ชายที่ยืนอยู่ข้างหน้าพูดด้วยเสียงต่ำจากใต้หน้ากาก "ทำไมจะไม่ได้"“ก็ไม่ใช่เจ้าไม่ได้ ข้าแค่รู้สึกปลื้มใจนิดหน่อย” จั๋วซือหรานก้มตาและยิ้มแม้ว่าชายคนนั้นมองผ่านรูตาของหน้ากาก แต่ก็ยังทำให้คนรู้สึกสายตาของเขาลึกซึ้งและเฉียบคมอย่างมาก เขามองจั๋วซือหราน "หากข้าไม่มาดูหน่อย เจ้าคงเอาที่พักของชิ่งหมิงมาเป็นที่หลบภัยแล้วกระมัง"เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ จั๋วซือหรานรู้แน่นอนว่าชายคนนี้ต้องรู้เรื่องที่นางส่งท่านแม่ของนางและท่านอ๋องเซี่ยนมาพักที่นี่แล้วจั๋วซือหรานยิ้มอย่างเขินอายชายคนนั้นกล่าวต่อ “ท่านแม่และน้องชายของเจ้ามาพักที่นี่ ไม่เป็นไรหรอก แต่ลูกหลานของราชวงศ์เป็นเรื่องอะไร”จั๋วซือหราน บอกได้เพียงแค่ฟังน้ำเสียงของชายคนนั้นว่าคิ้วของเขาภายใต้หน้ากากจะต้องขมวดคิ้วแน่นมากจั๋วซือหรานกล่าวว่า "ก็...ข้าทำผิดเอง"นางยอมรับความผิดของนางอย่างไม่ลังเลนางยอมรับความผิดของนางรวดเร็วเช่นนี้ ซึ่งทำให้ชายผู้นี้รู้สึกตอบสนองไม่ทันเขาเงียบไปสองสามวินาโดยไม่รู้ว่าจะพูดอะไรจั๋วซือหรานกล่าวต่อ "เพราะข้าซื่อสัตย์ ใจดี และมีจิตใจอ่อนโยน"มุมปากของจั๋วซือหรานยังคงโค้งเล็กน้อยชายคนนั้นยืนอยู่
ทันใดนั้นสองคนนี้ตัวสั่นและร้องขอความเมตตา "อย่าฆ่าข้า อย่าฆ่าข้า"จั๋วซือหรานไม่ได้มองพวกเขา เพียงแค่มองไปที่เวินป๋อยวนเวินป๋อยวนเงียบไปสองสามวินาทีแล้วมองนางอย่างไร้ความรู้สึก “เจ้าเล่ห์ หากพวกเขาตายที่นี่ ข้ายังต้องจัดการกับศพของพวกเขา”“ขอบคุณที่ท่านชื่นชม” จั๋วซือหรานกล่าวด้วยรอยยิ้มจากนั้นเวินป๋อยวนเปิดประตูลับแล้วพานางเข้าไปชายทั้งสองฟังจากคำพูดของเวินป๋อยวน พวกเขาจึงฟังออก จั๋วซือหรานบอกว่าฆ่าพวกเขาตาย จริง ๆ แล้วอาจเป็นเพราะนางรู้ว่าใต้เท้าของหน่วยสืบสวนพิเศษผู้นี้จะไมยอมที่จะปล่อยให้พวกเขาตายต่อหน้าหน่วยสืบสวนพิเศษนางจึงตั้งใจพูดเช่นนี้แม้ว่าพวกเขาไม่รู้ว่าใต้เท้าท่านนี้ที่อยู่ตรงหน้าของพวกเขามีตำแหน่งอะไรในหน่วยสืบสวนพิเศษ แต่เขาดูลึกลับมาก ท่านผู้นี้คงมีความสามารถอย่างมากอย่างน้อยเขาไม่ใช่บคนธรรมดา... คนที่สามารถทำให้รักษสหญิงคนนี้ยิ้มและปฏิบัติอย่างสุภาพได้ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ ๆตอนนี้ในหัวใจของพวกเขา พวกเขามีฉายาให้จั๋วซือหรานโดยเฉพาะ นั่นก็คือรักษสหญิงยิ่งไปกว่านั้น หลังจากสองคนนี้ถูกจั๋วซือหรานลากเข้าไปในหน่วยสืบสวนพิเศษ พวกเขาจึงรู้ตัวดูเหมือนเมื่
