Share

บทที่ 736

Author: ดอกถังร่วงหล่น
พวกเจ้าหน้าที่ศาลไต่สวนที่ยืนประจำตำแหน่งสองข้างเคาะกระบองลงพื้น พร้อมกับร้องว่า “เปิดศาล!”

บรรยากาศในศาลที่เดิมทีค่อนข้างเฉื่อยชา ตอนนี้ก็ดูเคร่งขรึมขึ้นมาก

นอกประตูมีชาวบ้านมามุงดูเหตุการณ์มากมาย หลังจากเปิดศาล ทุกคนก็ยืนดูอยู่ด้านนอก

อู่อิ้งเหวินก็ยืนเบียดเสียดอยู่ท่ามกลางฝูงชน เขาจ้องมองเฟิ่งชูอิ่งที่ยืนอยู่ตรงกลางด้วยความกังวล

เฟิ่งชูอิ่งช่วยเขาแก้ต่างในวันนั้น ทำให้เขาได้รับการปล่อยตัวโดยไม่มีความผิด แต่นางกลับยังติดอยู่ในคุก

อู่อิ้งเหวินเคยเห็นวิธีการของคนในจวนมหาราชครูมาก่อน เขาจึงกลัวว่าเฟิ่งชูอิ่งจะรับมือไม่ไหว

แต่เขาเห็นว่าจิ่งโม่เยี่ยคอยปกป้องเฟิ่งชูอิ่งอยู่ จิ่งโม่เยี่ยสามารถเอาตัวรอดจากสถานการณ์เลวร้ายและขึ้นเป็นอ๋องผู้สำเร็จราชการได้ แสดงว่าเขาเป็นคนที่เก่งกาจมาก

เขาจึงรู้สึกว่าถ้ามีจิ่งโม่เยี่ยอยู่ เฟิ่งชูอิ่งก็น่าจะไม่เป็นไร

แต่เขาก็ยังอดเป็นห่วงนางไม่ได้

หลังจากที่ผู้ว่าราชการตรวจสอบชื่อและที่อยู่ของคนที่อยู่ในศาลตามขั้นตอนการพิจารณาคดีตามปกติแล้ว ก็กล่าวว่า “ฮว๋าซื่อ เจ้าฟ้องต่อศาลว่าเฟิ่งชูอิ่งเป็นคนที่ฆ่าลูกชายของเจ้า หลินอีฉุน มีหลักฐานหรือไม่”

ฮว๋าซื่อก
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 737

    เฉี่ยวหลิงส่ายหน้า “ข้าเป็นแค่สาวใช้ตัวเล็กๆ อ่อนแอ จะมีฝีมือแบบนั้นได้อย่างไร”“ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนั้นหลินอีฉุนเป็นฝ่ายปากเสียก่อน ข้าก็แค่ตบหน้าเขาไปหลายที แต่ข้าไม่ได้ตีหัวเขาจริงๆ ”ผู้ว่าราชการกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ “บาดแผลที่เจ้าหน้าที่ชันสูตรตรวจพบ บอกว่ากะโหลกศีรษะของหลินอีฉุนแตกร้าวตั้งแต่ช่วงจมูกขึ้นไป”“กล่าวคือ คนที่ตีจมูกเขานั่นแหละ คือฆาตกรที่แท้จริง”ฮว๋าซื่อพูดขึ้นทันที “งั้นก็เป็นเฟิ่งชูอิ่งที่ฆ่าอีฉุน วันนั้นมีแค่หล่อนคนเดียวที่ตีโดนจมูกอีฉุน”เฟิ่งชูอิ่งตั้งคำถาม “เจ้าหน้าที่ชันสูตรได้ข้อสรุปแบบนี้มาได้อย่างไร เขาถลกหนังหัวของหลินอีฉุนออกมาตรวจดูกระดูกหรือ”ฮว๋าซื่อได้ยินคำพูดนี้ก็ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไป มองเห็นภาพตรงหน้ามืดลงหลินหว่านถิงตอบสนองอย่างรวดเร็ว รีบเข้าไปประคองนางไว้ จึงไม่ล้มลงไปแค่คิดถึงเรื่องการถลกหนังหัวของหลินอีฉุนออกมาก็รู้สึกน่ากลัวแล้วในฐานะมารดา นางจะทนรับเรื่องแบบนี้ได้อย่างไรผู้ว่าราชการกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ “เรียกเจ้าหน้าที่ชันสูตรเข้ามา”ไม่นานเจ้าหน้าที่ชันสูตรก็มาถึง ผู้ว่าราชการถามเขาว่า “เจ้าแน่ใจได้อย่างไร

