แชร์

บทที่ 436

ผู้เขียน: หูเทียนเสี่ยว
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
ก่อนที่เหล่าผู้อาวุโสเดินออกจากตำหนักใต้ดิน พวกเขาทั้งหมดมองจั๋วซือหรานด้วยสายตาที่ซับซ้อนมาก

แม้ว่าพวกเขามีอายุมากกว่านางหลายปีก็ตาม แต่พวกเขายังต้องยอมรับว่า ผู้หญิงคนนี้ทำตามที่นางพูดจริง ๆ

ก่อนที่พวกเขาเดินออกจากตำหนักใต้ดิน จั๋วซือหราน กล่าวว่า "ใช่แล้ว ข้ามีเรื่องหนึ่งที่ต้องปรึกษากับผู้อาวุโส"

ตอนนี้เหล่าผู้อาวุโสปฏิบัติต่อจั๋วซือหรานอย่างมีมารยาทที่พอสมควร

ดังนั้นเราต้องยอมรับว่า บางครั้งหากเราต้องการได้รับความเคารพจากผู้อื่น เราต้องชิงความเคารพนั้นด้วยความแข็งแกร่งและความสามารถของตัวเอง

“ เชิญแม่นางจิ่วพูด” เหล่าผู้อาวุโสกล่าว

“วางศพของสามคนนี้ไว้ที่นี่ มีแต่จะเพิ่มความเสี่ยง ให้ข้าจัดการจะดีกว่าไหม” จั๋วซือหรานแนะนำ

เหล่าผู้อาวุโสตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าสิ่งที่จั๋วซือหราน พูดถึงคือร่างศพสามคนนั้นที่แม่กู่อาศัย

เหล่าผู้อาวุโสลังเลเล็กน้อย ดูเหมือนพวกเขาตัดสินใจลำบาก

“ แม่นางจิ่ว ไม่ใช่ว่าเราไม่อยากสัให้เจ้า เพียงแต่...”

จั๋วซือหรานพยักหน้าเมื่อนางได้ยินคำพูดของพวกเขา นางพูดว่า "ข้าเข้าใจความกังวลของพวกเจ้า เพราะต้องรีบนำคนที่เสียชีวิตไปฝัง พวกเขาจะไปขึ้นสวรรค์อย่างม
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 437

    คนรับใช้ที่อยู่ด้านข้างถามด้วยความเคารพ " เจ้าหุบเขา กำลังพูดถึงแม่กู่เส้นไหมที่ท่านปรับแต่งมาก่อนและจัดเตรียมส่งไปยังแคว้นชางหรือ"“ใช่” เสียงอันมีเสน่ห์นั้นตอบเบา ๆ “มันเป็นเพียงหนอนที่ปรับแต่งไม่สำเร็จ ทางนั้นต้องการ ข้าเลยเอาให้พวกเขา”“ตายแล้วหรือ” คนรับใช้ที่ยืนอยู่ด้านข้างถามแม้ว่าในเวลานั้น พวกเขาเอาหินนำทางให้ทางนั้นแล้ว จากการเปลี่ยนแปลงของหินน้ำทาง ผู้ที่ถือหินนำทางสามารถรับรู้ได้ว่าแม่กู่ตายหรือไม่แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าหุบเขาในฐานะที่เป็นผู้ปรับแต่งแม่กู่เหล่านั้นยังคงมีความสามารถระดับหนึ่งที่รับรู้การเปลี่ยนแปลงของแม่กู่เพราะเวลากลั่นพิษกู่ในระดับนี้ ต้องใช้เลือดของหัวใจดังนั้นการตอบสนองที่ผู้กลั่นมีต่อหนอนพิษกู่ไม่เหมือนหินนำทางที่รับรู้แค่ว่าหนอนกู่นั้นตายหรือไม่ ผู้กลั่นรับรู้ถึงละเอียดมากกว่า“มันยังไม่ตาย” ชายผู้มีดวงตาสองสีที่ถูกเรียกว่า เจ้าหุบเขา พูด “บางทีมันอาจจะมีชีวิตที่ดีกว่า”“เช่นนั้นทางเราต้องการส่งข้อความถึงแคว้นชางหรือไม่” คนรับใช้ถามชายผู้มีดวงตาสองสีคิดอยู่ครู่หนึ่ง รูปลักษณ์และลักษณะใบหน้าของเขาดูมิติมาก เผยให้เห็นลักษณะของคนต่างแดน เขายิ้ม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 438

