แชร์

บทที่ 397

ผู้เขียน: หูเทียนเสี่ยว
เฟิงเหยียนลดสายตาลง เขาเห็นจั๋วซือหรานยื่นมือไปด้านหลัง และค่อย ๆ จับปลายดาบของเขาอย่างนุ่มนวล

แต่การกระทำนี้ไม่ได้ทำให้เฟิงเหยียนไม่พอใจเลย

ในทางตรงกันข้าม ทันทีที่จั๋วซือหรานมีการกระทำเช่นนี้ เฟิงเหยียนก็ตระหนักว่า " จั๋วเสียวจิ่ว เจ้าช่วยเขาได้ไหม"

เมื่อฉูนจวีนได้ยินคำพูดของเฟิงเหยียน ดวงตาอันแดงก่ำเขาที่เคยเต็มไปด้วยความปรารถนาที่อยากตาย

ดูเหมือนตอนนี้ดวงตาคู่นี้มีประกายแห่งความหวังที่อาจเรียกได้ว่าเป็นความหวังเล็ก ๆ

เพราะหากเป็นคนอื่น ตอนนี้ฉูนจวีนคงไม่มีความหวังหรอก

แต่คนนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก... จั๋วซือหราน

ผู้หญิงคนนี้ทำให้ผู้คนประหลาดใจอยู่เสมอ นางทำให้คนต้อง...ตั้งตารอจริง ๆ

ท้ายที่สุดแล้ว ใครจะอยากตาย หากพวกเขาสามารถมีชีวิตอยู่ได้

จั๋วซือหรานหรี่ตาลงและมองดูอาการบาดเจ็บของฉูนจวีนอยู่ครู่หนึ่ง นางพยักหน้าเล็กน้อยแล้วกระซิบว่า "อาการบาดเจ็บมันไม่สำคัญเท่าไร ที่สำคัญที่สุดคือนี่.. นี่ถือเป็นยาพิษหรือพิษกู่กันแน่..."

ฉูนจวีนซึ่งแต่เดิมเขาอยากตายอย่างเดียวแล้ว แต่เมื่อเขาได้ยินคำพูดของจั๋วซือหราน เขาตกใจอย่างมาก

ในมุมมองของเขา เขาเอาชีวิตรอดได้จากเนื่องจากอาการบาดเจ็บข
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 398

    เฟิงเหยียนฟังออกความหมายหยอกล้อในคำพูดของนาง แต่ภาพตรงหน้าเขาช่างน่าสลดใจอย่างเห็นได้ชัดหากเป็นคนอื่นเห็นนางยังพูดล้อเล่น คนผู้นั้นต้องโกรธแน่นอนถึงเวลาไหนแล้ว นางยังมีอารมณ์มาพูดเล่นแต่เฟิงเหยียนรู้ว่านางคือจั๋วซือหราน นางไม่ใช่คนธรรมดายิ่งนางยังพูดตลกในที่นี่ได้มากเท่าไร ก็ยิ่งหมายความว่าสถานการณ์อาจไม่ร้ายแรง อย่างน้อยก็ไม่ร้ายแรงเท่าที่เขาจินตนาการเพราเฟิงเหยียนเดาออกได้ง่าย ๆ และสาเหตุที่คนพวกนั้นทำเช่นนั้นก็ง่ายเหลือเกินเขารู้สึกว่าไม่ว่าใครจะอยู่เบื้องหลัง พวกเขาทั้งหมดทำเช่นนี้เพื่อกำจัดตระกูลเฟิงจั๋วซือหรานไม่รู้ว่าเฟิงเหยียนกำลังคิดอะไรอยู่ หากนางรู้ นางคงจะรู้สึกอย่างแน่นอนว่า หัวใจขององค์หญิงเจาหมิ่นจะแตกสลายเป็นชิ้น ๆเพราะท้ายที่สุดแล้ว องค์หญิงผู้รอบคอบคนนั้นยังคงรอช่วยเฟิงเหยียนและช่วยเหลือตระกูลเฟิงอยู่เลยเฟิงเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “เจ้าหมายถึง นี่คือโรคระบาดจริง ๆ ใช่ไหม”จั๋วซือหรานไม่สามารถตอบเขาได้ว่า นี่อาจเป็นไวรัสซอมบี้บางชนิด อันที่จริง นางไม่แน่ใจว่านี่คืออะไร อย่างน้อยนางก็ยังไม่ได้ศึกษาคนตายทั้งสี่คนเลยนางไม่รู้ว่ามันคืออะไร นางรู้สึกว