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 738

    จิ่งโม่เยี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบว่า “ท่านมหาราชครูพูดถูก ในเมื่อคดีนี้ไม่สามารถตัดสินลงโทษได้ ก็ปล่อยตัวผู้ต้องสงสัยทั้งหมดไปเถอะ”มหาราชครู “......”เขาหันไปมองจิ่งโม่เยี่ย “ท่านอ๋องจะปกป้องพระชายาที่ฆ่าคนต่อหน้าธารกำนัลอย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ”จิ่งโม่เยี่ยกล่าวอย่างใจเย็นว่า “คำว่าปกป้อง ข้าไม่กล้ารับ”“เพราะคนที่ลงมือทำร้ายหลินอีฉุนไม่ใช่แค่ชูอิ่งคนเดียว นางไม่ใช่คนแรกที่ลงมือ และก็ไม่ใช่คนสุดท้ายด้วย”“เมื่อครู่เจ้าหน้าที่ชันสูตรก็บอกเองว่า เขาเพียงแค่คาดเดาสาเหตุการตายของหลินอีฉุนจากประสบการณ์ ไม่มีหลักฐานที่เป็นรูปธรรม เจาะจงตัวฆาตกรไม่ได้”“ถ้าอยากหาตัวฆาตกรที่แท้จริง ก็ต้องเปิดหนังศีรษะของหลินอีฉุนดูว่ากะโหลกศีรษะของเขามีบาดแผลอย่างที่เจ้าหน้าที่ชันสูตรบอกหรือไม่”“ถ้าไม่อยากทำแบบนั้น ก็ไม่สามารถตัดสินลงโทษใครได้ ผู้ต้องสงสัยทั้งหมดต้องได้รับการปล่อยตัว”“เรื่องนี้ไม่ใช่ข้าที่พูด แต่เป็นกฎหมายที่พูด”ผู้ว่าราชการประจำเมืองหลวงกล่าวเสริมว่า “กฎหมายเป็นอย่างที่ท่านอ๋องกล่าวจริงๆ ”หัวหน้าศาลต้าหลี่ลูบเคราแล้วกล่าวว่า “แต่กฎหมายของราชวงศ์เราก็ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ห

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 739

    “เฟิ่งชูอิ่งเปิดโปงความผิดของรองผู้ว่าตู้ ท่านมหาราชครูเลยผูกใจเจ็บแค้นงั้นรึ?”“หรือว่ามหาราชครูต้องการใช้เรื่องนี้โจมตีท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการ?”มหาราชครู “……”เขารู้มาตลอดว่าเสนาบดีฝ่ายซ้ายเป็นคนที่น่าเกลียดน่าชัง แต่วันนี้อีกฝ่ายน่าชังเป็นพิเศษเสนาบดีฝ่ายซ้ายหันไปถามผู้ว่าราชการว่า “มหาราชครูบอกว่าท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการและพระชายาหย่าร้างกันแล้ว ท่านได้รับเอกสารอะไรมาหรือไม่?”ผู้ว่าราชการตอบว่า “ยังไม่ได้รับ”เสนาบดีฝ่ายซ้ายยิ้มแล้วพูดว่า “ท่านอ๋องกับพระชายาแค่ทะเลาะกัน นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเขา”“ข้าคิดว่าพระชายาไม่ได้ใช้ฐานะอันสูงส่งของพระองค์เพื่อหลบหนีการลงโทษทางกฎหมาย แต่กลับให้ความร่วมมือในการสืบสวนอย่างแข็งขัน นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายกย่อง”จิ่งโม่เยี่ยแอบมองเฟิ่งชูอิ่งอย่างระมัดระวัง เห็นสีหน้าของนางเป็นปกติ ดูสงบนิ่งอย่างมากนางดูสงบขนาดนี้ ทำให้เขาใจคอไม่ดี กลัวว่านางจะมาเอาคืนทีหลังเฟิ่งชูอิ่งยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “ท่านเสนาบดีฝ่ายซ้ายชมเกินไป ข้าเพียงแต่เห็นด้วยกับคำกล่าวที่ว่าฮ่องเต้ทำผิดก็ต้องรับโทษเช่นเดียวกับสามัญชน”“ข้าไม่ได้ฆ่าคน ดังนั้นข้าจึงไม่หวั

