แชร์

บทที่ 351

ผู้แต่ง: หูเทียนเสี่ยว
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
จั๋วซือหรานยิ้มเบา ๆ นางมองเหยียนฉี แต่ไม่พูดอะไร

เดิมทีเหยียนฉี กำลังรอนางพูดก่อน ไม่ว่านางจะพูดอะไร ไม่ว่าจะเป็นการตำหนิหรือการละเมิด อย่างน้อยเขาก็สามารถรับมือกับอารมณ์ของนางได้

แต่จั๋วซือหรานไม่ได้พูดสักคำ ดูเหมือนนางอยู่นิ่งเฉย แต่การนิ่งเฉยของนางดูเหมือนกลายเป็นฝ่ายกระทำ

เหยียนฉีรอไปครู่หนึ่ง แต่จั๋วซือหรานยังไม่คงเงียบเช่นเดิม

เหยียนฉีพูดด้วยการขอโทษ " แม่นางจิ่วขอรับ ข้าทราบทุกเรื่องแล้วขอรับ ข้าต้องขออภัยจริง ๆ ข้าเพิ่งทราบผู้อาวุโสห้าฟังคำพูดของลุงเจ็ดและเหยียนหยี่หลิง และทำเรื่องที่ทรยศแม่นางจิ่วเช่นนี้"

ใบหน้าของเหยียนฉีแสดงถึงการขอโทษอย่างจริงใจ ในการขอโทษของเขายังมีความเป็นห่วงอย่างเร่งรีบของเขา " แม่นางจิ่วสบายดีอยู่ไหมขอรับ อาการบาดเจ็บของแม่นางเป็นอย่างไรบ้าง อาการร้ายแรงไหมขอรับ"

จั๋วซือหรานไม่รีบตอบคำถามเหล่านี้ ดังนั้นนางจึงยืนโดยประสานมือพาดหน้าอกเพื่อมองเหยียนฉี

เหยียนฉีสับสนเล็กน้อยกับท่าทางของจั๋วซือหราน หราน " แม่นางจิ่ว...ไม่เชื่อคำพูดของข้าหรือ"

จั๋วซือหรานยิ้มเบา ๆ ในที่สุดนางพูดว่า "ข้าอยากลองเชื่อใจคุณชายเหยียนจริง ๆ แต่ผลลัพธ์ที่ได้... ดูเหมือนจะไ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 352

    จากระยะไกล ๆ นางเห็นร่างที่สวยงามกำลังมาที่สวนหลังบ้าน นั่นคือคุณหนูเจ็ดของตระกูลเหยียน เหยียนหยี่หลิงและคนที่เดินตามนางอย่างใกล้ชิดคือฉวนคูนฉวนคูนพูดซ้ำ ๆ "คุณหนูท่านนี้ คุณหนูไม่ควรเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตขอรับ โปรดหยุดฝีเท้าขอรับ"แต่ดูเหมือนหยี่หลิงไม่สนใจฉวนคูนเป็นคนเลย นางสะบัดมือ และผลักฉวนคูนออกไปฉวนคูนเป็นเพียงคนรับใช้ในบ้านโดยไม่มีการฝึกฝนใด ๆ เขาเป็นเพียงคนรับใช้ในบ้านธรรมดา ๆ เขาทนแรงผลักเช่นนี้ได้อย่างไร เขาบินออกและล้มลงกับพื้นอย่างแรงจั๋วซือหรานจ้องมองไปในทิศทางของฉวนคูน ทันทีที่ฉวนคูนกำลังจะล้มบนพื้น จู่ ๆ หญ้าบนพื้นสูงขึ้นและหนาขึ้นอย่างมากหญ้าเหล่านั้นช่วยรับฉวนคูนไว้ เพื่อไม่ให้เขาล้มบนพื้นอย่างแรงเหยียนหยี่หลิงมุ่งความสนใจไปที่จั๋วซือหราน นางไม่ได้สนใจคนรับใช้ที่ถูกนางโยนออกไปในก่อนหน้านี้มากนัก ใครกันแน่กล้าห้ามนางแต่เหยียนฉีสังเกตการกระทำของจั๋วซือหรานแล้ว ฉากสั้น ๆ นั้นทำให้เขาตกใจอย่างมากเหยียนหยี่หลิงเดินเข้ามาด้วยการเยาะเย้ย นางมองไปที่ จั๋วซือหราน " จั๋วจิ่ว ทำไม เจ้ากล้าให้ท่านพี่ของข้ามาขอโทษเจ้าได้อย่างไร เจ้าเป็นผู้ทรยศต่อตระกูลของตัวเอง