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 399

    หากมีจั๋วซือหรานอยู่ หรือหากจั๋วซือหรานบอกว่า นางรักษาโรคนี้ได้แม้ว่าก่อนหน้านี้เฟิงเหยียนสิ้นหวังกับอาการบาดเจ็บของฉูนจวีน แต่ดูเหมือนว่าเขาจะรู้สึกมีความหวังในทันใดเฟิงเหยียนมั่นใจในความสามารถของนางมากไม่ใช่ว่าเขาเชื่อนางโดยร้ายเหตุผล แต่นี่เป็นความไว้วางใจที่จั๋วซือหรานได้รับมาเองเท่านั้นนางสามารถทำให้คนอื่นเกิดความรู้สึกเช่นนี้ หากนางบอกว่านางทำได้ นางก็จะทำสำเร็จได้แน่นอนเดิมทีฉูนจวีนคิดว่าเขาเป็นคนเดียวที่รู้สึกเช่นนี้ แต่เขาไม่คาดคิดว่าแม้แต่เจ้านายของเขาจะรู้สึกเช่นเดียวกันกับเขาดังนั้น ฉูนจวีนจึงรู้สึกว่าหลังจากที่จั๋วซือหรานบอกเขาว่า นางสามารถรักษาให้หายขาดได้ ดูเหมือนเจ้านายเริ่มไม่สนใจอาการบาดเจ็บของเขามากนักหลังจากจั๋วซือหรานเริ่มให้ยาที่ดีขึ้นแก่เขา เจ้านายก็หันกลับมาทันทีเจ้านายทำตามคำแนะนำของจั๋วซือหราน และไปมัดเหล่าผู้อาวุโสไว้ฉูนจวีนรู้สึกว่าเจ้านายพลาดฉากที่น่ากลัวแต่ไม่เจ็บปวดเช่นนี้ไป“แม่ แม่นาง แม่นางจิ่ว…” อักษรไม่กี่ตัวนี้ถูกฉูนจวีนแบ่งออกเป็นหลาย ๆ ส่วน“อะไร” จั๋วซือหรานเงยหน้าขึ้นและมองฉูนจวีน “อะไร”"ท่านนี่...นี่..." ฉูนจวีนไม่สามารถพู

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 400

    "อย่ากลัวนะ" จั๋วซือหรานฟังฉูนจวีนพูดติดอ่าง นางคิดว่าก่อนหน้านี้ เขาถือเป็นผู้พิทักษ์เงาที่มีจิตใจแข็งแกร่ง ซึ่งมีเลือดออก แต่ไม่เคยหลั่งน้ำตาเลย นางสงสารเขาตกใจจนหวาดกลัวเช่นนี้ดังนั้นจั๋วซือหรานจึงปลอบใจเขาอย่างอ่อนโยนฉูนจวีนอาจไม่เคยเห็นจั๋วซือหรานพูดอ่อนโยนขนาดนี้มาก่อน ดังนั้นเมื่อเขาได้ยินคำพูดของจั๋วซือหราน เขาไม่รู้สึกสบายใจ ยิ่งไปกว่านั้น เสียงอันอ่อนโยนของนางทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวมากยิ่งขึ้นอีกด้วยฉูนจวีนพูดด้วยเสียงอันสั่นเทา "แม่ แม่นางจิ่วนี่...นี่ไม่ใช่...ไม่ใช่เสื้อผ้า ทำไมต้องเย็บด้วย"และเขาคงรู้ว่าเขาควบคุมเสียงของตัวเองไม่ได้อยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจเสียงอันสั่นเทาของเขาเลยจั๋วซือหรานยิ้มหลังจากได้ยินคำพูดของฉูนจวีน นางพูดว่า "ประมาณนั้นแหละ หากเสื้อผ้าขาด เราเย็บใหม่ ก็ยังใส่ได้"ขณะที่นางพูด นางก็เย็บอีกเข็มหนึ่งแล้วเงยหน้าขึ้น จากนั้นนางมองและถามฉูนจวีน "มนุษย์เรานะ หากมีช่องที่ไหน เย็บหน่อย ก็จะใช้ได้เหมือนเดิม"จั๋วซือหรานพูดในใจว่า ฉูนจวีนคนนี้อาจเคยดูถูกนางเล็กน้อยมาก่อนหลังจากวันนี้ นางคงจะเป็นยักษ์ในสายตาของเขาตลอดไปหลังจากนั้นไม่นาน เฟิง

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 401

    ความรู้สึกแรกฉูนจวีนคือ...คันเล็กน้อยแต่ทันใดนั้นเขาเข้าใจว่าทำไมเขาถึงรู้สึกคัน เพราะบาดแผลเหล่านั้นกำลังตกสะเก็ดและหายดีจั๋วซือหรานมองอาการของบาดแผล นางพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ "เอาล่ะ เจ้าพักผ่อนก่อนเลย ข้าต้องไปตรวจดูอาการของผู้อาวุโสเหล่านั้น เดี๋ยวข้าค่อยมาหารักษาเจ้า"“ขอบคุณแม่นางจิ่วขอรับ” ฉูนจวีนขอบคุณนางด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นเล็กน้อยปกติเขาไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ในยามที่เขาพูด แต่รู้สึกอารมณ์และน้ำเสียงของคำพูดของเขาในวันนี้มีอารมณ์มากกว่าปีที่แล้วรวมกันเฟิงเหยียนยืนอยู่ข้างกายจั๋วซือหราน เขากระซิบว่า "รักษาให้หายขาดแล้วไม่ใช่หรือ"“อาการบาดเจ็บภายนอกหายดีแล้ว” จั๋วซือหรานก้มตัวลงไปตรวจอาการของผู้อาวุโส นางพูดต่อ “แต่อาคมหนอนพิษกู่นั้น ข้ายังไม่ได้ถอนพิษให้เลย ข้าคาดว่าหากไม่ถอนพิษอาคมหนอนพิษกู่ออก อีกไม่นาน ฉูนจวีนคงต้องแปลงตัวเหมือนสี่คนนั้น”เฟิงเหยียนขมวดคิ้วแน่นเดิมทีฉูนจวีนหายความกังวลไปเล็กน้อยแล้ว แต่เขาหูดี และได้ยินสิ่งที่จั๋วซือหรานและเฟิงเหยียนพูดถึงสีหน้าของเขาเริ่มตึงเครียดอีกครั้ง และเห็นได้ชัดว่าเขากังวลมากขึ้นกว่าเดิมอะ อะไร...อะไรนะ เขาจะกลายเป็