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 740

    จิ่งสือเฟิงตอบว่า “นั่นเพราะว่านางก็เป็นผู้หญิงของข้า ตอนที่ข้ายังมีชีวิตอยู่นางบอกว่ารักข้ามาก”“หลังจากข้าตาย พระมารดาทรงพระพิโรธนางมาก และขับไล่นางออกจากจวนอ๋องเฉิน”“ข้าคิดว่าในเมื่อนางรักข้ามากขนาดนั้น หลังจากที่ข้าตายไปแล้ว นางก็น่าจะเป็นคนที่คิดถึงข้ามากที่สุด”เขามองนางแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “ข้อเท็จจริงพิสูจน์แล้วว่าข้าคิดผิด”“สิ่งที่นางชอบไม่ใช่ตัวข้า แต่เป็นอำนาจของข้า”หลังจากตายแล้วเขาถึงได้รู้ว่าคนที่ดีกับเขามากๆ ตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่ ก็เป็นเพียงเพราะยำเกรงฐานะของเขาเท่านั้นพอคนตายจาก ความรักก็เลือนหายไปด้วยในทางตรงกันข้าม เขากลับรู้สึกว่านิสัยของเฟิ่งชูอิ่งนั้นน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เป็นเพียงคนเดียวที่ไม่ว่าเขาจะมีชีวิตอยู่หรือตายก็ปฏิบัติต่อเขาเหมือนเดิมหากเฟิ่งชูอิ่งรู้ความคิดของเขา คงจะตบหน้าเขากลับไปทันทีเฟิ่งชูอิ่งพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “อย่าเปลี่ยนเรื่อง บอกเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากที่เจ้าติดตามหลินอีฉุนต่อ”จิ่งสือเฟิงจึงพูดว่า “หลังจากที่หลินอีฉุนออกจากตลาด เขาก็เดินไปตามตรอกเล็กๆ ทางทิศตะวันตกที่เต็มไปด้วยต้นสน”“ตอนที่เขาเดินไปถึงทางแยกหน้าบ่อเก็

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 741

    หากจิ่งสือเฟิงมีโอกาสเช่นนี้ในอดีต เขาคงจะพูดออกมาตรงๆ แล้วว่าจิ่งโม่เยี่ยเป็นคนฆ่าเขาแต่หลังจากที่เขาตาย เขาได้ประสบพบเจอเรื่องราวมามากมาย ความคิดหลายๆ อย่างก็เปลี่ยนไปและในสถานการณ์ปัจจุบันของเขา ไม่ว่าจะเป็นมหาราชครูหรือฮองเฮาก็ช่วยอะไรเขาไม่ได้เมื่อครู่นี้เขาเห็นปฏิสัมพันธ์ระหว่างจิ่งโม่เยี่ยและเฟิ่งชูอิ่ง ทั้งสองคนแสดงความรักต่อกันอย่างชัดเจนตอนนี้เขารู้แล้วว่าเฟิ่งชูอิ่งไม่จำเป็นต้องพึ่งพาจิ่งโม่เยี่ยก็สามารถใช้ชีวิตได้อย่างดี แต่พวกเขาเป็นสามีภรรยากัน ต่างก็มีส่วนได้ส่วนเสียร่วมกันหากเขากล้าเปิดเผยเรื่องจิ่งโม่เยี่ย เขาคิดว่าเฟิ่งชูอิ่งสามารถหันมาเล่นงานเขาได้ทันทีเขาถอนหายใจเบาๆ แล้วพูดว่า “ข้าตายด้วยน้ำมือของกลุ่มโจรภูเขาจริงๆ”“ครั้งนั้นข้าประมาทเกินไป ทิ้งองครักษ์ไว้ด้านหลังแล้วควบม้าเข้าไปในภูเขาเพียงลำพัง จึงทำให้เกิดผลลัพธ์เช่นนี้”มหาราชครูได้ยินเช่นนั้นก็แสดงสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ “เป็นไปได้อย่างไร? อยู่ๆ เจ้าจะไปปราบโจรได้อย่างไร?”จิ่งสือเฟิงพูดเบาๆ ว่า “บนโลกนี้มีเรื่องอะไรบ้างที่เป็นไปไม่ได้? สรุปแล้วเป็นเพราะก่อนหน้านี้ข้าโง่เกินไป มองอะไรหลายๆ อย่างไม

