“ส่วนรายละเอียด...ข้าไม่ทราบ...ข้าก็ไม่แน่ใจ ข้าแค่ได้ยินแค่ไม่กี่คำ...ดูเหมือนพูดว่า...วางยาพิษ... ..”สภาพร่างกายของซือคงเซี่ยนอ่อนแอมาก และหลังจากเขาพูดไปสองสามคำ ลมหายใจของเขาก็อ่อนลงนางไม่รู้ว่าเขาหนีออกจากจวนอ๋องชินยวี่ได้อย่างไรจั๋วซือหราน มวดคิ้วและกดเขาลงบนเก้าอี้เตียงที่อยู่ด้านข้างทันทีฝูซูรู้สึกคุณหนูของเขาทำเช่นนี้ไม่เหมาะ เพราะคุณหนูของเขาเป็นเด็กผู้หญิง และท่านอ๋องเซี่ยนเป็นผู้ชาย...แต่จั๋วซือหรานดึงเสื้อผ้าของซือคงเซี่ยนออก นางหันไปหาฝูซู แล้วพูดว่า "อย่าอยู่เฉย ๆ มาช่วยหน่อยสิ"เมื่อฝูซูเห็นบาดแผลบนตัวของซือคงเซี่ยน เขาตกใจทันที "นี่ นี่ นี่ นี่..."ฝูซูรีบเดินเข้าไปช่วยจั๋วซือหรานปลดกระดุมเสื้อของซือคงเซี่ยน เปิดตัวร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลฝูซูเห็นสภาพร่างกายเช่นนี้ เขาอดไม่ได้ที่ต้องกัดฟัน บางครั้งผู้คนอาจรู้สึกถึงความเจ็บปวดเมื่อเขาเห็นอาการบาดเจ็บบางอย่างดูเหมือนเขาจะเจ็บปวดเช่นกันฝูซูมององค์ชายท่านนี้ ดูเหมือนองค์ชายท่านนี้กำลังจะหายใจไม่ได้แล้วจั๋วซือหรานหยิบเข็มเงินออกมาหนึ่งแถวแล้วปักเข็มไปที่ร่างของซือคงเซี่ยนทีละอันหลังจากให้ยาเพิ่มอีกสอ
จั๋วซือหรานเยาะเย้ย "ข้าว่าแล้วทำไมข้าไม่เห็นราชโอรสสักคนในหอหลวงเลย"“คนบอกกันว่า ราชโอรสต้องการไปขอพรที่ห้องโถงบรรพบุรุษ” จั๋วซือหรานมองเขา “คงไม่ใช่หรอกนะ”ซือคงเซี่ยนพยักหน้า “พวกเขาส่วนใหญ่ไปตำหนักที่ตั้งอยู่ในภูเขา เพื่อหลบหนีความร้อนฤดูร้อนกับกับเสด็จพ่อแล้ว ส่วนผู้ที่อยู่ในเมืองหลวงและไม่ได้เดินทางไปที่ตำหนักนั้นล้วนเป็นผู้ที่ไร้ความสามารถ ส่วนข้า…”ซือคงเซี่ยนมองดูบาดแผลบนร่างกายของเขา บาดแผลเหล่านี้บอกได้ทุกเรื่องส่วนเขา ซือคงยวี่ไม่ได้มองว่าเขาเป็นภัยคุกคามตั้งแต่แรก เพราะซือคงยวี่ไม่อยากห้เขามีชีวิตรอดดวงตาของจั๋วซือหรานเป็นประกาย นางถามด้วยน้ำเสียงทุ้ม "ให้ข้าเดาหน่อย องค์หญิงเจาหมิ่นคงไม่ได้เดินทางไปที่ตำหนักใช่หรือไม่"ซือคงเซี่ยนตกตะลึง "ซือหราน เจ้า... รู้จักเจาหมิ่นด้วยหรือ"“แน่นอน” จั๋วซือหรานโค้งริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย “ข้ารู้จักทุกคนที่อยากทำร้ายข้า”นางจ้องมองไปที่ซือคงเซี่ยน “เพราะฉะนั้นข้าพูดถูกใช่หรือไม่”ซือคงเซี่ยนพยักหน้า " เจาหมิ่นอยู่ในวัง คราวนี้นางไม่ได้เดินทางไปตำหนักและหลบหนีความร้อนกับเสด็จพ่อ"“วันนี้ข้าจึงทรบ เจาหมิ่นซ่อนตัวลึกมากจริง ๆ ”