เวินป๋อยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย เขาเหลือบมองจั๋วซือหราน จากนั้นเขามองชิ่งหมิง “หากข้าอยากห้ามนางจริง ๆ นางจะเข้ามาได้หรือ แล้วตอนนี้นางจะอยู่ที่นี่ได้หรือ”เดิมทีชิ่งหมิงรู้สึกป๋อยวนพูดถูก แต่แต่เขาคิดในอีกแง่หนึ่ง...จากนั้นเขาก็พูดว่า "มันก็ไม่ใช่...เป็นไปไม่ได้ ซือหราน...เก่งมาก..."ชิ่งหมิงพูดอย่างไม่ลังเล ขณะที่เขาพูด เขายังหันไปมองจั๋วซือหราน“ ฮูหยินจั๋วและเสี่ยวหวายพักผ่อนกันหมดแล้ว อาการบาดเจ็บของอีกคนหนึ่ง… ดูเหมือนเจ็บปวดสาหัส ข้าไป... ขอขอยาหนึ่งเม็ด...จากป๋อยวนให้เขาแล้ว ตอนนี้.......เขาคงดีขึ้นมากนัก”จั๋วซือหรานคิด ไม่น่าแปลกใจเลยที่เวินป๋อยวนรู้เรื่องนี้จากนั้นชิ่งหมิงมองไปที่จั๋วซือหราน เขาเห็นคราวนี้ นางพาคนมาที่นี่อีกสองคน เขาไม่ได้คิดอะไรมากมาย ดังนั้นเขาจึงถาม "สองคนนี้จะพักที่นี่เช่นกันหรือ"จั๋วซือหรานตอบ "โอ้ เปล่า หาคุกหรือห้องเก็งฟืนอะไรให้พวกเขาพอ"ชิ่งหมิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง "ฮะ ไม่ใช่... เพื่อนของเจ้าหรือ"“จ้ะ” จั๋วซือหรานกล่าว “ศัตรู และรอหาโอกาสฆ่าข้าด้วย”ในความเป็นจริง พวกเขาทั้งสองฟังจากคำพูดที่จั๋วซือหรานพูดกับชิ่งหมิงและเวินป๋อยวน พวกเขาพอฟัง
ของนุ่ม ๆ หลายตัวที่มีสีต่างกันปรากฏขึ้นในมือของจั๋วซือหรานดูเหมือนว่าพวกมันทุกตัวดจะไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์และสัตว์จั๋วซือหรานรู้สึกว่าการสัมผัสหนอนเหล่านี้มีการรู้สึกที่ดีจริง ๆ ดังนั้นนางจึงถือไว้หนอนเหล่านี้ไว้ในมือและเริ่มลูบมัน นางเกือบลงตัวในความรู้สึกนั้นแต่คนทั้งสองที่ยืนอยู่ข้าง ๆ มีใบหน้าซีดเซียว ไม่ต้องพูดถึงใบหน้าของพวกเขาไม่มีสีหน้าที่เป็นสีมนุษย์ แม้แต่ปากของพวกเขาก็ไม่มีสีเลยแค่หนอนกู่ร้อยไหมตัวเดียวก็ทำให้พวกเขากลัวจนฉี่รดได้ แต่ในตอนนี้ ในมือของนางมีหนอนหนึ่ง สอง สาม... สี่ตัว นางมีหนอนกู่ร้อยไหมสี่ตัวเลยแสดงว่าหนอนกู่ร้อยไหมที่พวกเขาส่งเข้าไปในจวนของตระกูลเฟิง นางจับพวกมันทั้งหมดได้แล้วนางเป็นปีศาจอะไรกัน พวกเขามองหนอนกู่ร้อยไหมเป็นภัยพิบัติ แต่นางกลับมองมันเป็นของเล่น ถือมันไว้ในมือแล้วบีบมันเหมือนางกำลังนวดแป้งเมื่อเห็นฉากนี้ ทั้งสองก็เริ่มกลอกตาเพราะพวกเขากลัวเหลือเกินแต่ชิ่งหมิงกลับสนใจของในมือของนางเล็กน้อยหลัก ๆ เป็นเพราะหนอนเช่นนี้ดูน่าลูบมาก เมื่อเจอคนชอบลูบและบีบของเช่นนี้ คนประเภทนี้พลาดของเช่นี้ไม่ได้ชิ่งหมิงอยากสัมผัสอย่างมาก นางอยากเอ