    เด็กผู้หญิงบนที่นั่งไม่พูดอะไร และหลังจากนั้นครู่หนึ่ง นางจึงพูดเบา ๆ “มันยังไม่ตาย มันแค่หรี่ลงนิดหน่อย บางที... ตัวถูดแม่กู่อาศัยตายแล้ว”เจาหมิ่นยิ้มและพูดอย่างเย็นชา "อย่างไรก็ตาม พวกเขาเป็นพรสวรรค์ที่โดดเด่นของตระกูลเฟิง แต่ตระกูลเฟิงละทิ้งพวกเขาโดยไม่ลังเลใด ๆ ช่างเป็นตระกูลอันดับหนึ่งในเมืองหลวงของแคว้นชางอย่างแท้จริง"“ถ้าอย่างนั้น... ตอนนี้องค์หญิงจะไปเยี่ยมจวนของตระกูลเฟิงหรือไม่” หนึ่งในนั้นถามอีกครั้งเจาหมิ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางยกมุมปากขึ้นแล้วยิ้มอย่างไร้ความอบอุ่น “อย่ากังวล รออีกสักสองสามวัน หากตัวที่ถูกแม่กู่อาศัยตาย เช่นนั้นเรารอให้แม่กู่ระเบิด เมื่ออาคมหนอนพิษกู่ถูกแพร่กระจายร้ายแรงในจวนของตระกูลเฟิงแล้ว ถึงเวลานั้น ข้าค่อยเสนอตัวล้างพิษให้พวกเขา จากนั้นพวกเขายิ่งขอบคุณข้า”......ในจวนเฟิง บรรยากาศเคร่งขรึมและเงียบอย่างมากผู้พิทักษ์เงาของเฟิงเหยียนได้กลับมาถึงจวนเฟิงกันแล้ว และตอนนี้พวกเขารวมตัวกันอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ของหอพักของเฟิงเหยียน“ท่านสั่งพวกข้าเลยขอรับ”ผู้พิทักษ์เงาทุกคนแต่งกายด้วยชุดสีดำและมีอารมณ์ที่น่าเกรงขาม พวกเขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกทีละคน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 439

    หลังจากสั่งงานผู้พิทักษ์เงาเสร็จแล้ว เฟิงเหยียนเรียกพ่อดูแลเรื่องต่าง ๆ ของจวนของตระกูลเฟิง เขาสั่งงานอย่างอื่นแก่พ่อดูแลกิจกรรมของจวนเฟิงเมื่อสั่งงานเสร็จเฟิงเหยียนจึงเหลือบมองฉูนจวีน “ จั๋วเสียวจิ่วอยู่ที่ไหน”“แม่นางน่าจะกำลังทานข้าวอยู่กระมัง” ฉูนจวีนตอบ เขารู้สึกหมดคำพูดเล็กน้อยเพราะจะคิดว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ที่ช่วยตระกูลเฟิงพ้นตัวออกจากวิกฤติในเหตุการณ์นี้หลังจากนางแก้ไขวิกฤติต่าง ๆ เหล่านั้นและจัดการทุกเรื่องเสร็จเมื่อนางเดินออกจากตำหนักใต้ดิน เหล่าผู้อาวุโสถามนางว่า พวกเขาสามารถทำอะไรให้นางได้บ้างสิ่งที่นางพูดคือ...“ข้าหิว ข้าอยากกินของอร่อย ๆ ”จากนั้นเหล่าผู้อาวุโสรีบออกคำสั่งและเตรียมอาหารให้นางอย่างรวดเร็วฉูนจวีนกล่าวต่อ "แค่ดูเหมือนว่า แม่นางจิ่วไม่ค่อยพอใจกับอาหารที่จวนเราเตรียมให้แม่นาง"เดิมทีเฟิงเหยียนอาจจะไม่เข้าใจ แต่เฟิงเหยียนเคยลิ้มรสทักษะการทำอาหารของนางแล้วดังนั้นเขาไม่แปลกใจเลยที่จั๋วซือหรานอาจจะไม่ชอบอาหารของจวนเขา "พ่อครัวของจวนเราทำอาหารพอใช้ได้จริง ๆ นางค่อนข้างจู้จี้จุกจิกกับอาหารการกิน นางไม่ชอบกับข้าวในจวนเรา นั่นเป็นเรื่องธรรมดา"เมื่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 440

    นี่คือเหตุผลที่ฉูนจวีนค่อนข้างตกใจจั๋วซือหรานจะไม่เห็นความตกใจของเขาได้อย่างไร นางยิ้มและพูด "พวกเจ้าไม่มีความรู้สึกเลยใช่ไหม"“ข้าไม่ได้สังเกตขอรับ ส่วนเจ้านาย…” ฉูนจวีนไม่แน่ใจจริง ๆ ดังนั้นเขาจึงมองไปที่เฟิงเหยียนเฟิงเหยียนส่ายหัวแล้วพูดว่า "ข้าไม่สังเกตเลย"เมื่อได้ยินคำพูดนี้ จั๋วซือหรานยิ้มและพูด "เป็นเรื่องปกติที่พวกเจ้าไม่สังเกต"“จะปกติได้อย่างไร” เฟิงเหยียนมองนางจั๋วซือหรานกล่าวว่า "มันพิสูจน์ให้เห็นว่าข้ามีความเชี่ยวชาญมากขึ้นเรื่อย ๆ ในการใช้พลังวิเศษ และ..."นางจ้องเข้าไปในดวงตาของเฟิงเหยียน แล้วพูดว่า "ข้าได้รับพลังวิเศษมากมายจากท่านอ๋อง"ทันทีที่นางพูดถึงเรื่องนี้ สมองของเฟิงเหยียนก็นึกย้อนไปถึงตอนที่เขายังอยู่ในตำหนักใต้ดินเขาจูบกับนางอย่างเร่าร้อนภายใต้สายตาของผู้อาวุโสหลายคน...“แค๊ก” เฟิงเหยียนไอด้วยน้ำเสียงเข้ม เขามองไปทางอื่นเล็กน้อยเมื่อเห็นเขาทำตัวเช่นนี้ จั๋วซือหรานอดไม่ได้ที่ต้องหัวเราะกล่าวโดยสรุป ก่อนที่นางมาที่นี่ จั๋วซือหรานจึงสังเกตพลังวิเศษของนางดูเหมือนมีความแตกต่างปเล็กน้อยเนื่องจากลักษณะของพลังทางจิตวิญญาณของนางเปลี่ยนไปบางทีอาจเป็น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 441