สิ่งที่ซือคงเซี่ยนพูดนั้นสมเหตุสมผลตระกูลชนชั้นสูงไม่ชอบยุ่งเรื่องของราชวงศ์ พวกเขาไม่ชอบเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งด้วยซ้ำด้วยการกระทำเช่นนี้ไม่ว่าใครจะมีอำนาจสูงสุด ตระกูลชนชั้นสูงก็ยังคงยืนหยัดอย่างเข้มแข็งยิ่งไปกว่านั้น เจาหมิ่นยังมีสายเลือดของต่างแดนด้วยสำหรับผู้คนที่มาจากชนเผ่าต่างแดน หากคนผู้นั้นเป็นผู้ดี เขาจะเป็นคนที่ดีสุด หากคนผู้นั้นเป็นคนชั่ว เขาก็จะเป็นคนที่ชั่วสุด ๆ หากตระกูลชนชั้นสูงมีส่วนเกี่ยวข้องกับคนประเภทนี้ พวกเขามีชีวิตสองอย่าง พวกเขาคงจะอุ่นใจได้เต็มที่ เพราะคนผู้นั้นเป็นเพียงผู้คนที่มาจากต่างแดนหรือพวกเขาต้องกังวลตลอด อย่างไรก็ตาม คนผู้นี้เป็นเชื้อชาติที่ไม่ใช่เชื้อชาติเดียวกับข้า และหัวใจของคนผู้นั้นต้องเข้าข้างชนเผ่าของตัวเองยู่แล้วทุกอย่างขึ้นอยู่กับความคิดของผู้คนจากมุมมองของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน เรื่องนี้พูดยาก...แต่หากเจาหมิ่นมีทักษะเพียงพอล่ะ เรื่องจะกลายเป็นเช่นใด จะเป็นอย่างไรหากนางช่วยซือคงยวี่ขึ้นบัลลังก์ได้ล่ะดังนั้นหลังจากจั๋วซือหรานได้ยินคำพูดของซือคงเซี่ยน นางพยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถูกต้อง แต่ท้ายที่สุดแล้ว นางเป็นองค์หญิงที่มีสา
“บางทีเขาอาจจะเตรียมตัวมาอย่างดีและรู้สึกมั่นใจ” จั๋วซือหรานพูดเช่นนี้ จากนั้นนางมีความคิดใหม่ “ยิ่งกว่านั้น เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเขาปล่อยเจ้าแล้ว”“อะไรนะ… อะไรนะ” ซือคงเซี่ยนรู้สึกงุนงง“จวนของข้าไม่ใช่สถานที่ที่มีกำแพงเหล็ก คนอยากเข้ามาเมื่อไรก็ได้ เขาอาจคิดว่าแม้ว่าเจ้าจะอยู่ที่นี่ เจ้าก็ทำอะไรไม่ได้ ยิ่งกว่านั้น จวนของข้าไม่มียามป้องกัน อยากมาเมื่อไรก็ได้”จั๋วซือหรานยักไหล่ "บางทีเขาอาจจะคิดว่า เจ้าอยู่ที่นี่ มันสะดวกดี หากเขาอยากสั่งคนมาจัดการเจ้า เขาไม่ต้องห่วงอะไรเลย"หลังจากได้ยินคำพูดนี้ ซือคงเซี่ยนรู้สึกทำอะไรไม่ถูก"เจ้าเป็นคนพูดตรงไปตรงมาเช่นเคย"“ข้าเป็นเช่นนี้มาโดยตลอด” จั๋วซือหรานไม่อยากปิดบังความจริง นางพูดต่อว่า "และหากข้าเดาไม่ผิด ช่วงเวลาที่เจ้าถูกเขาขัง อำนาจที่เจ้าเคยมีในก่อนหน้านี้.."ซือคงเซี่ยนพยักหน้า "ข้าเข้าใจ ข้าจะหาทางแก้ปัญหา เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่เป็นภาระของ..."ก่อนที่เขาจะพูดจบ จั๋วซือหรานกล่าวว่า "อย่ากังวลเลยท่านอ๋อง ข้าไม่ใช่ลูกใก่ ใคร ๆ ก็สามารถหยิกข้าได้"ซือคงเซี่ยนมองดูนาง จากนั้นเขาเห็นสีหน้าของนาง...ทันใดนั้นเขารู้สึกตัว ตั้งแต่ตอน
