Share

บทที่ 354

Penulis: หูเทียนเสี่ยว
ช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดีจริง ๆ ตระกูลจั๋วอาจมีการกระทำใด ๆ ในอนาคต

แต่ในขณะนี้ เหยียนฉีไม่มีเวลาลึกว่านี้อีกต่อไป

เพราะจั๋วซือหรานไม่อยากพูดเรื่องไร้สาระกับพวกเขาอีกแล้ว เนางพูดอย่างไร้ความรู้สึก "ข้านับถึงสาม เหยียนหยี่หลิง หากเจ้ายังไม่หายไปจากสายตาของข้า กะโหลกของเจ้าจะแตกสลายเหมือนปิ่นปักผมอันเมื่อครู่นี้"

เหยียนหยี่หลิงหวาดกลัว นางรีบลากเหยียนฉีออกไป

ก่อนที่เหยียนฉีจะจากไป เขาเพียงมองจั๋วซือหรานอย่างลึกซึ้งและซับซ้อน

เพียงแต่ว่าจั๋วซือหรานไม่สังเกตสายตาอันซับซ้อนนี้เลย นางเพียงแค่หลับตาและหาว

หลังจากพวกเขาจากไป ฉวนคูนก็รีบวิ่งเข้ามา เขาปัดฝุ่นบนร่างกายของเขา "คุณหนู คุณหนูขอรับ ขอบคุณคุณที่ช่วยข้าไว้ขอรับ"

จั๋วซือหรานเหลือบมองเขา

ฉวนคูนยิ้มและพูดต่อ "ข้ายังสงสัยอยู่เลยว่า ทำไมจู่ ๆ หญ้าก็หนาขึ้น และข้าล้มบนนั้นก็ไม่เจ็บอีกเลย ปรากฎว่าคุณหนูปกป้องข้าอยู่ขอรับ"

จั๋วซือหรานเลิกคิ้ว "เจ้าทำงานให้ข้า แน่นอนว่าข้าต้องปกป้องเจ้า แต่นี่ เจ้า..." จั๋วซือหรานขมวดคิ้ว "ชายร่างใหญ่ช่างอ่อนแอเหลือเกิน วันหลัง เจ้าฝึกฝนกับจั๋วหวาย และฝูซูเลย"

“ฮะ” ฉวนคูนพริบตา

“โอ้ ใช่แล้ว พาเด็กฉลา
Bab Terkunci
Lanjutkan Membaca di GoodNovel
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 355

    จั๋วซือหรานสั่งฉวนคูนทุกเรื่อง จากนั้นนางไม่ได้กลับไปนอนที่ห้องขนางคิดครู่หนึ่ง จากนั้นไปที่ห้องของท่านแม่ดวงตาของอวิ๋นเหนียงกระพริบ เห็นได้ชัดว่านางอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่นางไม่ทราบจะพูดอย่างไรจั๋วซือหรานไม่รีบร้อน นางรออย่างเงียบ ๆหลังจากนั้นไม่นาน อวิ๋นเหนียงจึงอ้าปากพูด " หรานหราน เมื่อครู่นี้ คนของตระกูลเหยียนมาหาเรื่องลูก แม่ได้ยินหมดแล้ว"“เจ้าค่ะ” จั๋วซือหรานนั่งเตียงนอน นางยิ้มและมองท่านแม่ของนาง จริง ๆ แล้วนางทราบท่านแม่ของนางจะพูดอะไร แต่นางแค่อยากรอท่านแม่ของนางอ้าปากพูดเองจั๋วซือหรานไม่กลัวท่านแม่ขออะไรกับนาง ยิ่งกว่านั้น นางรู้สึกดีใจอย่างมากหากท่านแม่ของนางขออะไรจากนาง นางยินดีที่จะให้ท่านแม่ของนางสมปรารถนานางรู้สึกนี่อาจเป็นความเห็นแก่ตัวในส่วนของนาง เพราะได้ยึดครองร่างของลูกสาวของอวิ๋นเหนียง ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วนางจึงต้องดแลอวิ๋นเหนียงในฐานะลูกสาวของอวิ๋นเหนียง ซึ่งถือเป็นการชดเชยสำหรับเจ้าของร่างเดิมเอาเป็นว่านี่เป็นผลตอบแทนสำหรับการดูแลของอวิ๋นเหนียงแต่อวิ๋นเหนียงไม่ได้พูดอะไรมาเป็นเวลานาน นางไม่กล้าเรียกร้องอะไรจากลูกสาวของนางจริง ๆ เพราะนางทราบดี