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 353

    เสียงที่คมชัดขัดจังหวะเสียงของเหยียนหยี่หลิงเสียงของนางหยุดอย่างกะทันหัน สีหน้าของนางแข็งทื่อ ดวงตาของนางตกใจจนต้องเบิกกว้าง และนางไม่กระพริบตาเลยด้วยซ้ำ ดูเหมือนนางมืนงงอย่างมากผมยาวของนางปลิวไปตามสายลมและปลิวไสวบนใบหน้าของนางปิ่นปักผมที่หักหลุดออกจากศีรษะ และชิ้นส่วนนั้นทำบาดบนใบหน้าของนางเบา ๆใบหน้าของเหยียนหยี่หลิงซีดลง และนางก็นิ่งเฉย นางไม่ทราบด้วยซ้ำว่า จั๋วซือหรานลงมือเมื่อใดและลงมืออย่างไรจากนั้นนางได้ยินเสียงปัง และปิ่นปักผมของนางก็แตกเป็นชิ้น ๆ และหลุดบนพื้นผมของนางถูกปล่อยทันทีกระบวนการนี้ทำให้นางหวาดกลัว นางกลัวเพราะนางไม่ทราบเรื่องเกิดขึ้นได้อย่างไรจั๋วซือหรานไม่ได้มองเหยียนหยี่หลิง แต่มองเหยียนฉี อย่างไร้ความรู้สึก นางพูด "หากนางไม่ไปจากนี้อีก การโจมตีครั้งต่อไปจะตกใส่หัวนางโดยตรง"เหยียนฉีตกตะลึงอย่างมากเช่นกัน เขารู้สึกคอแห้งเพราะเขาตกใจอย่างมาก“เจ้าอย่าโกรธเลย ข้าจะพานางไปเดี๋ยวนี้” เหยียนฉีพูดจบ แล้วรีบดึงเหยียนหยี่หลิงไว้ก่อนหน้านี้ เหยียนหยี่หลิงยังค่อนข้างจะหยิ่งเล็กน้อย นางทำตัวหยิ่งเพราะนางทราบจั๋วซือหรานถูกสั่งสอนแล้ว แต่ตอนนี้... ดูเหมือนน

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 354

    ช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดีจริง ๆ ตระกูลจั๋วอาจมีการกระทำใด ๆ ในอนาคตแต่ในขณะนี้ เหยียนฉีไม่มีเวลาลึกว่านี้อีกต่อไปเพราะจั๋วซือหรานไม่อยากพูดเรื่องไร้สาระกับพวกเขาอีกแล้ว เนางพูดอย่างไร้ความรู้สึก "ข้านับถึงสาม เหยียนหยี่หลิง หากเจ้ายังไม่หายไปจากสายตาของข้า กะโหลกของเจ้าจะแตกสลายเหมือนปิ่นปักผมอันเมื่อครู่นี้"เหยียนหยี่หลิงหวาดกลัว นางรีบลากเหยียนฉีออกไปก่อนที่เหยียนฉีจะจากไป เขาเพียงมองจั๋วซือหรานอย่างลึกซึ้งและซับซ้อนเพียงแต่ว่าจั๋วซือหรานไม่สังเกตสายตาอันซับซ้อนนี้เลย นางเพียงแค่หลับตาและหาวหลังจากพวกเขาจากไป ฉวนคูนก็รีบวิ่งเข้ามา เขาปัดฝุ่นบนร่างกายของเขา "คุณหนู คุณหนูขอรับ ขอบคุณคุณที่ช่วยข้าไว้ขอรับ"จั๋วซือหรานเหลือบมองเขาฉวนคูนยิ้มและพูดต่อ "ข้ายังสงสัยอยู่เลยว่า ทำไมจู่ ๆ หญ้าก็หนาขึ้น และข้าล้มบนนั้นก็ไม่เจ็บอีกเลย ปรากฎว่าคุณหนูปกป้องข้าอยู่ขอรับ"จั๋วซือหรานเลิกคิ้ว "เจ้าทำงานให้ข้า แน่นอนว่าข้าต้องปกป้องเจ้า แต่นี่ เจ้า..." จั๋วซือหรานขมวดคิ้ว "ชายร่างใหญ่ช่างอ่อนแอเหลือเกิน วันหลัง เจ้าฝึกฝนกับจั๋วหวาย และฝูซูเลย"“ฮะ” ฉวนคูนพริบตา“โอ้ ใช่แล้ว พาเด็กฉลา

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 355

    จั๋วซือหรานสั่งฉวนคูนทุกเรื่อง จากนั้นนางไม่ได้กลับไปนอนที่ห้องขนางคิดครู่หนึ่ง จากนั้นไปที่ห้องของท่านแม่ดวงตาของอวิ๋นเหนียงกระพริบ เห็นได้ชัดว่านางอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่นางไม่ทราบจะพูดอย่างไรจั๋วซือหรานไม่รีบร้อน นางรออย่างเงียบ ๆหลังจากนั้นไม่นาน อวิ๋นเหนียงจึงอ้าปากพูด " หรานหราน เมื่อครู่นี้ คนของตระกูลเหยียนมาหาเรื่องลูก แม่ได้ยินหมดแล้ว"“เจ้าค่ะ” จั๋วซือหรานนั่งเตียงนอน นางยิ้มและมองท่านแม่ของนาง จริง ๆ แล้วนางทราบท่านแม่ของนางจะพูดอะไร แต่นางแค่อยากรอท่านแม่ของนางอ้าปากพูดเองจั๋วซือหรานไม่กลัวท่านแม่ขออะไรกับนาง ยิ่งกว่านั้น นางรู้สึกดีใจอย่างมากหากท่านแม่ของนางขออะไรจากนาง นางยินดีที่จะให้ท่านแม่ของนางสมปรารถนานางรู้สึกนี่อาจเป็นความเห็นแก่ตัวในส่วนของนาง เพราะได้ยึดครองร่างของลูกสาวของอวิ๋นเหนียง ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วนางจึงต้องดแลอวิ๋นเหนียงในฐานะลูกสาวของอวิ๋นเหนียง ซึ่งถือเป็นการชดเชยสำหรับเจ้าของร่างเดิมเอาเป็นว่านี่เป็นผลตอบแทนสำหรับการดูแลของอวิ๋นเหนียงแต่อวิ๋นเหนียงไม่ได้พูดอะไรมาเป็นเวลานาน นางไม่กล้าเรียกร้องอะไรจากลูกสาวของนางจริง ๆ เพราะนางทราบดี

