แชร์

บทที่ 385

ผู้เขียน: หูเทียนเสี่ยว
ซือคงยวี่ตกตะลึง เหมือนเขาคิดไม่ถึงว่า...

เพราะการเคลื่อนไหวของจั๋วซือหรานเร็วเกินไป

ผู้หญิงที่อ่อนแอซึ่งได้รับการปกป้องอย่างชัดเจนจากน้องเจ็ดในก่อนหน้านี้ดูเหมือนมาอยู่ข้างหน้าในชั่วพริบตาเดียว

ซือคงยวี่มองไปที่นาง" แม่นางจิ่ว เจ้ามายถึงอะไร"

“ไหนบอกว่ามีงานเลี้ยงน้ำชาไม่ใช่หรือ” จั๋วซือหรานมองเขาอย่างเย็นชา“ใบเชิญอยู่ล่ะ เอามาให้ข้าสิ”

ซือคงยวี่เงียบไปครู่หนึ่ง หลังจากเขารู้ตัว เขาจึงส่งสัญญาณมือแก่คนรับใช้ของเขา

คนรับใช้ของเขารีบเข้ามาและถือใบเชิญไว้ในมือ

จั๋วซือหรานรับใบเชิญนี้อย่างไม่สนใจ นางพูดเบา ๆ “ ข้าจะไปอยู่ เช่นนั้น หากท่านอ๋องมีอะไรแล้ว…”

นางทำท่า 'ได้โปรด' ไปที่ประตู

ซือคงยวี่มีสีหน้าที่แยกมาก จนกระทั่งรอยยิ้มของเขาเต็มไปด้วยการฝืนใจ เหมือนเขายิ้มแค่ผิวผืน

แต่ด้วยฐานะและความเย่อหยิ่งของตนเอง เขาไม่ควรทะเลาะกับแม่นางจิ่ว มิดเช่นนั้นจะกลายเป็นว่า เขาดูเสียมารยาทอย่างมาก

เขาโกรธอย่างมาก จนเขาต้องบีบประโยคหนึ่งออกมาจากระหว่างฟัน "เช่นนั้น แม่นางจิ่ว เราพบกันใหม่ในวันนั้น"

จั๋วซือหรานกระตุกริมฝีปากของนางแล้วพูดว่า "ข้าขอตัวไม่ไปส่ง"

หลังจากได้ยินคำพูดนี้ ในที่สุดซ
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 386

    ทันใดนั้นเขาทรงตัวไม่อยู่ และเขารู้สึกตัวเองกำลังจะล้มลงกับพื้น แต่สุดท้ายเขาล้มลงพื้นไม่ได้ซือคงเซี่ยนหันไปของแม่นางที่อยู่ด้านหลังเขาอย่างช่วยไม่ได้ บัดนี้แม่นางผู้นี้กำลังเอานิ้วแตะไปที่หลังของเขา“เจ้า... ทรงพลังจริง ๆ…” ซือคงเซี่ยนพูด ในที่สุดน้ำเสียงของเขาก็ค่อนข้างผ่อนคลายจั๋วซือหรานดึงเก้าอี้มาให้เขานั่งลง จากนั้นนางขมวดคิ้วแล้วถามเขา "ท่านอ๋อง เกิดอะไรขึ้นกันแน่"ก่อนหน้านี้ นางยุ่งอยู่กับการเผชิญหน้ากับซือคงยวี่ เลยไม่สนใจกับสภาพของซือคงเซี่ยนมากนัก นางสังเกตเห็นเพียงว่าเขาผอมลงอย่างมาก และนางรู้สึกเขาซีดเซียวมากเวลานี้ จั๋วซือหรานจึงเห็นสภาพของเขาได้อย่างชัดเจน เขาไม่ใช่เพียงผอมแห้งและซีดเซียวแล้ว“ทำไมเจ้าถึงเป็นเช่นนี้” จั๋วซือหรานขมวดคิ้วและจับชีพจรที่ข้อมือของซือคงเซี่ยนทันทีทันทีที่พลังของการแพทย์สายวิเศษทะลุผ่านเส้นเลือดที่ข้อมือ จั๋วซือหรานก็ขมวดขึ้น “นี่ เจ้า…”ชีพจรเช่นนี้แสดงว่าเขาต้องถูกทรมานอย่างมาก“ข้าเป็นเพียงลูกสาวธรรมดา ๆ ของตระกูล ดังนั้นตอนนั้นข้าจึงไม่มีกำลังสู้กับตระกูลเหยียนได้ เลยถูกพวกเขาใส่ร้ายและกล่าวหา ข้าได้ถูกลงโทษอย่างรุนแรง แต่ข้า