“หรานหราน ที่นี่ที่ไหนลูก เรามาทำอะไรที่นี่”อวิ๋นเหนียงรู้สึกประหม่าเล็กน้อย จั๋วหวายอยู่ด้านข้าง เขายิ่งหวาดกลัวโดยไม่กล้าพูดอะไร เพราะอวิ๋นเหนียงเป็นฮูหยินที่อยู่ในบ้านตลอด และนางอาจไม่รู้จักหลายเรื่องและสถานที่มากมายแต่จั๋วหวายพอรู้อะไรบางอย่าง ตัวอย่างเช่น ในตอนท้ายของถนนที่ไม่ค่อยมาคนเดินเข้ามาเป็นสถานที่ที่ไม่สามารถเข้าถึงได้มากยิ่งขึ้น - หน่วยสืบสวนพิเศษ“ท่านพี่ ท่านพี่...” จั๋วหวายกระซิบ “เรา เรามาทำอะไรที่นี่ และ…”จั๋วหวายพูดและมองดูชายที่นั่งตรงข้ามเขาอย่างระมัดระวังเขาพูดต่อด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “...มากับท่านอ๋องด้วย”อวิ๋นเหนียงยิ่งรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้น “ หรานหราน มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า”แม้ว่าอวิ๋นเหนียงเป็นแม่เลี้ยงลูกที่ไม่สนใจเรื่องทางโลก แต่นางก็ไม่ได้โง่เช่นกัน ท่านอ๋องที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสนั่งรถม้าคนเดียวกับพวกเขา... อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ต้องอันตรายแน่ ๆหลังจากรถม้าจอดสนิท จั๋วซือหรานจับไหล่ของท่านแม่ของนางด้วยมือทั้งสองข้าง“ท่านแม่ไม่ต้องกังวล ท่านแม่แล เสี่ยวหวายอยู่ที่นี่ ปลอดภัยแน่นอน” จั๋วซือหรานกล่าวแต่เมื่ออวิ๋นเหนียงได้ยินคำพูดของลูกสาว นาง
ยังไม่มีการตอบสนองเพราะเมื่อจั๋วซือหรานเป่านกหวีด จั๋วหวายกำลังยืนอยู่ใกล้ ๆ ดังนั้นเมื่อเขาเห็นพี่สาวของเขาเล่นเป่านกหวีด และไม่มีการตอบสนองใด ๆเขาบอกพี่สาว "บางที... เขาอาจไม่อยู่พอดี หรือเขากำลังพักผ่อนอยู่พอดี เลยไม่ได้ยิน เสียงนกหวีดนี้ก็ไม่ดังด้วย..."จั๋วซือหรานฟังออก เสี่ยวหวายกำลังช่วยบรรเทาความลำบากใจของนาง นางยิ้มเบา ๆ และคิดกับตัวเองว่านางไม่ต้องการเขาช่วยบรรเทาความลำบากใจหรอกเพราะจั๋วซือหรานเชื่อว่า ชิ่งหมิงต้องยินจริง ๆ ตั้งแต่แรกอยู่แล้วตราบใดที่ชิ่งหมิงเป็นคนธรรมดา จั๋วซือหรานยังไม่แน่ใจขนาดนี้นักแต่เขาคือชิ่งหมิง ผู้ที่สามารถทำให้ซือหลี่ตันติ่งย้ำว่า หากรับปากชิ่งหมิง ชิ่งหมิงจะเชื่อจริง ๆ นางต้องทำให้ได้ มิเช่นนั้น นางอย่ารับปากใด ๆ กับชิ่งหมิงเลยจั๋วซือหรานรู้สึกว่าบุคคลเช่นนี้จะต้องทำตามที่เขาพูดอย่างแน่นอนเขาเอาเป่านกหวีดนี้ให้นาง เพราะฉะนั้นเขาต้องได้ยินแน่นอนอย่างที่นางคิดไว้จริง ๆ หลังจากนั้นไม่นานเสียงทื่อดังขึ้นพวกเขาเห็นว่ากำแพงที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา ในส่วนของบ้านหลังที่สามเริ่มขยับทันทีเหมือนมีกลไกบางอย่างถูกเปิดใช้งานจากนั้นมีประตูบาน