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 356

    อวิ๋นเหนียงรู้สึกเจ็บใจ นางตอบเบา ๆ “เอาล่ะ แม่รู้ หากลูกง่วง นอนเลยลูก แม่จะเฝ้าลูก”จั๋วซือหรานฮัมด้วยความงุนงง นางหลับไปอย่างรวดเร็วโดยไม่พลิกตัวเลยสักนิดนางต้องยอมรับการที่ให้ท่านแม่ค่อย ๆ สัมผัสศีรษะของนาง และเกลี้ยกล่อมนางด้วยคำพูดที่อ่อนโยนนั้นช่างถูกสะกดจิตจริง ๆแม้ในขณะที่นางหลับ จั๋วซือหรานก็ไม่ได้เกียจคร้านทันทีที่นางหลับตา นางก็เข้าไปในพื้นที่ของแหวนเสวียนเหยียน นางถือถุงผ้าอยู่ในมือ นี่คือทรัพสินท์อุดหนุนที่ สำนักงานใหญ่ของตระกูลมอบให้นางเมื่อนางถอนตัวออกจากสำนักงานใหญ่ของตระกูล และของขวัญหมั้นบางชิ้นที่ที่ตระกูลเฟิงส่งมา นางค้นหาในรายการของของขวัญพวกมันล้วนเป็นเมล็ดพันธุ์สมุนไพรวิเศษ เมื่อนางได้รับพวกมัน จั๋วซือหรานก็โยนพวกมันเข้าไปในพื้นที่ของแหวนเสวียนเหยียนเป็นเพราะนางรู้สึกว่าหลังจากนางได้พบเจอเฟิงเหยียน แล้ว แหวนเสวียนเหยียนก็ตามข้ามมายังโลกใบนี้ และพื้นที่เก็บของของแหวนเสวียนเหยียนก็ถูกเปิดออก และคลังพลังก็ปรากฏขึ้นเช่นกันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จั๋วซือหรานรู้สึกว่าสักวันหนึ้ง พื้นที่น้ำพุวิเศษต้องถูกเปิดแน่ ๆตามที่คาดไว้ ตอนที่นางอยู่จวนจั๋ว เพื่อเต่อสู

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 357

    จั๋วซือหรานใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาอันสั้นที่นางนอนเพื่อเฝ้าดูเมล็ดพืชที่กระจัดกระจายแบบสุ่มในพื้นที่น้ำพุวิเศษของนาง นางเห็นเมล็ดที่นางโบรยลงดินเติบโตไปเรื่อย ๆการเจริญเติบโตนั้นน่ายินดีจริง ๆจั๋วซือหรานนั่งอยู่ที่นั่นและเฝ้าดู นางอดไม่ได้ที่ต้องพึมพำกับตัวเองว่า "ลืมไปเถิด ทำไมต้องเป็นคุณหมอ ทำงานหนักมากและไม่มีเงินเลย และหากรักษาไม่หาย ยังถูกคนไข้ด่าอีก...เป็นพ่อค้าขายวัสดุยา ทำธุรกิจค้าวัสดุยาละกัน เงินเยอะ ไม่ยุ่งยากด้วย"ในเวลาเดียวกันฉวนคูนยืนอยู่บนดินที่เขาเพิ่งขุดออกในเมื่อสองสามวันก่อน เขาได้พลิกกลับและคลายดินเมื่อเขาเห็นพืชอันสีเขียวโตขึ้นสูงมาก เขาตกใจอย่างมากเขาไม่สามารถแม้แต่จะยืนนิ่งได้ เขาสะดุดกลับและล้มลงกับพื้นในที่สุดฉวนคูนจึงเข้าใจว่าก่อนหน้านี้ ทำไมคุณหนูถึงพูดเช่นนั้นกล่าวคือไก่ไม่มีมือ มิฉะนั้น ไก่ก็สามารถทำงานประเภทนี้ได้แม้ว่าแค่โบรยข้าวกำหนึ่งก็ตามตอนที่ฉวนคูนได้ยินคำพูดนี้ เขายังคิดอยู่คุณหนูล้อเขา แต่เขาไม่คาดคิด...“คุณหนูไม่ได้โกหกจริง ๆ ไม่ได้โกหกสักคำเลย...” ฉวนคูนเอามือจิกตรงกลางของริมฝีปากชั้นบนของตัวเอง หากเขาไม่ทำเช่นนั้น เขาจะรู้สึกต

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 358

    เมื่อพูดถึงจุดนี้ จั๋วซือหรานไม่ได้พูดต่อนางไม่ได้ขึ้นรถม้า แต่นำม้าออกมาโดยตรง นางขี่ม้าและมุ่งหน้าไปยังหอหลวงหอหลวงเป็นตำหนักหลวงที่ตั้งอยู่ในชานเมืองทางตอนเหนือของเมืองหลวง หอหลวงมีพื้นค่อนข้างใหญ่ในนี้มีศาลาต่าง ๆ และมีสวนทุกประเภท ไม่เพียงแต่มีครูที่คอยสอนนักเรียนเท่านั้น แต่ยังมีผู้เชี่ยวชาญในการสอนศิลปะการต่อสู้อีกด้วยผู้ที่สามารถเรียนที่นี่ได้อาจเป็นลูกหลานของสมาชิกราชวงศ์ คุณชายหรือคุณหนูแห่งตระกูลขุนนางต่าง ๆแต่จริง ๆ แล้วลูกหลานของตระกูลต่าง ๆ ไม่โอกาศน้อยมากที่สามารถเข้ามาเรียนที่นี่ได้ อาจพูดได้ว่า มีจำนวนน้อยมาก ด้วยเหตุนี้เมื่อ เมื่อจั๋วซือหรานได้สิทธิ์ที่เข้ามาเรียนในหอหลวงจากไทเฮา ผู้อาวุโสของตระกูลจั๋วจึงบังคับนางสละสิทธิ์แม้ว่ามีลูกหลานไม่กี่คนของตระกูลต่าง ๆ มาเรียนที่นี่ แต่พวกเขาต่างมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับลูกหลานของขุนนางและราชวงศ์ดังนั้นคุณชายและคุณหนูเหล่านี้ที่กำลังศึกษาอยู่ในหอหลวงจึงทราบเหตุการณ์ล่าสุดของจั๋วซือหรานและตระกูลจั๋วเป็นอย่างดีพวกเขารู้อยู่แล้วว่าจั๋วซือหรานได้สิทธิ์ที่เข้ามาศึกษาที่หอหลวง เดิมทีพวกเขากำลังรอผู้หญิงที่หยิ่งยโสและป