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 387

    “ส่วนรายละเอียด...ข้าไม่ทราบ...ข้าก็ไม่แน่ใจ ข้าแค่ได้ยินแค่ไม่กี่คำ...ดูเหมือนพูดว่า...วางยาพิษ... ..”สภาพร่างกายของซือคงเซี่ยนอ่อนแอมาก และหลังจากเขาพูดไปสองสามคำ ลมหายใจของเขาก็อ่อนลงนางไม่รู้ว่าเขาหนีออกจากจวนอ๋องชินยวี่ได้อย่างไรจั๋วซือหราน มวดคิ้วและกดเขาลงบนเก้าอี้เตียงที่อยู่ด้านข้างทันทีฝูซูรู้สึกคุณหนูของเขาทำเช่นนี้ไม่เหมาะ เพราะคุณหนูของเขาเป็นเด็กผู้หญิง และท่านอ๋องเซี่ยนเป็นผู้ชาย...แต่จั๋วซือหรานดึงเสื้อผ้าของซือคงเซี่ยนออก นางหันไปหาฝูซู แล้วพูดว่า "อย่าอยู่เฉย ๆ มาช่วยหน่อยสิ"เมื่อฝูซูเห็นบาดแผลบนตัวของซือคงเซี่ยน เขาตกใจทันที "นี่ นี่ นี่ นี่..."ฝูซูรีบเดินเข้าไปช่วยจั๋วซือหรานปลดกระดุมเสื้อของซือคงเซี่ยน เปิดตัวร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลฝูซูเห็นสภาพร่างกายเช่นนี้ เขาอดไม่ได้ที่ต้องกัดฟัน บางครั้งผู้คนอาจรู้สึกถึงความเจ็บปวดเมื่อเขาเห็นอาการบาดเจ็บบางอย่างดูเหมือนเขาจะเจ็บปวดเช่นกันฝูซูมององค์ชายท่านนี้ ดูเหมือนองค์ชายท่านนี้กำลังจะหายใจไม่ได้แล้วจั๋วซือหรานหยิบเข็มเงินออกมาหนึ่งแถวแล้วปักเข็มไปที่ร่างของซือคงเซี่ยนทีละอันหลังจากให้ยาเพิ่มอีกสอ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 388

    จั๋วซือหรานเยาะเย้ย "ข้าว่าแล้วทำไมข้าไม่เห็นราชโอรสสักคนในหอหลวงเลย"“คนบอกกันว่า ราชโอรสต้องการไปขอพรที่ห้องโถงบรรพบุรุษ” จั๋วซือหรานมองเขา “คงไม่ใช่หรอกนะ”ซือคงเซี่ยนพยักหน้า “พวกเขาส่วนใหญ่ไปตำหนักที่ตั้งอยู่ในภูเขา เพื่อหลบหนีความร้อนฤดูร้อนกับกับเสด็จพ่อแล้ว ส่วนผู้ที่อยู่ในเมืองหลวงและไม่ได้เดินทางไปที่ตำหนักนั้นล้วนเป็นผู้ที่ไร้ความสามารถ ส่วนข้า…”ซือคงเซี่ยนมองดูบาดแผลบนร่างกายของเขา บาดแผลเหล่านี้บอกได้ทุกเรื่องส่วนเขา ซือคงยวี่ไม่ได้มองว่าเขาเป็นภัยคุกคามตั้งแต่แรก เพราะซือคงยวี่ไม่อยากห้เขามีชีวิตรอดดวงตาของจั๋วซือหรานเป็นประกาย นางถามด้วยน้ำเสียงทุ้ม "ให้ข้าเดาหน่อย องค์หญิงเจาหมิ่นคงไม่ได้เดินทางไปที่ตำหนักใช่หรือไม่"ซือคงเซี่ยนตกตะลึง "ซือหราน เจ้า... รู้จักเจาหมิ่นด้วยหรือ"“แน่นอน” จั๋วซือหรานโค้งริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย “ข้ารู้จักทุกคนที่อยากทำร้ายข้า”นางจ้องมองไปที่ซือคงเซี่ยน “เพราะฉะนั้นข้าพูดถูกใช่หรือไม่”ซือคงเซี่ยนพยักหน้า " เจาหมิ่นอยู่ในวัง คราวนี้นางไม่ได้เดินทางไปตำหนักและหลบหนีความร้อนกับเสด็จพ่อ"“วันนี้ข้าจึงทรบ เจาหมิ่นซ่อนตัวลึกมากจริง ๆ ”