ทันทีที่จั๋วซือหรานพูดจบ นางเห็นชายหนุ่มที่เดินอยู่ตรงหน้านางแทบจะล้มบนพื้นหลังจากเขาพยายามทรงตัวให้ได้ เขาก็หันไปมองนางแล้วถาม "เรื่อง เรื่องอะไร"จั๋วซือหรานกล่าวต่อ "เมื่อเร็ว ๆ นี้ข้าต้องจัดการปัญหาบางอย่าง แต่ข้ากังวลความปลอดภัยของทุกคน ข้าคิดไปคิดมา ในเมืองหลวง หากพูดว่ามีที่ใดเป็นสถานที่ที่มีกำแพงเหล็ก ตรงนี้แหละ"เมื่อชิ่งหมิงได้ยินคำพูดของจั๋วซือหราน เขากลั้นตัวไม่ได้แล้วเขารีบถาม “ปัญหาหรือ ซือหราน เจ้าเจอปัญหาอะไร”เขาทำตัวเหมือนเขารอไม่ไหวแล้ว เขาต้องการไปช่วยนางด้วยตัวเอง“ข้าจัดการได้ แต่แค่เรื่องนี้ เจ้าช่วยข้าได้ไหม” จั๋วซือหรานกล่าว นางมองเขาด้วยสายตาที่บิดเบี้ยว แล้วพูดเสริม“ท่านเจ้าคะ”ชิ่งหมิงตอบ "ไม่มีปัญหา มันแค่..."ชิ่งหมิงมองไปที่ซือคงเซี่ยนซือคงเซี่ยนทักทายเขาเมื่อเห็นแววตาของชิ่งหมิง จั๋วซือหรานรู้สึกว่าอาจเป็นเพราะฐานะของซือคงเซี่ยน ซึ่งทำให้ชิ่งหมิงรู้สึกลำบากใจเพราะโดยปกติแล้ว หน่วยสืบสวนพิเศษจะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องของราชวงศ์โดยไม่คาดคิด ก่อนที่จั๋วซือหรานจะพูดอะไรต่อ ชิ่งหมิง พูด "...ข้าไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร แค่นั้นเอง"หลังจากจั๋วซือหรานได
จั๋วซือหรานเดินออกจากห้องซือคงเซี่ยนมองไปที่ประตูที่ปิดอยู่ ในที่สุดเขาก็หายใจยาว ๆ แล้วนอนลงบนเตียงอันนุ่ม ๆ ห้องนี้คงไม่มีคนพักเป็นเวลานานดังนั้นจึงมีกลิ่นที่อธิบายไม่ได้ในอากาศในฐานะองค์ชายที่ใช้ชีวิตดีมาก่อน ซือคงเซี่ยนไม่น่าจะอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ได้แต่น่าประหลาดใจ ภายใต้สภาพแวดล้อมเช่นนี้ เขารู้สึกสบายใจมากเช่นเดียวกับที่ซือหรานเคยพูด นี่คือสถานที่ที่มีกำแพงเหล็ก ทำให้เขารู้สึกปลอดภัยจากก้นบึ้งของหัวใจซือคงเซี่ยนไม่สามารถบอกได้ว่าอารมณ์ของเขาเป็นอย่างไร เมื่อนึกถึงความทรมานที่เขาได้รับในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา และจากนั้นก็ได้รับความสงบสุขในขณะนี้ เขารู้สึกราวกับว่าเขาอยู่ในอีกโลกหนึ่งเขานอนบนเตียง เขารู้สึกซาบวึ้งในใจ เขาเลยยกแขนขึ้นและบังดวงตาไว้ซือคงเซี่ยนยิ้มอย่างจำใจ เขาอดไม่ได้ที่ต้องคิดว่าไม่ใช่ว่าเขามั่นใจในตัวจั๋วซือหรานมากเกินไปแต่เป็นเพราะที่ตลอดมา การกระทำของจั๋วซือหราน ทำให้ผู้คนต้องเชื่อในความสามารถของนางจริง ๆดังนั้น ซือคงเซี่ยนจึงอดไม่ได้ที่ต้องสงสัยว่าในขณะนี้ เป็นไปได้ไหมว่า... เขาสามารถเอาชนะซือคงยวี่ได้โดยที่เขาไม่ต้องทำอย่างอื่น แค่นอนในห
