เฟิงเหยียนจ้องมองนางอย่างลึกซึ้ง มันเวลาไหนแล้วนางยังมีอารมณ์พูดตลกอีกจั๋วซือหรานมองเข้าไปในดวงตาของเฟิงเหยียน นางต้องยอมรับรูม่านตาของชายคนนี้ลึกมาก และสายตาของเขาก็ลึกมากในความเป็นจริง หลายครั้งคนอื่นมักจะอ่านไม่ออกหลายอารมณ์ของเขาแต่บางครั้งลูกตาของชายคนนี้ก็ใสสะอาดเหมือนเด็กอย่างตอนนี้จั๋วซือหรานมองเข้าไปในดวงตาของเขาและดูเหมือนนางมองเห็นทุกสิ่งได้ชัดเจนดังนั้นจั๋วซือหรานจึงโค้งริมฝีปากและยิ้ม "ใช่ เมื่อไรแล้ว ข้ายังพูดเล่นได้ นั่นพิสูจน์ว่าสำหรับข้า เรื่องนี้ไม่ได้ร้ายแรงมากหรอก ท่านอ๋องอย่ากังวลนะ อย่าโกรธ มิฉะนั้น..."จั๋วซือหรานดึงมุมเสื้อผ้าของเขาเบา ๆ อีกครั้ง และการเคลื่อนไหวของนางก็ดูอ่อนไหวอย่างมากและคำพูดของนางฟังดูเหมือนนางกำลังพูดว่า ไม่เช่นนั้น ข้าจะจูบเจ้านะเพราะเฟิงเหยียนทราบดี วิธีที่ง่ายที่สุดและตรงที่สุดที่นางสามารถถอดพลังวิเศษของเขาออกได้คือสิ่งนี้เฟิงเหยียนจ้องเข้าไปในดวงตาของนางครู่หนึ่งแล้วหายใจเข้าลึก ๆ สองครั้งในที่สุดเขาก็ค่อย ๆ ระงับอารมณ์ปั่นป่วนในหัวใจของเขาบางที แม้แต่เฟิงเหยียนเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงโกรธมากเมื่อได้ยินจั๋วซือหราน
เฟิงเหยียนหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่จะสงบสติอารมณ์ได้เช่นกัน เขาถามจั๋วซือหราน "เจ้าอยากนำแม่กู่นี้ไปใช้เองหรือ"“อีกฝ่ายทำให้ข้าต้องเหนื่อยขนาดนี้ ข้ารักษาทุกคน มันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ นะ ข้ายึดแม่กู่ไม่กี่ตัวนั้นไว้ เอาเป็นว่าเป็นดอกเบี้ยละกัน มันไม่ได้มากเกินไปหรอก”จั๋วซือหรานยักไหล่เล็กน้อยขณะที่นางพูด "และจริง ๆ แล้วข้ายังไม่แน่ใจว่าข้าเอาแม่กู่ของอีกฝ่ายมาใช้ ข้าทำสำเร็จได้หรือไหม แต่ไม่เป็นไร ข้าลองดูก่อน เพราะอย่างไรก็ตาม ข้าไม่ได้จ่ายเงินสักหน่อย "ทันใดนั้นทุกคนหมดคำพูดกับจั๋วซือหรานผู้อาวุโสคนหนึ่งอดไม่ได้อีกต่อไปแล้วพูดว่า " แม่นางจิ่ว แต่แม่กูพวกนี้ทำให้ ฟิงช่านเฟิงจู๋ และคนือ่น ๆ กลายเป็นคนประหลาดเช่นนั้น พูดตามตรง พวกเขาถือว่าเป็นคนเก่งของตระกูลเฟิง และต่างผ่านการฝึกฝนของตระกูลเฟิงแล้ว จึงได้ถูกลัทธิเลือก... สุดท้ายพวกเขากลายเป็นเช่นนี้และรอดชีวิตไม่ได้ "ความหมายของคำพูดนี้ชัดเจนอย่างมากโดยไม่ต้องกล่าวเสริมอีก เพราะการฝึกฝนของตระกูลเฟิงไม่ใช่เรื่องเล่น นั่นเป็นสนามแข่งที่แม้แต่เฟิงเหยียนก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเพียงแต่สาเหตุจริงที่เฟิงเหยียนได้รับบาดเจ็บในการฝึกฝนของตระก