    เฟิงเหยียนจึงจ้องมองนางอยู่พักหนึ่ง ราวกับว่าในที่สุดเขาก็เชื่อว่านางแค่ฟุ้งซ่านเมื่อเห็นเฟิงเหยียนพยักหน้า จั๋วซือหรานจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกเพราะแม้ว่าท่านอ๋องไม่เชื่อนาง แต่นางก็ไม่ทำอะไรไม่ได้นางทำอะไรได้บ้าง จั๋วซือหรานอดไม่ได้ที่ต้องรู้สึกตัวเองทำอะไรไม่ถูกเช่นกันใครก็ตามที่เห็นว่าศพทั้งสามและ 'ขนมชาม' หนึ่งตัวที่ถูกวางไว้ในพื้นที่คุ้นเคยกลายเป็นศพสามศพและ 'ขนมชาม' สี่ตัวใคร ๆ ก็ต้องตกใจใช่ไหมเดิมทีจั๋วซือหรานวางตัดสินใจรอจนกว่านางจัดการทุกเรื่องเสร็จ จากนั้นนางรีบจัดการกับศพสามศพที่ถูกแม่กู่อสศัยในพื้นที่น้ำพุวิเศษ นางจะได้คืนศพให้คนอื่น จะได้ไม่เกิดปัญหาภายหลังตอนนี้ดีมาก นางสามารถข้ามขั้นตอนนี้ได้เลย“ไม่ต้องกังวล เจ้าค่อย ๆ จัดการ” เฟิงเหยียนกล่าวจั๋วซือหรานยิ้มและกล่าวว่า "พวกเขาล้วนเป็นพรสวรรค์ที่โดดเด่นของตระกูลเฟิง หากข้าค่อย ๆ จัดการ... ข้าไม่รู้ว่าข้าจะถูกกล่าวหาด้วยเรื่องอันใด แม้ว่าข้าไม่ตกเป็นเป้าหมาย แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ข้าต้องทำให้ท่านอ๋องเตือดร้อน”เฟิงเหยียนจ้องมองนางอย่างลึกซึ้ง มีความประหลาดใจแวบขึ้นมาในดวงตาของเขา "เจ้ามองออกอะไรอีก"“

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 442

    ฉูนจวีนจึงพูดต่อ "ใช่ สำหรับเรื่องที่การดำรงอยู่ของท่าน ตระกูลเฟิงมีสองเสียงเสมอ"“ประการหนึ่งคือ พวกเขาจำเป็นต้องผนึกพลังศักดิ์สิทธิ์ ของตระกูลไว้ในร่างกายของท่านด้วยวิธีนี้ เพื่อให้แน่ใจว่าทุกคนในตระกูลเฟิงยังสามารถมีพลังวิเศษของตระกูลเฟิงเช่นเดียวกันกับพลังศักดิ์สิทธิ์ต่อไป สามารถรักษาสถานะของตระกูลเฟิงด้วยวิธีนี้ "“หากเราสามารถรักษาสถานะของตระกูลของเราได้ เราก็จะได้รับทรัพยากรมากขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย หากเราสามารถได้รับทรัพยากรมากขึ้น ลูกหลานของเราจะมีโอกาสมากขึ้นในการก้าวหน้าและตื่นตัวมากขึ้น”“อีกฝ่ายรู้สึกว่า ควรปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์ และให้ตระกูลพัฒนาเหมือนตระกูลอื่น ๆ สมาชิกในตระกูลจะสามารถก้าวไปข้างหน้าภายใต้แรงกดดัน และอาจตื่นตัวอย่างแท้จริง”“แต่ไม่ใช่ใช้ชีวิตอย่างตอนนี้ ทุกคนได้รับการดูแลจากพลังวิเศษของตระกูล ซึ่งทำให้พวกเขาอยู่เฉย ๆ และไม่กล้วสิ่งใด ๆ กลับทำให้พวกเขาไม่รู้สึกความกดดันและไม่อยากก้าวหน้า”เมื่อฟังสิ่งที่ฉูนจวีนพูด จั๋วซือหรานพูดจากใจ "จากจุดยืนของพวกเขา พวกเขาทั้งสองฝ่ายไม่ผิด เพียงแต่ว่าจุดยืนของพวกเขาแตกต่างกัน"“ ใช่ขอรับ มันเป็นเพียงมีความคิดเห็นที