จั๋วซือหรานกล่าวว่า "อย่าเล่นจนตายล่ะ ตอนนี้พวกมันห้ามตาย ต้องให้ข้าคิดวิธีแก้ปัญหาได้ก่อน แล้วเราจะดูว่าข้าต้องทำอะไร... "เดิมทีจั๋วซือหรานคิดอยู่ว่า นางจะคิดหาวิธีแก้ปัญหาที่หนอนนุ่ม ๆ เหล่านี้เชื่องนางคนเดียวแต่นางคิดออกได้ทันที จากนั้นนางหันไปมองสองคนนั้นสองคนนั้นถูกจั๋วซือหรานมอง พวกเขารู้สึกตัวเองถูกไฟเผา และร่างกายของพวกเขาก็เกร็งตึงม่านตาของพวกเขาหดตัวและพวกเขามองไปที่จั๋วซือหราน ด้วยความกลัวจั๋วซือหรานยิ้ม พวกเขาหวาดกลัวจนแทบจะฉี่รด พวกเขาอยากจะร้องไห้อย่างเดียว“แม่นาง... แม่นางจิ่ว แม่นางจั๋วจิ่ว...ได้โปรดไว้ชีวิตพวกเราด้วยเถิด...”"ได้โปรด...ได้โปรด...ได้โปรด"จั๋วซือหรานจ้องมองพวกเขาอย่างจริงจังและพูดว่า "จุ่ ๆ ข้าก็คิดออก เมื่อครู่นี้พวกเจ้าบอกอะไรที่เกี่ยวกับหุบเขาหมื่นพิษ ไม่ได้ แต่เมื่อพูดถึงพิษกู่ร้อยไหม ดูเหมือนพวกเจ้าไม่กลัวเลย …”ชายสองคนนี้ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง“ข้าถามพวกเจ้า” จั๋วซือหรานมองพวกเขา “ข้าต้องทำอย่างไร ถึงจะให้หนอนกู่ร้อยไหมเหล่านี้ฟังคำสั่งของข้า”พวกเขาทั้งสองยิ่งตกตะลึงมากขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดของจั๋วซือหราน“เจ้า... ไม่ทราบหรือ” ทั้ง
ในสายตาของคนภายนอก การกระทำของจั๋วซือหรานไม่สามารถอธิบายได้ว่ากล้าหาญอย่างเดียว การกระทำนั้นยังสามารถเรียกได้ว่าเป็นการแสวงหาที่ตายแม้แต่คนใจเย็นอย่างเวินป๋อยวน เขาก็เริ่มจริงจังมากขึ้นในเวลานี้ และเขาถึงพูดเร็วขึ้น "ระวังมันทำร้ายเจ้า"ส่วนชิ่งหมิง เขาเตรียมพร้อมที่จะโจมตีแล้ว เพราะเขากลัวหนอนพิษกู่จะทำร้ายนาง ดังนั้นเขาจึงนำพลังวิเศษที่มีพลังวิเศษห่อมือของเขาไว้หากหนอนพิษกู่มีแนวโน้มที่จะทำร้ายนาง ด้วยจิตใจอันบริสุทธิ์ของชิ่งหมิง เขาอาจจะขยี้หนอนเหล่านั้นอย่างไร้ความปราณีเพื่อปกป้องความปลอดภัยของจั๋วซือหราน แม้ว่าเขาต้องรับบาดเจ็บก็ตามในทางกลับกัน ชาวของดินแดนทางใต้สองคนนั้นมีความคาดหวังที่ซ่อนอยู่ในใจความคาดหวังเช่นนั้นเต็มไปด้วยความอาฆาตพยาบาทพวกเขาแอบคิดในใจ ' ต่อให้จั๋วซือหรานจะเย่อหยิ่งเพียงใด มันจะมีประโยชน์อะไรล่ะ สุดท้ายนางเป็นผู้หญิงที่ไร้ความรู้ใด ๆ ที่เกี่ยวกับวิชาการเล่นพิษกู่ของพื้นที่ทางใต้''นางกล้าดีอย่างไรมาแย่งหนอนพิษกู่ของเจ้าหุบเขา นางเย่อหยิ่งจนลืมตัว หนอนพิษกู่ที่เจ้าหุบเขากลั่นมาดุร้ายมาตลอด และการเชื่อมต่อกันนั้นยิ่งแข็งแรงอย่างมาก''นางไม่รู้จริง
เวินป๋อยวนเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดด้วยน้ำเสียงต่ำว่า "ไร้สาระ หากเจ้าใช้นำเลือดของตัวเองไปใช้กับแม่กู่ของผู้อื่นอย่างบุ่มบ่าม หากมันส่งผลกระทบแก่เจ้า ผลที่ตามมาจะร้ายแรงนะ แม่กู่อาจยึดร่างของเจ้ามาเป็นรัง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงแม่กู่ของระดับนี้จั๋วซือหรานไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับชิชาการเช่นกู่มากนัก