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 389

    สิ่งที่ซือคงเซี่ยนพูดนั้นสมเหตุสมผลตระกูลชนชั้นสูงไม่ชอบยุ่งเรื่องของราชวงศ์ พวกเขาไม่ชอบเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งด้วยซ้ำด้วยการกระทำเช่นนี้ไม่ว่าใครจะมีอำนาจสูงสุด ตระกูลชนชั้นสูงก็ยังคงยืนหยัดอย่างเข้มแข็งยิ่งไปกว่านั้น เจาหมิ่นยังมีสายเลือดของต่างแดนด้วยสำหรับผู้คนที่มาจากชนเผ่าต่างแดน หากคนผู้นั้นเป็นผู้ดี เขาจะเป็นคนที่ดีสุด หากคนผู้นั้นเป็นคนชั่ว เขาก็จะเป็นคนที่ชั่วสุด ๆ หากตระกูลชนชั้นสูงมีส่วนเกี่ยวข้องกับคนประเภทนี้ พวกเขามีชีวิตสองอย่าง พวกเขาคงจะอุ่นใจได้เต็มที่ เพราะคนผู้นั้นเป็นเพียงผู้คนที่มาจากต่างแดนหรือพวกเขาต้องกังวลตลอด อย่างไรก็ตาม คนผู้นี้เป็นเชื้อชาติที่ไม่ใช่เชื้อชาติเดียวกับข้า และหัวใจของคนผู้นั้นต้องเข้าข้างชนเผ่าของตัวเองยู่แล้วทุกอย่างขึ้นอยู่กับความคิดของผู้คนจากมุมมองของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน เรื่องนี้พูดยาก...แต่หากเจาหมิ่นมีทักษะเพียงพอล่ะ เรื่องจะกลายเป็นเช่นใด จะเป็นอย่างไรหากนางช่วยซือคงยวี่ขึ้นบัลลังก์ได้ล่ะดังนั้นหลังจากจั๋วซือหรานได้ยินคำพูดของซือคงเซี่ยน นางพยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถูกต้อง แต่ท้ายที่สุดแล้ว นางเป็นองค์หญิงที่มีสา

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 390

    “บางทีเขาอาจจะเตรียมตัวมาอย่างดีและรู้สึกมั่นใจ” จั๋วซือหรานพูดเช่นนี้ จากนั้นนางมีความคิดใหม่ “ยิ่งกว่านั้น เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเขาปล่อยเจ้าแล้ว”“อะไรนะ… อะไรนะ” ซือคงเซี่ยนรู้สึกงุนงง“จวนของข้าไม่ใช่สถานที่ที่มีกำแพงเหล็ก คนอยากเข้ามาเมื่อไรก็ได้ เขาอาจคิดว่าแม้ว่าเจ้าจะอยู่ที่นี่ เจ้าก็ทำอะไรไม่ได้ ยิ่งกว่านั้น จวนของข้าไม่มียามป้องกัน อยากมาเมื่อไรก็ได้”จั๋วซือหรานยักไหล่ "บางทีเขาอาจจะคิดว่า เจ้าอยู่ที่นี่ มันสะดวกดี หากเขาอยากสั่งคนมาจัดการเจ้า เขาไม่ต้องห่วงอะไรเลย"หลังจากได้ยินคำพูดนี้ ซือคงเซี่ยนรู้สึกทำอะไรไม่ถูก"เจ้าเป็นคนพูดตรงไปตรงมาเช่นเคย"“ข้าเป็นเช่นนี้มาโดยตลอด” จั๋วซือหรานไม่อยากปิดบังความจริง นางพูดต่อว่า "และหากข้าเดาไม่ผิด ช่วงเวลาที่เจ้าถูกเขาขัง อำนาจที่เจ้าเคยมีในก่อนหน้านี้.."ซือคงเซี่ยนพยักหน้า "ข้าเข้าใจ ข้าจะหาทางแก้ปัญหา เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่เป็นภาระของ..."ก่อนที่เขาจะพูดจบ จั๋วซือหรานกล่าวว่า "อย่ากังวลเลยท่านอ๋อง ข้าไม่ใช่ลูกใก่ ใคร ๆ ก็สามารถหยิกข้าได้"ซือคงเซี่ยนมองดูนาง จากนั้นเขาเห็นสีหน้าของนาง...ทันใดนั้นเขารู้สึกตัว ตั้งแต่ตอน

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 391

    “หรานหราน ที่นี่ที่ไหนลูก เรามาทำอะไรที่นี่”อวิ๋นเหนียงรู้สึกประหม่าเล็กน้อย จั๋วหวายอยู่ด้านข้าง เขายิ่งหวาดกลัวโดยไม่กล้าพูดอะไร เพราะอวิ๋นเหนียงเป็นฮูหยินที่อยู่ในบ้านตลอด และนางอาจไม่รู้จักหลายเรื่องและสถานที่มากมายแต่จั๋วหวายพอรู้อะไรบางอย่าง ตัวอย่างเช่น ในตอนท้ายของถนนที่ไม่ค่อยมาคนเดินเข้ามาเป็นสถานที่ที่ไม่สามารถเข้าถึงได้มากยิ่งขึ้น - หน่วยสืบสวนพิเศษ“ท่านพี่ ท่านพี่...” จั๋วหวายกระซิบ “เรา เรามาทำอะไรที่นี่ และ…”จั๋วหวายพูดและมองดูชายที่นั่งตรงข้ามเขาอย่างระมัดระวังเขาพูดต่อด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “...มากับท่านอ๋องด้วย”อวิ๋นเหนียงยิ่งรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้น “ หรานหราน มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า”แม้ว่าอวิ๋นเหนียงเป็นแม่เลี้ยงลูกที่ไม่สนใจเรื่องทางโลก แต่นางก็ไม่ได้โง่เช่นกัน ท่านอ๋องที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสนั่งรถม้าคนเดียวกับพวกเขา... อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ต้องอันตรายแน่ ๆหลังจากรถม้าจอดสนิท จั๋วซือหรานจับไหล่ของท่านแม่ของนางด้วยมือทั้งสองข้าง“ท่านแม่ไม่ต้องกังวล ท่านแม่แล เสี่ยวหวายอยู่ที่นี่ ปลอดภัยแน่นอน” จั๋วซือหรานกล่าวแต่เมื่ออวิ๋นเหนียงได้ยินคำพูดของลูกสาว นาง

