ซือคงเซี่ยนยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่ามีน้ำใจมาก ท่านไม่ว่าหรอก"ทั้งสองเดินไปพระราชวังระหว่างทาง ซือคงเซี่ยนหยิบกล่องไม้พะยูงออกมา กล่องไม้ชิงชันนั้นดูประดิษฐ์อย่างประณีตและละเอียดมาก และมีพื้นผิวที่เรียบมาก“ท่านอ๋อง นี่คือ...” จั๋วซือหรานไม่เข้าใจ เลยไม่รับ“นี่คือยารักษาบาดแผล” ซือคงเซี่ยนพูดอย่างอ่อนโยน “ข้ารู้ คุณหนูจิ่วมีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม แต่เป็นคุณหมอที่เก่ง หากไม่มียาที่ดี คงหายยาก คุณท่านจั๋วลิ่วเป็นผู้ที่ดูแลคลังของตระกูลจั๋ว ข้าว่า... "ซือคงเซี่ยนไม่ได้พูดต่อ แต่ความหมายในสิ่งที่เขาอยากพูดนั้นชัดเจนอย่างมากด้วยทัศนคติอันแย่ที่คุณท่านจั๋วลิ่วมีต่อจั๋วซือหราน ไม่ต้องสงสัยเลย เขาต้องฉวยทุกโอกาสเพื่อกีดขวางนาง เขาต้องไม่ให้ยาใด ๆ แก่นางอย่างแน่นอนและเมื่อวานนางอยู่ในหน่วยสืบสวนพิเศษหนึ่งวันเต็ม ๆซือคงเซี่ยนได้ยินมานาน และเขาทราบวิธีการลงโทษที่โหดเหี้ยมของหน่วยสืบสวนพิเศษแม้ว่าเมื่อคืนจั๋วซือหรานได้รับยารักษาบาดแผลที่สระน้ำเย็น แต่สำหรับน้ำใจของซือคงเซี่ยน นางรู้สึกดีมากและนางขอบคุณชายผู้นี้“ขอบพระคุณท่านอ๋อง” จั๋วซือหรานยิ้มและขอบคุณซือคงเซี่ยน นางรับกล่
เมื่อจั๋วซือหรานพูดเช่นนี้ สีหน้าของซือคงเซี่ยนก็กลายเป็นเคร่งขรึมทันที " แม่นมยวี่ เกิดอะไรขึ้น"แม่นมยวี่สะอื้นสะอื้นและพูดว่า "ท่านอ๋องเพคะ เช้านี้ไทเฮาไม่มีอะไรผิดปกติเพคะ ท่านเสวยข้าวเช้าและมือเที่ยง หลังจากนั้นท่านเสวยยาหลังอาหารกลางวัน จากนั้นท่านมีอาการแย่ลงเพคะ"จั๋วซือหรานพูด" แม่นมยวี่ รีบพาหม่อมฉันไปตรวจอาการของไทเฮา แล้วเล่าอาการของไทเฮาให้หม่อมฉันฟัง"แม่นมยวี่รีบลุกขึ้นและนำจั๋วซือหรานเดินเข้าไปห้องข้างใน นางเดินไปพูดไป "ตอนแรกไทเอามีอาการอาเจียนและท้องเสีย ท่านนึกว่าท่านรับประทานอะไรผิด หลังจากท่านลงโทษห้องครัวหลวง ก็ไม่สังเกตอาการต่อ ก็.......เพราะเรื่องก่อนหน้านี้ พวกเราไม่กล้าตามหมอหลวงมาตรวจอาการ”“โดยปกติ ตำหนักหย่งโซ่วมักจะเตรียมยาไว้รักษาอากรเล็ก ๆ น้อย ๆ และความเจ็บปวดเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่เสมอ ไทเฮารับประทานยาเหล่านั้น แต่ไม่คาดคิด ท่านสลบไสลทันที”“ทีแรกบ่าวนึกว่าไทเฮาสลบไสลเพียงเพราะท่านอ่อนแอและเหนื่อยจนหลับ แต่นึกไม่ถึง บ่าวปลุกอย่างไร ท่านไม่ตื่นเสียที” แม่นมยวี่ปาดน้ำตาแล้วมองจั๋วซือหรานด้วยน้ำตา“ แม่นางจิ่ว ไทเฮา...โดนใครวางยาอีกหรือเปล่าเจ้าคะ”ก่อนหน