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 356

    อวิ๋นเหนียงรู้สึกเจ็บใจ นางตอบเบา ๆ “เอาล่ะ แม่รู้ หากลูกง่วง นอนเลยลูก แม่จะเฝ้าลูก”จั๋วซือหรานฮัมด้วยความงุนงง นางหลับไปอย่างรวดเร็วโดยไม่พลิกตัวเลยสักนิดนางต้องยอมรับการที่ให้ท่านแม่ค่อย ๆ สัมผัสศีรษะของนาง และเกลี้ยกล่อมนางด้วยคำพูดที่อ่อนโยนนั้นช่างถูกสะกดจิตจริง ๆแม้ในขณะที่นางหลับ จั๋วซือหรานก็ไม่ได้เกียจคร้านทันทีที่นางหลับตา นางก็เข้าไปในพื้นที่ของแหวนเสวียนเหยียน นางถือถุงผ้าอยู่ในมือ นี่คือทรัพสินท์อุดหนุนที่ สำนักงานใหญ่ของตระกูลมอบให้นางเมื่อนางถอนตัวออกจากสำนักงานใหญ่ของตระกูล และของขวัญหมั้นบางชิ้นที่ที่ตระกูลเฟิงส่งมา นางค้นหาในรายการของของขวัญพวกมันล้วนเป็นเมล็ดพันธุ์สมุนไพรวิเศษ เมื่อนางได้รับพวกมัน จั๋วซือหรานก็โยนพวกมันเข้าไปในพื้นที่ของแหวนเสวียนเหยียนเป็นเพราะนางรู้สึกว่าหลังจากนางได้พบเจอเฟิงเหยียน แล้ว แหวนเสวียนเหยียนก็ตามข้ามมายังโลกใบนี้ และพื้นที่เก็บของของแหวนเสวียนเหยียนก็ถูกเปิดออก และคลังพลังก็ปรากฏขึ้นเช่นกันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จั๋วซือหรานรู้สึกว่าสักวันหนึ้ง พื้นที่น้ำพุวิเศษต้องถูกเปิดแน่ ๆตามที่คาดไว้ ตอนที่นางอยู่จวนจั๋ว เพื่อเต่อสู

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 357

    จั๋วซือหรานใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาอันสั้นที่นางนอนเพื่อเฝ้าดูเมล็ดพืชที่กระจัดกระจายแบบสุ่มในพื้นที่น้ำพุวิเศษของนาง นางเห็นเมล็ดที่นางโบรยลงดินเติบโตไปเรื่อย ๆการเจริญเติบโตนั้นน่ายินดีจริง ๆจั๋วซือหรานนั่งอยู่ที่นั่นและเฝ้าดู นางอดไม่ได้ที่ต้องพึมพำกับตัวเองว่า "ลืมไปเถิด ทำไมต้องเป็นคุณหมอ ทำงานหนักมากและไม่มีเงินเลย และหากรักษาไม่หาย ยังถูกคนไข้ด่าอีก...เป็นพ่อค้าขายวัสดุยา ทำธุรกิจค้าวัสดุยาละกัน เงินเยอะ ไม่ยุ่งยากด้วย"ในเวลาเดียวกันฉวนคูนยืนอยู่บนดินที่เขาเพิ่งขุดออกในเมื่อสองสามวันก่อน เขาได้พลิกกลับและคลายดินเมื่อเขาเห็นพืชอันสีเขียวโตขึ้นสูงมาก เขาตกใจอย่างมากเขาไม่สามารถแม้แต่จะยืนนิ่งได้ เขาสะดุดกลับและล้มลงกับพื้นในที่สุดฉวนคูนจึงเข้าใจว่าก่อนหน้านี้ ทำไมคุณหนูถึงพูดเช่นนั้นกล่าวคือไก่ไม่มีมือ มิฉะนั้น ไก่ก็สามารถทำงานประเภทนี้ได้แม้ว่าแค่โบรยข้าวกำหนึ่งก็ตามตอนที่ฉวนคูนได้ยินคำพูดนี้ เขายังคิดอยู่คุณหนูล้อเขา แต่เขาไม่คาดคิด...“คุณหนูไม่ได้โกหกจริง ๆ ไม่ได้โกหกสักคำเลย...” ฉวนคูนเอามือจิกตรงกลางของริมฝีปากชั้นบนของตัวเอง หากเขาไม่ทำเช่นนั้น เขาจะรู้สึกต

