แชร์

บทที่ 393

ผู้เขียน: หูเทียนเสี่ยว
ทันทีที่จั๋วซือหรานพูดจบ นางเห็นชายหนุ่มที่เดินอยู่ตรงหน้านางแทบจะล้มบนพื้น

หลังจากเขาพยายามทรงตัวให้ได้ เขาก็หันไปมองนางแล้วถาม "เรื่อง เรื่องอะไร"

จั๋วซือหรานกล่าวต่อ "เมื่อเร็ว ๆ นี้ข้าต้องจัดการปัญหาบางอย่าง แต่ข้ากังวลความปลอดภัยของทุกคน ข้าคิดไปคิดมา ในเมืองหลวง หากพูดว่ามีที่ใดเป็นสถานที่ที่มีกำแพงเหล็ก ตรงนี้แหละ"

เมื่อชิ่งหมิงได้ยินคำพูดของจั๋วซือหราน เขากลั้นตัวไม่ได้แล้ว

เขารีบถาม “ปัญหาหรือ ซือหราน เจ้าเจอปัญหาอะไร”

เขาทำตัวเหมือนเขารอไม่ไหวแล้ว เขาต้องการไปช่วยนางด้วยตัวเอง

“ข้าจัดการได้ แต่แค่เรื่องนี้ เจ้าช่วยข้าได้ไหม” จั๋วซือหรานกล่าว นางมองเขาด้วยสายตาที่บิดเบี้ยว แล้วพูดเสริม“ท่านเจ้าคะ”

ชิ่งหมิงตอบ "ไม่มีปัญหา มันแค่..."

ชิ่งหมิงมองไปที่ซือคงเซี่ยน

ซือคงเซี่ยนทักทายเขา

เมื่อเห็นแววตาของชิ่งหมิง จั๋วซือหรานรู้สึกว่าอาจเป็นเพราะฐานะของซือคงเซี่ยน ซึ่งทำให้ชิ่งหมิงรู้สึกลำบากใจ

เพราะโดยปกติแล้ว หน่วยสืบสวนพิเศษจะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องของราชวงศ์

โดยไม่คาดคิด ก่อนที่จั๋วซือหรานจะพูดอะไรต่อ ชิ่งหมิง พูด "...ข้าไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร แค่นั้นเอง"

หลังจากจั๋วซือหรานได
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 394

    จั๋วซือหรานเดินออกจากห้องซือคงเซี่ยนมองไปที่ประตูที่ปิดอยู่ ในที่สุดเขาก็หายใจยาว ๆ แล้วนอนลงบนเตียงอันนุ่ม ๆ ห้องนี้คงไม่มีคนพักเป็นเวลานานดังนั้นจึงมีกลิ่นที่อธิบายไม่ได้ในอากาศในฐานะองค์ชายที่ใช้ชีวิตดีมาก่อน ซือคงเซี่ยนไม่น่าจะอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ได้แต่น่าประหลาดใจ ภายใต้สภาพแวดล้อมเช่นนี้ เขารู้สึกสบายใจมากเช่นเดียวกับที่ซือหรานเคยพูด นี่คือสถานที่ที่มีกำแพงเหล็ก ทำให้เขารู้สึกปลอดภัยจากก้นบึ้งของหัวใจซือคงเซี่ยนไม่สามารถบอกได้ว่าอารมณ์ของเขาเป็นอย่างไร เมื่อนึกถึงความทรมานที่เขาได้รับในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา และจากนั้นก็ได้รับความสงบสุขในขณะนี้ เขารู้สึกราวกับว่าเขาอยู่ในอีกโลกหนึ่งเขานอนบนเตียง เขารู้สึกซาบวึ้งในใจ เขาเลยยกแขนขึ้นและบังดวงตาไว้ซือคงเซี่ยนยิ้มอย่างจำใจ เขาอดไม่ได้ที่ต้องคิดว่าไม่ใช่ว่าเขามั่นใจในตัวจั๋วซือหรานมากเกินไปแต่เป็นเพราะที่ตลอดมา การกระทำของจั๋วซือหราน ทำให้ผู้คนต้องเชื่อในความสามารถของนางจริง ๆดังนั้น ซือคงเซี่ยนจึงอดไม่ได้ที่ต้องสงสัยว่าในขณะนี้ เป็นไปได้ไหมว่า... เขาสามารถเอาชนะซือคงยวี่ได้โดยที่เขาไม่ต้องทำอย่างอื่น แค่นอนในห

