แชร์

บทที่ 421

ผู้เขียน: หูเทียนเสี่ยว
เมื่อได้ยินคำพูดของเฟิงเหยียน สีหน้าของผู้อาวุโสแข็งทื่อ

แต่พวกเขาไม่สามารถโต้เถียงกับคำพูดของเฟิงเหยียน ได้ และแม้แต่จะพูดตามคำพูดของเฟิงเหยียน พวกเขาไม่ทราบต้องพูดต่อย่างไร

พวกเขาต่างทราบรายละเอียดที่พลังศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลเฟิงถูกผนึกบนร่างกายของเฟิงเหยียน

และนั่นเป็นการตัดสินใจของพวกเขาด้วย

ผู้อาวุโสอีกคนไม่อยากให้เฟิงเหยียนพูดถึงเรื่องนี้ต่อ เพราะในความเป็นจริงแล้ว เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องต้องห้ามในตระกูลเฟิง และเป็นเรื่องที่ไม่ควรพูดถึง

ผู้อาวุโสจึงเปลี่ยนเรื่อง เขาถามเฟิงเหยียน “ถ้าอย่างนั้น เราจะทำอย่างไรดี ให้แม่นางจั๋วจิ่ว... หลับเลยหรือ”

“ใช่สิ ก็ไม่ทราบว่ามีวิธีใดที่สามารถทำให้นางมีพลังกลับมาเร็ว ๆ หน่อยไหม นางจะได้รักษาพวกเราให้เร็ว ๆ หน่อย”

แม้ว่าผู้อาวุโสทุกคนจะเป็นผู้อาวุโสของตระกูลชนชั้นสูง และพวกเขาต่างก็ให้ความสนใจกับความสง่างามและความเคารพนับถือ สำหรับจั๋วซือหรานไม่สนใจอะไร และนอนต่อหน้าคนจำนวนมากเช่นนี้...

พวกเขารู้สึกนางหยาบคายเล็กน้อย

แต่พวกเขาต่างทราบดี นางทำเช่นนี้เพื่อให้ฟื้นตัวเร็วขึ้น

ดังนั้นพวกเขาจึงไม่พูดอะไร ด้วยสถานการณ์ ณ ปัจจุบัน ตราบใดที่จั๋ว
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 422

    โดยอธบายไม่ถูก การจูบอันเร่าร้อนในความมืดมิดนี้ทำให้จั๋วซือหรานรู้สึกว่าหัวใจเต้นแรง แต่นางรู้สึกถึงความปลอดภัยทางจิตเช่นกันทันใดนั้น ดูเหมือนนางทราบว่าทำไมนางถึงนอนหลับอย่างสงบสุขในสภาพแวดล้อมที่แปลกประหลาดเช่นนี้อาจเป็นเพราะ... เฟิงเหยียนอยู่ข้างกายนาง ดูเหมือนนางจะรู้โดยไม่รู้ตัวว่า ตราบใดที่เฟิงเหยียนอยู่ข้างกายนาง นางจะปลอดภัยอย่างน้อยตราบใดที่เขายังไม่ตาย นางก็จะไม่ตกอยู่ในอันตรายใด ๆ และมันไม่ง่ายเลยที่จะฆ่าชายคนนี้ เพราะศัตรูที่ใหญ่ที่สุดของชายคนนี้ก็คือตัวเขาเองเท่านั้นนางรู้สึกถึงอุณหภูมิอันร้อนแรงของริมฝีปากและลิ้นของ เฟิงเหยียนจั๋วซือหรานคิดไปคิดมา เอาล่า ช่างมันเถิด...นางเลยยกมือขึ้นและกอดคอของเฟิงเหยียนนางไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนก่อนที่จะสิ้นสุดลงกับการจูบนี้เฟิงเหยียนปล่อยริมฝีปากของนาง แต่เขาไม่ถอยตัวออก ลมหายใจของชายผู้นี้และหญิงผู้นี้ผสมผสานกัน พวกเขาอยู่ใกล้กันมาก ปลายจมูกแตะต้องกันจั๋วซือหรานรู้สึกถึงการหายใจที่ร้อนแรงของเขา นางได้รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายของเขาอย่างเห็นได้ชัดเมื่อได้ยินเสียงแหบอันน่าหลงใหลใของเขา เขาถามนาง “เจ้ารู้