ได้ยินมาว่าหากตระกูลจั๋วปลุกพลังสายเลือดแห่งตระกูล อย่างเต็มที่ ความสามารถของพวกเขาก็จะยิ่งแข็งแกร่งยิ่งขึ้นไม่ต้องพูดถึงงู แมลง หนู และมดแม้แต่ดอกไม้และต้นไม้ก็สามารถสัมผัสถึงความสามารถนี้ได้หากเอาเป็นจริง ๆ ก็อาจเป็นได้ว่าดอกไม้ทุกดอกและหญ้าทุกชนิดเป็นหูเป็นตาของนางได้กล่าวโดยสรุป ผู้อาวุโสเข้าใจความหมายของจั๋วซือหรานพลังวิเศษของนางสามารถทำให้แม่กู่เหล่านี้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดได้ หากนางต้องการลองนำแม่กู่เหล่านี้ไปใช้ด้วยตัวเองจริง ๆอาจจะ......แต่เดิมเหล่าผู้อาวุโสยังคิดอยู่ว่าเรื่องนี้ไม่น่าดำเนินการได้ ตอนนี้พวกเขาก็เริ่มรู้สึกความเป็นไปได้ของเรื่องนี้พวกเขาเริ่มโน้มน้าวเฟิงเหยียนด้วยซ้ำ“ เหยียนเอ๋อร์ ข้าคิดว่าแม่นางจิ่วพูดถูก เจ้าคิดว่าอย่างไร”“ใช่แล้ว อย่างไรก็ตาม แค่ลองเฉย ๆ ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ หากแม่นางจิ่วสามารถปราบแม่กู่เจ้าเวรเหล่านี้ได้จริง ๆ เราก็สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ได้เช่นกัน”“ถึงแม้จะเป็นไปไม่ได้ แต่มีเจ้าอยู่เคียงข้างกายนาง แม่นางจิ่วจะไม่ตกอยู่ในอันตรายใด ๆ...ใช่ไหม”และผู้อาวุโสต่างก็มีความรู้สึกอยู่ในใจ... จั๋วจิ่วคนนี้ไ
“แม่นาง... เอ่อ... แม่นางจิ่ว นี่... น่าขยะแขยงเกินไป...” ผู้อาวุโสหนึ่งคนอดไม่ได้ที่ต้องมีอาการคลื่นไส้สองทีและการกระทำต่อไปของจั๋วซือหรานยิ่งทำให้เขารู้สึกอยากอาเจียนมากขึ้นจั๋วซือหรานยื่นมือออกและไปล้วงเนื้อที่ดูอ่อนนุ่มของเฟิงจู๋..."อ๊วก"(เสียงอาเจียน)"แหวะ"(เสียงอาเจียน)"อู๊บ โอ๊ก"(เสียงอาเจียน)ผู้อาวุโสทุกคนอาเจียนพร้อมกันจากนั้นพวกเขาเห็นว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เปลี่ยนสีหน้าหรือการแสดงออก แม้ว่านางต้องเผชิญกับร่างกายที่เสียโฉมของเฟิงจู้ก็ตามในขณะนี้ นางขมวดคิ้วเพราะพวกเขาอาเจียนเหล่าผู้อาวุโส "..."นี่ทำให้พวกเขารู้สึกเสียหน้าเล็กน้อยจั๋วซือหรานกล่าวว่า "ในกรณีนี้ ข้าคงต้องรีบรักษาพวกเจ้า และให้พวกเจ้าออกจากห้องใต้ดินแห่งนี้ กลิ่นเหม็นเกินไป... "คำพูดนี้ทำให้เหล่าผู้อาวุโสยิ่งรู้สึกละอายใจมากขึ้นพวกเขากระซิบ "ส่วนใหญ่เป็นเพราะแม่นางจิ่ว เจ้า... กล้าหาญมาก"จั๋วซือหรานยังคงทำในสิ่งที่นางกำลังทำต่อไป นางล้วงเข้าไปในเนื้อและเลือดของศพเฟิงจู๋ จากนั้นนางกระซิบว่า "มันดูเหมือนขี้ผึ้ง ยิ่งจับมัน ยิ่งรู้สึกใช่เลย"จากนั้นจั๋วซือหรานหดมือกลับพวกเขายังคิดอยู่