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 395

    สีหน้าของฉูนจวีนเปลี่ยนไปทันที และเขาก็หันไปมองที่ห้องใต้ดิน "เกิดอะไรขึ้น ท่านขอรับ ข้าน้อยขอเข้าไปดูก่อนขอรับ"เฟิงเหยียนไม่ได้คิดมากและพยักหน้าหลังจากฉูนจวีนลงไปแล้ว เฟิงเหยียนก็หันไปมองผู้พิทักษ์เงาที่รายงานในก่อนหน้านี้ "พูดต่อ"ผู้พิทักษ์เงาจึงกล่าวต่อว่า “ไปหน่วยสืบสวนพิเศษขอรับ ข้าคิดว่า แม่นางจิ่วอาจทราบเรื่องที่ที่เกิดขึ้นอย่างลับ ๆ ในเมื่อเร็ว ๆ นี้”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เฟิงเหยียนก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “นางฉลาดมาก ตราบใดที่นางได้ข่าวแม้แต่น้อย นางก็สามารถเดาสถานการณ์คร่าว ๆ ของเรื่องได้”ช่วงนี้ อาจเป็นเพราะนางต้องยุ่งจัดการตระกูลเหยียน และตระกูลจั๋ว นางจึงไม่กระตือรือร้นกับเหตุการณ์ลับบางอย่างในเมืองหลวงไม่เช่นนั้น นางคงสังเกตเห็นตั้งนานแล้วเฟิงเหยียนฟังผู้พิทักษ์เงารายงานไป และสนใจกับการเคลื่อนไหวในห้องใต้ดินด้วยไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆนี่ยิ่งทำให้เฟิงเหยียนรู้สึกต้องมีอะไรผิดปกติแน่ ๆ เขาขมวดคิ้วผู้พิทักษ์เงาสังเกตสีหน้าของเขาและถามว่า "ท่านขอรับ มีอะไรผิดปกติหรือขอรับ"“ไม่มีการเคลื่อนไหวเลย” เฟิงเหยียนกล่าว มือของเขาวางไปที่เอวของเขาและจับด้ามกระบี่เสวียนเหย

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 396

    เขาดึงกระบี่เสวียนเหยียนออกมา ในขณะที่เขาดึงกระบี่เสวียนเหยียนออกมา ลมดาบที่แผดเผาก็ลอยออกไปกระทบผีอันร้ายควบคุมทั้งสี่นั้น แต่ดูเหมือนว่าพลังนั้นไม่สามารถสร้างอันตรายใด ๆ ต่อพวกมันได้เฟิงเหยียนหรี่ตาลงและมองดูสถานการณ์ของพวกเขาอย่างเย็นชาไม่ บางทีอาจไม่ควรพูดว่า เขาไม่สามารถทำร้ายพวกเขาได้ เพราะเขาเห็นรอยแผลเป็นที่น่ากลัวบนร่างกายของพวกเขาที่เกิดจากลมดาบครั้งก่อนได้อย่างชัดเจนแต่ควรพูดว่าถึงแม้พลังนั้นทำให้พวกเขาต้องรับบาดแผล แต่ก็ไม่สามารถห้ามพวกเขาได้ ดูเหมือนพวกเขาไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดกระบี่เสวียนเหยียนของเฟิงเหยียนมีพลังไฟวิเศษที่บริสุทธิ์และรุนแรงที่สุดของตระกูล ในนั้นซึ่งเต็มไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น พลังนี้สามารถนำความเจ็บปวดมาสู่ผู้คนได้อย่างแน่นอนแต่ดูเหมือนพวกเขาทั้งสี่ไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยการโจมตีของเฟิงเหยียนทำให้พวกเขาหยุดชั่วขณะหนึ่งเท่านั้นจากนั้น ดูเหมือนว่าพวกเขาถูกพลังนี้ดึงดูด และพวกเขาก็เอียงหัวและมองดูสองคนที่ยืนที่ประตูห้องใต้ดินดูเหมือนว่าพวกเขาสนใจเนื้อและเลือดสดนี้มากกว่าเมื่อเฟิงเหยียนสังเกตพวกเขากำลังมองมา เฟ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 397

    เฟิงเหยียนลดสายตาลง เขาเห็นจั๋วซือหรานยื่นมือไปด้านหลัง และค่อย ๆ จับปลายดาบของเขาอย่างนุ่มนวลแต่การกระทำนี้ไม่ได้ทำให้เฟิงเหยียนไม่พอใจเลยในทางตรงกันข้าม ทันทีที่จั๋วซือหรานมีการกระทำเช่นนี้ เฟิงเหยียนก็ตระหนักว่า " จั๋วเสียวจิ่ว เจ้าช่วยเขาได้ไหม"เมื่อฉูนจวีนได้ยินคำพูดของเฟิงเหยียน ดวงตาอันแดงก่ำเขาที่เคยเต็มไปด้วยความปรารถนาที่อยากตายดูเหมือนตอนนี้ดวงตาคู่นี้มีประกายแห่งความหวังที่อาจเรียกได้ว่าเป็นความหวังเล็ก ๆเพราะหากเป็นคนอื่น ตอนนี้ฉูนจวีนคงไม่มีความหวังหรอกแต่คนนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก... จั๋วซือหรานผู้หญิงคนนี้ทำให้ผู้คนประหลาดใจอยู่เสมอ นางทำให้คนต้อง...ตั้งตารอจริง ๆท้ายที่สุดแล้ว ใครจะอยากตาย หากพวกเขาสามารถมีชีวิตอยู่ได้จั๋วซือหรานหรี่ตาลงและมองดูอาการบาดเจ็บของฉูนจวีนอยู่ครู่หนึ่ง นางพยักหน้าเล็กน้อยแล้วกระซิบว่า "อาการบาดเจ็บมันไม่สำคัญเท่าไร ที่สำคัญที่สุดคือนี่.. นี่ถือเป็นยาพิษหรือพิษกู่กันแน่..."ฉูนจวีนซึ่งแต่เดิมเขาอยากตายอย่างเดียวแล้ว แต่เมื่อเขาได้ยินคำพูดของจั๋วซือหราน เขาตกใจอย่างมากในมุมมองของเขา เขาเอาชีวิตรอดได้จากเนื่องจากอาการบาดเจ็บข

