Share

บทที่ 452

Author: หูเทียนเสี่ยว
“โห--!” คนคนหนึ่งส่งเสียงการหายใจไม่คล่องจากลำคอ ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความตกใจ เหมือนเขาไม่คาดคิดว่าจั๋วซือหรานจะทำเช่นนี้

ส่วนอีกคนหนึ่งถูกบีบจนหายใจไม่คล่อง บัดนี้ใบหน้าของเขาแดงก่ำและคอเริ่มหนา

การกระทำของคนทั้งสองคือการเอื้อมมือไปแงะมือของ จั๋วซือหรานออกจากคอของพวกเขา เพื่อให้นางไม่บีบคอพวกเขาเช่นนี้ต่อ

แต่พวกเขาไม่สามารถหลุดพ้นจากความแข็งแกร่งของ จั๋วซือหรานเลย

และพวกเขารู้สึกว่าเมื่อเล็บของพวกเขากำลังเจาะเข้าไปในมือของจั๋วซือหราน มันเหมือนกับว่าพวกเขากำลังขุดเข้าไปในหยกหรือเครื่องลายครามบางชนิด เรียบและแข็ง

พวกเขาไม่สามารถทำให้มือของนางรับบาดเจ็บใด ๆ

จั๋วซือหรานกดคนสองคนเข้ากับกำแพง จากนั้นนางเอียงหัวและมองดูคนสองคนที่อยู่ข้างหน้านาง

แม้ว่าพวกเขาสวมเสื้อผ้าของแคว้นชาง แต่รูปร่างหน้าตาของพวกเขาก็มีลักษระต่างแดนอย่างเห็นได้ชัด

จั๋วซือหรานเลิกคิ้ว "พวกเจ้าเอง"

พวกเขาทั้งสองตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เหมือนพวกเขากำลังสับสนอย่างสิ้นเชิง พวกเขาไม่ได้คาดคิดว่า จั๋วซือหราน จะพูดเช่นนี้ ฟังดูเหมือน...นางรู้จักพวกเขาเช่นนั้นหรือ

“เจ้า... รู้จักเราหรือ” หนึ่งในนั้นอาจจะสับสนเล็กน้อย
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 453

    ดวงตาของพวกเขาหดลง พวกเขาไม่กล้ามองเข้าไปในดวงตาของจั๋วซือหรานจั๋วซือหรานดูดวงตาที่หดตัวของพวกเขา นางยิ้มจาง ๆ ไม่มีความอบอุ่นในรอยยิ้มของนางร้อยยิ้มนี้ทำให้พวกเขาทั้งสองรู้สึกพวกเขากำลังตกเป็นเป้าหมายของนักล่าที่กระหายเลือดมันน่าทึ่งมาก เด็กผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าของพวกเขาดูอ่อนโยนและไม่เป็นอันตรายเหมือนกับสัตว์กินพืชตัวเล็ก ๆแต่รัศมีที่เล็ดลอดออกมาจากร่างกายของนางทำให้ผู้คนรู้สึกดุร้ายและน่ากลัวยิ่งกว่าสัตว์ร้ายจั๋วซือหรานมองไปที่พวกเขาครู่หนึ่ง นางไม่รอคำตอบของพวกเขา นางพยักหน้าและพูดว่า "หากพวกเจ้าไม่ปฏิเสธ ข้าก็ถือว่าพวกเจ้ายอมแล้ว"ทันทีที่นางพูดเช่นนี้ หนึ่งในนั้นก็มีปฏิกิริยาและรู้ทันที บางทีพวกเขาปฏิเสธก็ได้เขารีบถาม “แล้วหากข้าปฏิเสธล่ะ”จั๋วซือหรานยกริมฝีปากขึ้นและยิ้ม เห็นได้ชัดว่านั่นเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เล็กน้อย เหมือน... นางจงใจล้อเลียนพวกเขานางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และพูดว่า "ข้าจะทำตัวเหมือนไม่ได้ยินคำปฏิเสธของเจ้า"ดวงตาของชายคนนี้ก็นูนขึ้นทันที อาจเป็นเพราะเขาไม่คิดว่าจะมีคนไร้เหตุผลขนาดนี้จั๋วซือหรานปล่อยคนคนหนึ่ง จากนั้นบุคคลนั้นก็กลอกตา เขาอาจคิดจะหนี