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 359

    เมื่อจั๋วซือหรานมาถึงหอหลวง จั๋วหวายกำลังยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่นอกห้องเรียน เขากำลังยกมือขึ้นสูงเพื่อไตร่ตรองใบหน้าของเขายังคงมีรอยฟกช้ำอยู่บ้าง แต่สีหน้าของเขาไม่มีความน้อใจใด ๆในทางกลับกัน ในห้องเรียนด้านข้าง ใบหน้าของลูกหลานของราชวงศ์และขุนนางหลายคนช้ำและบวม น่าสังเวชมากกว่าของจั๋วหวายหลายเท่าชิ่งหมิงยืนอยู่ข้าง ๆ จั๋วหวาย คิ้วอันบอบบางของเขาขมวดแน่น เขาถามด้วยเสียงต่ำ " เสี่ยวหวาย ทำไมเจ้าไม่ให้ข้า... ลงมือจัดการพวกเขา"จั๋วหวายยิ้มแม้จะมีรอยช้ำเล็กน้อยบนใบหน้าก็ตาม" ชิ่งหมิง เจ้าต่อสู้เก่ง หากเจ้าลงมือจัดการพวกเขา พวกเขาต้องรับบาดเจ็บสาหัส แล้วเราจะไม่เป็นฝ่ายที่ถูกต้อง นอกจากนี้ ตัวตนภายนอกของเจ้าในปัจจุบันยังเป็นเด็กรับใช้เมื่อคุณชายเรียนหนังสือ หากเด็กรับใช้อลงมือและทำร้ายพวกเขา จะถือเป็นล่วงเกินตัว สถานการณ์ของเราคงจะลำบากกว่าตอนนี้อีกขอรับ”“แต่ตข้าสู้กับพวกเขา จะเป็นคนละเรื่อง อย่างมากก็เป็นแค่ความขัดแย้งระหว่างเพื่อนร่วมชั้น ประการแรก คำพูดของพวกเขาไม่เป็นที่พอใจ อีกอย่าง พวดเราแค่ใช้หมัดกัน จะชนะหรือแพ้ มันไม่สำคัญ และข้ามองออก พวกเขาสู้ข้าไม่ได้หรอก”“เชอะ พวกเขา

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 360

    ชิ่งหมิงรีบรับกล่องอาหารไว้จั๋วซือหรานพูดว่า "ข้าเอาอาหารกลางวันมาให้"ดวงตาของจั๋วหวายสว่างขึ้น“ข้าก็ไม่ได้หวังใเจ้าตั้งใจเรียนหรอก แต่เจ้าสร้างปัญหาในวันแรก…” จั๋วซือหรานมองไปที่จั๋วหวายด้วยรอยยิ้มจาง ๆจั๋วหวายทำหน้าบูดบึ้งและพูดอย่างเสียใจว่า "พวกเขาพูดจารุนแรงมาก และเอาแต่พูดเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับท่านพี่ ข้าโกรธมาก เลยจัดการพวกเขา พวกเขาด่าข้า ข้าไม่เป็นไร แต่ทำไมพวกเขาต้องว่าท่านพี่ด้วยล่ะ ท่านพี่มีอะไรที่ด้อยกว่าพวกเขาหรือ ท่านพี่มีอะไรที่ด้อยกว่าทุกคนหรือ”เมื่อเห็นท่าจริงจังของน้องชาย จั๋วซือหรานก็โค้งริมฝีปากแล้วยิ้ม "แต่ในเมื่อเจ้าชนะแล้ว ข้าก็จะไม่ลงโทษเจ้า แต่ทำไมเจ้าถึงต้องยืนอยู่ที่นี่"จั๋วหวายกล่าวว่า "ครูสั่งลงโทษข้า ให้ข้ายืนอยู่ที่นี่"“เจ้าถูกลงโทษคนเดียวหรือ” จั๋วซือหรานเลิกคิ้ว “คนพวกนั้นไม่ได้ลงมือหรือ”“พวกเขาลงมือด้วยขอรับ แต่ข้ายอมรับการลงโทษของครู เพราะพวกเขาถูกข้าตีอย่างรุนแรง” จั๋วหวายกล่าวเมื่อได้ยินคำพูดของน้องชาย จั๋วซือหรานก็เดินไปที่ห้องเรียนใบหน้าของเหล่าลูกหลานของตระกูลขุนนางเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ เมื่อพวกเขาเห็นนางเดินเข้ามาอย่างอารมณ์ดี พ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 361