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 398

    เฟิงเหยียนฟังออกความหมายหยอกล้อในคำพูดของนาง แต่ภาพตรงหน้าเขาช่างน่าสลดใจอย่างเห็นได้ชัดหากเป็นคนอื่นเห็นนางยังพูดล้อเล่น คนผู้นั้นต้องโกรธแน่นอนถึงเวลาไหนแล้ว นางยังมีอารมณ์มาพูดเล่นแต่เฟิงเหยียนรู้ว่านางคือจั๋วซือหราน นางไม่ใช่คนธรรมดายิ่งนางยังพูดตลกในที่นี่ได้มากเท่าไร ก็ยิ่งหมายความว่าสถานการณ์อาจไม่ร้ายแรง อย่างน้อยก็ไม่ร้ายแรงเท่าที่เขาจินตนาการเพราเฟิงเหยียนเดาออกได้ง่าย ๆ และสาเหตุที่คนพวกนั้นทำเช่นนั้นก็ง่ายเหลือเกินเขารู้สึกว่าไม่ว่าใครจะอยู่เบื้องหลัง พวกเขาทั้งหมดทำเช่นนี้เพื่อกำจัดตระกูลเฟิงจั๋วซือหรานไม่รู้ว่าเฟิงเหยียนกำลังคิดอะไรอยู่ หากนางรู้ นางคงจะรู้สึกอย่างแน่นอนว่า หัวใจขององค์หญิงเจาหมิ่นจะแตกสลายเป็นชิ้น ๆเพราะท้ายที่สุดแล้ว องค์หญิงผู้รอบคอบคนนั้นยังคงรอช่วยเฟิงเหยียนและช่วยเหลือตระกูลเฟิงอยู่เลยเฟิงเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “เจ้าหมายถึง นี่คือโรคระบาดจริง ๆ ใช่ไหม”จั๋วซือหรานไม่สามารถตอบเขาได้ว่า นี่อาจเป็นไวรัสซอมบี้บางชนิด อันที่จริง นางไม่แน่ใจว่านี่คืออะไร อย่างน้อยนางก็ยังไม่ได้ศึกษาคนตายทั้งสี่คนเลยนางไม่รู้ว่ามันคืออะไร นางรู้สึกว

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 399

    หากมีจั๋วซือหรานอยู่ หรือหากจั๋วซือหรานบอกว่า นางรักษาโรคนี้ได้แม้ว่าก่อนหน้านี้เฟิงเหยียนสิ้นหวังกับอาการบาดเจ็บของฉูนจวีน แต่ดูเหมือนว่าเขาจะรู้สึกมีความหวังในทันใดเฟิงเหยียนมั่นใจในความสามารถของนางมากไม่ใช่ว่าเขาเชื่อนางโดยร้ายเหตุผล แต่นี่เป็นความไว้วางใจที่จั๋วซือหรานได้รับมาเองเท่านั้นนางสามารถทำให้คนอื่นเกิดความรู้สึกเช่นนี้ หากนางบอกว่านางทำได้ นางก็จะทำสำเร็จได้แน่นอนเดิมทีฉูนจวีนคิดว่าเขาเป็นคนเดียวที่รู้สึกเช่นนี้ แต่เขาไม่คาดคิดว่าแม้แต่เจ้านายของเขาจะรู้สึกเช่นเดียวกันกับเขาดังนั้น ฉูนจวีนจึงรู้สึกว่าหลังจากที่จั๋วซือหรานบอกเขาว่า นางสามารถรักษาให้หายขาดได้ ดูเหมือนเจ้านายเริ่มไม่สนใจอาการบาดเจ็บของเขามากนักหลังจากจั๋วซือหรานเริ่มให้ยาที่ดีขึ้นแก่เขา เจ้านายก็หันกลับมาทันทีเจ้านายทำตามคำแนะนำของจั๋วซือหราน และไปมัดเหล่าผู้อาวุโสไว้ฉูนจวีนรู้สึกว่าเจ้านายพลาดฉากที่น่ากลัวแต่ไม่เจ็บปวดเช่นนี้ไป“แม่ แม่นาง แม่นางจิ่ว…” อักษรไม่กี่ตัวนี้ถูกฉูนจวีนแบ่งออกเป็นหลาย ๆ ส่วน“อะไร” จั๋วซือหรานเงยหน้าขึ้นและมองฉูนจวีน “อะไร”"ท่านนี่...นี่..." ฉูนจวีนไม่สามารถพู