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 402

    เพราะนางมองออกฉูนจวีนจงรักภักดีต่อเฟิงเหยียน และเป็นคนรับใช้ของตระกูลเฟิง ตามหลัก เมื่อต้องเผชิญหน้าต่อเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลเฟิง เขาไม่ต้องมีความจงรักภักดีต่อพวกเขาก็ได้ อย่างน้อยเขาต้องแสดงความเกรงกลัวต่อผู้อาวุโสของของตระกูลเฟิงแม้ว่าเขารู้สึกไม่ยุติธรรมกับนาง แต่เขาทำได้เพียงแอบรู้สึกไม่ยุติธรรมในใจ จั๋วซือหรานไม่คาดคิดว่าเขาจะกล้าพูดเช่นนี้แน่นอนว่าคำพูดของฉูนจวีนทำให้ผู้อาวุโสไม่พอใจทันที และพวกเขาก็ตำหนิทันทีว่า "กล้าดีนัก คนรับใช้อย่างเจ้า กล้าพูดแทรกได้อย่างไร"ฉูนจวีนรู้ตัวเองไม่ควรทำเช่นนี้ เขามีสีหน้าที่แข็งทื่อและไม่กล้าพูดอะไรอีก แต่เขาไม่ขอโทษผู้อาวุโสโกรธมาก พวกเขาทำได้แค่เพียงมองไปที่เฟิงเหยียนเท่านั้น" เหยียนเอ๋อร์ ข้ารู้ว่าเจ้าให้ความสำคัญกับผู้พิทักษ์เงา ของเจ้ามาโดยตลอด แต่อย่าปล่อยพวกเขาเอาแต่ใจมากเกินไปสิ จนกล้ามาเถียงเจ้านาย ไม่รู้จักเคารพผู้ใหญ่ ช่างไร้มารยาทเสียจริง... ”เฟิงเหยียนพูดอย่างสงบมาก "หมายความว่าฉูนจวีน พูดไม่ได้เช่นนั้นหรือ"จากนั้น เขาก็เงยหน้าขึ้นและมองผู้อาวุโสเหล่านั้น มีไฟสีทองส่องประกายไปทั่วรูม่านตาของเขา“เช่นนั้นข้าพูดได้หรือ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 403

    เมื่อจั๋วซือหรานได้ยินเสียงคำรามอันเจ็บปวดของฉูนจวีน สีหน้าของนางก็จริงจังมากขึ้นแต่นี่ไม่ใช่จุดสิ้นสุด แต่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นนางเพิ่งเริ่มรักษา เขาก็เจ็บหนักขนาดนี้แล้ว และจินตนาการไม่ออกเลยว่า อะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้จั๋วซือหรานคิดไปครู่หนึ่ง นางตัดสินใจเพิ่มใช้ยาแก้ปวดให้ฉูนจวีนแต่ก็ไม่ได้ผลแม้ว่าจั๋วซือหรานได้คิดความเป็นไปได้นี้มาก่อน แต่ยาแก้ปวดอาจไม่ส่งผลต่อพิษเช่นอาคมหนอนพิษกู่นัก...นางแค่คาดเดา เพราะอาคมหนอนพิษกู่ไม่ใช่สารพิษธรรมดาและไม่ใช่ผลผลิตของโลกที่นางเคยอาศัยอยู่ดังนั้นจั๋วซือหรานจึงรู้สึกว่ายาแก้ปวดอาจถอนอาคมหนอนพิษกู่ได้น้อยแต่นางไม่คิดว่ายาแก้ปวดได้ผลน้อยขนาดนี้และนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นจั๋วซือหรานกัดริมฝีปากของนาง นางเห็นสีหน้าอันเจ็บปวดของฉูนจวีน นางหันไปมองเฟิงเหยียน“เป็นอะไรหรือ” เฟิงเหยียนถามจั๋วซือหรานตอบ "มัดเขาด้วย"เฟิงเหยียนไม่มีข้อสงสัยใด ๆ หลังจากเขาได้ยินคำพูดของจั๋วซือหราน เขาก็รีบมัดฉูนจวีนหลังจากเขายืนยันว่า ฉูนจวีนจะไม่สามารถทำอะไรที่บ้าคลั่งในสภาวะเจ็บปวดสาหัสจั๋วซือหรานรักษาเขาต่อ ก่อนหน้านี้นางเพียงส่งพลังของ การแพทย์ส