    จั๋วซือหรานกล่าว "เพราะน้องชายของข้าตีอพวกเจ้าย่างหนัก ข้าไม่อยากเห็นเขาถูกครูสั่งยืนอยู่ข้างนอกต่อ ข้าเลยมารักษาอาการบาดเจ็บของพวกเจ้า"ทุกคนได้ยินเพียงเสียงที่ชัดเจนของนาง ซึ่งไพเราะมาก จากนั้นพวกคนที่ถูกจั๋วหวายโจมตีอย่างหนักถูกจั๋วซือหรานจับข้อมือไว้ภายในไม่กี่ลมหายใจ รอยฟกช้ำบนใบหน้าของพวกเขาก็บรรเทาลงอย่างรวดเร็วทุกคนตกตะลึง พวกเขาจึงเชื่อข่าวลือนั้นเป็นเรื่องจริง และทักษะทางการแพทย์ของนางเยี่ยมมากจริง ๆ ทักษะทางการแพทย์ของนางเยี่ยมกว่าตระกูลเหยียน เสียอีกหลังจากจั๋วซือหรานรักษารอยฟกช้ำของพวกเขาแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าของนางยังคงลอยอยู่ที่มุมตาและคิ้วของนาง และนางพูดอย่างไม่จริงจัง "ข้ารักษาอาการบาดเจ็บของพวกเจ้าให้หายแล้ว นี่ถือว่าเป็นการสาธิตนะ"“สา สาธิตหรือ สาธิตอะไร” มีคนสับสน คนคนนั้นยกมือขึ้นและสัมผัสบริเวณที่เคยมีรอยช้ำบนใบหน้านั้น ตอนนี้รอยฟอกช้ำนั้นหายดีแล้วคนคนนั้นรู้สึกมหัศจรรย์มาก เขาเงยหน้าขึ้นและมองจั๋วซือหรานจากนั้นเขาเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของจั๋วซือหรานหายไปเหลือเพียงสีหน้าที่ไร้ความอบอุ่น "สาธิต...หากพวกเจ้ายังพูดจาไม่ดีอรก หากพวกเจ้าถูกโจมตีจนมือเท้าหัก

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 362

    จั๋วหวายตอบว่า "ตอนที่ข้ามา ข้าเห็นแค่พวกนี้ น่าจะยังมีคนอื่น ก่อนหน้านี้ ข้าได้ยินพวกเขาพูดคุยกัน พวกเขาพูดว่าเมื่อก่อนองค์ชายและองค์หญิงมาเรียนด้วย แต่ วันนี้เป็นวันที่หนึ่งตามปฏิทินจันทร์รักคติ องค์ชายและองค์หญิงต้องไปขอพรที่ห้องโถงบรรพบุรุษ ท่านจึงไม่ได้มาเรียนขอรับ"จั๋วซือหรานพยักหน้าอย่างชัดเจนหลังจากได้ยินคำพูดของน้องชาย "เป็นอย่างนี้นี่เอง เอาล่ะ ข้าจะกลับแล้ว เจ้าอย่าตื้อละกัน ตั้งใจเรียน พี่ให้เจ้ามาเรียนที่นี่ หากเจ้ามีแต่ถูกสั่งยืนอยู่ข้างนอก ไม่ได้เรียนอะไรเลย เจ้ากลับไปปลูกมันที่บ้านละกัน "จั๋วหวายไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงถามอย่างฝืนใจ "ท่านพี่ขอรับ แต่... หากพวกเขายังรังแกข้าล่ะ"จั๋วหวายยอมฟังทุกคำพูดของท่านพี่ หากท่านพี่ให้เขาอดทน เขาก็จะอดทนให้ได้เขารอคำตอบของท่านพี่ แล้วเขาก็เห็นใบหน้าอันสวยงามของท่านพี่ขมวดคิ้วอย่างหนัก ท่านพี่พูดอย่างโกรธ ๆ "ต่อยกลับเลย หากเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ไม่ต้องเรียนหนังสือที่นี่แล้ว เรียนทำไม สอนคนนินทาผู้อื่นเบื้องหลังอย่างเดียว แม้ว่าเจ้าอยากเรียนที่นี่ ข้ายังกลัวสอนเจ้าไม่ดีเลย"ทันทีที่จั๋วซือห