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 454

    การแสดงความกลัวที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อนเมื่อเผชิญหน้ากับจั๋วซือหราน ตอนนี้มองเห็นได้ชัดเจนบนใบหน้าของพวกเขาจั๋วซือหรานรู้สึก... ดูเหมือนพวกเขาจะกลัวจนฉี่ราดนางเลิกคิ้วและยื่น 'ขนมชาม' ไปที่ข้างหน้าพวกเขา “พวกเจ้ากลัวมันขนาดนี้หรือ”หนอนตัวเล็กที่น่าสมเพชนี้อยู่ในมือของนาง ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ นางชอบบีบมันมาก ในสายตาของพวกเขา ดูเหมือนมันเป็นนักฆ่าที่โหดเหี้ยม“เอาไป...เอาไปให้ไกล...เอาไปไกล ๆ ...ไปไกล ๆ ” หนึ่งในนั้นถึงกับหวาดกลัวอย่างมาก เขาทำเสียงแหลมเหมือนไก่กาส่วนอีกคนหนึ่งพูดไม่ได้และดูซีดเซียวเมื่อเห็นสภาพของพวกเขา จั๋วซือหรานก็อดไม่ได้ที่ต้องเลิกคิ้ว "ในเมื่อพวกเจ้ากลัวมาก..."แล้วเรื่องต่าง ๆ จะจัดการได้ง่ายจั๋วซือหรานถาม "บอกฉันได้ไหมว่าหนอนตัวนี้คืออะไร มันชื่ออะไร องค์หญิงของพวกเจ้าเอาหนอนตัวนี้มา นางอยากทำอะไรกันแน่ นางแค่สมรู้ร่วมคิดกับซือคงยวี่ เพื่อทำให้สถานการณ์ในเมืองหลวงวุ่นวา.....หรือมีแผนใหญ่กว่านี้"แม้ว่าหนึ่งในนั้นจะมีสีหน้าซีดเซียว แต่ดูเหมือนว่าเขายังไม่หวาดกลัวถึงขั้นที่พังสลาย ดังนั้นเขายังสามารถอดกลั้นและไม่พูดอะไรได้เขาแค่กัดฟันแล้วพู

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 455

    จั๋วซือหรานคิดไม่ถึงเลยว่า 'ขนมชาม' ตัวนี้จะมีประโยชน์ขนาดนี้หรือเพราะเมื่ออยู่ตรงหน้านาง มันดูไม่เป็นอันตรายมากแต่ดูเหมือนเมื่อพวกเขาเผชิญหน้ากับมัน ความกลัวนั้นจะแทรกซึมลึกเข้าไปในกระดูกของคนสองคนนี้จั๋วซือหรานไม่ได้ขู่ต่อ แต่ชายคนนั้นได้พูดไปแล้วว่า "นี่... นี่คือพิษกู่ร้อยไหม นี่... นี่คือพิษกู่จากหุบเขาหมื่นพิษ"เขาร้องไห้หลังจากเริ่มพูด และคำพูดของเขาค่อนข้างแก้มยุ้ย “ข้า...ข้าไม่รู้ ข้าไม่รู้จะพูดอะไร ถามข้าเถิด ถามอะไรก็ได้ที่เจ้าอยากรู้” ... …”จั๋วซือหรานเลิกคิ้ว "เจ้ากลัวขนาดนี้ มันต้องไม่ธรรมดาแน่ ๆ ก่อนหน้านี้ ข้ามองออกแล้วว่าพิษกู่ตัวนี้ไม่ธรรมดาเลย เจ้าช่วยบอกรายละเอียดหน่อยได้ไหมว่ามันใช้ทำอะไร"“มัน... มันเป็นพิษกู่ระบาดชนิดหนึ่ง” ชายคนนั้นรีบอธิบาย “แม่กู่สามารถแยกส่วนย่อยจำนวนมาก ซึ่งใช้ในการควบคุมทุกคนที่ติดอาคมหนอนพิษกู่ ในตอนแรกมันจะส่งผลต่อแขนขาเพียงชั่วคราวเท่านั้น หลัง ๆ ผู้คนจะค่อย ๆ สูญเสียสติสัมปชัญญะไป และควบคุมตัวเองไม่ได้”“มันรักษาให้หายขาดได้หรือไม่” จั๋วซือหรานถาม“ได้...รักษาให้หายขาดได้ แต่เราไม่รู้ว่าจะรักษามันอย่างไร” ชายผู้นั้นพูดอย่างต

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 456

    “ไม่ ไม่ได้แล้ว” ชายคนนั้นตอบจั๋วซือหรานรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย “เยี่ยมมาก ข้าเหนื่อยมากกับวิธีที่ข้าถามพวกเจ้าและเจ้าค่อยตอบคำถามข้าแล้ว หากเจ้าอยากบอก เจ้าพูดมาเอง หากไม่อยากบอก ข้าจะยัดแม่กู่ตัวนี้เข้าในปากของเจ้าเลย เจ้ามีโอกาสเพียงครั้งเดียวเท่านั้น”ทันใดนั้นดวงตาของชายคนนั้นก็เบิกกว้าง และในที่สุดเขาก็พูดอย่างคล่อง ไม่เหมือนก่อนหน้านี้ที่เขาพูดติดอ่าง "เมื่อถูกติดเชื้อจากแม่กู่ของพิษกู่ร้อยไหม จะรักษาให้หายขาดไม่ได้แล้ว และว่ากันว่าคนที่ติดเชื้อจากแม่กู่นั้นต้องตายแน่นอน เพียงแต่ เพียงแต่... การที่ถูกวางอาคมหนอนพิษกู่ตัวนี้จะไม่ตายทันที แต่จะถูกอาคมหนอนพิษกู่ ทรมานต่อไปจนนาทีสุดท้าย”“เพราะ เพราะว่าพิษกู่ร้อยไหมนี้เป็นพิษที่ถูกกลั่นไม่สำเร็จ เมื่อกลั่นพิษกู่ร้อยไหมชนิดนี้ได้ ท่านไม่มีความตั้งใจที่จะกลั่นมันให้กลายเป็นอาคมหนอนพิษกู่ที่รักษาไม่หาย แต่ไม่ว่าท่านจะพยายามแค่ไหน ท่านก็ไม่สามารถกลั่นมันให้สมบูรณ์ ดังนั้นท่านเลยนำเอามาใช้ในสภาพนี้”“แต่เดิม คาดว่าพิษกู่ร้อยไหมที่กลั่นสำเร็จจะสามารถควบคุมความคิดของผู้คนได้โดยไม่ทำให้คนเสียชีวิต มันจะเป็นเหมือนหุ่นเชิด”"แต่เมื่อเทีย