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 392

    ยังไม่มีการตอบสนองเพราะเมื่อจั๋วซือหรานเป่านกหวีด จั๋วหวายกำลังยืนอยู่ใกล้ ๆ ดังนั้นเมื่อเขาเห็นพี่สาวของเขาเล่นเป่านกหวีด และไม่มีการตอบสนองใด ๆเขาบอกพี่สาว "บางที... เขาอาจไม่อยู่พอดี หรือเขากำลังพักผ่อนอยู่พอดี เลยไม่ได้ยิน เสียงนกหวีดนี้ก็ไม่ดังด้วย..."จั๋วซือหรานฟังออก เสี่ยวหวายกำลังช่วยบรรเทาความลำบากใจของนาง นางยิ้มเบา ๆ และคิดกับตัวเองว่านางไม่ต้องการเขาช่วยบรรเทาความลำบากใจหรอกเพราะจั๋วซือหรานเชื่อว่า ชิ่งหมิงต้องยินจริง ๆ ตั้งแต่แรกอยู่แล้วตราบใดที่ชิ่งหมิงเป็นคนธรรมดา จั๋วซือหรานยังไม่แน่ใจขนาดนี้นักแต่เขาคือชิ่งหมิง ผู้ที่สามารถทำให้ซือหลี่ตันติ่งย้ำว่า หากรับปากชิ่งหมิง ชิ่งหมิงจะเชื่อจริง ๆ นางต้องทำให้ได้ มิเช่นนั้น นางอย่ารับปากใด ๆ กับชิ่งหมิงเลยจั๋วซือหรานรู้สึกว่าบุคคลเช่นนี้จะต้องทำตามที่เขาพูดอย่างแน่นอนเขาเอาเป่านกหวีดนี้ให้นาง เพราะฉะนั้นเขาต้องได้ยินแน่นอนอย่างที่นางคิดไว้จริง ๆ หลังจากนั้นไม่นานเสียงทื่อดังขึ้นพวกเขาเห็นว่ากำแพงที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา ในส่วนของบ้านหลังที่สามเริ่มขยับทันทีเหมือนมีกลไกบางอย่างถูกเปิดใช้งานจากนั้นมีประตูบาน

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 393

    ทันทีที่จั๋วซือหรานพูดจบ นางเห็นชายหนุ่มที่เดินอยู่ตรงหน้านางแทบจะล้มบนพื้นหลังจากเขาพยายามทรงตัวให้ได้ เขาก็หันไปมองนางแล้วถาม "เรื่อง เรื่องอะไร"จั๋วซือหรานกล่าวต่อ "เมื่อเร็ว ๆ นี้ข้าต้องจัดการปัญหาบางอย่าง แต่ข้ากังวลความปลอดภัยของทุกคน ข้าคิดไปคิดมา ในเมืองหลวง หากพูดว่ามีที่ใดเป็นสถานที่ที่มีกำแพงเหล็ก ตรงนี้แหละ"เมื่อชิ่งหมิงได้ยินคำพูดของจั๋วซือหราน เขากลั้นตัวไม่ได้แล้วเขารีบถาม “ปัญหาหรือ ซือหราน เจ้าเจอปัญหาอะไร”เขาทำตัวเหมือนเขารอไม่ไหวแล้ว เขาต้องการไปช่วยนางด้วยตัวเอง“ข้าจัดการได้ แต่แค่เรื่องนี้ เจ้าช่วยข้าได้ไหม” จั๋วซือหรานกล่าว นางมองเขาด้วยสายตาที่บิดเบี้ยว แล้วพูดเสริม“ท่านเจ้าคะ”ชิ่งหมิงตอบ "ไม่มีปัญหา มันแค่..."ชิ่งหมิงมองไปที่ซือคงเซี่ยนซือคงเซี่ยนทักทายเขาเมื่อเห็นแววตาของชิ่งหมิง จั๋วซือหรานรู้สึกว่าอาจเป็นเพราะฐานะของซือคงเซี่ยน ซึ่งทำให้ชิ่งหมิงรู้สึกลำบากใจเพราะโดยปกติแล้ว หน่วยสืบสวนพิเศษจะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องของราชวงศ์โดยไม่คาดคิด ก่อนที่จั๋วซือหรานจะพูดอะไรต่อ ชิ่งหมิง พูด "...ข้าไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร แค่นั้นเอง"หลังจากจั๋วซือหรานได