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 358

    เมื่อพูดถึงจุดนี้ จั๋วซือหรานไม่ได้พูดต่อนางไม่ได้ขึ้นรถม้า แต่นำม้าออกมาโดยตรง นางขี่ม้าและมุ่งหน้าไปยังหอหลวงหอหลวงเป็นตำหนักหลวงที่ตั้งอยู่ในชานเมืองทางตอนเหนือของเมืองหลวง หอหลวงมีพื้นค่อนข้างใหญ่ในนี้มีศาลาต่าง ๆ และมีสวนทุกประเภท ไม่เพียงแต่มีครูที่คอยสอนนักเรียนเท่านั้น แต่ยังมีผู้เชี่ยวชาญในการสอนศิลปะการต่อสู้อีกด้วยผู้ที่สามารถเรียนที่นี่ได้อาจเป็นลูกหลานของสมาชิกราชวงศ์ คุณชายหรือคุณหนูแห่งตระกูลขุนนางต่าง ๆแต่จริง ๆ แล้วลูกหลานของตระกูลต่าง ๆ ไม่โอกาศน้อยมากที่สามารถเข้ามาเรียนที่นี่ได้ อาจพูดได้ว่า มีจำนวนน้อยมาก ด้วยเหตุนี้เมื่อ เมื่อจั๋วซือหรานได้สิทธิ์ที่เข้ามาเรียนในหอหลวงจากไทเฮา ผู้อาวุโสของตระกูลจั๋วจึงบังคับนางสละสิทธิ์แม้ว่ามีลูกหลานไม่กี่คนของตระกูลต่าง ๆ มาเรียนที่นี่ แต่พวกเขาต่างมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับลูกหลานของขุนนางและราชวงศ์ดังนั้นคุณชายและคุณหนูเหล่านี้ที่กำลังศึกษาอยู่ในหอหลวงจึงทราบเหตุการณ์ล่าสุดของจั๋วซือหรานและตระกูลจั๋วเป็นอย่างดีพวกเขารู้อยู่แล้วว่าจั๋วซือหรานได้สิทธิ์ที่เข้ามาศึกษาที่หอหลวง เดิมทีพวกเขากำลังรอผู้หญิงที่หยิ่งยโสและป

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 359

    เมื่อจั๋วซือหรานมาถึงหอหลวง จั๋วหวายกำลังยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่นอกห้องเรียน เขากำลังยกมือขึ้นสูงเพื่อไตร่ตรองใบหน้าของเขายังคงมีรอยฟกช้ำอยู่บ้าง แต่สีหน้าของเขาไม่มีความน้อใจใด ๆในทางกลับกัน ในห้องเรียนด้านข้าง ใบหน้าของลูกหลานของราชวงศ์และขุนนางหลายคนช้ำและบวม น่าสังเวชมากกว่าของจั๋วหวายหลายเท่าชิ่งหมิงยืนอยู่ข้าง ๆ จั๋วหวาย คิ้วอันบอบบางของเขาขมวดแน่น เขาถามด้วยเสียงต่ำ " เสี่ยวหวาย ทำไมเจ้าไม่ให้ข้า... ลงมือจัดการพวกเขา"จั๋วหวายยิ้มแม้จะมีรอยช้ำเล็กน้อยบนใบหน้าก็ตาม" ชิ่งหมิง เจ้าต่อสู้เก่ง หากเจ้าลงมือจัดการพวกเขา พวกเขาต้องรับบาดเจ็บสาหัส แล้วเราจะไม่เป็นฝ่ายที่ถูกต้อง นอกจากนี้ ตัวตนภายนอกของเจ้าในปัจจุบันยังเป็นเด็กรับใช้เมื่อคุณชายเรียนหนังสือ หากเด็กรับใช้อลงมือและทำร้ายพวกเขา จะถือเป็นล่วงเกินตัว สถานการณ์ของเราคงจะลำบากกว่าตอนนี้อีกขอรับ”“แต่ตข้าสู้กับพวกเขา จะเป็นคนละเรื่อง อย่างมากก็เป็นแค่ความขัดแย้งระหว่างเพื่อนร่วมชั้น ประการแรก คำพูดของพวกเขาไม่เป็นที่พอใจ อีกอย่าง พวดเราแค่ใช้หมัดกัน จะชนะหรือแพ้ มันไม่สำคัญ และข้ามองออก พวกเขาสู้ข้าไม่ได้หรอก”“เชอะ พวกเขา