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 457

    “เมื่อครู่นี้ข้าถามอะไรอีกล่ะ โอ้ ใช่แล้ว องค์หญิงของพงกเจ้านำตัวนี้มาเมืองหลวง นางอยากทำอะไรกันแน่ นางแค่สมรู้ร่วมคิดกับซือคงยวี่ และพยายามทำให้สถานการณ์ในเมืองหลวงวุ่นวาย... หรือมีแผนอะไรที่ใหญ่กว่านี้"ทันทีที่จั๋วซือหรานพูดเช่นนี้ แม้ว่าทั้งสองคนจะมีความลังเลอยู่บ้าง แต่ความกลัวพิษกู่ร้อยไหมมากกว่าพวกเขารีบตอบคำถามของจั๋วซือหราน "ครั้งนี้นักปราชญ์หญิงต้องการช่วยเหลืออ๋องชินยวี่แห่งแคว้นชางจริง ๆ ดังนั้นท่านจึงนำพิษกู่ร้อยไหมนี้ เพื่อก่อความวุ่นวายอันร้ายแรงในเมืองหลวง""โอ้ นางยังเป็นนักปราชญ์หญิงแห่งดินแดนทางใต้ของพวกเจ้าหรือ” จั๋วซือหรานถาม “นางคงไม่ใช่แค่อยากก่อความวุ่นวายในเมืองหลวงอย่างเดียวหรอกนะ นางลองมือกับตระกูลเฟิง นางอยากให้ตระกูลเฟิงติดหนี้บุญคุณของนางไม่ใช่หรือ"“ใช่ หากนักปราชญ์หญิงได้ช่วยเหลือฮ่องเต้ และได้ช่วยตระกูลเฟิงไว้ หลังจากอ๋องชินยวี่ขึ้นบัลลังก์ องค์ชายก็จะสามารถสั่งนักปราชญ์หญิงหมั้นกับซื่อจื่อของตระกูลเฟิง ”เมื่อชายคนนั้นพูดถึงจุดนี้ เขามองจั๋วซือหรานอย่างระมัดระวังและพูดต่อด้วยเสียงต่ำ "ท้ายที่สุดแล้ว... ท่านรักษาอาการบาดเจ็บของซื่อจื่อของตระกูลเฟิ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 458

    ชายที่ยืนอยู่ข้างหน้าพูดด้วยเสียงต่ำจากใต้หน้ากาก "ทำไมจะไม่ได้"“ก็ไม่ใช่เจ้าไม่ได้ ข้าแค่รู้สึกปลื้มใจนิดหน่อย” จั๋วซือหรานก้มตาและยิ้มแม้ว่าชายคนนั้นมองผ่านรูตาของหน้ากาก แต่ก็ยังทำให้คนรู้สึกสายตาของเขาลึกซึ้งและเฉียบคมอย่างมาก เขามองจั๋วซือหราน "หากข้าไม่มาดูหน่อย เจ้าคงเอาที่พักของชิ่งหมิงมาเป็นที่หลบภัยแล้วกระมัง"เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ จั๋วซือหรานรู้แน่นอนว่าชายคนนี้ต้องรู้เรื่องที่นางส่งท่านแม่ของนางและท่านอ๋องเซี่ยนมาพักที่นี่แล้วจั๋วซือหรานยิ้มอย่างเขินอายชายคนนั้นกล่าวต่อ “ท่านแม่และน้องชายของเจ้ามาพักที่นี่ ไม่เป็นไรหรอก แต่ลูกหลานของราชวงศ์เป็นเรื่องอะไร”จั๋วซือหราน บอกได้เพียงแค่ฟังน้ำเสียงของชายคนนั้นว่าคิ้วของเขาภายใต้หน้ากากจะต้องขมวดคิ้วแน่นมากจั๋วซือหรานกล่าวว่า "ก็...ข้าทำผิดเอง"นางยอมรับความผิดของนางอย่างไม่ลังเลนางยอมรับความผิดของนางรวดเร็วเช่นนี้ ซึ่งทำให้ชายผู้นี้รู้สึกตอบสนองไม่ทันเขาเงียบไปสองสามวินาโดยไม่รู้ว่าจะพูดอะไรจั๋วซือหรานกล่าวต่อ "เพราะข้าซื่อสัตย์ ใจดี และมีจิตใจอ่อนโยน"มุมปากของจั๋วซือหรานยังคงโค้งเล็กน้อยชายคนนั้นยืนอยู่

