 455

    จั๋วซือหรานคิดไม่ถึงเลยว่า 'ขนมชาม' ตัวนี้จะมีประโยชน์ขนาดนี้หรือเพราะเมื่ออยู่ตรงหน้านาง มันดูไม่เป็นอันตรายมากแต่ดูเหมือนเมื่อพวกเขาเผชิญหน้ากับมัน ความกลัวนั้นจะแทรกซึมลึกเข้าไปในกระดูกของคนสองคนนี้จั๋วซือหรานไม่ได้ขู่ต่อ แต่ชายคนนั้นได้พูดไปแล้วว่า "นี่... นี่คือพิษกู่ร้อยไหม นี่... นี่คือพิษกู่จากหุบเขาหมื่นพิษ"เขาร้องไห้หลังจากเริ่มพูด และคำพูดของเขาค่อนข้างแก้มยุ้ย “ข้า...ข้าไม่รู้ ข้าไม่รู้จะพูดอะไร ถามข้าเถิด ถามอะไรก็ได้ที่เจ้าอยากรู้” ... …”จั๋วซือหรานเลิกคิ้ว "เจ้ากลัวขนาดนี้ มันต้องไม่ธรรมดาแน่ ๆ ก่อนหน้านี้ ข้ามองออกแล้วว่าพิษกู่ตัวนี้ไม่ธรรมดาเลย เจ้าช่วยบอกรายละเอียดหน่อยได้ไหมว่ามันใช้ทำอะไร"“มัน... มันเป็นพิษกู่ระบาดชนิดหนึ่ง” ชายคนนั้นรีบอธิบาย “แม่กู่สามารถแยกส่วนย่อยจำนวนมาก ซึ่งใช้ในการควบคุมทุกคนที่ติดอาคมหนอนพิษกู่ ในตอนแรกมันจะส่งผลต่อแขนขาเพียงชั่วคราวเท่านั้น หลัง ๆ ผู้คนจะค่อย ๆ สูญเสียสติสัมปชัญญะไป และควบคุมตัวเองไม่ได้”“มันรักษาให้หายขาดได้หรือไม่” จั๋วซือหรานถาม“ได้...รักษาให้หายขาดได้ แต่เราไม่รู้ว่าจะรักษามันอย่างไร” ชายผู้นั้นพูดอย่างต

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 456

    “ไม่ ไม่ได้แล้ว” ชายคนนั้นตอบจั๋วซือหรานรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย “เยี่ยมมาก ข้าเหนื่อยมากกับวิธีที่ข้าถามพวกเจ้าและเจ้าค่อยตอบคำถามข้าแล้ว หากเจ้าอยากบอก เจ้าพูดมาเอง หากไม่อยากบอก ข้าจะยัดแม่กู่ตัวนี้เข้าในปากของเจ้าเลย เจ้ามีโอกาสเพียงครั้งเดียวเท่านั้น”ทันใดนั้นดวงตาของชายคนนั้นก็เบิกกว้าง และในที่สุดเขาก็พูดอย่างคล่อง ไม่เหมือนก่อนหน้านี้ที่เขาพูดติดอ่าง "เมื่อถูกติดเชื้อจากแม่กู่ของพิษกู่ร้อยไหม จะรักษาให้หายขาดไม่ได้แล้ว และว่ากันว่าคนที่ติดเชื้อจากแม่กู่นั้นต้องตายแน่นอน เพียงแต่ เพียงแต่... การที่ถูกวางอาคมหนอนพิษกู่ตัวนี้จะไม่ตายทันที แต่จะถูกอาคมหนอนพิษกู่ ทรมานต่อไปจนนาทีสุดท้าย”“เพราะ เพราะว่าพิษกู่ร้อยไหมนี้เป็นพิษที่ถูกกลั่นไม่สำเร็จ เมื่อกลั่นพิษกู่ร้อยไหมชนิดนี้ได้ ท่านไม่มีความตั้งใจที่จะกลั่นมันให้กลายเป็นอาคมหนอนพิษกู่ที่รักษาไม่หาย แต่ไม่ว่าท่านจะพยายามแค่ไหน ท่านก็ไม่สามารถกลั่นมันให้สมบูรณ์ ดังนั้นท่านเลยนำเอามาใช้ในสภาพนี้”“แต่เดิม คาดว่าพิษกู่ร้อยไหมที่กลั่นสำเร็จจะสามารถควบคุมความคิดของผู้คนได้โดยไม่ทำให้คนเสียชีวิต มันจะเป็นเหมือนหุ่นเชิด”"แต่เมื่อเทีย