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 400

    "อย่ากลัวนะ" จั๋วซือหรานฟังฉูนจวีนพูดติดอ่าง นางคิดว่าก่อนหน้านี้ เขาถือเป็นผู้พิทักษ์เงาที่มีจิตใจแข็งแกร่ง ซึ่งมีเลือดออก แต่ไม่เคยหลั่งน้ำตาเลย นางสงสารเขาตกใจจนหวาดกลัวเช่นนี้ดังนั้นจั๋วซือหรานจึงปลอบใจเขาอย่างอ่อนโยนฉูนจวีนอาจไม่เคยเห็นจั๋วซือหรานพูดอ่อนโยนขนาดนี้มาก่อน ดังนั้นเมื่อเขาได้ยินคำพูดของจั๋วซือหราน เขาไม่รู้สึกสบายใจ ยิ่งไปกว่านั้น เสียงอันอ่อนโยนของนางทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวมากยิ่งขึ้นอีกด้วยฉูนจวีนพูดด้วยเสียงอันสั่นเทา "แม่ แม่นางจิ่วนี่...นี่ไม่ใช่...ไม่ใช่เสื้อผ้า ทำไมต้องเย็บด้วย"และเขาคงรู้ว่าเขาควบคุมเสียงของตัวเองไม่ได้อยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจเสียงอันสั่นเทาของเขาเลยจั๋วซือหรานยิ้มหลังจากได้ยินคำพูดของฉูนจวีน นางพูดว่า "ประมาณนั้นแหละ หากเสื้อผ้าขาด เราเย็บใหม่ ก็ยังใส่ได้"ขณะที่นางพูด นางก็เย็บอีกเข็มหนึ่งแล้วเงยหน้าขึ้น จากนั้นนางมองและถามฉูนจวีน "มนุษย์เรานะ หากมีช่องที่ไหน เย็บหน่อย ก็จะใช้ได้เหมือนเดิม"จั๋วซือหรานพูดในใจว่า ฉูนจวีนคนนี้อาจเคยดูถูกนางเล็กน้อยมาก่อนหลังจากวันนี้ นางคงจะเป็นยักษ์ในสายตาของเขาตลอดไปหลังจากนั้นไม่นาน เฟิง

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 401

    ความรู้สึกแรกฉูนจวีนคือ...คันเล็กน้อยแต่ทันใดนั้นเขาเข้าใจว่าทำไมเขาถึงรู้สึกคัน เพราะบาดแผลเหล่านั้นกำลังตกสะเก็ดและหายดีจั๋วซือหรานมองอาการของบาดแผล นางพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ "เอาล่ะ เจ้าพักผ่อนก่อนเลย ข้าต้องไปตรวจดูอาการของผู้อาวุโสเหล่านั้น เดี๋ยวข้าค่อยมาหารักษาเจ้า"“ขอบคุณแม่นางจิ่วขอรับ” ฉูนจวีนขอบคุณนางด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นเล็กน้อยปกติเขาไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ในยามที่เขาพูด แต่รู้สึกอารมณ์และน้ำเสียงของคำพูดของเขาในวันนี้มีอารมณ์มากกว่าปีที่แล้วรวมกันเฟิงเหยียนยืนอยู่ข้างกายจั๋วซือหราน เขากระซิบว่า "รักษาให้หายขาดแล้วไม่ใช่หรือ"“อาการบาดเจ็บภายนอกหายดีแล้ว” จั๋วซือหรานก้มตัวลงไปตรวจอาการของผู้อาวุโส นางพูดต่อ “แต่อาคมหนอนพิษกู่นั้น ข้ายังไม่ได้ถอนพิษให้เลย ข้าคาดว่าหากไม่ถอนพิษอาคมหนอนพิษกู่ออก อีกไม่นาน ฉูนจวีนคงต้องแปลงตัวเหมือนสี่คนนั้น”เฟิงเหยียนขมวดคิ้วแน่นเดิมทีฉูนจวีนหายความกังวลไปเล็กน้อยแล้ว แต่เขาหูดี และได้ยินสิ่งที่จั๋วซือหรานและเฟิงเหยียนพูดถึงสีหน้าของเขาเริ่มตึงเครียดอีกครั้ง และเห็นได้ชัดว่าเขากังวลมากขึ้นกว่าเดิมอะ อะไร...อะไรนะ เขาจะกลายเป็