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 459

    ทันใดนั้นสองคนนี้ตัวสั่นและร้องขอความเมตตา "อย่าฆ่าข้า อย่าฆ่าข้า"จั๋วซือหรานไม่ได้มองพวกเขา เพียงแค่มองไปที่เวินป๋อยวนเวินป๋อยวนเงียบไปสองสามวินาทีแล้วมองนางอย่างไร้ความรู้สึก “เจ้าเล่ห์ หากพวกเขาตายที่นี่ ข้ายังต้องจัดการกับศพของพวกเขา”“ขอบคุณที่ท่านชื่นชม” จั๋วซือหรานกล่าวด้วยรอยยิ้มจากนั้นเวินป๋อยวนเปิดประตูลับแล้วพานางเข้าไปชายทั้งสองฟังจากคำพูดของเวินป๋อยวน พวกเขาจึงฟังออก จั๋วซือหรานบอกว่าฆ่าพวกเขาตาย จริง ๆ แล้วอาจเป็นเพราะนางรู้ว่าใต้เท้าของหน่วยสืบสวนพิเศษผู้นี้จะไมยอมที่จะปล่อยให้พวกเขาตายต่อหน้าหน่วยสืบสวนพิเศษนางจึงตั้งใจพูดเช่นนี้แม้ว่าพวกเขาไม่รู้ว่าใต้เท้าท่านนี้ที่อยู่ตรงหน้าของพวกเขามีตำแหน่งอะไรในหน่วยสืบสวนพิเศษ แต่เขาดูลึกลับมาก ท่านผู้นี้คงมีความสามารถอย่างมากอย่างน้อยเขาไม่ใช่บคนธรรมดา... คนที่สามารถทำให้รักษสหญิงคนนี้ยิ้มและปฏิบัติอย่างสุภาพได้ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ ๆตอนนี้ในหัวใจของพวกเขา พวกเขามีฉายาให้จั๋วซือหรานโดยเฉพาะ นั่นก็คือรักษสหญิงยิ่งไปกว่านั้น หลังจากสองคนนี้ถูกจั๋วซือหรานลากเข้าไปในหน่วยสืบสวนพิเศษ พวกเขาจึงรู้ตัวดูเหมือนเมื่

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 460

    เวินป๋อยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย เขาเหลือบมองจั๋วซือหราน จากนั้นเขามองชิ่งหมิง “หากข้าอยากห้ามนางจริง ๆ นางจะเข้ามาได้หรือ แล้วตอนนี้นางจะอยู่ที่นี่ได้หรือ”เดิมทีชิ่งหมิงรู้สึกป๋อยวนพูดถูก แต่แต่เขาคิดในอีกแง่หนึ่ง...จากนั้นเขาก็พูดว่า "มันก็ไม่ใช่...เป็นไปไม่ได้ ซือหราน...เก่งมาก..."ชิ่งหมิงพูดอย่างไม่ลังเล ขณะที่เขาพูด เขายังหันไปมองจั๋วซือหราน“ ฮูหยินจั๋วและเสี่ยวหวายพักผ่อนกันหมดแล้ว อาการบาดเจ็บของอีกคนหนึ่ง… ดูเหมือนเจ็บปวดสาหัส ข้าไป... ขอขอยาหนึ่งเม็ด...จากป๋อยวนให้เขาแล้ว ตอนนี้.......เขาคงดีขึ้นมากนัก”จั๋วซือหรานคิด ไม่น่าแปลกใจเลยที่เวินป๋อยวนรู้เรื่องนี้จากนั้นชิ่งหมิงมองไปที่จั๋วซือหราน เขาเห็นคราวนี้ นางพาคนมาที่นี่อีกสองคน เขาไม่ได้คิดอะไรมากมาย ดังนั้นเขาจึงถาม "สองคนนี้จะพักที่นี่เช่นกันหรือ"จั๋วซือหรานตอบ "โอ้ เปล่า หาคุกหรือห้องเก็งฟืนอะไรให้พวกเขาพอ"ชิ่งหมิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง "ฮะ ไม่ใช่... เพื่อนของเจ้าหรือ"“จ้ะ” จั๋วซือหรานกล่าว “ศัตรู และรอหาโอกาสฆ่าข้าด้วย”ในความเป็นจริง พวกเขาทั้งสองฟังจากคำพูดที่จั๋วซือหรานพูดกับชิ่งหมิงและเวินป๋อยวน พวกเขาพอฟัง