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 404

    ดังนั้นสีหน้าของฉูนจวีนค่อย ๆ กลับมาเป็นปกติ และสิ่งที่ตรงกันข้ามอย่างเห็นได้ชัดคือใบหน้าของจั๋วซือหราน เริ่มซีดลงเรื่อย ๆเพราะฉูนจวีนฟื้นสติแล้ว บัดนี้เขามองจั๋วซือหรานด้วยการขอโทษ“แม่นางจิ่วยังไหวอยู่ไหมขอรับ” ฉูนจวีนมองสีหน้าของ จั๋วซือหราน “สีหน้าของแม่นางแย่มากขอรับ”"...อืม" จั๋วซือหรานตอบเสียงหนึ่ง และตอบแค่นี้ เลือดก็ไหลออกจากปากของนาง“ แม่นางจิ่ว” ฉูนจวีนตะโกนเฟิงเหยียนมีการเคลื่อนไหวและปฏิกิริยาอย่างว่องไว เขากอดไหล่ของจั๋วซือหรานอย่างรวดเร็วน้ำเสียงของเขามีความกังวลมากขึ้นเล็กน้อย " เสียวจิ่ว"เขาโอบแขนของนางไว้รอบไหล่ เขาอยากพานางไปพักผ่อนที่ข้าง ๆเพราะนางมีเลือดไหลออกจากปากและจมูกแล้วแต่นางยังคงจับข้อมือของฉูนจวีนไว้แน่น นางเม้มริมฝีปากแล้วส่ายหัวและบอกเฟิงเหยียน“หาก... เราหยุดตอนนี้ ความพยายามก่อนหน้านี้ทั้งหมด... ก็จะไร้ผล” เสียงและลมหายใจของจั๋วซือหรานไม่คล่องเล็กน้อย เหมือนมีเลือดไหลออกมาจากลำคอของนางแต่เฟิงเหยียนเห็นนางยังเม้มริมฝีปากและพยายามทนไว้ใบหน้าที่มีเลือดไหลออกสะท้อนเข้าไปในดวงตาของเขา และมีแสงวาบวับในดวงตาของเขาสุดท้ายเขาไม่อุ้มนางไปท

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 405

    เมื่อได้ยินคำพูดของเฟิงเหยียน จั๋วซือหรานก็เริ่มเกิดความสนใจเล็กน้อยแต่ก่อนที่นางจะถามเฟิงเหยียนอย่างละเอียด นางก็ได้ยินเสียงที่น่ารำคาญดังมาจากด้านข้าง“เจ้าว่าเช่นนั้น จะเป็นเช่นนั้นจริง ๆ หรือ จั๋วจิ่ว เจ้าจะโน้มน้าวให้คนอื่นเชื่อคำพูดของเจ้าได้อย่างไร”“ใครจะรู้ล่ะ เมื่อครู่นี้คนรับใช้คนนี้กำลังช่วยเจ้าโกงพวกเราหรือไม่ หรือเจ้าอาจใช้ยาพิษอันเจ็บปวดกับเขาแล้วจึงล้างพิษให้เขา ทำให้ดูเหมือนว่าเจ้าถอนอาคมหนอนพิษกู่ให้เขา”“หากเป็นไปตามที่เจ้าพูดจริง ๆ อาคมหนอนพิษกู่อันร้ายแรงเช่นนี้ ขนาดคนรับใช้คนนี้ยังติดเชื้อได้ ทำไมเราติดเชื้อล่ะ ทำไมเฟิงเหยียนไม่ติดเชื้อ แล้วทำไมเจ้าไม่ติดเชื้อด้วยล่ะ”“ในเมื่อเจ้าบอกว่าเป็นอาคมหนอนพิษกู่ เจ้ามีหลักฐานไหม เจ้าต้องมีหลักฐานมาอธิบายด้วยใช่ไหม ในงานแต่งระหว่างเจ้ากกับชายคนนั้นที่ไม่ได้เรื่องนั้น เจ้าอ้างว่าเจ้าถูกวางเสน่ห์หนอนพิษกู่ อย่างน้อยชายที่ไม่ได้เรื่องนั้นนั้นมีกล่องหนอนกู่อยู่เลย ตอนนี้เจ้าไม่พกกล่องอะไรเลย”จั๋วซือหรานเหลือบมองพวกเขา จริง ๆ แล้วนางทราบดี ประเภทนี้จะไม่หลั่งน้ำตาจนกว่าจะเห็นโลงศพอาจดูแข็งแกร่ง แต่จริงๆ แล้วเปราะบาง