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 423

    พวกเขาแลกเปลี่ยนลมหายใจซึ่งกันและกัน ลมหายใจของพวกเขาพันกันจั๋วซือหรานรู้สึกเมื่อก่อนนางไม่ใช่คนเช่นนี้ แต่หลังจากนางเดินทางผ่านกาลเวลาและใช้ชีวิตอีกครั้ง นางเลยกล้าทำทุกอย่างโดยไม่กลัวอะไรนางเสียชีวิตไปแล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้นทำไมนางต้องกังวลอีกล่ะดังนั้นเมื่อจั๋วซือหรานข้ามกาลเวลามายังโลกใบนี้ นางใช้ชีวิตอย่างมีอิสระพูดตรง ๆ บางครั้งนางมีการกระทำบ้าคลั่งบ้างแต่ถึงแม้นางเปลี่ยนเป็นคนเช่นนี้แล้ว ตอนนี้นางยังรู้สึกเขินอายอยู่บ้างนางรู้สึกใบหน้าของนางร้อนเล็กน้อย เพราะก่อนหน้านี้นางรู้สึกตัวเองจูบเฟิงเหยียนในความมืด มันน่าตื่นเต้นเล็กน้อยแต่ตอนนี้ มันก็เท่ากับนางจูบกับซื่อจื่อของพวกเขาภายใต้สายตาของทุกคน และนางกับเฟิงเหยียนจูบกันอย่างเร่าร้อนผู้คนที่จ้องมองไปรอบ ๆ ต่างก็เป็นผู้อาวุโสของตระกูล พวกเขามีชื่อเสียงในเรื่องวิถีที่ล้าสมัยคลั่งหรือเปล่า จั๋วซือหราน เจ้าบ้าไปแล้วจริงๆยิ่งจั๋วซือหรานคิดเช่นนี้มากเท่าไร จูบระหว่างนางกับเฟิงเหยียนนั้นยิ่งรุนแรงมากขึ้นเท่านั้นเมื่อจูบสิ้นสุดลง ริมฝีปากของสองคนนี้ก็แยกออกจั๋วซือหรานมองเฟิงเหยียนอย่างหอบหายใจ นางเม้มริมฝีปากเล็กน้

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 424

    นี่คือความสามารถแบบไหนกันนะ นี่เป็นควมสามารถที่ถูกสร้างมาเพื่อเฟิงเหยียน นี่คือความสามารถที่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อรองรับพลังทางจิตวิญญาณของตระกูลเฟิงเมื่อพวกเขามองจั๋วซือหราน ดวงตาของพวกเขาก็แสดงความกระตือรือร้อนเล็กน้อย“หากเป็นเช่นนั้นจริง แม่นางจิ่วสามารถ...ตระกูลเฟิงให้เราได้…” เมื่อผู้อาวุโสพูดถึงจุดนี้ ดวงตาของเขาก็สดใสยิ่งขึ้น แม้ว่าเขาไม่ได้พูดต่อ แต่ความหมายก็ชัดเจนในตัวเองแล้วจั๋วซือหรานตกตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดนี้ นางแอบบ่นตัวเองพูดผิดพลาดเพราะนางลืมไปว่าเนื่องจากตระกูลเฟิงทั้งหมดใช้วิธีการที่แปลกประหลาด จึงรักษาพลังวิเศษของตระกูลเฟิงได้ ดังนั้นแม้ว่าสมาชิกของตระกูลเฟิงทรงพลังอย่างมาก แต่พวกเขาต่างรู้สึกจนปัญญา เนื่องจากพวกเขาถูกพลังวิเศษอันรุนแรงทำร้ายและต้องรับบาดเจ็บจากพลังวิเศษด้วยนี่ไม่ใช่ปัญหาของเฟิงเหยียนเพียงพูดเดียว แต่เป็นปัญหาของสมาชิกทุกคนของตระกูลเฟิงเช่นกันเมื่อครู่นี้จั๋วซือหรานเพิ่งบอกพวกเขาว่า นางมีความสามารถเช่นนี้ ซึ่งทำให้เหล่าผู้อาวุโสรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก“ไม่เคยคิดเลยว่าจะสามารถปลุกความสามารถเช่นนี้ได้ ต้องพูดอย่างไรดี… ต้องยอมรับจริง ๆ สา

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 425

    เมื่อเฟิงเหยียนได้ยินคำพูดของนาง เขามองนาง “เจ้ากลัวจะตกหลุมพรางของคนอื่นไม่ใช่หรือ”จากคำพูดในก่อนหน้านี้ของจั๋วซือหราน เฟิงเหยียนฟังออก ตอนนี้สถานการณ์ของจั๋วซือหรานนั้นน่าเป็นห่วงหากเรื่องเป็นไปตามที่นางพูดไว้ นางจะกลายเป็นคนที่มีบุญต่อตระกูลหากเรื่องไม่ได้เป็นไปตามที่นางกล่าวไว้ในก่อนหน้านี้ นางจะกลายเป็นคนเจ้าเล่ห์ที่วางยาพิษให้กับตระกูลเฟิง เพื่อฉ้อโกงตระกูลเฟิง จากนั้นนางฉวยโอกาสแสดงความโปรดปรานในภายหลังเฟิงเหยียนเข้าใจความกังวลของนาง และถึงกับรู้สึกว่านางฉลาดมากจริง ๆ เพราะนางสามารถคาดเดาได้ทุกความเป็นไปได้และคิดถึงจุดนี้ด้วยมีคนมากมายในโลกนี้ที่เดินหนึ่งก้าวก่อน จากนั้นค่อยพิจาราณาว่าจะทำอย่างไรต่อ ดังนั้นผู้ที่เดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าวแล้วทราบจะทำอย่างไรต่อในขั้นต่อไป ถือว่าเป็นคนฉลาดแล้วและสำหรับคนอย่างนาง นางได้คิดออกอนาคตจะเกิดอะไร และคิดไปถึงทางไกลอย่างมาก นางพิจาราณาถึงทุกรายละเอียดและทุกความเป็นไปได้ นางไม่เคยพลาดเรื่องใด ๆ ซึ่งถือได้ว่าคนฉลาดขั้นเทพจั๋วซือหรานได้ยินคำพูดของเขา นางยิ้มและมองเขา ดวงตาของนางยังคงแสดงท่าทีขี้เล่นอยู่บ้าง นางถามว่า " ท่านอ๋อง...