บทล่าสุด

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1273

    แม้จะบอกว่าเป็นความฝัน แต่อันที่จริงจั๋วซือหรานก็ค่อยๆ เข้าใจแล้ว ว่าเพราะอะไรหลังจากฝันถึงเขาครั้งที่แล้วจนมาถึงครั้งนี้ นานมากแล้วที่ไม่ได้ฝันถึงเขาอีกพอมาคิดอย่างละเอียด เหมือนว่าตอนฝันถึงเขาครั้งที่แล้ว จะเป็นหลังจากที่นางมีสัมพันธ์ทางกายกับเขาดังนั้นจั๋วซือหรานจึงค่อยๆ เข้าใจ บางทีน่าจะเป็นเพราะสาเหตุนี้การดูดหยางบำรุงหยินของนางก็ดูดซับมาจนพอเข้าใจแล้ว เหมือนว่าพอดูดซับมาถึงระดับหนึ่ง ก็จะเกิด...ถ้าจะพูดว่าเป็นความฝัน สู้บอกว่าเป็นการสื่อสารทางจิตใต้สำนึกกับความทรงจำของเฟิงเหยียนส่วนที่ถูกผนึกไปจะดีกว่า?และไม่ว่าจะ 'ความฝัน' ครั้งที่แล้ว หรือว่าครั้งนี้ก็มองออกได้ไม่ยากเฟิงเหยียนน่าจะเข้าใจต่อสถานการณ์อยู่ ดังนั้นบางทีจิตใต้สำนึกเขายังคงอยู่มาตลอด เพียงแต่ถูกสมองทื่อๆ นี่กดเอาไว้ หรือบางทีคงถูกสภาผู้อาวุโสลงมือสะกดเอาไว้ไม่แน่ว่า อาจจะต้องมีชนวนเหตุบางอย่าง ถึงจะสามารถปลุกขึ้นมาได้จั๋วซือหรานอยากจะรู้ชนวนเหตุนั้นว่าคืออะไรกันแน่"ต้องทำยังไงเจ้าถึงจะดีขึ้นมา?" จั๋วซือหรานถามแต่เฟิงเหยียนกลับเหมือนจะจำจุดสำคัญนั้นไม่ได้แล้ว ขมวดคิ้ว สีหน้าดูเหมือนขมขื่น เหมือนว

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1272

    ในห้วงฝันนางมองมือตัวเอง สับสนไปหมดทั้งตัว เหมือนยังตั้งตัวกลับมาไม่ได้เพราะนางถ้าไม่หลับลึก ก็จะเอาจิตใต้สำนึกส่งเข้าไปในมิติ จึงฝันน้อยครั้งมากดังนั้นตอนที่ดำดิ่งสู่ห้วงฝัน นางยังรู้สึกไม่คุ้นอยู่หน่อยๆ มองมือตนเอง รู้สึกไม่คอ่ยเป็นจริงสักเท่าไรวินาทีต่อมา มือข้างหนึ่งก็ทาบมาบนมือของนางมือข้างนั้น ข้อต่อกระดูกชัดเจน นิ้วเรียวยาว เล็บตัดมาดูสะอาดสะอ้าน ผิวหนังขาวซีดเย็นเหมือนไม่โดนแดดมานานสายตาของจั๋วซือหรานจ้องนิ่งอยู่บนมือข้างนี้ จากนั้นจึงค่อยๆ ยกขึ้นมามองไปยังเจ้าของมือนี้ ใบหน้าหล่อเหลาไม่มีที่ตินั่นทั้งที่เป็นใบหน้าที่เพิ่งเห็นไปก่อนหลับตาลงเมื่อครู่แท้ๆ แต่ตอนนี้พอมอง กลับยังคงทำให้นางรู้สึกเหมือนไม่เจอกันเสียนานสายตาของชายหนุ่มอบอุ่น ด้านในมีความรู้สึกอารมณ์เหมือนความเจ็บปวดแฝงอยู่"จั๋วเสียวจิ่ว..." เขาก้มหน้าลงเรียกนางจั๋วซือหรานมองเขา จากนั้นจึงออกแรงบีบมือเขา และน่าจะเพราะออกแรงมากเกินไปปลายเล็บจึงเหมือนจิกลงไปในเนื้อเขาฝันถึงเขาอีกแล้วจั๋วซือหรานมีปฏิกิริยาขึ้นมา ครั้งนี้เหมือนกับครั้งนั้นเลย ฝันถึงเฟิงเหยียนยิ่งไปกว่านั้นยังดูเหมือนจริงเป็นพิ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1271