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 443

    ฉูนจวีนล้มลงกับพื้น เขายังเตะเท้าบนพื้นเพื่อให้ร่างกายของเขาขยับไปด้านหลังได้ฉูนจวีนไม่ใช่คนที่ไม่เคยเปิดหูเปิดตามาก่อน เขาตกใจจนต้องเป็นสภาพนี้และสูญเสียความสงบเป็นเพราะฉากนั้นแปลกและน่ากลัวเกินไป และเรื่องนี้เกิดขึ้นกะทันหันเกินไปจู่ ๆ มีศพสามศพโผล่ออกมาจากอากาศ เนื้อที่อ่อนนุ่มและเน่าเปื่อยนั้นเพียงพอที่จะทำให้ผู้คนรู้สึกไม่สบายอย่างมากยิ่งไปกว่านั้น มุมที่ศพปรากฏนั้นไม่เป็นมิตรกับเขามาก ศพที่อยู่ใกล้กับฉูนจวีนมากที่สุดนั้นมีคอที่คดเคี้ยว และใบหน้าของมันหันหน้าไปทางทิศทางของฉูนจวีนพอดีดังนั้นฉูนจวีนจึงเห็นในปากที่เปิดเล็กน้อยนั้นมีลิ้นบวมได้อย่างชัดเจนและมองจากดวงตาคู่นั้น คนคนนี้ตายอย่างไม่สงบ เผยให้เห็นลูกตาสีขาวหนาอยู่ข้างใน... ใช่ ไม่ใช่เขาตายไม่สงบ แต่เป็นเพราะลูกตาโปนและเปลือกตาไม่สามารถปิดสนิทกระมังเพราะระยะห่างใกล้มาก เพียงประมาณสองก้าวเท่านั้นผลกระทบนั้นรุนแรงมากจนฉูนจวีน... แทบจะอาเจียนออกมาหลังจากความตกใจบรรเทาลง ฉูนจวีนจึงค่อย ๆ ตระหนักได้ถึงบางเรื่อง... แม่นางจิ่วเอาสามคนนี้ออกมาจากที่ไหนฉูนจวีนนั่งบนพื้น เขาเงยหน้าและมองจั๋วซือหรานด้วยความรับถือเพ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 444

    จั๋วซือหรานไม่รู้ว่านางรู้สึกผิดหรือเปล่า นางรู้สึก...จากคำพูดของเฟิงเหยียน ดูเหมือนว่าเขาไม่เพียงแต่รู้เกี่ยวกับภาชนะอวกาศเท่านั้น แต่ยังรู้เกี่ยวกับพื้นที่น้ำพุวิเศษด้วย หรือดูเหมือนเขาได้คาดเดาถึงของสองอย่างนี้จั๋วซือหรานรู้ตัวเองฉลาด ท่านอ๋องนี้ไม่ใช่คนธรรมดา แต่นางไม่คาดถึงว่าชายผู้นี้อยู่เงียบ ๆ แต่เฉียบแหลมขนาดนี้แม้ว่าจั๋วซือหรานจะไม่แสดงความในใจบนใบหน้าของนาง แต่ในใจของนาง นางได้จินตนาการหลายเรื่องแล้วและเพราะว่าสมองของนางหมุนเร็วมาก แม้ว่านางจินตนาการไปหลายเรื่องแล้ว แต่ใบหน้าของนางหยุดเพียงชั่วครู่เท่านั้นดังนั้นนางโค้งริมฝีปากทันที นางยิ้มและพูด" ท่านอ๋องพูดเล่น ตอนที่ข้าอยู่ในตำหนักใต้ดิน ข้าได้จัดการพวกเขาเรียบร้อยแล้ว แต่ข้าจงใจไม่รีบคืน เพราะอยากให้เหล่าผู้อาวุโสคิดว่าข้าเหนื่อยเหลือเกิน"แม้ว่านางไม่ได้จัดการศพในตำหนักใต้ดินก็จริง แต่นางก็ไม่ได้กำจัดศพเหล่านั้นอย่างที่เฟิงเหยียนพูดถึง เขาบอกว่านางจัดการศพเหล่านั้นในยามที่นางคิดฟุ่งซ่านไม่ต้องรอให้นางจัดการ'ขนมชาม' สามตัวนั้น พวกมันออกจากตัวที่ถูกอาศัยด้วยตัวเองนางไม่รู้ว่าเป็นเพราะแม่กู้เหล่านั้นสัมผัสได้ว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29