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 426

    เดิมทีเฟิงเหยียนนั่งอยู่บนม้านั่งอี้หิน นั่นเป็นม้านั่งหินที่ทำจากหินสีเขียวชิ้นใหญ่ ซึ่งม้านั่งหินตัวนี้หนักมากจั๋วซือหรานเห็นเขานั่งอยู่บนม้านั่งหิน มือข้างหนึ่งวางอยู่บนขอบม้านั่งหินในขณะนี้ ขอบของม้านั่งหินแตกเป็นชิ้น ๆเดิมทีม้านั่งหินนี้ถูกแกะสลักจากหินสีเขียวที่แข็งมากนั้น บัดนี้ม้านั่งหินนี้เปราะบาง เหมือนชิ้นเต้าหู้ในมือของเขาขอบของม้านั่งถูกเขาบดขยี้ ชิ้นส่วนที่แหลกสลายกลายเป็นผงในมือของเขา และผงเหล่านี้ไม่ทันจะปลิวไปจากมือของเขาผงนั้นถูกเปลวเพลิงที่ร้อนแรงเผา มันคงจะร้อนมากจนเกิดประกายไฟสองสามดวงในอากาศ จากนั้นหายไปโดยไม่เหลืออะไรเลยยิ่งไปกว่านั้น จั๋วซือหรานไม่รู้ว่าเป็นภาพลวงตาหรือไม่นางรู้สึกอุณหภูมิในตำหนักใต้ดินนี้...ดูเหมือนตำหนักใต้ดินทั้งหมดร้อนขึ้นเล็กน้อยแม้ว่าก่อนหน้านี้ เมื่อนางหลับไป นางรู้สึกอบอุ่นขณะที่นางนอนบนตักของเฟิงเหยียน แต่อุณหภูมิโดยรวมที่เพิ่มขึ้นนั้นแตกต่างจากอุณหภูมิตอนที่นางหลับเดิมทีจั๋วซือหรานยังคิดอยู่ว่านางรู้สึกผิดหรือเปล่าแต่ในไม่ช้า ผู้อาวุโสหลายคนเริ่มรู้สึกไม่สบายตัวเล็กน้อย และสีหน้าของพวกเขาก็แสดงให้เห็นว่า พวกเขาทนไม่

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 427

    เฟิงเหยียนจ้องมองนางอย่างลึกซึ้ง มันเวลาไหนแล้วนางยังมีอารมณ์พูดตลกอีกจั๋วซือหรานมองเข้าไปในดวงตาของเฟิงเหยียน นางต้องยอมรับรูม่านตาของชายคนนี้ลึกมาก และสายตาของเขาก็ลึกมากในความเป็นจริง หลายครั้งคนอื่นมักจะอ่านไม่ออกหลายอารมณ์ของเขาแต่บางครั้งลูกตาของชายคนนี้ก็ใสสะอาดเหมือนเด็กอย่างตอนนี้จั๋วซือหรานมองเข้าไปในดวงตาของเขาและดูเหมือนนางมองเห็นทุกสิ่งได้ชัดเจนดังนั้นจั๋วซือหรานจึงโค้งริมฝีปากและยิ้ม "ใช่ เมื่อไรแล้ว ข้ายังพูดเล่นได้ นั่นพิสูจน์ว่าสำหรับข้า เรื่องนี้ไม่ได้ร้ายแรงมากหรอก ท่านอ๋องอย่ากังวลนะ อย่าโกรธ มิฉะนั้น..."จั๋วซือหรานดึงมุมเสื้อผ้าของเขาเบา ๆ อีกครั้ง และการเคลื่อนไหวของนางก็ดูอ่อนไหวอย่างมากและคำพูดของนางฟังดูเหมือนนางกำลังพูดว่า ไม่เช่นนั้น ข้าจะจูบเจ้านะเพราะเฟิงเหยียนทราบดี วิธีที่ง่ายที่สุดและตรงที่สุดที่นางสามารถถอดพลังวิเศษของเขาออกได้คือสิ่งนี้เฟิงเหยียนจ้องเข้าไปในดวงตาของนางครู่หนึ่งแล้วหายใจเข้าลึก ๆ สองครั้งในที่สุดเขาก็ค่อย ๆ ระงับอารมณ์ปั่นป่วนในหัวใจของเขาบางที แม้แต่เฟิงเหยียนเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงโกรธมากเมื่อได้ยินจั๋วซือหราน