Bab terbaru

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1102

    รอยยิ้มบนใบหน้าจั๋วซือหรานไม่เปลี่ยน "เช่นนั้นก็ขอบคุณมาก""ไม่เป็นไร" 'เยี่ยนหราน' เอ่ยขึ้นเสียงเรียบจั๋วซือหรานยังคงยิ้มบาง "บัวเจ็ดดอกเจ็ดใบแกนกลางเทียนนี้เป็นสิ่งมีพิษกระมัง?""อืม" เขาไม่ได้ตระหนักถึงว่าอะไรผิดปกติ พยักหน้าตอบกลับ "เป็นสิ่งมีพิษที่มีอยู่ไม่มากนัก สามารถสร้างหมอกพิษขึ้นในป่าได้ ต้นของมันเดิมทีก็มีพิษร้ายแรงอยู่"อาหารรสชาติไม่เลวเลย น้ำแกงทำเอาตัวคนผ่อนคลายลงมาเลยทีเดียวเขาค่อนข้างผ่อนคลาย...หรือบางที สิ่งที่ทำให้เขาผ่อนคลายไม่ใช่น้ำแกงร้อน แต่เป็นเสียงอ่อนโยนของนาง...เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันดังนั้น ตอนนี้เขาจึงไม่ได้สังเกตถึงอะไรที่ผิดปกติพอได้ยินคำถามที่จั๋วซือหรานเพิ่งถาม ก็ตอบกลับนางมาตรงๆหลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงหญิงสาวใสเย็น เพียงแต่ว่า ไม่ได้อ่อนโยนแบบก่อนหน้านี้แล้วเพียงแค่เอ่ยขึ้นเรียบๆ ว่า "เป็นของดีจริงๆ เพียงแต่ว่า..." นางเปลี่ยนหัวข้อสนทนา "ไม่รู้ว่าคุณชายเยี่ยนรู้ได้อย่างไร...หรือทำไมจึงรู้สึกว่า ข้าสามารถทนทานต่อธาตุพิษได้โดยไม่ต้องเกรงกลัวอะไร?"มือที่จับตะเกียบของชายหนุ่ม หยุดนิ่งไปในชั่วพริบตาเขาแหงนตา มองไปยังสีหน้าของหญิงสาว อั

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1101

    คำพูดนี้ของจั๋วซือหรานไม่ได้มีเจตนาอะไรเป็นพิเศษแต่นางหน้าตาดี แล้วยังฉลาดเฉลียว ปกติเวลาปฏิบัติต่อใครก็จะมีท่าทีเย็นชา ดังนั้นต่อให้จะสวย แต่ก็ยังรู้สึกเหินห่างด้วยเช่นกันแต่ตอนนี้ท่าทีของนาง กลับไม่ได้เย็นชาเหมือนปกตินางยิ้มตาโค้ง ยิ้มสวยหยาดเยิ้มราวกับดวงดาวพร่างพราวอยู่เต็มฟ้า เหมือนมีมนต์สะกดที่ไม่รู้จัก สามารถทำให้คนจมดิ่งเข้าไปได้ในพริบตา'เยี่ยนหราน' มองตานางนิ่ง ไม่ย้ายสายตาไปไหนเลยพักหนึ่ง"ทำไมหรือ?" จั๋วซือหรานถามขึ้นเบาๆ'เยี่ยนหราน' ตอนนี้จึงส่งเสียงฮึจากจมูกออกมาเป็นเชิงถาม คล้ายกับเพิ่งจะรู้สึกตัวจั๋วซือหรานหัวเราะ ถามขึ้นว่า "คุณชายเยี่ยนเหม่อไปแล้วหรือ? ชื่อดวงดาวที่เจ้าบอกล่ะ?"ตอนนี้เขาจึงเอ่ยขึ้น "เหลียนเจิน เทียนเยว่ เทียนจี เทียนเซี่ยง เทียนถง เทียนเหลียง..."หลังจากจั๋วซือหรานได้ยิน ก็เลิกคิ้วขึ้น "ไม่เลวจริงๆ ถ้าอย่างนั้นก็เอาตามที่คุณชายว่าแล้วกัน ขอบคุณมาก"ปฏิกิริยาเหล่านี้ของ 'เยี่ยนหราน' จั๋วซือหรานรู้สึกว่าน่าสนใจอย่างเห็นได้ชัดและรู้สึกว่าใกล้เคียงแล้ว จึงลุกขึ้นยืน "คุณชายเยี่ยนค่อยๆ กินเถิด ข้าจะไปดูพวกคนรับใช้ที่บาดเจ็บพอดี แล้วจะบอก

