ได้ยินมาว่าหากตระกูลจั๋วปลุกพลังสายเลือดแห่งตระกูล อย่างเต็มที่ ความสามารถของพวกเขาก็จะยิ่งแข็งแกร่งยิ่งขึ้นไม่ต้องพูดถึงงู แมลง หนู และมดแม้แต่ดอกไม้และต้นไม้ก็สามารถสัมผัสถึงความสามารถนี้ได้หากเอาเป็นจริง ๆ ก็อาจเป็นได้ว่าดอกไม้ทุกดอกและหญ้าทุกชนิดเป็นหูเป็นตาของนางได้กล่าวโดยสรุป ผู้อาวุโสเข้าใจความหมายของจั๋วซือหรานพลังวิเศษของนางสามารถทำให้แม่กู่เหล่านี้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดได้ หากนางต้องการลองนำแม่กู่เหล่านี้ไปใช้ด้วยตัวเองจริง ๆอาจจะ......แต่เดิมเหล่าผู้อาวุโสยังคิดอยู่ว่าเรื่องนี้ไม่น่าดำเนินการได้ ตอนนี้พวกเขาก็เริ่มรู้สึกความเป็นไปได้ของเรื่องนี้พวกเขาเริ่มโน้มน้าวเฟิงเหยียนด้วยซ้ำ“ เหยียนเอ๋อร์ ข้าคิดว่าแม่นางจิ่วพูดถูก เจ้าคิดว่าอย่างไร”“ใช่แล้ว อย่างไรก็ตาม แค่ลองเฉย ๆ ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ หากแม่นางจิ่วสามารถปราบแม่กู่เจ้าเวรเหล่านี้ได้จริง ๆ เราก็สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ได้เช่นกัน”“ถึงแม้จะเป็นไปไม่ได้ แต่มีเจ้าอยู่เคียงข้างกายนาง แม่นางจิ่วจะไม่ตกอยู่ในอันตรายใด ๆ...ใช่ไหม”และผู้อาวุโสต่างก็มีความรู้สึกอยู่ในใจ... จั๋วจิ่วคนนี้ไ
“แม่นาง... เอ่อ... แม่นางจิ่ว นี่... น่าขยะแขยงเกินไป...” ผู้อาวุโสหนึ่งคนอดไม่ได้ที่ต้องมีอาการคลื่นไส้สองทีและการกระทำต่อไปของจั๋วซือหรานยิ่งทำให้เขารู้สึกอยากอาเจียนมากขึ้นจั๋วซือหรานยื่นมือออกและไปล้วงเนื้อที่ดูอ่อนนุ่มของเฟิงจู๋..."อ๊วก"(เสียงอาเจียน)"แหวะ"(เสียงอาเจียน)"อู๊บ โอ๊ก"(เสียงอาเจียน)ผู้อาวุโสทุกคนอาเจียนพร้อมกันจากนั้นพวกเขาเห็นว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เปลี่ยนสีหน้าหรือการแสดงออก แม้ว่านางต้องเผชิญกับร่างกายที่เสียโฉมของเฟิงจู้ก็ตามในขณะนี้ นางขมวดคิ้วเพราะพวกเขาอาเจียนเหล่าผู้อาวุโส "..."นี่ทำให้พวกเขารู้สึกเสียหน้าเล็กน้อยจั๋วซือหรานกล่าวว่า "ในกรณีนี้ ข้าคงต้องรีบรักษาพวกเจ้า และให้พวกเจ้าออกจากห้องใต้ดินแห่งนี้ กลิ่นเหม็นเกินไป... "คำพูดนี้ทำให้เหล่าผู้อาวุโสยิ่งรู้สึกละอายใจมากขึ้นพวกเขากระซิบ "ส่วนใหญ่เป็นเพราะแม่นางจิ่ว เจ้า... กล้าหาญมาก"จั๋วซือหรานยังคงทำในสิ่งที่นางกำลังทำต่อไป นางล้วงเข้าไปในเนื้อและเลือดของศพเฟิงจู๋ จากนั้นนางกระซิบว่า "มันดูเหมือนขี้ผึ้ง ยิ่งจับมัน ยิ่งรู้สึกใช่เลย"จากนั้นจั๋วซือหรานหดมือกลับพวกเขายังคิดอยู่
จากหางตาของจั๋วซือหรานเห็นเหล่าผู้อาวุโสหันตัวและยืนอยู่ตรงมุม เหมือนพวกเขากำลังสำนึกผิดนางรู้สึกตัวเองทำผิดเล็กน้อยเช่นกัน แต่นางรู้สึกตัวเองทำผิดไม่ได้เป็นเพราะนางจูบกับเฟิงเหยียนนางรู้สึกตัวเองทำผิด เพราะการที่นางจูบกับเฟิงเหยียนทำให้เหล่าผู้อาวุโสต้องหันหลังและยืนไปมองกำแผงเฟิงเหยียนปล่อยริมฝีปากของนาง เสียงของเขาแหบแห้งเล็กน้อยจั๋วซือหรานรู้ด้วยว่าการกระทำเช่นนี้ไม่ดีต่อสุขภาพของ เฟิงเหยียน ซึ่งผู้ที่เป็นชายที่กระฉับกระเฉงทรงพลัง เขาต้องประสบกับความกระตือรือร้นและหลายหนในเวลาอันสั้นเฟิงเหยียนลดสายตาลงและถามด้วยเสียงต่ำ “เจ้าพร้อมหรือยัง”“พร้อมแล้ว” จั๋วซือหรานพยักหน้าเบา ๆ เฟิงเหยียนปล่อยนาง เขาก้าวไปข้าง ๆ และนั่งลงบนม้านั่งหินที่เสียมุม เพื่อซ่อนปฏิกิริยาของร่างกายของเขาไว้เหล่าผู้อาวุโสได้ยินจั๋วซือหรานพูดว่านางพร้อมแล้ว จากนั้นพวกเขาจึงหันตัวกลับมาพวกเขาไม่มีเวลาสนใจสถานะปัจจุบันของเฟิงเหยียน พวกเขาต่างจ้องมองไปที่จั๋วซือหราน“ แม่นางจิ่วจะเริ่มแล้วหรือ” เหล่าผู้อาวุโสถามจั๋วซือหรานพยักหน้า "ข้าจะลองมือแล้ว เชิญผู้อาวุโสยืนไกล ๆ หน่อย"ทุกคนปฏิบัติตามคำพูดข
แต่จั๋วซือหรานรู้สึกตัวเองอย่าท้าทายกับความอ่อนแอของเหล่าผู้อาวุโสเลยดีกว่านางกำลังจะยกมือขึ้นแล้ว เมื่อคิดเช่นนี้ นางวางลงอีกครั้งวินาทีต่อมา จั๋วซือหรานตกตะลึง เพราะมือของชายคนนั้นยื่นออกมาจากด้านข้าง มือข้างนั้นมีข้อต่อที่ชัดเจน นิ้วยาว และมีหนังด้านหยาบอยู่ที่ปลายนิ้วเจ้าของมือนั้นค่อย ๆ ปาดเหงื่อเล็ก ๆ ที่ปลายจมูกของนางออก“ขอบคุณ” จั๋วซือหรานกล่าวมีผู้อาวุโสอีกคนหนึ่งที่เพิ่งอาเจียนเสร็จ บัดนี้เขายังหายใจไม่ดีอยู่เล็กน้อย เขาพูดว่า " แม่นางจิ่ว แม่กู่อยู่ในหัวของพวกเขาไม่ใช่หรือ หากไม่อยู่... ทำไมเจ้าถึงตีหัวพวกเขา"จั๋วซือหรานเหลือบมองหลุมดำบนหัวของตัวที่ถูกอาศัย เมื่อครู่นางยิงหัวนั้น ไม่มีแม้แต่เลือดไหลออกจากบาดแผล เหมือนเลือดในร่างกายของพวกเขาหายไปนานแล้ว“มันไม่อยู่ในหัว” จั๋วซือหรานตอบ จากนั้นนางหัวเราะ “จากว่าไป หากมันจะอยู่ในหัว ข้าล้วกหัวพวกเขา พวกเจ้าจะไม่อาเจียนหรือ”เหล่าผู้อาวุโสจินตนาการภาพนั้น แค่นึกภาพนั้น พวกเขาก็ทนไม่ไหวแล้วจั๋วซือหรานดึงมือของนางออกจากหน้าอกของศพที่ถูกแม่กู่อาศัย มือของนางสะอาดและไม่มีคราบสกปรกใด ๆจั๋วซือหรานมองไปที่มือของนาง น