Latest chapter

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1110

    "ใช่แล้ว น้องชายของแม่นางเราถูกพาตัวไป เป็นฝีมือของสำนักเมฆาวารี เป้าหมายการเดินทางครั้งนี้ของแม่นางก็คือเรื่องนี้" เจิ้นเจียงเอ่ยขึ้น น้ำเสียงฟังแล้วดูกังวลหน่อยๆ"แม่นางอยู่ที่เมืองหลวงแม้จะประสบความสำเร็จในทุกที่ แต่ถึงอย่างไรครั้งนี้มาอยู่ในสถานที่แปลกหน้า ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องเผชิญหน้ากับสำนัก ดังนั้นแม่นางจึงต้องยิ่งเตรียมตัวอย่างระมัดระวัง..."เจิ้นเจียงเองก็น่าจะไม่มีใครที่พูดด้วยได้ ในใจอดกลั้นไว้ไม่น้อย พวกเชลยที่คุณหนูจับมาก่อนหน้านั้น ไม่ว่าอย่างไรก็ล้วนเป็นคนของสำนักเมฆาวารี เขาเองก็พูดอะไรด้วยไม่ได้คนคุ้มกันตระกูลเหอที่คุณหนูพากลับมาพวกนั้น ก็ยังได้รับบาดเจ็บอยู่ พูดอะไรไม่ได้ด้วยเช่นกันดังนั้นตอนนี้ พอเจอกับผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตคุณหนู จึงเหมือนกับเปิดประตูน้ำออกอย่างไรอย่างนั้นขณะที่พูดแรงก็เริ่มมา ไม่วา่จะเรื่องที่คุณหนูออกจากเมืองหลวงอย่างไร รับมือกับพวกลอบโจมตีอย่างไร จัดการแก้ไขวิกฤติ รับมือกับอีกฝ่าย จับคนของสำนักเมฆาวารีมาเป็นเชลยอย่างไรหลังจากมาถึงเมืองหยางแล้วรับมือกับตระกูลเหออย่างไร เล่าออกมาจนหมดและขณะที่ 'คุณชายเยี่ยน' กำลังกินข้าวอย่างไม่รีบไม่

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1109

    จั๋วซือหรานตอนที่ควรบ้าก็จะบ้า แต่อันที่จริงถ้าพูดขึ้นมา นางเองก็ไม่ได้มีนิสัยพูดจาใหญ่โตดังนั้นก่อนหน้าจึงไม่คิดจะพูดเรื่องนี้ออกมาโดยละเอียด และเพราะตอนนี้ยังเป็นแค่ความคิดเริ่มต้นเท่านั้น ยังไม่ได้เริ่มเขียนเส้นแรกเลยด้วยซ้ำแต่ต่อให้ในใจตนเองคิดไว้ดิบดี ต่อให้ตนเองเข้าใจวิชาหุ่นเชิดอย่างถ่องแท้ แล้วสามารถใช้ไหมกู่มาควบคุมหุ่นเชิดได้จริงล่ะก็...การจะสร้างกองกำลังหุ่นเชิดของตนเองออกมา ก็ไม่ใช่เรื่องอะไรที่เป็นไปไม่ได้แต่ว่าเนื่องจากยังไม่ทันได้เริ่มอะไรทั้งนั้น ดังนั้นจึงแค่คิดไว้ในใจตนเอง ยังไม่ถึงเวลาที่จะพูดออกมาเพียงแต่สำหรับเหล่าก้อนเนื้อของตนเอง ถึงอย่างไรพวกมันก็คงไม่เอาไปบอกใครอยู่แล้ว ดังนั้นการที่นางเอ่ยขึ้นมา ปัญหาจึงไม่ได้ใหญ่โตอะไรจั๋วซือหรานใช้เวลาไปพักหนึ่งอย่างตั้งอกตั้งใจ จัดการคัดลอกอักขระคำสาปทั้งหมดบนตะปูวิญญาณ วงแหวนวิญญาณ แล้วก็บนตัวของหุ่นเชิดความมืดออกมาค้นคว้านี่เป็นงานละเอียด จำเป็นต้องใช้เวลาเว้นเรื่องความยุ่งวุ่นวายในมิติของนางไปก่อนเวลานี้ อีกด้านหนึ่งในโถงหน้าของโรงเตี๊ยม ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลานั่งอยู่หน้าโต๊ะ กำลังกินอาหารบนโต๊ะอย่างไ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1108