บทล่าสุด

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 732

    เขาสัมผัสได้ว่าบนบาดแผลทั้งสองที่ถูกดาบของนางแทงไว้ จนทำให้หินต้องห้ามยังแตกก่อนหน้านี้เวลานี้มันคันยุบยิบ ราวกัยว่า...กำลังผสานอย่างรวดเร็วจั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นเสียงต่ำ "รักษาให้เจ้าก่อน อีกเดี๋ยวถ้าสู้ขึ้นมา จะได้ไม่ขี้เกียจ"ซางถิงเกือบจะโมโหจนหัวเราะขึ้นมายังไม่ทันที่เขาจะได้พูด ในกลุ่มคนเหล่านั้นที่ล้อมเข้ามา ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น"จั๋วซือหราน เจ้าสังหารลูกหลานตระกูลข้าไป แอบเรียนวิชาลับตระกูลข้า โทษนี้สมควรตาย แต่เห็นแก่ว่าเจ้าไม่ใช่คนในตระกูลเรา ไม่เข้าใจกฏเกณฑ์ของตระกูล จะไว้ชีวิตเจ้า แล้วจะพาเจ้ากลับไปช่วยอธิบายให้หน่อย ว่าไปร่ำเรียนวิชาลับตระกูลเรามาจากที่ไหน"จั๋วซือหรานพอได้ยินเนื้อหานี้ "เข้ามาเพราะความสามารถข้าจริงๆ ด้วย"ซางถิงหัวเราะเฮอะขึ้นมา เอ่ยเสียงต่ำกับจั๋วซือหรานว่า " ข้าก็บอกว่าแล้วไม่ได้มาหาข้า ในเมื่อมันไม่เกี่ยวกับข้า ข้าไปได้แล้วใช่ไหม?"จั๋วซือหรานหัวเราะเหอะๆ " อย่าสิ ข้ารักษาให้เจ้าแล้วนะ รับแล้วก็ตอบแทนกันหน่อยมันเป็นมารยาท"ซางถิงกัดฟัน "แล้วทำไมเจ้าไม่พูดเสียหน่อยว่าบาดแผลพวกนั้นมันมายังไง..."ตอนนี้เอง เสียง 'คาดโทษ' จั๋วซือหรานก่อนหน้านี้ก

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 731

    เพราะเวลาค่อนข้างดึกแล้ว กระทั่งสนามประลองทางนี้ก็ยังเงียบสงบ ดังนั้นที่นี่ต่อให้สู้กันขึ้นมาตอนนี้ ก็ไม่ได้ดึงดูดสายตาใครยิ่งไปกว่านั้น ตลาดมืดก็มีกฏของตลาดมืด คนของตลาดมืดก็มีวิถีการดำรงชีวิตของตนเองเช่นกันในนี้กฏที่ใช้ได้ทั่วไปข้อหนึ่งคือ...อย่ายุ่งเรื่องชาวบ้านดังนั้นพวกเขาต่อให้ตายกันที่นี่ ก็น่าจะไม่ส่งผลกระทบอะไรมากนักตลาดมืดฝังศพเอาไว้แทบทุกที่ นี่คือที่มาของคำพูดนี้ดังนั้นในกลุ่มคนเหล่านี้ หลังจากเข้ามาล้อมซางถิงกับจั๋วซือหรานแล้ว เดิมทีรอบๆ ก็ยังมีคนอยู่อีกส่วนหนึ่งดูจากท่าทางแล้วไม่ธรรมดาเลย ทยอยกันกระจายตัวออกเหมือนสัตว์ ตอนนี้ที่นี่จึงสงบมาก...แทบไม่มีคนเลยคืนเดือนมืดลมพัดแรง ค่ำคืนแห่งการสังหารดูจากเสื้อผ้าคนเหล่านี้ อันที่จริงยังมองไม่ออกถึงตัวตนฐานะแท้จริงของพวกเขาแตว่า ขอแค่คนรู้จริงเรื่องกลุ่มอย่างซางถิง ก็จะมองออกถึงกลุ่มได้อย่างรวดเร็วซางถิงมองกลุ่มออกจากเครื่องมือควบคุมสัตว์ของพวกเขาอย่างรวดเร็วซางถิงเอียงหน้าเล็กน้อย บอกกับจั๋วซือหรานด้านหลังว่า "ระวังด้วย คนพวกนี้ ทั้งหมดเป็นคนของโถงตัดหัวตระกูลซาง"โถงตัดหัว?" จั๋วซือรหานฟังคำนี้แล้วก็เอ่ย