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 742

    เฟิ่งชูอิ่งถามจิ่งสือเฟิงว่า “ข้าขู่เจ้าหรือ?”จิ่งสือเฟิงตอบทันทีว่า “ไม่ ข้าพูดความจริงทั้งหมดเลย”คนที่ขู่เขาไม่ใช่เฟิ่งชูอิ่ง แต่เป็นเหมยตงยวนเฟิ่งชูอิ่งแบมือยักไหล่ “ท่านอ๋องเฉินเห็นความไม่ยุติธรรมจึงยื่นมือเข้าช่วย สร้างคุณงามความดี ข้าไม่เกี่ยวข้องด้วยสักนิด”จิ่งสือเฟิงมองนาง พูดแบบนี้แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังรู้สึกไม่จริงแต่ตอนนี้เขาตายไปแล้ว ไม่มีความยึดติดแบบตอนยังมีชีวิตอีกต่อไป เขาเข้าใจอะไรๆ มากขึ้น ไม่ต้องไปแก่งแย่งชื่อเสียงลาภยศและอำนาจอีกแล้วแม้ว่าหลินหว่านถิงกับฮว๋าซื่อจะถูกคนอื่นสั่งให้มากล่าวหาว่าเฟิ่งชูอิ่งเป็นคนฆ่าหลินอี๋ฉุน แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว พวกนางจะกล่าวหาได้อย่างไรล่ะในใจพวกนางรู้สึกหดหู่เล็กน้อย ก่อนหน้านี้เตรียมคำพูดไว้มากมาย กลับพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียวผู้ว่าราชการกล่าวทันทีว่า “สาเหตุการตายของหลินอี๋ฉุนได้ถูกตรวจสอบแล้ว เป็นฝีมือวิญญาณร้ายของเทียนซือ ไม่เกี่ยวข้องกับเฟิ่งชูอิ่งและคนอื่นๆ”“หลินอี๋ฉุนก่อเหตุลักขโมยของก่อน ไม่ว่าแรงจูงใจของเขาจะเป็นอย่างไร การขโมยก็เป็นความจริง การกระทำของคนที่ทุบตีทำร้ายเขาก็เป็นสิ่งที่เข้าใจได้”“ตอนนี้ข้าขอ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 743

    เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเกือบลืมไปแล้วว่าคนในราชวงศ์แต่งงานกันเร็วมากเรื่องระหว่างชายหญิงก็มีนางกำนัลวัยสาวสะพรั่งมาช่วยสั่งสอนพวกเขาก่อนหน้านี้นางคิดว่าจิ่งสือเฟิงค่อนข้างโง่ ไม่น่าจะเสียเวลาและพลังงานไปสนใจเรื่องในจวนของเขาก็เลยไม่รู้เรื่องภรรยาและอนุภรรยาในจวนของเขาเนื่องจากเรือนหลังของจิ่งโม่เยี่ยเงียบสงบเกินไป นอกจากนางแล้วก็ไม่มีผู้หญิงคนอื่น นางจึงคิดว่าองค์ชายคนอื่นๆ ก็เป็นแบบนี้เหมือนกันทันใดนั้นนางก็เข้าใจว่าทำไมหลังจากจิ่งสือเฟิงตายแล้ว คนของมหาราชครูยังไม่กระจัดกระจายไปไหน ก็เพราะเขามีทายาทอยู่ในโลกนี้นี่เองเฟิ่งชูอิ่งถามว่า "แล้วเจ้ามีลูกกี่คน?"จิ่งสือเฟิงคิดอยู่สักพัก "ไม่รู้เหมือนกัน ประมาณสามสี่คนมั้ง!"เฟิ่งชูอิ่งตกใจ "ลูกของเจ้าเอง เจ้ายังไม่รู้ว่ามีกี่คน?"จิ่งสือเฟิงพูดอย่างเขินอายเล็กน้อย "ข้าทำงานราชการยุ่งจะตายไป จะมีเวลาไปสนใจเรื่องพวกนี้ได้อย่างไร""เมื่อลูกเกิดมา ก็มีแม่ของพวกเขาคอยดูแล ไม่ใช่เรื่องที่ข้าต้องสนใจ"เฟิ่งชูอิ่งเบ้ปาก มองเขาแล้วยกนิ้วโป้งให้ "เจ้าเป็นผู้ชายสารเลวจริงๆ"เอาเถอะ ตัวเขาเองยังไม่สนใจว่าเขามีลูกกี่คน นางจะไปยุ่งอะไ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 744