    กลางดึก จั๋วซือหรานกัดริมฝีปาก กอดหมอน เดินเท้าเปล่าจากห้องด้านนอกเข้าไปยังห้องด้านใน!คิ้วงามของนางขมวดแน่น สีหน้าที่มีสีเลือดฟื้นมาบ้างแล้ว ตอนนี้กลับขาวซีดขึ้นมาในใจนางเองก็พูดไม่ออก เดิมทีตอนที่หลับก็ยังดีอยู่ พอกลางดึกจู่ๆ ก็ไม่ไหวขึ้นมาเสียแล้วหน้าอกปั่นป่วนอย่างรุนแรง เป็นความรู้สึกทรมานแบบที่นางผ่านมาก่อนหน้าไม่ผิดเพี้ยนถ้าบอกว่าคนคนนี้ไม่เข้ามาก็ว่าไปอย่าง แต่นี่ก็เข้ามาแล้วว่ากันว่าพอเคยสบายแล้ว จะยากที่จะกลับไปลำบากตอนนี้จะให้นางปล่อยชายหนุ่มที่เหมือนกับ 'ยาบำรุงครรภ์' นี้ไว้ข้างในเฉยๆ โดยไม่ใช้ แล้วต้องมานั่งทนกระอักเลือดต่อล่ะก็...ขอโทษด้วย สกุลจั๋วอย่างนางไม่ใช่คนประเภทนั้นนางเข้าใจแล้ว ก่อนที่จะหลับไปเมื่อคืนนี้ ตอนที่เฟิงเหยียนบอกว่าจะนอนด้านนอก ริมฝีปากที่เม้มแน่นนั้นกำลังอดกลั้นเรื่องอะไรน่าจะคิดไว้แล้วว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้สารเลว!จั๋วซือหรานครั่นเนื้อครั่นตัวตื่นมากลางดึก ต่อให้เป็นคนที่มีสติเยือกเย็นแค่ไหน ก็ยังมีอาการหงุดหงิดงัวเงียหลังตื่นนอนนางเดินเท้าเปล่าเข้าไปห้องด้านใน อากาศในหุบเขาตอนกลางคืนเย็นมากนางสวมแค่เสื้อบางๆ ชุดหนึ่ง ทั้งตัวเย

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1270

    แต่กลับรู้ตัวตนฐานะผู้ชายทรยศของเฟิงเหยียนได้ ไม่ต้องคิดเลยว่าคงเป็นจั๋วหวายพล่ามออกมาแน่"จั๋วหวายมาบอกเจ้าหรือ?" ปันอวิ๋นถามขึ้นคำหนึ่งจวงอี๋ไห่ พยักหน้าอย่างระมัดระวัง "คุณชายเสี่ยวหวายไม่หลอกข้าหรอก คุณชายเสี่ยวหวายบอกว่าเป็นผู้ชายทรยศ เช่นนั้นกว่าครึ่งก็ต้องเป็นผู้ชายทรยศแล้ว"ปันอวิ๋นถอนหายใจแผ่วเบาในห้อง จั๋วซือหรานนั่งลงข้างโต๊ะเฟิงเหยียนไม่พูดอะไร รินน้ำชาให้นางถ้วยหนึ่งจั๋วซือหรานกำถ้วยไว้ ใช้นิ้วมือลูบไล้ขอบถ้วยเบาๆ"อีกเดี๋ยวพออาหารส่งเข้ามา ก็กินสักหน่อยแล้วค่อยนอนพัก" เฟิงเหยียนเอ่ยขึ้นแต่ในน้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความหนักแน่นที่ห้ามปฏิเสธจั๋วซือหรานแหงนตามองเขา กำลังจะบอกว่ายังไม่หิวก็เห็นริมฝีปากบางของชายคนนี้เม้มเบาๆ เอ่ยเสียงต่ำว่า "ข้าไม่มีสิทธิ์จะมาหารือกับเจ้าจริงๆ นั่นล่ะ..." สายตาเขาทอดลงไปที่ท้องน้อยนาง แววตาลึกซึ้งจากนั้นจึงเอ่ยต่อว่า "แต่การจะเตือนให้เจ้ากินอะไรดีดีก็ยังพอมีสิทธิ์อยู่" สายตาเขายกขึ้นมาจากท้องน้อยจั๋วซือหรานเลื่อนมาที่ดวงตานาง จ้องมองดวงตานาง เอ่ยต่อว่า "ถึงอย่างไรเมื่อครู่ก็เพิ่งช่วยเจ้ากลับมา ยิ่งไปกว่นั้นเรื่องถูกพลังศักดิ์สิท

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1269

    เขาไม่เพียงแต่ไม่ใช่สามีของนาง เขายังเป็นคู่หมั้นในนามของหญิงสาวคนอื่นอีกด้วยสีหน้าของเฟิงเหยียนแข็งทื่อไปแล้ว แต่ท้ายสุดก็ยังพูดอะไรไม่ออกเพราะในคำพูดจั๋วซือหราน ไม่มีส่วนที่ผิดเลยแม้แต่น้อยแม้จะบอกว่าเด็กคนนี้ ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาก็ตามแต่ครั้งก่อนหน้านั้น เป็นเพราะจั๋วซือหรานถูกวางแผนร้ายใส่ ถึงทำให้นางสับสนหลงใหลจนมีสัมพันธ์กับเขาถ้าจะบอกว่า เขาเอาเปรียบหญิงสาวไป ก็ไมไ่ด้พูดเกินเลยนักเอาเปรียบหญิงสาว จนทำนางตั้งท้อง ไม่เคยจะมารับผิดชอบอะไรตอนนี้กลับจะมาชี้มือชี้ไม้เรื่องของนางพอสรุปมาแบบนี้ มันก็ช่าง...แย่มากจริงๆเฟิงเหยียนเองก็รู้ว่าตนเองนั้นแย่มาก พูดอะไรออกมาไม่ได้ไปชั่วขณะปันอวิ๋นรู้สึกกระอักกระอ่วนแทนสหายเก่า เขากระแอมออกมาเบาๆ ทีหนึ่ง ไกล่เกลี่ยขึ้นว่า "เอาล่ะเอาล่ะ..."เขาเองก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร ถึงอย่างไร ทั้งสองคนตอนนี้จะไม่ได้เป็นคู่รัก แต่ความสัมพันธ์แบบนี้...มันก็ดูคลุมเครือ กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ นี่มันช่าง...ดังนั้นปันอวิ๋นเลยเปิดประเด็นขึ้น อึกอักในปากอยู่พักหนึ่ง กว่าจะพูดออกมาได้ "...พวกเจ้าหิวหรือยัง? ให้เหล่าจวนทำอะไรให้กินหน่อยดีไหม?"