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 457

    “เมื่อครู่นี้ข้าถามอะไรอีกล่ะ โอ้ ใช่แล้ว องค์หญิงของพงกเจ้านำตัวนี้มาเมืองหลวง นางอยากทำอะไรกันแน่ นางแค่สมรู้ร่วมคิดกับซือคงยวี่ และพยายามทำให้สถานการณ์ในเมืองหลวงวุ่นวาย... หรือมีแผนอะไรที่ใหญ่กว่านี้"ทันทีที่จั๋วซือหรานพูดเช่นนี้ แม้ว่าทั้งสองคนจะมีความลังเลอยู่บ้าง แต่ความกลัวพิษกู่ร้อยไหมมากกว่าพวกเขารีบตอบคำถามของจั๋วซือหราน "ครั้งนี้นักปราชญ์หญิงต้องการช่วยเหลืออ๋องชินยวี่แห่งแคว้นชางจริง ๆ ดังนั้นท่านจึงนำพิษกู่ร้อยไหมนี้ เพื่อก่อความวุ่นวายอันร้ายแรงในเมืองหลวง""โอ้ นางยังเป็นนักปราชญ์หญิงแห่งดินแดนทางใต้ของพวกเจ้าหรือ” จั๋วซือหรานถาม “นางคงไม่ใช่แค่อยากก่อความวุ่นวายในเมืองหลวงอย่างเดียวหรอกนะ นางลองมือกับตระกูลเฟิง นางอยากให้ตระกูลเฟิงติดหนี้บุญคุณของนางไม่ใช่หรือ"“ใช่ หากนักปราชญ์หญิงได้ช่วยเหลือฮ่องเต้ และได้ช่วยตระกูลเฟิงไว้ หลังจากอ๋องชินยวี่ขึ้นบัลลังก์ องค์ชายก็จะสามารถสั่งนักปราชญ์หญิงหมั้นกับซื่อจื่อของตระกูลเฟิง ”เมื่อชายคนนั้นพูดถึงจุดนี้ เขามองจั๋วซือหรานอย่างระมัดระวังและพูดต่อด้วยเสียงต่ำ "ท้ายที่สุดแล้ว... ท่านรักษาอาการบาดเจ็บของซื่อจื่อของตระกูลเฟิ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 458

    ชายที่ยืนอยู่ข้างหน้าพูดด้วยเสียงต่ำจากใต้หน้ากาก "ทำไมจะไม่ได้"“ก็ไม่ใช่เจ้าไม่ได้ ข้าแค่รู้สึกปลื้มใจนิดหน่อย” จั๋วซือหรานก้มตาและยิ้มแม้ว่าชายคนนั้นมองผ่านรูตาของหน้ากาก แต่ก็ยังทำให้คนรู้สึกสายตาของเขาลึกซึ้งและเฉียบคมอย่างมาก เขามองจั๋วซือหราน "หากข้าไม่มาดูหน่อย เจ้าคงเอาที่พักของชิ่งหมิงมาเป็นที่หลบภัยแล้วกระมัง"เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ จั๋วซือหรานรู้แน่นอนว่าชายคนนี้ต้องรู้เรื่องที่นางส่งท่านแม่ของนางและท่านอ๋องเซี่ยนมาพักที่นี่แล้วจั๋วซือหรานยิ้มอย่างเขินอายชายคนนั้นกล่าวต่อ “ท่านแม่และน้องชายของเจ้ามาพักที่นี่ ไม่เป็นไรหรอก แต่ลูกหลานของราชวงศ์เป็นเรื่องอะไร”จั๋วซือหราน บอกได้เพียงแค่ฟังน้ำเสียงของชายคนนั้นว่าคิ้วของเขาภายใต้หน้ากากจะต้องขมวดคิ้วแน่นมากจั๋วซือหรานกล่าวว่า "ก็...ข้าทำผิดเอง"นางยอมรับความผิดของนางอย่างไม่ลังเลนางยอมรับความผิดของนางรวดเร็วเช่นนี้ ซึ่งทำให้ชายผู้นี้รู้สึกตอบสนองไม่ทันเขาเงียบไปสองสามวินาโดยไม่รู้ว่าจะพูดอะไรจั๋วซือหรานกล่าวต่อ "เพราะข้าซื่อสัตย์ ใจดี และมีจิตใจอ่อนโยน"มุมปากของจั๋วซือหรานยังคงโค้งเล็กน้อยชายคนนั้นยืนอยู่