บทล่าสุด

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 930

    ทุกคนล้วนมองออก ถ้าพูดจากด้านพลัง จั๋วซือหรานได้เปรียบอย่างสมบูรณ์ต่อให้นางไม่ต้องพูดซ้ำเกรงว่าหลังจากวันนี้ ชื่อของจั๋วซือหรานคงกลายเป็นตำนานมีชีวิตในเมืองหลวงแน่ๆถ้าจะให้พูดจริงๆ นางสู้กับตระกูลใหญ่ห้าตระกูลตามลำพัง แต่ก็ยัง...ไม่พ่ายแพ้แค่คิด ก็รู้สึกว่าเป็นแรงบันดาลใจได้แล้วรถม้าแล่นมาถึงบ้านตระกูลจั๋วรู้สึกเหมือนจากไปเสียนาน แต่พอย้อนนึกดู ก็เหมือนจะไม่ได้นานเท่าไรทว่าตอนนี้ จั๋วซือหรานไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วนางเดินเข้าไปในโถงประชุม ไม่แม้แต่จะมองพวกเขา เดินตรงไปที่นั่งบนสุด แล้วนั่งลงทุกคนล้วนตะลึงงันไปชั่วขณะหนึ่ง ทั้งห้องนิ่งเงียบเป็นเป่าสากเหมือนมีคนรู้สึกว่าสมควรจะตำหนินาง นางขึ้นไปนั่งบนที่นั่งสูงสุดได้อย่างไรกัน?! ที่นั่งสูงสุดบนโถงประชุม มีไว้ให้เหล่าผู้อาวุโสนั่งแต่นางก็นั่งลงแล้ว กระทั่งมองออกไม่ยากด้วยว่านางจงใจยิ่งไปกว่านั้นตำแหน่งที่นางนั่ง ก็เป็นตำแหน่งของผู้อาวุโสสามพอดีแต่เห็นได้ชัด ว่าประสบการณ์ในอดีต ทำให้นางมีความรู้สึกไม่ดีกับผู้อาวุโสสามมากและเพราะการแสดงออกในเมืองหลวงของจั๋วซือหรานยิ่งยอดเยี่ยม ยิ่งโดดเด่นผู้อาวุโสสามกับผู้อาวุโ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 929

    สายตาจั๋วซือหรานมองพวกเขาอย่างจืดจางอันที่จริง คนไม่น้อยที่รอจะดูมหรสพ เพราะตอนที่เห็นคนของตระกูลจั๋วมากมายมาที่ประตู รู้สึกว่าน่าจะมีมหรสพให้ดูจึงหยุดลงมาคนไม่น้อยยังรู้สึกว่า ตระกูลจั๋วน่าจะมาหาเรื่องจั๋วซือหราน หรืออาจจะทำอะไร...สรุปคือ สิ่งที่พวกเขารอ คือฉากที่ตระกูลจั๋วกับจั๋วซือหรานไปกันไม่ได้ไม่มีคนคิดถึงภาพระหว่างจั๋วซือหรานกับตระกูลจั๋วอยู่กันด้วยดีอะไรแบบนั้นบางทีคงเพราะ...ไม่เคยมีใครคิด คนที่ทะเลาะกับครอบครัวจนแตกหักไปแล้วแบบนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็คงรู้สึกแย่เอามากๆ นั่นล่ะจะไปมีชีวิตที่ดี แล้วกลับมาถูกตระกูลให้ความสำคัญอีกได้อย่างไรกัน?เพราะล้วนคิดเช่นนี้ ดังนั้นจึงไม่มีใครคิดว่าระหว่างจั๋วซือหรานกับตระกูลจั๋วจะอยู่กันได้ด้วยดีเพียงแต่ตอนนี้ ทุกคนกลับไม่ได้เห็นฉากที่ทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากันอย่างรุนแรงจั๋วซือหรานเอ่ยเสียงเรียบให้พวกเขาหลีกทาง จ้องมองพวกเขาด้วยสายตาเฉยเมยในความเป็นจริง คนของตระกูลจั๋ว ในสายตานางไม่เห็นถึงความทะนงตนใดๆ เลยพวกเขาเดิมทีคิดว่า ตอนที่เห็นพวกเขาเข้ามาอ่อนข้อให้แล้วเชิญนางกลับไป ท่าทีของนางควรจะดูเย่อหยิ่งมากถึงจะถูกแต่กลับไม่มีเล