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 428

    เฟิงเหยียนหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่จะสงบสติอารมณ์ได้เช่นกัน เขาถามจั๋วซือหราน "เจ้าอยากนำแม่กู่นี้ไปใช้เองหรือ"“อีกฝ่ายทำให้ข้าต้องเหนื่อยขนาดนี้ ข้ารักษาทุกคน มันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ นะ ข้ายึดแม่กู่ไม่กี่ตัวนั้นไว้ เอาเป็นว่าเป็นดอกเบี้ยละกัน มันไม่ได้มากเกินไปหรอก”จั๋วซือหรานยักไหล่เล็กน้อยขณะที่นางพูด "และจริง ๆ แล้วข้ายังไม่แน่ใจว่าข้าเอาแม่กู่ของอีกฝ่ายมาใช้ ข้าทำสำเร็จได้หรือไหม แต่ไม่เป็นไร ข้าลองดูก่อน เพราะอย่างไรก็ตาม ข้าไม่ได้จ่ายเงินสักหน่อย "ทันใดนั้นทุกคนหมดคำพูดกับจั๋วซือหรานผู้อาวุโสคนหนึ่งอดไม่ได้อีกต่อไปแล้วพูดว่า " แม่นางจิ่ว แต่แม่กูพวกนี้ทำให้ ฟิงช่านเฟิงจู๋ และคนือ่น ๆ กลายเป็นคนประหลาดเช่นนั้น พูดตามตรง พวกเขาถือว่าเป็นคนเก่งของตระกูลเฟิง และต่างผ่านการฝึกฝนของตระกูลเฟิงแล้ว จึงได้ถูกลัทธิเลือก... สุดท้ายพวกเขากลายเป็นเช่นนี้และรอดชีวิตไม่ได้ "ความหมายของคำพูดนี้ชัดเจนอย่างมากโดยไม่ต้องกล่าวเสริมอีก เพราะการฝึกฝนของตระกูลเฟิงไม่ใช่เรื่องเล่น นั่นเป็นสนามแข่งที่แม้แต่เฟิงเหยียนก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเพียงแต่สาเหตุจริงที่เฟิงเหยียนได้รับบาดเจ็บในการฝึกฝนของตระก

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 429

    ได้ยินมาว่าหากตระกูลจั๋วปลุกพลังสายเลือดแห่งตระกูล อย่างเต็มที่ ความสามารถของพวกเขาก็จะยิ่งแข็งแกร่งยิ่งขึ้นไม่ต้องพูดถึงงู แมลง หนู และมดแม้แต่ดอกไม้และต้นไม้ก็สามารถสัมผัสถึงความสามารถนี้ได้หากเอาเป็นจริง ๆ ก็อาจเป็นได้ว่าดอกไม้ทุกดอกและหญ้าทุกชนิดเป็นหูเป็นตาของนางได้กล่าวโดยสรุป ผู้อาวุโสเข้าใจความหมายของจั๋วซือหรานพลังวิเศษของนางสามารถทำให้แม่กู่เหล่านี้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดได้ หากนางต้องการลองนำแม่กู่เหล่านี้ไปใช้ด้วยตัวเองจริง ๆอาจจะ......แต่เดิมเหล่าผู้อาวุโสยังคิดอยู่ว่าเรื่องนี้ไม่น่าดำเนินการได้ ตอนนี้พวกเขาก็เริ่มรู้สึกความเป็นไปได้ของเรื่องนี้พวกเขาเริ่มโน้มน้าวเฟิงเหยียนด้วยซ้ำ“ เหยียนเอ๋อร์ ข้าคิดว่าแม่นางจิ่วพูดถูก เจ้าคิดว่าอย่างไร”“ใช่แล้ว อย่างไรก็ตาม แค่ลองเฉย ๆ ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ หากแม่นางจิ่วสามารถปราบแม่กู่เจ้าเวรเหล่านี้ได้จริง ๆ เราก็สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ได้เช่นกัน”“ถึงแม้จะเป็นไปไม่ได้ แต่มีเจ้าอยู่เคียงข้างกายนาง แม่นางจิ่วจะไม่ตกอยู่ในอันตรายใด ๆ...ใช่ไหม”และผู้อาวุโสต่างก็มีความรู้สึกอยู่ในใจ... จั๋วจิ่วคนนี้ไ