บทล่าสุด

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 934

    คนเหล่านั้นไม่กล้าอิดออดอีก ทยอยกันคุกเข่าลงหลังจากตอนที่ได้ยินเสียงหัวเข่ากระแทกหนักๆ ตึงๆๆตอนที่ผู้อาวุโสใหญ่จั๋วหลานรีบพุ่งไปเข้าไปขวางตรงหน้าจั๋วซือหราน นางก็ไม่ได้ตบเขาออกไปผู้อาวุโสใหญ่มองจั๋วซือหราน เอ่ยขึ้นว่า "ข้าลงโทษพวกเขาแล้ว ถ้าเจ้ายังไม่พอใจ เจ้าไปลงโทษพวกเขาด้วยตนเองได้เลย ด้วยฝีมือของเจ้า คิดจะลงโทษพวกเขาไม่ใช่เรื่องยากอยู่แล้ว"จั๋วซือหรานพอได้ยิน มุมปากก็ยกขึ้น "ก็ไม่ยากจริงๆ"จั๋วอวิ๋นฉีถอนหายใจเงียบๆ ถอนหายใจกับการตัดสินใจของนางคนที่คุกเข่าอยู่บนพื้นเหล่านั้น ตอนนี้ก็เพิ่งจะรู้สึกตัวขึ้นมาจริงด้วย ด้วยฝีมือของนาง เธอแค่คนเดียวก็จัดการรับมือกับคนเถื่อนได้นับสิบ แล้วทำไมตอนที่พวกเขาพูดอะไรไม่น่าฟัง นางถึงไม่ตบพวกเขาจนคว่ำไปล่ะ?นางมีฝีมือจะตบพวกเขาจนคว่ำอยู่แล้วแท้ๆพวกเขาตอนนี้เข้าใจแล้ว นางจงใจทำ จงใจจะให้ตระกูลจั๋วมารับมือพวกเขา ให้พวกเขาตบหน้าพวกเขากันเองนางจะให้พวกเขาได้รู้:พวกเจ้าคิดจะทำให้ข้ารู้สึกสะอิดสะเอียนแค่ไหน ข้าก็จะให้พวกเจ้ากินขี้ของพวกเจ้ากลับไป ลองดูสิว่าใครจะสะอิดสะเอียนยิ่งกว่าถ้าหากพวกเขาไม่ญาติดีกับท่าทีของนาง เช่นนั้นนางก็จะไม่

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 933

    ผู้อาวุโสเจ็ดจั๋วอี้แทบจะพุ่งเข้ามาอย่างอดไม่อยู่ในสายตาเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น มองจั๋วอวิ๋นฉีอยู่เป็นระยะ"อวิ๋นฉี! อวิ๋นฉี! นั่นเจ้าจริงหรือ!" เสียงของผู้อาวุโสเจ็ดสั่นพร่าขึ้นมาจั๋วอวิ๋นฉีมองไปทางผู้อาวุโสเจ็ด เผยให้เห็นรอยยิ้มอ่อนโยนน้ำตาของจั๋วอี้แทบจะร่วงลงมาแล้ว ตอนที่เขามองไปทางจั๋วซือหราน ในดวงตาก็เต็มไปด้วยความซาบซึ้งเดิมทีเขายังคิดว่า ดันจั๋วซือหรานขึ้นไปนั่งตำแหน่งอาวุโสที่นางต้องการ จากนั้นก็จะขอให้นางช่วยอวิ๋นฉีกลับมาในตระกูลนางวันนี้เพิ่งจะมาถึง ก็ทำได้เสียแล้ว!ตอนนี้เอง ข้างๆ ก็เกิดเสียงที่ต่างกันขึ้นมา มีคนที่แม้จะไม่ชอบผู้อาวุโสสามและผู้อาวุโสห้า แต่ก็ไม่คิดว่าจั๋วอวิ๋นฉีที่ปรากฏตัวขึ้นอย่งกะทันหัน แล้วก็หญิงสาวที่ขนยังไม่ทันขึ้นอย่างจั๋วซือหราน จะสามารถมานั่งตำแหน่งนี้ได้ดังนั้นจึงเอ่ยขึ้นว่า "แต่เขาไม่ได้อยู่ในตระกูลมานานแล้วนะ จะมารับผิดชอบได้ที่ไหน...นี่เป็นตำแหน่งของผู้อาวุโสตระกูลเชียว ดูจะรีบร้อนเกินไปหน่อย"จั๋วซือหรานไม่สนใจกับเสียงต่างนางยักไหล่ เอ่ยขึ้นว่า "ข้ายังไงก้ได้ แต่ว่าพวกท่านต้องเข้าใจจุดนี้นะ ตอนนี้พวกท่านต้องการให้ข้ากลับมา อย