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 730

    แต่ยังไม่ทันได้แตะไหล่ของจั๋วซือหราน นางก็มีปฏิกิริยากลับมาอย่างรวดเร็ว“เจ้า” จั๋วซือหรานเห็นหน้าคนด้านหลังอย่างชัดเจนผมสีขาวรุงรังกับดวงตาสีฟ้าทึมที่เป็นเอกลักษณ์ แสดงชัดถึงตัวตนฐานะของเขา นี่คือคู่มือที่ประลองกับนางบนเวทีเมื่อครู่นี้นั่นเองดวงตาสีฟ้าทึมของเขาจ้องมองจั๋วซือหราน “ข้ายังคิดว่าเจ้าไปแล้วเสียอีก ทำไม? กำลังรอข้าหรือ?”จั๋วซือหรานมองเขา “เจ้านี่...มั่นใจในตัวเองเสียจริงนะ”“ใช่สิ” รอยยิ้มในดวงตาสีฟ้าทึมของเขายิ่งเพิ่มมากขึ้น “ข้ากับเจ้ามันคนประเภทเดียวกัน เป็นพวกที่มั่นใจในตนเองแบบนั้น”จั๋วซือหรานหัวเราะ จากนั้นจึงเห็นแขนที่ห้อยอยู่ข้างตัวเขา ยังมีเลือดสดไหลอาบลงมา กลิ่นคาวเลือดบนตัวเขายังไม่หายไป“เจ้าน่าจะรักษาแผลก่อนแล้วค่อยมาพูดจาคุยโตนะ” จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้น“เรื่องเล็กน่า” ซางถิงเอ่ยตอบจั๋วซือหรานคิดๆ เอ่ยขึ้นว่า “เมื่อครู่เจ้าออมมือไว้ ไม่งั้นคงไม่เจ็บขนาดนี้”“ใช่เลย ข้าออมมือไว้ ก็เลยลดความยุ่งยากลงไปได้พอควร” ซางถิงตอบจั๋วซือหรานยิ้ม “อินเจ๋ออันไม่ใช่ความยุ่งยากหรือ?”“เขา? เขาจะไปยุ่งยากอะไร...” ซางถิงดูไม่ใส่ใจกับเรื่องนี้ เอ่ยต่อว่า “ข้าออมมือ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 729

    ได้ยินคำนี้ ฮั่วจือโจวยกมุมปากขึ้น “คุณหนูเฟิงสือ เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว ข้าก็แค่อยากร่วมมือกับแม่นางจิ่วเท่านั้น”เฟิงหร่านมองเขา แม้บนปากจะไม่คัดค้าน แต่ในใจก็แอบคิด นั่นก็เพราะเจ้ายังสัมผัสไม่ได้ถึงเสน่ห์ของพี่หญิงจั๋วเท่านั้นส่วนเจี่ยงเทียนซิงที่อยู่ข้างๆ พอได้ยินคำพูดของเฟิงหร่าน ก็ไม่ได้ส่งเสียงอะไร เพียงแต่รอยยิ้มในดวงตาค่อยลดลงมาเท่านั้นครู่ต่อมา จึงเอ่ยเสียงต่ำขึ้นว่า “แต่ว่าตระกูลเฟิงของพวกเจ้า ไม่ใช่ว่าดูถูกซือหรานหรอกหรือ เพราะอะไรกัน? พวกเจ้าเห็นสิ่งนี้เป็นของไร้ค่า แต่ก็ไม่ยอมให้คนอื่นได้ครอบครองหรือ? ใหญ่โตเสียจริง”สำหรับคำพูดของเจี่ยงเทียนซิง เฟิงหรานกระทั่งโต้แย้งก็ยังแย้งออกมาไม่ได้นางริมฝีปากสั่นระริก ครึ่งมาจึงบอกว่า “สรุปคือ หลังจากนี้จะมีวิธีเอง”ฝูซูมองจากข้างๆ เขารู้แน่นอนว่าคุณหนูของตนเองยอดเยี่ยมแค่ไหนทำให้คนหลงใหลได้แค่ไหนและก็รู้ว่าคุณหนูเฟิงสือถูกคุณหนูทำให้หลงไปแล้ว การที่พูดแบบนี้ออกมาก็ไม่ได้ผิดอะไรแต่ปฏิกิริยาของเจี่ยงเทียนซิงนี่ กลับทำให้ฝูซูอดเหลือบมองเขาขึ้นมากหน่อยไม่ได้ในใจฝูซูก่อนหน้านี้ก็รู้สึกว่าเจี่ยงเทียนซิงคนนี้เหมือนจะ...รู้สึก

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 728

    “นี่ฝูซูกับเฮยหลิงยังไว้หน้าพวกเจ้าอยู่นะ ถึงยังไม่จับตะเกียบ ไม่อย่างนั้นพวกเจ้าแค่น้ำแกงก็ไม่ได้ชิมด้วยซ้ำ” เจี่ยงเทียนซิงวางตะเกียบลงหัวเราะฮั่วจือโจวไม่อยากเชื่อ ถามขึ้นว่า “นี่คือของที่แม่นางจั๋วจิ่วทำหรือ? จริงหรือเปล่า?”“เป็นของที่คุณหนูข้าทำเอง” ฝูซูพยักหน้าอินเจ๋ออันมองเขา ถามขึ้นว่า “คุณชายฮั่ว ยอมรับแล้วหรือยัง?”ฮั่วจือโจวถอนหายใจเบาๆ พยักหน้าเจี่ยงเทียนซิงเห็นท่าทางแขกยึดครองตำแหน่งเจ้าภาพของอินเจ๋ออันแล้วก็หัวเราะพรวดขึ้นมา “เปาน้อย เจ้าเองก็ไว้หน้าตัวเองหน่อยดีไหม คำพูดนี้ข้าต่างหากที่ควรถาม? เจ้าน่ะยอมรับแล้วหรือยัง?”“ถ้าข้าไม่ยอมรับ แล้วข้าจะเอาเงินมาให้พวกเจ้าด้วยตัวเองทำไมกัน?!” อินเจ๋ออันจ้องอย่างมาดร้ายไปทางเจี่ยงเทียนซิงตัวเขาเองอาจจะไม่ทันสังเกต ว่าตนเองกระทั่งลืมไปแล้วว่าต่อต้านชื่อเรีย ‘เปาน้อย’ อยู่เฟิงหร่านนั่งอยู่ข้างๆ ไม่พูดอะไรมาตลอด สนใจแค่การกินอาหารบนโต๊ะอย่างรวดเร็วราวพายุดูดเท่านั้นนางกินไปด้วย พิจารณาชายหนุ่มสามคนนี้ไปด้วยในใจจู่ๆ ก็เกิดความรู้สึกวิตกกังวลขึ้นมาเฟิงหร่านเกิดวิตกกังวลขึ้นมาแทนพี่ชายตนเอง นางชื่นชมในใจ พี่หญิงจั๋วน