จากหางตาของจั๋วซือหรานเห็นเหล่าผู้อาวุโสหันตัวและยืนอยู่ตรงมุม เหมือนพวกเขากำลังสำนึกผิดนางรู้สึกตัวเองทำผิดเล็กน้อยเช่นกัน แต่นางรู้สึกตัวเองทำผิดไม่ได้เป็นเพราะนางจูบกับเฟิงเหยียนนางรู้สึกตัวเองทำผิด เพราะการที่นางจูบกับเฟิงเหยียนทำให้เหล่าผู้อาวุโสต้องหันหลังและยืนไปมองกำแผงเฟิงเหยียนปล่อยริมฝีปากของนาง เสียงของเขาแหบแห้งเล็กน้อยจั๋วซือหรานรู้ด้วยว่าการกระทำเช่นนี้ไม่ดีต่อสุขภาพของ เฟิงเหยียน ซึ่งผู้ที่เป็นชายที่กระฉับกระเฉงทรงพลัง เขาต้องประสบกับความกระตือรือร้นและหลายหนในเวลาอันสั้นเฟิงเหยียนลดสายตาลงและถามด้วยเสียงต่ำ “เจ้าพร้อมหรือยัง”“พร้อมแล้ว” จั๋วซือหรานพยักหน้าเบา ๆ เฟิงเหยียนปล่อยนาง เขาก้าวไปข้าง ๆ และนั่งลงบนม้านั่งหินที่เสียมุม เพื่อซ่อนปฏิกิริยาของร่างกายของเขาไว้เหล่าผู้อาวุโสได้ยินจั๋วซือหรานพูดว่านางพร้อมแล้ว จากนั้นพวกเขาจึงหันตัวกลับมาพวกเขาไม่มีเวลาสนใจสถานะปัจจุบันของเฟิงเหยียน พวกเขาต่างจ้องมองไปที่จั๋วซือหราน“ แม่นางจิ่วจะเริ่มแล้วหรือ” เหล่าผู้อาวุโสถามจั๋วซือหรานพยักหน้า "ข้าจะลองมือแล้ว เชิญผู้อาวุโสยืนไกล ๆ หน่อย"ทุกคนปฏิบัติตามคำพูดข
แต่จั๋วซือหรานรู้สึกตัวเองอย่าท้าทายกับความอ่อนแอของเหล่าผู้อาวุโสเลยดีกว่านางกำลังจะยกมือขึ้นแล้ว เมื่อคิดเช่นนี้ นางวางลงอีกครั้งวินาทีต่อมา จั๋วซือหรานตกตะลึง เพราะมือของชายคนนั้นยื่นออกมาจากด้านข้าง มือข้างนั้นมีข้อต่อที่ชัดเจน นิ้วยาว และมีหนังด้านหยาบอยู่ที่ปลายนิ้วเจ้าของมือนั้นค่อย ๆ ปาดเหงื่อเล็ก ๆ ที่ปลายจมูกของนางออก“ขอบคุณ” จั๋วซือหรานกล่าวมีผู้อาวุโสอีกคนหนึ่งที่เพิ่งอาเจียนเสร็จ บัดนี้เขายังหายใจไม่ดีอยู่เล็กน้อย เขาพูดว่า " แม่นางจิ่ว แม่กู่อยู่ในหัวของพวกเขาไม่ใช่หรือ หากไม่อยู่... ทำไมเจ้าถึงตีหัวพวกเขา"จั๋วซือหรานเหลือบมองหลุมดำบนหัวของตัวที่ถูกอาศัย เมื่อครู่นางยิงหัวนั้น ไม่มีแม้แต่เลือดไหลออกจากบาดแผล เหมือนเลือดในร่างกายของพวกเขาหายไปนานแล้ว“มันไม่อยู่ในหัว” จั๋วซือหรานตอบ จากนั้นนางหัวเราะ “จากว่าไป หากมันจะอยู่ในหัว ข้าล้วกหัวพวกเขา พวกเจ้าจะไม่อาเจียนหรือ”เหล่าผู้อาวุโสจินตนาการภาพนั้น แค่นึกภาพนั้น พวกเขาก็ทนไม่ไหวแล้วจั๋วซือหรานดึงมือของนางออกจากหน้าอกของศพที่ถูกแม่กู่อาศัย มือของนางสะอาดและไม่มีคราบสกปรกใด ๆจั๋วซือหรานมองไปที่มือของนาง น
หน้าอกของร่างศพนั้นโค้งขึ้นก่อน ดูเหมือนมันต้องการเข้าใกล้มือของจั๋วซือหราน หรือพูดอีกนัยหนึ่งคือ มันต้องการเข้าใกล้เนื้อและเลือดของจั๋วซือหรานจากนั้น ร่างกายส่วนบนทั้งหมดก็ค่อย ๆ โค้งงอและยืนขึ้นสำหรับคนทั่วไป ฉากนี้ดูน่าขนลุกเห็นได้ชัดว่าคนที่เสียชีวิตเต็ม ๆ แล้วได้ฟื้นความสามารถในการเคลื่อนไหวตัวแม้แต่นี่เป็นการกระทำง่าย ๆ ก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนรู้สึกน่าทึ่งเหล่าผู้อาวุโสมองด้วยความตกตะลึง แม้ว่าพวกเขาทุกคนทราบกันดีว่า เฟิงจู๋ตายเสียนานแล้ว เขาเสียชีวิตแล้วจริง ๆแต่เมื่อพวกเขาเห็นฉากนี้ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่ต้องเรียก “จูเอ๋อร์”แน่นอนว่าไม่มีการตอบกลับจั๋วซือหรานเอียงศีรษะเล็กน้อย นางมองดูร่างศพที่มีแม่กู่อยู่ บัดนี้ร่างศพนี้กำลังค่อย ๆ ยกขึ้นที่ใต้มือของนาง นางเลิกคิ้วขึ้น แผลบนฝ่ามือของนางเริ่มหายดีด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าจากนั้น ราวกับว่ามีดาบคมที่มองไม่เห็นอีกอันในอากาศ กระทบกับบาดแผลเดิมในมือของนางอีกครั้งเลือดกำลังไหลออกมาเร็วขึ้นจั๋วซือหรานกำมือของนางเบา ๆ เพื่อให้เลือดหยดเร็วขึ้นนางโค้งมุมปากของนางขึ้นเล็กน้อย “ชอบพวกนี้หรือ เอาน่า มาเลย…”
พวกเขามองจั๋วซือหรานอีกครั้ง ดวงตาของพวกเขาแสดงความลึกเล็กน้อยหนอนพิษกู่นี้น่ากลัวจริง ๆหากเป็นเรื่องจริงอย่างที่เหยียนเอ๋อร์พูด หนอนพิษกู่นี้อาจสามารถควบคุมคนที่ถูกอาคมหนอนพิษกู่ได้ในระดับหนึ่งดวงตาของจั๋วซือหรานเปล่งประกาย และเห็นได้ชัดว่านางเริ่มสนใจแม่กู่นี้มากขึ้นเรื่อย ๆ นี่ช่างน่าสนุกเหลือเกินนางไม่เคยเจอของเช่นนี้มาก่อนในชาติที่แล้ว เพราะในโลกของชาติที่แล้วไม่มีของเช่นนี้จริง ๆ ...จั๋วซือหรานรู้สึกถึงควมรู้สึกอันนุ่มนวลระหว่างปลายนิ้วของนาง นางมั่นใจนางสัมผัสมันได้แล้วเพียงแต่ดูเหมือนว่ามันจะหยั่งรากอยู่ใน 'รัง' นี้ นางดึงมันออกมาไม่ได้เลยช่างเป็นตัวเล็กที่ดื้อรั้นจริง ๆแต่ดูเหมือนว่ามันแค่ห่วงแต่ของอร่อย ๆมิฉะนั้น เห็นได้ชัดมันไม่ต้องเปิดเผยตัวเองเลย แต่มันถูกดึงดูดโดยพลังวิเศษอันแข็งแกร่งของการแพทย์สายวิเศษที่อยู่ในพลังทางจิตวิญญาณของไม้ ในเลือดของนางพลังทางจิตวิญญาณของไม้สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับสิ่งมีชีวิตอยู่แล้ว เมื่อคู่กับความมีชีวิตชีวาของพลังการแพทย์สายวิเศษนั้นจะไม่น่าดึงดูดได้อย่างไรแต่เมื่อจั๋วซือหรานเอื้อมมือออกไป นางได้ใช้ความสามารถขอ
ทุกคนล้วนมองออก ถ้าพูดจากด้านพลัง จั๋วซือหรานได้เปรียบอย่างสมบูรณ์ต่อให้นางไม่ต้องพูดซ้ำเกรงว่าหลังจากวันนี้ ชื่อของจั๋วซือหรานคงกลายเป็นตำนานมีชีวิตในเมืองหลวงแน่ๆถ้าจะให้พูดจริงๆ นางสู้กับตระกูลใหญ่ห้าตระกูลตามลำพัง แต่ก็ยัง...