หน้าอกของร่างศพนั้นโค้งขึ้นก่อน ดูเหมือนมันต้องการเข้าใกล้มือของจั๋วซือหราน หรือพูดอีกนัยหนึ่งคือ มันต้องการเข้าใกล้เนื้อและเลือดของจั๋วซือหรานจากนั้น ร่างกายส่วนบนทั้งหมดก็ค่อย ๆ โค้งงอและยืนขึ้นสำหรับคนทั่วไป ฉากนี้ดูน่าขนลุกเห็นได้ชัดว่าคนที่เสียชีวิตเต็ม ๆ แล้วได้ฟื้นความสามารถในการเคลื่อนไหวตัวแม้แต่นี่เป็นการกระทำง่าย ๆ ก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนรู้สึกน่าทึ่งเหล่าผู้อาวุโสมองด้วยความตกตะลึง แม้ว่าพวกเขาทุกคนทราบกันดีว่า เฟิงจู๋ตายเสียนานแล้ว เขาเสียชีวิตแล้วจริง ๆแต่เมื่อพวกเขาเห็นฉากนี้ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่ต้องเรียก “จูเอ๋อร์”แน่นอนว่าไม่มีการตอบกลับจั๋วซือหรานเอียงศีรษะเล็กน้อย นางมองดูร่างศพที่มีแม่กู่อยู่ บัดนี้ร่างศพนี้กำลังค่อย ๆ ยกขึ้นที่ใต้มือของนาง นางเลิกคิ้วขึ้น แผลบนฝ่ามือของนางเริ่มหายดีด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าจากนั้น ราวกับว่ามีดาบคมที่มองไม่เห็นอีกอันในอากาศ กระทบกับบาดแผลเดิมในมือของนางอีกครั้งเลือดกำลังไหลออกมาเร็วขึ้นจั๋วซือหรานกำมือของนางเบา ๆ เพื่อให้เลือดหยดเร็วขึ้นนางโค้งมุมปากของนางขึ้นเล็กน้อย “ชอบพวกนี้หรือ เอาน่า มาเลย…”
พวกเขามองจั๋วซือหรานอีกครั้ง ดวงตาของพวกเขาแสดงความลึกเล็กน้อยหนอนพิษกู่นี้น่ากลัวจริง ๆหากเป็นเรื่องจริงอย่างที่เหยียนเอ๋อร์พูด หนอนพิษกู่นี้อาจสามารถควบคุมคนที่ถูกอาคมหนอนพิษกู่ได้ในระดับหนึ่งดวงตาของจั๋วซือหรานเปล่งประกาย และเห็นได้ชัดว่านางเริ่มสนใจแม่กู่นี้มากขึ้นเรื่อย ๆ นี่ช่างน่าสนุกเหลือเกินนางไม่เคยเจอของเช่นนี้มาก่อนในชาติที่แล้ว เพราะในโลกของชาติที่แล้วไม่มีของเช่นนี้จริง ๆ ...จั๋วซือหรานรู้สึกถึงควมรู้สึกอันนุ่มนวลระหว่างปลายนิ้วของนาง นางมั่นใจนางสัมผัสมันได้แล้วเพียงแต่ดูเหมือนว่ามันจะหยั่งรากอยู่ใน 'รัง' นี้ นางดึงมันออกมาไม่ได้เลยช่างเป็นตัวเล็กที่ดื้อรั้นจริง ๆแต่ดูเหมือนว่ามันแค่ห่วงแต่ของอร่อย ๆมิฉะนั้น เห็นได้ชัดมันไม่ต้องเปิดเผยตัวเองเลย แต่มันถูกดึงดูดโดยพลังวิเศษอันแข็งแกร่งของการแพทย์สายวิเศษที่อยู่ในพลังทางจิตวิญญาณของไม้ ในเลือดของนางพลังทางจิตวิญญาณของไม้สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับสิ่งมีชีวิตอยู่แล้ว เมื่อคู่กับความมีชีวิตชีวาของพลังการแพทย์สายวิเศษนั้นจะไม่น่าดึงดูดได้อย่างไรแต่เมื่อจั๋วซือหรานเอื้อมมือออกไป นางได้ใช้ความสามารถขอ
จั๋วซือหรานรู้สึกว่านางค่อนข้างเข้าใจหลักการของหนอนพิษกู่นี้เส้นใยเหล่านี้ที่พองตัวขึ้นอย่างกะทันหันเป็นวิธีที่ใช้ในการควบคุมการกระทำของเฟิงจู๋และคนอื่น ๆดังนั้น แม้ว่าพวกเขาจะได้รับบาดเจ็บที่ข้อต่อของแขนขา แต่พวกเขาก็ไม่สูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหวแต่พวกเขายังคงสามารถเคลื่อนไหว เพียงเพราะเส้นใยเหล่านี้กำลังดึงร่างกายของพวกเขา เหมือนหุ่นเชิด...