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 932

    จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นด้านใน "ในเมื่อข้ากล้าพูดเช่นนี้ ข้าก็ต้องรู้อยู่แล้ว่าเขาอยู่ทึ่ไหน"จั๋วซือหรานพูดพลางมองไปทางประตูจากนั้นนางจึงดึงไหมกู่ไร้รูปร่างในมือของตนเอง ไม่กู่ค่อยๆ เปลี่ยนจากโปร่งใสจนมีสีกึ่งโปร่งใส เชื่อมออกไปยังนอกประตูจั๋วซือหรานมองไปทางประตู เอ่ยขึ้นเสียงเรียบว่า "เชลยคนอื่นถ้าหลบหนีไปไกลแบบเจ้าเนี่ย คงจะเอาชีวิตไปทิ้งกันหมดแล้ว"ทุกคนตกตะลึงขึ้นมาจากเนื้อหาในคำพูดของนาง...เชลยหรือ?นี่มันสถานการณ์อะไรกัน?จากนั้นจึงเห็นว่า พอจั๋วซือหรานดึงมือ ไหมกู่กึ่งโปร่งใสเส้นนั้นก็ดึงชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาในประตูดูจากเสื้อผ้าของเขาแล้ว ทุกคนล้วนตกตะลึงกันหมด"นี่มัน...นี่ไม่ใช่เชลยจากแดนใต้ที่อยู่ข้างๆ เจ้าก่อนหน้านี้คนนั้นหรือ?""นี่มันเกิดอะไรขึ้น?"จั๋วซือหรานลุกขึ้นมาจากที่นั่ง เดินตรงไปยัง 'ฮาร์วีย์'ยืนอยู่ตรงหน้าเขาชายหนุ่มก้มหน้ามองนาง เส้นผมไม่ยาวนักของเขาถักเป็นเปีย ปลายผมยังห้อยลูกปัดไว้ ผิวหนังสีคล้ำ แม้จะไม่ถึงกับดำ แต่ก็ไม่ใช่ผิวขาวนวลเบ้าตาลึก โหนกแก้มสูงเล็กน้อย จะดูอย่างไร...ก็ล้วนเป็นเอกลักษณ์หน้าตาคนแดนใต้แต่จั๋วซือหรานยืนอยู่ตรงหน้าเขา