ทุกคนล้วนมองออก ถ้าพูดจากด้านพลัง จั๋วซือหรานได้เปรียบอย่างสมบูรณ์ต่อให้นางไม่ต้องพูดซ้ำเกรงว่าหลังจากวันนี้ ชื่อของจั๋วซือหรานคงกลายเป็นตำนานมีชีวิตในเมืองหลวงแน่ๆถ้าจะให้พูดจริงๆ นางสู้กับตระกูลใหญ่ห้าตระกูลตามลำพัง แต่ก็ยัง...ไม่พ่ายแพ้แค่คิด ก็รู้สึกว่าเป็นแรงบันดาลใจได้แล้วรถม้าแล่นมาถึงบ้านตระกูลจั๋วรู้สึกเหมือนจากไปเสียนาน แต่พอย้อนนึกดู ก็เหมือนจะไม่ได้นานเท่าไรทว่าตอนนี้ จั๋วซือหรานไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วนางเดินเข้าไปในโถงประชุม ไม่แม้แต่จะมองพวกเขา เดินตรงไปที่นั่งบนสุด แล้วนั่งลงทุกคนล้วนตะลึงงันไปชั่วขณะหนึ่ง ทั้งห้องนิ่งเงียบเป็นเป่าสากเหมือนมีคนรู้สึกว่าสมควรจะตำหนินาง นางขึ้นไปนั่งบนที่นั่งสูงสุดได้อย่างไรกัน?! ที่นั่งสูงสุดบนโถงประชุม มีไว้ให้เหล่าผู้อาวุโสนั่งแต่นางก็นั่งลงแล้ว กระทั่งมองออกไม่ยากด้วยว่านางจงใจยิ่งไปกว่านั้นตำแหน่งที่นางนั่ง ก็เป็นตำแหน่งของผู้อาวุโสสามพอดีแต่เห็นได้ชัด ว่าประสบการณ์ในอดีต ทำให้นางมีความรู้สึกไม่ดีกับผู้อาวุโสสามมากและเพราะการแสดงออกในเมืองหลวงของจั๋วซือหรานยิ่งยอดเยี่ยม ยิ่งโดดเด่นผู้อาวุโสสามกับผู้อาวุโ
สายตาจั๋วซือหรานมองพวกเขาอย่างจืดจางอันที่จริง คนไม่น้อยที่รอจะดูมหรสพ เพราะตอนที่เห็นคนของตระกูลจั๋วมากมายมาที่ประตู รู้สึกว่าน่าจะมีมหรสพให้ดูจึงหยุดลงมาคนไม่น้อยยังรู้สึกว่า ตระกูลจั๋วน่าจะมาหาเรื่องจั๋วซือหราน หรืออาจจะทำอะไร...สรุปคือ สิ่งที่พวกเขารอ คือฉากที่ตระกูลจั๋วกับจั๋วซือหรานไปกันไม่ได้ไม่มีคนคิดถึงภาพระหว่างจั๋วซือหรานกับตระกูลจั๋วอยู่กันด้วยดีอะไรแบบนั้นบางทีคงเพราะ...ไม่เคยมีใครคิด คนที่ทะเลาะกับครอบครัวจนแตกหักไปแล้วแบบนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็คงรู้สึกแย่เอามากๆ นั่นล่ะจะไปมีชีวิตที่ดี แล้วกลับมาถูกตระกูลให้ความสำคัญอีกได้อย่างไรกัน?เพราะล้วนคิดเช่นนี้ ดังนั้นจึงไม่มีใครคิดว่าระหว่างจั๋วซือหรานกับตระกูลจั๋วจะอยู่กันได้ด้วยดีเพียงแต่ตอนนี้ ทุกคนกลับไม่ได้เห็นฉากที่ทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากันอย่างรุนแรงจั๋วซือหรานเอ่ยเสียงเรียบให้พวกเขาหลีกทาง จ้องมองพวกเขาด้วยสายตาเฉยเมยในความเป็นจริง คนของตระกูลจั๋ว ในสายตานางไม่เห็นถึงความทะนงตนใดๆ เลยพวกเขาเดิมทีคิดว่า ตอนที่เห็นพวกเขาเข้ามาอ่อนข้อให้แล้วเชิญนางกลับไป ท่าทีของนางควรจะดูเย่อหยิ่งมากถึงจะถูกแต่กลับไม่มีเล
"โอ้ เห็นว่าคนอื่นเขามากัน ข้าก็อยากจะมาหนุนหน้าให้เจ้าเหมือนกันสิ" ฮั่วจือโจวเอ่ยขึ้น รอยยิ้มในดวงตาเปล่งประกาย "พอดีเลย เจ้านี่อยากจะมาขอบคุณเจ้าด้วยเหมือนกัน"ฮั่วจือโจวชี้ไปที่ฮั่วชิงหยวน"ขอบคุณหรือ?" จั๋วซือหรานไม่ค่อยเข้าใจ "ขอบคุณเรื่องอะไร?""