เหมือนผู้ที่ถูกควบคุมเพียงเพราะหนอนพิษกู่ตัวนี้ไม่แข็งแรงพอ พลังของเส้นใยเหล่านั้นจึงไม่เพียงพอที่จะควบคุมแขนขาของพวกมันได้อย่างแม่นยำและพิถีพิถันดังนั้นเมื่อเฟิงช่าน เฟิงจู๋และคนอื่น ๆ ถูกควบคุม การเคลื่อนไหวของพวกเขาจึงดูกระตุกและแข็งทื่อมากหากมันเป็นหนอนพิษกู่ที่แข็งแกร่งพอ...จั๋วซือหรานบอกการคาดเดาของนางให้เฟิงเหยียนและผู้อาวุโสฟังผู้อาวุโสทุกคนต่างตกใจเมื่อได้ยินคำพูดนี้“ แม่นางจิ่ว เจ้าหมายถึง...เจ้าหมายถึง...”จั๋วซือหรานเหลือบมอง 'ขนมชาม' ที่อยู่ในมือของนาง "ข้าคิดว่าหากมันเป็นหนอนพิษกู่ที่มีความแข็งแกร่งเพียงพอ มันจะสามารถควบคุมร่างกายของเฟิงจู๋ เฟิงช่านและคนอื่น ๆ ได้อย่างเต็มที่ การเคลื่อนไหวของพวกเขาคล่องแคล่วมา
ก่อนที่เหล่าผู้อาวุโสเดินออกจากตำหนักใต้ดิน พวกเขาทั้งหมดมองจั๋วซือหรานด้วยสายตาที่ซับซ้อนมากแม้ว่าพวกเขามีอายุมากกว่านางหลายปีก็ตาม แต่พวกเขายังต้องยอมรับว่า ผู้หญิงคนนี้ทำตามที่นางพูดจริง ๆก่อนที่พวกเขาเดินออกจากตำหนักใต้ดิน จั๋วซือหราน กล่าวว่า "ใช่แล้ว ข้ามีเรื่องหนึ่งที่ต้องปรึกษากับผู้อาวุโส"ตอนนี้เหล่าผู้อาวุโสปฏิบัติต่อจั๋วซือหรานอย่างมีมารยาทที่พอสมควรดังนั้นเราต้องยอมรับว่า บางครั้งหากเราต้องการได้รับความเคารพจากผู้อื่น เราต้องชิงความเคารพนั้นด้วยความแข็งแกร่งและความสามารถของตัวเอง“ เชิญแม่นางจิ่วพูด” เหล่าผู้อาวุโสกล่าว“วางศพของสามคนนี้ไว้ที่นี่ มีแต่จะเพิ่มความเสี่ยง ให้ข้าจัดการจะดีกว่าไหม” จั๋วซือหรานแนะนำเหล่าผู้อาวุโสตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าสิ่งที่จั๋วซือหราน พูดถึงคือร่างศพสามคนนั้นที่แม่กู่อาศัยเหล่าผู้อาวุโสลังเลเล็กน้อย ดูเหมือนพวกเขาตัดสินใจลำบาก“ แม่นางจิ่ว ไม่ใช่ว่าเราไม่อยากสัให้เจ้า เพียงแต่...”จั๋วซือหรานพยักหน้าเมื่อนางได้ยินคำพูดของพวกเขา นางพูดว่า "ข้าเข้าใจความกังวลของพวกเจ้า เพราะต้องรีบนำคนที่เสียชีวิตไปฝัง พวกเขาจะไปขึ้นสวรรค์อย่างม
"เสร็จแล้ว พวกเจ้าค่อยๆ พักฟื้นไป เดี๋ยวพอพวกกองหนุนสำนักเมฆาวารีพวกนั้นของผู้เฒ่าเหอมาถึง พวกเราค่อยออกเดินทาง เรื่องนี้สำหรับข้ามันสำคัญมาก จะล่าช้าไม่ได้เด็ดขาด"จั๋วซือหรานเหลือบมองเขาผาดหนึ่ง "ดังนั้นเวลาพักฟื้นของพวกเจ้าเดิมทีก็เหลือไม่มากแล้ว อย่าไปทำอะไรบ้าๆ บอๆ อีก""รับทราบ!" เหลียนเจินขานรับเสียงขรึม"ข้าจะรักษาให้พวกเขา จากนั้นเจ้าก็เอายาทาให้พวกเขาเสีย แค่อย่าไปทำอะไรบ้าๆ บอๆ ทายาตามเวลา ไม่นานก็หายดีแล้ว"จั๋วซือหรานหลังจากรักษาคนคุ้มกันไปหลายคน ก็กลับมาที่ห้องตนเอง