บทล่าสุด

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 728

    “นี่ฝูซูกับเฮยหลิงยังไว้หน้าพวกเจ้าอยู่นะ ถึงยังไม่จับตะเกียบ ไม่อย่างนั้นพวกเจ้าแค่น้ำแกงก็ไม่ได้ชิมด้วยซ้ำ” เจี่ยงเทียนซิงวางตะเกียบลงหัวเราะฮั่วจือโจวไม่อยากเชื่อ ถามขึ้นว่า “นี่คือของที่แม่นางจั๋วจิ่วทำหรือ? จริงหรือเปล่า?”“เป็นของที่คุณหนูข้าทำเอง” ฝูซูพยักหน้าอินเจ๋ออันมองเขา ถามขึ้นว่า “คุณชายฮั่ว ยอมรับแล้วหรือยัง?”ฮั่วจือโจวถอนหายใจเบาๆ พยักหน้าเจี่ยงเทียนซิงเห็นท่าทางแขกยึดครองตำแหน่งเจ้าภาพของอินเจ๋ออันแล้วก็หัวเราะพรวดขึ้นมา “เปาน้อย เจ้าเองก็ไว้หน้าตัวเองหน่อยดีไหม คำพูดนี้ข้าต่างหากที่ควรถาม? เจ้าน่ะยอมรับแล้วหรือยัง?”“ถ้าข้าไม่ยอมรับ แล้วข้าจะเอาเงินมาให้พวกเจ้าด้วยตัวเองทำไมกัน?!” อินเจ๋ออันจ้องอย่างมาดร้ายไปทางเจี่ยงเทียนซิงตัวเขาเองอาจจะไม่ทันสังเกต ว่าตนเองกระทั่งลืมไปแล้วว่าต่อต้านชื่อเรีย ‘เปาน้อย’ อยู่เฟิงหร่านนั่งอยู่ข้างๆ ไม่พูดอะไรมาตลอด สนใจแค่การกินอาหารบนโต๊ะอย่างรวดเร็วราวพายุดูดเท่านั้นนางกินไปด้วย พิจารณาชายหนุ่มสามคนนี้ไปด้วยในใจจู่ๆ ก็เกิดความรู้สึกวิตกกังวลขึ้นมาเฟิงหร่านเกิดวิตกกังวลขึ้นมาแทนพี่ชายตนเอง นางชื่นชมในใจ พี่หญิงจั๋วน

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 727

    สายตาฮั่วจือโจวมองจั๋วซือหรานอย่างลึกซึ้งตระกูลขุนนางเหล่านี้ล้วนเป็นแบบเดียวกัน จั๋วซือหรานเองก็เดินออกมาจากตระกูลขุนนาง ดังนั้นจึงเข้าใจเป็นอย่างดีต่อให้ทุกคนจะเป็นลูกหลานในตระกูลเหมือนกัน และก็จะมีพวกลูกหลานที่ได้รับการปฏิบัติกับให้ความสำคัญมากกว่า และก็จะมีลูกหลานที่ถูกมองข้ามหรือเมินเฉยแต่นี่ก็จะขึ้นอยู่กับฝีมือของรุ่นพ่อและฝีมือของตนเองดูจากจั๋วซือหรานแล้วมองออกไม่ยาก กระทั่งฝีมือของรุ่นพ่อก็ยังไม่แน่ว่าจะสำคัญ เพราะพ่อของนางนั้นไม่อยู่มานานแล้วมีเพียงฝีมือของตนเองที่ถูกให้ความสำคัญมากที่สุดดังนั้นในฐานะที่เป็นลูกหลานในตระกูล หากคิดจะได้รับการให้ความสำคัญของตระกูล อย่างน้อยก็ต้องทำผลงานออกมาให้ได้สถานการณ์ของฮั่วจือโจวตอนนี้ก็น่าจะเป็นเช่นนี้เขามีฝีมืออยู่บ้าง และมีอุดมการณ์ของตนเองด้วยเช่นกัน แต่ก็จำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ จะตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามไม่ได้เพราะในตระกูลเช่นนี้ คนมากมายล้วนเป็นแบบเดียวกัน โอกาสอาจจะมีแค่ครั้งเดียว ถ้าทำผลงานไม่ได้ หลังจากนี้ทรัพยายากรก็อาจจะไม่เอนมาทางเขาอีกแล้วจุดนี้ จั๋วซือหรานไม่ลังเลที่จะพูดออกมาสายตาฮั่วจือโจวหยุดอยู่ที่แ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 726