แม่นมยวี่รีบมาแก้ผ้าของไทเฮา เพื่อให้จั๋วซือหรานฝังเข็มเข็มทองคำในมือของจั๋วซือหรานเจาะเข้าไปในจุดฝังเข็มอย่างรวดเร็วและแม่นยำจากนั้นนางตอบคำถามที่ซือคงเซี่ยนถามไว้ก่อนหน้านี้ "ใช่เลย มันเป็นพิษกู่ คราวนี้ ไทเฮาไม่ใช่ถูกวางยาพิษ แต่ถูกวางพิากู่"จั๋วซือหรานบิดเข็มทองคำทีละอัน และพลังอันบริสุทธิ์การแพทย์สายวิเศษได้ถูกนำไปยังจุดฝังเข็มของไทเฮาและระบบเส้นลมปราณตามเข็มทองคำจั๋วซือหรานหมุนเข็มแล้วเยาะเย้ย "นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าบอกว่าคราวนี้มันอาจจงใจหาเรื่องข้า ก่อนหน้านี้ ข้าเคยถูกชายที่ขาหักควบคุมโดยเสน่ห์หนอนพิษกู่ เลยทำให้ข้ายอมยกเลิกการหมั้นหมายกับท่านอ๋องเฟิง และโวยวายแต่งงานกับผุ้ชายที่ขาหัก”“เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับ ดังนั้นบางทีพวกเขาอาจคิดว่า เนื่องจากข้าถูกควบคุมโดยเสน่ห์หนอนพิษกู่ แม้ว่าข้าจั๋วจิ่วมีทักษะทางการแพทย์ที่ดี ข้าไม่สามารถรักษาพิษกู่นี้ได้อย่างแน่นอน”หลังจากจั๋วซือหรานบิดเข็มทองคำแต่ละอัน นางสะบัดมันเบา ๆ และเข็มทองคำก็เริ่มสั่นซือคงเซี่ยนถามจั๋วซือหราน“ แม่นางจิ่ว...ถอนพิษนี้ได้หรือ”จั๋วซือหรานยิ้มเบา ๆเจ้าของร่างเดิมนี้ทำไม่เป็นจริง ๆ แม้ว่าเจ้าของร่างเ
ในความเป็นจริง เมื่อจั๋วซือหรานตระหนักว่าไทเฮาถูกวางพิษกู่ นางพอทราบความเป็นมาของเรื่องนี้นางเดาว่า เหยียนชางคงไม่อยากให้นางแข่งกับตระกูลเหยียนตราบใดที่เหยียนชางฉลาดบ้าง เขาก็ตระหนักได้ว่า นี่เป็นการกระทำที่ไร้ค่าจริง ๆแม้ว่าพวกเขาจะชนะ แต่สำหรับคนภายนอก และพวกเขาอาจคิดด้วยว่า ตระกูลเหยียน ซึ่งเป็นตระกูลที่ถนัดวิชาการแพทย์เป็นเวลายาวนาน แต่กลับรังแกแพทย์มือใหม่อย่างจั๋วซือหรานและหากเขาแพ้สำ ในสายตาของคนภายนอก มันจะกลายเป็นเรื่องตลกใหญ่ดังนั้นเขาไม่อยากสร้างปัญหา เลยเล่นงานกับไทเฮา หากแผนนี้สำเร็จ อาจกล่าวได้ว่า จั๋วซือหรานรักษาไทเฮาไม่เป็น เขาจะได้มีโอกาสตำหนิจั๋วซือหราน ในที่สุด เขาประกาศว่า หมอหลวงจะไม่แข่งกับจั๋วซือหราน เพื่อสร้างภาพที่ว่า เขาเป็นคนใจกว้างจากนั้นเหยียนชางเพียงต้องรักษาพิษแก่ไทเฮา และทุกอย่างจะได้รับการแก้ไขอย่างสมบูรณ์ อาจไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องที่จะแข่งขันกันก็ได้จั๋วซือหรานอธิบายสั้น ๆ ให้ไทเฮาและท่านอ๋องเซี่ยนทราบความคิดเห็นที่นางเดาจากสถานการณ์นี้“หม่อมฉันยอมรับ นี่เป็นเพียงการคาดเดาที่หม่อมฉันคิดว่าสมเหตุสมผล”จั๋วซือหรานพูดและยักไหล่ "เพราะถึงอย่