    จั๋วซือหรานมองตะปูวิญญาณสีดำในมือเล่มนั้น ตรงหน้ายังมีร่างของหุ่นเชิดความมืดนอนอยู่ตะปูวิญญาณของมันถูกจั๋วซือหรานดึงออกมาแล้ว วงแหวนสีดำบนมือกับเท้าก็ถูกจั๋วซือหรานรื้ออกมาเพื่อจะค้นคว้าดังนั้นตอนนี้มันจึงเป็นแค่ร่างเปลือกที่ไม่มีชีวิตเท่านั้นจั๋วซือหรานตรวจสอบอักขระคำสาปประหลาดซับซ้อนเหล่านั้นบนตะปูวิญญาณอย่างละเอียด ค้นคว้าอย่างตั้งใจ ดินสอในมือตวัดไม่หยุด คัดลอกอักขระคำสาปเหล่านั้นมาทั้งหมดอย่างครบถ้วนส่วนพวกก้อนเนื้อสีต่างๆ ก็นั่งเรียงกันอยู่บนไหล่นางซ้ายขวาฝั่งละสาม บนหัวยังมีอีกตัวหนึ่ง อยู่ด้วยกันกับนาง จ้องมองอักขระคำสาปบนตะปูวิญญาณเหล่านี้อย่างตั้งใจเพียงแต่พวกมันอ่านไม่เข้าใจเท่านั้นแต่ก็ยังอยากรู้อยากเห็น"นายท่านจะ...ทำ ทำอะไรหรือ?" ขนมปุยเมฆถามขึ้นเสียงแผ่ว เพราะมันมันอยู่ในสภาพดังเดิมที่สุดมาตลอด ยังไม่ได้ย้อมสีอะไรเลยดังนั้นจนถึงตอนที่จั๋วซือหรานพาพวกมันไปกลืนกินแมลงกู่ของพวกปรมาจารย์กู่พรมแดนใต้ก่อนหน้านี้ ขนมปุยเมฆจึงเพิ่งได้รับการวิวัฒนาการ ถึงพูดได้ขึ้นมาก่อนหน้านี้ทำได้แค่เปล่งเสียงออกมาเป็นพยางค์ๆ ไม่ค่อยชัดเจนเท่านั้นความคิดของขนมถั่วแดงปราดเป

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1107

    ความสามารถของนางถึงอย่างไรพออยู่ที่นั่น ก็ถูกลิขิตไว้แล้วไม่ให้นางเป็นคนธรรมดา สุดท้ายก็ต้องถูกจับตาอยู่ดีชาตินี้เป็นเช่นนี้ ชาติก่อนก็เช่นกันคนธรรมดาพอมีหยกก็มีความผิด นางแบกความสามารถเช่นนี้ไว้ ก็ถูกกำหนดให้คนอื่นต้องคอยจับจ้องไว้เป็นธรรมดาไม่ว่าจะโลกไหน ไม่ว่าจะเส้นทางไหน ก็ไม่เคยขาดคนหรือองค์กรที่มีความคิดที่ว่า "ถ้าไม่ได้มาก็จะทำลายทิ้ง"ที่ไหนก็มีทั้งนั้นจั๋วซือหรานชาติที่แล้วก็เจอกับสถานการณ์อันตรายมาด้วย ไม่เช่นนั้นไม่มีทางตายอย่างเวทนาจนข้ามภพมาที่นี่สรุปคือ จั๋วซือหรานเคยนำวัตถุที่ปล่อยสารกัมมันตรังสีได้เข้ามาแล้วในอันตรายจากชาติที่แล้วตอนนั้นนางสะบัดโยนเข้ามาในมิติ เนื่องจากสถานการณ์เร่งด่วน และไม่มีตัวเลือกอื่นที่ดีกว่านี้แล้วนางยังคิดว่าจบเห่แล้วด้วยซ้ำ แค่รังสีของสารกัมมันตรังสีพวกนั้น ระยะเวลาในการย่อยสลายน่าสะพรึงมาก คิดว่าตนเองคงกลายเป็นฟอสซิลไปแล้ว สารกัมมันตรังสีพวกนั้นก็ยังไม่หายไปไหนด้วยซ้ำและในมิติของตนเอง ก็เป็นเหมือนแดนสวรรค์เขียวชอุ่มนอกโลก...ถ้าหากพื้นดินถูกปนเปื้อน แหล่งกำเนิดน้ำถูกปนเปื้อนล่ะก็จบเห่กันพอดีนางกอดความคิดสิ้นหวังเข้ามิติมา

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1106

    "เสร็จแล้ว พวกเจ้าค่อยๆ พักฟื้นไป เดี๋ยวพอพวกกองหนุนสำนักเมฆาวารีพวกนั้นของผู้เฒ่าเหอมาถึง พวกเราค่อยออกเดินทาง เรื่องนี้สำหรับข้ามันสำคัญมาก จะล่าช้าไม่ได้เด็ดขาด"จั๋วซือหรานเหลือบมองเขาผาดหนึ่ง "ดังนั้นเวลาพักฟื้นของพวกเจ้าเดิมทีก็เหลือไม่มากแล้ว อย่าไปทำอะไรบ้าๆ บอๆ อีก""รับทราบ!" เหลียนเจินขานรับเสียงขรึม"ข้าจะรักษาให้พวกเขา จากนั้นเจ้าก็เอายาทาให้พวกเขาเสีย แค่อย่าไปทำอะไรบ้าๆ บอๆ ทายาตามเวลา ไม่นานก็หายดีแล้ว"จั๋วซือหรานหลังจากรักษาคนคุ้มกันไปหลายคน ก็กลับมาที่ห้องตนเอง ไปค้นคว้าบัวเจ็ดดอกเจ็ดใบแกนกลางเทียนเจ้าสิ่งนี้ล้ำค่ามากจริงๆ แต่ในเมื่อเขาให้นางมาแล้ว นางเองก็พอจะรับได้อยู่ ดังนั้นจึงไม่ต้องเกรงใจเกินไปนักตอนที่จั๋วซือหรานย้ายบัวเจ็ดดอกเจ็ดใบแกนกลางเทียนไปปลูกที่ดินในมิติแล้ว ราชาแมงมุมหน้าผีกับแมงมุมหน้าผีตัวอื่นๆ แล้วก็แมงมุมกู่ ก็มาล้อมอยู่ข้างๆ นางแมงมุมที่ขนาดใหญ๋กว่าปกติหลายเท่า ล้อมนางเอาไว้ ฉากนี้ถ้าหากคนอื่นมาเห็น ก็คงรู้สึกหวาดผวาขึ้นแน่ๆแต่สีหน้าของจั๋วซือหรานก็นิ่งอย่างมาก กระทั่งบนหน้ายังยิ้มละไม หลังจากปลูกบัวเจ็ดดอกเจ็ดใบแกนกลางเทียนไว้ในดินแล