ไม่พ่ายแพ้แค่คิด ก็รู้สึกว่าเป็นแรงบันดาลใจได้แล้วรถม้าแล่นมาถึงบ้านตระกูลจั๋วรู้สึกเหมือนจากไปเสียนาน แต่พอย้อนนึกดู ก็เหมือนจะไม่ได้นานเท่าไรทว่าตอนนี้ จั๋วซือหรานไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วนางเดินเข้าไปในโถงประชุม ไม่แม้แต่จะมองพวกเขา เดินตรงไปที่นั่งบนสุด แล้วนั่งลงทุกคนล้วนตะลึงงันไปชั่วขณะหนึ่ง ทั้งห้องนิ่งเงียบเป็นเป่าสากเหมือนมีคนรู้สึกว่าสมควรจะตำหนินาง นางขึ้นไปนั่งบนที่นั่งสูงสุดได้อย่างไรกัน?! ที่นั่งสูงสุดบนโถงประชุม มีไว้ให้เหล่าผู้อาวุโสนั่งแต่นางก็นั่งลงแล้ว กระทั่งมองออกไม่ยากด้วยว่านางจงใจยิ่งไปกว่านั้นตำแหน่งที่นางนั่ง ก็เป็นตำแหน่งของผู้อาวุโสสามพอดีแต่เห็นได้ชัด ว่าประสบการณ์ในอดีต ทำให้นางมีความรู้สึกไม่ดีกับผู้อาวุโสสามมากและเพราะการแสดงออกในเมืองหลวงของจั๋วซือหรานยิ่งยอดเยี่ยม ยิ่งโดดเด่นผู้อาวุโสสามกับผู้อาวุโ
สายตาจั๋วซือหรานมองพวกเขาอย่างจืดจางอันที่จริง คนไม่น้อยที่รอจะดูมหรสพ เพราะตอนที่เห็นคนของตระกูลจั๋วมากมายมาที่ประตู รู้สึกว่าน่าจะมีมหรสพให้ดูจึงหยุดลงมาคนไม่น้อยยังรู้สึกว่า ตระกูลจั๋วน่าจะมาหาเรื่องจั๋วซือหราน หรืออาจจะทำอะไร...สรุปคือ สิ่งที่พวกเขารอ คือฉากที่ตระกูลจั๋วกับจั๋วซือหรานไปกันไม่ได้ไม่มีคนคิดถึงภาพระหว่างจั๋วซือหรานกับตระกูลจั๋วอยู่กันด้วยดีอะไรแบบนั้นบางทีคงเพราะ...ไม่เคยมีใครคิด คนที่ทะเลาะกับครอบครัวจนแตกหักไปแล้วแบบนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็คงรู้สึกแย่เอามากๆ นั่นล่ะจะไปมีชีวิตที่ดี แล้วกลับมาถูกตระกูลให้ความสำคัญอีกได้อย่างไรกัน?เพราะล้วนคิดเช่นนี้ ดังนั้นจึงไม่มีใครคิดว่าระหว่างจั๋วซือหรานกับตระกูลจั๋วจะอยู่กันได้ด้วยดีเพียงแต่ตอนนี้ ทุกคนกลับไม่ได้เห็นฉากที่ทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากันอย่างรุนแรงจั๋วซือหรานเอ่ยเสียงเรียบให้พวกเขาหลีกทาง จ้องมองพวกเขาด้วยสายตาเฉยเมยในความเป็นจริง คนของตระกูลจั๋ว ในสายตานางไม่เห็นถึงความทะนงตนใดๆ เลยพวกเขาเดิมทีคิดว่า ตอนที่เห็นพวกเขาเข้ามาอ่อนข้อให้แล้วเชิญนางกลับไป ท่าทีของนางควรจะดูเย่อหยิ่งมากถึงจะถูกแต่กลับไม่มีเล
"โอ้ เห็นว่าคนอื่นเขามากัน ข้าก็อยากจะมาหนุนหน้าให้เจ้าเหมือนกันสิ" ฮั่วจือโจวเอ่ยขึ้น รอยยิ้มในดวงตาเปล่งประกาย "พอดีเลย เจ้านี่อยากจะมาขอบคุณเจ้าด้วยเหมือนกัน"ฮั่วจือโจวชี้ไปที่ฮั่วชิงหยวน"ขอบคุณหรือ?" จั๋วซือหรานไม่ค่อยเข้าใจ "ขอบคุณเรื่องอะไร?""