บทล่าสุด

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 930

    ทุกคนล้วนมองออก ถ้าพูดจากด้านพลัง จั๋วซือหรานได้เปรียบอย่างสมบูรณ์ต่อให้นางไม่ต้องพูดซ้ำเกรงว่าหลังจากวันนี้ ชื่อของจั๋วซือหรานคงกลายเป็นตำนานมีชีวิตในเมืองหลวงแน่ๆถ้าจะให้พูดจริงๆ นางสู้กับตระกูลใหญ่ห้าตระกูลตามลำพัง แต่ก็ยัง...ไม่พ่ายแพ้แค่คิด ก็รู้สึกว่าเป็นแรงบันดาลใจได้แล้วรถม้าแล่นมาถึงบ้านตระกูลจั๋วรู้สึกเหมือนจากไปเสียนาน แต่พอย้อนนึกดู ก็เหมือนจะไม่ได้นานเท่าไรทว่าตอนนี้ จั๋วซือหรานไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วนางเดินเข้าไปในโถงประชุม ไม่แม้แต่จะมองพวกเขา เดินตรงไปที่นั่งบนสุด แล้วนั่งลงทุกคนล้วนตะลึงงันไปชั่วขณะหนึ่ง ทั้งห้องนิ่งเงียบเป็นเป่าสากเหมือนมีคนรู้สึกว่าสมควรจะตำหนินาง นางขึ้นไปนั่งบนที่นั่งสูงสุดได้อย่างไรกัน?! ที่นั่งสูงสุดบนโถงประชุม มีไว้ให้เหล่าผู้อาวุโสนั่งแต่นางก็นั่งลงแล้ว กระทั่งมองออกไม่ยากด้วยว่านางจงใจยิ่งไปกว่านั้นตำแหน่งที่นางนั่ง ก็เป็นตำแหน่งของผู้อาวุโสสามพอดีแต่เห็นได้ชัด ว่าประสบการณ์ในอดีต ทำให้นางมีความรู้สึกไม่ดีกับผู้อาวุโสสามมากและเพราะการแสดงออกในเมืองหลวงของจั๋วซือหรานยิ่งยอดเยี่ยม ยิ่งโดดเด่นผู้อาวุโสสามกับผู้อาวุโ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 929

    สายตาจั๋วซือหรานมองพวกเขาอย่างจืดจางอันที่จริง คนไม่น้อยที่รอจะดูมหรสพ เพราะตอนที่เห็นคนของตระกูลจั๋วมากมายมาที่ประตู รู้สึกว่าน่าจะมีมหรสพให้ดูจึงหยุดลงมาคนไม่น้อยยังรู้สึกว่า ตระกูลจั๋วน่าจะมาหาเรื่องจั๋วซือหราน หรืออาจจะทำอะไร...สรุปคือ สิ่งที่พวกเขารอ คือฉากที่ตระกูลจั๋วกับจั๋วซือหรานไปกันไม่ได้ไม่มีคนคิดถึงภาพระหว่างจั๋วซือหรานกับตระกูลจั๋วอยู่กันด้วยดีอะไรแบบนั้นบางทีคงเพราะ...ไม่เคยมีใครคิด คนที่ทะเลาะกับครอบครัวจนแตกหักไปแล้วแบบนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็คงรู้สึกแย่เอามากๆ นั่นล่ะจะไปมีชีวิตที่ดี แล้วกลับมาถูกตระกูลให้ความสำคัญอีกได้อย่างไรกัน?เพราะล้วนคิดเช่นนี้ ดังนั้นจึงไม่มีใครคิดว่าระหว่างจั๋วซือหรานกับตระกูลจั๋วจะอยู่กันได้ด้วยดีเพียงแต่ตอนนี้ ทุกคนกลับไม่ได้เห็นฉากที่ทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากันอย่างรุนแรงจั๋วซือหรานเอ่ยเสียงเรียบให้พวกเขาหลีกทาง จ้องมองพวกเขาด้วยสายตาเฉยเมยในความเป็นจริง คนของตระกูลจั๋ว ในสายตานางไม่เห็นถึงความทะนงตนใดๆ เลยพวกเขาเดิมทีคิดว่า ตอนที่เห็นพวกเขาเข้ามาอ่อนข้อให้แล้วเชิญนางกลับไป ท่าทีของนางควรจะดูเย่อหยิ่งมากถึงจะถูกแต่กลับไม่มีเล