    คำตอบของจิ่งสือเฟิงทำให้เฟิ่งชูอิ่งพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง พอคิดดูแล้วก็รู้สึกว่ามีเหตุผลอยู่บ้างตอนที่จิ่งโม่เยี่ยเดินมาถึงข้างๆ นาง ก็ได้ยินนางสบถอย่างเจ็บใจว่า “ไอ้ผู้ชายสารเลว”จิ่งโม่เยี่ย “...…”นางคงไม่ได้กำลังด่าเขาอยู่หรอกนะ? เขานึกทบทวนการกระทำของตัวเอง แต่ก็ไม่รู้สึกว่ามีปัญหาอะไรเขากระแอมไอเบาๆ แล้วพูดว่า “ใกล้จะปีใหม่แล้ว เจ้าไม่มาฉลองปีใหม่ที่วังกับข้าหรือ?”เฟิ่งชูอิ่งมองเขาด้วยสีหน้าเย็นชา “เรื่องหนังสือหย่า เราค่อยมาคิดบัญชีกันทีหลัง”จิ่งโม่เยี่ยเอื้อมมือลูบจมูก พูดเสียงแผ่วเบาว่า “ข้าไม่ได้หลอกเจ้า ถึงขั้นให้ปู๋เยี่ยโหวไปเตือนเจ้าแล้วด้วย”“ทุกสิ่งทุกอย่าง ข้าทำตามความต้องการของเจ้า ไม่ได้ทำอะไรเลย”เฟิ่งชูอิ่ง “...…”ก็เพราะเขาไม่ได้ทำอะไรเลยนี่แหละ นางถึงไม่รู้เรื่องพวกนี้!เรื่องพวกนี้เขาต้องรู้แน่ๆ ตอนนี้เขากำลังแสร้งทำเป็นใสซื่อต่อหน้านาง ช่างหน้าไม่อายจริงๆ!แต่เรื่องนี้นางก็หาความผิดของเขาไม่ได้จริงๆ เพราะวันนั้นตอนที่ปู๋เยี่ยโหวมาหานาง นางยืนยันอย่างหนักแน่นว่าพวกเขาหย่ากันแล้วส่วนปู๋เยี่ยโหวยังไม่ได้แต่งงาน เขาไม่ค่อยเข้าใจเรื่องการแต่งงานและการห

Latest chapter

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 997

    เฟิ่งชูอิ่งพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลือทั้งบิดามารดาแล้ว เจ้าห้ามรังแกข้าเชียวนะ!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือสาบานต่อฟ้าทันที “หากข้าทำไม่ดีกับเจ้าในภายภาคหน้า ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ส่งฟ้ามาผ่าให้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เรื่องฟ้าผ่าไม่ต้องถึงมือสวรรค์หรอก ข้าก็ทำได้”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาเกือบลืมไปแล้วว่านางวาดยันต์ได้เก่งมาก ตราบใดที่นางต้องการ ใช้ฟ้าผ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็แอบหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกอดแล้วซุกศีรษะพิงอกเขา กล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน”“ตอนนี้เราทั้งสองล้วนไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ก็มีเพียงกันและกัน”“ต่อไปข้าจะดูแลเจ้าอย่างเต็มที่ จะไม่ระแวงเจ้าอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเชื่อใจเจ้า”หัวใจที่ตึงเครียดของจิ่งโม่เยี่ยก็ผ่อนคลายลงในทันทีเขากอดนางตอบ “กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง”เขาโน้มตัวลงจูบหน้าผากนางเบาๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักเจ้า”เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็สั่นไหว นางช้อนตามองขึ้นไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนางรู้ว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ล้วนมาจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 996

    ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ฐานะของจิ้งจอกสือซานเหนียง แต่ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจได้หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างจิ้งจอกสือซานเหนียงและเฟิ่งชูอิ่งจิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งถามว่า “เจ้าจะไปไหน? ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอีกมาก”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ข้าจะไปหาที่ขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากร่างกาย พอขับไล่เสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางฝึกฝนวิชาสายชั่วร้ายมากมาย ทำให้พลังชั่วร้ายในร่างกายมีมากเกินไป หากอยู่ใกล้ใครนานๆ จะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างเฟิ่งชูอิ่งจึงเตือนนางว่า “เจ้าอย่าผิดคำพูดล่ะ ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”จิ้งจอกสือซานเหนียงโบกมือแล้วบอกว่า “วางใจเถอะ ข้าจะกลับมาแน่นอน”หลังจากนางเดินออกไปไกลแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็ถอนหายใจยาวๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแยกทางกันให้จิ่งโม่เยี่ยฟังหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเรื่องของเหมยตงยวน เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เพราะรักถลำลึกจึงไม่ยืนยาว เรื่องระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ช่างน่าเศร้า”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ดังนั้นการสื่อสารจึงสำคัญ ต่อไปไม่ว่าจะมี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 995

    สิ้นเสียงของนาง สายฟ้าก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้พลังที่พุ่งพล่านของเขาสลายไปจิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!!!”หลังจากถูกอสนีบาตฟาดใส่อย่างต่อเนื่องห้าครั้ง ร่างวิญญาณของเขาก็จางลงอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ตายเฟิ่งชูอิ่งถึงกับตกใจ ชีวิตของจิ่งสือเยี่ยนช่างแข็งแกร่งเสียจริง!นางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะกลายเป็นเทียนซือคนที่สอง และจะกลายเป็นภัยพิบัติในอนาคตนางกำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเสกยันต์ใส่จิ่งสือเยี่ยนอีกครั้ง แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วกลืนเขาเข้าไปทั้งตัวเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”จิ้งจอกสือซานเหนียงเรอออกมาคำโตแล้วบอกว่า “เขาเป็นอาหารที่ข้าหมายตาไว้แต่แรก”“การปล่อยให้อาหารหลุดมือไป เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเคยจินตนาการถึงความตายของจิ่งสือเยี่ยนไว้หลายแบบ แต่ไม่มีฉากจบแบบนี้อยู่เลยนางได้คงบอกได้แค่ว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเจ๋งสุดยอด!ขณะเดียวกันนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็เดินเข้ามา เขาจ้องมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยความระแวดระวัง มือจับกระบี่เอาไว้ เตรียมพร้อมที่จะฟันจิ้งจอกสือซานเหนียงได้ทุกเมื่อเฟิ่งชูอิ่งบีบมือเขาเบาๆ ให้เขาผ่อนคลายจิ้งจอก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 994

    แต่ทว่าคันธนูของจิ่งสือเยี่ยนเพิ่งจะยกขึ้นมา ก็มีลูกธนูที่เร็วกว่าพุ่งทะลุหัวใจของเขาในทันทีจิ่งสือเยี่ยนมองลูกธนูที่ปักอยู่บนอกด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและเห็นดวงตาที่เย็นชาของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองยังมีระยะห่างต่อกันอยู่แท้ๆ และตำแหน่งที่เขาหลบอยู่ก็เป็นมุมอับที่จิ่งโม่เยี่ยยิงมาไม่ถึงทว่าเพียงแค่อึดใจเดียว จิ่งโม่เยี่ยก็ปรับตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและยิงธนูทะลุหัวใจเขาได้ในนัดเดียวในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนกับจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก แต่ถ้าพูดคุยกันตามปกติก็คงไม่ได้ยินทว่าในเวลาเช่นนี้ จิ่งสือเยี่ยนกลับได้ยินเสียงของจิ่งโม่เยี่ย “คนที่กล้าทำร้ายชูอิ่งต้องตาย!”ก่อนหน้านี้จิ่งสือเยี่ยนคิดแค่ว่าจิ่งโม่เยี่ยดีต่อเฟิ่งชูอิ่งมาก ทว่าตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ซึ้งเรื่องบางอย่างเฟิ่งชูอิ่งไม่ใช่แค่จุดอ่อนของจิ่งโม่เยี่ย แต่เป็นทั้งชีวิตของเขาแต่มาเข้าใจเอาป่านนี้ก็สายไปแล้วในตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นหิมะ นางได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศจึงหันไปมอง และเห็นภาพของจิ่งสือเยี่ยนล้มลงกับพื้นในเวลานี้ เฟิ่งชูอิ่งก็เข้าใจใด้ทันทีว่าในโลกน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 993