เยอะเลย" ฮั่วจือโจวเอียงตาเหลือบไปทางฮั่วชิงหยวน บอกกับนางว่า "ให้เขาบอกเองดีกว่า"จั๋วซือหรานมองไปทางฮั่วชิงหยวนฮั่วชิงหยวนเกาหัวอย่างเขินๆ แต่ดวงตาก็เปล่งประกายวิบวับอยู่ตลอด คอยจ้องมาทางจั๋วซือหรานเป็นระยะ เอ่ยขึ้นตรงๆ ว่า "แม่นางจิ่ว ถ้าไม่มีท่าน ข้าคงถูกชินอ๋องอวี้หลอกใช้ไปนานแล้ว ถึงแม้ข้าจะไม่ค่อยฉลาดนัก แต่ก็ไม่ชอบถูกคนใช้ประโยชน์เท่าไร""ยิ่งไปกว่านั้น..." ฮั่วชิงหยวนหัวเราะเหอะๆ "ด้วยความช่วยเหลือของท่าน แม้ว่าทรัพยากรข้าจะไม่ได้ดีเด่อะไร แต่ก็ถือว่าเป็นทรัพยากรที่ไม่เลว"จั๋วซือหรานฟังคำพูดนี้ก็นึกๆ ก็เข้าใจว่าเขาน่าจะพูดถึงการร่วมมือของนางกับตระกูลฮั่ว ยาลูกกลอนที่มอบให้เหล่านั้นกระมัง"ดังนั้นไม่ว่าอย่างไร ข้าก็ต้องมาขอบคุณท่านด้วยตัวเองสักครั้ง ขอบคุณมาก" ฮั่วชิงหยวนเก็บรอยยิ้มบนหน้าลง เอ่ยขึ้นด้วยสายตาจริงจังจั๋ว
จั๋วซือหรานต้องการอะไร ก็จะขอออกมาตรงๆจุดนี้ ไม่ได้ทำให้องค์จักรพรรดิเฒ่ารำคาญน่าจะเพราะถูกซือคงอวี้วางแผนใส่มานาน พอโดนไปมากๆ เข้า จักรพรรดิเฒ่าตอนนี้จึงรู้สึกต่อต้านพวกคนคดเคี้ยวกับเรื่องราวที่ซับซ้อนขึ้นมาโดยสัญชาตญาณดังนั้นจั๋วซือหรานที่นิสัยตรงไปตรงมาแบบนี้ กลับยิ่งสอดคล้องกับเจตนาของเขามากขึ้นองค์จักรพรรดิเฒ่าฟังคำนี้แล้วก็นึกๆ จากนั้นก็เข้าใจขึ้นมา "ข้าจำได้แล้ว ก่อนหน้านี้เจ้าเคยไปหาไทเฮาเรื่องขอพระราชทานอภิเษกไว้ใช่ไหม?""ใช่แล้ว" จั๋วซือหรานยิ้มตาโค้งเอ่ยขึ้น "ฝ่าบาททรงจำได้ด้วย จั๋วจิ่วรู้สึกเป็นเกียรติยิ่งนัก""ทำไมหรือ? เจ้าต้องตาใครเข้าแล้วล่ะ?" ซือคงเหมี่ยนรู้สึกสนใจขึ้นมาจั๋วจิ่วคนนี้ กระทั่งน้องเจ็ดก็ยังไม่ชายตามอง...แล้วไปต้องตาใครเข้ากันนะ? คงจะไม่ใช่ซื่อจื่อเฟิงกระมัง? นี่จะซื่อตรงเกินไปแล้วซือคงเหมี่ยนครุ่นคิด ตอบว่า "ยัยหนูจั๋วจิ่ว ถ้าหากอีกฝ่ายหมั้นหมายไปแล้ว ข้าเองก็ไปทำลายงานแต่งงานคนอื่นไม่ได้หรอกนะ"พอได้ยินคำนี้ อ๋องเซี่ยนที่ขี่ม้าอยู่ข้างๆ รถองค์จักรพรรดิเฒ่ามาตลอดก็ถอนใจโล่ง แม้ว่าเขาจะไม่รู้ก็ตามว่าถอนใจโล่งทำไมและจั๋วซือหรานพอได้ยินคำน
แม้จะบอกว่า จั๋วซือหรานตอนที่ประลองกับซางถิงในตลาดมืด จะเคยใช้สัตว์เลี้ยงไปแล้วตามหลักการน่าจะมีคนไม่น้อยที่รู้จักสัตว์อสูรของนางแต่เพราะตอนนั้น ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะมองเห็นนี่ไม่ได้เหมือนในชาติที่แล้วของนาง ที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายรูปโพสไปบนเน็ตได้นี่ล้วนเป็นการลือกันแบบปากต่อปาก คนส่วนใหญ่เคยชินกับข่าวแบบนี้ที่มักจะพูดกันเกินจริง ดังนั้นบางคนก็ไม่ค่อย หรือเชื่อบ้างไม่เชื่อบ้างก็ตามทีแต่ตอนนี้ ทุกคนได้เห็นกับตาแล้ว"หรือว่า...กระทั่งตระกูลซาง...ก็ยังแพ้นางมาแล้ว"อิงเซ่าขี่ม้าเข้ามารับ เขาดูตื่นเต้น ใบหน้าแดงก่ำไปหมดพอมาอยู่ตรงหน้าจั๋วซือหรานจั๋วซือหรานจึงเก็บแมงมุมลงมา ยืนอยู่บนพื้นอิงเซ่าพลิกตัวลงจากม้า "แม่นางจิ่ว! ข้ารู้อยู่แล้ว ว่าถ้าท่านออกโรงต้องสำเร็จ"จั๋วซือหรานเอียงหัวไปทางด้านหลัง "คนของท่าน พากลับมาไม่ขาดแม้แต่คนเดียว บาดเจ็บไปหลายคน แต่ก็ไม่ได้หนักหนาอะไร""ดี!" อิงเซ่าพยักหน้า พูดต่อกันว่า "ดีดีดีมาก!"ตอนนี้ อันที่จริงอย่าว่าแต่เหล่าขุนนางชนชั้นสูงกับพวกราชวงศ์ที่ออกันเต็มประตูเมืองเลยกระทั่งเหล่าประชาชนที่มามุงดูก็ยังเข้าใจ ว่าแม่