ไปค้นคว้าบัวเจ็ดดอกเจ็ดใบแกนกลางเทียนเจ้าสิ่งนี้ล้ำค่ามากจริงๆ แต่ในเมื่อเขาให้นางมาแล้ว นางเองก็พอจะรับได้อยู่ ดังนั้นจึงไม่ต้องเกรงใจเกินไปนักตอนที่จั๋วซือหรานย้ายบัวเจ็ดดอกเจ็ดใบแกนกลางเทียนไปปลูกที่ดินในมิติแล้ว ราชาแมงมุมหน้าผีกับแมงมุมหน้าผีตัวอื่นๆ แล้วก็แมงมุมกู่ ก็มาล้อมอยู่ข้างๆ นางแมงมุมที่ขนาดใหญ๋กว่าปกติหลายเท่า ล้อมนางเอาไว้ ฉากนี้ถ้าหากคนอื่นมาเห็น ก็คงรู้สึกหวาดผวาขึ้นแน่ๆแต่สีหน้าของจั๋วซือหรานก็นิ่งอย่างมาก กระทั่งบนหน้ายังยิ้มละไม หลังจากปลูกบัวเจ็ดดอกเจ็ดใบแกนกลางเทียนไว้ในดินแล
ด้วยนิสัยซื่อสัตย์ภักดีของพวกเขา ถ้าหากจั๋วซือหรานคิดจะตั้งชื่อเหล่านี้ให้พวกเขาจริงๆไม่แน่พวกเขาอาจจะต้องบีบจมูกยอมรับไปจริงๆแต่ชื่อเหล่านี้มันดูจะ...ดังนั้นจึงคิดวิธีที่จะดิ้นรนต่ออีกหน่อย"กลัวหรือ?" จั๋วซือหรานเลิกคิ้วมองพวกเขาหัวหน้าคนคุ้มกันพยักหน้าหงึกหงักจั๋วซือหรานเอ่ยขึ้น "พวกเจ้าบาดเจ็บขนาดนี้ยังกล้าตักน้ำมาเช็ดมาล้างได้ ข้าคิดว่าพวกเจ้าจะกล้าจนไม่กลัวอะไรแล้วเสียอีก ทำไมแค่ชื่อผลไม้แค่นี้ก็ยังกลัวกัน?"หัวหน้าคนคุ้มกันฟังไม่เข้าใจเสียที่ไหน แม่นางจงใจทำให้พวกเขาตกใจ เพื่อจะลงโทษพวกเขาที่เมื่อครู่พูดกันว่าจะจัดการแผลแบบขอไปทีหัวหน้าคนคุ้มกันรีบเอ่ยขึ้นมา "แม่นาง พวกเราไม่กล้าทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าแล้ว แค่กังวลว่าท่านอยู่ในเมืองหยางจะมีภาระหน้าที่เยอะอยู่แล้ว แต่ยังต้องมาคอยห่วงเรื่องยิบย่อยของพวกเราอีก..."จั๋วซือหรานยกมือตบลงไปที่หนึ่งที่หลังเขาหัวหน้าคนคุ้มกันร้องอั่กออกมา แต่ก็รีบอดทนเอาไว้เดิมทียังคิดว่านี่คือการลงโทษเสียอีก คิดไม่ถึงเลย...ตอนที่แม่นางฟาดมือลงมา รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาก่อน จากนั้นก็รู้สึกเหมือนมีพลังที่ยิ่งใหญ่ แต่กลับนุ่มนวลละมุนละไมลูบผ่าน
"นายท่านอารมณ์ดีก็ดีแล้ว" เจิ้นเจียงพอเห็นจั๋วซือหรานอารมณ์ดี เขาเองก็อารมณ์ดีตามขึ้นมา จึงได้พูดว่า "จัดแจงคนคุ้มกันเหล่านี้เรียบร้อยแล้ว พวกเขาล้วนบาดเจ็บกันหมด"จั๋วซือหรานร้องอืม "ดี ข้าจะไปดูหน่อย เดี๋ยวจะตั้งชื่อให้พวกเขาด้วย อยู่ในตระกูลเหอไม่มีชื่อเลยมีแต่หมายเลข เจ้าไปที่โรงเตี๊ยมแล้วหาของกินมาให้พวกเขาหน่อย""ขอรับ" เจิ้นเจียงรับคำสั่ง คิดๆ แล้วจึงเอ่ยถามขึ้นว่า "...อาหารนี่น่าจะไม่ถูกทำอะไรลงไปหรอกกระมัง?"จั๋วซือหรานพอได้ยิน ก็ยกมุมปากขึ้น "พวกเจ้าจะลองดูก็ได้นี่"พอได้ยินนายท่านพูดหยามขึ้นเช่นนี้ เจิ้นเจียงก็ไม่มีอะไรต้องกังวลแล้ว"เช่นนั้นข้าจะไปจัดการเดี๋ยวนี้"เจิ้นเจียงเพิ่งเตรียมจะเดินไปโถงหน้า จั๋วซือหรานคิดๆ แล้วก็เรียกเขาขึ้นมา "จริงด้วย""อื๋อ? แม่นางยังมีอะไรกำชับอีกหรือ?""