ดังนั้นนางจึงมองเวินป๋อยวนด้วยความกระหายความรู้ในขณะนี้ "ดูเหมือนท่านมีความรู้ที่เกี่ยวกับวิชาการเล่นกู่มากนะ โปรดให้คำแนะนำแก่ข้าบ้าง "“ไม่มากนัก” เวินป๋อยวนพูดเบา ๆ “แต่ด้วยที่ข้ามาจากดินแดนทางใต้ ดังนั้นข้าจึงทราบบ้าง ในดินแดนทางใต้ นี่เป็นความรู้พื้นฐาน เป็นความรู้ที่ทุกคนต้องทราบ”จั๋วซือหรานเต็มใจที่จะรอฟังรายละเอียดแน่นอน"พวกมันดูไม่เป็นอันตรายมาก"“นั่นเป็นเพียงการปลอมตัวเพื่อทำให้ผู้คนหลงตัว อาคมหนอนพิษกู่เป็นเช่นนั้น ยิ่งหนอนพิษกู่มีสีสันและมีลวดลาย หรือพวกหนอนพิษกู่ที่ยิ่งดูน่ากลัว ยิ่งดูอันตราย แต่ก็ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น แต่สำหรับพวกนี้.... …”เวินป๋อยวนยกคางของเขาไปทางหนอนพิษกู่ที่ดูเหมือนไม่เป็นอันตรายในมือของนาง และเขาก็เอามือประสานกับหน้าอกของเขาด้วยนี่แสดงให้เห็นว่าเขาระ
“อะ อะไรนะ...!” อีกคนหนึ่งตัวสั่น ใบหน้าของเขาขาวราวกับกระดาษหากพวกเขาเล่าเรื่องของเจ้านายให้ผู้หญิงคนนี้ฟัง นั่นก็จะเป็นจุดสิ้นสุดของพวกเขา และพวกเขาจะไม่ต้องมีชีวิตอีกต่อไปเจ้าหุบเขาจะไม่มีวันให้อภัยผู้ทรยศ“ฝัน ฝันไปเถิด ข้าจะไม่บอกอะไร” ชายคนนี้อาจนึกถึงความน่าหวาดกลัวของเจ้าหุบเขาของหุบเขาหมื่นพิษ และทันใดเขาปฏิเสธด้วยอารมณ์ที่ตื่นตระหนกจั๋วซือหรานพยักหน้าเบา ๆ “ใช่ ใช่ ข้าหวังว่าถึงเวลานั้น กระดูกของพวกเจ้าจะแข็งเหมือนปากของพวกเจ้า”“แต่ตอนนี้ข้ายังไม่มีเวลามารักษาพวกเจ้า” จั๋วซือหราน พูดแล้วนั่งยอง ๆ ต่อหน้าพวกเขา นางมองดูพวกเขา“หากนักปราชญ์หญิงของพวกเจ้าช่วยอ๋องชินยวี่ก่อกวนสถานการณ์ในเมืองหลวง ต้องไม่ได้หาเรื่องตระกูลเฟิงเท่านั้น ดังนั้นต้องมีมากกว่าหนอนพิษกู่ร้อยไหมสี่ตัวนี้ ตัวอื่นล่ะ อยู่ที่ไหน” จั๋วซือหรานถามเนื่องจากจั๋วซือหรานกำลังนั่งยอง ๆ อยู่ตรงหน้าพวกเขา ทั้งสองคนนี้จึงมองเห็นสายตาของผู้หญิงคนนี้ได้อย่างชัดเจนไม่มีความกลัวอยู่ในดวงตาคู่นั้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจ พวกเขามองออก นางไม่กลัวเลย เห็นได้ชัดว่า ผู้หญิงคนนี้บ้าคลั่งอย่างมาก นางไม่กลัวเลย
คนเหล่านั้นไม่กล้าอิดออดอีก ทยอยกันคุกเข่าลงหลังจากตอนที่ได้ยินเสียงหัวเข่ากระแทกหนักๆ ตึงๆๆตอนที่ผู้อาวุโสใหญ่จั๋วหลานรีบพุ่งไปเข้าไปขวางตรงหน้าจั๋วซือหราน นางก็ไม่ได้ตบเขาออกไปผู้อาวุโสใหญ่มองจั๋วซือหราน เอ่ยขึ้นว่า "ข้าลงโทษพวกเขาแล้ว ถ้าเจ้ายังไม่พอใจ เจ้าไปลงโทษพวกเขาด้วยตนเองได้เลย ด้วยฝีมือของเจ้า คิดจะลงโทษพวกเขาไม่ใช่เรื่องยากอยู่แล้ว"จั๋วซือหรานพอได้ยิน มุมปากก็ยกขึ้น "ก็ไม่ยากจริงๆ"จั๋วอวิ๋นฉีถอนหายใจเงียบๆ ถอนหายใจกับการตัดสินใจของนางคนที่คุกเข่าอยู่บนพื้นเหล่านั้น ตอนนี้ก็เพิ่งจะรู้สึกตัวขึ้นมาจริงด้วย ด้วยฝีมือของนาง เธอแค่คนเดียวก็จัดการรับมือกับคนเถื่อนได้นับสิบ แล้วทำไมตอนที่พวกเขาพูดอะไรไม่น่าฟัง นางถึงไม่ตบพวกเขาจนคว่ำไปล่ะ?