ดวงตาซือคงอวี้ถลึงโต ลูกตาค่อยๆ พร่ามัวและชายหนุ่มที่ใบหน้าหล่อเหลาชั่วร้ายนี้ ก็ปัดเศษเลือดที่กระเซ็นมาติดชายเสื้อออกไปอย่างไม่แยแสเขารูปร่างโปรง สูงเพรียว แต่ไม่ได้ดูแข็งแรงนัก ดูแล้วผอมไปบ้างแต่กระดูกรูปหน้าดี ดังนั้นใบหน้าจึงดูดีมาก บวกกับผิวที่ขาว จึงให้ความรู้สึกที่เย็นชาดูจากใบหน้าแล้ว ไม่ได้มีเอกลักษณ์ของคนแดนใต้มากนัก ถ้าหากบวกกับผิวสีขาวเข้าไป ก็ยิ่งไม่เกี่ยวกันกับผิวสีคล้ำค่อนดำที่เห็นได้บ่อยๆ ของคนแดนใต้แล้วแต่ผมสีแดงเข้มบนหัว ก็ดูไม่เหมือนกับต้าชางเลยเสื้อผ้าบนตัวเขา สีใกล้เคียงกับสีผมเขามาก ในที่ที่มีแสงน้อย ก็เหมือนจะกลืนกันจนเป็นสีดำแต่ถ้ามองในที่ที่สว่างหน่อย ก็จะดูเป็นสีแดงเข้มคล้ายเลือดและตอนนี้ เหล่าทหารเดนตายของชินอ๋องอวี้...ที่ก่อนหน้านี้ไม่รู้ถอยหนีกระจายกันไปที่ไหน กลับล้อมวงกันเข้ามา"นายท่าน"พวกเขาทยอยกันคุกเข่าข้างหนึ่งชายหนุ่มร้องอืมขึ้น จากนั้นจึงยื่นมือไปดึงคอเสื้อของซือคงอวี้ ลากเขาเดินไปด้านหน้าทหารเดนตายคนหนึ่งเอ่ยขึ้นทันที "นายท่าน ให้ข้าน้อยช่วยเถิด?"ชายหนุ่มกลับโบกไม้โบกมือไม่สนใจ "ไม่ต้อง เดี๋ยวจะทำตะปูวิญญาณข้าเสียหาย"เหล
ในใจฮาร์วีย์คิดถึงความเป็นไปได้หนึ่ง คิ้วเลิกขยับขึ้นเบาๆ ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกจั๋วซือหรานเห็นสีหน้าเขา ยังคิดว่าเขาจะพูดอะไรอีก คิดไม่ถึงว่าจะไม่พูดอะไรออกมาเลยไม่พูดก็ไม่พูด ถึงอย่างไรก็ไม่ได้รีบร้อนที่จุดนี้จั๋วซือหรานรอการตัดสินใจขององค์จักรพรรดิเฒ่า แค่ครู่เดียว รองแม่ทัพก็เข้ามารายงาน อธิบายถึงเจตนาขององค์จักรพรรดิเฒ่ารองแม่ทัพบอกว่า "ฝ่าบาทตรัสว่า ให้เดินหน้าต่อได้เลย"จั๋วซือหรานพยักหน้าเล็กน้อย ไม่ได้รู้สึกเกินคาดอะไรกับคำตอบนี้ แค่ตบลงบนตัวแมงมุมน้อยเบาๆไม่มีอะไรเกินคาด นับแต่โบราณองค์จักรพรรดินั้นปราศจากความเมตตาที่สุดมาตลอดตอนที่โปรดปรานเจ้า ก็อยากจะให้เจ้าเป็นองค์รัชทายาทจนตัวสั่น แต่พอความโปรดปรานนี้หายไป แค่ศพก็ไม่อยากจะเก็บกลับไปแมงมุมของจั๋วซือหรานนำทางอยู่ด้านหน้า ขบวนรถม้าเคลื่อนตามนางอยู่ด้านหลังซือคงอวี้แผ่อยู่บนพื้น เขาคลานไปบนพื้นสายตาจับจ้องไปยังทิศทางที่ขบวนรถม้าจากไป มองรถม้าที่คลุมด้วยสีเหลืองคันนั้นห่างออกไปเรื่อยๆมุมปากเขาขยับ แต่ก็ไม่อาจะตะโกนเรียกได้แล้ว เหลือเพียงแต่เสียงที่อ่อนแอ"เสด็จพ่อ...เสด็จพ่อ..." หางตาซือคงอวี้มีน้ำตาหลั่งอ