เพียงแต่แววตาในดวงตาของนางไม่คู่กับสถานะที่สง่างามของนาง ในแววตานั้นกลับมีความหมายที่มืดมน“บางทีอาจจะหมดหนทางแล้ว” เสียงฮองเฮาเย็นชาอย่างมาก “หญิงชราคนนั้นหมดหนทาง และวางแผนให้องค์ชายเจ็ดไม่ได้อีกแล้ว แม้ว่าเด็กหญิงนั่นจะเป็นคนไร้ประโยชน์ แต่ก็ต้องตีสนิทไว้”เหยียนชางได้ยินฮองเฮาเอ่ยถึงชื่อของจั๋วซือหรานอีกครั้ง เหยียนชางโกรธเคืองอีกเล็กน้อย " จั๋วจิ่วสมควรตายเสียจริง และตระกูลจั๋วโชคร้ายเสียใจ มันไม่ง่ายเลยที่จะมีลุกหลานที่มีพรสวรรค์อย่างดีเช่นนี้ แต่ลูกหลานคนนี้มันไม่ได้เรื่อง"ฮองเฮาปลอบใจอย่างอ่อนโยน “เจ้าอย่าโกรธเลย พวกมันเป็นเพียงผู้ที่จะพ่ายแพ้อยู่แล้ว อยู่ได้ไม่นานหรอก ตราบใดที่จั๋วจิ่ว พ่ายแพ้ให้กับเหยียนฉี ความหวังของหญิงชราและองค์ชายเจ็ด นั้นจะถูกทำลาย จากนั้น เมื่อลูกชายของข้าขึ้นครองบัลลังก์ ข้ามีวิธีจัดการกับพวกเขามากมาย”หลังจากที่ เหยียนชาง ได้ยินสิ่งที่เธอพูด สีหน้าของเขาก็อ่อนลงมากในที่สุด เขายิ้มและเหยียดแขนออกเพื่อกอดนางไว้ในอ้อมแขนของเขา "ใช่แล้ว อนาคตจะเป็นของเรา"จั๋วซือหรานรู้ประวัติชีวิตของท่านอ๋องเซี่ยนเป็นเวลานานแล้วซือคงเซี่ยน เป็นบุตรชายของนางสนม ซึ
ซือคงเซี่ยนถอนหายใจ จั๋วซือหรานไม่ฉลาดได้อย่างไร นางฉลาดเหลือเกินหากนางไม่ฉลาด นางจะไม่สามารถมองทะลุถึงจุดนี้และเมื่อมองทะลุถึงจุดนี้ ความจริงก็ใกล้ถูกเปิดเผยแล้ว ซือคงเซี่ยนรู้สึกจั๋วซือหรานอาจเดาความจริงได้ตั้งนานแล้วด้วยซ้ำมันเป็นเพียงเรื่องเกี่ยวถึงชื่อเสียงของราชวงศ์ ดังนั้นนางจึงไม่ได้พูดตรง ๆ แต่แกล้งทำตัวโง่ ๆไท่จื่อที่เป็นองค์ชายที่ได้รับความเมตตาพิเศษจากฮ่องเต้ ในสายตาของทุกคน ไท่จื่อต้องเป็นฮ่องเต้องค์ต่อไปอย่างไม่ต้องสงสัยข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาคือสายเลือดอันสูงส่งและสถานะของเขาในฐานที่เป็นไท่จื่อตราบใดที่เขามีไพ่เด็ด เขาก็แทบไม่มีอะไรที่ต้องกังวลแต่ทำไมเขาถึงกลัวไทเฮาและองค์ชายเจ็ดที่ถูกตรวจสอบขนาดนี้เว้นแต่สายเลือดนี้จั๋วซือหรานลอกความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างราชวงศ์ทีละชั้น และในท้ายที่สุด นางเดาความจริงออก ซึ่งฟังแล้วรู้สึกไร้สาระบางทีองค์ชายห้าอาจไม่ใช่สายเลือดของฮ่องเต้ นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเข้ารู้สึกว่า มันไม่ปลอดภัยพอ และนั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกผิดและกลัวแต่นางไม่ควรพูดเช่นนั้นได้ นางจึงแสร้งทำเป็นโง่และถามซือคงเซี่ยน
ซือคงยวี่รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย เขามองไปที่ซือคงเซี่ยนอีกครั้งเขาถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "แม่นางที่อยู่ข้างกายน้องเจ็ดคือแม่นางของเรือนใด"“กราบท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ นั่นคือคุณหนูจิ่วของตระกูลจั๋ว จั๋วซือหรานพ่ะย่ะค่ะ ”“แม่นางที่รักษาหญิงชราตำหนักหย่งโซ่ว...