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 727

    สายตาฮั่วจือโจวมองจั๋วซือหรานอย่างลึกซึ้งตระกูลขุนนางเหล่านี้ล้วนเป็นแบบเดียวกัน จั๋วซือหรานเองก็เดินออกมาจากตระกูลขุนนาง ดังนั้นจึงเข้าใจเป็นอย่างดีต่อให้ทุกคนจะเป็นลูกหลานในตระกูลเหมือนกัน และก็จะมีพวกลูกหลานที่ได้รับการปฏิบัติกับให้ความสำคัญมากกว่า และก็จะมีลูกหลานที่ถูกมองข้ามหรือเมินเฉยแต่นี่ก็จะขึ้นอยู่กับฝีมือของรุ่นพ่อและฝีมือของตนเองดูจากจั๋วซือหรานแล้วมองออกไม่ยาก กระทั่งฝีมือของรุ่นพ่อก็ยังไม่แน่ว่าจะสำคัญ เพราะพ่อของนางนั้นไม่อยู่มานานแล้วมีเพียงฝีมือของตนเองที่ถูกให้ความสำคัญมากที่สุดดังนั้นในฐานะที่เป็นลูกหลานในตระกูล หากคิดจะได้รับการให้ความสำคัญของตระกูล อย่างน้อยก็ต้องทำผลงานออกมาให้ได้สถานการณ์ของฮั่วจือโจวตอนนี้ก็น่าจะเป็นเช่นนี้เขามีฝีมืออยู่บ้าง และมีอุดมการณ์ของตนเองด้วยเช่นกัน แต่ก็จำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ จะตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามไม่ได้เพราะในตระกูลเช่นนี้ คนมากมายล้วนเป็นแบบเดียวกัน โอกาสอาจจะมีแค่ครั้งเดียว ถ้าทำผลงานไม่ได้ หลังจากนี้ทรัพยายากรก็อาจจะไม่เอนมาทางเขาอีกแล้วจุดนี้ จั๋วซือหรานไม่ลังเลที่จะพูดออกมาสายตาฮั่วจือโจวหยุดอยู่ที่แ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 726

    จั๋วซือหรานยิ้มๆ “ก็ต้องตั้งแต่ตอนที่เจ้าตามพวกเราเข้ามาแล้วน่ะสิ”ฮั่วจือโจวลุกขึ้นยืน เดินตรงเข้ามาทางนี้ นั่งลงข้างโต๊ะพวกเขา“เมื่อครู่แผนของแม่นางจิ่ว ข้าได้ยินแล้ว” ฮั่วจือโจวเองก็ไม่ปิดบัง พูดออกมาตรงๆเขาพูดประโยคนี้ออกมา ก็หวังว่าจั๋วซือหรานจะไม่ต้องมาเสียเวลาคิดมากในเรื่องนี้แล้วแต่ฮั่วจือโจวคิดไม่ถึงว่าจั๋วซือหรานจะพูดว่า “ข้าจงใจพูดออกมาให้เจ้าได้ยิน”สีหน้าฮั่วจือโจวตกตะลึงไปทันที “อะไรนะ?”จั๋วซือหรานยิ้มตาโค้งเอ่ยขึ้นว่า “คุณชายสามฮั่วฟังแผนการของข้าแล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง?”“ไม่เลว” ฮั่วจือโจวตอบ “มิน่าสี่ตระกูลที่เหลือจึงมองเจ้าเป็นหนามยอกอก”รอยยิ้มบนหน้าจั๋วยังไม่จางหาย “ถ้าข้าไม่จงใจพูดให้เจ้าได้ยิน แล้วจะกล่อมให้เจ้ามาร่วมมือได้อย่างไรกัน?”“ร่วมมือ?” ฮั่วจือโจวตกตะลึงจั๋วซือหรานตอบ “อืม ข้าไม่มีเจตนาจะทำให้ตระกูลฮั่วต้องลำบากใจ ถ้าแค่ตระกูลฮั่วไม่ทำให้ข้าลำบากใจน่ะนะ แต่ข้าเองก็เข้าใจ บุ่มบ่ามไปแย่งธุรกิจของคนอื่น ดูแล้วยังไงก็ไม่เหมาะสม และยังเป็นในสถานการณ์ที่ข้ามั่นใจว่าข้าคว้ามันมาได้ด้วย”ฟังคำพูดนี้ของจั๋วซือหรานแล้ว ฮั่วจือโจวก็หัวเราะขึ้นมา เขาก