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 928

    "โอ้ เห็นว่าคนอื่นเขามากัน ข้าก็อยากจะมาหนุนหน้าให้เจ้าเหมือนกันสิ" ฮั่วจือโจวเอ่ยขึ้น รอยยิ้มในดวงตาเปล่งประกาย "พอดีเลย เจ้านี่อยากจะมาขอบคุณเจ้าด้วยเหมือนกัน"ฮั่วจือโจวชี้ไปที่ฮั่วชิงหยวน"ขอบคุณหรือ?" จั๋วซือหรานไม่ค่อยเข้าใจ "ขอบคุณเรื่องอะไร?""เยอะเลย" ฮั่วจือโจวเอียงตาเหลือบไปทางฮั่วชิงหยวน บอกกับนางว่า "ให้เขาบอกเองดีกว่า"จั๋วซือหรานมองไปทางฮั่วชิงหยวนฮั่วชิงหยวนเกาหัวอย่างเขินๆ แต่ดวงตาก็เปล่งประกายวิบวับอยู่ตลอด คอยจ้องมาทางจั๋วซือหรานเป็นระยะ เอ่ยขึ้นตรงๆ ว่า "แม่นางจิ่ว ถ้าไม่มีท่าน ข้าคงถูกชินอ๋องอวี้หลอกใช้ไปนานแล้ว ถึงแม้ข้าจะไม่ค่อยฉลาดนัก แต่ก็ไม่ชอบถูกคนใช้ประโยชน์เท่าไร""ยิ่งไปกว่านั้น..." ฮั่วชิงหยวนหัวเราะเหอะๆ "ด้วยความช่วยเหลือของท่าน แม้ว่าทรัพยากรข้าจะไม่ได้ดีเด่อะไร แต่ก็ถือว่าเป็นทรัพยากรที่ไม่เลว"จั๋วซือหรานฟังคำพูดนี้ก็นึกๆ ก็เข้าใจว่าเขาน่าจะพูดถึงการร่วมมือของนางกับตระกูลฮั่ว ยาลูกกลอนที่มอบให้เหล่านั้นกระมัง"ดังนั้นไม่ว่าอย่างไร ข้าก็ต้องมาขอบคุณท่านด้วยตัวเองสักครั้ง ขอบคุณมาก" ฮั่วชิงหยวนเก็บรอยยิ้มบนหน้าลง เอ่ยขึ้นด้วยสายตาจริงจังจั๋ว

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 927

    จั๋วซือหรานต้องการอะไร ก็จะขอออกมาตรงๆจุดนี้ ไม่ได้ทำให้องค์จักรพรรดิเฒ่ารำคาญน่าจะเพราะถูกซือคงอวี้วางแผนใส่มานาน พอโดนไปมากๆ เข้า จักรพรรดิเฒ่าตอนนี้จึงรู้สึกต่อต้านพวกคนคดเคี้ยวกับเรื่องราวที่ซับซ้อนขึ้นมาโดยสัญชาตญาณดังนั้นจั๋วซือหรานที่นิสัยตรงไปตรงมาแบบนี้ กลับยิ่งสอดคล้องกับเจตนาของเขามากขึ้นองค์จักรพรรดิเฒ่าฟังคำนี้แล้วก็นึกๆ จากนั้นก็เข้าใจขึ้นมา "ข้าจำได้แล้ว ก่อนหน้านี้เจ้าเคยไปหาไทเฮาเรื่องขอพระราชทานอภิเษกไว้ใช่ไหม?""ใช่แล้ว" จั๋วซือหรานยิ้มตาโค้งเอ่ยขึ้น "ฝ่าบาททรงจำได้ด้วย จั๋วจิ่วรู้สึกเป็นเกียรติยิ่งนัก""ทำไมหรือ? เจ้าต้องตาใครเข้าแล้วล่ะ?" ซือคงเหมี่ยนรู้สึกสนใจขึ้นมาจั๋วจิ่วคนนี้ กระทั่งน้องเจ็ดก็ยังไม่ชายตามอง...แล้วไปต้องตาใครเข้ากันนะ? คงจะไม่ใช่ซื่อจื่อเฟิงกระมัง? นี่จะซื่อตรงเกินไปแล้วซือคงเหมี่ยนครุ่นคิด ตอบว่า "ยัยหนูจั๋วจิ่ว ถ้าหากอีกฝ่ายหมั้นหมายไปแล้ว ข้าเองก็ไปทำลายงานแต่งงานคนอื่นไม่ได้หรอกนะ"พอได้ยินคำนี้ อ๋องเซี่ยนที่ขี่ม้าอยู่ข้างๆ รถองค์จักรพรรดิเฒ่ามาตลอดก็ถอนใจโล่ง แม้ว่าเขาจะไม่รู้ก็ตามว่าถอนใจโล่งทำไมและจั๋วซือหรานพอได้ยินคำน

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 926

    แม้จะบอกว่า จั๋วซือหรานตอนที่ประลองกับซางถิงในตลาดมืด จะเคยใช้สัตว์เลี้ยงไปแล้วตามหลักการน่าจะมีคนไม่น้อยที่รู้จักสัตว์อสูรของนางแต่เพราะตอนนั้น ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะมองเห็นนี่ไม่ได้เหมือนในชาติที่แล้วของนาง ที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายรูปโพสไปบนเน็ตได้นี่ล้วนเป็นการลือกันแบบปากต่อปาก คนส่วนใหญ่เคยชินกับข่าวแบบนี้ที่มักจะพูดกันเกินจริง ดังนั้นบางคนก็ไม่ค่อย หรือเชื่อบ้างไม่เชื่อบ้างก็ตามทีแต่ตอนนี้ ทุกคนได้เห็นกับตาแล้ว"หรือว่า...กระทั่งตระกูลซาง...ก็ยังแพ้นางมาแล้ว"อิงเซ่าขี่ม้าเข้ามารับ เขาดูตื่นเต้น ใบหน้าแดงก่ำไปหมดพอมาอยู่ตรงหน้าจั๋วซือหรานจั๋วซือหรานจึงเก็บแมงมุมลงมา ยืนอยู่บนพื้นอิงเซ่าพลิกตัวลงจากม้า "แม่นางจิ่ว! ข้ารู้อยู่แล้ว ว่าถ้าท่านออกโรงต้องสำเร็จ"จั๋วซือหรานเอียงหัวไปทางด้านหลัง "คนของท่าน พากลับมาไม่ขาดแม้แต่คนเดียว บาดเจ็บไปหลายคน แต่ก็ไม่ได้หนักหนาอะไร""ดี!" อิงเซ่าพยักหน้า พูดต่อกันว่า "ดีดีดีมาก!"ตอนนี้ อันที่จริงอย่าว่าแต่เหล่าขุนนางชนชั้นสูงกับพวกราชวงศ์ที่ออกันเต็มประตูเมืองเลยกระทั่งเหล่าประชาชนที่มามุงดูก็ยังเข้าใจ ว่าแม่