คุณชายเยี่ยนที่โถงหน้าคนนั้น เป็นคนที่มีบุญคุณกับข้า ถ้าหากเขายังไม่ไป เจ้าเองก็ช่วยดูแลหน่อย""รับทราบ!" เจิ้นเจียงรับคำสั่งแล้วออกไปและระหว่างทางที่จั๋วซือหรานตรงไปเรือนหลัง ในสมองก็มีภาพตอนที่ชายหนุ่มหักตะเกียบก่อนหน้านี้ปรากฏออกมา แก้มที่ตึงกับสายตาที่มีแววตาแบบนั้นจั๋วซือหราน
สัมผัสได้ถึงความอ่อนนุ่มของปลายนิ้วหญิงสาวที่แตะลงมาบนริมฝีปากและได้ยินเสียงอ่อนโยนพูดคำที่ว่าต้องแต่งงานด้วยคิ้วของ 'เยี่ยนหราน' ขมวดแน่นขึ้นมากระทั่งตนเองยังไม่ทันตระหนักถึง ว่าทำไมต้องออกแรงที่นิ้ว แล้วทำไมที่น้ิวต้องออกแรงแล้วท้ายสุด เสียง 'กร๊อบ' ก็ดังขึ้นมาอย่างกะทันหันตะเกียบไม้ในมือเขาหักครึ่งเป็นสองท่อน!แก้มของชายหนุ่มตึงเป็นเส้นโค้ง เขาเอ่ยขึ้นเสียงต่ำ "แม่นางก็ดูแลตัวเองด้วย"จั๋วซือหรานหัวเราะขึ้นเบาๆ "คุณชายขี้อายขนาดนี้เชียว? หน้าตาก็หล่อเหลาดี ไม่คิดว่า...จะใสซื่อขนาดนี้"เสียงของชายหนุ่มดังลอดออกมาจากไรฟัน ฟังแล้วรู้สึกกระด้างหน่อยๆ "แล้วก็ออกไปด้านนอก การบุ่มบ่ามลดความสงสัยต่อตัวคนอื่นลง มันคือความประมาทเลินเล่อ"มุมปากจั๋วซือหรานเหมือนมีรอยยิ้มบางๆ ดูแล้วเหมือนยิ้มเหมือนไม่ยิ้มไม่ได้ปฏิเสธคำพูดเขา เพียงเอ่ยขึ้นว่า "ขอบคุณคุณชายเยี่ยนที่เตือน หลังจากนี้ข้าจะระวังให้มาก เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน..."ในที่สุดนางก็หมุนตัวจากไปหลังจากเห็นแผ่นหลังนางเดินห่างไปแล้ว'เยี่ยนหราน'...หรือบางทีควรจะเรียกว่าเฟิงเหยียนตอนนี้จึงมองมายังมือตนเอง บนปลายหัวแม่มือ มีแผ
รอยยิ้มบนใบหน้าจั๋วซือหรานไม่เปลี่ยน "เช่นนั้นก็ขอบคุณมาก""ไม่เป็นไร" 'เยี่ยนหราน' เอ่ยขึ้นเสียงเรียบจั๋วซือหรานยังคงยิ้มบาง "บัวเจ็ดดอกเจ็ดใบแกนกลางเทียนนี้เป็นสิ่งมีพิษกระมัง?""อืม" เขาไม่ได้ตระหนักถึงว่าอะไรผิดปกติ พยักหน้าตอบกลับ "เป็นสิ่งมีพิษที่มีอยู่ไม่มากนัก สามารถสร้างหมอกพิษขึ้นในป่าได้ ต้นของมันเดิมทีก็มีพิษร้ายแรงอยู่"อาหารรสชาติไม่เลวเลย น้ำแกงทำเอาตัวคนผ่อนคลายลงมาเลยทีเดียวเขาค่อนข้างผ่อนคลาย...หรือบางที สิ่งที่ทำให้เขาผ่อนคลายไม่ใช่น้ำแกงร้อน แต่เป็นเสียงอ่อนโยนของนาง...เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันดังนั้น ตอนนี้เขาจึงไม่ได้สังเกตถึงอะไรที่ผิดปกติพอได้ยินคำถามที่จั๋วซือหรานเพิ่งถาม ก็ตอบกลับนางมาตรงๆหลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงหญิงสาวใสเย็น เพียงแต่ว่า ไม่ได้อ่อนโยนแบบก่อนหน้านี้แล้วเพียงแค่เอ่ยขึ้นเรียบๆ ว่า "เป็นของดีจริงๆ เพียงแต่ว่า..." นางเปลี่ยนหัวข้อสนทนา "ไม่รู้ว่าคุณชายเยี่ยนรู้ได้อย่างไร...หรือทำไมจึงรู้สึกว่า ข้าสามารถทนทานต่อธาตุพิษได้โดยไม่ต้องเกรงกลัวอะไร?"มือที่จับตะเกียบของชายหนุ่ม หยุดนิ่งไปในชั่วพริบตาเขาแหงนตา มองไปยังสีหน้าของหญิงสาว อั