นางมีฝีมือจะตบพวกเขาจนคว่ำอยู่แล้วแท้ๆพวกเขาตอนนี้เข้าใจแล้ว นางจงใจทำ จงใจจะให้ตระกูลจั๋วมารับมือพวกเขา ให้พวกเขาตบหน้าพวกเขากันเองนางจะให้พวกเขาได้รู้:พวกเจ้าคิดจะทำให้ข้ารู้สึกสะอิดสะเอียนแค่ไหน ข้าก็จะให้พวกเจ้ากินขี้ของพวกเจ้ากลับไป ลองดูสิว่าใครจะสะอิดสะเอียนยิ่งกว่าถ้าหากพวกเขาไม่ญาติดีกับท่าทีของนาง เช่นนั้นนางก็จะไม่
ผู้อาวุโสเจ็ดจั๋วอี้แทบจะพุ่งเข้ามาอย่างอดไม่อยู่ในสายตาเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น มองจั๋วอวิ๋นฉีอยู่เป็นระยะ"อวิ๋นฉี! อวิ๋นฉี! นั่นเจ้าจริงหรือ!" เสียงของผู้อาวุโสเจ็ดสั่นพร่าขึ้นมาจั๋วอวิ๋นฉีมองไปทางผู้อาวุโสเจ็ด เผยให้เห็นรอยยิ้มอ่อนโยนน้ำตาของจั๋วอี้แทบจะร่วงลงมาแล้ว ตอนที่เขามองไปทางจั๋วซือหราน ในดวงตาก็เต็มไปด้วยความซาบซึ้งเดิมทีเขายังคิดว่า ดันจั๋วซือหรานขึ้นไปนั่งตำแหน่งอาวุโสที่นางต้องการ จากนั้นก็จะขอให้นางช่วยอวิ๋นฉีกลับมาในตระกูลนางวันนี้เพิ่งจะมาถึง ก็ทำได้เสียแล้ว!ตอนนี้เอง ข้างๆ ก็เกิดเสียงที่ต่างกันขึ้นมา มีคนที่แม้จะไม่ชอบผู้อาวุโสสามและผู้อาวุโสห้า แต่ก็ไม่คิดว่าจั๋วอวิ๋นฉีที่ปรากฏตัวขึ้นอย่งกะทันหัน แล้วก็หญิงสาวที่ขนยังไม่ทันขึ้นอย่างจั๋วซือหราน จะสามารถมานั่งตำแหน่งนี้ได้ดังนั้นจึงเอ่ยขึ้นว่า "แต่เขาไม่ได้อยู่ในตระกูลมานานแล้วนะ จะมารับผิดชอบได้ที่ไหน...นี่เป็นตำแหน่งของผู้อาวุโสตระกูลเชียว ดูจะรีบร้อนเกินไปหน่อย"จั๋วซือหรานไม่สนใจกับเสียงต่างนางยักไหล่ เอ่ยขึ้นว่า "ข้ายังไงก้ได้ แต่ว่าพวกท่านต้องเข้าใจจุดนี้นะ ตอนนี้พวกท่านต้องการให้ข้ากลับมา อย
จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นด้านใน "ในเมื่อข้ากล้าพูดเช่นนี้ ข้าก็ต้องรู้อยู่แล้ว่าเขาอยู่ทึ่ไหน"จั๋วซือหรานพูดพลางมองไปทางประตูจากนั้นนางจึงดึงไหมกู่ไร้รูปร่างในมือของตนเอง ไม่กู่ค่อยๆ เปลี่ยนจากโปร่งใสจนมีสีกึ่งโปร่งใส เชื่อมออกไปยังนอกประตูจั๋วซือหรานมองไปทางประตู เอ่ยขึ้นเสียงเรียบว่า "เชลยคนอื่นถ้าหลบหนีไปไกลแบบเจ้าเนี่ย คงจะเอาชีวิตไปทิ้งกันหมดแล้ว"ทุกคนตกตะลึงขึ้นมาจากเนื้อหาในคำพูดของนาง...เชลยหรือ?นี่มันสถานการณ์อะไรกัน?จากนั้นจึงเห็นว่า พอจั๋วซือหรานดึงมือ ไหมกู่กึ่งโปร่งใสเส้นนั้นก็ดึงชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาในประตูดูจากเสื้อผ้าของเขาแล้ว ทุกคนล้วนตกตะลึงกันหมด"นี่มัน...