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1100

    "เอาที่อร่อยดีกว่า" ขนมชามเองก็ใสซื่อ เอ่ยขึ้นว่า "นายท่านเองก็หิวแล้วนี่"จั๋วซือหรานยื่นนิ้วออกมานิ้วหนึ่ง จับไปที่ขนมชามเบาๆยิ้มตาโค้ง "เด็กดี"จากนั้นนางก็เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ "เอาล่ะ ถือว่าเขาโชคดีแล้วกัน"โชคดีที่มาเจอเข้ากับขนมชามที่นิสัยอ่อนโยนที่ด้านนอก ถ้าหากขนมถั่วแดงอยู่ด้านนอกล่ะก็ คงได้เสนออีกข้อหนึ่งมาแน่จั๋วซือหรานหยิบวัตถุดิบออกมาจากในมิติ คิดจะทำอาหารสักมื้อหลักๆ คือ อันที่จริงเดิมทีนางก็อยากจะทำให้ใจเขาปั่นป่วนอยู่แต่พอคิดๆ แล้วก็รู้สึกว่า ถ้าหากจะปั่นป่วนจิตใจเขาจริง ก็เหมือนจะไม่ใช่วิธีการที่ปฏิบัติต่อเขาอย่างเย็นชาตาของจั๋วซือหรานหรี่ลง พริบตานี้...ก็เหมือนมีแผนการใหม่ขึ้นมาแล้วประมาณราวสามเค่อกับข้าวสี่อย่างน้ำแกงหนึ่งอย่างอันหอมหวนชวนกิน ก็เสร็จสิ้นลงจากเตา"นี่คือปลาเปรี้ยวหวาน ขานกย่าง เนื้อกระดูกหอมเกรียม คะน้าไฟแดง แล้วก็มีน้ำแกงเต้าหู้กระดูกปลาอีกที่ด้วย"จั๋วซือหรานนำอาหารหอมหวนชวนกิน ยกมาวางกองลงตรงหน้า 'เยี่ยนหราน'จากนั้นจึงเลิกแขนเสื้อขึ้น เผยให้เห็นข้อมือขาว หยิบตะเกียบแล้วเอ่ยขึ้นว่า "คุณชายเยี่ยน ลองชิมฝีมือของข้าหน่อย"ตอนที่พูดค

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1099

    เหล่าคนค้มกันทยอยกันมองไปทางหัวหน้าคนคุ้มกัน ในสายตาเต็มไปด้วยความต้องการความช่วยเหลืออย่างจริงใจหัวหน้าคนคุ้มกันกัดฟันถามขึ้น "แม่ แม่นาง...คงจะไม่คิดจะตั้งชื่อ..."เขาชะงักไป เปลี่ยนทิศทางคำพูด เอ่ยต่อว่า "...อะไรทำนองนี้หรอกใช่ไหม?"ไม่หรอกกระมัง?จั๋วซือหรานเองก็ไม่ได้โง่ ฟังไม่ออกถึงความกังวลพวกเขาเสียที่ไหนนางเหลือบมองพวกเขาผาดหนึ่ง จงใจแหย่พวกเขา เอ่ยขึ้นว่า "ทำไมล่ะ ไม่ดีหรือ? ลาย่างไฟ ขนมไส้หมู หมูชุบกรอบ เป็ดหมักน้ำจิ้ม หมูผัดเปรี้ยวหวาน"นางพูดไปด้วยพลางชี้นิ้วไปทางพวกเขาจากนั้นจึงเห็นว่าสีหน้าของเหล่าคนคุ้มกันแทบจะร้องไห้กันออกมาแล้วตอนนี้เอง เสียงหัวเราะแผ่วเบาเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นที่ประตูจั๋วซือหรานมองไปตามเสียง ก็เห็นร่างเงาหนึ่งที่คุ้นเคย"เจ้าทำไมมาอยู่ที่นี่?" จั๋วซือหรานเลิกคิ้ว มองคนที่มาใหม่ด้วยสายตาลึกซึ้ง จากนั้นก็พ่นชื่อออกมา "เยี่ยนหราน? ข้าจำชื่อไม่ผิดใช่ไหม"ชายหนุ่มร่างตรงแน่วเดินเข้ามาจากประตู พยักหน้าเบาๆ "ถูกต้อง"จั๋วซือหรานแหงนตามองเขา ไม่พูดอะไรชายหนุ่มก้มหน้ามองนาง สบตากันครู่หนึ่ง อันที่จริงในใจเขาก็ไม่ค่อยสงบนัก แค่คิดว่านางมองอะไรอ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1098

    นางหมายถึง...กองหนุนที่ย้ายมาจากสำนักเมฆาวารีของผู้เฒ่าเหอสินะ!?แต่ใครก็ตามที่มีความคิดเช่นนี้ เขาคงจะรู้สึกว่าอีกฝ่ายหยิ่งผยองโอหังถึงที่สุดหญิงสาวตรงหน้าคนนี้ ตอนที่เผยความหมายนี้ออกมากลับไม่ทำให้เขารู้สึกถึงความหยิ่งผยองโอหังแม้แต่น้อยเพราะ เรื่องราวเหมือนจะเป็นเช่นนี้จั๋วซือหรานเหมือนจะงึมงำกับตนเองขึ้นว่า "พอเข้าใจวิชาหุ่นเชิดกับหุ่นเชิดมนุษย์แล้ว มันน่าสนใจจริงๆ ทางที่ดีขอให้พวกเขาเอาเจ้าพวกนี้มาเล่นด้วย จะได้ไม่เสียเวลาที่ให้ข้ารอนานขนาดนี้...เจิ้นเจียงเหลือบมองทุกคนที่มีบาดแผลพอคิดๆ ก็ถามจั๋วซือหรานขึ้น "แม่นาง แล้วจะเรียกพวกเขาว่าอย่างไรกัน? เหมือนว่าจะบาดเจ็บกันหนักมาก ข้าพาพวกเขาไปพักผ่อนดีไหม?"หัวหน้าคนคุ้มกันมองออก ว่าคนรับใช้คนนี้ของนายท่าน เหมือนจะไม่ได้กังวลอะไรเลยกับสถานการณ์ที่นายท่านกำลังจะเผชิญแม้ไม่รู้ว่าผ่านเรื่องอะไรมา ถึงทำให้บ่าวมีความเชื่อมั่นที่เด็ดขาดขนาดนี้แต่ไม่ว่าจะผ่านอะไรมาอันที่จริงคนคุ้มกันอย่างพวกเขา ก็เพิ่งจะผ่านการถูกตระกูลเหอปฏิบัติอย่างโหดร้ายมานี่เองและยังเห็นเจิ้นเจียงมีความเชื่อมั่นที่เด็ดขาดขนาดนี้ต่อนายท่านแม้พวกเขา