    จั๋วซือหรานยิ้มๆ “ก็ต้องตั้งแต่ตอนที่เจ้าตามพวกเราเข้ามาแล้วน่ะสิ”ฮั่วจือโจวลุกขึ้นยืน เดินตรงเข้ามาทางนี้ นั่งลงข้างโต๊ะพวกเขา“เมื่อครู่แผนของแม่นางจิ่ว ข้าได้ยินแล้ว” ฮั่วจือโจวเองก็ไม่ปิดบัง พูดออกมาตรงๆเขาพูดประโยคนี้ออกมา ก็หวังว่าจั๋วซือหรานจะไม่ต้องมาเสียเวลาคิดมากในเรื่องนี้แล้วแต่ฮั่วจือโจวคิดไม่ถึงว่าจั๋วซือหรานจะพูดว่า “ข้าจงใจพูดออกมาให้เจ้าได้ยิน”สีหน้าฮั่วจือโจวตกตะลึงไปทันที “อะไรนะ?”จั๋วซือหรานยิ้มตาโค้งเอ่ยขึ้นว่า “คุณชายสามฮั่วฟังแผนการของข้าแล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง?”“ไม่เลว” ฮั่วจือโจวตอบ “มิน่าสี่ตระกูลที่เหลือจึงมองเจ้าเป็นหนามยอกอก”รอยยิ้มบนหน้าจั๋วยังไม่จางหาย “ถ้าข้าไม่จงใจพูดให้เจ้าได้ยิน แล้วจะกล่อมให้เจ้ามาร่วมมือได้อย่างไรกัน?”“ร่วมมือ?” ฮั่วจือโจวตกตะลึงจั๋วซือหรานตอบ “อืม ข้าไม่มีเจตนาจะทำให้ตระกูลฮั่วต้องลำบากใจ ถ้าแค่ตระกูลฮั่วไม่ทำให้ข้าลำบากใจน่ะนะ แต่ข้าเองก็เข้าใจ บุ่มบ่ามไปแย่งธุรกิจของคนอื่น ดูแล้วยังไงก็ไม่เหมาะสม และยังเป็นในสถานการณ์ที่ข้ามั่นใจว่าข้าคว้ามันมาได้ด้วย”ฟังคำพูดนี้ของจั๋วซือหรานแล้ว ฮั่วจือโจวก็หัวเราะขึ้นมา เขาก

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 725

    “ทำให้มันคึกคักขึ้น?” เฟิงหร่านตาเป็นประกาย ความชื่นชมต่อตัวจั๋วซือหรานของนางไม่ได้แค่นิดหน่อยแล้วตอนนี้มองจั๋วซือหรานด้วยตาเป็นประกาย “พี่หญิงจั๋ว จะทำให้มันคึกคักขึ้นได้อย่างไรหรือ?”จั๋วซือหรานคิดๆ เอ่ยขึ้นว่า “วิธีการมีอยู่เยอะเลยทีเดียว ก็ให้เจ้าไปแสดงพ่นไฟ เฮยหลิงไปแสดงหน้าอกทลายหินอะไรแบบนั้น หรือไม่ข้าก็ให้พวกแมลงไปแสดงละครหุ่นกระบอก? ต้องสนุกคึกคักแน่ๆ...”“พ่น พ่น...พ่นไฟ??” ในสายตาเฟิงหร่านเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อก็จริง สำหรับนางที่เป็นคุณหนูลูกขุนนางเช่นนี้ทุกการกระทำทั้งหมดของจั๋วซือหราน กระทั่งแค่ลมหายใจของนาง ก็ดูจะผิดแปลกไปจากคนอื่นๆ ในตระกูลขุนนางเหล่านั้น “พ่นไฟเป็นไหม? ถ้าไม่เป็นเดี๋ยวไว้ข้าหาเวลาสอนเจ้า” จั๋วซือหรานวางตะเกียบลง “สรุปคือ ถ้าถึงเวลาต้องเปิดกิจการ ก็หาการแสดงอะไรมา จากนั้นพอเปิดร้านก็เตรียมการให้ลูกค้าแต่ละโต๊ะหลังจากที่กินอาหารเสร็จ ก็มอบอาหารเพิ่มให้อีกหนึ่งจานแบบไม่ต้องจ่ายเงินอะไรแบบนี้”“ประชาชนกินเพื่ออยู่ ขอแค่ของอร่อย ยังต้องกลัวว่าจะไม่มีใครมาอีกหรือ” จั๋วซือหรานคิดคิด เอ่ยต่อว่า “ไหนจะเรื่องที่อาหารของที่นี่รสชาติแย่แค่ไหน น่าจะไ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 724

    จั๋วซือหรานตอบ “เดี๋ยวเจ้าลองชิมก็รู้แล้ว...”ผ่านไปครู่หนึ่ง อาหารก็ส่งขึ้นมา หน้าตาแย่เอามากๆเจี่ยงเทียนซิงจึงเพิ่งได้ยินประโยคหลังของจั๋วซือหราน “...ไม่ใช่ห่วยแตกแบบธรรมดาด้วย”เจี่ยงเทียนซิง “...”เฟิงหร่าน “...”ฝูซู “...”เฮยหลิง “...”ทุกคนทยอยกันพูดไม่ออกจั๋วซือหรานหยิบตะเกียบขึ้นมา คีบคำหนึ่งส่งเข้าปาก หลังจากเคี้ยวไปสองคำ ก็ขมวดคิ้วขึ้นมา “พวกเจ้าลองชิมสิ ห่วยแตกแบบไม่ธรรมดาจริงๆ”เฮยหลิงยังพอไหว ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้ก็ใช้ชีวิตยากลำบากมาแล้ว ขยับตะเกียบ หลังจากกินคำแรกไปเห็นได้อย่างชัดเจน ว่าเขาเหมือนจะโกรธขึ้นแล้วเฟิงหร่านเองพอเห็นสถานการณ์ จึงวางตะเกียบลงเงียบๆเจี่ยงเทียนซิงถาม “เจ้าหิวแล้ว แต่จงใจมายังร้านอาหารที่รสชาติแย่หรือ?”จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้น “ลองชิมดูก่อน แบบนี้ภายหลังจะได้มีความแตกต่าง”เจี่ยงเทียนซิงก็เชื่อฟังคำพูดของนาง คีบขึ้นมาพอส่งเข้าปาก จึงเพิ่งมีปฏิกิริยากับคำพูดของจั๋วซือหราน “...ภายหลัง?”ตอนนี้เอง อะไรบางอย่างที่อยู่ในปาก ในที่สุดก็ทำเอาประสามรับรสของเขาถูกปะทะอย่างรุนแรง“ถุด” เจี่ยงเทียนซิงพ่นอาหารในปากออกมา รู้สึกว่าคำวิจารณ์ก่อน