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1105

    ด้วยนิสัยซื่อสัตย์ภักดีของพวกเขา ถ้าหากจั๋วซือหรานคิดจะตั้งชื่อเหล่านี้ให้พวกเขาจริงๆไม่แน่พวกเขาอาจจะต้องบีบจมูกยอมรับไปจริงๆแต่ชื่อเหล่านี้มันดูจะ...ดังนั้นจึงคิดวิธีที่จะดิ้นรนต่ออีกหน่อย"กลัวหรือ?" จั๋วซือหรานเลิกคิ้วมองพวกเขาหัวหน้าคนคุ้มกันพยักหน้าหงึกหงักจั๋วซือหรานเอ่ยขึ้น "พวกเจ้าบาดเจ็บขนาดนี้ยังกล้าตักน้ำมาเช็ดมาล้างได้ ข้าคิดว่าพวกเจ้าจะกล้าจนไม่กลัวอะไรแล้วเสียอีก ทำไมแค่ชื่อผลไม้แค่นี้ก็ยังกลัวกัน?"หัวหน้าคนคุ้มกันฟังไม่เข้าใจเสียที่ไหน แม่นางจงใจทำให้พวกเขาตกใจ เพื่อจะลงโทษพวกเขาที่เมื่อครู่พูดกันว่าจะจัดการแผลแบบขอไปทีหัวหน้าคนคุ้มกันรีบเอ่ยขึ้นมา "แม่นาง พวกเราไม่กล้าทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าแล้ว แค่กังวลว่าท่านอยู่ในเมืองหยางจะมีภาระหน้าที่เยอะอยู่แล้ว แต่ยังต้องมาคอยห่วงเรื่องยิบย่อยของพวกเราอีก..."จั๋วซือหรานยกมือตบลงไปที่หนึ่งที่หลังเขาหัวหน้าคนคุ้มกันร้องอั่กออกมา แต่ก็รีบอดทนเอาไว้เดิมทียังคิดว่านี่คือการลงโทษเสียอีก คิดไม่ถึงเลย...ตอนที่แม่นางฟาดมือลงมา รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาก่อน จากนั้นก็รู้สึกเหมือนมีพลังที่ยิ่งใหญ่ แต่กลับนุ่มนวลละมุนละไมลูบผ่าน

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1104

    "นายท่านอารมณ์ดีก็ดีแล้ว" เจิ้นเจียงพอเห็นจั๋วซือหรานอารมณ์ดี เขาเองก็อารมณ์ดีตามขึ้นมา จึงได้พูดว่า "จัดแจงคนคุ้มกันเหล่านี้เรียบร้อยแล้ว พวกเขาล้วนบาดเจ็บกันหมด"จั๋วซือหรานร้องอืม "ดี ข้าจะไปดูหน่อย เดี๋ยวจะตั้งชื่อให้พวกเขาด้วย อยู่ในตระกูลเหอไม่มีชื่อเลยมีแต่หมายเลข เจ้าไปที่โรงเตี๊ยมแล้วหาของกินมาให้พวกเขาหน่อย""ขอรับ" เจิ้นเจียงรับคำสั่ง คิดๆ แล้วจึงเอ่ยถามขึ้นว่า "...อาหารนี่น่าจะไม่ถูกทำอะไรลงไปหรอกกระมัง?"จั๋วซือหรานพอได้ยิน ก็ยกมุมปากขึ้น "พวกเจ้าจะลองดูก็ได้นี่"พอได้ยินนายท่านพูดหยามขึ้นเช่นนี้ เจิ้นเจียงก็ไม่มีอะไรต้องกังวลแล้ว"เช่นนั้นข้าจะไปจัดการเดี๋ยวนี้"เจิ้นเจียงเพิ่งเตรียมจะเดินไปโถงหน้า จั๋วซือหรานคิดๆ แล้วก็เรียกเขาขึ้นมา "จริงด้วย""อื๋อ? แม่นางยังมีอะไรกำชับอีกหรือ?""คุณชายเยี่ยนที่โถงหน้าคนนั้น เป็นคนที่มีบุญคุณกับข้า ถ้าหากเขายังไม่ไป เจ้าเองก็ช่วยดูแลหน่อย""รับทราบ!" เจิ้นเจียงรับคำสั่งแล้วออกไปและระหว่างทางที่จั๋วซือหรานตรงไปเรือนหลัง ในสมองก็มีภาพตอนที่ชายหนุ่มหักตะเกียบก่อนหน้านี้ปรากฏออกมา แก้มที่ตึงกับสายตาที่มีแววตาแบบนั้นจั๋วซือหราน