เสด็จย่าเมื่อครั้งที่แล้วหรือ” ซือคงยวี่เลิกคิ้ว“ใช่พ่ะย่ะค่ะ วันนี้ข่าวที่ถูกแพร่กระจายทั่วเมืองหลวงล้วนเกี่ยวนางแข่งวิชาการแพทย์กับตระกูลเหยียน” เจ้าหน้าที่วังตอบซือคงยวี่เยาะเย้ย "ช่างเพ้อฝันเสียจริง ตระกูลจั๋วเป็นพ่อค้าที่ไร้ความรู้ กว่าจะมีพรสวรรค์ในการฝึกฝน ทักษะทางการแพทย์หรือ หลังจากนางรักษา...ชรา...ไทเฮา นางเกิดความเข้าใจที่ผิด และนึกว่าตัวเองมีทักษะทางการแพทย์ที่โดดเด่นหรือ ”“กระหม่อมมิทราบพ่ะย่ะค่ะ แต่ตระกูลจั๋วไม่มีความมั่นใจในเรื่องนี้และไม่สนับสนุน แม้ว่าจะไม่มีข้อมูลที่แน่ชัด แต่ตามข่าวลือ ดูเหมือนจั๋วซือหรานถูกไล่ออกจากสำนักงานใหญ่ของตระกูลจั๋วพ่ะย่ะค่ะ ” ผู้รับใช้ตอบด้วยความเคารพซือคงยวี่หัวเราะ “ ตระกูลจั๋วเป็นพ่อค้านานแล้วเสียจริง พวกเขาคำนึงถึงผลประโยชน์เสียเร็ว”เขามองไปในทิศทางนั้นอีกครั้ง จากนั้นดว
ไม่ต้องพูดถึงที่นี่เลย แม้แต่ในจวนจั๋ว คนรับใช้หลายคนล้วนเคารพผู้มีฐานะ แต่ดูถูกผู้ที่ไร้ฐานะดังนั้นหลังจากเจ้าของร่างเดิมตัดสินใจแต่งงานกับฉินตวนหยาง แม่ของเจ้าของร่างเดิมและจั๋วหวายต่างเริ่มได้รับการดูถูกในจวนจั๋วคนรับใช้วัยกลางคนคนนี้ถูกสั่งมาที่นี่เป็นพ่อดูแลบ้าน และเดิมทีเขาไม่พอใจกับชะตากรรมของเขาที่ถูก 'เนรเทศ'นอกจากนี้ เมื่อเขาเห็นจั๋วซือหรานเพิ่งตื่นและนางดูเหมือนอ่อนแอและถูกกลั่นแกล้งได้ง่าย เขาเลยดูถูกในใจจั๋วซือหรานเล็กน้อย และทัศนคติในการพูดของเขาก็เป็นการไม่ให้ความเคารพโดยธรรมชาติฝูซูขมวดคิ้วขณะที่เขาฟัง"เจ้าพูดเช่นนี้ได้อย่างไร ทำไมเจ้าถึงพูดกับคุณหนุเช่นนี้"คนรับใช้วัยกลางคนโค้งริมฝีปากแล้วพูดว่า "ข้าพูดอะไรผิดไป อีกอย่าง คุณท่านลิ่วเป็นผู้ที่สั่งข้ามาเป็นพ่อดูแลบ้านของคุณหนูจิ่ว โดยปกติแล้ว เจ้าต้องรับใช้ข้า ดังนั้นเจ้าต้องพูดดี ๆ กับข้าต่างหาก”“เจ้า” ฝูซูโกรธมากจนหน้าแดง เขาเป็นเพียงชายหนุ่มผู้ภักดีต่อเจ้านายของเขา เขามีนิสัยเรียบง่ายแต่พูดไม่เก่ง ทันใดนั้น เขาไม่ทราบต้องโต้เถียงกับคำพูดนี้เมื่อจั๋วซือหรานได้ยินคำพูดนั้น นางหรี่ตาลง บัดนี้นางไม่ง่วงนอนแ
จั๋วซือหรานส่งสายตาปลอบโยนให้นาง "ไม่ต้องเครียด"หานกวงกลับผ่อนคลายไม่ลง การคุกคามชีวิตในคำพูดนั้นของชายหนุ่มเจ้าเล่ห์คนนี้ก็เรื่องหนึ่ง ส่วนอีกเรื่องหนึ่ง นางฟังออกว่า แม่นางจิ่วเหมือนจะสนใจขึ้นมาจริงๆ แล้ว!แต่ แต่ว่า...! หานกวงรู้ว่านายท่านกับแม่นางจิ่วหวานชื่นมีอะไรกันแล้วนะดังนั้นอันที่จริงก็จินตนาการไม่ออกเลย ภาพที่แม่นางจิ่วไม่ได้ตกร่องปล่องชิ้นกับนายท่าน แต่กลับไปอยู่กับคนอื่นแทนหลังจากนั้น หานกวงก็เห็นแม่นางจิ่วนั่งลงบนเก้าอี้ เอนหลังเข้าหาเก้าอี้ สองมือกอดที่หน้าอก มองเรียบๆ ไปทางปันอวิ๋นท่าทางนี้ของแม่นางจิ่ว...