นี่ไม่ใช่เชลยจากแดนใต้ที่อยู่ข้างๆ เจ้าก่อนหน้านี้คนนั้นหรือ?""นี่มันเกิดอะไรขึ้น?"จั๋วซือหรานลุกขึ้นมาจากที่นั่ง เดินตรงไปยัง 'ฮาร์วีย์'ยืนอยู่ตรงหน้าเขาชายหนุ่มก้มหน้ามองนาง เส้นผมไม่ยาวนักของเขาถักเป็นเปีย ปลายผมยังห้อยลูกปัดไว้ ผิวหนังสีคล้ำ แม้จะไม่ถึงกับดำ แต่ก็ไม่ใช่ผิวขาวนวลเบ้าตาลึก โหนกแก้มสูงเล็กน้อย จะดูอย่างไร...ก็ล้วนเป็นเอกลักษณ์หน้าตาคนแดนใต้แต่จั๋วซือหรานยืนอยู่ตรงหน้าเขา
"อะไรนะ!" ผู้อาวุโสสามกับผู้อาวุโสห้าพอได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสใหญ่ ก็ยิ่งตกตะลึงขึ้นไปอีกแต่จั๋วซือหรานก็เหมือนจะมองไม่เห็นพวกเขาเสียอย่างนั้นนางมองผู้อาวุโสใหญ่จั๋วหลาน หลังจากนั้นก็เหลือบมองไปทางจั๋วอี้ผู้อาวุโสเจ็ดตอนนี้จึงเอ่ยต่อว่า "เรื่องนี้พวกท่านไม่ต้องกังวล ข้าหาตัวเลือกผู้อาวุโสที่เหมาะสมไว้แล้ว"ผู้อาวุโสสามกับผู้อาวุโสห้าทนไม่ไหวขึ้นอีกครั้ง แต่ต่อให้รู้ว่านางตอนนี้จะสำคัญมากกับตระกูลก็ทนต่อไม่ไหวแล้วจึงก่นด่าจั๋วซือหรานขึ้นมา"เจ้ากล้าดียังไง!" ผู้อาวุโสห้าเดิมทีก็มีนิสัยขี้โมโห ด่ากราดขึ้นมา "เจ้าอย่าคิดว่าตอนนี้เจ้ามีชื่อเสียงขึ้นมาในเมืองหลวง แล้วจะหลงตัวเองจนไม่มีขอบเขตนะ!"ผู้อาวุโสสามไม่ได้ฉุนเฉียวขนาดนั้น แต่ก็มองออกได้ไม่ยากถึงอารมณ์โกรธแค้น พูดจาให้ขุ่นเคืองขึ้นมา "เจ้าคิดว่าหมูหมากาไก่ที่ไหนก็จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสตระกูลได้หรือ?! ตระกูลเราไม่เคยมีผู้อาวุโสหญิงมาก่อนด้วยซ้ำ! ไม่ต้องพูดถึงเด็กสาวที่ขนยังไม่งอกแบบเจ้าเลย!"พอเทียบกับความเดือดดาลของพวกเขาสองคนจั๋วซือหรานกลับนิ่งกว่ามาก "พอเห็นคนแบบพวกท่านมาเป็นผู้อาวุโสตระกูลนี่ล่ะ ดังนั้นถูกต้อง ข้าคิดจ
ทุกคนล้วนมองออก ถ้าพูดจากด้านพลัง จั๋วซือหรานได้เปรียบอย่างสมบูรณ์ต่อให้นางไม่ต้องพูดซ้ำเกรงว่าหลังจากวันนี้ ชื่อของจั๋วซือหรานคงกลายเป็นตำนานมีชีวิตในเมืองหลวงแน่ๆถ้าจะให้พูดจริงๆ นางสู้กับตระกูลใหญ่ห้าตระกูลตามลำพัง แต่ก็ยัง...ไม่พ่ายแพ้แค่คิด ก็รู้สึกว่าเป็นแรงบันดาลใจได้แล้วรถม้าแล่นมาถึงบ้านตระกูลจั๋วรู้สึกเหมือนจากไปเสียนาน แต่พอย้อนนึกดู ก็เหมือนจะไม่ได้นานเท่าไรทว่าตอนนี้ จั๋วซือหรานไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วนางเดินเข้าไปในโถงประชุม ไม่แม้แต่จะมองพวกเขา เดินตรงไปที่นั่งบนสุด แล้วนั่งลงทุกคนล้วนตะลึงงันไปชั่วขณะหนึ่ง ทั้งห้องนิ่งเงียบเป็นเป่าสากเหมือนมีคนรู้สึกว่าสมควรจะตำหนินาง นางขึ้นไปนั่งบนที่นั่งสูงสุดได้อย่างไรกัน?! ที่นั่งสูงสุดบนโถงประชุม มีไว้ให้เหล่าผู้อาวุโสนั่งแต่นางก็นั่งลงแล้ว กระทั่งมองออกไม่ยากด้วยว่านางจงใจยิ่งไปกว่านั้นตำแหน่งที่นางนั่ง ก็เป็นตำแหน่งของผู้อาวุโสสามพอดีแต่เห็นได้ชัด ว่าประสบการณ์ในอดีต ทำให้นางมีความรู้สึกไม่ดีกับผู้อาวุโสสามมากและเพราะการแสดงออกในเมืองหลวงของจั๋วซือหรานยิ่งยอดเยี่ยม ยิ่งโดดเด่นผู้อาวุโสสามกับผู้อาวุโ