บทล่าสุด

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 930

    ทุกคนล้วนมองออก ถ้าพูดจากด้านพลัง จั๋วซือหรานได้เปรียบอย่างสมบูรณ์ต่อให้นางไม่ต้องพูดซ้ำเกรงว่าหลังจากวันนี้ ชื่อของจั๋วซือหรานคงกลายเป็นตำนานมีชีวิตในเมืองหลวงแน่ๆถ้าจะให้พูดจริงๆ นางสู้กับตระกูลใหญ่ห้าตระกูลตามลำพัง แต่ก็ยัง...ไม่พ่ายแพ้แค่คิด ก็รู้สึกว่าเป็นแรงบันดาลใจได้แล้วรถม้าแล่นมาถึงบ้านตระกูลจั๋วรู้สึกเหมือนจากไปเสียนาน แต่พอย้อนนึกดู ก็เหมือนจะไม่ได้นานเท่าไรทว่าตอนนี้ จั๋วซือหรานไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วนางเดินเข้าไปในโถงประชุม ไม่แม้แต่จะมองพวกเขา เดินตรงไปที่นั่งบนสุด แล้วนั่งลงทุกคนล้วนตะลึงงันไปชั่วขณะหนึ่ง ทั้งห้องนิ่งเงียบเป็นเป่าสากเหมือนมีคนรู้สึกว่าสมควรจะตำหนินาง นางขึ้นไปนั่งบนที่นั่งสูงสุดได้อย่างไรกัน?! ที่นั่งสูงสุดบนโถงประชุม มีไว้ให้เหล่าผู้อาวุโสนั่งแต่นางก็นั่งลงแล้ว กระทั่งมองออกไม่ยากด้วยว่านางจงใจยิ่งไปกว่านั้นตำแหน่งที่นางนั่ง ก็เป็นตำแหน่งของผู้อาวุโสสามพอดีแต่เห็นได้ชัด ว่าประสบการณ์ในอดีต ทำให้นางมีความรู้สึกไม่ดีกับผู้อาวุโสสามมากและเพราะการแสดงออกในเมืองหลวงของจั๋วซือหรานยิ่งยอดเยี่ยม ยิ่งโดดเด่นผู้อาวุโสสามกับผู้อาวุโ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 929

    สายตาจั๋วซือหรานมองพวกเขาอย่างจืดจางอันที่จริง คนไม่น้อยที่รอจะดูมหรสพ เพราะตอนที่เห็นคนของตระกูลจั๋วมากมายมาที่ประตู รู้สึกว่าน่าจะมีมหรสพให้ดูจึงหยุดลงมาคนไม่น้อยยังรู้สึกว่า ตระกูลจั๋วน่าจะมาหาเรื่องจั๋วซือหราน หรืออาจจะทำอะไร...สรุปคือ สิ่งที่พวกเขารอ คือฉากที่ตระกูลจั๋วกับจั๋วซือหรานไปกันไม่ได้ไม่มีคนคิดถึงภาพระหว่างจั๋วซือหรานกับตระกูลจั๋วอยู่กันด้วยดีอะไรแบบนั้นบางทีคงเพราะ...ไม่เคยมีใครคิด คนที่ทะเลาะกับครอบครัวจนแตกหักไปแล้วแบบนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็คงรู้สึกแย่เอามากๆ นั่นล่ะจะไปมีชีวิตที่ดี แล้วกลับมาถูกตระกูลให้ความสำคัญอีกได้อย่างไรกัน?เพราะล้วนคิดเช่นนี้ ดังนั้นจึงไม่มีใครคิดว่าระหว่างจั๋วซือหรานกับตระกูลจั๋วจะอยู่กันได้ด้วยดีเพียงแต่ตอนนี้ ทุกคนกลับไม่ได้เห็นฉากที่ทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากันอย่างรุนแรงจั๋วซือหรานเอ่ยเสียงเรียบให้พวกเขาหลีกทาง จ้องมองพวกเขาด้วยสายตาเฉยเมยในความเป็นจริง คนของตระกูลจั๋ว ในสายตานางไม่เห็นถึงความทะนงตนใดๆ เลยพวกเขาเดิมทีคิดว่า ตอนที่เห็นพวกเขาเข้ามาอ่อนข้อให้แล้วเชิญนางกลับไป ท่าทีของนางควรจะดูเย่อหยิ่งมากถึงจะถูกแต่กลับไม่มีเล