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 931

    "อะไรนะ!" ผู้อาวุโสสามกับผู้อาวุโสห้าพอได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสใหญ่ ก็ยิ่งตกตะลึงขึ้นไปอีกแต่จั๋วซือหรานก็เหมือนจะมองไม่เห็นพวกเขาเสียอย่างนั้นนางมองผู้อาวุโสใหญ่จั๋วหลาน หลังจากนั้นก็เหลือบมองไปทางจั๋วอี้ผู้อาวุโสเจ็ดตอนนี้จึงเอ่ยต่อว่า "เรื่องนี้พวกท่านไม่ต้องกังวล ข้าหาตัวเลือกผู้อาวุโสที่เหมาะสมไว้แล้ว"ผู้อาวุโสสามกับผู้อาวุโสห้าทนไม่ไหวขึ้นอีกครั้ง แต่ต่อให้รู้ว่านางตอนนี้จะสำคัญมากกับตระกูลก็ทนต่อไม่ไหวแล้วจึงก่นด่าจั๋วซือหรานขึ้นมา"เจ้ากล้าดียังไง!" ผู้อาวุโสห้าเดิมทีก็มีนิสัยขี้โมโห ด่ากราดขึ้นมา "เจ้าอย่าคิดว่าตอนนี้เจ้ามีชื่อเสียงขึ้นมาในเมืองหลวง แล้วจะหลงตัวเองจนไม่มีขอบเขตนะ!"ผู้อาวุโสสามไม่ได้ฉุนเฉียวขนาดนั้น แต่ก็มองออกได้ไม่ยากถึงอารมณ์โกรธแค้น พูดจาให้ขุ่นเคืองขึ้นมา "เจ้าคิดว่าหมูหมากาไก่ที่ไหนก็จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสตระกูลได้หรือ?! ตระกูลเราไม่เคยมีผู้อาวุโสหญิงมาก่อนด้วยซ้ำ! ไม่ต้องพูดถึงเด็กสาวที่ขนยังไม่งอกแบบเจ้าเลย!"พอเทียบกับความเดือดดาลของพวกเขาสองคนจั๋วซือหรานกลับนิ่งกว่ามาก "พอเห็นคนแบบพวกท่านมาเป็นผู้อาวุโสตระกูลนี่ล่ะ ดังนั้นถูกต้อง ข้าคิดจ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 930

    ทุกคนล้วนมองออก ถ้าพูดจากด้านพลัง จั๋วซือหรานได้เปรียบอย่างสมบูรณ์ต่อให้นางไม่ต้องพูดซ้ำเกรงว่าหลังจากวันนี้ ชื่อของจั๋วซือหรานคงกลายเป็นตำนานมีชีวิตในเมืองหลวงแน่ๆถ้าจะให้พูดจริงๆ นางสู้กับตระกูลใหญ่ห้าตระกูลตามลำพัง แต่ก็ยัง...ไม่พ่ายแพ้แค่คิด ก็รู้สึกว่าเป็นแรงบันดาลใจได้แล้วรถม้าแล่นมาถึงบ้านตระกูลจั๋วรู้สึกเหมือนจากไปเสียนาน แต่พอย้อนนึกดู ก็เหมือนจะไม่ได้นานเท่าไรทว่าตอนนี้ จั๋วซือหรานไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วนางเดินเข้าไปในโถงประชุม ไม่แม้แต่จะมองพวกเขา เดินตรงไปที่นั่งบนสุด แล้วนั่งลงทุกคนล้วนตะลึงงันไปชั่วขณะหนึ่ง ทั้งห้องนิ่งเงียบเป็นเป่าสากเหมือนมีคนรู้สึกว่าสมควรจะตำหนินาง นางขึ้นไปนั่งบนที่นั่งสูงสุดได้อย่างไรกัน?! ที่นั่งสูงสุดบนโถงประชุม มีไว้ให้เหล่าผู้อาวุโสนั่งแต่นางก็นั่งลงแล้ว กระทั่งมองออกไม่ยากด้วยว่านางจงใจยิ่งไปกว่านั้นตำแหน่งที่นางนั่ง ก็เป็นตำแหน่งของผู้อาวุโสสามพอดีแต่เห็นได้ชัด ว่าประสบการณ์ในอดีต ทำให้นางมีความรู้สึกไม่ดีกับผู้อาวุโสสามมากและเพราะการแสดงออกในเมืองหลวงของจั๋วซือหรานยิ่งยอดเยี่ยม ยิ่งโดดเด่นผู้อาวุโสสามกับผู้อาวุโ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 929