สายตาจั๋วซือหรานมองพวกเขาอย่างจืดจางอันที่จริง คนไม่น้อยที่รอจะดูมหรสพ เพราะตอนที่เห็นคนของตระกูลจั๋วมากมายมาที่ประตู รู้สึกว่าน่าจะมีมหรสพให้ดูจึงหยุดลงมาคนไม่น้อยยังรู้สึกว่า ตระกูลจั๋วน่าจะมาหาเรื่องจั๋วซือหราน หรืออาจจะทำอะไร...สรุปคือ สิ่งที่พวกเขารอ คือฉากที่ตระกูลจั๋วกับจั๋วซือหรานไปกันไม่ได้ไม่มีคนคิดถึงภาพระหว่างจั๋วซือหรานกับตระกูลจั๋วอยู่กันด้วยดีอะไรแบบนั้นบางทีคงเพราะ...ไม่เคยมีใครคิด คนที่ทะเลาะกับครอบครัวจนแตกหักไปแล้วแบบนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็คงรู้สึกแย่เอามากๆ นั่นล่ะจะไปมีชีวิตที่ดี แล้วกลับมาถูกตระกูลให้ความสำคัญอีกได้อย่างไรกัน?เพราะล้วนคิดเช่นนี้ ดังนั้นจึงไม่มีใครคิดว่าระหว่างจั๋วซือหรานกับตระกูลจั๋วจะอยู่กันได้ด้วยดีเพียงแต่ตอนนี้ ทุกคนกลับไม่ได้เห็นฉากที่ทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากันอย่างรุนแรงจั๋วซือหรานเอ่ยเสียงเรียบให้พวกเขาหลีกทาง จ้องมองพวกเขาด้วยสายตาเฉยเมยในความเป็นจริง คนของตระกูลจั๋ว ในสายตานางไม่เห็นถึงความทะนงตนใดๆ เลยพวกเขาเดิมทีคิดว่า ตอนที่เห็นพวกเขาเข้ามาอ่อนข้อให้แล้วเชิญนางกลับไป ท่าทีของนางควรจะดูเย่อหยิ่งมากถึงจะถูกแต่กลับไม่มีเล
"โอ้ เห็นว่าคนอื่นเขามากัน ข้าก็อยากจะมาหนุนหน้าให้เจ้าเหมือนกันสิ" ฮั่วจือโจวเอ่ยขึ้น รอยยิ้มในดวงตาเปล่งประกาย "พอดีเลย เจ้านี่อยากจะมาขอบคุณเจ้าด้วยเหมือนกัน"ฮั่วจือโจวชี้ไปที่ฮั่วชิงหยวน"ขอบคุณหรือ?" จั๋วซือหรานไม่ค่อยเข้าใจ "ขอบคุณเรื่องอะไร?""เยอะเลย" ฮั่วจือโจวเอียงตาเหลือบไปทางฮั่วชิงหยวน บอกกับนางว่า "ให้เขาบอกเองดีกว่า"จั๋วซือหรานมองไปทางฮั่วชิงหยวนฮั่วชิงหยวนเกาหัวอย่างเขินๆ แต่ดวงตาก็เปล่งประกายวิบวับอยู่ตลอด คอยจ้องมาทางจั๋วซือหรานเป็นระยะ เอ่ยขึ้นตรงๆ ว่า "แม่นางจิ่ว ถ้าไม่มีท่าน ข้าคงถูกชินอ๋องอวี้หลอกใช้ไปนานแล้ว ถึงแม้ข้าจะไม่ค่อยฉลาดนัก แต่ก็ไม่ชอบถูกคนใช้ประโยชน์เท่าไร""ยิ่งไปกว่านั้น..." ฮั่วชิงหยวนหัวเราะเหอะๆ "ด้วยความช่วยเหลือของท่าน แม้ว่าทรัพยากรข้าจะไม่ได้ดีเด่อะไร แต่ก็ถือว่าเป็นทรัพยากรที่ไม่เลว"จั๋วซือหรานฟังคำพูดนี้ก็นึกๆ ก็เข้าใจว่าเขาน่าจะพูดถึงการร่วมมือของนางกับตระกูลฮั่ว ยาลูกกลอนที่มอบให้เหล่านั้นกระมัง"ดังนั้นไม่ว่าอย่างไร ข้าก็ต้องมาขอบคุณท่านด้วยตัวเองสักครั้ง ขอบคุณมาก" ฮั่วชิงหยวนเก็บรอยยิ้มบนหน้าลง เอ่ยขึ้นด้วยสายตาจริงจังจั๋ว