หานกวงรู้สึกคุ้นเคย รู้สึก...เหมือนว่าตอนแม่นางจิ่วจะเริ่มเจรจาเงื่อนไขกับใคร หรือเริ่มจะหลอกลวงใคร ก็จะมีท่าทางประมาณนี้ปรากฏขึ้นดังนั้นหานกวงที่เดิมทีเตรียมจะอ้าปากเตือน จึงอดทนเอาไว้ อยากจะเห็นว่าแม่นางจิ่วจะมีปฏิกิริยาเช่นไรจั๋วซือหรานมองปันอวิ๋น "เช่นนั้นก็ไม่ต้องลำบากเจ้าหุบเขาช่วยข้าจัดการองครักษ์เงาหรอก เพียงแต่ว่า เจ้าหุบเขาในเมื่อคิดจะเจรจาร่วมมือกับข้า..."ในตาจั๋วซือหรานมีรอยยิ้มจางๆ ปรากฏขึ้นมา สวยงามมากแต่ตอนที่ปันอวิ๋นเห็นรอยยิ้มที่สวยง
ปันอวิ๋นจุ๊ปาก พูดกับตนเองเสียงต่ำ "หญิงสาวที่เก่งเกินไปจะไม่ยอมใครง่ายๆ สินะ"จั๋วซือหรานยกมุมปากขึ้น "เจ้าหุบเขาถ้าหากบอกว่าหญิงสาวที่ฉลาดเกินไปหลอกยากล่ะก็ มันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ"ปันอวิ๋นครุ่นคิด เอ่ยต่อว่า "เฟิงเหยียนหมั้นไปแล้วแท้ๆ ถ้าเจ้าแต่งกับข้า ก็จะยิ่งทำให้เขาโมโหไม่ใช่รึ?""เจ้าหุบเขาไปรู้มาจากไหนว่าข้าเป็นคนที่จะใช้ชีวิตตัวเองเข้าไปล้างแค้นผู้อื่น?" จั๋วซือหรานถามขึ้น "เขาจะไปหมั้นกับใครก็ดี หรือจะไปแต่งกับใครก็ดี ล้วนไม่คู่ควรให้ข้าเอาชีวิตของข้าไปเดิมพันว่าเขาจะเสียใจไม่เสียใจ"ปันอวิ๋นเห็นรอยยิ้มบนหน้านางงดงามมาก เสียงเองก็ดูสงบมั่นคงเหมือนพูดเรื่องหนักให้เป็นเบา "ไม่มีใครคูควรให้ข้าเอาชีวิตไปเดิมพันว่าอีกฝ่ายจะเสียใจหรือไม่ ชีวิตข้าสำคัญที่สุด""จุ๊" ปันอวิ๋นจุ๊ปากอีกครั้ง คิ้วงามขมวดขึ้น "ดูท่าจะกล่อมอย่างไรก็ไม่คล้อยตามเลยนะ""เจ้าหุบเขาถ้าหากชอบข้าขนาดนี้ ก็ลองคิดหาวิธีอื่นเถอะ" จั๋วซือหรานยิ้มเรียบๆ ทำสัญญาณมือไปทางประตู "หากไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ก็อย่าทำให้ข้าเสียเวลาการตรวจไข้เลย กว่าข้าจะมานั่งตรวจให้มันไม่ง่ายนะ"หานกวงที่อยู่ข้างๆ ยังคงมองชายตรงหน้าอย่าง
หลังจากที่นิ่งงันไปชั่วคราว รอยยิ้มบนหน้าก็ค่อยๆ เก็บลงไป จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นว่า "เช่นนั้นหรือ ไร้เมตตาขนาดนี้เชียว นี่ข้าคิดว่าที่ข้าส่งนางพญากู่ให้เจ้าไปเจ็ดตัว กระทั่งอาวุธกู่ก็ยังหาขยะไปส่งให้ตรงหน้าเจ้า ข้าคิดว่าพวกเราควรจะ...สนิทสนมกันบ้างแล้วเสียอีก?"จั๋วซือหรานพอได้ยิน คิ้วก็ขมวดขึ้นมา ม่านตาหดลง มองไปทางเขาทันควัน "เจ้าคือ...ปันอวิ๋นสินะ?""