    สายตาจั๋วซือหรานมองพวกเขาอย่างจืดจางอันที่จริง คนไม่น้อยที่รอจะดูมหรสพ เพราะตอนที่เห็นคนของตระกูลจั๋วมากมายมาที่ประตู รู้สึกว่าน่าจะมีมหรสพให้ดูจึงหยุดลงมาคนไม่น้อยยังรู้สึกว่า ตระกูลจั๋วน่าจะมาหาเรื่องจั๋วซือหราน หรืออาจจะทำอะไร...สรุปคือ สิ่งที่พวกเขารอ คือฉากที่ตระกูลจั๋วกับจั๋วซือหรานไปกันไม่ได้ไม่มีคนคิดถึงภาพระหว่างจั๋วซือหรานกับตระกูลจั๋วอยู่กันด้วยดีอะไรแบบนั้นบางทีคงเพราะ...ไม่เคยมีใครคิด คนที่ทะเลาะกับครอบครัวจนแตกหักไปแล้วแบบนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็คงรู้สึกแย่เอามากๆ นั่นล่ะจะไปมีชีวิตที่ดี แล้วกลับมาถูกตระกูลให้ความสำคัญอีกได้อย่างไรกัน?เพราะล้วนคิดเช่นนี้ ดังนั้นจึงไม่มีใครคิดว่าระหว่างจั๋วซือหรานกับตระกูลจั๋วจะอยู่กันได้ด้วยดีเพียงแต่ตอนนี้ ทุกคนกลับไม่ได้เห็นฉากที่ทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากันอย่างรุนแรงจั๋วซือหรานเอ่ยเสียงเรียบให้พวกเขาหลีกทาง จ้องมองพวกเขาด้วยสายตาเฉยเมยในความเป็นจริง คนของตระกูลจั๋ว ในสายตานางไม่เห็นถึงความทะนงตนใดๆ เลยพวกเขาเดิมทีคิดว่า ตอนที่เห็นพวกเขาเข้ามาอ่อนข้อให้แล้วเชิญนางกลับไป ท่าทีของนางควรจะดูเย่อหยิ่งมากถึงจะถูกแต่กลับไม่มีเล

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 928

    "โอ้ เห็นว่าคนอื่นเขามากัน ข้าก็อยากจะมาหนุนหน้าให้เจ้าเหมือนกันสิ" ฮั่วจือโจวเอ่ยขึ้น รอยยิ้มในดวงตาเปล่งประกาย "พอดีเลย เจ้านี่อยากจะมาขอบคุณเจ้าด้วยเหมือนกัน"ฮั่วจือโจวชี้ไปที่ฮั่วชิงหยวน"ขอบคุณหรือ?" จั๋วซือหรานไม่ค่อยเข้าใจ "ขอบคุณเรื่องอะไร?""เยอะเลย" ฮั่วจือโจวเอียงตาเหลือบไปทางฮั่วชิงหยวน บอกกับนางว่า "ให้เขาบอกเองดีกว่า"จั๋วซือหรานมองไปทางฮั่วชิงหยวนฮั่วชิงหยวนเกาหัวอย่างเขินๆ แต่ดวงตาก็เปล่งประกายวิบวับอยู่ตลอด คอยจ้องมาทางจั๋วซือหรานเป็นระยะ เอ่ยขึ้นตรงๆ ว่า "แม่นางจิ่ว ถ้าไม่มีท่าน ข้าคงถูกชินอ๋องอวี้หลอกใช้ไปนานแล้ว ถึงแม้ข้าจะไม่ค่อยฉลาดนัก แต่ก็ไม่ชอบถูกคนใช้ประโยชน์เท่าไร""ยิ่งไปกว่านั้น..." ฮั่วชิงหยวนหัวเราะเหอะๆ "ด้วยความช่วยเหลือของท่าน แม้ว่าทรัพยากรข้าจะไม่ได้ดีเด่อะไร แต่ก็ถือว่าเป็นทรัพยากรที่ไม่เลว"จั๋วซือหรานฟังคำพูดนี้ก็นึกๆ ก็เข้าใจว่าเขาน่าจะพูดถึงการร่วมมือของนางกับตระกูลฮั่ว ยาลูกกลอนที่มอบให้เหล่านั้นกระมัง"ดังนั้นไม่ว่าอย่างไร ข้าก็ต้องมาขอบคุณท่านด้วยตัวเองสักครั้ง ขอบคุณมาก" ฮั่วชิงหยวนเก็บรอยยิ้มบนหน้าลง เอ่ยขึ้นด้วยสายตาจริงจังจั๋ว