เยอะเลย" ฮั่วจือโจวเอียงตาเหลือบไปทางฮั่วชิงหยวน บอกกับนางว่า "ให้เขาบอกเองดีกว่า"จั๋วซือหรานมองไปทางฮั่วชิงหยวนฮั่วชิงหยวนเกาหัวอย่างเขินๆ แต่ดวงตาก็เปล่งประกายวิบวับอยู่ตลอด คอยจ้องมาทางจั๋วซือหรานเป็นระยะ เอ่ยขึ้นตรงๆ ว่า "แม่นางจิ่ว ถ้าไม่มีท่าน ข้าคงถูกชินอ๋องอวี้หลอกใช้ไปนานแล้ว ถึงแม้ข้าจะไม่ค่อยฉลาดนัก แต่ก็ไม่ชอบถูกคนใช้ประโยชน์เท่าไร""ยิ่งไปกว่านั้น..." ฮั่วชิงหยวนหัวเราะเหอะๆ "ด้วยความช่วยเหลือของท่าน แม้ว่าทรัพยากรข้าจะไม่ได้ดีเด่อะไร แต่ก็ถือว่าเป็นทรัพยากรที่ไม่เลว"จั๋วซือหรานฟังคำพูดนี้ก็นึกๆ ก็เข้าใจว่าเขาน่าจะพูดถึงการร่วมมือของนางกับตระกูลฮั่ว ยาลูกกลอนที่มอบให้เหล่านั้นกระมัง"ดังนั้นไม่ว่าอย่างไร ข้าก็ต้องมาขอบคุณท่านด้วยตัวเองสักครั้ง ขอบคุณมาก" ฮั่วชิงหยวนเก็บรอยยิ้มบนหน้าลง เอ่ยขึ้นด้วยสายตาจริงจังจั๋ว
จั๋วซือหรานต้องการอะไร ก็จะขอออกมาตรงๆจุดนี้ ไม่ได้ทำให้องค์จักรพรรดิเฒ่ารำคาญน่าจะเพราะถูกซือคงอวี้วางแผนใส่มานาน พอโดนไปมากๆ เข้า จักรพรรดิเฒ่าตอนนี้จึงรู้สึกต่อต้านพวกคนคดเคี้ยวกับเรื่องราวที่ซับซ้อนขึ้นมาโดยสัญชาตญาณดังนั้นจั๋วซือหรานที่นิสัยตรงไปตรงมาแบบนี้ กลับยิ่งสอดคล้องกับเจตนาของเขามากขึ้นองค์จักรพรรดิเฒ่าฟังคำนี้แล้วก็นึกๆ จากนั้นก็เข้าใจขึ้นมา "ข้าจำได้แล้ว ก่อนหน้านี้เจ้าเคยไปหาไทเฮาเรื่องขอพระราชทานอภิเษกไว้ใช่ไหม?""ใช่แล้ว" จั๋วซือหรานยิ้มตาโค้งเอ่ยขึ้น "ฝ่าบาททรงจำได้ด้วย จั๋วจิ่วรู้สึกเป็นเกียรติยิ่งนัก""ทำไมหรือ? เจ้าต้องตาใครเข้าแล้วล่ะ?" ซือคงเหมี่ยนรู้สึกสนใจขึ้นมาจั๋วจิ่วคนนี้ กระทั่งน้องเจ็ดก็ยังไม่ชายตามอง...แล้วไปต้องตาใครเข้ากันนะ? คงจะไม่ใช่ซื่อจื่อเฟิงกระมัง? นี่จะซื่อตรงเกินไปแล้วซือคงเหมี่ยนครุ่นคิด ตอบว่า "ยัยหนูจั๋วจิ่ว ถ้าหากอีกฝ่ายหมั้นหมายไปแล้ว ข้าเองก็ไปทำลายงานแต่งงานคนอื่นไม่ได้หรอกนะ"พอได้ยินคำนี้ อ๋องเซี่ยนที่ขี่ม้าอยู่ข้างๆ รถองค์จักรพรรดิเฒ่ามาตลอดก็ถอนใจโล่ง แม้ว่าเขาจะไม่รู้ก็ตามว่าถอนใจโล่งทำไมและจั๋วซือหรานพอได้ยินคำน
แม้จะบอกว่า จั๋วซือหรานตอนที่ประลองกับซางถิงในตลาดมืด จะเคยใช้สัตว์เลี้ยงไปแล้วตามหลักการน่าจะมีคนไม่น้อยที่รู้จักสัตว์อสูรของนางแต่เพราะตอนนั้น ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะมองเห็นนี่ไม่ได้เหมือนในชาติที่แล้วของนาง ที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายรูปโพสไปบนเน็ตได้นี่ล้วนเป็นการลือกันแบบปากต่อปาก คนส่วนใหญ่เคยชินกับข่าวแบบนี้ที่มักจะพูดกันเกินจริง ดังนั้นบางคนก็ไม่ค่อย หรือเชื่อบ้างไม่เชื่อบ้างก็ตามทีแต่ตอนนี้ ทุกคนได้เห็นกับตาแล้ว"หรือว่า...กระทั่งตระกูลซาง...