ข้าเอง" รอยยิ้มบนใบหน้าปันอวิ๋นยังไม่หายไปไหน พูดไปด้วย พลางยื่นมือขยับไปมาท่าทางง่ายๆ เช่นนี้ ถ้าหากในสายตาคนอื่น ก็อาจจะรู้สึกแปลกประหลาดอยู่แต่พออยู่ในสายตาจั๋วซือหราน ก็ไม่ได้เห็นเป็นเช่นนั้น เพราะท่าทางง่ายๆ นี้ ชายหนุ่คนนี้ก็จัดการผ่อนหนักเป็นเบา ถอนไหมกู่ที่พันอยู่บนตัวเหล่านั้นออกไปจนหมดนี่แข็งแกร่งกว่าพวกปรมาจารย์กู่ดินแดนทางใต้ที่ค่ายคุ้มกันเหล่านั้นไม่รู้กี่เท่า พวกเขารวมกันก็ยังไม่ร้ายกาจเท่าปันอวิ๋นเลยจั๋วซือหรานไม่เคยดูแคลนศัตรูแหวนเสวียนเหยียนถูกนางปิดออกแล้ว ชัว่พริบตา พลังยิ่งใหญ่ระดับปกฟ้าคลุมดินก็แผ่กว้างออกไปโดยมีนางเป็นศูนย์กลางในสายตาก่อนหน้านี้ของปันอวิ๋นก็ค่อนข้างสนใจแล้ว ตอนนี้พอสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแ
เสียงจั๋วซือหรานไม่มีความอบอุ่นอยู่อีก ที่นางพูดมาก็ไม่ใช่เรื่องหลอกนางเองก็เพิ่งมีปฏิกิริยาพริบตาที่จับชีพจรเขา ชีพจรประหลาดแบบนี้ เป็นความอ่อนแอใกล้ตายอย่างไรอย่างนั้นแต่พลังวิญญาณคนผู้นี้ก็แข็งแกร่งมากจริงๆ ชีพจรโบราณเช่นนี้จั๋วซือหรานไม่เคยพบมาก่อนตัวนางเองนอนนี้ก็ชีพจรเช่นนี้ หรือก็คือ หลังจากที่ตนเองมีเจ้าก้อนเนื้อทั้งเจ็ด ชีพจรก็จะเริ่มประหลาดไปพูดให้เข้าใจง่ายอีกหน่อยก็คือ...ชีพจรของปรมาจารย์กู่จะแปลกแบบนี้เพราะปรมาจารย์กู่ที่เก่งกาจจะเลี้ยงแมลงกู่ไว้ในร่าง เพื่อให้สะดวกปล่อยมาใช้านยิ่งไปกว่นั้นเพราะวิชากู่สามารถควบคุมได้ จึงเลี้ยงไว้ในตนเองเสียเลย แล้วก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมีผลร้ายกับร่างกาด้วย แล้วยังประหยัดกล่องแมลงกู่ได้อีกดังนั้นจั๋วซือหรานพริบตานี้จึงรู้ถึงอาชีพของอีกฝ่าย บวกกับเสื้อผ้าเขาที่มีลายไม่ค่อยชัด...ดูไม่ใช่ลักษณะแของแคว้นชางเลยยิ่งไปกว่านั้นพอจินตนาการถึงเหล่าปรมาจารย์กู่ดินแดนทางใต้ที่หนีออกมาจากค่ายคุ้มกัน จั๋วซือหรานจึงโจมตีขึ้นเป็นอันดับแรกคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายกลับรับไว้อย่างสบายสิ่งนี้ทำให้ในใจจั๋วซือหรานดำดิ่ง จนต้องมองตรงๆ คนตรงหน้านี้ เ
ส่วนมือของหานกวง กระทั่งทาบไว้บนกระบี่ที่เอวแล้วแต่คนที่นั่งอยู่ด้านหน้าโต๊ะตรวจจั๋วซือหราน สีหน้ากลับไม่มีความเป็นศัตรูเลยจั๋วซือหรานตอนนี้ก็เงยหน้ามองคนตรงหน้าอดพูดไม่ได้เลย ว่านี่เป็นใบหน้าที่หล่อเหลามาก คนเราพอเจอกับคนที่หน้าตาดี ในใจก็มักจะใจกว้างขึ้นมาจั๋วซือหรานก่อนหน้านี้เพราะเห็นหน้าเฟิงเหยียนมากไป ดังนั้นเรื่องการตัดสินความสวยความหล่อนี้จึงสูงมากแต่ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ในใจก็ยังอดยอมรับไม่ได้ ว่าชายหนุ่มตรงหน้าคนนี้ หน้าตาดีเอามากๆหล่อเหลา แล้วยังเป็นแบบนี้เฟิงเหยียนยังไม่อาจเทียบได้ สองคนลักษณะแตกต่างกันเฟิงเหยียนให้ความรู้สึกเหมือน หล่อแบบหาที่ติไม่ได้แต่ชายหนุ่มตรงหน้านี้ เทียบจะบอกว่าหล่อเหลา สู้บอกว่างามสง่าดีกว่า ใบหน้าแม้จะดูสง่างาม แต่มองจากรายละเอียดเค้าโครงหูตาจมูก ก็ดูอ่อนโยนกว่า ไม่ได้แข็งกระด้างนักยิ่งไปกว่านั้น ตอนที่เขายิ้ม ในดวงตาก็มีแววเจ้าเล่ห์เล็กๆอยู่ ทั่วทั้งตัวดูมีท่วงท่าความเจ้าเล่ห์แผ่ออกมาว่าอย่างไรดี คือ...