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 723

    พอได้ยินคำพูดของเจี่ยงเทียนซิง จั๋วซือหรานก็เลิกคิ้ว “นั่นก็จริงอยู่”เจี่ยงเทียนซิงถามขึ้น “บาดแผลของเจ้าไม่เป็นไรหรือ?”“ถ้าเจ้าถามช้าอีกหน่อย มันก็หายสนิทแล้ว” จั๋วซือหรานมองตำแหน่งบาดแผลเหล่านั้นบนร่างกายตนเองผาดหนึ่ง“ที่ข้าพูดไม่ได้หมายถึงบาดแผลในการประลองเมื่อครู่ แต่เป็นของเมื่อคืนนี้” เจี่ยงเทียนซิงบอกมาเฟิงหร่านอยู่ข้างๆ ได้ยินคำพูดของเจี่ยงเทียนซิง จึงรีบกำชับขึ้นมาว่า “จริงด้วย พี่หญิงจั๋ว ท่านไม่เป็นอะไรแล้วหรือ? ข้าได้ยินเรื่องที่ท่านเข้าไปในศาลบรรพบุรุษเมื่อคืนนี้แล้ว นั่นมันอันตรายมากเลย! ท่านไม่ได้บาดเจ็บใช่ไหม?”จั๋วซือหรานเหลือบมองแม่นางคนนี้ “พี่ชายของเจ้า กลับบ้านไปแล้วหรือยัง?”เฟิงหร่านตกตะลึง จากนั้นจึงพยักหน้า “กลับมาแล้ว”“เช่นนั้นเขาไม่ได้บอกเจ้าหรือ?” จั๋วซือหรานถามขึ้นมาอีกเฟิงหร่านถอนหายใจอีกครั้ง “อารมณ์ของพี่ชายเหมือนไม่ค่อยดีนัก หลังจากกลับมา ผู้อาวุโสหลายคนที่อยากไปคุยกับเขา ก็ล้วนถูกไล่ออกมาหมด ข้าเองก็ไม่กล้าเข้าไปวุ่นวาย”นางมองจั๋วซือหรานตาแป๋ว “พี่หญิงจั๋ว เป็นเพราะท่านหรือเปล่า?”“หือ?” จั๋วซือหรานส่งเสียงสงสัยขึ้นมาเฟิงหร่านถามขึ้น

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 722

    “ไม่มีเคล็ดวิชาอะไร กระทั่งไม่มีถุงเก็บสัตว์ด้วยซ้ำ แต่กลับเก็บแมงมุมหน้าผีระดับราชาลงไปได้ในชั่วพริบตา” ซางเชวี่ยเอ่ยขึ้นเสียงต่ำ “ก่อนหน้านี้ตอนที่นางอัญเชิญราชาแมงมุมหน้าผีออกมา พวกเราถูกทำให้เข้าใจผิดจนคิดว่าอีกฝ่ายอัญเชิญออกมา คู่มือของนางคนนั้น แม้ความเร็วในการอัญเชิญจะเร็ว แต่ก็ยังต้องมีเคล็ดวิชาอะไรอยู่”“ตอนนั้นถูกเบนความสนใจจนไม่ทันสังเกต ตอนนี้กลับมองเห็นชัดเจนแล้ว ไม่แน่ว่าตอนที่นางอัญเชิญมาก็เป็นเช่นนี้ ไม่มีเคล็ดวิชาอะไรในการเก็บหรือเรียก” คนตระกูลซางที่ถูกจั๋วซือหรานแย่งราชาแมงมุมหน้าผีไปคนนั้นเอ่ยขึ้นเสียงขรึมเขาจู่ๆ ก็รู้สึกโชค ที่ตอนไปจัดการราชาแมงมุมหน้าผีในป่าลึกลับตอนนั้น ตนเองไม่ได้เผชิญหน้ากับจั๋วซือหรานเหมือนคนพวกนั้นตอนนั้นเขายังรู้สึกว่า ราชาแมงมุมหน้าผีถูกแย่งไปเพราะโชคดีที่ไม่ได้มาเจอกับเขา ดังนั้นจึงแย่งไปได้อย่างราบรื่นแต่พอเห็นตรงนี้ ในใจเขาก็แอบรู้สึกโชคดี ยังดีที่ตนเองโชคดี! ไม่ได้ไปเจอเข้ากับจั๋วซือหรานในตอนนั้น! ไม่เช่นนั้น เขาคงได้กลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนอยู่ในป่าลึกลับเหมือนคนอื่นๆ พวกนั้นแน่!และบนเวทีประลองตอนนี้ หลังจากจั๋วซือหรานเก็บราชาหน้