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1268

    นางยืนเงียบๆ อยู่ตรงนั้น แหงนตาขึ้นมองพวกเขาสายตาของเฟิงเหยียนอึ้งไปเล็กน้อย เห็นนางยืนอยู่ในประตูด้วยสีหน้านิ่งขรึมเขารู้สึกลำคอแห้งผากอย่างประหลาด ความรู้สึกนั้น บางทีควรจะเรียกว่า...ตึงเครียดไหม?"เจ้า...ตื่นขึ้นมาตอนไหนน่ะ?" เฟิงเหยียนถามจั๋วซือหรานมองเขา "ไม่นานเท่าไร"เหมือจะมองออกถึงความกระอักกระอ่วนของเขา หรืออาจจะไม่สรุปคือ มุมปากจั๋วซือหรานยกขึ้นบางๆ พูดมาคำหนึ่ง "ท่านอ๋องน้อย ไม่เจอกันเสียนาน"นางทำแบบนี้โดยไม่เอ่ยถึงคำพูดก่อนหน้านั้นแม้แต่น้อยเฟิงเหยียนอ้าปากพะงาบ ต่อให้คิดจะพูดอะไร แต่ชั่วขณะหนึ่งก็เหมือนจะพูดออกมาไม่ได้จึงแค่ถามขึ้นอย่างเป็นห่วง "ดีขึ้นบ้างหรือยัง?"จั๋วซือหรานพยักหน้า "ดีขึ้นมากแล้ว"กระทั่งปันอวิ๋นก็ยังมองออกถึงเรื่องระหว่างพวกเขา ไม่รู้เพราะเจ้าสมองกลับนี่ไปแตะเนื้อต้องตัวทำอะไรนาง หรือเป็นเพราะคำพูดเมื่อครู่นางได้ยินคำพูดของเฟิงเหยียน...สรุปคือ ปันอวิ๋นมองพวกเขาทั้งสองคน แล้วก็รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแทนพวกเขาทั้งสองคนปันอวิ๋นคิดๆ ดู ตอนที่ตนเองอยู่กับจั๋วซือหรานก็ยังไม่ได้กลืนไม่เข้าคายไม่ออกขนาดนี้รู้สึกร้อนใจแทนเจ้าบ้านี่จร

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1267

    เพราะเป็นเพื่อนสนิท ปันอวิ๋นจึงเข้าใจความหมายที่เขาคิดจะแสดงออกมาหรือก็คือ ปันอวิ๋นเดาได้นานแล้วบางทีตอนนั้นเพื่อจะให้จั๋วซือหรานหลีกเลี่ยงโชคชะตาเช่นนี้ ตนเองจึงเลือกที่จะลืมเลือนแต่สุดท้ายพอวกไปวนมา ก็กลับมาเดินอยู่บนเส้นทางเดิมเจ้าสิ่งที่เรียกว่าโชคชะตานี่ ลึกลับเอามากๆบางครั้งเหมือนจะมีเมตตา แต่บางครั้งก็เหมือนไม่เคยปราณีใครผู้ใด"แล้วเจ้าตอนนี้...คิดจะทำอย่างไร?" ปันอวิ๋นถามเขาจ้องเฟิงเหยียนตาไม่กระพริบเอาจริงๆ ปันอวิ๋นใช้มองจากมุมมองคนนอกอย่างมีเหตุมีผล ยังหวังว่าจั๋วซือหรานจะสามารถปล่อยวางได้แต่พอคิดถึงว่าถ้าหากจั๋วซือหรานปล่อยวางแล้วล่ะก็ ด้วยโชคชะตาภาชนะพลังศักดิ์สิทธิ์หงส์แดงของเฟิงเหยียน ผลสรุปสุดท้าย ก็คือตายก่อนวัยอันควรอยู่ดีและเพราะรู้เรื่องนี้ ดังนั้นปันอวิ๋นจึงหยุดไปครู่หนึ่ง เอ่ยเสริมมาคำนึง "ถังฉือเคยบอกข้าไว้ ในโถงวิญญาณอสูร พวกสัตว์เทพที่ถูกเก็บกลับมาเหล่านั้น..."ปันอวิ๋นขมวดคิ้ว คิดถึงคำพูดของถังฉือถังฉือมีบาปหนาจากการฆ่าฟันคนมากมาย กลายเป็นคนเย็นชาไร้หัวใจไปแล้ว ถ้าหากไม่เย็นชาไร้หัวใจ ป่านนี้คงเป็นบ้าไปแล้วดังนั้นตอนที่เขาพูดถึงเรื่องเห