จากที่คนอื่นเห็นชินอ๋องคนหนึ่ง ต่อให้จะทำความผิดพลาดครั้งใหญ่แค่ไหน ก็ยังต้องให้ผู้ปกครองสูงสุดแห่งราชวงศ์ ผู้เป็นจักรพรรดิมาลงโทษแต่ไม่ใช่นางที่เป็นหญิงสาวคนหนึ่ง ลงมาสังหารโดยที่ตาก็ไม่กระพริบนางช่างอาจหาญเสียจริง!เหมือนกับชายหนุ่มที่เด็ดเดี่ยวซึ่งไม่เคยหันกลับไปมองฉากระเบิดด้านหลังอย่างไรอย่างนั้นจั๋วซือหรานพอลงมือก็ลงมือ ขี้เกียจจะหันกลับไปมองหลายรอบนางหิ้วขลุ่ยดินเผาเลานั้น เดินกลับไปตรงหน้าราชาแมงมุมหน้าผี กระโดดขึ้นไปบนหลังมันฮาร์วีย์ที่อยู่ข้างๆ เนื่องจากเป็นเชลยของจั๋วซือหราน ดังนั้นจึงอยู่ใกล้นางมากก่อนหน้านี้เห็นขั้นตอนทั้งหมดกับตา ดังนั้นตอนนี้จึงยังคงตกตะลึงอยู่จั๋วซือหรานจ้องมองขลุ่ยดินเผาในมือพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง จึงแหงนตามองฮาร์วีย์ "นี่คืออาวุธกู่นั่นใช่ไหม?"ฮาร์วีย์พยักหน้า "ใช่แล้ว"จั๋วซือหรานมองสัญลักษณ์ดอกถูหมีนั่น มุมปากนางก็ยกขึ้น นิ้วมือควบพลังวิญญาณ จัดการลบสัญลักษณ์ดอกถูหมีบนขลุ่ยดินเผานั้นออกอย่างไม่ปราณีพอเห็นการกระทำที่อหังการเช่นนี้ของนาง ฮาร์วีย์ประหลาดใจหน่อยๆ แต่ก็เหมือนไม่ได้รู้สึกเกินคาดเท่าไรฮาร์วีย์เอ่ยขึ้นอย่างจนใจ "แม่นา
และนางเองก็ไม่ใช่ว่าจะไปเด็ดหัวศัตรู แต่แค่ทำเหมือนเข้าไปเด็ดดอกไม้สดดอกหนึ่งอย่างไรอย่างนั้นนักรบเดนตายของซือคงอวี้เหล่านั้น ก็ไม่รู้ว่าเพราะเห็นซือคงอวี้ไม่ดิ้นรนเหมือนคนที่ใกล้จะตายแล้ว หรือว่าเพราะยังตกใจกับการโจมตีก่อนหน้าของจั๋วซือหราน จึงทำให้คนไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม?สรุปคือ แม้พวกเขาจะมีท่าทีระแวดระวังอยู่ตลอด กลับไม่กล้าคิดจะทดลองลงมืออะไรกับจั๋วซือหรานแน่นอน และอาจจะเพราะรู้ว่าตนเองสู้ไม่ไหวจั๋วซือหรานเดินไปอยู่ตรงหน้าซือคงอวี้อย่างราบรื่นพอเห็นว่าเหล่าทหารเดนตายรอบๆ ทำได้แค่ระแวดระวัง ไม่มีท่าทีว่าจะโจมตีอะไร จั๋วซือหรานจึงยกริมฝีปากหัวเราะขึ้นมา "เป็นตัวเลือกที่ฉลาด"จากนั้น จั๋วซือหรานก็คุกเข่าลงมาตรงหน้าซือคงอวี้นางกอดเขานั่งยองลงมาตรงหน้าซือคงอวี้ ก้มลงมองดูเขา...ซือคงอวี้ถลึงสองตาที่เต็มไปด้วยเส้นเลือด จ้องเขม็งยังจั๋วซือหรานแต่ตอนนี้เอง ท่าทางกับสายตาของจั๋วซือหรานก็ทำให้เขาเกิดเข้าใจผิด ราวกับว่า...นางไม่ได้กำลังมองเขา แต่ว่า...แต่ว่ากำลังมองมดปลวกบนพื้นตัวหนึ่ง"เจ้า..." ซือคงอวี้ส่งเสียงออกมาอย่างยากลำบาก เขารู้ว่าตนเองตกที่นั่งลำบากแล้วเช่นนั้น