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 928

    "โอ้ เห็นว่าคนอื่นเขามากัน ข้าก็อยากจะมาหนุนหน้าให้เจ้าเหมือนกันสิ" ฮั่วจือโจวเอ่ยขึ้น รอยยิ้มในดวงตาเปล่งประกาย "พอดีเลย เจ้านี่อยากจะมาขอบคุณเจ้าด้วยเหมือนกัน"ฮั่วจือโจวชี้ไปที่ฮั่วชิงหยวน"ขอบคุณหรือ?" จั๋วซือหรานไม่ค่อยเข้าใจ "ขอบคุณเรื่องอะไร?""เยอะเลย" ฮั่วจือโจวเอียงตาเหลือบไปทางฮั่วชิงหยวน บอกกับนางว่า "ให้เขาบอกเองดีกว่า"จั๋วซือหรานมองไปทางฮั่วชิงหยวนฮั่วชิงหยวนเกาหัวอย่างเขินๆ แต่ดวงตาก็เปล่งประกายวิบวับอยู่ตลอด คอยจ้องมาทางจั๋วซือหรานเป็นระยะ เอ่ยขึ้นตรงๆ ว่า "แม่นางจิ่ว ถ้าไม่มีท่าน ข้าคงถูกชินอ๋องอวี้หลอกใช้ไปนานแล้ว ถึงแม้ข้าจะไม่ค่อยฉลาดนัก แต่ก็ไม่ชอบถูกคนใช้ประโยชน์เท่าไร""ยิ่งไปกว่านั้น..." ฮั่วชิงหยวนหัวเราะเหอะๆ "ด้วยความช่วยเหลือของท่าน แม้ว่าทรัพยากรข้าจะไม่ได้ดีเด่อะไร แต่ก็ถือว่าเป็นทรัพยากรที่ไม่เลว"จั๋วซือหรานฟังคำพูดนี้ก็นึกๆ ก็เข้าใจว่าเขาน่าจะพูดถึงการร่วมมือของนางกับตระกูลฮั่ว ยาลูกกลอนที่มอบให้เหล่านั้นกระมัง"ดังนั้นไม่ว่าอย่างไร ข้าก็ต้องมาขอบคุณท่านด้วยตัวเองสักครั้ง ขอบคุณมาก" ฮั่วชิงหยวนเก็บรอยยิ้มบนหน้าลง เอ่ยขึ้นด้วยสายตาจริงจังจั๋ว

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 927

    จั๋วซือหรานต้องการอะไร ก็จะขอออกมาตรงๆจุดนี้ ไม่ได้ทำให้องค์จักรพรรดิเฒ่ารำคาญน่าจะเพราะถูกซือคงอวี้วางแผนใส่มานาน พอโดนไปมากๆ เข้า จักรพรรดิเฒ่าตอนนี้จึงรู้สึกต่อต้านพวกคนคดเคี้ยวกับเรื่องราวที่ซับซ้อนขึ้นมาโดยสัญชาตญาณดังนั้นจั๋วซือหรานที่นิสัยตรงไปตรงมาแบบนี้ กลับยิ่งสอดคล้องกับเจตนาของเขามากขึ้นองค์จักรพรรดิเฒ่าฟังคำนี้แล้วก็นึกๆ จากนั้นก็เข้าใจขึ้นมา "ข้าจำได้แล้ว ก่อนหน้านี้เจ้าเคยไปหาไทเฮาเรื่องขอพระราชทานอภิเษกไว้ใช่ไหม?""ใช่แล้ว" จั๋วซือหรานยิ้มตาโค้งเอ่ยขึ้น "ฝ่าบาททรงจำได้ด้วย จั๋วจิ่วรู้สึกเป็นเกียรติยิ่งนัก""ทำไมหรือ? เจ้าต้องตาใครเข้าแล้วล่ะ?" ซือคงเหมี่ยนรู้สึกสนใจขึ้นมาจั๋วจิ่วคนนี้ กระทั่งน้องเจ็ดก็ยังไม่ชายตามอง...แล้วไปต้องตาใครเข้ากันนะ? คงจะไม่ใช่ซื่อจื่อเฟิงกระมัง? นี่จะซื่อตรงเกินไปแล้วซือคงเหมี่ยนครุ่นคิด ตอบว่า "ยัยหนูจั๋วจิ่ว ถ้าหากอีกฝ่ายหมั้นหมายไปแล้ว ข้าเองก็ไปทำลายงานแต่งงานคนอื่นไม่ได้หรอกนะ"พอได้ยินคำนี้ อ๋องเซี่ยนที่ขี่ม้าอยู่ข้างๆ รถองค์จักรพรรดิเฒ่ามาตลอดก็ถอนใจโล่ง แม้ว่าเขาจะไม่รู้ก็ตามว่าถอนใจโล่งทำไมและจั๋วซือหรานพอได้ยินคำน

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 926

    แม้จะบอกว่า จั๋วซือหรานตอนที่ประลองกับซางถิงในตลาดมืด จะเคยใช้สัตว์เลี้ยงไปแล้วตามหลักการน่าจะมีคนไม่น้อยที่รู้จักสัตว์อสูรของนางแต่เพราะตอนนั้น ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะมองเห็นนี่ไม่ได้เหมือนในชาติที่แล้วของนาง ที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายรูปโพสไปบนเน็ตได้นี่ล้วนเป็นการลือกันแบบปากต่อปาก คนส่วนใหญ่เคยชินกับข่าวแบบนี้ที่มักจะพูดกันเกินจริง ดังนั้นบางคนก็ไม่ค่อย หรือเชื่อบ้างไม่เชื่อบ้างก็ตามทีแต่ตอนนี้ ทุกคนได้เห็นกับตาแล้ว"หรือว่า...กระทั่งตระกูลซาง...ก็ยังแพ้นางมาแล้ว"อิงเซ่าขี่ม้าเข้ามารับ เขาดูตื่นเต้น ใบหน้าแดงก่ำไปหมดพอมาอยู่ตรงหน้าจั๋วซือหรานจั๋วซือหรานจึงเก็บแมงมุมลงมา ยืนอยู่บนพื้นอิงเซ่าพลิกตัวลงจากม้า "แม่นางจิ่ว! ข้ารู้อยู่แล้ว ว่าถ้าท่านออกโรงต้องสำเร็จ"จั๋วซือหรานเอียงหัวไปทางด้านหลัง "คนของท่าน พากลับมาไม่ขาดแม้แต่คนเดียว บาดเจ็บไปหลายคน แต่ก็ไม่ได้หนักหนาอะไร""ดี!" อิงเซ่าพยักหน้า พูดต่อกันว่า "ดีดีดีมาก!"ตอนนี้ อันที่จริงอย่าว่าแต่เหล่าขุนนางชนชั้นสูงกับพวกราชวงศ์ที่ออกันเต็มประตูเมืองเลยกระทั่งเหล่าประชาชนที่มามุงดูก็ยังเข้าใจ ว่าแม่