คำพูดนี้ของจั๋วซือหรานไม่ได้มีเจตนาอะไรเป็นพิเศษแต่นางหน้าตาดี แล้วยังฉลาดเฉลียว ปกติเวลาปฏิบัติต่อใครก็จะมีท่าทีเย็นชา ดังนั้นต่อให้จะสวย แต่ก็ยังรู้สึกเหินห่างด้วยเช่นกันแต่ตอนนี้ท่าทีของนาง กลับไม่ได้เย็นชาเหมือนปกตินางยิ้มตาโค้ง ยิ้มสวยหยาดเยิ้มราวกับดวงดาวพร่างพราวอยู่เต็มฟ้า เหมือนมีมนต์สะกดที่ไม่รู้จัก สามารถทำให้คนจมดิ่งเข้าไปได้ในพริบตา'เยี่ยนหราน' มองตานางนิ่ง ไม่ย้ายสายตาไปไหนเลยพักหนึ่ง"ทำไมหรือ?" จั๋วซือหรานถามขึ้นเบาๆ'เยี่ยนหราน' ตอนนี้จึงส่งเสียงฮึจากจมูกออกมาเป็นเชิงถาม คล้ายกับเพิ่งจะรู้สึกตัวจั๋วซือหรานหัวเราะ ถามขึ้นว่า "คุณชายเยี่ยนเหม่อไปแล้วหรือ? ชื่อดวงดาวที่เจ้าบอกล่ะ?"ตอนนี้เขาจึงเอ่ยขึ้น "เหลียนเจิน เทียนเยว่ เทียนจี เทียนเซี่ยง เทียนถง เทียนเหลียง..."หลังจากจั๋วซือหรานได้ยิน ก็เลิกคิ้วขึ้น "ไม่เลวจริงๆ ถ้าอย่างนั้นก็เอาตามที่คุณชายว่าแล้วกัน ขอบคุณมาก"ปฏิกิริยาเหล่านี้ของ 'เยี่ยนหราน' จั๋วซือหรานรู้สึกว่าน่าสนใจอย่างเห็นได้ชัดและรู้สึกว่าใกล้เคียงแล้ว จึงลุกขึ้นยืน "คุณชายเยี่ยนค่อยๆ กินเถิด ข้าจะไปดูพวกคนรับใช้ที่บาดเจ็บพอดี แล้วจะบอก
"เอาที่อร่อยดีกว่า" ขนมชามเองก็ใสซื่อ เอ่ยขึ้นว่า "นายท่านเองก็หิวแล้วนี่"จั๋วซือหรานยื่นนิ้วออกมานิ้วหนึ่ง จับไปที่ขนมชามเบาๆยิ้มตาโค้ง "เด็กดี"จากนั้นนางก็เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ "เอาล่ะ ถือว่าเขาโชคดีแล้วกัน"โชคดีที่มาเจอเข้ากับขนมชามที่นิสัยอ่อนโยนที่ด้านนอก ถ้าหากขนมถั่วแดงอยู่ด้านนอกล่ะก็ คงได้เสนออีกข้อหนึ่งมาแน่จั๋วซือหรานหยิบวัตถุดิบออกมาจากในมิติ คิดจะทำอาหารสักมื้อหลักๆ คือ อันที่จริงเดิมทีนางก็อยากจะทำให้ใจเขาปั่นป่วนอยู่แต่พอคิดๆ แล้วก็รู้สึกว่า ถ้าหากจะปั่นป่วนจิตใจเขาจริง ก็เหมือนจะไม่ใช่วิธีการที่ปฏิบัติต่อเขาอย่างเย็นชาตาของจั๋วซือหรานหรี่ลง พริบตานี้...ก็เหมือนมีแผนการใหม่ขึ้นมาแล้วประมาณราวสามเค่อกับข้าวสี่อย่างน้ำแกงหนึ่งอย่างอันหอมหวนชวนกิน ก็เสร็จสิ้นลงจากเตา"นี่คือปลาเปรี้ยวหวาน ขานกย่าง เนื้อกระดูกหอมเกรียม คะน้าไฟแดง แล้วก็มีน้ำแกงเต้าหู้กระดูกปลาอีกที่ด้วย"จั๋วซือหรานนำอาหารหอมหวนชวนกิน ยกมาวางกองลงตรงหน้า 'เยี่ยนหราน'จากนั้นจึงเลิกแขนเสื้อขึ้น เผยให้เห็นข้อมือขาว หยิบตะเกียบแล้วเอ่ยขึ้นว่า "คุณชายเยี่ยน ลองชิมฝีมือของข้าหน่อย"ตอนที่พูดค