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1103

    สัมผัสได้ถึงความอ่อนนุ่มของปลายนิ้วหญิงสาวที่แตะลงมาบนริมฝีปากและได้ยินเสียงอ่อนโยนพูดคำที่ว่าต้องแต่งงานด้วยคิ้วของ 'เยี่ยนหราน' ขมวดแน่นขึ้นมากระทั่งตนเองยังไม่ทันตระหนักถึง ว่าทำไมต้องออกแรงที่นิ้ว แล้วทำไมที่น้ิวต้องออกแรงแล้วท้ายสุด เสียง 'กร๊อบ' ก็ดังขึ้นมาอย่างกะทันหันตะเกียบไม้ในมือเขาหักครึ่งเป็นสองท่อน!แก้มของชายหนุ่มตึงเป็นเส้นโค้ง เขาเอ่ยขึ้นเสียงต่ำ "แม่นางก็ดูแลตัวเองด้วย"จั๋วซือหรานหัวเราะขึ้นเบาๆ "คุณชายขี้อายขนาดนี้เชียว? หน้าตาก็หล่อเหลาดี ไม่คิดว่า...จะใสซื่อขนาดนี้"เสียงของชายหนุ่มดังลอดออกมาจากไรฟัน ฟังแล้วรู้สึกกระด้างหน่อยๆ "แล้วก็ออกไปด้านนอก การบุ่มบ่ามลดความสงสัยต่อตัวคนอื่นลง มันคือความประมาทเลินเล่อ"มุมปากจั๋วซือหรานเหมือนมีรอยยิ้มบางๆ ดูแล้วเหมือนยิ้มเหมือนไม่ยิ้มไม่ได้ปฏิเสธคำพูดเขา เพียงเอ่ยขึ้นว่า "ขอบคุณคุณชายเยี่ยนที่เตือน หลังจากนี้ข้าจะระวังให้มาก เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน..."ในที่สุดนางก็หมุนตัวจากไปหลังจากเห็นแผ่นหลังนางเดินห่างไปแล้ว'เยี่ยนหราน'...หรือบางทีควรจะเรียกว่าเฟิงเหยียนตอนนี้จึงมองมายังมือตนเอง บนปลายหัวแม่มือ มีแผ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1102

    รอยยิ้มบนใบหน้าจั๋วซือหรานไม่เปลี่ยน "เช่นนั้นก็ขอบคุณมาก""ไม่เป็นไร" 'เยี่ยนหราน' เอ่ยขึ้นเสียงเรียบจั๋วซือหรานยังคงยิ้มบาง "บัวเจ็ดดอกเจ็ดใบแกนกลางเทียนนี้เป็นสิ่งมีพิษกระมัง?""อืม" เขาไม่ได้ตระหนักถึงว่าอะไรผิดปกติ พยักหน้าตอบกลับ "เป็นสิ่งมีพิษที่มีอยู่ไม่มากนัก สามารถสร้างหมอกพิษขึ้นในป่าได้ ต้นของมันเดิมทีก็มีพิษร้ายแรงอยู่"อาหารรสชาติไม่เลวเลย น้ำแกงทำเอาตัวคนผ่อนคลายลงมาเลยทีเดียวเขาค่อนข้างผ่อนคลาย...หรือบางที สิ่งที่ทำให้เขาผ่อนคลายไม่ใช่น้ำแกงร้อน แต่เป็นเสียงอ่อนโยนของนาง...เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันดังนั้น ตอนนี้เขาจึงไม่ได้สังเกตถึงอะไรที่ผิดปกติพอได้ยินคำถามที่จั๋วซือหรานเพิ่งถาม ก็ตอบกลับนางมาตรงๆหลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงหญิงสาวใสเย็น เพียงแต่ว่า ไม่ได้อ่อนโยนแบบก่อนหน้านี้แล้วเพียงแค่เอ่ยขึ้นเรียบๆ ว่า "เป็นของดีจริงๆ เพียงแต่ว่า..." นางเปลี่ยนหัวข้อสนทนา "ไม่รู้ว่าคุณชายเยี่ยนรู้ได้อย่างไร...หรือทำไมจึงรู้สึกว่า ข้าสามารถทนทานต่อธาตุพิษได้โดยไม่ต้องเกรงกลัวอะไร?"มือที่จับตะเกียบของชายหนุ่ม หยุดนิ่งไปในชั่วพริบตาเขาแหงนตา มองไปยังสีหน้าของหญิงสาว อั

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status