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 927

    จั๋วซือหรานต้องการอะไร ก็จะขอออกมาตรงๆจุดนี้ ไม่ได้ทำให้องค์จักรพรรดิเฒ่ารำคาญน่าจะเพราะถูกซือคงอวี้วางแผนใส่มานาน พอโดนไปมากๆ เข้า จักรพรรดิเฒ่าตอนนี้จึงรู้สึกต่อต้านพวกคนคดเคี้ยวกับเรื่องราวที่ซับซ้อนขึ้นมาโดยสัญชาตญาณดังนั้นจั๋วซือหรานที่นิสัยตรงไปตรงมาแบบนี้ กลับยิ่งสอดคล้องกับเจตนาของเขามากขึ้นองค์จักรพรรดิเฒ่าฟังคำนี้แล้วก็นึกๆ จากนั้นก็เข้าใจขึ้นมา "ข้าจำได้แล้ว ก่อนหน้านี้เจ้าเคยไปหาไทเฮาเรื่องขอพระราชทานอภิเษกไว้ใช่ไหม?""ใช่แล้ว" จั๋วซือหรานยิ้มตาโค้งเอ่ยขึ้น "ฝ่าบาททรงจำได้ด้วย จั๋วจิ่วรู้สึกเป็นเกียรติยิ่งนัก""ทำไมหรือ? เจ้าต้องตาใครเข้าแล้วล่ะ?" ซือคงเหมี่ยนรู้สึกสนใจขึ้นมาจั๋วจิ่วคนนี้ กระทั่งน้องเจ็ดก็ยังไม่ชายตามอง...แล้วไปต้องตาใครเข้ากันนะ? คงจะไม่ใช่ซื่อจื่อเฟิงกระมัง? นี่จะซื่อตรงเกินไปแล้วซือคงเหมี่ยนครุ่นคิด ตอบว่า "ยัยหนูจั๋วจิ่ว ถ้าหากอีกฝ่ายหมั้นหมายไปแล้ว ข้าเองก็ไปทำลายงานแต่งงานคนอื่นไม่ได้หรอกนะ"พอได้ยินคำนี้ อ๋องเซี่ยนที่ขี่ม้าอยู่ข้างๆ รถองค์จักรพรรดิเฒ่ามาตลอดก็ถอนใจโล่ง แม้ว่าเขาจะไม่รู้ก็ตามว่าถอนใจโล่งทำไมและจั๋วซือหรานพอได้ยินคำน

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 926

    แม้จะบอกว่า จั๋วซือหรานตอนที่ประลองกับซางถิงในตลาดมืด จะเคยใช้สัตว์เลี้ยงไปแล้วตามหลักการน่าจะมีคนไม่น้อยที่รู้จักสัตว์อสูรของนางแต่เพราะตอนนั้น ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะมองเห็นนี่ไม่ได้เหมือนในชาติที่แล้วของนาง ที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายรูปโพสไปบนเน็ตได้นี่ล้วนเป็นการลือกันแบบปากต่อปาก คนส่วนใหญ่เคยชินกับข่าวแบบนี้ที่มักจะพูดกันเกินจริง ดังนั้นบางคนก็ไม่ค่อย หรือเชื่อบ้างไม่เชื่อบ้างก็ตามทีแต่ตอนนี้ ทุกคนได้เห็นกับตาแล้ว"หรือว่า...กระทั่งตระกูลซาง...ก็ยังแพ้นางมาแล้ว"อิงเซ่าขี่ม้าเข้ามารับ เขาดูตื่นเต้น ใบหน้าแดงก่ำไปหมดพอมาอยู่ตรงหน้าจั๋วซือหรานจั๋วซือหรานจึงเก็บแมงมุมลงมา ยืนอยู่บนพื้นอิงเซ่าพลิกตัวลงจากม้า "แม่นางจิ่ว! ข้ารู้อยู่แล้ว ว่าถ้าท่านออกโรงต้องสำเร็จ"จั๋วซือหรานเอียงหัวไปทางด้านหลัง "คนของท่าน พากลับมาไม่ขาดแม้แต่คนเดียว บาดเจ็บไปหลายคน แต่ก็ไม่ได้หนักหนาอะไร""ดี!" อิงเซ่าพยักหน้า พูดต่อกันว่า "ดีดีดีมาก!"ตอนนี้ อันที่จริงอย่าว่าแต่เหล่าขุนนางชนชั้นสูงกับพวกราชวงศ์ที่ออกันเต็มประตูเมืองเลยกระทั่งเหล่าประชาชนที่มามุงดูก็ยังเข้าใจ ว่าแม่

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status