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 928

    "โอ้ เห็นว่าคนอื่นเขามากัน ข้าก็อยากจะมาหนุนหน้าให้เจ้าเหมือนกันสิ" ฮั่วจือโจวเอ่ยขึ้น รอยยิ้มในดวงตาเปล่งประกาย "พอดีเลย เจ้านี่อยากจะมาขอบคุณเจ้าด้วยเหมือนกัน"ฮั่วจือโจวชี้ไปที่ฮั่วชิงหยวน"ขอบคุณหรือ?" จั๋วซือหรานไม่ค่อยเข้าใจ "ขอบคุณเรื่องอะไร?""เยอะเลย" ฮั่วจือโจวเอียงตาเหลือบไปทางฮั่วชิงหยวน บอกกับนางว่า "ให้เขาบอกเองดีกว่า"จั๋วซือหรานมองไปทางฮั่วชิงหยวนฮั่วชิงหยวนเกาหัวอย่างเขินๆ แต่ดวงตาก็เปล่งประกายวิบวับอยู่ตลอด คอยจ้องมาทางจั๋วซือหรานเป็นระยะ เอ่ยขึ้นตรงๆ ว่า "แม่นางจิ่ว ถ้าไม่มีท่าน ข้าคงถูกชินอ๋องอวี้หลอกใช้ไปนานแล้ว ถึงแม้ข้าจะไม่ค่อยฉลาดนัก แต่ก็ไม่ชอบถูกคนใช้ประโยชน์เท่าไร""ยิ่งไปกว่านั้น..." ฮั่วชิงหยวนหัวเราะเหอะๆ "ด้วยความช่วยเหลือของท่าน แม้ว่าทรัพยากรข้าจะไม่ได้ดีเด่อะไร แต่ก็ถือว่าเป็นทรัพยากรที่ไม่เลว"จั๋วซือหรานฟังคำพูดนี้ก็นึกๆ ก็เข้าใจว่าเขาน่าจะพูดถึงการร่วมมือของนางกับตระกูลฮั่ว ยาลูกกลอนที่มอบให้เหล่านั้นกระมัง"ดังนั้นไม่ว่าอย่างไร ข้าก็ต้องมาขอบคุณท่านด้วยตัวเองสักครั้ง ขอบคุณมาก" ฮั่วชิงหยวนเก็บรอยยิ้มบนหน้าลง เอ่ยขึ้นด้วยสายตาจริงจังจั๋ว

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 927

    จั๋วซือหรานต้องการอะไร ก็จะขอออกมาตรงๆจุดนี้ ไม่ได้ทำให้องค์จักรพรรดิเฒ่ารำคาญน่าจะเพราะถูกซือคงอวี้วางแผนใส่มานาน พอโดนไปมากๆ เข้า จักรพรรดิเฒ่าตอนนี้จึงรู้สึกต่อต้านพวกคนคดเคี้ยวกับเรื่องราวที่ซับซ้อนขึ้นมาโดยสัญชาตญาณดังนั้นจั๋วซือหรานที่นิสัยตรงไปตรงมาแบบนี้ กลับยิ่งสอดคล้องกับเจตนาของเขามากขึ้นองค์จักรพรรดิเฒ่าฟังคำนี้แล้วก็นึกๆ จากนั้นก็เข้าใจขึ้นมา "ข้าจำได้แล้ว ก่อนหน้านี้เจ้าเคยไปหาไทเฮาเรื่องขอพระราชทานอภิเษกไว้ใช่ไหม?""ใช่แล้ว" จั๋วซือหรานยิ้มตาโค้งเอ่ยขึ้น "ฝ่าบาททรงจำได้ด้วย จั๋วจิ่วรู้สึกเป็นเกียรติยิ่งนัก""ทำไมหรือ? เจ้าต้องตาใครเข้าแล้วล่ะ?" ซือคงเหมี่ยนรู้สึกสนใจขึ้นมาจั๋วจิ่วคนนี้ กระทั่งน้องเจ็ดก็ยังไม่ชายตามอง...แล้วไปต้องตาใครเข้ากันนะ? คงจะไม่ใช่ซื่อจื่อเฟิงกระมัง? นี่จะซื่อตรงเกินไปแล้วซือคงเหมี่ยนครุ่นคิด ตอบว่า "ยัยหนูจั๋วจิ่ว ถ้าหากอีกฝ่ายหมั้นหมายไปแล้ว ข้าเองก็ไปทำลายงานแต่งงานคนอื่นไม่ได้หรอกนะ"พอได้ยินคำนี้ อ๋องเซี่ยนที่ขี่ม้าอยู่ข้างๆ รถองค์จักรพรรดิเฒ่ามาตลอดก็ถอนใจโล่ง แม้ว่าเขาจะไม่รู้ก็ตามว่าถอนใจโล่งทำไมและจั๋วซือหรานพอได้ยินคำน

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 926

    แม้จะบอกว่า จั๋วซือหรานตอนที่ประลองกับซางถิงในตลาดมืด จะเคยใช้สัตว์เลี้ยงไปแล้วตามหลักการน่าจะมีคนไม่น้อยที่รู้จักสัตว์อสูรของนางแต่เพราะตอนนั้น ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะมองเห็นนี่ไม่ได้เหมือนในชาติที่แล้วของนาง ที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายรูปโพสไปบนเน็ตได้นี่ล้วนเป็นการลือกันแบบปากต่อปาก คนส่วนใหญ่เคยชินกับข่าวแบบนี้ที่มักจะพูดกันเกินจริง ดังนั้นบางคนก็ไม่ค่อย หรือเชื่อบ้างไม่เชื่อบ้างก็ตามทีแต่ตอนนี้ ทุกคนได้เห็นกับตาแล้ว"หรือว่า...กระทั่งตระกูลซาง...ก็ยังแพ้นางมาแล้ว"อิงเซ่าขี่ม้าเข้ามารับ เขาดูตื่นเต้น ใบหน้าแดงก่ำไปหมดพอมาอยู่ตรงหน้าจั๋วซือหรานจั๋วซือหรานจึงเก็บแมงมุมลงมา ยืนอยู่บนพื้นอิงเซ่าพลิกตัวลงจากม้า "แม่นางจิ่ว! ข้ารู้อยู่แล้ว ว่าถ้าท่านออกโรงต้องสำเร็จ"จั๋วซือหรานเอียงหัวไปทางด้านหลัง "คนของท่าน พากลับมาไม่ขาดแม้แต่คนเดียว บาดเจ็บไปหลายคน แต่ก็ไม่ได้หนักหนาอะไร""ดี!" อิงเซ่าพยักหน้า พูดต่อกันว่า "ดีดีดีมาก!"ตอนนี้ อันที่จริงอย่าว่าแต่เหล่าขุนนางชนชั้นสูงกับพวกราชวงศ์ที่ออกันเต็มประตูเมืองเลยกระทั่งเหล่าประชาชนที่มามุงดูก็ยังเข้าใจ ว่าแม่