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 925

    ดวงตาซือคงอวี้ถลึงโต ลูกตาค่อยๆ พร่ามัวและชายหนุ่มที่ใบหน้าหล่อเหลาชั่วร้ายนี้ ก็ปัดเศษเลือดที่กระเซ็นมาติดชายเสื้อออกไปอย่างไม่แยแสเขารูปร่างโปรง สูงเพรียว แต่ไม่ได้ดูแข็งแรงนัก ดูแล้วผอมไปบ้างแต่กระดูกรูปหน้าดี ดังนั้นใบหน้าจึงดูดีมาก บวกกับผิวที่ขาว จึงให้ความรู้สึกที่เย็นชาดูจากใบหน้าแล้ว ไม่ได้มีเอกลักษณ์ของคนแดนใต้มากนัก ถ้าหากบวกกับผิวสีขาวเข้าไป ก็ยิ่งไม่เกี่ยวกันกับผิวสีคล้ำค่อนดำที่เห็นได้บ่อยๆ ของคนแดนใต้แล้วแต่ผมสีแดงเข้มบนหัว ก็ดูไม่เหมือนกับต้าชางเลยเสื้อผ้าบนตัวเขา สีใกล้เคียงกับสีผมเขามาก ในที่ที่มีแสงน้อย ก็เหมือนจะกลืนกันจนเป็นสีดำแต่ถ้ามองในที่ที่สว่างหน่อย ก็จะดูเป็นสีแดงเข้มคล้ายเลือดและตอนนี้ เหล่าทหารเดนตายของชินอ๋องอวี้...ที่ก่อนหน้านี้ไม่รู้ถอยหนีกระจายกันไปที่ไหน กลับล้อมวงกันเข้ามา"นายท่าน"พวกเขาทยอยกันคุกเข่าข้างหนึ่งชายหนุ่มร้องอืมขึ้น จากนั้นจึงยื่นมือไปดึงคอเสื้อของซือคงอวี้ ลากเขาเดินไปด้านหน้าทหารเดนตายคนหนึ่งเอ่ยขึ้นทันที "นายท่าน ให้ข้าน้อยช่วยเถิด?"ชายหนุ่มกลับโบกไม้โบกมือไม่สนใจ "ไม่ต้อง เดี๋ยวจะทำตะปูวิญญาณข้าเสียหาย"เหล

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 924

    ในใจฮาร์วีย์คิดถึงความเป็นไปได้หนึ่ง คิ้วเลิกขยับขึ้นเบาๆ ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกจั๋วซือหรานเห็นสีหน้าเขา ยังคิดว่าเขาจะพูดอะไรอีก คิดไม่ถึงว่าจะไม่พูดอะไรออกมาเลยไม่พูดก็ไม่พูด ถึงอย่างไรก็ไม่ได้รีบร้อนที่จุดนี้จั๋วซือหรานรอการตัดสินใจขององค์จักรพรรดิเฒ่า แค่ครู่เดียว รองแม่ทัพก็เข้ามารายงาน อธิบายถึงเจตนาขององค์จักรพรรดิเฒ่ารองแม่ทัพบอกว่า "ฝ่าบาทตรัสว่า ให้เดินหน้าต่อได้เลย"จั๋วซือหรานพยักหน้าเล็กน้อย ไม่ได้รู้สึกเกินคาดอะไรกับคำตอบนี้ แค่ตบลงบนตัวแมงมุมน้อยเบาๆไม่มีอะไรเกินคาด นับแต่โบราณองค์จักรพรรดินั้นปราศจากความเมตตาที่สุดมาตลอดตอนที่โปรดปรานเจ้า ก็อยากจะให้เจ้าเป็นองค์รัชทายาทจนตัวสั่น แต่พอความโปรดปรานนี้หายไป แค่ศพก็ไม่อยากจะเก็บกลับไปแมงมุมของจั๋วซือหรานนำทางอยู่ด้านหน้า ขบวนรถม้าเคลื่อนตามนางอยู่ด้านหลังซือคงอวี้แผ่อยู่บนพื้น เขาคลานไปบนพื้นสายตาจับจ้องไปยังทิศทางที่ขบวนรถม้าจากไป มองรถม้าที่คลุมด้วยสีเหลืองคันนั้นห่างออกไปเรื่อยๆมุมปากเขาขยับ แต่ก็ไม่อาจะตะโกนเรียกได้แล้ว เหลือเพียงแต่เสียงที่อ่อนแอ"เสด็จพ่อ...เสด็จพ่อ..." หางตาซือคงอวี้มีน้ำตาหลั่งอ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 923