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1097

    จั๋วซือหรานหลังจากพูดจบ ผู้เฒ่าเหอในที่สุดก็ทนกับความโกรธไม่ไหวตาเหลือกสลบเหมือดไปอีกครั้งจั๋วซือหรานจึงพาคนออกมาจากจวน ตอนที่ไปยังโรงเตี๊ยม หัวหน้าคนคุ้มกันยังมีความระแวดระวังอยู่"แม่นาง นี่คือโรงเตี๊ยมของตระกูลเหอ"จั๋วซือหรานเหลือบมองเขา พยักหน้าตอบ "ข้ารู้""ท่านไม่กังวล..." ขณะที่หัวหน้าคนคุ้มกันเอ่ยขึ้น ก็ตระหนักขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว ว่าเจ้านายใหม่ของตนเอง เหมือนเดิมทีจะเป็นคนที่ไม่ค่อยกังวลกับอะไรนัก""ถ้าหากกังวลล่ะก็ เกรงว่าตอนที่พวกเขาอยู่ในป่าทวนแสงก่อนหน้านี้ คงไม่ถูกนางเล่นงานเสียจนเป็นแบบนั้นหัวหน้าคนคุ้มกันบอกพูดพลางยิ้มจางๆ บอกกับตนเองว่า "ก็ถูก..."จั๋วซือหรานเพิ่งเดินเข้าประตูโรงเตี๊ยม เจิ้นเจียงก็เข้ามาต้อนรับแล้ว "คุณหนู! ท่านกลับมาแล้ว!"จั๋วซือหรานขานรับอืม เหลือบมองเขา "มีเรื่องอะไรยุ่งยากหรือเปล่า?"เจิ้นเจียงส่ายหัวตอบกลับ "ไม่มีเลยขอรับ ก็แค่ตอนที่เริ่มมีคนคิดจะมาหาเรื่อง แต่ยังไม่ทันได้แตะข้า ก็ถูกฟาดจนล้มไป หลังจากนั้น...ไม่มีหลังจากนั้นแล้วขอรับ"เจิ้นเจียงรู้ว่านายท่านคงทำอะไรไว้บนตัวตนเอง แต่ว่าจนถึงตอนที่เห็นคนที่คิดจะเข้ามาหาเรื่อง กระทั่งย

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1096

    ราวกับว่าความรู้สึกที่คลุมเครือในใจนั้น ในที่สุดก็โผล่ขึ้นมาอีกครั้งนางไม่มีประสบการณ์ผ่านเรื่องนี้จริงๆ แต่ในเส้นโชคชะตาของเจ้าของร่างเดิม เสน่ห์หนอนพิษกู่ในร่างเจ้าของเดิมถูกควบคุมโดยฉินตวนหยาง ทำให้ร่างกายไม่เป็นตัวของตัวเอง แล้วมองเห็นตนเองถูกควบคุมอยู่ตลอดเวลาทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้นแตกต่างอะไรกับหุ่นเชิดความมืดกัน วิญญาณถูกขังให้รับการควบคุมอยู่ในเปลือกร่าง ไม่อาจสงบสุขได้อีก ไม่อาจหลุดพ้นได้...เกลียดชังขนาดที่แม้จะเกิดใหม่อีกครั้ง ก็ยังไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกแล้วผู้เฒ่าเหอพอได้ยินคำนี้ ก็ไม่ได้ส่งเสียงอะไร ยังคงเช็ดแผลเลือดซิบบนหน้าตนเอง เช็ดจนบวมขึ้นมาแล้วจั๋วซือหรานไม่หันไปมองผู้เฒ่าเหออีก นำทางคนที่รับเข้ามาใหม่เตรียมจะออกไปพวกเขาแม้จะยังไม่ได้ฟื้นฟูกลับมาอย่างสมบูรณ์ แต่อย่างน้อยก็เดินกันได้แล้วยิ่งไปกว่านั้นในใจพวกเขาก็เข้าใจดี ต่อให้ตนเองเดินไม่ได้ จะต้องคลาน! ก็ต้องตามแม่นางออกไปพอเห็นจั๋วซือหรานออกไป ในใจผู้เฒ่าเหอก็เกิดความรู้สึกโล่งใจออกมาแต่ความรู้สึกที่มากว่า ยังคงเป็ฯความโกรธเคือง ชิงชังจนเข้ากระดูกดำแม้จะไม่กล้าพูดอะไรที่รุนแรงออกมา แต่กลับยังใช้สาย