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 925

    ดวงตาซือคงอวี้ถลึงโต ลูกตาค่อยๆ พร่ามัวและชายหนุ่มที่ใบหน้าหล่อเหลาชั่วร้ายนี้ ก็ปัดเศษเลือดที่กระเซ็นมาติดชายเสื้อออกไปอย่างไม่แยแสเขารูปร่างโปรง สูงเพรียว แต่ไม่ได้ดูแข็งแรงนัก ดูแล้วผอมไปบ้างแต่กระดูกรูปหน้าดี ดังนั้นใบหน้าจึงดูดีมาก บวกกับผิวที่ขาว จึงให้ความรู้สึกที่เย็นชาดูจากใบหน้าแล้ว ไม่ได้มีเอกลักษณ์ของคนแดนใต้มากนัก ถ้าหากบวกกับผิวสีขาวเข้าไป ก็ยิ่งไม่เกี่ยวกันกับผิวสีคล้ำค่อนดำที่เห็นได้บ่อยๆ ของคนแดนใต้แล้วแต่ผมสีแดงเข้มบนหัว ก็ดูไม่เหมือนกับต้าชางเลยเสื้อผ้าบนตัวเขา สีใกล้เคียงกับสีผมเขามาก ในที่ที่มีแสงน้อย ก็เหมือนจะกลืนกันจนเป็นสีดำแต่ถ้ามองในที่ที่สว่างหน่อย ก็จะดูเป็นสีแดงเข้มคล้ายเลือดและตอนนี้ เหล่าทหารเดนตายของชินอ๋องอวี้...ที่ก่อนหน้านี้ไม่รู้ถอยหนีกระจายกันไปที่ไหน กลับล้อมวงกันเข้ามา"นายท่าน"พวกเขาทยอยกันคุกเข่าข้างหนึ่งชายหนุ่มร้องอืมขึ้น จากนั้นจึงยื่นมือไปดึงคอเสื้อของซือคงอวี้ ลากเขาเดินไปด้านหน้าทหารเดนตายคนหนึ่งเอ่ยขึ้นทันที "นายท่าน ให้ข้าน้อยช่วยเถิด?"ชายหนุ่มกลับโบกไม้โบกมือไม่สนใจ "ไม่ต้อง เดี๋ยวจะทำตะปูวิญญาณข้าเสียหาย"เหล

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 924

    ในใจฮาร์วีย์คิดถึงความเป็นไปได้หนึ่ง คิ้วเลิกขยับขึ้นเบาๆ ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกจั๋วซือหรานเห็นสีหน้าเขา ยังคิดว่าเขาจะพูดอะไรอีก คิดไม่ถึงว่าจะไม่พูดอะไรออกมาเลยไม่พูดก็ไม่พูด ถึงอย่างไรก็ไม่ได้รีบร้อนที่จุดนี้จั๋วซือหรานรอการตัดสินใจขององค์จักรพรรดิเฒ่า แค่ครู่เดียว รองแม่ทัพก็เข้ามารายงาน อธิบายถึงเจตนาขององค์จักรพรรดิเฒ่ารองแม่ทัพบอกว่า "ฝ่าบาทตรัสว่า ให้เดินหน้าต่อได้เลย"จั๋วซือหรานพยักหน้าเล็กน้อย ไม่ได้รู้สึกเกินคาดอะไรกับคำตอบนี้ แค่ตบลงบนตัวแมงมุมน้อยเบาๆไม่มีอะไรเกินคาด นับแต่โบราณองค์จักรพรรดินั้นปราศจากความเมตตาที่สุดมาตลอดตอนที่โปรดปรานเจ้า ก็อยากจะให้เจ้าเป็นองค์รัชทายาทจนตัวสั่น แต่พอความโปรดปรานนี้หายไป แค่ศพก็ไม่อยากจะเก็บกลับไปแมงมุมของจั๋วซือหรานนำทางอยู่ด้านหน้า ขบวนรถม้าเคลื่อนตามนางอยู่ด้านหลังซือคงอวี้แผ่อยู่บนพื้น เขาคลานไปบนพื้นสายตาจับจ้องไปยังทิศทางที่ขบวนรถม้าจากไป มองรถม้าที่คลุมด้วยสีเหลืองคันนั้นห่างออกไปเรื่อยๆมุมปากเขาขยับ แต่ก็ไม่อาจะตะโกนเรียกได้แล้ว เหลือเพียงแต่เสียงที่อ่อนแอ"เสด็จพ่อ...เสด็จพ่อ..." หางตาซือคงอวี้มีน้ำตาหลั่งอ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 923