    จากที่คนอื่นเห็นชินอ๋องคนหนึ่ง ต่อให้จะทำความผิดพลาดครั้งใหญ่แค่ไหน ก็ยังต้องให้ผู้ปกครองสูงสุดแห่งราชวงศ์ ผู้เป็นจักรพรรดิมาลงโทษแต่ไม่ใช่นางที่เป็นหญิงสาวคนหนึ่ง ลงมาสังหารโดยที่ตาก็ไม่กระพริบนางช่างอาจหาญเสียจริง!เหมือนกับชายหนุ่มที่เด็ดเดี่ยวซึ่งไม่เคยหันกลับไปมองฉากระเบิดด้านหลังอย่างไรอย่างนั้นจั๋วซือหรานพอลงมือก็ลงมือ ขี้เกียจจะหันกลับไปมองหลายรอบนางหิ้วขลุ่ยดินเผาเลานั้น เดินกลับไปตรงหน้าราชาแมงมุมหน้าผี กระโดดขึ้นไปบนหลังมันฮาร์วีย์ที่อยู่ข้างๆ เนื่องจากเป็นเชลยของจั๋วซือหราน ดังนั้นจึงอยู่ใกล้นางมากก่อนหน้านี้เห็นขั้นตอนทั้งหมดกับตา ดังนั้นตอนนี้จึงยังคงตกตะลึงอยู่จั๋วซือหรานจ้องมองขลุ่ยดินเผาในมือพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง จึงแหงนตามองฮาร์วีย์ "นี่คืออาวุธกู่นั่นใช่ไหม?"ฮาร์วีย์พยักหน้า "ใช่แล้ว"จั๋วซือหรานมองสัญลักษณ์ดอกถูหมีนั่น มุมปากนางก็ยกขึ้น นิ้วมือควบพลังวิญญาณ จัดการลบสัญลักษณ์ดอกถูหมีบนขลุ่ยดินเผานั้นออกอย่างไม่ปราณีพอเห็นการกระทำที่อหังการเช่นนี้ของนาง ฮาร์วีย์ประหลาดใจหน่อยๆ แต่ก็เหมือนไม่ได้รู้สึกเกินคาดเท่าไรฮาร์วีย์เอ่ยขึ้นอย่างจนใจ "แม่นา

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 922

    และนางเองก็ไม่ใช่ว่าจะไปเด็ดหัวศัตรู แต่แค่ทำเหมือนเข้าไปเด็ดดอกไม้สดดอกหนึ่งอย่างไรอย่างนั้นนักรบเดนตายของซือคงอวี้เหล่านั้น ก็ไม่รู้ว่าเพราะเห็นซือคงอวี้ไม่ดิ้นรนเหมือนคนที่ใกล้จะตายแล้ว หรือว่าเพราะยังตกใจกับการโจมตีก่อนหน้าของจั๋วซือหราน จึงทำให้คนไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม?สรุปคือ แม้พวกเขาจะมีท่าทีระแวดระวังอยู่ตลอด กลับไม่กล้าคิดจะทดลองลงมืออะไรกับจั๋วซือหรานแน่นอน และอาจจะเพราะรู้ว่าตนเองสู้ไม่ไหวจั๋วซือหรานเดินไปอยู่ตรงหน้าซือคงอวี้อย่างราบรื่นพอเห็นว่าเหล่าทหารเดนตายรอบๆ ทำได้แค่ระแวดระวัง ไม่มีท่าทีว่าจะโจมตีอะไร จั๋วซือหรานจึงยกริมฝีปากหัวเราะขึ้นมา "เป็นตัวเลือกที่ฉลาด"จากนั้น จั๋วซือหรานก็คุกเข่าลงมาตรงหน้าซือคงอวี้นางกอดเขานั่งยองลงมาตรงหน้าซือคงอวี้ ก้มลงมองดูเขา...ซือคงอวี้ถลึงสองตาที่เต็มไปด้วยเส้นเลือด จ้องเขม็งยังจั๋วซือหรานแต่ตอนนี้เอง ท่าทางกับสายตาของจั๋วซือหรานก็ทำให้เขาเกิดเข้าใจผิด ราวกับว่า...นางไม่ได้กำลังมองเขา แต่ว่า...แต่ว่ากำลังมองมดปลวกบนพื้นตัวหนึ่ง"เจ้า..." ซือคงอวี้ส่งเสียงออกมาอย่างยากลำบาก เขารู้ว่าตนเองตกที่นั่งลำบากแล้วเช่นนั้น

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status