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1095

    จั๋วซือหรานฟังถึงจุดนี้ อันที่จริงก็ไม่มีอะไรให้ฟังต่อเท่าไรแล้ว อย่างอื่นก็เหมือนจะเดาออกมาได้อยู่สาเหตุที่ใช้คนเป็นมาหลอมสกัด โดยเฉพาะต้องไปลอบโจมตีคนที่ทักษะยุทธ์ยอดเยี่ยมมาหลอมเป็นหุ่นเชิดความมืดแน่นอนว่าเป็นเพราะทักษะยุทธ์กับความคิดด้านต่อสู้ของอีกฝ่าย และสิ่งเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในร่างกายของอีกฝ่าย แต่อยู่ในจิตใต้สำนึกของอีกฝ่าย...พูดให้ง่ายหน่อย คืออยู่ในจิตวิญญาณของอีกฝ่ายนั่นเองพอร่างตายวิญญาณก็ดับสลายแล้วตะปูวิญญาณนี่...จั๋วซือหรานมองตะปูยาวในมือเล่มนี้ ฟังจากชื่อก็เดาประโยชน์ของมันได้ไม่ยากโหดร้ายมาก ตอกดวงวิญญาณของอีกฝ่ายไว้ในร่างกาย ประสิทธิภาพของอักขระคำสาปเปล่านี้ ก็ควรจะเป็นเช่นนี้กระมังผู้เฒ่าเหอพอเห็นจั๋วซือหรานไม่ถามต่อ ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก ถอนใจยาวออกมาและตอนนี้เอง หลังจากได้รับการรักษาของจั๋วซือหราน หัวหน้าคนคุ้มกันที่ฟื้นฟูพลังปราณมาแล้วบางส่วนก็พูดกับจั๋วซือหรานอย่างนอบน้อม "แม่นาง ปรมาจารย์วิชาเหยี่ยนที่หลอมสกัดหุ่นเชิดความมืดเป็นคนแรก ก็คือบรรพจารย์ผู้ก่อตั้งสำนักเมฆาวารี แต่เจ้าสำนักเมฆาวารีในตอนนี้ เป็นรุ่นหลังของบรรพจารย์ผู้ก่อตั้งสำนักคนนั้น"

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1094

    ถ้าหากใช้ศพของคนล่ะ?แต่ถึงอย่างไรมันก็เป็นสิ่งต้องห้าม ดังนั้นตอนที่หุ่นเชิดร่างแรกถูกหลอมออกมา ปรมาจารย์วิชาเหยี่ยนคนนั้นกระทั่ง ปรมาจารย์วิชาเหยี่ยนคนนั้นก็พบกับการลงโทษที่รุนแรงยิ่งไปกว่านั้นหุ่นเชิดมนุษย์ก็ถูกตราว่าเป็นสิ่งต้องห้าม แต่ว่า ทักษะนี้ก็ปรากฏออกมาแล้วทักษะอะไรก็ตามพอปรากฏออกมาแล้ว ต่อให้จะถูกตีตราเป็นสิ่งต้องห้ามก็ตาม แต่ก็ยังมีคนที่แอบนำมาใช้งานกันอยู่ส่วนหุ่นเชิดความมืดตัวแรกนั้น...จั๋วซือหรานฟังถึงตรงนี้ก็เลิกคิ้วขึ้น "ดังนั้นเอาคนเป็นมาใช้ถึงจะกลายเป็นหุ่นเชิดความมืดสินะ"นางมองผู้เฒ่าเหอ "ข้าเป็นหมอ วิชาแพทย์เองก็ไม่เลวนัก บาดแผลที่เกิดขึ้นก่อนตายกับบาดแผลที่เกิดขึ้นหลายตายไปแล้ว ข้าเข้าใจเป็นอย่างดี"เจตนาที่จั๋วซือหรานพูดคำนี้ออกมานั้นง่ายมาก ก็คือจะพูดกับผู้เฒ่าเหอให้ชัดเจนถึงความหมายหนึ่ง...อย่าโกหกข้าผู้เฒ่าเหอเหลือบมองนางผาดหนึ่ง ตอนนี้จึงเอ่ยขึ้นเสียงเล็ก "ใช่แล้ว แค่นำคนเป็นมาทำ ก็จะเรียกว่าหุ่นเชิดความมืด แม้หุ่นเชิดความมืดจะถูกสั่งห้ามมาตลอด แต่ระหว่างปรมาจารย์วิชาเหยี่ยนด้วยกันก็มีการหารือกันมาตลอด หุ่นเชิดมนุษย์ไม่สามารถแก้ไขปัญหาเรื่องควา

Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status