ไม่ใช่คนดีนั่นล่ะเขานั่งอยู่ตรงหน้าจั๋วซือหราน มองนางเหมือนยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม สายตาพิจารณาไปมาอยู่บนตัวนางจากนั้นจึงหัวเราะเส
เพราะตอนที่จั๋วซือหรานมา โรงหมอเปิดทำการแล้ว ดังนั้นในโรงหมอยังมีคนอื่นอยู่ ล้วนกำลังตรวจอาการกันจั๋วซือหรานเองก็มองออกง่าย ถึงอย่างไรก็มีหน้าตาแบบว่าพอได้เห็นก็ย้ายสายตาออกไม่ได้แล้วยิ่งไปกว่านั้นชื่อเสียงของแม่นางจั๋วจิ่ว ในเมืองหลวงเองก็ลือชื่อโด่งดัง ปกติไม่ค่อยได้เห็นตัว ตอนนี้พอได้เห็นก็ทำเอาคนอยากรู้จักกันขึ้นมาเอาแค่ใบหน้านี้ ก็คุ้มที่จะลงทุนแล้ว พอมองไปนานๆ อาการป่วยก็ไม่ค่อยจะเจ็บแล้วอีกต่างหากจั๋วซือหรานที่ถูกคนจ้องมองก็ไม่ยี่หระอะไร และไม่รู้สึกอึดอัดด้วยดังนั้นสิ่งที่นางควรพูดก็พูดหมดแล้ว จึงไม่สนใจอีกว่าจะถูกใครมองแต่คนรอบๆ ก็ยังจับจ้องนางอยู่ แม่นางที่สวยขนาดนี้ ดูดีละเมียดไปทุกอณู เค้าโครงใบหน้าก็สมบูรณ์แบบไปทุกส่วนสวมชุดแดงทั้งตัว พวกเขาไม่เคยเห็นใครสวยขนาดนี้ พอได้เห็นก็รู้สึกเหมือนเทพธิดาเสียอย่างนั้นแต่พอเปิดปากมาก็ให้ตายเถอะ เนื้อหาที่พูดมาดันเป็น...ช่วงนี้เอาแต่ฆ่าคนให้ตายสิ...สายตาพวกเขาก็แข็งทื่อกันไปแล้ว คนที่เหมือนเทพธิดานางสวรรค์...ทำไมพอเอ่ยปากจิตสังหารก็พุ่งขึ้นมาแบบนี้กันยิ่งไปกว่านั้นพอมองอย่างละเอียด ก็เหมือนไม่มีตรงไหนที่ผิดปกติ นางเ
พูดได้แค่ว่าข้อมูลในคำพูดของแม่นางจิ่วนี้มากเกินไปจริงๆมากจนสมองนางเหมือนจะคิดไม่ทันเสียแล้ว!จั๋วซือรหานมองนาง เอ่ยต่ว่า "ข้าก็บอกไปแล้ว อย่ามาเติมฟืนให้นายท่านเจ้าอีก ดีที่สุดแล้วที่เขาจะจำไม่ได้ วันไหนถ้านึกออกขึ้นมา จั๋วซือหรานอย่างข้าต้องเอาคืนเขาแน่ๆ..."ในใจหานกวงแอบคิด นายท่านคงต้องระวังตัวเองเสียแล้วนะจั๋วซือหรานมองสีหน้าที่เหมือนปิดเครื่องไปแล้วของหานกวง ก็อดขำขึ้นมาไม่ได้ตอนนี้จึงเดินหน้าต่อ เอ่ยขึ้นมาคำหนึ่งว่า "เรื่องนี้เจ้ารู้ไว้ก็พอแล้ว ไม่ต้องไปบอกองครักษ์เงาคนอื่นล่ะ""แม่นางจิ่ววางใจเถิด ข้าน้อยทราบแล้ว" หานกวงรีบตอบกลับเสียงต่ำนางรู้แน่นอน เรื่องเกี่ยวกับความบริสุทธิ์ของหญิงสาว แม่นางจิ่วก็น่าจะเห็นว่านางเป็นหญิงสาว ถึงได้เอ่ยขึ้นมาขณะที่คุยกัน ก็มาถึงโรงหมอแล้วจั๋วซือหรานไม่ได้แล้วพักหนึ่ง ก็คิดไม่ถึงเลยว่า ถนนเส้นนี้หน้าตาจะเปลี่ยนไปแล้วพอเห็นว่านางมา ผู้จัดการก็รู้สึกตกใจมาก รีบเข้ามาต้อนรับ "คุณหนู! ท่านมาแล้ว!""อืม ช่วงนี้ยุ่งหน่อยน่ะ เลยไม่ได้เข้ามาเลย พวกเจ้ายังไหวกันไหม?" จั๋วซือหรานถาม"แน่นอน! คุณหนูวางใจได้เลย!" ผู้จัดการตอบกลับ"ข้าเพ