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 721

    เปรี๊ยะ...! ตอนที่เสียงนี้ดังขึ้น แจ่มชัดอย่างมากต่อให้ในสถานที่ที่สับสนวุ่นวายอย่างในลานประลอง ก็ยังแจ่มชัดอย่างมาก!ทุกคนล้วนมีปฏิกิริยากันขึ้นว่ามาต้นเสียงมาจากไหนแต่เพียงไม่นาน ก็มีคนพบขึ้นแล้ว“ดู...ดูสิ! ให้ตายเถอะ...เว เวที แตก...แตกออกแล้ว!”ภายใต้การจับตามองของทุกคน ด้านใต้ร่างกายของซางถิง แตกออกมาเป็นรอยแยกรอยหนึ่ง!“นั่น...นั่นไม่ใช่เวทีที่ทำจากหินต้องห้ามหรือ? ทำ ทำไมถึง...แตกล่ะ?”ระดับความแข็งของหินต้องห้ามแค่จินตนาการก็รู้แล้ว ไหนจะคุณสมบัติพิเศษของหินต้องห้ามที่สามารถสะกดพลังวิญญาณของมนุษย์ได้ถ้าหากไม่สามารถใช้พลังวิญญาณ แล้วคิดจะสร้างรอยแตกแก่หินต้องห้าม นั่นมันฝันกลางวันชัดๆทว่าตอนนี้ กลับมีคนทำได้แล้วก็คือคนที่เดิมทีถูกทุกคนดูถูกบนเวทีประลอง ถูกทุกคนเข้าใจว่าสู้หลอกๆ เข้าใจว่านางไม่มีฝีมือการต่อสู้...คนที่เป็นแค่หญิงสาวในสายตาของทุกคนคนนั้นจัดการหั่น...เวทีประลองที่ทำจากหินต้องห้ามนี้จนแตกหลังจากที่ทุกคนตระหนักขึ้นได้ ทั่วทั้งลานก็เงียบลงมาทันทีจั๋วซือหรานมองไปทางอินเจ๋ออัน อินเจ๋ออันก็สีหน้าปั้นยากขึ้นมา กระทั่งประกาศแพ้ชนะก็ยังลืมทำ ยืนแข็งทื

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 720

    เพราะบนเวทีประลอง ไม่ค่อยจะมีความยอดเยี่ยมที่พิเศษนัก หรือก็คือ การต่อสู้ที่งดงามยอดเยี่ยม คนที่เก่งกาจจริงๆ ใครก็ไม่อยากจะมาเสียเวลาบนเวทีประลองระดับต่ำๆ เช่นนี้ปกติจึงมีแต่การต่อสู้ที่ไม่ได้ยอดเยี่ยมอะไรนัก และเพราะเหตุนี้ ทุกคนจึงอยากจะลองเดิมพันกัน อยากจะเห็นการต่อสู้ที่เลือดสาดยิ่งขึ้น เพราะมันต้องมีอะไรสักอย่างที่ดึงดูดสายตาแต่ตอนนี้ การต่อสู้บนเวที ไม่จำเป็นต้องเลือดสาด แค่นี้ก็ยอดเยี่ยมเพียงพอแล้วยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาก็มองออก!สถานการณ์ตอนนี้เหมือนเคยเจอมาก่อนเพียงไม่นาน ก็มีคนมีปฏิกิริยาขึ้นมา“ไม่ใช่เหมือนกับตอนยกแรกหรือ? แค่พลิกกลับมาเท่านั้น”“จริงด้วย! ตอนยกแรก เป็นหญิงสาวถูกอีกฝ่ายใช้แส้ไล่ฟาดบีบจนเข้าไปในระยะโจมตีของสัตว์ประหลาด!”“แต่ว่าตอนนี้เหมือนนางมาไล่บี้ชายคนนี้ไปในระยะของสัตว์ประหลาด...?”“ไม่ ไม่ใช่ นางบีบชายคนนี้ ตรงไปยังจุดโจมตีถัดไปของนาง!”“พอพูดเช่นนี้ ตอนยกแรกคงไม่ใช่ว่านางยอมให้คนอื่นชนะหรอกใช่ไหม...?”จั๋วซือหรานได้ยินเสียงเหล่านี้ หางตายกโค้งนางคิดจะให้ทุกคนรู้สึกเช่นนี้ พอเป็นแบบนี้ก็คงไม่มีใครรู้สึกว่านางไม่มีฝีมือ เอาชนะมาได้เพราะอีกฝ

DMCA.com Protection Status