    ในเมื่อเขาไม่ได้ราชบัลลังก์และเฟิ่งชูอิ่งมาครอบครอง ราชบัลลังก์เขาอาจจะทำลายไม่ได้ แต่เฟิ่งชูอิ่งแค่คนเดียวเขาทำลายได้แน่นอนองครักษ์สองคนของเขารีบเปลี่ยนมาง้างคันธนูเล็งไปที่เฟิ่งชูอิ่ง ทว่าลูกธนูยังไม่ทันได้ยิงออกไป ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างปัดออกไปอีกครั้งในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนก็พลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันทีตลอดทางที่ผ่านมา วิญญาณร้ายของเฟิ่งชูอิ่งถึงจะมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือ นั่นก็น่าจะมีเหตุผลที่ลงมือไม่ได้วิญญาณร้ายโจมตีองครักษ์ของเขา แต่กลับไม่โจมตีเขา นั่นก็หมายความว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นโจมตีเขาไม่ได้เขานึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่า พลังมังกรของผู้เป็นฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ปราบภูตผีปีศาจได้วิญญาณร้ายไม่โจมตีเขา นั่นแสดงว่าวิญญาณร้ายทำอะไรเขาไม่ได้ แปลว่าเขามีพลังมังกรอยู่ในตัว?ความคิดนี้ทำให้จิตใจเขาฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขารีบหยิบธนูของตัวเองขึ้นมา อดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วยิงธนูไปที่หลังของเฟิ่งชูอิ่งเฉี่ยวหลิงเห็นภาพนี้ก็ตกใจ รีบยื่นมือออกไปเพื่อจะรับลูกธนูนั้นทว่าลูกธนูนั้นเปื้อนเลือดของจิ่งสือเยี่ยน เลือดนั้นเป็นอันตรายต่อวิญญาณร้ายอย่างมาก มือของนางแค่เพียงสัมผ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 992

    หิมะยังคงโปรยปรายลงมา โลกนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหิมะดังฟุ่บฟั่บช่วงใกล้รุ่งสาง ชวีเหลียงอวี่ก็มาปรากฏตัวและเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรออยู่ข้างนอกแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิ่งชูอิ่งก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยนางหันไปบอกกับจิ่งสือเยี่ยนว่า "เมื่อครู่ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว รู้สึกว่าที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง การมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลว"จิ่งสือเยี่ยน “......”หลังจากผ่านมาทั้งคืน นางกลับปลงตกในเรื่องเช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยแต่การที่นางคิดได้ในตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีเขาจึงพูดว่า "หลายสิ่งหลายอย่างทำได้ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น ตายไปแล้วทำไม่ได้""ตราบใดที่เจ้าพาข้าออกจากค่ายกลแห่งนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "ก็ได้ งั้นตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปทำลายค่ายกล"พูดจบนางก็ควบม้านำหน้าไป จิ่งสือเยี่ยนรีบนำทหารตามไปทันทีเพียงแต่พวกเขาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พลังจึงลดลงไปมากเฟิ่งชูอิ่งมียันต์ป้องกันความหนาวติดตัวอยู่จึงไม่รู้สึกหนาว ก่อนหน้านี้ก็นอนหลับมาตลอดทาง ทำให้รักษาพลังงานไว้ได้มากที่สุ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 991

    เขาไม่เคยเจอใครดื้อด้านเท่านางมาก่อน!เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับโทสะ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถตบตีหรือด่าทอนางได้ทั้งนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าอยากไปเจียงหนานไม่ใช่หรือ? พอออกจากที่นี่ได้ ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้า เจ้าก็จะได้ไปชมวิวทิวทัศน์เจียงหนานที่เจ้าอยากเห็น”“เจียงหนานในฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมทั้งงดงามและน่าหลงใหล ถ้าเจ้ายังไม่เคยเห็น ต้องไปดูด้วยตาตัวเองให้ได้เลย”เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนอยู่บนพื้นไม่ยอมลุกขึ้น “ไม่ไป อากาศหนาวเกินไป เดินทางเหนื่อยเกินไป”จิ่งสือเยี่ยน “…...”ตั้งแต่วินาทีที่เขาติดกับอยู่ที่นี่ สถานะระหว่างเขากับเฟิ่งชูอิ่งก็สลับกันโดยสิ้นเชิงเพราะเขามีความทะเยอทะยาน อยากใช้ชีวิตอย่างสุขสบายยิ่งเฟิ่งชูอิ่งแสดงออกว่าอยากตายมากเท่าไหร่ จิ่งสือเยี่ยนก็ยิ่งไม่ยอมให้นางตายมากขึ้นเท่านั้นดังนั้นตอนนี้นางจึงควบคุมเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จการที่นางแสดงท่าทีไม่ยอมทำตามไม่ว่าเขาจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนเช่นนี้ ทำให้เขาแทบเป็นบ้าจิ่งสือเยี่ยนไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าการจับตัวประกันจะน่าอึดอัดขนาดนี้เฟิ่งชูอิ่งนอนเอกเขนกอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจ เหตุผลก็ง่ายๆ นางใช้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 990

    เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วถามว่า “ทางที่ข้าชี้นำ เจ้ากล้าเดินตามหรือ?”เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว นางก็คร้านจะเสแสร้งต่อไปสีหน้าของจิ่งสือเยี่ยนแข็งค้างไปครู่หนึ่ง นางพูดอย่างเฉื่อยชาว่า “เพราะพวกเจ้าติดอยู่ที่นี่ คงรู้สึกหนาวเหน็บและหวาดกลัว”“เจ้าบาดเจ็บ ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แผลของเจ้าจะยิ่งทรุดหนัก”“เจ้ารีบร้อนมารวบรวมกำลังพลของกองกำลังอวี๋ซาน เจ้าคงไม่ได้พกอาหารมาด้วยมากนัก ดังนั้นตอนนี้พวกเจ้าคงหิวมากแล้ว”“ในสถานการณ์เช่นนี้ แค่ข้ากักขังพวกเจ้าไว้ที่นี่ ต่อให้ไม่หนาวตาย พวกเจ้าก็คงอดตายอยู่ดี”ขณะนี้หิมะขาวโพลนโปรยปรายไปทั่ว อากาศหนาวเหน็บ สภาพอากาศเช่นนี้คงจะดำเนินต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเป็นอย่างที่เฟิ่งชูอิ่งบอก พวกเขาเดินทางมาที่นี่โดยไม่ได้พกเสบียงอาหารแห้งหรืออะไรทำนองนั้นมาด้วยเลยด้วยเหตุนี้ตอนที่พวกเขาเดินวนจนครบรอบที่สาม เสบียงอาหารก็หมดลงตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลังจากตกกลางคืน อากาศจะยิ่งหนาวเย็นลง พวกเขาจะยิ่งลำบากมากขึ้นจิ่งสือเยี่ยนชักกระบี่ยาวออกมา “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถบั่นคอเจ้าด้วยกระบี่เล่มนี้ได้!”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มหวานแล้วเอ่ยว่า “เอาเลย ฆ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 989

    เขาคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ได้”หลังจากฆ่าจิ่งโม่เยี่ยแล้ว จะปล่อยนางไปหรือไม่ เรื่องนี้เขาจะเป็นคนตัดสินใจนางเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารู้สึกชอบจริงๆ และนางก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับความล้มเหลวเขารู้ว่านางมีวิธีการบางอย่างที่คนทั่วไปไม่มี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท เขาจะป้อนยาที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงให้นางกินทุกวันเฟิ่งชูอิ่งรู้ทันความคิดของเขา และยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีขณะที่ในใจของนางกำลังครุ่นคิด ครั้งที่แล้วโดนไปขนาดนั้นยังรอดมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาโอกาสฆ่าเขาให้ตายสนิทแบบไม่มีสิทธิ์ฟื้นขึ้นมาอีกนางพลันนึกถึงเรื่องที่เหมยตงยวนวิญญาณแหลกสลายหลังจากรู้ข่าวการตายของเฟิ่งชิงหลิง จิตใจนางจึงหม่นหมองตามไปด้วยนางรู้ว่าเหมยตงยวนรักเฟิ่งชิงหลิงอย่างสุดซึ้ง แต่ไม่คิดว่านั่นจะเป็นรากฐานที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เพราะนางเห็นความรักของพวกเขา นางจึงยิ่งรู้ชัดว่าตัวเองมีความรู้สึกแบบไหนต่อจิ่งโม่เยี่ยในเมื่อรักแล้ว ก็ต้องรักให้สุดหัวใจอย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียใจและทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิดอีกจิ่งสือเยี่ยนไม่ได้ไปตามล่าจิ่งโม่เยี่ยโดยตรง เขาวางแผนท

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status