จั๋วซือหรานต้องการอะไร ก็จะขอออกมาตรงๆจุดนี้ ไม่ได้ทำให้องค์จักรพรรดิเฒ่ารำคาญน่าจะเพราะถูกซือคงอวี้วางแผนใส่มานาน พอโดนไปมากๆ เข้า จักรพรรดิเฒ่าตอนนี้จึงรู้สึกต่อต้านพวกคนคดเคี้ยวกับเรื่องราวที่ซับซ้อนขึ้นมาโดยสัญชาตญาณดังนั้นจั๋วซือหรานที่นิสัยตรงไปตรงมาแบบนี้ กลับยิ่งสอดคล้องกับเจตนาของเขามากขึ้นองค์จักรพรรดิเฒ่าฟังคำนี้แล้วก็นึกๆ จากนั้นก็เข้าใจขึ้นมา "ข้าจำได้แล้ว ก่อนหน้านี้เจ้าเคยไปหาไทเฮาเรื่องขอพระราชทานอภิเษกไว้ใช่ไหม?""ใช่แล้ว" จั๋วซือหรานยิ้มตาโค้งเอ่ยขึ้น "ฝ่าบาททรงจำได้ด้วย จั๋วจิ่วรู้สึกเป็นเกียรติยิ่งนัก""ทำไมหรือ? เจ้าต้องตาใครเข้าแล้วล่ะ?" ซือคงเหมี่ยนรู้สึกสนใจขึ้นมาจั๋วจิ่วคนนี้ กระทั่งน้องเจ็ดก็ยังไม่ชายตามอง...แล้วไปต้องตาใครเข้ากันนะ? คงจะไม่ใช่ซื่อจื่อเฟิงกระมัง? นี่จะซื่อตรงเกินไปแล้วซือคงเหมี่ยนครุ่นคิด ตอบว่า "ยัยหนูจั๋วจิ่ว ถ้าหากอีกฝ่ายหมั้นหมายไปแล้ว ข้าเองก็ไปทำลายงานแต่งงานคนอื่นไม่ได้หรอกนะ"พอได้ยินคำนี้ อ๋องเซี่ยนที่ขี่ม้าอยู่ข้างๆ รถองค์จักรพรรดิเฒ่ามาตลอดก็ถอนใจโล่ง แม้ว่าเขาจะไม่รู้ก็ตามว่าถอนใจโล่งทำไมและจั๋วซือหรานพอได้ยินคำน
แม้จะบอกว่า จั๋วซือหรานตอนที่ประลองกับซางถิงในตลาดมืด จะเคยใช้สัตว์เลี้ยงไปแล้วตามหลักการน่าจะมีคนไม่น้อยที่รู้จักสัตว์อสูรของนางแต่เพราะตอนนั้น ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะมองเห็นนี่ไม่ได้เหมือนในชาติที่แล้วของนาง ที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายรูปโพสไปบนเน็ตได้นี่ล้วนเป็นการลือกันแบบปากต่อปาก คนส่วนใหญ่เคยชินกับข่าวแบบนี้ที่มักจะพูดกันเกินจริง ดังนั้นบางคนก็ไม่ค่อย หรือเชื่อบ้างไม่เชื่อบ้างก็ตามทีแต่ตอนนี้ ทุกคนได้เห็นกับตาแล้ว"หรือว่า...กระทั่งตระกูลซาง...ก็ยังแพ้นางมาแล้ว"อิงเซ่าขี่ม้าเข้ามารับ เขาดูตื่นเต้น ใบหน้าแดงก่ำไปหมดพอมาอยู่ตรงหน้าจั๋วซือหรานจั๋วซือหรานจึงเก็บแมงมุมลงมา ยืนอยู่บนพื้นอิงเซ่าพลิกตัวลงจากม้า "แม่นางจิ่ว! ข้ารู้อยู่แล้ว ว่าถ้าท่านออกโรงต้องสำเร็จ"จั๋วซือหรานเอียงหัวไปทางด้านหลัง "คนของท่าน พากลับมาไม่ขาดแม้แต่คนเดียว บาดเจ็บไปหลายคน แต่ก็ไม่ได้หนักหนาอะไร""ดี!" อิงเซ่าพยักหน้า พูดต่อกันว่า "ดีดีดีมาก!"ตอนนี้ อันที่จริงอย่าว่าแต่เหล่าขุนนางชนชั้นสูงกับพวกราชวงศ์ที่ออกันเต็มประตูเมืองเลยกระทั่งเหล่าประชาชนที่มามุงดูก็ยังเข้าใจ ว่าแม่