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1266

    ปันอวิ๋นส่งให้เขาชามหนึ่ง ตนเองก็ด้วยทั้งสองคนไม่พูดพล่ามทำเพลง กระดกรวดเดียวจนหมดราวกับว่า สุราที่มาช้าไปหลายปีนี้ ในที่สุดก็ได้ดื่มเสียทีราวกับว่าภาพเด็กน้อยที่แอบขโมยสุราพวกนั้นมาดื่ม ซ้อนทับเข้ามากับพวกเขาในเวลานี้"ช่วงนี้เจ้า ไม่ได้ติดต่อกับพวกเขาเลยหรือ?"หลังจากร่ำสุราลงท้องไปสองชาม จิตใจก็เหมือนจะผ่อนคลายลงมาไม่น้อย ปันอวิ๋นถามขึ้นอย่างสบายๆ เป็นกันเองเฟิงเหยียนฟังออก ว่าเขาถามถึงเหล่าพี่น้องพวกนั้นเขาตอบอืมไปคำหนึ่ง "ไม่ได้ติดต่อกันเลย""เช่นนั้นก็คงไม่รู้สถานการณ์ของพวกเขาเลยสินะ" ปันอวิ๋นเอ่ยขึ้นเฟิงเหยียนไม่ยอมรับหรือปฏิเสธกับสิ่งนี้ ถือว่ายอมรับไปกลายๆปันอวิ๋นยิ้มๆ เหมือนจะเย้ยหยันตนเอง "แต่ก็ไม่โทษพวกเขาที่ไม่ติดต่อเจ้า ด้วยสถานการณ์ของพวกเขาตอนนี้ ก็ไม่มีหน้ามาติดต่อเจ้าจริงๆ นั่นล่ะ"ได้ยินคำนี้ของปันอวิ๋น เฟิงเหยียนก็ไม่พูดอะไรอีกปันอวิ๋นเอ่ยต่อว่า "ซงซีตอนนี้ทุกวันเหมือนขลุกอยู่แต่ในห้องหลอมสกัด หลอมสกัดอยู่ทุกวันไม่ได้พักเลย"เฟิงเหยียนพอได้ยินคำนี้ คิ้วก็ขมวดขึ้นบางๆ"เยี่ยนเหวย...ก็สูบเลือดออกมาทุกวัน อยู่แบบไม่เหมือนผู้เหมือนคน ผู้อาวุโสหวงจ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1265

    บางทีคงเป็นเพราะการคุยแบบเปิดอกก่อนหน้านี้ ทำให้ระยะทางขอเพื่อนสนิทสองคนที่เคยห่างไปตามกาลเวลา ย่อหดลงไปไม่น้อยเลยกระมังดังนั้นพอได้ยินปันอวิ๋นบอกว่าไม่ต้องขอบคุณ เฟิงเหยียนจึงเหลือบมองเขา น้ำเสียงเปลี่ยนไป "ก็ได้ เช่นนั้นก็ไม่ขอบคุณแล้วกัน"เฟิงเหยียนสั่งขึ้นมา "ไป ไปเอาสุรามาให้ข้าหน่อย"แม้จะพูดเช่นนี้ แต่ในเสียงกลับไม่ได้ออกคำสั่งอะไร ฟังแล้วเหมือนการใช้งานระหว่างเพื่อนกันมากกว่าปันอวิ๋นชะงักไปเล้กน้อย เพราะตอนพวกเขายังเด็ก ก็เคยใช้งานกันและกันแบบนี้ไป ไปเอาสุรามาหน่อยได้ งั้นเจ้าก็เอาปลาไปย่างซะข้าเห็นว่าเจ้าหน้าตาเหมือนปลาถ้าเจ้ายังพูดอีกรอบ จะโดนข้ากดจนจมถังสุราตายไปเลยเพราะคำพูดนี้ของเฟิงเหยียน ทั้งสองคนก็เหมือนกลับไปสมัยยังเด็กในชั่วพริบตาปันอวิ๋นยกมุมปากขึ้นบางๆ ลุกขึ้นไปให้คนรับใช้ส่งสุราเข้ามาคือสุราห้าพิษที่เขาจะหมักอยู่ทุกปี และใช้แมลงพิษมาหลอมจริงๆ แต่ตัวสุรากลับไม่มีพิษใดๆ กระทั่งยังหอมอบอวลเข้มข้นเป็นพิเศษ เป็นสุราที่หาได้ยากยิ่งและเป็นความลับที่ไม่เผยแพร่สู่ภายนอกของหุบเขาหมื่นพิษ ปกติมีแค่เจ้าหุบเขาที่รู้แต่ปันอวิ๋น หลังจากออกสำนักมา ก็ไม่ได้ด

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status