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 725

    “ทำให้มันคึกคักขึ้น?” เฟิงหร่านตาเป็นประกาย ความชื่นชมต่อตัวจั๋วซือหรานของนางไม่ได้แค่นิดหน่อยแล้วตอนนี้มองจั๋วซือหรานด้วยตาเป็นประกาย “พี่หญิงจั๋ว จะทำให้มันคึกคักขึ้นได้อย่างไรหรือ?”จั๋วซือหรานคิดๆ เอ่ยขึ้นว่า “วิธีการมีอยู่เยอะเลยทีเดียว ก็ให้เจ้าไปแสดงพ่นไฟ เฮยหลิงไปแสดงหน้าอกทลายหินอะไรแบบนั้น หรือไม่ข้าก็ให้พวกแมลงไปแสดงละครหุ่นกระบอก? ต้องสนุกคึกคักแน่ๆ...”“พ่น พ่น...พ่นไฟ??” ในสายตาเฟิงหร่านเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อก็จริง สำหรับนางที่เป็นคุณหนูลูกขุนนางเช่นนี้ทุกการกระทำทั้งหมดของจั๋วซือหราน กระทั่งแค่ลมหายใจของนาง ก็ดูจะผิดแปลกไปจากคนอื่นๆ ในตระกูลขุนนางเหล่านั้น “พ่นไฟเป็นไหม? ถ้าไม่เป็นเดี๋ยวไว้ข้าหาเวลาสอนเจ้า” จั๋วซือหรานวางตะเกียบลง “สรุปคือ ถ้าถึงเวลาต้องเปิดกิจการ ก็หาการแสดงอะไรมา จากนั้นพอเปิดร้านก็เตรียมการให้ลูกค้าแต่ละโต๊ะหลังจากที่กินอาหารเสร็จ ก็มอบอาหารเพิ่มให้อีกหนึ่งจานแบบไม่ต้องจ่ายเงินอะไรแบบนี้”“ประชาชนกินเพื่ออยู่ ขอแค่ของอร่อย ยังต้องกลัวว่าจะไม่มีใครมาอีกหรือ” จั๋วซือหรานคิดคิด เอ่ยต่อว่า “ไหนจะเรื่องที่อาหารของที่นี่รสชาติแย่แค่ไหน น่าจะไ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 724

    จั๋วซือหรานตอบ “เดี๋ยวเจ้าลองชิมก็รู้แล้ว...”ผ่านไปครู่หนึ่ง อาหารก็ส่งขึ้นมา หน้าตาแย่เอามากๆเจี่ยงเทียนซิงจึงเพิ่งได้ยินประโยคหลังของจั๋วซือหราน “...ไม่ใช่ห่วยแตกแบบธรรมดาด้วย”เจี่ยงเทียนซิง “...”เฟิงหร่าน “...”ฝูซู “...”เฮยหลิง “...”ทุกคนทยอยกันพูดไม่ออกจั๋วซือหรานหยิบตะเกียบขึ้นมา คีบคำหนึ่งส่งเข้าปาก หลังจากเคี้ยวไปสองคำ ก็ขมวดคิ้วขึ้นมา “พวกเจ้าลองชิมสิ ห่วยแตกแบบไม่ธรรมดาจริงๆ”เฮยหลิงยังพอไหว ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้ก็ใช้ชีวิตยากลำบากมาแล้ว ขยับตะเกียบ หลังจากกินคำแรกไปเห็นได้อย่างชัดเจน ว่าเขาเหมือนจะโกรธขึ้นแล้วเฟิงหร่านเองพอเห็นสถานการณ์ จึงวางตะเกียบลงเงียบๆเจี่ยงเทียนซิงถาม “เจ้าหิวแล้ว แต่จงใจมายังร้านอาหารที่รสชาติแย่หรือ?”จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้น “ลองชิมดูก่อน แบบนี้ภายหลังจะได้มีความแตกต่าง”เจี่ยงเทียนซิงก็เชื่อฟังคำพูดของนาง คีบขึ้นมาพอส่งเข้าปาก จึงเพิ่งมีปฏิกิริยากับคำพูดของจั๋วซือหราน “...ภายหลัง?”ตอนนี้เอง อะไรบางอย่างที่อยู่ในปาก ในที่สุดก็ทำเอาประสามรับรสของเขาถูกปะทะอย่างรุนแรง“ถุด” เจี่ยงเทียนซิงพ่นอาหารในปากออกมา รู้สึกว่าคำวิจารณ์ก่อน

DMCA.com Protection Status