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 925

    ดวงตาซือคงอวี้ถลึงโต ลูกตาค่อยๆ พร่ามัวและชายหนุ่มที่ใบหน้าหล่อเหลาชั่วร้ายนี้ ก็ปัดเศษเลือดที่กระเซ็นมาติดชายเสื้อออกไปอย่างไม่แยแสเขารูปร่างโปรง สูงเพรียว แต่ไม่ได้ดูแข็งแรงนัก ดูแล้วผอมไปบ้างแต่กระดูกรูปหน้าดี ดังนั้นใบหน้าจึงดูดีมาก บวกกับผิวที่ขาว จึงให้ความรู้สึกที่เย็นชาดูจากใบหน้าแล้ว ไม่ได้มีเอกลักษณ์ของคนแดนใต้มากนัก ถ้าหากบวกกับผิวสีขาวเข้าไป ก็ยิ่งไม่เกี่ยวกันกับผิวสีคล้ำค่อนดำที่เห็นได้บ่อยๆ ของคนแดนใต้แล้วแต่ผมสีแดงเข้มบนหัว ก็ดูไม่เหมือนกับต้าชางเลยเสื้อผ้าบนตัวเขา สีใกล้เคียงกับสีผมเขามาก ในที่ที่มีแสงน้อย ก็เหมือนจะกลืนกันจนเป็นสีดำแต่ถ้ามองในที่ที่สว่างหน่อย ก็จะดูเป็นสีแดงเข้มคล้ายเลือดและตอนนี้ เหล่าทหารเดนตายของชินอ๋องอวี้...ที่ก่อนหน้านี้ไม่รู้ถอยหนีกระจายกันไปที่ไหน กลับล้อมวงกันเข้ามา"นายท่าน"พวกเขาทยอยกันคุกเข่าข้างหนึ่งชายหนุ่มร้องอืมขึ้น จากนั้นจึงยื่นมือไปดึงคอเสื้อของซือคงอวี้ ลากเขาเดินไปด้านหน้าทหารเดนตายคนหนึ่งเอ่ยขึ้นทันที "นายท่าน ให้ข้าน้อยช่วยเถิด?"ชายหนุ่มกลับโบกไม้โบกมือไม่สนใจ "ไม่ต้อง เดี๋ยวจะทำตะปูวิญญาณข้าเสียหาย"เหล

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 924

    ในใจฮาร์วีย์คิดถึงความเป็นไปได้หนึ่ง คิ้วเลิกขยับขึ้นเบาๆ ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกจั๋วซือหรานเห็นสีหน้าเขา ยังคิดว่าเขาจะพูดอะไรอีก คิดไม่ถึงว่าจะไม่พูดอะไรออกมาเลยไม่พูดก็ไม่พูด ถึงอย่างไรก็ไม่ได้รีบร้อนที่จุดนี้จั๋วซือหรานรอการตัดสินใจขององค์จักรพรรดิเฒ่า แค่ครู่เดียว รองแม่ทัพก็เข้ามารายงาน อธิบายถึงเจตนาขององค์จักรพรรดิเฒ่ารองแม่ทัพบอกว่า "ฝ่าบาทตรัสว่า ให้เดินหน้าต่อได้เลย"จั๋วซือหรานพยักหน้าเล็กน้อย ไม่ได้รู้สึกเกินคาดอะไรกับคำตอบนี้ แค่ตบลงบนตัวแมงมุมน้อยเบาๆไม่มีอะไรเกินคาด นับแต่โบราณองค์จักรพรรดินั้นปราศจากความเมตตาที่สุดมาตลอดตอนที่โปรดปรานเจ้า ก็อยากจะให้เจ้าเป็นองค์รัชทายาทจนตัวสั่น แต่พอความโปรดปรานนี้หายไป แค่ศพก็ไม่อยากจะเก็บกลับไปแมงมุมของจั๋วซือหรานนำทางอยู่ด้านหน้า ขบวนรถม้าเคลื่อนตามนางอยู่ด้านหลังซือคงอวี้แผ่อยู่บนพื้น เขาคลานไปบนพื้นสายตาจับจ้องไปยังทิศทางที่ขบวนรถม้าจากไป มองรถม้าที่คลุมด้วยสีเหลืองคันนั้นห่างออกไปเรื่อยๆมุมปากเขาขยับ แต่ก็ไม่อาจะตะโกนเรียกได้แล้ว เหลือเพียงแต่เสียงที่อ่อนแอ"เสด็จพ่อ...เสด็จพ่อ..." หางตาซือคงอวี้มีน้ำตาหลั่งอ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 923