    จากที่คนอื่นเห็นชินอ๋องคนหนึ่ง ต่อให้จะทำความผิดพลาดครั้งใหญ่แค่ไหน ก็ยังต้องให้ผู้ปกครองสูงสุดแห่งราชวงศ์ ผู้เป็นจักรพรรดิมาลงโทษแต่ไม่ใช่นางที่เป็นหญิงสาวคนหนึ่ง ลงมาสังหารโดยที่ตาก็ไม่กระพริบนางช่างอาจหาญเสียจริง!เหมือนกับชายหนุ่มที่เด็ดเดี่ยวซึ่งไม่เคยหันกลับไปมองฉากระเบิดด้านหลังอย่างไรอย่างนั้นจั๋วซือหรานพอลงมือก็ลงมือ ขี้เกียจจะหันกลับไปมองหลายรอบนางหิ้วขลุ่ยดินเผาเลานั้น เดินกลับไปตรงหน้าราชาแมงมุมหน้าผี กระโดดขึ้นไปบนหลังมันฮาร์วีย์ที่อยู่ข้างๆ เนื่องจากเป็นเชลยของจั๋วซือหราน ดังนั้นจึงอยู่ใกล้นางมากก่อนหน้านี้เห็นขั้นตอนทั้งหมดกับตา ดังนั้นตอนนี้จึงยังคงตกตะลึงอยู่จั๋วซือหรานจ้องมองขลุ่ยดินเผาในมือพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง จึงแหงนตามองฮาร์วีย์ "นี่คืออาวุธกู่นั่นใช่ไหม?"ฮาร์วีย์พยักหน้า "ใช่แล้ว"จั๋วซือหรานมองสัญลักษณ์ดอกถูหมีนั่น มุมปากนางก็ยกขึ้น นิ้วมือควบพลังวิญญาณ จัดการลบสัญลักษณ์ดอกถูหมีบนขลุ่ยดินเผานั้นออกอย่างไม่ปราณีพอเห็นการกระทำที่อหังการเช่นนี้ของนาง ฮาร์วีย์ประหลาดใจหน่อยๆ แต่ก็เหมือนไม่ได้รู้สึกเกินคาดเท่าไรฮาร์วีย์เอ่ยขึ้นอย่างจนใจ "แม่นา

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 922

    และนางเองก็ไม่ใช่ว่าจะไปเด็ดหัวศัตรู แต่แค่ทำเหมือนเข้าไปเด็ดดอกไม้สดดอกหนึ่งอย่างไรอย่างนั้นนักรบเดนตายของซือคงอวี้เหล่านั้น ก็ไม่รู้ว่าเพราะเห็นซือคงอวี้ไม่ดิ้นรนเหมือนคนที่ใกล้จะตายแล้ว หรือว่าเพราะยังตกใจกับการโจมตีก่อนหน้าของจั๋วซือหราน จึงทำให้คนไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม?สรุปคือ แม้พวกเขาจะมีท่าทีระแวดระวังอยู่ตลอด กลับไม่กล้าคิดจะทดลองลงมืออะไรกับจั๋วซือหรานแน่นอน และอาจจะเพราะรู้ว่าตนเองสู้ไม่ไหวจั๋วซือหรานเดินไปอยู่ตรงหน้าซือคงอวี้อย่างราบรื่นพอเห็นว่าเหล่าทหารเดนตายรอบๆ ทำได้แค่ระแวดระวัง ไม่มีท่าทีว่าจะโจมตีอะไร จั๋วซือหรานจึงยกริมฝีปากหัวเราะขึ้นมา "เป็นตัวเลือกที่ฉลาด"จากนั้น จั๋วซือหรานก็คุกเข่าลงมาตรงหน้าซือคงอวี้นางกอดเขานั่งยองลงมาตรงหน้าซือคงอวี้ ก้มลงมองดูเขา...ซือคงอวี้ถลึงสองตาที่เต็มไปด้วยเส้นเลือด จ้องเขม็งยังจั๋วซือหรานแต่ตอนนี้เอง ท่าทางกับสายตาของจั๋วซือหรานก็ทำให้เขาเกิดเข้าใจผิด ราวกับว่า...นางไม่ได้กำลังมองเขา แต่ว่า...แต่ว่ากำลังมองมดปลวกบนพื้นตัวหนึ่ง"เจ้า..." ซือคงอวี้ส่งเสียงออกมาอย่างยากลำบาก เขารู้ว่าตนเองตกที่นั่งลำบากแล้วเช่นนั้น

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status