เหล่าคนค้มกันทยอยกันมองไปทางหัวหน้าคนคุ้มกัน ในสายตาเต็มไปด้วยความต้องการความช่วยเหลืออย่างจริงใจหัวหน้าคนคุ้มกันกัดฟันถามขึ้น "แม่ แม่นาง...คงจะไม่คิดจะตั้งชื่อ..."เขาชะงักไป เปลี่ยนทิศทางคำพูด เอ่ยต่อว่า "...อะไรทำนองนี้หรอกใช่ไหม?"ไม่หรอกกระมัง?จั๋วซือหรานเองก็ไม่ได้โง่ ฟังไม่ออกถึงความกังวลพวกเขาเสียที่ไหนนางเหลือบมองพวกเขาผาดหนึ่ง จงใจแหย่พวกเขา เอ่ยขึ้นว่า "ทำไมล่ะ ไม่ดีหรือ? ลาย่างไฟ ขนมไส้หมู หมูชุบกรอบ เป็ดหมักน้ำจิ้ม หมูผัดเปรี้ยวหวาน"นางพูดไปด้วยพลางชี้นิ้วไปทางพวกเขาจากนั้นจึงเห็นว่าสีหน้าของเหล่าคนคุ้มกันแทบจะร้องไห้กันออกมาแล้วตอนนี้เอง เสียงหัวเราะแผ่วเบาเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นที่ประตูจั๋วซือหรานมองไปตามเสียง ก็เห็นร่างเงาหนึ่งที่คุ้นเคย"เจ้าทำไมมาอยู่ที่นี่?" จั๋วซือหรานเลิกคิ้ว มองคนที่มาใหม่ด้วยสายตาลึกซึ้ง จากนั้นก็พ่นชื่อออกมา "เยี่ยนหราน? ข้าจำชื่อไม่ผิดใช่ไหม"ชายหนุ่มร่างตรงแน่วเดินเข้ามาจากประตู พยักหน้าเบาๆ "ถูกต้อง"จั๋วซือหรานแหงนตามองเขา ไม่พูดอะไรชายหนุ่มก้มหน้ามองนาง สบตากันครู่หนึ่ง อันที่จริงในใจเขาก็ไม่ค่อยสงบนัก แค่คิดว่านางมองอะไรอ
นางหมายถึง...กองหนุนที่ย้ายมาจากสำนักเมฆาวารีของผู้เฒ่าเหอสินะ!?แต่ใครก็ตามที่มีความคิดเช่นนี้ เขาคงจะรู้สึกว่าอีกฝ่ายหยิ่งผยองโอหังถึงที่สุดหญิงสาวตรงหน้าคนนี้ ตอนที่เผยความหมายนี้ออกมากลับไม่ทำให้เขารู้สึกถึงความหยิ่งผยองโอหังแม้แต่น้อยเพราะ เรื่องราวเหมือนจะเป็นเช่นนี้จั๋วซือหรานเหมือนจะงึมงำกับตนเองขึ้นว่า "พอเข้าใจวิชาหุ่นเชิดกับหุ่นเชิดมนุษย์แล้ว มันน่าสนใจจริงๆ ทางที่ดีขอให้พวกเขาเอาเจ้าพวกนี้มาเล่นด้วย จะได้ไม่เสียเวลาที่ให้ข้ารอนานขนาดนี้...เจิ้นเจียงเหลือบมองทุกคนที่มีบาดแผลพอคิดๆ ก็ถามจั๋วซือหรานขึ้น "แม่นาง แล้วจะเรียกพวกเขาว่าอย่างไรกัน? เหมือนว่าจะบาดเจ็บกันหนักมาก ข้าพาพวกเขาไปพักผ่อนดีไหม?"หัวหน้าคนคุ้มกันมองออก ว่าคนรับใช้คนนี้ของนายท่าน เหมือนจะไม่ได้กังวลอะไรเลยกับสถานการณ์ที่นายท่านกำลังจะเผชิญแม้ไม่รู้ว่าผ่านเรื่องอะไรมา ถึงทำให้บ่าวมีความเชื่อมั่นที่เด็ดขาดขนาดนี้แต่ไม่ว่าจะผ่านอะไรมาอันที่จริงคนคุ้มกันอย่างพวกเขา ก็เพิ่งจะผ่านการถูกตระกูลเหอปฏิบัติอย่างโหดร้ายมานี่เองและยังเห็นเจิ้นเจียงมีความเชื่อมั่นที่เด็ดขาดขนาดนี้ต่อนายท่านแม้พวกเขา