    จากที่คนอื่นเห็นชินอ๋องคนหนึ่ง ต่อให้จะทำความผิดพลาดครั้งใหญ่แค่ไหน ก็ยังต้องให้ผู้ปกครองสูงสุดแห่งราชวงศ์ ผู้เป็นจักรพรรดิมาลงโทษแต่ไม่ใช่นางที่เป็นหญิงสาวคนหนึ่ง ลงมาสังหารโดยที่ตาก็ไม่กระพริบนางช่างอาจหาญเสียจริง!เหมือนกับชายหนุ่มที่เด็ดเดี่ยวซึ่งไม่เคยหันกลับไปมองฉากระเบิดด้านหลังอย่างไรอย่างนั้นจั๋วซือหรานพอลงมือก็ลงมือ ขี้เกียจจะหันกลับไปมองหลายรอบนางหิ้วขลุ่ยดินเผาเลานั้น เดินกลับไปตรงหน้าราชาแมงมุมหน้าผี กระโดดขึ้นไปบนหลังมันฮาร์วีย์ที่อยู่ข้างๆ เนื่องจากเป็นเชลยของจั๋วซือหราน ดังนั้นจึงอยู่ใกล้นางมากก่อนหน้านี้เห็นขั้นตอนทั้งหมดกับตา ดังนั้นตอนนี้จึงยังคงตกตะลึงอยู่จั๋วซือหรานจ้องมองขลุ่ยดินเผาในมือพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง จึงแหงนตามองฮาร์วีย์ "นี่คืออาวุธกู่นั่นใช่ไหม?"ฮาร์วีย์พยักหน้า "ใช่แล้ว"จั๋วซือหรานมองสัญลักษณ์ดอกถูหมีนั่น มุมปากนางก็ยกขึ้น นิ้วมือควบพลังวิญญาณ จัดการลบสัญลักษณ์ดอกถูหมีบนขลุ่ยดินเผานั้นออกอย่างไม่ปราณีพอเห็นการกระทำที่อหังการเช่นนี้ของนาง ฮาร์วีย์ประหลาดใจหน่อยๆ แต่ก็เหมือนไม่ได้รู้สึกเกินคาดเท่าไรฮาร์วีย์เอ่ยขึ้นอย่างจนใจ "แม่นา

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 922

    และนางเองก็ไม่ใช่ว่าจะไปเด็ดหัวศัตรู แต่แค่ทำเหมือนเข้าไปเด็ดดอกไม้สดดอกหนึ่งอย่างไรอย่างนั้นนักรบเดนตายของซือคงอวี้เหล่านั้น ก็ไม่รู้ว่าเพราะเห็นซือคงอวี้ไม่ดิ้นรนเหมือนคนที่ใกล้จะตายแล้ว หรือว่าเพราะยังตกใจกับการโจมตีก่อนหน้าของจั๋วซือหราน จึงทำให้คนไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม?สรุปคือ แม้พวกเขาจะมีท่าทีระแวดระวังอยู่ตลอด กลับไม่กล้าคิดจะทดลองลงมืออะไรกับจั๋วซือหรานแน่นอน และอาจจะเพราะรู้ว่าตนเองสู้ไม่ไหวจั๋วซือหรานเดินไปอยู่ตรงหน้าซือคงอวี้อย่างราบรื่นพอเห็นว่าเหล่าทหารเดนตายรอบๆ ทำได้แค่ระแวดระวัง ไม่มีท่าทีว่าจะโจมตีอะไร จั๋วซือหรานจึงยกริมฝีปากหัวเราะขึ้นมา "เป็นตัวเลือกที่ฉลาด"จากนั้น จั๋วซือหรานก็คุกเข่าลงมาตรงหน้าซือคงอวี้นางกอดเขานั่งยองลงมาตรงหน้าซือคงอวี้ ก้มลงมองดูเขา...ซือคงอวี้ถลึงสองตาที่เต็มไปด้วยเส้นเลือด จ้องเขม็งยังจั๋วซือหรานแต่ตอนนี้เอง ท่าทางกับสายตาของจั๋วซือหรานก็ทำให้เขาเกิดเข้าใจผิด ราวกับว่า...นางไม่ได้กำลังมองเขา แต่ว่า...แต่ว่ากำลังมองมดปลวกบนพื้นตัวหนึ่ง"เจ้า..." ซือคงอวี้ส่งเสียงออกมาอย่างยากลำบาก เขารู้ว่าตนเองตกที่นั่งลำบากแล้วเช่นนั้น

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status