ก็ยังแพ้นางมาแล้ว"อิงเซ่าขี่ม้าเข้ามารับ เขาดูตื่นเต้น ใบหน้าแดงก่ำไปหมดพอมาอยู่ตรงหน้าจั๋วซือหรานจั๋วซือหรานจึงเก็บแมงมุมลงมา ยืนอยู่บนพื้นอิงเซ่าพลิกตัวลงจากม้า "แม่นางจิ่ว! ข้ารู้อยู่แล้ว ว่าถ้าท่านออกโรงต้องสำเร็จ"จั๋วซือหรานเอียงหัวไปทางด้านหลัง "คนของท่าน พากลับมาไม่ขาดแม้แต่คนเดียว บาดเจ็บไปหลายคน แต่ก็ไม่ได้หนักหนาอะไร""ดี!" อิงเซ่าพยักหน้า พูดต่อกันว่า "ดีดีดีมาก!"ตอนนี้ อันที่จริงอย่าว่าแต่เหล่าขุนนางชนชั้นสูงกับพวกราชวงศ์ที่ออกันเต็มประตูเมืองเลยกระทั่งเหล่าประชาชนที่มามุงดูก็ยังเข้าใจ ว่าแม่
ดวงตาซือคงอวี้ถลึงโต ลูกตาค่อยๆ พร่ามัวและชายหนุ่มที่ใบหน้าหล่อเหลาชั่วร้ายนี้ ก็ปัดเศษเลือดที่กระเซ็นมาติดชายเสื้อออกไปอย่างไม่แยแสเขารูปร่างโปรง สูงเพรียว แต่ไม่ได้ดูแข็งแรงนัก ดูแล้วผอมไปบ้างแต่กระดูกรูปหน้าดี ดังนั้นใบหน้าจึงดูดีมาก บวกกับผิวที่ขาว จึงให้ความรู้สึกที่เย็นชาดูจากใบหน้าแล้ว ไม่ได้มีเอกลักษณ์ของคนแดนใต้มากนัก ถ้าหากบวกกับผิวสีขาวเข้าไป ก็ยิ่งไม่เกี่ยวกันกับผิวสีคล้ำค่อนดำที่เห็นได้บ่อยๆ ของคนแดนใต้แล้วแต่ผมสีแดงเข้มบนหัว ก็ดูไม่เหมือนกับต้าชางเลยเสื้อผ้าบนตัวเขา สีใกล้เคียงกับสีผมเขามาก ในที่ที่มีแสงน้อย ก็เหมือนจะกลืนกันจนเป็นสีดำแต่ถ้ามองในที่ที่สว่างหน่อย ก็จะดูเป็นสีแดงเข้มคล้ายเลือดและตอนนี้ เหล่าทหารเดนตายของชินอ๋องอวี้...ที่ก่อนหน้านี้ไม่รู้ถอยหนีกระจายกันไปที่ไหน กลับล้อมวงกันเข้ามา"นายท่าน"พวกเขาทยอยกันคุกเข่าข้างหนึ่งชายหนุ่มร้องอืมขึ้น จากนั้นจึงยื่นมือไปดึงคอเสื้อของซือคงอวี้ ลากเขาเดินไปด้านหน้าทหารเดนตายคนหนึ่งเอ่ยขึ้นทันที "นายท่าน ให้ข้าน้อยช่วยเถิด?"ชายหนุ่มกลับโบกไม้โบกมือไม่สนใจ "ไม่ต้อง เดี๋ยวจะทำตะปูวิญญาณข้าเสียหาย"เหล
ในใจฮาร์วีย์คิดถึงความเป็นไปได้หนึ่ง คิ้วเลิกขยับขึ้นเบาๆ ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกจั๋วซือหรานเห็นสีหน้าเขา ยังคิดว่าเขาจะพูดอะไรอีก คิดไม่ถึงว่าจะไม่พูดอะไรออกมาเลยไม่พูดก็ไม่พูด ถึงอย่างไรก็ไม่ได้รีบร้อนที่จุดนี้จั๋วซือหรานรอการตัดสินใจขององค์จักรพรรดิเฒ่า แค่ครู่เดียว รองแม่ทัพก็เข้ามารายงาน อธิบายถึงเจตนาขององค์จักรพรรดิเฒ่ารองแม่ทัพบอกว่า "ฝ่าบาทตรัสว่า ให้เดินหน้าต่อได้เลย"จั๋วซือหรานพยักหน้าเล็กน้อย ไม่ได้รู้สึกเกินคาดอะไรกับคำตอบนี้ แค่ตบลงบนตัวแมงมุมน้อยเบาๆไม่มีอะไรเกินคาด นับแต่โบราณองค์จักรพรรดินั้นปราศจากความเมตตาที่สุดมาตลอดตอนที่โปรดปรานเจ้า ก็อยากจะให้เจ้าเป็นองค์รัชทายาทจนตัวสั่น แต่พอความโปรดปรานนี้หายไป แค่ศพก็ไม่อยากจะเก็บกลับไปแมงมุมของจั๋วซือหรานนำทางอยู่ด้านหน้า ขบวนรถม้าเคลื่อนตามนางอยู่ด้านหลังซือคงอวี้แผ่อยู่บนพื้น เขาคลานไปบนพื้นสายตาจับจ้องไปยังทิศทางที่ขบวนรถม้าจากไป มองรถม้าที่คลุมด้วยสีเหลืองคันนั้นห่างออกไปเรื่อยๆมุมปากเขาขยับ แต่ก็ไม่อาจะตะโกนเรียกได้แล้ว เหลือเพียงแต่เสียงที่อ่อนแอ"เสด็จพ่อ...เสด็จพ่อ..." หางตาซือคงอวี้มีน้ำตาหลั่งอ