หลังจากฉุนจวินกลับไป ดูแล้วก็เหมือนจะกลัดกลุ้มอยู่หน่อยๆแต่ว่าจั๋วซือหรานหลังจากกลับไปกรมสืบสวนพิเศษ ไม่ได้เจอกับฉุนจวิน จึงไม่ได้สังเกตเห็นอะไรสองวันต่อมา หานกวงจึงมาบอกกับนางจั๋วซือหรานกำลังไปดูร้านยาโรงแพทย์ของตนเอง หานกวงก็อยู่กับนางด้วยระหว่างทางก็บอกกับนาง หลังจากจั๋วซือหรานได้ยิน ก็ยังรู้สึกประหลาดใจ"นี่ฉุนจวินพูดมาหรือ?" จั๋วซือหรานถามขึ้นหานกวงพยักหน้า "ฉุนจวินวันนั้นตอนที่ไปรายงานกับท่านที่กรมสืบสวนพิเศษ ก็เจอกับนายท่านเข้า จากนั้นจึงคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง"หานกวงก็เอาไม่กี่คำที่ฉุนจวินคุยกับนายท่านเขา บอกให้จั๋วซือหรานฟังจั๋วซือหรานฟังไปครึ่งหนึ่งจึงยิ้มออกมา มุมปากนางกระตุก เอ่ยขึ้นว่า "อะไรคือคือตระกูลเฟิงเห็นเขาเป็นคนโง่กันนะ..."หานกวงพอได้ยินก็งงงัน ยังคิดว่าจั๋วซือหรานไม่เข้าใจคำพูดนี้ พอกำลังจะอธิบาย ก็ได้ยินแม่นางจิ่วหัวเราะขึ้นมา บอกว่า "เขามันก็คนโง่จริงๆ นี่นา?"หานกวง "..."ชั่วขณะหนึ่งไม่รู้จริงๆ ว่าจะโต้กลับอย่างไรหานกวงกระแอมขึ้นมาทีหนึ่ง ไม่ได้ตอบกลับจั๋วซือหรานมองนาง "จากนั้นล่ะ? เขาพูดอะไรอีก?""ความหมายของนายท่านเหมือนว่าจะเป็น ต่อให้เข
ชิ่งหมิงคอยเฝ้าอยู่ข้างๆ ตลอด แม้จะไม่ถึงกับจ้องตาแป๋วน้ำลายไหล แต่ตาก็เป็นประกายอยู่ตลอดจั๋วซือหรานมองไปก็ยิ้มๆ พูดขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่ "มีแค่ตอนนี้นี่ล่ะ ที่จะได้เห็นเจ้าตอนที่ยังติดอ่างแบบตอนนั้น"นางยื่นมือออกไป คิดจะบีบแก้มชิ่งหมิงแต่ปฏิกิริยาชิ่งหมิงก็รวดเร็ว เขยิบถอยออกไปด้านหลังเลี่ยงนิ้วของนางออกไปอย่างไม่ตั้งใจและตอนที่จั๋วซือหรานยังไม่ทันได้ทันตั้งตัวว่าน้องชิ่งก็กลายเป็นชายหนุ่มเสียแล้ว จะมาหยิกแก้มแบบนี้ไม่ได้ชิ่งหมิงก็เดินเข้ามาก้าวหนึ่ง ยื่นแก้มตัวเองเข้าไปที่นิ้วของนางจั๋วซือหรานยิ้มตาโค้ง บีบเบาๆ "พอโตมา สัมผัสไม่ค่อยดีแล้วแฮะ"ชิ่งหมิงยกกับข้าวออกไปอย่างสมัครใจรอให้จั๋วซือหรานจัดการเสร็จแล้วค่อยกินด้วยกันแต่พอจั๋วซือหรานเสร็จงาน ยังไม่ทันได้จับตะเกียบ ก็มีคนเข้ามารายงานแล้ว"แม่นางจิ่ว"จั๋วซือหรานแหงนจามองฉุนจวินที่ตรงเข้ามารายงาน "ทำไม? เกิดอะไรขึ้นรึ?"ฉุนจวินกดเสียงต่ำ "จดหมาของฮูหยินส่งเข้ามาในเมืองหลวง เพิ่งส่งมาในจวนขอรับ"จั๋วซือหรานพอได้ยินก็ตกตะลึง "แม่ข้าหรือ?""ขอรับ"จั๋วซือหรานพยักหน้า "ในจดหมายแม่ข้าบอกว่าอะไร?""ฮูหยินบอกว่าออกเด