จากที่คนอื่นเห็นชินอ๋องคนหนึ่ง ต่อให้จะทำความผิดพลาดครั้งใหญ่แค่ไหน ก็ยังต้องให้ผู้ปกครองสูงสุดแห่งราชวงศ์ ผู้เป็นจักรพรรดิมาลงโทษแต่ไม่ใช่นางที่เป็นหญิงสาวคนหนึ่ง ลงมาสังหารโดยที่ตาก็ไม่กระพริบนางช่างอาจหาญเสียจริง!เหมือนกับชายหนุ่มที่เด็ดเดี่ยวซึ่งไม่เคยหันกลับไปมองฉากระเบิดด้านหลังอย่างไรอย่างนั้นจั๋วซือหรานพอลงมือก็ลงมือ ขี้เกียจจะหันกลับไปมองหลายรอบนางหิ้วขลุ่ยดินเผาเลานั้น เดินกลับไปตรงหน้าราชาแมงมุมหน้าผี กระโดดขึ้นไปบนหลังมันฮาร์วีย์ที่อยู่ข้างๆ เนื่องจากเป็นเชลยของจั๋วซือหราน ดังนั้นจึงอยู่ใกล้นางมากก่อนหน้านี้เห็นขั้นตอนทั้งหมดกับตา ดังนั้นตอนนี้จึงยังคงตกตะลึงอยู่จั๋วซือหรานจ้องมองขลุ่ยดินเผาในมือพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง จึงแหงนตามองฮาร์วีย์ "นี่คืออาวุธกู่นั่นใช่ไหม?"ฮาร์วีย์พยักหน้า "ใช่แล้ว"จั๋วซือหรานมองสัญลักษณ์ดอกถูหมีนั่น มุมปากนางก็ยกขึ้น นิ้วมือควบพลังวิญญาณ จัดการลบสัญลักษณ์ดอกถูหมีบนขลุ่ยดินเผานั้นออกอย่างไม่ปราณีพอเห็นการกระทำที่อหังการเช่นนี้ของนาง ฮาร์วีย์ประหลาดใจหน่อยๆ แต่ก็เหมือนไม่ได้รู้สึกเกินคาดเท่าไรฮาร์วีย์เอ่ยขึ้นอย่างจนใจ "แม่นา
และนางเองก็ไม่ใช่ว่าจะไปเด็ดหัวศัตรู แต่แค่ทำเหมือนเข้าไปเด็ดดอกไม้สดดอกหนึ่งอย่างไรอย่างนั้นนักรบเดนตายของซือคงอวี้เหล่านั้น ก็ไม่รู้ว่าเพราะเห็นซือคงอวี้ไม่ดิ้นรนเหมือนคนที่ใกล้จะตายแล้ว หรือว่าเพราะยังตกใจกับการโจมตีก่อนหน้าของจั๋วซือหราน จึงทำให้คนไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม?สรุปคือ แม้พวกเขาจะมีท่าทีระแวดระวังอยู่ตลอด กลับไม่กล้าคิดจะทดลองลงมืออะไรกับจั๋วซือหรานแน่นอน และอาจจะเพราะรู้ว่าตนเองสู้ไม่ไหวจั๋วซือหรานเดินไปอยู่ตรงหน้าซือคงอวี้อย่างราบรื่นพอเห็นว่าเหล่าทหารเดนตายรอบๆ ทำได้แค่ระแวดระวัง ไม่มีท่าทีว่าจะโจมตีอะไร จั๋วซือหรานจึงยกริมฝีปากหัวเราะขึ้นมา "เป็นตัวเลือกที่ฉลาด"จากนั้น จั๋วซือหรานก็คุกเข่าลงมาตรงหน้าซือคงอวี้นางกอดเขานั่งยองลงมาตรงหน้าซือคงอวี้ ก้มลงมองดูเขา...ซือคงอวี้ถลึงสองตาที่เต็มไปด้วยเส้นเลือด จ้องเขม็งยังจั๋วซือหรานแต่ตอนนี้เอง ท่าทางกับสายตาของจั๋วซือหรานก็ทำให้เขาเกิดเข้าใจผิด ราวกับว่า...นางไม่ได้กำลังมองเขา แต่ว่า...แต่ว่ากำลังมองมดปลวกบนพื้นตัวหนึ่ง"เจ้า..." ซือคงอวี้ส่งเสียงออกมาอย่างยากลำบาก เขารู้ว่าตนเองตกที่นั่งลำบากแล้วเช่นนั้น